Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 3720028 ที่ มกราคม 07, 2018, 12:21:37

หัวข้อ: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: 3720028 ที่ มกราคม 07, 2018, 12:21:37
ผมมีความฝันเล็กๆ สำหรับหลายคนแต่ใหญ่มากสำหรับผม
คือได้เป็นเจ้าของรถช่วงราคา 3-4 ล้าน
ซึ่งมันยากสำหรับบุคคลธรรมดา ที่จะทำได้
แต่ผมก็อยากทำให้ได้
ตอนนี้มันมีอยู่สองทฤษฎีคือ
- ซื้อทันทีถ้าเงินดาวน์กับเงินผ่อนส่งไหว แต่จะเหลือกินเหลือใช้รึเปล่า ไม่รู้ (ผมโชคดีตรงที่ พ่อแม่มีเงินดูแลตัวเองได้ ผมอยู่บ้านพ่อแม่ และ คงไม่มีครอบครัว สมัยนี้มันแพงเหลือหลาย (ยกเว้น แฟนรวย เอิ๊กๆ) พูดง่ายๆ ไม่มีภาระใหญ่หรือหนี้สิน จะทำอะไร บ้าๆ ก็คงไม่ต้องเครียดมาก อย่างดีแค่หมดตัว)
หรือ
- เอาเงินทั้งหมดไปลงทุน ความเสี่ยงสูง จำพวกหุ้นหรือกองหุ้น และรอไปสิบยี่สิบปี ช่วงนี้ก็เขียมไปก่อน (โจทย์คือ ตอนนี้อายุยี่สิบปลายๆ งานประจำ เงินเดือนค่อยๆ เพิ่มไป แต่เต็มที่เพดานก็คงไม่ถึงแสน หรืออย่างดีคือ แสนต้นๆ แต่มีข้อดีคือ มั่นคงมากๆ ไม่มีตกงาน เจ็บป่วยรุนแรงเบิกได้)
ถ้าโชคดี ผมก็จะสามารถซื้อรถอย่างที่หมายปองไว้ได้
แต่ถ้าโชคร้ายเงินจม ความฝันนี้ก็คงจบ

แล้วคุณล่ะครับ ถ้าเงินไม่ถึงแสน แต่อยากขี่ 5-series
อยากขี่ NX300h
หรือแม้แต่ MX5
คุณกล้าซื้อมั้ยครับ
ถ้าซื้อ คุณจะเลือกวิธีไหนครับ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: รักเธอเสมอ ที่ มกราคม 07, 2018, 12:29:37
รายได้ถึงครับ แต่ยังขับรถญี่ปุ่นอายุ 10 ปีคันเล็กๆของเมียอยู่เลย !! มันแล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละท่านมั้งครับ ผมขับในเมืองเป็นหลัก ถ้าเที่ยวไกลๆก็นั่งเครื่องไปลงแล้วเช่ารถขับเอา สบายกว่าเยอะเลย
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Turin ที่ มกราคม 07, 2018, 12:33:34
คำตอบตายตัว คงไม่มี ... "ทุน"ที่มองไม่เห็นของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่าง จขกท. ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อแม่ ก็เบาได้ประมาณหนึ่ง ถ้าบ้านมีสมบัติเยอะก็จะเบาขึ้นได้อีกเยอะ

แต่โดยรวม ถามว่าเงินเดือนไม่ถึงแสนผ่อนรถ 3-4 ล้านได้ไหม .. ได้ครับ สนุกไหม ไม่น่าจะสนุกเท่าไหร่ ... ส่วนตัวการใช้ชีวิต สำหรับผมทุกอย่างมันต้อง "สม" กัน ... คือ คนใช้รถ 3-4 ล้าน ควรจะต้องเดินเข้าร้านอาหารร้านไหนๆก็ได้ สั่งอาหารแบบไม่ต้องกังวลเรื่องราคา (แต่จะทำหรือเปล่าคนละเรื่องนะ) สามารถไปเที่ยวยุโรปได้แบบไม่ต้องเก็บเงินรอเป็นปี ฯลฯ

นี่ยังไม่รวมว่า "โอกาส" บางอย่างมันมาพร้อมกับการ "ใช้ชีวิต" และมีสภาพคล่อง ... อย่างกรณีผมเคยได้โอกาสหนึ่งมาจาก"ทุน"ของครอบครัว เสียดายว่ามีสภาพคล่องไม่พอ เลยได้ประโยชน์จากโอกาสที่ได้มาไม่เต็มที่ ...

อีกเรื่องคือ ทำงานลูกจ้าง จริงอยู่อาจไม่รวยมากๆๆ แบบรายได้เดือนละล้าน แต่ระดับเงินเดือนเกินแสน "มีทั่วไป" ครับ ไม่ต้องกลัว

สุดท้ายอยากฝากไว้พิจารณาครับ ... "ยิ่งรีบ ยิ่งช้า"
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: oatekung ที่ มกราคม 07, 2018, 12:35:56
จริงๆที่สำคัญคือ cash flow นะครับ
ลองมองหาช่องทำธุรกิจซัก 4-5 ปี ให้รายได้มาแต่ซัก 4-5แสน ต่อเดือน ก็จะซื้ออย่างสบายใจครับ
ผมว่าอยู่ที่ทางสายกลางนะจะรวยมาก ขับรถกระป๋องวันดีคืนดีโดน 6 ล้อชนตาย
หรือรายได้ไม่ค่อยสูงอยากให้คนยอมรับ ถ้าเป็นหนี้ในการซื้อรถมาก โอกาสเกษียณตัวเองก็ยิ่งช้าออกไปครับ

เอาให้พอดีๆ  ตัวเองกับครอบครัวไม่เดือดร้อน มีเงินเก็บสำหรับเกษียณยามแก่ มีเงินฉุกเฉินยามคนที่เราหรือคนรักเจ็บป่วย    ผมเอาใจช่วยนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: holahola66 ที่ มกราคม 07, 2018, 12:38:59
รายได้เกินครับ ขับMB เก่าๆ ซื้อนานแล้ว คันหน้าคงซื้อแค่งบ ล้านกว่าบาท พอ ครับ ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากรถแพงๆซักเท่าไหร่ครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: M Performance ที่ มกราคม 07, 2018, 12:40:33
อย่าเพิ่งซื้อ

รอหาช่องทางขยับขยายทำธุรกิจ ลงทุนอะไรก่อน

อีก 5 ปีมาคิดกันใหม่

ซื้อตอนนี้มันยัง "ไม่สมฐานะ"

ชีวิตมันยังมีอะไรมากกกว่าเก็บเงินผ่อนรถครับ

Thanks me later ...

หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ มกราคม 07, 2018, 12:48:18
รายได้เกินสองแสน ยังไม่กล้าซื้อรถยุโรปมาขับ

ค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา มันสูงครับ

เสียดายเงิน เพราะผมเกิดมาจน เลยอยากเก็บเงินเผื่อวันข้างหน้าครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: MUK ที่ มกราคม 07, 2018, 12:54:27
เก็บเงินไว้ดีกว่า
รอซื้อแบบเงินสดดีที่สุดครับ
จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้ครับ ขับรุ่นธรรมดาที่ขับดีหรือประโยชน์ใกล้เคียงไปก่อน แล้วจะมีความสุขครับกว่าได้รถที่ฝันไว้แต่เป็นหนี้ครับ
ให้นึกตลอดว่าบนท้องถนนไม่มีใครสนใจรถเราสักเท่าไหร่หรอกมีแต่ผ่านๆ กันไป คุยหรือจอดให้ดูก็ไม่ได้
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: mick ที่ มกราคม 07, 2018, 12:58:52
เอางี้ครับง่ายสุด วันไหนอยากซิ่ง ก็ไปเช่ารายวันรายเดือนมาลองก่อนครับ จะได้ลองเล่นๆก่อนได้ ไม่ต้องซ่อมด้วย
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ มกราคม 07, 2018, 13:01:01
สุดท้ายจบสวยหรือจบด้วยทุกข์ เขาไม่มาเปิดเผยให้เรารู้  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ มกราคม 07, 2018, 13:03:18
อยากขับมากไปเช่าเลยครับ วันละไม่ถึงหมื่นก็มี ลางาน 10 วัน เช่า 10 วัน ขับเที่ยวทั่วไทยเลยแค่นี้ก็ได้ทำตามความฝันแล้วครับ
จะรุ่นไหนก็มีหมด C class , SLK , Series 3 ,5 , Alphard , NX , RX มีหมด
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: InBkk ที่ มกราคม 07, 2018, 13:03:44
เรื่องแบบนี้นานาจิตตังครับ แต่ถ้าในความเห็นผม “อย่าให้รางวัลตัวเองเร็วเกินไป” ครับ

ส่วนตัวผมยอมขับรถธรรมดาไปก่อน แต่เหลือเงินไปกินอาหารดีๆ ซื้อเสื้อผ้าสวยๆ เที่ยวต่างประเทศดีกว่าเอาเงินมาจมกับรถคันเดียว แทนที่จะซื้อป้ายแดง 3-4 ล้าน หาซื้อมือสอง 1 ล้าน+- ก็ได้รถหล่อ ขับดี ไม่ต่างกันมากครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: meeuwarn ที่ มกราคม 07, 2018, 13:07:06
อายุแค่นี้ ถ้าฝันฟุ่มเฟือย ถ้าเจ๋งจริงเก็บซื้อสดไปเลย
นจะขับรถระดับนี 5 6ปีควรจะมีเงินเก็บพอซื้อสดได้ ไม่งั้นบำรุงรักษาไม่ไหว
อย่าคิดถึงเงิน พ่อ แม่ นั่นมันพวกลูกแหง่ เหยีบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
อย่าคิดถึงเงินแฟน นั่นมัน ชีวิตแมงดา

บอกตรงๆ รถนะอย่าไปฝันถึงมันมาก 5ปีมันก็เก่าแล้ว 10ปีก็ขาย
ถ้ามีครอบครัวเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า ซื้อรถไว้ใช้งานอย่าไปฝันหรือรักมันมาก
ถ้าคิดว่าจะโสตตลอดไปและะอยากลองซักครั้งก็เริ่มเก็บตังเลยอีก5ปีก็รู้
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มกราคม 07, 2018, 13:11:48
จริง  ๆ มันทำได้ละครับ ถ้าผ่อนไหว  ตอนนี้ความคิดคุณในช่วงอายุนี้เป็นแบบนี้    ผมก็เคยเป็นอยากได้ละครับ 
          แต่พอคุณอายุ 40 ความคิดมันก็จะเปลี่ยน  ไปอีกแบบนึง     
           เวลาซื้อรถแพง ๆ  ถ้ามีช่วงเวลาดีดีในช่วงก่อนอายุ 30  มันจะมีความสุขและตามฝันได้    จะยิ่งดีถ้าเลยจากนี้ไป อาจเปลี่ยนความคิด
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มกราคม 07, 2018, 13:20:27
อยากขับมากไปเช่าเลยครับ วันละไม่ถึงหมื่นก็มี ลางาน 10 วัน เช่า 10 วัน ขับเที่ยวทั่วไทยเลยแค่นี้ก็ได้ทำตามความฝันแล้วครับ
จะรุ่นไหนก็มีหมด C class , SLK , Series 3 ,5 , Alphard , NX , RX มีหมด
  ผมก็เคยคิดไปเช่าขับนะรถสปอร์ต    แต่ว่ามันไปเจอเวปนึงเหมือนไม่ให้บุคคลเช่าไปขับเอง

พอมีเวปรถเช่าแนะนำบ้างไหมครับ   จริง  ๆ อยากได้รถมือ 2  แพง ๆ ซักคัน  แต่อยากไปมีเวลาลองขับหลาย ๆ วันหน่อยจะได้ตัดสินใจถูก 
อยากลองเช่าขับแบบนี้ละ 
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขับสี่ ที่ มกราคม 07, 2018, 13:34:07
เป็นผมๆแก้ปัญหาด้วยการ หารถคลาสใกล้ๆกับที่อยากได้ แต่หาเป็นมือสอง ก็จะประหยัดเงินไปเป็นล้าน (ถึงจะซ่อมก็ยังคุ้ม ถ้าไม่แจ๊คพ๊อตเจอรุ่น/คันที่มีปัญหาแก้ไม่ตกจริงๆ) อย่าง MX5 ก็หาตัว NC แทนก็ได้ ก็ยังหล่ออยู่ แถมขับสนุก

ที่ทำแบบนี้ เพราะผมได้รับบทเรียนมากับตัวเอง กำลังรุ่งๆอยู่ พอ่แม่เกิดป่วยเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมา ต้องทุ่มค่าใช้จ่าย ทั้งการรักษา ค่าคนดูแล
อันนี้อยากให้คิดเผื่อ worst case ไว้บ้าง

เพราะคนรอบตัวผม ก็ออกรถ 2ล้านกว่ากันเพียบ แต่เป็นผ่อนแบบ บอลลูน (ส่วนใหญ่ก้อนสุดท้ายก็ผ่อนต่อกันอีก)
ถึงจะไม่แนะนำให้ ท่าน จขกท. ทำตาม แต่ก็เป็นตัวเลือกได้เช่นกัน เพราะมันอาจจะช่วยให้เป็นไปได้ง่ายขึ้น และหายใจหายคอคล่องขึ้น

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: BigCat ที่ มกราคม 07, 2018, 13:38:19
“เก็บเงินเยอะ ตายไปใช้ไม่หมด แต่น่าสลดกว่า คือ เงินหมด แต่ยังไม่ตาย”

อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มครับ แล้วแต่คน บางคนยอมอดกิน อดใช้ เพื่อบางอย่าง

ผมว่ากลางๆดีสุดครับ ถ้าไหว ก็จัดเลย ตัวเองรู้ดีสุด
ถ้าไม่ไหว ก็ไม่ต้องฝืน ซื้อได้ แต่อาจะไม่สนุกนัก

