Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: lay ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2018, 18:52:33
-
อี-พาวเวอร์ หลุดโผรถอีวี นิสสันพ่ายBOI/ปรับทัพลุยไฮบริดเต็มสูบ.............
https://www.prachachat.net/motoring/news-110345
นิสสัน ยอมจับโน้ต อี-พาวเวอร์ เข้าหมวด ไฮบริด
ผมคิดว่า โน๊ต อีพาวเวอร์ เป็นรถที่น่าสนใจ ในช่วงเวลา1-5ปีต่อจากนี้ ก็เลยอยากชวนคุย ข้อดีข้อเสีย และถามท่านอื่นๆว่า ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณไหนครับ
ส่วนผมคิดว่า 7-9แสนกำลังดี
ข้อดี-นั่งสบายกว่า ลีฟ -ราคาถูกกว่า-ไม่ต้องห่วงเรื่องที่ชาร์จ
ข้อเสีย-ไม่แน่ใจว่า จะมีปัญหาเวลาขับขึ้นเขาขึ้นดอย จะหมดแรงกลางทางหรือเปล่า
-
^
ที่ว่าจับเข้าหมวดไฮบริด หมายถึง การคำนวณภาษีหรือเปล่าครับ
เรื่องขึ้นเขาแล้วหมดแรง มันก็ต้องใช้กะรถไฮบริดที่เร่งนานๆ ละแบตหมดสิฮะ มันไม่น่าจะเกี่ยวกะการจัดหมวดรถเฉยๆ นะ
-
รถไฮบริดที่หมดแรงเพราะแบตหมด อาศัยแค่แรงบิดจากเครื่องอย่างเดียวไม่พอ แต่ e-power มันใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตลอดเลยไม่มีปัญหาเรื่องแรงบิด
แต่ตอนนี้อยากรู้อัตรากินน้ำมันเวลาขับเร็วๆทางไกล (ขับในเมืองคงประหยัดแต่ขับนอกเมืองนี่ไม่แน่ใจ)
ปล. ถึงเป็นไฮบริดแต่ลงทุน BOI ภาษีถูกลงครึ่งนึง ลุ้นว่าปล่อย CO2 เท่าไหร่ ถ้าน้อยกว่า 100 g. ก็จะเหลือ 5% ราคาน่าจะยังโอเค
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
เห็นด้วยครับ++
-
ผมว่า Note E-power เหมาะกับไทยมากกว่า Leaf ครับ
ยังไงการเติมน้ำมัน ก็น่าจะทำให้ขับไปไหนมาไหนได้มากกว่า
แต่ก็ต้องระวังเรื่องการวิ่งผ่านลุยน้ำอยู่ดี
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
นี่แหละครับ ที่ผมลุ้นราคา และถ้ามีมาจริงๆในไทย ของLeaf ( ผมเลยยังไม่ชอบNote เพราะยังครึ่งๆกลางๆ)
โจทย์ผมเลย คน ตจว ถ้าจะเดินทางระหว่างจังหวัด ใช้ Teana,GLAแน่นอน
แต่ทำงานทุกวัน ขอแบบ กลับบ้าน จิ้มชาร์ทที่บ้าน เช้า ตื่นขับทำงานในเมือง วันละ60-70กิโล รวมช้อปปิ้ง จบที่ Leaf :D
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
กลที่เป็นเฟืองเกียร์ กับกลที่เป็นมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
แต่ผมกลับเห็นต่างเลยครับ ผมว่าในทุกๆการใช้งานเจ้า e-power นี้น่าจะประหยัดกว่าตัวเครื่องปกติแน่นอนของ note แน่นอน
เพราะจากที่อ่านที่พี่แพนรีวิวไว้ กับเคยได้สัมผัสมาช่วงสั้นๆ เครื่องยนต์มันจะทำงานแค่ตอนที่ต้องการไฟเพิ่ม และรอบเครื่องที่มันทำงานก็ต่ำด้วย อาจมีการใช้รอบเครื่องที่สูงขึ้นมาหน่อยในจังหวะที่เราต้องใช้ไฟเยอะขึ้น เช่นเร่งแซง หรือขึ้นเขายาวๆ แต่เมื่อรถมองว่ามีไฟได้เพียงพอแล้วเครื่องก็จะดับไป ตรงนี้หละครับที่ทำให้ผมเชื่อว่ามันจะประหยัดต่างจากไฮบริดตัวอื่นๆในบ้านเรามาก
