Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: deleted ที่ พฤศจิกายน 24, 2017, 09:16:23
-
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62297.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62297.0)
ขอบคุณ ทุกความคิดเห็น
Diesel ตัวรองกำลังมาแรง!!
สุดท้ายครับ
ถ้าวัดกันที่ราคา
CX5 2.0SP กับ CX5 2.2 XD
เมื่อใช้ไป สัก 6-7 ปี ราคาขายต่อตัวใหนจะราคาดีกว่า กัน (ใช้ปกติ ไมล์ ณ. ตอนนั้นคง 120,000- 150,000)
-
ถ้าซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกัน
ยังไงราคาขายต่อของตัวดีเซล มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะราคาป้ายแดงมันแพงกว่า เวลาขายมือ 2 มันจะถูกกว่าได้ไง .....
ยังไม่ทันซื้อเลย มาถามหาวันขายแล้วหรือครับ .... ซื้อรถมาใช้ หรือซื้อมารอขายเนี่ย ......
-
ผมว่าราคาส่วนต่างระหว่างเบนซินกับดีเซล มันมีหลายปัจจัยนะครับ
รุ่นไหนราคาแพงกว่า ราคาขายต่อย่อมสูงกว่าแน่ครับ
แต่ต้องรอดูว่า ดีเซลแก้ปัญหาน้ำดันจบหรือยัง ถ้ายังไม่จบ เผลอๆราคาขายต่อแทบไม่ต่างกันครับ
ปล. ถ้าคุณคิดว่ารุ่นไหนจะคุ้มสุด ถ้าเทียบราคาขายต่อ ผมจิ้มไปที่ 2.0C ครับ เจ็บตัวน้อยสุดแน่นอนครับ
-
ผมว่าราคาส่วนต่างระหว่างเบนซินกับดีเซล มันมีหลายปัจจัยนะครับ
รุ่นไหนราคาแพงกว่า ราคาขายต่อย่อมสูงกว่าแน่ครับ
แต่ต้องรอดูว่า ดีเซลแก้ปัญหาน้ำดันจบหรือยัง ถ้ายังไม่จบ เผลอๆราคาขายต่อแทบไม่ต่างกันครับ
ปล. ถ้าคุณคิดว่ารุ่นไหนจะคุ้มสุด ถ้าเทียบราคาขายต่อ ผมจิ้มไปที่ 2.0C ครับ เจ็บตัวน้อยสุดแน่นอนครับ
ขอบคุณครับ ตอบแบบมีข้อคิดเห็นที่ดี ทุกคำตอบอาจเป็นประโยชน์ สำหรับสมาชิก
-
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62297.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62297.0)
ขอบคุณ ทุกความคิดเห็น
Diesel ตัวรองกำลังมาแรง!!
สุดท้ายครับ
ถ้าวัดกันที่ราคา
CX5 2.0SP กับ CX5 2.2 XD
เมื่อใช้ไป สัก 6-7 ปี ราคาขายต่อตัวใหนจะราคาดีกว่า กัน (ใช้ปกติ ไมล์ ณ. ตอนนั้นคง 120,000- 150,000)
ขอบคุณครับ ที่แสดงความคิดเห็น
ผมเชื่อว่าหลายท่าน คงต้องถึงวันขายรถ ไม่วันนั้น มันมาถึง หรืออาจขายรถด้วยปัจจัยต่างกันไป
แต่อย่างไรก็ตามก็ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็น ทุกความคิดเห็น มีข้อคิดเสมอ
-
ผมว่าถ้าเป็นตอนนี้ ราคาดีเซลน่าจะร่วงกว่าครับ เพราะมีปัญหาอยู่ในปัจจุบันขณะ