ปล เก็บเงินลงทุน เผื่ออนาคตบ้าง ตามสำคัญ( ซึ่งยากสุดคือเราไม่รู้เลยว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่วัน )
ให้รางวัลตัวเองบ้าง แต่ต้องไม่เดือดร้อน เผื่อเงินหมด แก่ขึ้น หาเงินได้ลำบากกว่าตอนหนุ่ม ก็จะลำบากบั้นปลาย
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ มกราคม 07, 2018, 13:45:39
ค่าตัวไม่เท่าไหร่ครับ เก็บเงินนานหน่อย
ตุนเงินก้อนไว้ 2-3 ปี แล้วค่อยซื้อ เหลือผ่อนเดือนนึงไม่มาก
ผมมองว่า "ราคาซื้อ" ไม่ใช่ปัญหา มัน Plan cashflow ได้ง่ายๆ

แต่ที่น่ากังวลคือค่าซ่อม ค่าประกัน ค่าดูแลรักษา
พวกนี้มันมาไม่ทันตั้งตัว คุณรู้มั้ยประกันต่อปีแพงขนาดไหน (3 เท่าของรถญี่ปุ่น)

เข้าศูนย์ รถญี่ปุ่นครั้งล่ะ 2-3 พัน เช็คระยะใหญ่ๆก็หลักหมื่น ไม่เกินนี้
แต่รถยุโรป แพงกว่านั้น 3-4 เท่าหรือมากกว่านั้น

สำหรับผม ถ้าอยากตามฝันจริงๆ ต้องซื้อครับ ซื้อให้รู้ ถ้าจบสวยก็ดีไป จบไม่สวยก็เริ่มใหม่
ก่อนซื้อ วางแผนดีๆ บางทีถ้าเจ็บตัวแต่มีความสุข หรือมองเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ก็น่าลองครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Odrecranon ที่ มกราคม 07, 2018, 13:46:54
จริง ๆ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องส่วนตัวครับ เพราะผมมันอาจตามมาระยะยาว จนถึงเกษียณเลย
 
ทั้้งหมดที่จะเล่า เป็นมุมมองผมนะครับ

ยกตัวอย่างลุงผมเอง ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่วางแผนการเงิน เด็ก ๆ ผมจำได้ว่ามาเที่ยวทีไร กินเลี้ยงหนัก ๆ ทุกวัน หลาน ๆ อยากได้อะไรซื้อให้หมด
ซื้อรถยุโรป 2 คันพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายตอนนี้ ต้องขายรถหมด บ้านติดธนาคาร เปิดร้านกาแฟที่ได้กำไรไม่มากนัก วิ่งวุ่นซื้อของเข้าร้าน ผมยังเคยถูกขอยืมเงิน
ถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนอายุที่ต้องเกษียณ ผมคงรู้สึกล้มเหลวมาก

ผมเองก็เป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ทำงานมา 7 ปีแล้ว ย้อนกลับไปดู รายได้ผมควรจะมีเงินเก็บเยอะแล้ว แต่เงินหายไปไหนหมด มีแต่กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้าน
กับของที่แทบไม่ได้ใช้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผมเริ่มคิดได้ว่า ถ้าหลังเกษียณผมจะเป็นอย่างไร เลยเริ่มศึกษาการวางแผนการเงิน และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่ควรทำให้ได้ครับ

สิ่งที่กระตุ้นผมคือ การไปเจอเพื่อนเก่า ๆ ทีจบมาพร้อม ๆ กัน จริง ๆ ผมมั่นใจว่ารายได้ผมต่อเดือนสูงกว่าเขา เพราะทำ OT เยอะกว่า แต่ที่เขาพูดมา มันทำให้ผมคิดได้
บางคนซื้อที่ดิน 1 ล้าน ขายไปได้ 3 ล้าน บางคนเล่นหุ้นกำไรหลักแสน บางคนเล่นกองทุน เงินในมือเขาเยอะกว่าเรามาก เพราะเขารู้จักวางแผนการเงิน เพื่อนถามผม
ว่าทำลงทุนอะไรบ้าง ผมนี่ไม่รู้จะตอบอะไร มีแต่กองทุน LTF RMF เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมรู้ว่า การที่เงินเดือนเยอะ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะมั่นคงไปจนถึงบั้นปลายครับ

จริง ๆ ผมก็คิดแบบคุณนะครับ คือเงินเดือนผมพอควร ผ่อนรถพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพิ่งเริ่มทำรายจ่ายเดือนที่แล้ว ตกใจว่าผมใช้เงินต่อเดือนเยอะขนาดนี้เลยหรอ ยังมีภาษีที่ต้องจ่ายอีกเยอะมาก รถมันมีแต่ราคาตกเป็นหนี้เสีย แม้มันจะทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน แต่มันก็ไม่ถาวร เงินที่จะไปลงกับรถตอนนี้ไปลงทุนก่อนดีกว่าครับ ไว้มันงอกเงยสัก 40 ก็ยังทัน ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ไม่ต้องลำบากใช้เงิน จะกินอะไรก็กินตอนที่ยังไม่มีโรค จะเที่ยวไหนก็เที่ยวตอนที่ยังไหว ตอนแก่ค่อยเป็นป๋าขับรถหรู ดีกว่าแห้งกรอบตั้งแต่วัยทำงาน อนาคตยังไม่รู้ครับ

สุดท้ายอยากบอกว่าเงินเดือนยิ่งได้เยอะ ยิ่งใช้เยอะครับ เงินเดือน 20000 กินข้าว 40 กับเงินเดือน 200000 กับข้าว 40 มันคนละความรู้สึกกัน สุดท้ายกันเงินตัวเองออกไปเก็บหรือลงทุนก่อน คิดซะว่าเงินเดือนเรา 20000 ครับ อนาคตดูน่าจะสดใจกว่า ไว้อีก 20 ปี ผมจะเล่าให้ฟังครับ ว่าชีวิตผมเป็นยังไง

คำตอบของผมคือยังไม่ซื้อครับ ผมไม่รีบ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขับสี่ ที่ มกราคม 07, 2018, 14:06:08
จริง ๆ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องส่วนตัวครับ เพราะผมมันอาจตามมาระยะยาว จนถึงเกษียณเลย
 
ทั้้งหมดที่จะเล่า เป็นมุมมองผมนะครับ

ยกตัวอย่างลุงผมเอง ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่วางแผนการเงิน เด็ก ๆ ผมจำได้ว่ามาเที่ยวทีไร กินเลี้ยงหนัก ๆ ทุกวัน หลาน ๆ อยากได้อะไรซื้อให้หมด
ซื้อรถยุโรป 2 คันพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายตอนนี้ ต้องขายรถหมด บ้านติดธนาคาร เปิดร้านกาแฟที่ได้กำไรไม่มากนัก วิ่งวุ่นซื้อของเข้าร้าน ผมยังเคยถูกขอยืมเงิน
ถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนอายุที่ต้องเกษียณ ผมคงรู้สึกล้มเหลวมาก

ผมเองก็เป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ทำงานมา 7 ปีแล้ว ย้อนกลับไปดู รายได้ผมควรจะมีเงินเก็บเยอะแล้ว แต่เงินหายไปไหนหมด มีแต่กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้าน
กับของที่แทบไม่ได้ใช้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผมเริ่มคิดได้ว่า ถ้าหลังเกษียณผมจะเป็นอย่างไร เลยเริ่มศึกษาการวางแผนการเงิน และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่ควรทำให้ได้ครับ

สิ่งที่กระตุ้นผมคือ การไปเจอเพื่อนเก่า ๆ ทีจบมาพร้อม ๆ กัน จริง ๆ ผมมั่นใจว่ารายได้ผมต่อเดือนสูงกว่าเขา เพราะทำ OT เยอะกว่า แต่ที่เขาพูดมา มันทำให้ผมคิดได้
บางคนซื้อที่ดิน 1 ล้าน ขายไปได้ 3 ล้าน บางคนเล่นหุ้นกำไรหลักแสน บางคนเล่นกองทุน เงินในมือเขาเยอะกว่าเรามาก เพราะเขารู้จักวางแผนการเงิน เพื่อนถามผม
ว่าทำลงทุนอะไรบ้าง ผมนี่ไม่รู้จะตอบอะไร มีแต่กองทุน LTF RMF เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมรู้ว่า การที่เงินเดือนเยอะ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะมั่นคงไปจนถึงบั้นปลายครับ

จริง ๆ ผมก็คิดแบบคุณนะครับ คือเงินเดือนผมพอควร ผ่อนรถพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพิ่งเริ่มทำรายจ่ายเดือนที่แล้ว ตกใจว่าผมใช้เงินต่อเดือนเยอะขนาดนี้เลยหรอ ยังมีภาษีที่ต้องจ่ายอีกเยอะมาก รถมันมีแต่ราคาตกเป็นหนี้เสีย แม้มันจะทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน แต่มันก็ไม่ถาวร เงินที่จะไปลงกับรถตอนนี้ไปลงทุนก่อนดีกว่าครับ ไว้มันงอกเงยสัก 40 ก็ยังทัน ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ไม่ต้องลำบากใช้เงิน จะกินอะไรก็กินตอนที่ยังไม่มีโรค จะเที่ยวไหนก็เที่ยวตอนที่ยังไหว ตอนแก่ค่อยเป็นป๋าขับรถหรู ดีกว่าแห้งกรอบตั้งแต่วัยทำงาน อนาคตยังไม่รู้ครับ

สุดท้ายอยากบอกว่าเงินเดือนยิ่งได้เยอะ ยิ่งใช้เยอะครับ เงินเดือน 20000 กินข้าว 40 กับเงินเดือน 200000 กับข้าว 40 มันคนละความรู้สึกกัน สุดท้ายกันเงินตัวเองออกไปเก็บหรือลงทุนก่อน คิดซะว่าเงินเดือนเรา 20000 ครับ อนาคตดูน่าจะสดใจกว่า ไว้อีก 20 ปี ผมจะเล่าให้ฟังครับ ว่าชีวิตผมเป็นยังไง

คำตอบของผมคือยังไม่ซื้อครับ ผมไม่รีบ

+1 อ่านแล้วได้อะไรเยอะเลยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: sabuy ที่ มกราคม 07, 2018, 14:12:20
ผมจะซื้อรถ เมื่อผมมีเงินพอที่จะซื้อสดครับ

แต่ตอนซื้อจริง อาจจะผ่อน ถ้าคิดว่า ดอกผ่อน น้อยกว่า ดอกที่ผมจะได้จากไปทำอย่างอื่นครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: rotaryman ที่ มกราคม 07, 2018, 14:18:54
อายุ20ปลายๆผมว่าไม่ต้องรีบขนาดนั่นก็ได้ครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: HappyCar ที่ มกราคม 07, 2018, 14:20:50
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครทำนะครับ ยกเว้นว่าบ้านรวยอยู่แล้วอันนี้ก็อีกเรื่องนึง

เก็บเงินลงทุนก่อนครับ ถ้าต้องการจะซื้อรถประมาณ 3-4 ล้าน

ลงทุนจนมีทรัพย์สินประมาณ 15-20 ล้าน ผมว่าก็ซื้อได้สบายๆแล้วครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: SUBzero ที่ มกราคม 07, 2018, 14:28:42
อย่ารีบร้อน พี่ข้างบนห้ามแล้วนะ :'(
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Teera ที่ มกราคม 07, 2018, 14:28:59
เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อน Line มาบอกว่า BM ขับตอน 30 กับ ตอน 50 ความรู้สึกมันต่างกันนะ ลองมานั่งคิดดู เออ จริง
ถามตัวเอง ทำไมถึงอยากขับ รถราคา 3-4 ล้าน เพราะ ชอบขับรถ เพราะมันปลอดภัย หรือ ขับแล้วมันหล่อ หญิงชอบ

ส่วนตัวชอบขับรถ และ มันหล่อครับ พออายุ 50 ขับรถช้าลง ไม่ต้องไปโชว์หญิงที่ไหน ผมขับอะไรก็ได้ครับ อาจเป็น Ecocar ถ้าไม่มีเงิน แต่ถ้ามีเงิน ก็ซื้อที่ชอบ

แล้วคุณล่ะ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: TheRealMeaw ที่ มกราคม 07, 2018, 14:30:46
หาทางอพยพไปอยู่ประเทศที่มันเจริญแล้วครับ เอาประเทศที่เขาไม่ได้มองว่ารถเป็นของฟุ่มเฟือย เลือกได้เลย ชอบรถหรูราคาถูกก็ไปแคนาดา ชอบรถเก่าหน่อยก็ไปยุโรปหรือนิวซีแลนด์ รายได้เยอะขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย ถามว่าลำบากไหม ลำบาก ลำบากมาก แต่ผมว่าลำบากน้อยกว่าเก็บเงินให้ได้ในประเทศนี้ ติดอย่างเดียวคือประเทศพวกนี้ก็จะไม่ได้มองว่ารถที่พวกเรามองว่าหรู ว่ามันหรู เพราะเขาขายกันที่มูลค่าจริงๆของพวกมัน

ถ้าอยากจะมีชีวิตดีๆแล้ว เอาให้มันสุดครับ เงินเดือนระดับที่คิดจะซื้อรถพวกนี้ได้ คุณก็มีศักยภาพพอที่จะไปมีชีวิตดีๆที่อื่นได้ครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: ChiLun ที่ มกราคม 07, 2018, 14:58:04
สำหรับ จขกท ผมว่ามันเสี่ยงไปหน่อยครับ

ใจเย็นๆ รอให้พร้อมก็ยังไม่สาย ดีกว่าเป็นทุกข์ ไปไม่รอดทั้งคนทั้งรถ แบบนี้มีเยอะ เหนื่อยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: TONYP ที่ มกราคม 07, 2018, 15:04:07
รถราคา 3-4 ล้านต่อเดือน
เงินเดือนต่ำกว่าแสน ไฟแน้นซ์ไม่ให้ผ่านหรอกครับ

รถในฝันมีได้ครับ แต่ระวังจะเป็นฝันร้ายครับ

ผมใช้เกณฑ์ตามนี้นะเวลาจะซื้อรถ
1. มีเงินสดดาวน์ 30% แล้วมีเหลือไม่ใช่หมดตัว
2. งวดผ่อนห้ามเกิน 5 ปี
3. ค่างวดไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน เพราะมันจะมี คชจ มากมายทั้งน้ำมัน ประกัน service ต่างๆ มาอีกทุกปี
4. ห้ามผ่อนบอลลูนเด็ดขาด