ถ้าให้มองจริงๆ ผมก็ว่ามันคือรถ ev คันนึงนี่แหละครับ แต่อาจจะต่างจาก ev คันอื่นหน่อย เพราะมันก็ใช้ไฟฟ้าปั่นล้อให้รถวิ่งแบบ ev คันอื่น แต่แค่อาศัยเครื่องยนต์เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าแทนการเสียบปลั๊กชาร์จไฟแบบรถ ev ปกติ
ขอบคุณครับ ^^
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
แต่ผมกลับเห็นต่างเลยครับ ผมว่าในทุกๆการใช้งานเจ้า e-power นี้น่าจะประหยัดกว่าตัวเครื่องปกติแน่นอนของ note แน่นอน
เพราะจากที่อ่านที่พี่แพนรีวิวไว้ กับเคยได้สัมผัสมาช่วงสั้นๆ เครื่องยนต์มันจะทำงานแค่ตอนที่ต้องการไฟเพิ่ม และรอบเครื่องที่มันทำงานก็ต่ำด้วย อาจมีการใช้รอบเครื่องที่สูงขึ้นมาหน่อยในจังหวะที่เราต้องใช้ไฟเยอะขึ้น เช่นเร่งแซง หรือขึ้นเขายาวๆ แต่เมื่อรถมองว่ามีไฟได้เพียงพอแล้วเครื่องก็จะดับไป ตรงนี้หละครับที่ทำให้ผมเชื่อว่ามันจะประหยัดต่างจากไฮบริดตัวอื่นๆในบ้านเรามาก
ถ้าให้มองจริงๆ ผมก็ว่ามันคือรถ ev คันนึงนี่แหละครับ แต่อาจจะต่างจาก ev คันอื่นหน่อย เพราะมันก็ใช้ไฟฟ้าปั่นล้อให้รถวิ่งแบบ ev คันอื่น แต่แค่อาศัยเครื่องยนต์เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าแทนการเสียบปลั๊กชาร์จไฟแบบรถ ev ปกติ
ขอบคุณครับ ^^
ใช่ครับ กำลังจะเสริมว่า ในทางปฏิบัติ การขับรถทุกวันนี้แม้จะเป็นทาง ตจว ก็โอกาสน้อยมากที่จะได้ขับยาวๆ ไม่เบรค ไม่เร่งเลยจนแบตหมด ซึ่งหลังจากนั้นเครื่องยนต์จะปั่นไฟไปและใช้ไฟไปพร้อมๆกัน จุดนี้จุดเดียวจริงๆที่ผมคิดว่ามันจะเปลืองน้ำมันกว่ารถทั่วไป นอกนั้น e-power ได้เปรียบทุกกรณี
-
งั้นผมสมมุติเล่นๆ
ถ้า Note ระหว่าง E-power กับวางเครื่อง 1.5 เพียวๆ เลือกแบบไหนกันครับ (ราคาเท่ากัน)
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
เห็นต่างครับ
เพราะ Note ปกติ ปั่นล้อผ่าน CVT สายพานที่มีดีเลย์การทำงานเป็นปัญหาของ Belt-Pulley Effect แถมมี SubPlanetary อีก
รอบต่ำทดจัด อัตราเร่งอาจจะดีแต่กินน้ำมันระเบิดระเบ้อแน่ๆ ยิ่งเหยียบรอบยิ่งขึ้น
แต่ Note e-Power ปั่นล้อผ่านมอเตอร์ (ที่มี e-CVT ในตัว) และได้แรงบิดสูงสุดตั้งแต่รอบต่ำ
ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานสูงสุดแค่ที่ประมาณ 2,500 รอบ
ฟันธงว่ายังไง e-Power ก็ประหยัดน้ำมันกว่าครับ (ส่วนค่าบำรุงรักษาและความทนทาน ไว้ว่ากัน)
-
ลุ้นราคาเลย ดีไซน์สวยอยู่ละ
-
สมรรถนะของมอเตอร์ไม่ใช่ข้อกังขาใดๆทั้งนั้น ใช้มอเตอร์ล้วนขับเคลื่อนในเมืองจะบอกว่าฟินมาก ใช้แล้วแทบไม่อยากกลับไปใช้เครื่องสันดาปอีกเลย ใครยังไม่เคยแนะนำให้ไปลอง