แต่อนาคตถ้าพิสูจน์ได้ว่าดีเซลไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และคนไม่ค่อยปล่อย ราคาก็จะดีครับ
ทุกอย่างไม่เที่ยงครับ ใช่รถอย่างเป็นสุขตลอดอายุ และให้การขายเป็นอนาคตไปดีกว่าครับ
-
ใช้รถยุคสมัยนี้อย่าไปคิดเรื่องราคาขายต่อมากเลยครับ
คิดแค่ว่า รุ่นไหนจะปล่อยง่ายกว่าก็พอแล้วครับ :D
-
ผมโหวตให้ซื้อ 2.0 เพราะว่ามันคุ้มกว่าครับ ไม่ได้สนราคาขายต่อครับเพราะยังไงก้ร่วงเละเทะอยู่แล้วครับ รถมือ2เดี๋ยวนี้ แล้วนี่mazda ขนาด เจ้าตลาดยังร่วงเยอะขึ้นเลยครับ
-
อีก 6ปี ข้างหน้า ผมว่า ส่วนต่างตอนขาย ไม่น่าจะเกิน 1 แสน
อย่างดี ก็ขอเดาว่า 80,000
ถ้าแนว ผม ก็จะมาหารด้วย จำนวนปีที่ใช้
ให้เยอะสุดคือ 100,000/6ปี =16,666 ต่อปีที่หายไป
ถ้ารับได้จัดตัว 2.2D ไปเลยครับ
ส่วนตัวผม จะมีคันนึง ไว้ทำงาน ไปเที่ยวโดยเฉพาะ
เปลี่ยนรถ ทุก 2-3 ปี ใช้ปีละ ประมาณ 30000 กม
ผมก็จะซื้อตัวกลางหรือต่ำสุดของรุ่นๆนั้นไป
เพราะว่า ราคาขายต่อจะได้ขาดทุนไม่มาก
-
อีก 6ปี ข้างหน้า ผมว่า ส่วนต่างตอนขาย ไม่น่าจะเกิน 1 แสน
อย่างดี ก็ขอเดาว่า 80,000
ถ้าแนว ผม ก็จะมาหารด้วย จำนวนปีที่ใช้
ให้เยอะสุดคือ 100,000/6ปี =16,666 ต่อปีที่หายไป
ถ้ารับได้จัดตัว 2.2D ไปเลยครับ
ส่วนตัวผม จะมีคันนึง ไว้ทำงาน ไปเที่ยวโดยเฉพาะ
เปลี่ยนรถ ทุก 2-3 ปี ใช้ปีละ ประมาณ 30000 กม
ผมก็จะซื้อตัวกลางหรือต่ำสุดของรุ่นๆนั้นไป
เพราะว่า ราคาขายต่อจะได้ขาดทุนไม่มาก
มีเหตุผล สนับสนุน
ขอคุณครับ
-
ถ้าคำนึงถึงราคาขายต่อตัวต่ำสุดได้เปรียบที่สุดครับ
แต่ต้องเอาความพอใจระหว่างที่อยู่กับรถด้วย
หากถือนานแล้วคิดว่าจะตะขิดตะขวงใจหลายๆปีคงไม่ดีแน่ครับ
-
ถ้าข้อมูล ณ ตอนนี้ที่ว่าแก้ปัญหาเครื่องดีเซลแล้ว
ยังไงเครื่องดีเซลก็คงมากกว่าหน่อยจากพละกำลังเครื่องมั้งครับ
ต้องรอให้เวลาพิสูจน์อีกหน่อยว่าของเล่นตัวท็อปจะนำความจุกจิกมาหรือไม่
ถ้าไม่จุกจิกเสียง่าย ซ่อมง่าย ก็อาจจะกลับกัน ยังบอกได้ยากครับตอนนี้
ถ้าปัญหาดีเซลยังไม่จบ กับของเล่นรวนไม่ทน ก็อาจจะดร๊อปมากทั้งคู่ :-[
----
ของใช้พวกรถยนต์นี่เอาความเหมาะสมกับเจ้าของ ณ วันซื้อดีที่สุดครับ
เพราะถึงรู้ว่าดีเซลหรือเบนซินราคาตัวไหนดีกว่า
แต่บังเอิญเจอสถานะการณ์เลวร้ายบางอย่างพวกอุบัติเหตุ อุบัติภัย ก็ไม่สามารถอ้างอิงได้หละ
สรุป บาลานซ์ทุกอย่างทั้งเหตุผลกับความรู้สึกดีๆตอนซื้อ แล้วจัดไปอย่าได้แคร์ ;D
-
ดีเซลได้ราคากว่าครับ แต่กับCX-5นี่ตอบลำบากเพราะมีปัญหากับเครื่องดีเซล
ถ้าไม่อยากเสี่ยง ขับไม่เร็วไปเรื่อยๆ 2.0SPเลย คุ้มมาก