ไม่ได้ตามนี้มันก็ซื้อได้ แต่ผมว่าจะเหนื่อยมากๆ นะ

ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกันกับพวกที่มาตั้งว่า ซื้อรถ 3ล้าน ต้องมีเงินสด 30ล้านอะไรแบบนี้ มันดูเวอร์เกิ้น

และการเก็บเงินซื้อเงินสด เป็นเรื่องของคนที่มีเงินสดมากๆ ถ้าไม่มีเงิน
การเอาเงินสด 3 ล้าน ไปลงกับรถเพราะกลัวดอกเบี้ย ไม่กี่แสน ขายทิ้งเงินหายไปเท่าไหร่
เอาเงินสด 3 ล้านลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยรถคุ้มกว่าครับ

ผมยอมมีเงิน 3 ล้าน แล้วกู้ผ่อน ดีกว่ามีเงินเหลือหลักแสน ได้รถยนต์มาคันโดยที่มูลค่า 3 ล้านของมันที่ซื้อสดตกลงทุกวันครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: ABUSEz ที่ มกราคม 07, 2018, 15:37:04
ผมก็มีความฝันเหมือน จขกท ครับ
ผมชอบขับรถ และใฝ่ฝันอยากจะมี BMW เป็นของตัวเองสักคัน และผมว่าผู้ชายอีกหลายๆคนก็คงมีความฝันในลักษณะนี้
ตอนนี้ผมพึ่งเรียนจบและพึ่งเริ่มทำงาน ก็อยากมียุโรปเป็นของตัวเองในช่วงที่ยังรู้สึกสนุกกับการขับรถอยู่เหมือนกันครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างต้องอยู่บนความพอดี ไม่ตึงเกินไปหรือซื้อแล้วจะทำให้ชีวิตลำบาก
ถึงจะเป็นฝันตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตครับ ผมคงซื้อเมื่อรู้สึกว่า ซื้อแล้วจะไม่ทำให้ชีวิตตัวเองลำบากกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: tleema ที่ มกราคม 07, 2018, 16:05:10
ซื้อรถราคานี้ กับค่าดูแล เอาเงินไปดูแลพ่อแม่ให้สบาย พาไปเที่ยว ตปท เก็บไว้ให้ท่านยามเจ็บป่วย ดูน่าสนใจกว่า

เรื่องความฝัน กับเรื่องที่ต้องทำ ผมเลือกเรื่องที่ต้องทำมาก่อน
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: ยิ้มละไม ที่ มกราคม 07, 2018, 16:48:56
ถ้า จขกท. มีอายุมากขึ้นสัก 40 ปลาย ๆ มุมมองอันนี้จะเปลี่ยนไปครับ คนเรามักจะมีความความฝัน มีความอยากได้ รถหรู สวย ถูกใจ แต่ในความเป็นจริง เราอาจจะไม่สามารถเอื้อมถึงความฝันได้ ถ้าเราทำความเข้าใจความต้องการ เลือกรถที่เหมาะสมแล้ว ไม่ต้องนำมาเพื่อความทุกข์ในภายหลัง ซื้อรถหรู ค่าดูแลรักษาก็ตามสภาพรถ เอาเงินไปลงทุน วันหลังเมื่อร่ำรวย จะออกที่หรูกว่านี้ ก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้สร้างความทุกข์ให้กับตนเอง
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: pforu ที่ มกราคม 07, 2018, 16:58:28
ซื้อรถราคานี้ กับค่าดูแล เอาเงินไปดูแลพ่อแม่ให้สบาย พาไปเที่ยว ตปท เก็บไว้ให้ท่านยามเจ็บป่วย ดูน่าสนใจกว่า

เรื่องความฝัน กับเรื่องที่ต้องทำ ผมเลือกเรื่องที่ต้องทำมาก่อน
+1
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ มกราคม 07, 2018, 17:08:41
จริง ๆ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องส่วนตัวครับ เพราะผมมันอาจตามมาระยะยาว จนถึงเกษียณเลย
 
ทั้้งหมดที่จะเล่า เป็นมุมมองผมนะครับ

ยกตัวอย่างลุงผมเอง ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่วางแผนการเงิน เด็ก ๆ ผมจำได้ว่ามาเที่ยวทีไร กินเลี้ยงหนัก ๆ ทุกวัน หลาน ๆ อยากได้อะไรซื้อให้หมด
ซื้อรถยุโรป 2 คันพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายตอนนี้ ต้องขายรถหมด บ้านติดธนาคาร เปิดร้านกาแฟที่ได้กำไรไม่มากนัก วิ่งวุ่นซื้อของเข้าร้าน ผมยังเคยถูกขอยืมเงิน
ถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนอายุที่ต้องเกษียณ ผมคงรู้สึกล้มเหลวมาก

ผมเองก็เป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ทำงานมา 7 ปีแล้ว ย้อนกลับไปดู รายได้ผมควรจะมีเงินเก็บเยอะแล้ว แต่เงินหายไปไหนหมด มีแต่กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้าน
กับของที่แทบไม่ได้ใช้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผมเริ่มคิดได้ว่า ถ้าหลังเกษียณผมจะเป็นอย่างไร เลยเริ่มศึกษาการวางแผนการเงิน และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่ควรทำให้ได้ครับ

สิ่งที่กระตุ้นผมคือ การไปเจอเพื่อนเก่า ๆ ทีจบมาพร้อม ๆ กัน จริง ๆ ผมมั่นใจว่ารายได้ผมต่อเดือนสูงกว่าเขา เพราะทำ OT เยอะกว่า แต่ที่เขาพูดมา มันทำให้ผมคิดได้
บางคนซื้อที่ดิน 1 ล้าน ขายไปได้ 3 ล้าน บางคนเล่นหุ้นกำไรหลักแสน บางคนเล่นกองทุน เงินในมือเขาเยอะกว่าเรามาก เพราะเขารู้จักวางแผนการเงิน เพื่อนถามผม
ว่าทำลงทุนอะไรบ้าง ผมนี่ไม่รู้จะตอบอะไร มีแต่กองทุน LTF RMF เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมรู้ว่า การที่เงินเดือนเยอะ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะมั่นคงไปจนถึงบั้นปลายครับ

จริง ๆ ผมก็คิดแบบคุณนะครับ คือเงินเดือนผมพอควร ผ่อนรถพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพิ่งเริ่มทำรายจ่ายเดือนที่แล้ว ตกใจว่าผมใช้เงินต่อเดือนเยอะขนาดนี้เลยหรอ ยังมีภาษีที่ต้องจ่ายอีกเยอะมาก รถมันมีแต่ราคาตกเป็นหนี้เสีย แม้มันจะทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน แต่มันก็ไม่ถาวร เงินที่จะไปลงกับรถตอนนี้ไปลงทุนก่อนดีกว่าครับ ไว้มันงอกเงยสัก 40 ก็ยังทัน ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ไม่ต้องลำบากใช้เงิน จะกินอะไรก็กินตอนที่ยังไม่มีโรค จะเที่ยวไหนก็เที่ยวตอนที่ยังไหว ตอนแก่ค่อยเป็นป๋าขับรถหรู ดีกว่าแห้งกรอบตั้งแต่วัยทำงาน อนาคตยังไม่รู้ครับ

สุดท้ายอยากบอกว่าเงินเดือนยิ่งได้เยอะ ยิ่งใช้เยอะครับ เงินเดือน 20000 กินข้าว 40 กับเงินเดือน 200000 กับข้าว 40 มันคนละความรู้สึกกัน สุดท้ายกันเงินตัวเองออกไปเก็บหรือลงทุนก่อน คิดซะว่าเงินเดือนเรา 20000 ครับ อนาคตดูน่าจะสดใจกว่า ไว้อีก 20 ปี ผมจะเล่าให้ฟังครับ ว่าชีวิตผมเป็นยังไง

คำตอบของผมคือยังไม่ซื้อครับ ผมไม่รีบ

ลงทุนเนี่ยผมแนะนำว่าถนัดอะไรเล่นแค่นั้นพอครับ อย่าโลภเล่นหลายอย่าง ถ้าจะเล่นหลายอย่างเอาแค่เป็นน้ำจิ้มนิดหน่อยพอชนิดเจ๊งแล้วไม่เป็นอะไร อย่างที่ดินเนี่ยโอกาสติดดอยสูงมาก โอกาสเก็งถูกกับผิดพอๆกันแต่ข้อดีคือถึงติดดอยเก็บไว้มูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เงินจะจมนานและเยอะครับ บ้านผมเคยขายนานสุดเป็นสิบปีแต่ซื้อมาแค่เงินหมื่นขายได้เกือบล้าน เพื่อนผมถนัดกองทุนก็เล่นแต่กองทุนกำไรเดือนนึงก็บานครับ มีไปซื้อทีเก็บไว้เก็งกำไรบ้างนิดหน่อย อีกคนถัดหุ้นได้มั่งเสียมั่งปนๆกันไปแต่รวมๆแล้วก็อยู่ได้สบาย ไปลงทุนอย่างอื่นเล็กน้อยเผื่อตอนติดดอยจะได้ไม่ลำบากมาก และคุณต้องอย่าลืมว่าเวลาเจอเพื่อนกันเราจะโม้แต่เรื่องดีๆกันเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเรื่องปัญหาหรอกครับถ้าไม่ซี้กันจริงๆ อย่างกลุ่มเพื่อนที่ผมว่าเวลาคุยกับเพื่อนกลุ่มใหญ่เค้าก็ไม่พูดเรื่องปัญหากันเหมือนกันคุยแต่เรื่องดีๆเข้าไว้ คุยแค่เฉพาะกลุ่มซี้กันเท่านั้นเวลามีปัญหา
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ มกราคม 07, 2018, 17:33:12
เงินไม่ถึงแสน ซื้อรถสามสี่ล้านไม่น่ากลัวครับ

แต่ถ้าซื้อรถ ล้านห้าเครื่องดีเซล อาจจะไม่พอ ค่าโดนฟ้องเก้าสิบกว่าล้านครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: TRcdi ที่ มกราคม 07, 2018, 17:38:46
จริง ๆ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องส่วนตัวครับ เพราะผมมันอาจตามมาระยะยาว จนถึงเกษียณเลย
 
ทั้้งหมดที่จะเล่า เป็นมุมมองผมนะครับ

ยกตัวอย่างลุงผมเอง ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่วางแผนการเงิน เด็ก ๆ ผมจำได้ว่ามาเที่ยวทีไร กินเลี้ยงหนัก ๆ ทุกวัน หลาน ๆ อยากได้อะไรซื้อให้หมด
ซื้อรถยุโรป 2 คันพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายตอนนี้ ต้องขายรถหมด บ้านติดธนาคาร เปิดร้านกาแฟที่ได้กำไรไม่มากนัก วิ่งวุ่นซื้อของเข้าร้าน ผมยังเคยถูกขอยืมเงิน
ถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนอายุที่ต้องเกษียณ ผมคงรู้สึกล้มเหลวมาก

ผมเองก็เป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ทำงานมา 7 ปีแล้ว ย้อนกลับไปดู รายได้ผมควรจะมีเงินเก็บเยอะแล้ว แต่เงินหายไปไหนหมด มีแต่กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้าน
กับของที่แทบไม่ได้ใช้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผมเริ่มคิดได้ว่า ถ้าหลังเกษียณผมจะเป็นอย่างไร เลยเริ่มศึกษาการวางแผนการเงิน และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่ควรทำให้ได้ครับ

สิ่งที่กระตุ้นผมคือ การไปเจอเพื่อนเก่า ๆ ทีจบมาพร้อม ๆ กัน จริง ๆ ผมมั่นใจว่ารายได้ผมต่อเดือนสูงกว่าเขา เพราะทำ OT เยอะกว่า แต่ที่เขาพูดมา มันทำให้ผมคิดได้
บางคนซื้อที่ดิน 1 ล้าน ขายไปได้ 3 ล้าน บางคนเล่นหุ้นกำไรหลักแสน บางคนเล่นกองทุน เงินในมือเขาเยอะกว่าเรามาก เพราะเขารู้จักวางแผนการเงิน เพื่อนถามผม
ว่าทำลงทุนอะไรบ้าง ผมนี่ไม่รู้จะตอบอะไร มีแต่กองทุน LTF RMF เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมรู้ว่า การที่เงินเดือนเยอะ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะมั่นคงไปจนถึงบั้นปลายครับ

จริง ๆ ผมก็คิดแบบคุณนะครับ คือเงินเดือนผมพอควร ผ่อนรถพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพิ่งเริ่มทำรายจ่ายเดือนที่แล้ว ตกใจว่าผมใช้เงินต่อเดือนเยอะขนาดนี้เลยหรอ ยังมีภาษีที่ต้องจ่ายอีกเยอะมาก รถมันมีแต่ราคาตกเป็นหนี้เสีย แม้มันจะทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน แต่มันก็ไม่ถาวร เงินที่จะไปลงกับรถตอนนี้ไปลงทุนก่อนดีกว่าครับ ไว้มันงอกเงยสัก 40 ก็ยังทัน ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ไม่ต้องลำบากใช้เงิน จะกินอะไรก็กินตอนที่ยังไม่มีโรค จะเที่ยวไหนก็เที่ยวตอนที่ยังไหว ตอนแก่ค่อยเป็นป๋าขับรถหรู ดีกว่าแห้งกรอบตั้งแต่วัยทำงาน อนาคตยังไม่รู้ครับ

สุดท้ายอยากบอกว่าเงินเดือนยิ่งได้เยอะ ยิ่งใช้เยอะครับ เงินเดือน 20000 กินข้าว 40 กับเงินเดือน 200000 กับข้าว 40 มันคนละความรู้สึกกัน สุดท้ายกันเงินตัวเองออกไปเก็บหรือลงทุนก่อน คิดซะว่าเงินเดือนเรา 20000 ครับ อนาคตดูน่าจะสดใจกว่า ไว้อีก 20 ปี ผมจะเล่าให้ฟังครับ ว่าชีวิตผมเป็นยังไง