แต่ใครก็ได้ตอบผมหน่อย ถ้าเราใช้คันนี้วิ่งต่างจังหวัด สมมุติว่าใช้ความเร็ว 120 ยาว แรงเครื่องสามารถปั่นไฟเข้ามอเตอร์ที่ทำงานเร็วขนาดนั้นไหวมั้ย ถ้าไหวแรงโหลดมันจะขนาดไหน กินน้ำมันเท่าไหร่กัน
-
งั้นผมสมมุติเล่นๆ
ถ้า Note ระหว่าง E-power กับวางเครื่อง 1.5 เพียวๆ เลือกแบบไหนกันครับ (ราคาเท่ากัน)
อันนี้ก็น่าคิดนะครับ ผมใช้แจ๊สรุ่นปี14 การออกตัว-เร่งแซง รวมถึงความประหยัดก็ ใช้ได้อยู่ แต่ให้ตอบคำถามนี้ ผมเลือก อีพาวเวอร์ ครับ(อยากลอง)
-
สมรรถนะของมอเตอร์ไม่ใช่ข้อกังขาใดๆทั้งนั้น ใช้มอเตอร์ล้วนขับเคลื่อนในเมืองจะบอกว่าฟินมาก ใช้แล้วแทบไม่อยากกลับไปใช้เครื่องสันดาปอีกเลย ใครยังไม่เคยแนะนำให้ไปลอง
แต่ใครก็ได้ตอบผมหน่อย ถ้าเราใช้คันนี้วิ่งต่างจังหวัด สมมุติว่าใช้ความเร็ว 120 ยาว แรงเครื่องสามารถปั่นไฟเข้ามอเตอร์ที่ทำงานเร็วขนาดนั้นไหวมั้ย ถ้าไหวแรงโหลดมันจะขนาดไหน กินน้ำมันเท่าไหร่กัน
เป็นคำถามที่ดีมากครับ อยากรู้เหมือนกัน
-
เรื่องนั่งสบายเกรงว่าจะแย่กว่าตัวปกติน่ะสิครับ เบาะแถวสองสอดเท้าเข้าไปใต้เบาะหน้าไม่ได้ เพราะติดแบต
-
รถไฮบริดที่หมดแรงเพราะแบตหมด อาศัยแค่แรงบิดจากเครื่องอย่างเดียวไม่พอ แต่ e-power มันใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตลอดเลยไม่มีปัญหาเรื่องแรงบิด
แต่ตอนนี้อยากรู้อัตรากินน้ำมันเวลาขับเร็วๆทางไกล (ขับในเมืองคงประหยัดแต่ขับนอกเมืองนี่ไม่แน่ใจ)
ปล. ถึงเป็นไฮบริดแต่ลงทุน BOI ภาษีถูกลงครึ่งนึง ลุ้นว่าปล่อย CO2 เท่าไหร่ ถ้าน้อยกว่า 100 g. ก็จะเหลือ 5% ราคาน่าจะยังโอเค
มันใช้ปั่นไฟ รอบเท่าเดิมไม่น่ากินเพิ่มนี่ครับ
คงไม่ทำมาแบบปั่นใช้เลย ปั่นใช้เลย คงต้องทำแบบปั่นเก็บเผื่อ และเก็บชดเชยไปเรื่อยๆ
-
ผมให้นิยาม Note e-power ว่าเป็นรถ Hybrid ขั้นสุดละกัน (est)
ผมว่ามันคือดาบสองคม ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน ถ้าใช้ให้ถูกที่ถูกทางมันน่าจะประหยัดกว่าไฮบริดทั่วไปแต่ถ้าใช้ผิดที่ผิดทางมันจะยิ่งกินน้ำมันกว่ารถทั่วไปซะอีก
เหตุผล เพราะมันมี ฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีเครื่องจักรใดๆ ในโลกที่จะมีเปลี่ยนพลังงานอย่างหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกอย่างหนึ่งได้ 100 %
Note e-power เปลี่ยนพลังงานกล->ไฟฟ้า แล้วเอา ไฟฟ้าเปลี่ยนไป-เป็นพลังานกลอีกที
ถ้าวิ่งกันนิ่งๆ หรือเร่งอย่างเดียว(ขึ้นเขา) ยาวๆ กินน้ำมันกว่า Note ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกันไปปั่นล้อโดยตรงแน่นอน
แต่ผมกลับเห็นต่างเลยครับ ผมว่าในทุกๆการใช้งานเจ้า e-power นี้น่าจะประหยัดกว่าตัวเครื่องปกติแน่นอนของ note แน่นอน