ส่วนตัวผมชอบรถขับสนุกมากกว่าออฟชั่น ถ้าส่วนตัวจะเอนไปทาง2.2 แต่ถ้าเชียร์คนอื่นไป2.0ดีกว่า
ลำพังแค่พวกแทรคชั่น ถุงลม6ใบก็ถมถืดแล้ว
-
ขอบคุณสมาชิกทุกท่านครับ
ส่วนตัว ชอบ 2.2 แต่มีกระแสเรื่อง Diesel ก็ทำไห้รังเลนิดหนึ่ง
ผมใช้รถน้อยมากต่อปี คงมีแนวโน้ม ไปที่ 2.0SP
-
รถมือสองปัจจัยเยอะ นอกจากราคาตั้งแล้ว ยังมีความนิยมในตอนนั้นๆ สภาพรถแต่ละคัน ต่างๆ มากมาย ตีซะว่าราคาไม่หนีกันมากหรอกครับ เคยเจอไหมอ่ะ รุ่นกลางๆ สภาพดีมากๆ กับรุ่นท๊อปสภาพงั้นราคาพอๆ กัน ลองไปดูรถมือสองสังเกตุดูก็มองออกครับ
-
ถ้าซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกัน
ยังไงราคาขายต่อของตัวดีเซล มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะราคาป้ายแดงมันแพงกว่า เวลาขายมือ 2 มันจะถูกกว่าได้ไง .....
ยังไม่ทันซื้อเลย มาถามหาวันขายแล้วหรือครับ .... ซื้อรถมาใช้ หรือซื้อมารอขายเนี่ย ......
อนาคตมันไม่แน่นอน จขก ก็มีสิทธิ์ถามป่าวไหม ทำไมต้องหัวร้อนไปด่าเขาเนี่ย ประสาทว่ะ
-
จะซื้อรถที่ไม่ใช่โตกับฮอน อย่าไปคิดถึงราคาขายต่อมากครับ อีก6ปี ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น เครื่องxมา ถ้าดีเครื่องเก่าก็ราคาตกเยอะ ถ้ามาแล้วปัญหาเยอะ เครื่องเก่าก็ยังเป็นที่ต้องการ ปัจจัยราคารถมือ2อยู่ที่demand and supply
-
รถมือสองปัจจัยเยอะ นอกจากราคาตั้งแล้ว ยังมีความนิยมในตอนนั้นๆ สภาพรถแต่ละคัน ต่างๆ มากมาย ตีซะว่าราคาไม่หนีกันมากหรอกครับ เคยเจอไหมอ่ะ รุ่นกลางๆ สภาพดีมากๆ กับรุ่นท๊อปสภาพงั้นราคาพอๆ กัน ลองไปดูรถมือสองสังเกตุดูก็มองออกครับ
ถ้าซื้อพร้อมกัน ขายพร้อมกัน
ยังไงราคาขายต่อของตัวดีเซล มันดีกว่าอยู่แล้ว เพราะราคาป้ายแดงมันแพงกว่า เวลาขายมือ 2 มันจะถูกกว่าได้ไง .....
ยังไม่ทันซื้อเลย มาถามหาวันขายแล้วหรือครับ .... ซื้อรถมาใช้ หรือซื้อมารอขายเนี่ย ......
อนาคตมันไม่แน่นอน จขก ก็มีสิทธิ์ถามป่าวไหม ทำไมต้องหัวร้อนไปด่าเขาเนี่ย ประสาทว่ะ
ถ้าเข้าใจแก่นแท้ของคำถาม คำตอบก็จะมีประโยชน์ ต่อสมาชิกท่านอื้นที่อาจจะมือใหม่เรื่องรถ แต่ถ้าตีประโยคคำถามไม่ขาด เข้าจะตอบแบบความคิดพื้นฐานที่เขาคิด
ขอบคุณครับ ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ละความคิดแสดงถึง "วุฒิภาวะ"
-
ผมว่า เบนซิน นะครับ มันไม่ค่อยมีอะไรมาเป็นปัจจัยร้ายแรง ไม่เหมือนกับดีเซล ถ้าปัญหายังไม่แก้ให้จบ ก็คงราคาตกมาก ยิ่งรถออกมาเยอะขึ้นด้วย