คำตอบของผมคือยังไม่ซื้อครับ ผมไม่รีบ

+1 อ่านแล้วได้อะไรเยอะเลยครับ

+1 ชอบครับ 

ตอบจขกท.  ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ
ทุกวันนี้ผมเปิดเวปรถมือสอง
ชอบดูรถแพงๆ แทบทุกรุ่น
แต่ไม่กล้าเปิดดูรุ่นที่ตัวเองใช้อยู่
มันสะเทือนใจ 55

ถ้าไม่ซื้อ แล้วไม่เครียดมาก
ยังไม่ต้องซื้อ  เพราะถ้าซื้อจะเครียดกว่า
รุ่นใหม่มาเรื่อยๆ ดีขึ้นๆ  ซักวันก็เป็นของเรา
(ถ้าขยันและไปถูกทาง)
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: babybigman ที่ มกราคม 07, 2018, 18:40:42
แชร์เพื่อเป็นแนวคิดนะ
ตอนผมอายุน้อยโสด
เงินเดือน 3 หมื่นกว่า
ผมซื้อรถราคา 2.8 ล้านบาท(สมัยนั้น)
ไม่มีอะไรให้ห่วงหน้าพะวงหลัง
ใช้อารมณ์ตัดสินใจ

ตอนนี้รายได้มากกว่านั้นหลายเท่า แต่อายุก็มากขึ้นพอสมควร
ผมกลับซื้อรถราคาแค่ 1.7-1.8 ล้านบาท
เพราะเริ่มใช้เหตุผลตัดสินใจ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: sukhontha ที่ มกราคม 07, 2018, 18:42:32
นานาจิตตัง  คนไม่เท่ากัน  ความคิด  วัยวุฒิ ฯลฯ  เวลาเปลี่ยน  จุดยืนก็เปลี่ยน

  เก็บเงินดีกว่า  ผมในฝันคือมัสแตง..ปัจจุบัน  ซื้อเงินสดได้   แต่ไม่ซื้อ  ยังใช้รถมือสองคันละสองสามแสน

 มันยังอยู่ในฝันต่อไป

              ลงทุน  อย่าโลภ   ตอนนี้ปลายคลื่นลูกนี้แล้วครับ  อันตรายจะมาเยือน  ปีนี้เป็นปีปราบเซียนอีกปี...
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: kiyokuka ที่ มกราคม 07, 2018, 18:46:39
ผมไม่แน่ใจว่าคุณ จขกท อายุเท่าไร แต่ผมจะตอบในฐานะที่ผมอายุ ยิี่สิบปลายๆ

ถ้าคุณ จขกท ชอบ อยากได้ และสามารถผ่อนไหวจนครบ และ ไม่เดือดร้อนในระยะยาว จัดไปเลยครับ ขับตอนนี้กับอนาคต ความรู้สึกไม่เหมือนกันนะครับ

แต่ถ้าเงินค่อนข้างฟิตแต่ผ่อนไหว
ผมแนะนำให้ลองแบบนี้ดูครับ ทิ้งไว้ 1 เดือน แล้วกลับมาดูใหม่ว่าอยากได้ไหม ถ้าอยากได้ทิ้งไว้อีก 2 เดือน ถ้าอยากได้อยู่ทิ้งไว้อีก 3 เดือน ถ้าอยากได้จัดเลยครับ เพราะ 3 ครั้ง 6 เดือน แล้วความอยากได้ยังอยู่แสดงว่าเราอยากได้จริงๆ

ที่หลายๆคนบอกให้เก็บเงินไว้ลงทุน ถ้า จขกท ไม่มีความรู้เรื่องลงทุน หรือ ไม่ถนัด แนะนำอย่าครับหลายคนรอบตัวเจ๊งมาเยอะครับ อันไหนที่เราไม่ถนัดอย่าแหยมเข้าไปครับ 100 คนลงทุน มีแค่ไม่กี่คนที่จะได้เงินกับมาเป็นกอบเป็นกำนะครับ ไม่งั้นคนรวยกันทุกคนแล้วครับ

เอาที่ใจต้องการแต่ต้องไม่เดือดร้อนเราในอนาคตนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: koko86 ที่ มกราคม 07, 2018, 19:04:04
จริง ๆ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องส่วนตัวครับ เพราะผมมันอาจตามมาระยะยาว จนถึงเกษียณเลย
 
ทั้้งหมดที่จะเล่า เป็นมุมมองผมนะครับ

ยกตัวอย่างลุงผมเอง ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง แต่ไม่วางแผนการเงิน เด็ก ๆ ผมจำได้ว่ามาเที่ยวทีไร กินเลี้ยงหนัก ๆ ทุกวัน หลาน ๆ อยากได้อะไรซื้อให้หมด
ซื้อรถยุโรป 2 คันพร้อม ๆ กัน แต่สุดท้ายตอนนี้ ต้องขายรถหมด บ้านติดธนาคาร เปิดร้านกาแฟที่ได้กำไรไม่มากนัก วิ่งวุ่นซื้อของเข้าร้าน ผมยังเคยถูกขอยืมเงิน
ถ้าต้องมาทำอะไรแบบนี้ ตอนอายุที่ต้องเกษียณ ผมคงรู้สึกล้มเหลวมาก

ผมเองก็เป็นเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ทำงานมา 7 ปีแล้ว ย้อนกลับไปดู รายได้ผมควรจะมีเงินเก็บเยอะแล้ว แต่เงินหายไปไหนหมด มีแต่กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้าน
กับของที่แทบไม่ได้ใช้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผมเริ่มคิดได้ว่า ถ้าหลังเกษียณผมจะเป็นอย่างไร เลยเริ่มศึกษาการวางแผนการเงิน และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่ควรทำให้ได้ครับ

สิ่งที่กระตุ้นผมคือ การไปเจอเพื่อนเก่า ๆ ทีจบมาพร้อม ๆ กัน จริง ๆ ผมมั่นใจว่ารายได้ผมต่อเดือนสูงกว่าเขา เพราะทำ OT เยอะกว่า แต่ที่เขาพูดมา มันทำให้ผมคิดได้
บางคนซื้อที่ดิน 1 ล้าน ขายไปได้ 3 ล้าน บางคนเล่นหุ้นกำไรหลักแสน บางคนเล่นกองทุน เงินในมือเขาเยอะกว่าเรามาก เพราะเขารู้จักวางแผนการเงิน เพื่อนถามผม
ว่าทำลงทุนอะไรบ้าง ผมนี่ไม่รู้จะตอบอะไร มีแต่กองทุน LTF RMF เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมรู้ว่า การที่เงินเดือนเยอะ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะมั่นคงไปจนถึงบั้นปลายครับ

จริง ๆ ผมก็คิดแบบคุณนะครับ คือเงินเดือนผมพอควร ผ่อนรถพวกนี้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพิ่งเริ่มทำรายจ่ายเดือนที่แล้ว ตกใจว่าผมใช้เงินต่อเดือนเยอะขนาดนี้เลยหรอ ยังมีภาษีที่ต้องจ่ายอีกเยอะมาก รถมันมีแต่ราคาตกเป็นหนี้เสีย แม้มันจะทำให้เรามีความสุขได้ทุกวัน แต่มันก็ไม่ถาวร เงินที่จะไปลงกับรถตอนนี้ไปลงทุนก่อนดีกว่าครับ ไว้มันงอกเงยสัก 40 ก็ยังทัน ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ไม่ต้องลำบากใช้เงิน จะกินอะไรก็กินตอนที่ยังไม่มีโรค จะเที่ยวไหนก็เที่ยวตอนที่ยังไหว ตอนแก่ค่อยเป็นป๋าขับรถหรู ดีกว่าแห้งกรอบตั้งแต่วัยทำงาน อนาคตยังไม่รู้ครับ

สุดท้ายอยากบอกว่าเงินเดือนยิ่งได้เยอะ ยิ่งใช้เยอะครับ เงินเดือน 20000 กินข้าว 40 กับเงินเดือน 200000 กับข้าว 40 มันคนละความรู้สึกกัน สุดท้ายกันเงินตัวเองออกไปเก็บหรือลงทุนก่อน คิดซะว่าเงินเดือนเรา 20000 ครับ อนาคตดูน่าจะสดใจกว่า ไว้อีก 20 ปี ผมจะเล่าให้ฟังครับ ว่าชีวิตผมเป็นยังไง

คำตอบของผมคือยังไม่ซื้อครับ ผมไม่รีบ

+1 อ่านแล้วได้อะไรเยอะเลยครับ

เด็ด
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มกราคม 07, 2018, 19:18:47
ผมไม่แน่ใจว่าคุณ จขกท อายุเท่าไร แต่ผมจะตอบในฐานะที่ผมอายุ ยิี่สิบปลายๆ

ถ้าคุณ จขกท ชอบ อยากได้ และสามารถผ่อนไหวจนครบ และ ไม่เดือดร้อนในระยะยาว จัดไปเลยครับ ขับตอนนี้กับอนาคต ความรู้สึกไม่เหมือนกันนะครับ

แต่ถ้าเงินค่อนข้างฟิตแต่ผ่อนไหว
ผมแนะนำให้ลองแบบนี้ดูครับ ทิ้งไว้ 1 เดือน แล้วกลับมาดูใหม่ว่าอยากได้ไหม ถ้าอยากได้ทิ้งไว้อีก 2 เดือน ถ้าอยากได้อยู่ทิ้งไว้อีก 3 เดือน ถ้าอยากได้จัดเลยครับ เพราะ 3 ครั้ง 6 เดือน แล้วความอยากได้ยังอยู่แสดงว่าเราอยากได้จริงๆ

ที่หลายๆคนบอกให้เก็บเงินไว้ลงทุน ถ้า จขกท ไม่มีความรู้เรื่องลงทุน หรือ ไม่ถนัด แนะนำอย่าครับหลายคนรอบตัวเจ๊งมาเยอะครับ อันไหนที่เราไม่ถนัดอย่าแหยมเข้าไปครับ 100 คนลงทุน มีแค่ไม่กี่คนที่จะได้เงินกับมาเป็นกอบเป็นกำนะครับ ไม่งั้นคนรวยกันทุกคนแล้วครับ

เอาที่ใจต้องการแต่ต้องไม่เดือดร้อนเราในอนาคตนะครับ
เห็นด้วยครับ  รถสปอร์ตถ้าขับตอนนี้กับตอนอายุ 40  แตกต่างกันแน่นอน   แต่สุดท้ายคุณต้องไหวในการผ่อนก่อนนะครับอย่าตึงเกินไป   เรื่องลงทุนก็ตามท่านว่าเลย   
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: 3720028 ที่ มกราคม 07, 2018, 19:53:36
กลับมาอ่าน ได้ข้อคิดอะไรเยอะเลยครับ
แรกเลย ผมเห็นพวกโปรโมชั่นรถสมัยนี้ อย่างบีเอ็ม 5 ดาวน์เจ็ดแปดแสน และผ่อนเอาเดือนละ สี่หมื่น
มันเป็นตัวเลขที่คิดว่า เออ ก็น่าจะไหว
แล้วผมคิดว่า ไฟแนนซ์น่าจะให้ผ่านด้วยครับ ผมสาย ข้าราชการ ที่มั่นคงมาก ค่าตอบแทนสูงกว่าข้าราชการกลุ่มอื่น ก็เหลืออยู่ไม่กี่อาชีพครับ
แต่ก็จริงที่ว่าซื้อแล้ว ก็คงไม่เหลืออะไรเลย จริงๆ ครับ

บางทีคงยังไม่ถึงเวลาจริงๆ คงต้องเก็บเงินไปก่อน
แต่ผมจริงจังนะครับ สักวันหนึ่งคงจะได้เป็นเจ้าของ
เพราะผมมองว่า ถ้าไม่มีภาระอะไรหนักๆในชีวิต เราก็มีแต้มต่อมากกว่าคนอื่นเขาที่มีรายได้ในระดับเดียวกับเรา
แต่มันก็ยังเอื้อมไม่ถึงดีจริงๆ ครับ

ผมอายุ ยี่สิบปลายๆ ครับ เหลือเวลาทำงานอีกราวสามสิบปีถ้าไม่เกษียณก่อน
ถ้าไม่เสี่ยงเลย หรือลงทุนความเสี่ยงต่ำ เงินคงถึงสิบถึงสิบห้าล้านได้ น่าจะราวๆ 60 ตอนนั้นก็ไม่อยากได้รถแล้วมั้งครับ
ถ้าเสี่ยงสูง ก็เป็นไปได้ว่ารวย ก็ได้ซื้อ แต่ถ้าหมดตัว จบครับ
เพราะฉะนั้นตอนนี้มันคือการเลือกระหว่างซื้อทันทีเมื่อเงินถึง (ไม่ได้หมายถึงตอนนี้นะครับ อาจจะอีก 5-10 ปี เพราะผมพึ่งซื้อคอมแพคคาร์มาไม่ถึงปี) หรือรอไปก่อนให้มีเงินมากกว่าราคารถประมาณนึง แล้วค่อยซื้อ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มกราคม 07, 2018, 20:16:54
กลับมาอ่าน ได้ข้อคิดอะไรเยอะเลยครับ
แรกเลย ผมเห็นพวกโปรโมชั่นรถสมัยนี้ อย่างบีเอ็ม 5 ดาวน์เจ็ดแปดแสน และผ่อนเอาเดือนละ สี่หมื่น
มันเป็นตัวเลขที่คิดว่า เออ ก็น่าจะไหว
แล้วผมคิดว่า ไฟแนนซ์น่าจะให้ผ่านด้วยครับ ผมสาย ข้าราชการ ที่มั่นคงมาก ค่าตอบแทนสูงกว่าข้าราชการกลุ่มอื่น ก็เหลืออยู่ไม่กี่อาชีพครับ
แต่ก็จริงที่ว่าซื้อแล้ว ก็คงไม่เหลืออะไรเลย จริงๆ ครับ

บางทีคงยังไม่ถึงเวลาจริงๆ คงต้องเก็บเงินไปก่อน
แต่ผมจริงจังนะครับ สักวันหนึ่งคงจะได้เป็นเจ้าของ
เพราะผมมองว่า ถ้าไม่มีภาระอะไรหนักๆในชีวิต เราก็มีแต้มต่อมากกว่าคนอื่นเขาที่มีรายได้ในระดับเดียวกับเรา
แต่มันก็ยังเอื้อมไม่ถึงดีจริงๆ ครับ

ผมอายุ ยี่สิบปลายๆ ครับ เหลือเวลาทำงานอีกราวสามสิบปีถ้าไม่เกษียณก่อน
ถ้าไม่เสี่ยงเลย หรือลงทุนความเสี่ยงต่ำ เงินคงถึงสิบถึงสิบห้าล้านได้ น่าจะราวๆ 60 ตอนนั้นก็ไม่อยากได้รถแล้วมั้งครับ
ถ้าเสี่ยงสูง ก็เป็นไปได้ว่ารวย ก็ได้ซื้อ แต่ถ้าหมดตัว จบครับ
เพราะฉะนั้นตอนนี้มันคือการเลือกระหว่างซื้อทันทีเมื่อเงินถึง (ไม่ได้หมายถึงตอนนี้นะครับ อาจจะอีก 5-10 ปี เพราะผมพึ่งซื้อคอมแพคคาร์มาไม่ถึงปี) หรือรอไปก่อนให้มีเงินมากกว่าราคารถประมาณนึง แล้วค่อยซื้อ
  เดาว่าคงเป็นหมอ  ถ้างั้นไม่ยากเกินไป  ดูตัวเองไหวไหมแค่นั้นพอ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: PREM ที่ มกราคม 07, 2018, 20:30:29
กลับมาอ่าน ได้ข้อคิดอะไรเยอะเลยครับ
แรกเลย ผมเห็นพวกโปรโมชั่นรถสมัยนี้ อย่างบีเอ็ม 5 ดาวน์เจ็ดแปดแสน และผ่อนเอาเดือนละ สี่หมื่น
มันเป็นตัวเลขที่คิดว่า เออ ก็น่าจะไหว
แล้วผมคิดว่า ไฟแนนซ์น่าจะให้ผ่านด้วยครับ ผมสาย ข้าราชการ ที่มั่นคงมาก ค่าตอบแทนสูงกว่าข้าราชการกลุ่มอื่น ก็เหลืออยู่ไม่กี่อาชีพครับ
แต่ก็จริงที่ว่าซื้อแล้ว ก็คงไม่เหลืออะไรเลย จริงๆ ครับ

บางทีคงยังไม่ถึงเวลาจริงๆ คงต้องเก็บเงินไปก่อน
แต่ผมจริงจังนะครับ สักวันหนึ่งคงจะได้เป็นเจ้าของ
เพราะผมมองว่า ถ้าไม่มีภาระอะไรหนักๆในชีวิต เราก็มีแต้มต่อมากกว่าคนอื่นเขาที่มีรายได้ในระดับเดียวกับเรา
แต่มันก็ยังเอื้อมไม่ถึงดีจริงๆ ครับ

ผมอายุ ยี่สิบปลายๆ ครับ เหลือเวลาทำงานอีกราวสามสิบปีถ้าไม่เกษียณก่อน
ถ้าไม่เสี่ยงเลย หรือลงทุนความเสี่ยงต่ำ เงินคงถึงสิบถึงสิบห้าล้านได้ น่าจะราวๆ 60 ตอนนั้นก็ไม่อยากได้รถแล้วมั้งครับ
ถ้าเสี่ยงสูง ก็เป็นไปได้ว่ารวย ก็ได้ซื้อ แต่ถ้าหมดตัว จบครับ
เพราะฉะนั้นตอนนี้มันคือการเลือกระหว่างซื้อทันทีเมื่อเงินถึง (ไม่ได้หมายถึงตอนนี้นะครับ อาจจะอีก 5-10 ปี เพราะผมพึ่งซื้อคอมแพคคาร์มาไม่ถึงปี) หรือรอไปก่อนให้มีเงินมากกว่าราคารถประมาณนึง แล้วค่อยซื้อ

อารมณ์เดียวกัน น่าจะสายอาชีพเดียวกัน ผมก็กำลังเล็งๆ รถใหม่อยู่ครับเหมือนกันครับ
แต่คงแค่หลัก 2 ล้าน ระดับ 3-4 ล้านยังคิดว่าเกินตัวไปนิด
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: oatekung ที่ มกราคม 07, 2018, 20:56:41
มาอ่านอีกรอบเดาว่าเป็นหมอ ผมว่าค่อยๆลุยไปสบายๆครับ หมอที่รู้จักก็ขับ e class ขึ้นทั้งนั้นครับ
ระวังเรื่องสุขภาพกับความเครียดก็พอครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ มกราคม 07, 2018, 21:03:11
ซื้อคันละล้านไม่เกินสองล้านไปก่อน เก็บเงินดาวน์ให้ได้เยอะๆดีไม่ดีอาจพอซื้อสดได้เลย เป็นการวัดความอยากที่แท้จริงไปในตัว
ผมก็เคยเป็นแบบคุณมาก่อน แม้ความอยากความสับสนมันเยอะ ใช้ข่มใจเอาหน่อย
และพอเมื่อมันถึงเวลา ทุกอย่างมันสุกงอม ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้ ได้ซื้อแน่
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: killermax ที่ มกราคม 07, 2018, 21:43:14
ลองเก็บเงินที่คิดว่าจะผ่อนต่อเดือนดูก่อนซัก 4-5 เดือน ก่อนมั้ย ถ้าสามารถอยู่แบบนี้ได้โดยไม่ขัดสนอะไรก็น่าจัดครับ แต่ถ้าตึงไม้ตึงมือมากๆก็อย่าเลย

ผมก็คล้ายๆท่าน จขกท อะครับ 20 ปลายๆ พึ่งออก c coupe แต่เงินเดือนระดับหลักหมื่น

ตอนนี้มันอาจจะดูว่าเราให้รางวัลชีวิตตัวเองเร็วไป แต่ถ้ามามองดูอีกที เราซื้อเวลาไม่ได้ เงินที่จ่ายไป ค่าเสียโอกาศทางการลงทุนที่หายไป ถือว่าซื้อประสบการณ์ ซื้อความรู้ชีวิตครับ

ปล. ผมซื้อเข้า บ. นะครับ  :P
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: OHMMY ที่ มกราคม 07, 2018, 22:47:23
ถ้าเป็นผม ผมคงไม่ครับ ผมมองว่ารถพรีเมียม มันไม่ได้มีไว้สำหรับเรา เหมือนกับของที่มันไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่อะครับ
มันเป็นของสำหรับคนที่ซื้อแล้วไม่ต้องมาสงสัยว่าซื้อแล้วควรมั้ย ลำบากมั้ย ซื้อแล้วมานั่งเทียบว่า ค่าดูแลเท่าไหร่
เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย เป็นของสำหรับกลุ่มคนอีกระดับนึง มีชีวิตความเป็นอยู่อีกแบบนึงน่ะครับ

คิดง่ายๆเหมือนกับ เราซื้อลูกชิ้นปิ้งข้างทางไม้ละ 10 บาทแล้วถ้าไม่อร่อยเลย เราก็ไม่กินต่อและไม่เสียดาย แบบนั้นอะครับ

ผมมักคิดเสมอว่าของทุกอย่างที่มีราคา มันมีไว้สำหรับคนแต่ละระดับฐานะ
สำหรับเราไม่จำเป็นต้องดีที่สุดที่ทุกคนยอมรับว่าดีที่สุด แต่เป็นของที่ดีที่สุดในระดับของเราแม้ว่า ณ ตอนนั้นเราจะมีกำลังซื้อของที่ดีที่สุดก็ตาม
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: scotch_fillet ที่ มกราคม 07, 2018, 22:48:11
รถราคา 3-4 ล้านต่อเดือน
เงินเดือนต่ำกว่าแสน ไฟแน้นซ์ไม่ให้ผ่านหรอกครับ

รถในฝันมีได้ครับ แต่ระวังจะเป็นฝันร้ายครับ

ผมใช้เกณฑ์ตามนี้นะเวลาจะซื้อรถ
1. มีเงินสดดาวน์ 30% แล้วมีเหลือไม่ใช่หมดตัว
2. งวดผ่อนห้ามเกิน 5 ปี
3. ค่างวดไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ต่อเดือน เพราะมันจะมี คชจ มากมายทั้งน้ำมัน ประกัน service ต่างๆ มาอีกทุกปี
4. ห้ามผ่อนบอลลูนเด็ดขาด

ไม่ได้ตามนี้มันก็ซื้อได้ แต่ผมว่าจะเหนื่อยมากๆ นะ

ผมไม่เห็นด้วยเหมือนกันกับพวกที่มาตั้งว่า ซื้อรถ 3ล้าน ต้องมีเงินสด 30ล้านอะไรแบบนี้ มันดูเวอร์เกิ้น

และการเก็บเงินซื้อเงินสด เป็นเรื่องของคนที่มีเงินสดมากๆ ถ้าไม่มีเงิน
การเอาเงินสด 3 ล้าน ไปลงกับรถเพราะกลัวดอกเบี้ย ไม่กี่แสน ขายทิ้งเงินหายไปเท่าไหร่
เอาเงินสด 3 ล้านลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยรถคุ้มกว่าครับ

ผมยอมมีเงิน 3 ล้าน แล้วกู้ผ่อน ดีกว่ามีเงินเหลือหลักแสน ได้รถยนต์มาคันโดยที่มูลค่า 3 ล้านของมันที่ซื้อสดตกลงทุกวันครับ

+1
ถูกใจทุก point ครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ มกราคม 08, 2018, 00:07:08
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ



หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: CJ. ที่ มกราคม 08, 2018, 00:37:19
ถ้าอยากได้แล้วไหวก็สนับสนุนนะครับ และทางที่ดีหาทางเพิ่มรายรับด้วย จะได้สบายขึ้น
รถยนต์เป็นของที่มูลค่าลดลง+มีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา ดังนั้นอยากให้พิจารณาดีๆครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ มกราคม 08, 2018, 01:19:36
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ
  โคตรชอบคำตอบ    พี่เลยจริง ๆ     ยกนิ้วให้เลย 
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: หมีขับสี่ ที่ มกราคม 08, 2018, 01:31:21
แหม่ ซื้อรถสามล้านไม่ได้หมดสามล้าน หายไปแค่ครึ่งเดียว

ผ่อนบอลลูน งวดสุดท้ายขายรถทิ้ง

ชอบครับ

คนชอบมือสองแบบผมยิ้มเลย
 ::)
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: gobank01 ที่ มกราคม 08, 2018, 01:40:29

ก็อย่าคิดว่าอีก 2 ปีข้างหน้า จะมีรายได้ เพิ่มขึ้นแค่ 3% - 10% สิครับ

ลองหาธุรกิจทำดู ก้รู้อยู่แล้วว่า งานที่ทำอยู่เพดานมันจำกัด

งั้นก็หาอาชีพอื่นที่เป็นงานเสริมที่มันทะเลเพดานตรงนี้ดูครับ

ยิ่งคุณมีความรู้ มีงานดีๆทำ ผมเชื่อว่ามันไม่น่ายากเกินไปครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: GoatGoat ที่ มกราคม 08, 2018, 01:56:55
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ

เป็นคำตอบที่ดีมากครับ ยกนิ้วให้
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: NarinrachMaisok ที่ มกราคม 08, 2018, 08:08:34
รอพร้อมจริงๆค่อยซื้อนะครับ อย่าใจร้อน ผมก็เคยผ่านมา รีบร้อนซื้อเป็นภาระหนักกับตัวเองมากๆ แต่โชคดีที่ผ่านมาจากจุดนั้นได้  ผมซื้อ Golf GTI ตอนอายุ 27 ผ่านมาอีก 2 ปี ซื้อ 328i m sport จนอายุย่างเข้า 32 เริ่มมานั่งคิดในวันนี้ ถ้าผมใช้รถทั่วๆไป ไม่รีบให้รางวัลตัวเองไวไป น่าจะมีเงินเหลือเยอะกว่านี้ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ลองนั่งไต่ตรองดูดีๆครับ ซื้อเมื่อพร้อมดีที่สุดครับ จะได้มีความสุขในการใช้รถที่สุด

ปล.เงินเดือนผม 5,000 ครับ เมียให้ใช้แค่นั้น ที่เหลือไปไหนหมดไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ 
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: bubibubo ที่ มกราคม 08, 2018, 08:14:16
ซื้อไปเลยครับ... เงินเดือนไม่ถึงแสน... เดี๋ยวหาทางผ่อนเอา ประหยัดเข้าไว้...ถ้ารายได้ต่อเดือนไม่พอผ่อนก็ยืมธนาคาร...ไม่ก็ทำงานหนักขึ้นหาอาชีพเสริม..ไม่ยาก...ชีวิตไม่ยั่งยืนเหมือนด้านบนกล่าวไว้...รีบใช้ซะ

แต่ถ้าเป็นผม...ไม่ซื้อครับ...
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: HHHsung ที่ มกราคม 08, 2018, 08:23:24
ขนาดซีวิคคันไม่ถึงล้าน ยังตึงๆ เลยครับ ไม่คิดว่าคนเงินเดือนขนาดนั้นมาตั้งคำถามแบบนี้ สงสัยจังว่าใครจ้างงาน

ปล. รถ 1 ล้านผ่อนเดือนละประมาณ หมื่นห้า ถ้า 4 ล้านก็ หกหมื่น ค่าภาษี ค่ากิน ค่าน้ำมัน การใช้ชีวิตหมดแล้ว

หรือต้องกินมาม่าประทังชีวิต อย่าลืมรายจ่ายรถด้วยนะครับ ใช้ชีวิตที่ไม่มีความสุข มันไม่สนุกเลยนะ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: ภูมิใจไหม? ที่ มกราคม 08, 2018, 08:31:32
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ

ผมเคยซื้อรถบอลลูนมาครั้งนึงแล้ว มันจะไม่มีครั้งที่ 2 เด็ดขาด

ยกเว้นกรณีข้างบน คือขายทิ้งไปเลย แล้วออกรุ่นใหม่วนไป ถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นอีกแนวทางนึงที่จะสามารถเอื้อมถึงนะครับ

ก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับคุณ แต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่ครับ  :D

แต่ผมก็คิดเหมือนคุณกด 9 อยู่อย่างนึง ตรงที่หารถที่อยากเราอยากขับจริง ๆ เกินงบนิดหน่อยก็เอา

อย่ารอตอนแก่ เพราะพอถึงตอนนั้นก็ได้แต่มองชาวบ้านขับ ตัวเองไม่อยากซื้อแล้ว แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังอยากขับอยู่

ผมจึงตัดสินใจจองรถคูเป้ขับเล่น ราคา 2 ต้น ๆ ทั้ง ๆ ที่คำนวณเงินเก็บแล้ว น่าจะซื้อรถที่ราคา 1.5 ล้านมากกว่า ผมก็สู้ครับ อิอิ

การตัดสินใจของผมเอาความคิดแบบของคุณ กด 9 และแบบของท่านอื่น มารวม ๆ กัน แล้วหาจุดที่พอดีครับ


คำถามแนวนี้มักจะมาเป็นระยะ ประเภทว่ารายได้เท่านี้ ซื้อรถราคานี้ดีไหม?

ทั้งในกระทู้ก่อน ๆ และกระทู้นี้ ผมก็จะตอบเหมือนเดิมว่า

อย่ามาถามพวกเราในนี้เลยครับ เราไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ถามตัวคุณเองและครอบครัวดีกว่าครับ


ถ้าอยากรู้ว่าเพื่อนสมาชิกเราใครเงินเดือนไม่ถึงแสนแล้วออกซี่รี่ย์ 5 บ้าง ใครจะมาตอบว่าเป็นตัวเองล่ะครับ จริงไหม? 5555
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: mongolias ที่ มกราคม 08, 2018, 08:49:03
ถ้ารายรับส่วนตัวหลักแสน ผมว่ารถราคาเกิน 2 ล้าน มันจะตึงมือเกินไปครับ

ผมว่าสิ่งที่ควรจะนำมาคำนวณไม่ใช่รายได้ แต่คือเงินเหลือเก็บครับ คุณมีเงินเหลือต่อเดือนเท่าไหร่ ถ้าค่าผ่อนรถไม่ถึง 50% ของเงินก้อนนั้น ผมว่าเล่นได้นะครับ

รถไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่ถ้าคุณมีความสุขที่ได้อยู่หลังพวงมาลัย หลังทำงานหนัก จะมองว่ามันเป็นรางวัลชีวิตก็ไม่ผิดครับ

ซื้อรถตอนที่ขับไหว ดีกว่าได้ขับรถตอนไม่อยากขับแล้วครับ

น้าผมทำงานมาร่วม 50 ปี เพิ่งจะถอย S3 มาเป็นรางวัลชีวิต แต่แหม กว่าจะได้ขับก็เกษียณอายุแล้ว ซึ่งก็ไม่ค่อยเห็นแกไปไหนมาไหนเท่าไหร่ ผมยังคิดว่าแกซื้อช้าไปหน่อยเลยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Red Bicycle ที่ มกราคม 08, 2018, 08:52:51
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ


 :) :) :) +1000 พี่นี่สุดยอดจริงๆครับ นี่คือเรื่องจริง
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Untouchable ที่ มกราคม 08, 2018, 09:01:22
ปัจจัยแต่ล่ะคนไม่เหมือนกันครับ ถ้าไม่มีภาระอะไรเลยก็ซื้อได้ครับ แต่ถ้าซื้อมาแล้วต้องมานั่งประหยัดนู่นประหยัดนี้เงินเก็บไม่เหลือเพื่อให้ได้ขับรถหรูมันก็ไม่ควรครับ

หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: mrpich ที่ มกราคม 08, 2018, 09:03:34
อ่านแล้วเพลินดี เหรียญมี2ด้านเสมอ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Red Bicycle ที่ มกราคม 08, 2018, 09:15:25
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ

ผมเคยซื้อรถบอลลูนมาครั้งนึงแล้ว มันจะไม่มีครั้งที่ 2 เด็ดขาด

ยกเว้นกรณีข้างบน คือขายทิ้งไปเลย แล้วออกรุ่นใหม่วนไป ถ้าคิดแบบนี้ก็เป็นอีกแนวทางนึงที่จะสามารถเอื้อมถึงนะครับ

ก็เป็นไอเดียที่ดีสำหรับคุณ แต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่ครับ  :D

แต่ผมก็คิดเหมือนคุณกด 9 อยู่อย่างนึง ตรงที่หารถที่อยากเราอยากขับจริง ๆ เกินงบนิดหน่อยก็เอา

อย่ารอตอนแก่ เพราะพอถึงตอนนั้นก็ได้แต่มองชาวบ้านขับ ตัวเองไม่อยากซื้อแล้ว แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังอยากขับอยู่

ผมจึงตัดสินใจจองรถคูเป้ขับเล่น ราคา 2 ต้น ๆ ทั้ง ๆ ที่คำนวณเงินเก็บแล้ว น่าจะซื้อรถที่ราคา 1.5 ล้านมากกว่า ผมก็สู้ครับ อิอิ

การตัดสินใจของผมเอาความคิดแบบของคุณ กด 9 และแบบของท่านอื่น มารวม ๆ กัน แล้วหาจุดที่พอดีครับ


คำถามแนวนี้มักจะมาเป็นระยะ ประเภทว่ารายได้เท่านี้ ซื้อรถราคานี้ดีไหม?

ทั้งในกระทู้ก่อน ๆ และกระทู้นี้ ผมก็จะตอบเหมือนเดิมว่า

อย่ามาถามพวกเราในนี้เลยครับ เราไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร ถามตัวคุณเองและครอบครัวดีกว่าครับ


ถ้าอยากรู้ว่าเพื่อนสมาชิกเราใครเงินเดือนไม่ถึงแสนแล้วออกซี่รี่ย์ 5 บ้าง ใครจะมาตอบว่าเป็นตัวเองล่ะครับ จริงไหม? 5555



 :) :) :) +100 ครับ เลยครับพี่ถูกใจตรงประโยค " อย่ารอตอนแก่ เพราะพอถึงตอนนั้นก็ได้แต่มองชาวบ้านขับ ตัวเองไม่อยากซื้อแล้ว แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังอยากขับอยู่ ".  ตรงชีวิตผมเลยครับ. ตอนนี้ซื้อได้สบายๆแล้วแต่ก็ไม่อยากซื้อแล้วครับ แต่ยังคอยแอบมองพรรคพวกและน้องๆที่ใช้MB. BMW อยู่เรื่อยครับ ขอลองนั่งลองขับอยู่เรื่อย ใจลึกๆยังอยากได้ตลอดครับ น้องๆถ้าพร้อมก็อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเหมือนผมเลย
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Devil13 ที่ มกราคม 08, 2018, 09:25:43
ถ้าเป็นผมเงินไม่ถึง ก็ไม่ดิ้นรน
ผมอายุ 35 แต่งงานแล้ว ลูก 1
ตอนนี้คิดว่าจะต้องเก็บเงินส่งลูกเรียนสูงๆ และเก็บเงินไว้กินตอนเกษียณ
ซื้อหุ้นไว้ลดภาษี เรื่องการใช้จ่ายอะไรที่เกินตัวผมตัดออกหมด
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: the kit ที่ มกราคม 08, 2018, 09:52:47
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ



เป็นหนังก็หักมุม
เป็นเหรียญ ก็ยังมี 2 ด้าน
แต่กับชีวิตคนน่าจะมีมากกว่านั้นแน่นอน...

***********************************************************

เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ
ความสุขความทุกข์ ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ จะยอมรับความจริงที่เจอได้แค่ไหน

เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

สุขก็เตรียมไว้ ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล จะได้รับความจริงเมื่อต้องเจ็บปวดไหว

เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด..

Cr:
เพลง Live and Learn
ศิลปิน กมลา สุโกศล
อัลบัม Million Ways to Love
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: fishfinger ที่ มกราคม 08, 2018, 10:55:02
อ้าว สรุป จขกท. เป็นหมอเหรอครับ ผมแค่ Int. ขยันทำงานรายได้ก็เกินแสนแล้วนะครับ  :o
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: TNN ที่ มกราคม 08, 2018, 10:56:53
ถ้า จขกท. เป็นหมอ แนะนำเก็บตังค์เป็นเงินเย็นไว้สัก4-6ล้านบาทก่อนครับ
ไว้เป็นค่าถูกคนไข้ฟ้องร้อง
เดี๋ยวนี้ต่อให้เราไม่ผิด(ในทางการแพทย์) แต่ถ้าศาลตัดสินว่าผิด ก็จะกลายอีกเรื่องนะครับ
เคยมีมาแล้ว
ถ้าตัดสินมาว่าผิด ก็เตรียมเงินเย็นไว้ชดใช้ได้เลย
ถ้าซื้อรถยุโรปไปแล้วก็เตรียมขายมาใช้หนี้เขาครับ
ต่อให้รพ.รัฐก็เถอะ เยียวยาตามมาตรา44ช่วงแรก 4 แสน แต่ไล่เบี้ยเอากับแพทย์ภายหลังถ้าศาลวินิจฉัยว่าผิด และมันมักจะเป็นล้านๆครับ

อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆนะผมขอเตือน
เจ็บป่วย พิการ ทำงานไม่ได้ ต้องขายต่อ เป็นหนี้เป็นสิน บ้านช่องโดนยึด
ต่อให้ไม่มีครอบครัว แต่ดีที่สุดคือต้องมีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินก่อน
ถ้ายังใช้ชีวิตที่ยังอยู่บนความประมาท ขับรถเร็ว ขับรถไปขึ้นเวรดึกๆดื่นๆ พักผ่อนน้อย หามรุ่งหามค่ำ เดินทางไกลบ่อย เที่ยวต่างประเทศบ่อย แอดเวนเจอร์ ดำน้ำ บ้านยังผ่อนไม่หมด พ่อแม่ไปค้ำประกันคนอื่นไว้ สุขภาพไม่แข็งแรง ชอบเล่นการพนัน ชอบดื่มสุรา ฯลฯ
เยอะครับ เห็นมาหลายรายแล้ว
เพื่อนผมนี่รวยมีเบนซ์2-3คัน แฟนทำธุรกิจอสังหา รายได้เดือนเป็นล้านๆ แฟนเป็นหมอ สุดท้ายธุรกิจล้มปีที่แล้ว ขายของใช้หนี้
ต้องโพสเฟสขายเบนซ์ หลังไมล์มาถามสนใจไหม ขายดาวน์ถูกๆเลย
บ้านก็ต้องย้าย

ผมเองอายุ 37 รายได้เดือนละ 1.5-2 แสน คงทำงานเดียวกันกับจขกท.นั่นล่ะ
เงินเก็บก็มีพอสมควร ทรัพย์สินมูลค่าก็เยอะอยู่ แต่ก็ใช้ HRV คันละ1ล้าน ยังผ่อนอยู่เลย เหลืออีก4ปี
ปีก่อน ต้นปีพ่อถูกฟ้อง เนื่องจากไปค้ำประกันเพื่อนไว้ ปลายปีแม่ถูกฟ้องไปค้ำประกันเพื่อนไว้ โดนฟ้องปีเดียวกัน2คน
ซวยซ้ำซวยซ้อน เอาเงินออกมาจ่ายแทนให้พ่อแม่ไปร่วม 3 ล้าน

นี่แหละชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน
ผมไม่รู้หรอกว่าจขกท.บริบทเป็นอย่างไร
แต่สมัยก่อนผมก็ว่าผมพยายามใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทแล้วนะ
เพราะเคยเห็นชีวิตของคนที่เรารู้จักคนสนิทคนใกล้ตัว ล่มสลายต่อหน้าต่อตามาหลายคนแล้ว
สุดท้ายก็ยังไม่วายเจอกับตัว
เลยอยากให้จขกท.คิดทบทวนดีๆ
มันจำเป็นขนาดนั้นไหม
ชอบคือชอบ แต่ต้องมีขับไหม ความต้องการนี้ คือกิเลสไหม อยากได้อยากมี สุดท้ายก็เบื่อ ไม่จีรัง ค่าประสบการณ์ค่าความอยากมี 2-3 ล้านคุ้มไหม ซื้อมามีปัญหาจะคุ้มไหม ซื้อมาแล้วทุกข์ใจ ลำบากใจ กลัวมอร์ไซด์ขับชนกระจก กลัวรถเป็นรอย ทุกข์ใจไหม ลองมองย้อนดูตัวเรา เราดูแลคนที่เรารักมากพอรึยังเมื่อเทียบกับรถคันนี้

ทุกวันนี้ผมก็ชอบรถ เข้าเว็บHLMทุกวัน อยากมีนะรถยุโรป แต่เคยมีแล้วถึงจุดๆหนึ่งก็จะเบื่อและอยากได้อะไรที่ดีขึ้นไปอีก
รถเป็นเทคโนโลยี 4-5ปีก็ตกรุ่น และมีอะไรที่ดีกว่าตามมาเสมอๆ
ถ้าไม่รีบ รอให้ชีวิตมันมั่นคงก่อนไหม นี่มันแค่เพิ่ง 1/3 ของชีวิตเท่านั้น
มีเงินเก็บสบายๆใจสัก 4-5 ล้าน เสมือนซื้อรถเงินสด แต่เราจะผ่อนเอาก็ไม่มีใครว่า เพราะเราไม่ใช่เอาเงินในอนาคตมาใช้
แต่ถ้าต้องผ่อนเพราะยังไม่มีเงินพอจะซื้อสด นั่นคือเอาเงินที่ควรจะได้ใช้ประโยชน์ที่มากกว่าซื้อรถ เงินในอนาคต เอาใช้ในตอนนี้แล้ว
แล้วหากอนาคตมีปัญหา เราจะกลับมาเสียใจว่า ถ้าวันนั้นไม่ซื้อรถคันนี้ เราคงแก้ปัญหานั้นได้

ย้อนเวลาไป ก็คงไม่ได้แล้วล่ะครับ
เชื่อผมครับ
พินิจพิเคราะห์ดูให้ดี
ความอยากและเหตุผล
ถ้าคิดดีแล้ว ก็สุดแล้วแต่จขกท.เลยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Red Bicycle ที่ มกราคม 08, 2018, 11:41:41
ถ้า จขกท. เป็นหมอ แนะนำเก็บตังค์เป็นเงินเย็นไว้สัก4-6ล้านบาทก่อนครับ
ไว้เป็นค่าถูกคนไข้ฟ้องร้อง
เดี๋ยวนี้ต่อให้เราไม่ผิด(ในทางการแพทย์) แต่ถ้าศาลตัดสินว่าผิด ก็จะกลายอีกเรื่องนะครับ
เคยมีมาแล้ว
ถ้าตัดสินมาว่าผิด ก็เตรียมเงินเย็นไว้ชดใช้ได้เลย
ถ้าซื้อรถยุโรปไปแล้วก็เตรียมขายมาใช้หนี้เขาครับ
ต่อให้รพ.รัฐก็เถอะ เยียวยาตามมาตรา44ช่วงแรก 4 แสน แต่ไล่เบี้ยเอากับแพทย์ภายหลังถ้าศาลวินิจฉัยว่าผิด และมันมักจะเป็นล้านๆครับ

อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆนะผมขอเตือน
เจ็บป่วย พิการ ทำงานไม่ได้ ต้องขายต่อ เป็นหนี้เป็นสิน บ้านช่องโดนยึด
ต่อให้ไม่มีครอบครัว แต่ดีที่สุดคือต้องมีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินก่อน
ถ้ายังใช้ชีวิตที่ยังอยู่บนความประมาท ขับรถเร็ว ขับรถไปขึ้นเวรดึกๆดื่นๆ พักผ่อนน้อย หามรุ่งหามค่ำ เดินทางไกลบ่อย เที่ยวต่างประเทศบ่อย แอดเวนเจอร์ ดำน้ำ บ้านยังผ่อนไม่หมด พ่อแม่ไปค้ำประกันคนอื่นไว้ สุขภาพไม่แข็งแรง ชอบเล่นการพนัน ชอบดื่มสุรา ฯลฯ
เยอะครับ เห็นมาหลายรายแล้ว
เพื่อนผมนี่รวยมีเบนซ์2-3คัน แฟนทำธุรกิจอสังหา รายได้เดือนเป็นล้านๆ แฟนเป็นหมอ สุดท้ายธุรกิจล้มปีที่แล้ว ขายของใช้หนี้
ต้องโพสเฟสขายเบนซ์ หลังไมล์มาถามสนใจไหม ขายดาวน์ถูกๆเลย
บ้านก็ต้องย้าย

ผมเองอายุ 37 รายได้เดือนละ 1.5-2 แสน คงทำงานเดียวกันกับจขกท.นั่นล่ะ
เงินเก็บก็มีพอสมควร ทรัพย์สินมูลค่าก็เยอะอยู่ แต่ก็ใช้ HRV คันละ1ล้าน ยังผ่อนอยู่เลย เหลืออีก4ปี
ปีก่อน ต้นปีพ่อถูกฟ้อง เนื่องจากไปค้ำประกันเพื่อนไว้ ปลายปีแม่ถูกฟ้องไปค้ำประกันเพื่อนไว้ โดนฟ้องปีเดียวกัน2คน
ซวยซ้ำซวยซ้อน เอาเงินออกมาจ่ายแทนให้พ่อแม่ไปร่วม 3 ล้าน

นี่แหละชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน
ผมไม่รู้หรอกว่าจขกท.บริบทเป็นอย่างไร
แต่สมัยก่อนผมก็ว่าผมพยายามใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทแล้วนะ
เพราะเคยเห็นชีวิตของคนที่เรารู้จักคนสนิทคนใกล้ตัว ล่มสลายต่อหน้าต่อตามาหลายคนแล้ว
สุดท้ายก็ยังไม่วายเจอกับตัว
เลยอยากให้จขกท.คิดทบทวนดีๆ
มันจำเป็นขนาดนั้นไหม
ชอบคือชอบ แต่ต้องมีขับไหม ความต้องการนี้ คือกิเลสไหม อยากได้อยากมี สุดท้ายก็เบื่อ ไม่จีรัง ค่าประสบการณ์ค่าความอยากมี 2-3 ล้านคุ้มไหม ซื้อมามีปัญหาจะคุ้มไหม ซื้อมาแล้วทุกข์ใจ ลำบากใจ กลัวมอร์ไซด์ขับชนกระจก กลัวรถเป็นรอย ทุกข์ใจไหม ลองมองย้อนดูตัวเรา เราดูแลคนที่เรารักมากพอรึยังเมื่อเทียบกับรถคันนี้

ทุกวันนี้ผมก็ชอบรถ เข้าเว็บHLMทุกวัน อยากมีนะรถยุโรป แต่เคยมีแล้วถึงจุดๆหนึ่งก็จะเบื่อและอยากได้อะไรที่ดีขึ้นไปอีก
รถเป็นเทคโนโลยี 4-5ปีก็ตกรุ่น และมีอะไรที่ดีกว่าตามมาเสมอๆ
ถ้าไม่รีบ รอให้ชีวิตมันมั่นคงก่อนไหม นี่มันแค่เพิ่ง 1/3 ของชีวิตเท่านั้น
มีเงินเก็บสบายๆใจสัก 4-5 ล้าน เสมือนซื้อรถเงินสด แต่เราจะผ่อนเอาก็ไม่มีใครว่า เพราะเราไม่ใช่เอาเงินในอนาคตมาใช้
แต่ถ้าต้องผ่อนเพราะยังไม่มีเงินพอจะซื้อสด นั่นคือเอาเงินที่ควรจะได้ใช้ประโยชน์ที่มากกว่าซื้อรถ เงินในอนาคต เอาใช้ในตอนนี้แล้ว
แล้วหากอนาคตมีปัญหา เราจะกลับมาเสียใจว่า ถ้าวันนั้นไม่ซื้อรถคันนี้ เราคงแก้ปัญหานั้นได้

ย้อนเวลาไป ก็คงไม่ได้แล้วล่ะครับ
เชื่อผมครับ
พินิจพิเคราะห์ดูให้ดี
ความอยากและเหตุผล
ถ้าคิดดีแล้ว ก็สุดแล้วแต่จขกท.เลยครับ

 :( :( :( ได้ข้อคิดเยอะเลยครับ ความไม่แน่นอนในชีวิตนี่เรื่องจริงนะครับ ชีวิตคุณหมอนี่ต้องลงทุนชีวิตเยอะมากแล้วยังต้องเสี่ยงฟ้องร้องจากคนไข้อีก น่าเห็นใจนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: stm ที่ มกราคม 08, 2018, 11:41:59
ตอบคำถามก่อน ผมไม่ทราบครับ ผมก็ไม่ได้ซื้อ และไม่คิดจะซื้อ ขนาดรถ 2 ล้าน ผมยังไม่กล้าซื้อ
ผมใช้รถมาหลายคัน จนรู้สึกว่า มันก็แค่นั้น สำหรับการใช้งานทั่วๆไป ต้องถามก่อนว่า "คุณจะได้ใช้รถคันนั้นเต็มสมรรถนะของมันหรือปล่าว"
รถราคา 4 ล้านมันดีกว่าจริงครับ แต่ถ้าใช้งานธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่เดินทางไกลบ่อย ไม่ได้ขับระดับ 150 -200 คันละ 1.8 ล้าน ก็เหลือแหล่
ระบบความปลอดภัยครบๆ
ตามฐานะระดับนี้ รถคันละ 4 ล้านถือว่าฟุ่มเฟือยครับ ผมไม่สนับสนุนให้คนไทยฟุ่มเฟือยครับ ไม่สนับสนุนค่านิยมผิดๆ                                              แต่ถ้าซื้อให้สมฐานะนี่ผมเห็นด้วยมากๆ  สุดท้ายแล้วแต่คุณพิจารณาครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: WTF ที่ มกราคม 08, 2018, 11:50:56
ตอบ จขกท ถ้า3-4ล้านผมว่าผ่อนไม่ไหวแน่นอน ไฟแนนซ์บางที่อาจจะดันให้ผ่าน แต่ จขกท จะต้องทุกข์ทรมานไปอีกนาน ยกเว้นไม่มีภาระอื่นจริงๆ แล้วรักรถมากกว่าสิ่งใด

ถ้ารักรถมาก อยากขับอยากท่ห์ก็ไม่ผิด ผมว่าเอาซัก 320D พอมั้ย หรือใจถึงชอบเทคโนโลยีก็ลอง 330E iconic ผมไปดูมาเหมือนกัน (ราคานี้ จขกท น่าจะพอผ่อนได้) แต่ผมเองสุดท้ายคิดไปคิดมา คงเอา CRVขับ4 ละ นั่งสบายกว่าเยอะเลย แม้ว่าจะขับไม่สนุกเท่า แต่เน้นพ่อแม่นั่งสบายกว่า(ฺbmw มันแคบ ผู้ใหญ่ที่บ้านนั่ง F10 ของพี่ บ่นกันทุกคน) +เก็บเงินให้ลูกเรียนสูงๆดีกว่า
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: maxillofacial surgeon ที่ มกราคม 08, 2018, 11:56:04
ต้องดูครับว่าเหลือเงินสดเท่าไหร่  หลักหักค่าใช้จ่ายไป 
แต่ล่ะคนก็มีค่าใช้จ่ายไม่เหมือนกัน บางคนต้องให้พ่อ แม่ ผ่อนบ้าน ชอบเที่ยว
สรุปเหลือเงินสดไม่กี่บาท
 ตอนผมจบใหม่อายุ25ก็เงินเดือนแสนกว่า สิ้นเดือน เหลือตังค์ไม่ถึงหมื่น เพราะช่วยแม่ใช้หนี้บ้าน  เกือบจะโดนยึดเพราะส่งเราเรียน  โชคดีจบมาทันเวลาพอดี  ชอบเที่ยวอีก  เอาเงินไปเที่ยวกระจาย
นั่งรถโดยสารอยู่ปีนึง นั่งดูเวบรถทุกวันตั้งแต่เรียนจบ จะซื้อรถยังเก็บเงินดาวไม่ได้เลย เพราะเที่ยวกระจายใช้เงินเยอะ
   ปีกว่าๆถึงได้ซื้อรถมาสด้า3มาใช้เพราะ  อยากขับไปเที่ยวกะแฟน
ตอนเงินเดือน5แสนยังใช้ accord,camry hybrid เพราะค่าใช้จ่ายเยอะ  ลงทุนเปิดคลินิก ทำประกัน ซื้อคอนโดลงทุน
เหลือเงินสด เป็นแสนยังไม่ค่อยกล้าซื้อ  เพราะเรารู้ว่าเราใช้เงินง่าย ชอบลงทุน  ชอบเที่ยว  บางทีเที่ยวต่างประเทศ  ออกเงินเลี้ยงทุกคน  หมดทีเกือบล้านก็ยังมี ส่วนตัวผม เลยเอาเงินเดือนมาวัดไม่ได้
  ตอนซื้อbm  อายุ34 เงินเดือนก็ เกือบล้านและ  กลับมาบ้าซื้อรถอยู่สองปี  ซื้อหลายคัน  แบ่งคนที่บ้านใช้ หมดเงินไปอีก20ล้าน
ตอนนี้37รายได้  หลายล้าน  ตอนนี้ไม่ค่อยอยากซื้อรถ  จะซื้อรถแบบพอชก็เสียดายเงิน  รู้สึกชอบลงทุน รู้สึกว่าเรายังไม่รวยพอ    เลยเน้นหาหลักประกันไว้ให้ครอบครัว
  แต่ล่ะคนใช้เงินไม่เหมือนกัน  มีองค์ความรู้ประสบการณ์ไม่เหมือนกัน 
จะลองในสิ่งที่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องผิดครับ  เพราะอายุยังน้อย ผมเชียให้ลอง  ถ้าอยากบินสูงไม่ต้องกลัวเจ็บครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: TONYP ที่ มกราคม 08, 2018, 12:31:14
เพิ่งกลับมาอ่านเห็นว่าเป็นหมอ
เก็บตังค์เรียนต่อเฉพาะทาง แล้วแบ่งมารับงาน รพ.เอกชนบ้างก็สบายแล้วครับ
ขอแค่มีการวางแผน
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: jmzjamez ที่ มกราคม 08, 2018, 12:41:46
เอาเรื่องของผมมาแชร์นะครับ
ตอนนี้อายุ 23 เรียนจบมาปีนึง ได้ค่าขนมเดือนละ 4 หมื่นบาท จากคุณพ่อ ที่บ้านมีหลายธุรกิจมั่นคง ไม่ขัดสนเงินทอง เงินสดน่าจะ 100+ แต่คุณพ่อเลือกขับแค่ cx3 2.0s ตอนอายุ 22 ผมจบมา ขอพ่อซื้อ mx5 nc มือสอง ด้วยเงินค่าขนม ผ่อน 3 ปี ผ่อนเดือนละ เกือบ 3 หมื่น ตอนนั้นดีใจมากอายุน้อยขับรถเปิดประทุนแล้ว แต่ผมใช้ไปได้แค่ 11 เดือนตัดสินใจขายทิ้ง เพราะรถมันไม่เหมาะกับใช้ทุกวัน สรุปตัดใจออกกระบะ 4x4ป้ายแดง เงินสดขับสบายใจดูแลน้อยค่าบำรุงรักษาไม่แพง ผมถามป๊าว่าทำไมไม่ออก bm benz แกบอกว่าเสียดายเงิน ซื้อรถมีแต่ลด ซื้อที่ดินได้กำไร 5-20 ล้านทุกปี ส่วนตัวผมคิดว่าซื้อเมื่อพร้อมดีที่สุดครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ มกราคม 08, 2018, 13:11:28
ไม่ต้องถึงแสน ก็ซื้อได้ครับ อยู่ที่จะผ่อนแบบไหนด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Kris.J ที่ มกราคม 08, 2018, 14:34:44
อะไรทำให้คิดแบบนั้น คุณผิด 3 ข้อ 1.คุณไม่คิดถึงสถาณะการณ์ฉุกเฉิน 2.คุณไม่วางอผนหลังจากซ์้อแล้ว 3.คุณไม่เข้าใจการออมเงิน
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ มกราคม 08, 2018, 15:31:31
เอาเรื่องของผมมาแชร์นะครับ
ตอนนี้อายุ 23 เรียนจบมาปีนึง ได้ค่าขนมเดือนละ 4 หมื่นบาท จากคุณพ่อ ที่บ้านมีหลายธุรกิจมั่นคง ไม่ขัดสนเงินทอง เงินสดน่าจะ 100+ แต่คุณพ่อเลือกขับแค่ cx3 2.0s ตอนอายุ 22 ผมจบมา ขอพ่อซื้อ mx5 nc มือสอง ด้วยเงินค่าขนม ผ่อน 3 ปี ผ่อนเดือนละ เกือบ 3 หมื่น ตอนนั้นดีใจมากอายุน้อยขับรถเปิดประทุนแล้ว แต่ผมใช้ไปได้แค่ 11 เดือนตัดสินใจขายทิ้ง เพราะรถมันไม่เหมาะกับใช้ทุกวัน สรุปตัดใจออกกระบะ 4x4ป้ายแดง เงินสดขับสบายใจดูแลน้อยค่าบำรุงรักษาไม่แพง ผมถามป๊าว่าทำไมไม่ออก bm benz แกบอกว่าเสียดายเงิน ซื้อรถมีแต่ลด ซื้อที่ดินได้กำไร 5-20 ล้านทุกปี ส่วนตัวผมคิดว่าซื้อเมื่อพร้อมดีที่สุดครับ
บ้านคุณใจดีกว่าบ้านผมอีกครับ ของผมนี่ที่บ้านบอกจะมีรถเป็นชื่อตัวเองแล้ว เค้าดาวน์ให้แต่ผ่อนให้ผมผ่อนเอง ผมถามว่ามีเงินซื้อสดได้หนิทำไมต้องผ่อน เค้าบอกโตแล้วต้องเป็นคนมีเครดิตถ้าเอาแต่ซื้อเงินสดก็จะไม่มีเครดิตเราในระบบ อนาคตเกิดต้องใช้เงินใครเค้าจะให้กู้ถ้าไม่เคยมีประวัติอะไรเลย เครดิตชั้นน่ะมีแต่พอตายเครดิตมันก็ตายตามไปด้วย ดังนั้นลูกต้องสร้างเครดิตของตัวเองขึ้นมาได้มีเล็กน้อยๆสะสมไปเรื่อยๆมันก็เพิ่มได้เอง
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: mothsan ที่ มกราคม 08, 2018, 18:05:18
ผมจะบอกอะไรให้นะครับ  ถ้าคุณมาโพสถามในเน็ต ว่าเงินเดือนไม่ถึง1แสน แล้วจะซื้อรถยุโรป ดีมั้ย ???

99% ของคนที่มาตอบ จะบอกคุณว่าอย่าไปซื้อ ให้รวยกว่านี้ก่อน บ้างก็ให้เอาเงินไปลงทุน 
ทุกคนจะพยายามมาพูดเรื่องการบริหารจัดการเงินอย่างชาญฉลาดของตัวเขาเอง  บ้างก็มาพร่ำถึงวิถีคนประหยัดของตัวเอง  ยิ่งใครมีเงินหลายสิบล้านแล้วขับแค่อีโค่คาร์นี่ยิ่งฟิน 

ผมจะบอกว่าพวกนี้ล้วนเป็นคำตอบที่โคตรไร้สาระครับ เพราะนั่นมันเรื่องของเขา มันไม่ใช่ชีวิตของคุณเลย
ยิ่งบางคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน นั่นยิ่ง shipหาย เข้าไปใหญ่  เขาจะรู้มั้ยว่าคุณมีความรู้อะไรแค่ไหน เรื่องลงทุน
สถิติของกระทรวงพาณิชย์บ่งบอกว่า คนทำธุรกิจ10คน เจ๊ง9คน อยู่รอดแค่1คน
ส่วนสถิติตลาดหุ้น คนเล่นหุ้นแล้วรวย มีแค่ 5% ,90%เจ๊ง อีก5%เสมอตัว แต่เสียเวลา

แล้วการที่มีคนบอกให้คุณเอาเงินไปลงทุน ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องอื่นนอกจากอาชีพที่คุณทำอยู่ มันก็คือหนทางสู่หายนะดีๆนี่เอง

คนที่เขามีเงินร้อยล้าน แล้วยังขับรถโคโรลล่าเก่าๆ มีมั้ย บอกเลยว่ามีครับ แต่ไม่ใช่ว่าเขาประหยัดนะ เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจรถ เขาเพียงแต่เสียเงินไปกับเรื่องอื่น

รู้มั้ยครับว่ารถยุโรป ทุกวันนี้ถูกขายด้วยโปรแกรมทางการเงินแบบไหนมากที่สุด  คำตอบคือ บอลลูน ครับ
นั่นหมายความว่า คนส่วนใหญ่ เขามีเงินดาวน์เขาก็ซื้อแล้ว ผ่อนเดือนนึงไม่เกิน3.5หมื่น  งวดสุดท้ายบอลลูน เขาก็ขาย ง่ายๆแค่นั้นเอง

รถ benz  BMW มันไม่ใช่ของคนรวยแล้วครับในยุคนี้  บริษัทเมเซเดสมันคงไม่รวยขนาดนี้แน่ ถ้าคิดแต่จะขายรถให้แต่คนรวยที่มีปัญญาซื้อสบายๆ
เขาถึงต้องคิดโปรแกรมทางการเงินมาขายให้กับมนุษย์เงินเดือนทั่วๆไป  มันจึงเกิดรูปแบบการผ่อนมากมายมหาศาลจนคนทั่วๆไปขับเบนซ์กันเกลื่อนถนน

อย่าไปบ้าบอคอแตก เชื่อตามใครก็ไม่รู้ที่บอกให้คุณเก็บเงินจนแก่ แล้วค่อยไปซื้อสิ่งที่คุณฝันตอนอายุ 50-60  บ้าไปแล้วครับ
อายุขนาดนั้น โฟกัสในหัวคุณจะอยู่ที่ลูกหลานแล้วครับ ไม่ใช่รถยนต์  คุณจะมีความสุขเมื่อหลานคุณสอบได้เกรด4 ไม่ใช่การขับรถป้ายแดงแล้วครับ

ดังนั้นถ้าวันนี้ คุณมีปัญญาผ่อนได้ แล้วคุณอยากได้มากจริงๆ มันคือความฝันจริงๆ ก็ซื้อเลยครับ

อย่าใช้ชีวิตแบบดูถูกโชคชะตา ที่ว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อตอนแก่

คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะมีชีวิตอยู่จนถึง60ครับ จริงมั้ยครับ  บางทีคุณอาจโดนรถชนตายตอน40ต้นๆ หรืออาจตรวจพบมะเร็งตอนอายุ39ก็ได้
ยิ่งคุณเป็นหมอ คุณก็น่าจะรู้ดีที่สุด ในโรงพยาบาลมีคนตายเพราะโรคร้ายตั้งแต่อายุไม่ถึง40ทุกวัน  แน่ใจได้อย่างไรว่าวันนึงจะไม่ใช่คุณ

อะไรที่คุณฝัน ก็คว้ามันมาครับ 

การซื้อรถคันละ3ล้าน เงินคุณไม่ได้หายไป3ล้านนะครับ มันหายไปแค่ครึ่งเดียว  สุดท้ายถ้าคุณเบื่อ คุณก็ขาย ก็แค่นั้น

อย่าไปฟังพวกที่ชอบทำเหมือนกับว่าการซื้อรถบีเอ็มสักคัน มันคือเรื่องที่โคตรยาก ต้องวางแผนชีวิตอย่างซับซ้อนและยาวนานเป็นยี่สิบปี
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เราคงไม่เห็นมันวิ่งกันเกลื่อนแบบนี้หรอกครับ
เห็นด้วยครับ
เอาจริงๆ ถ้าอยากได้ ผมอยากให้เก็บเงินเพิ่มอีกหน่อย แล้วดาวน์เยอะ ผ่อนไม่แพง ความเจ็บตัวในกรณีพลาดจะน้อยลงครับ
ผมเคยซื้อ bm ป้ายแดงราคา 2 ล้านกว่า ตอนอายุ 33 เงินเดือนแค่ 7 หมื่นเองครับ
ผมเน้นเก็บเงินดาวน์ให้ได้เยอะ ผมดาวน์ 50% ผ่อนเดือนนึง 2 หมื่นกลางๆ
แถมสร้างบ้าน กู้อีก 7 ล้าน ผ่อนเดือนละเกือบ 3 หมื่น
ผมก็อยู่ได้สบายจนถึงทุกวันนี้ นะครับ
เพราะผมบ้ารถ ผมเปลืองแค่รถ อย่างอืน ผมไม่เปลือง ไม่กินเหล้า ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เล่นกล้อง ไม่บ้า I-phone ผมเที่ยวเมืองนอกทุกปี (งบแสนบาท) ผมก็ผ่่านมาได้สบาย
แม้มันจะตึงมือสักหน่อยเพราะผม ผ่อนบ้านหมดภายใน 7 ปี

ความรู้สึกที่ได้ตามฝันวัยเด็ก ว่ามีรถ BM ป้ายแดงขับ มันฟินจริงๆ ครับ ยิ่งได้ขับตอนหนุ่มๆ ได้สนุกตอนหนุ่มๆ มันดีกว่า ไปซื้อขับตอนแก่ๆ เยอะเลยครับ แต่สักพักมันก็เบื่อ มันก็ไม่สุดนะ ต้องมีความฝันใหม่แทน
แต่ฝันเรื่องรถมันก็จะหมดไป มันจะทำให้เราไปหาฝันอะไรที่มันใหญ่กว่านั้นเยอะนะครับ
สำหรับรถ คันต่อไป ผมขอรถสปอร์ต ญป มือสอง ไม่ก็รถยุโรปมือสองปีใหม่ๆ ราคาไม่เกิน 1.8 ล้านพอครับ

ปล. ถ้าฝันแค่ว่ารถยุโรป ไม่จำเป็นต้องป้ายแดง มีรถยุโรปมือสอง อย่าง series 5 ราคาล้านกว่าๆ เพียบเลยครับ ประหยัดค่าความฝันไปได้เยอะเลยครับ จัดได้เลยครับ

ปล. ส่วนคนที่บอกให้เก็บเงินสำหรับตอนแก่ ผมขอเก็บสายกลางๆดีกว่าครับ ตอนนี้ผมอายุ 38 กำลังจะลาออกจากงานสิ้นเดือนนี้ ไปตามหาความฝันอื่นๆ เพราะออกตอนยังไมแก้ ยังมีไฟ มีแรง มีเวลาแก้ตัวอีกเยอะครับในกรณีที่ผิดพลาด และะตอนนนี้ผมไม่มีหนีสิน บ้าน รถ หรืออื่นๆ ให้ต้องพะวงแล้ว มีเงินเก็บก้อนนึงบวกได้เงินติดตัวเนื่องจากลาออกอีก 12 เดือน เอาไว้่เป็นทุนทำธุรกิจครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: Dr.Jones ที่ มกราคม 08, 2018, 19:54:30
 :-X :-[

เห็นหัวข้อแต่เช้าแล้ว ว่าจะไม่อ่าน เพราะไม่อยากร่วมดราม่า (หัวข้อมันกระชากใจ)
แต่ก็อดไม่ได้ เพราะเรื่องอาชีพน่ะละ
เอาเป็นว่าไม่เอา opinion นำ้เยอะทั้งหมดนะ ลองเอาตามนี้
---------------------------------------------------

ตอนเป็น พชท. ซื้อแค่รถ B หรือ C segment ใหม่ๆสบายใจไปก่อน ใช้ขับต่างจังหวัดให้คุ้ม ไม่มีใครในที่ทำงานสนใจเราหรอก มาเรียนต่อแล้วก็จบกันไป
รถญี่ปุ่นดุแลง่ายๆ ซ่อมง่ายๆ (อาจให้ที่บ้านช่วยดาวน์ เราส่งเอง ด้วยเงินเดือนหลักหมื่นน้ะละ)

พอมาเรียนต่อ ดูดีๆว่าไม่มีใครจ้องอิจฉา จะซื้อรถหรูๆ ก็ไม่มีใครว่า
แล้วปลดให้รถคันเดิมเป็นสำรองไป
หรือจะรอเรียนจบ ทำงานเงินเดือนเกินแสน น่าจะผ่านไฟแนนซ์ สบายๆ น่ะ
ต้องดูภาระอื่นๆด้วยนะ เช่นพ่อแม่ป่วยเบิกได้ไหม ต้องเลี้ยงภรรยาไหม ฯลฯ โอ้ย เยอะไปหมด
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: XyteBlaster ที่ มกราคม 08, 2018, 22:49:15
ลองเอง ฟินเอง เจ็บเองครับงานนี้

ใครแนะนำไม่ได้ 

ผมอยากแนะนำให้ จขกท หารายได้เสริม  เราต้องเอาซักทางครับ
 ทำธุรกิจ หางานเพิ่มรายได้เพิ่ม    แป๊บเดียวก็ซื้อไดเโดยไม่ลังเลแล้วครับ
หัวข้อ: Re: มีใครรายได้ไม่ถึงแสนต่อเดือน แล้วถอยรถสามสี่ล้านมาขับมั้ยครับ?
เริ่มหัวข้อโดย: IS2000 ที่ มกราคม 09, 2018, 10:16:06
ถ้าเป็นผมอาจจะหารถมือสองรุ่นที่ค่าดูแลไม่สูงเกินไปครับ เพราะอย่างน้อยขายต่อก็ไม่เจ็บตัวมากเท่ารถใหม่หรือบางรุ่นถ้ามี demand สูงๆอาจจะไม่ขาดทุนเลยด้วยซ้ำ