เพราะจากที่อ่านที่พี่แพนรีวิวไว้ กับเคยได้สัมผัสมาช่วงสั้นๆ เครื่องยนต์มันจะทำงานแค่ตอนที่ต้องการไฟเพิ่ม และรอบเครื่องที่มันทำงานก็ต่ำด้วย อาจมีการใช้รอบเครื่องที่สูงขึ้นมาหน่อยในจังหวะที่เราต้องใช้ไฟเยอะขึ้น เช่นเร่งแซง หรือขึ้นเขายาวๆ แต่เมื่อรถมองว่ามีไฟได้เพียงพอแล้วเครื่องก็จะดับไป ตรงนี้หละครับที่ทำให้ผมเชื่อว่ามันจะประหยัดต่างจากไฮบริดตัวอื่นๆในบ้านเรามาก
ถ้าให้มองจริงๆ ผมก็ว่ามันคือรถ ev คันนึงนี่แหละครับ แต่อาจจะต่างจาก ev คันอื่นหน่อย เพราะมันก็ใช้ไฟฟ้าปั่นล้อให้รถวิ่งแบบ ev คันอื่น แต่แค่อาศัยเครื่องยนต์เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าแทนการเสียบปลั๊กชาร์จไฟแบบรถ ev ปกติ
ขอบคุณครับ ^^
ใช่ครับ กำลังจะเสริมว่า ในทางปฏิบัติ การขับรถทุกวันนี้แม้จะเป็นทาง ตจว ก็โอกาสน้อยมากที่จะได้ขับยาวๆ ไม่เบรค ไม่เร่งเลยจนแบตหมด ซึ่งหลังจากนั้นเครื่องยนต์จะปั่นไฟไปและใช้ไฟไปพร้อมๆกัน จุดนี้จุดเดียวจริงๆที่ผมคิดว่ามันจะเปลืองน้ำมันกว่ารถทั่วไป นอกนั้น e-power ได้เปรียบทุกกรณี
คงไม่น่าทำมากระจอกขนาดนั้นนะครับ
-
รถไฮบริดที่หมดแรงเพราะแบตหมด อาศัยแค่แรงบิดจากเครื่องอย่างเดียวไม่พอ แต่ e-power มันใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตลอดเลยไม่มีปัญหาเรื่องแรงบิด
แต่ตอนนี้อยากรู้อัตรากินน้ำมันเวลาขับเร็วๆทางไกล (ขับในเมืองคงประหยัดแต่ขับนอกเมืองนี่ไม่แน่ใจ)
ปล. ถึงเป็นไฮบริดแต่ลงทุน BOI ภาษีถูกลงครึ่งนึง ลุ้นว่าปล่อย CO2 เท่าไหร่ ถ้าน้อยกว่า 100 g. ก็จะเหลือ 5% ราคาน่าจะยังโอเค
มันใช้ปั่นไฟ รอบเท่าเดิมไม่น่ากินเพิ่มนี่ครับ
คงไม่ทำมาแบบปั่นใช้เลย ปั่นใช้เลย คงต้องทำแบบปั่นเก็บเผื่อ และเก็บชดเชยไปเรื่อยๆ
มันอยู่ที่ว่า เวลานั้นมอเตอร์ดึงไฟไปใช้เท่าไหร่ ยังไงเครื่องยนต์ก็ต้องปั่นไฟมาเติมเท่านั้นล่ะฮะ
เปรียบเทียบง่าย ๆ ว่า
>> ไฟฟ้าก็เหมือนกับน้ำ
>> แบตเตอรี่ก็เหมือนถังเก็บน้ำ ลูกใหญ่ก็เก็บได้เยอะ ลูกเล็กก็เก็บได้น้อย
เวลาขับรถ เร่งแรง ออกตัวแรง ขับเร็ว ๆ มอเตอร์ก็ต้องกินกระแสไฟเยอะ
เปรียบได้กับการจ้วงน้ำออกจากถังไปใช้เยอะ ๆ
ถ้า จ้วงเอา จ้วงเอา แป๊บเดียว น้ำในถังก็ลดฮวบ
เราก็ต้องเปิดก๊อกเติมน้ำใส่ถัง ซึ่งก็คือเครื่องยนต์ก็ต้องปั่นไฟมาเติม
ถ้าเราจ้วงน้ำไปใช้แบบ จ้วงเอา จ้วงเอา เราก็ต้องเปิดก๊อกแรง ๆ เติมน้ำให้ทันกับที่จ้วงออก
ขืนเปิดก๊อกให้น้ำไหลเข้าแบบเอื่อย ๆ ก็ไม่ทัน น้ำแห้งถังก่อน
ก็เปรียบได้กับเครื่องยนต์ต้องปั่นไฟปริมาณมาก ๆ เข้าใส่แบตในเวลารวดเร็ว
มันก็ย่อมดึงเอาน้ำมันมาใช้มากกว่าเครื่องเดินเบา
ที่คิดว่า เครื่องยนต์ปั่นไฟแบบเดินเบารอบน้อย ๆ ชิลด์ ๆ ไปเรื่อย ๆ จิบน้ำมันแผ่ว ๆ
อาจจะไม่ใช่ เพราะยังไงชุด Generator ที่ติดกับตัวเครื่องมันก็คือ load เป็นภาระเครื่องยนต์
มันไม่ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินตัวปลิว สบาย ๆ แน่ ๆ ฮะ
ตอนเด็ก ๆ พี่ ๆ น่าจะเคยเล่นรถบังคับ รถใส่ถ่านกันบ้างแล้ว
คงไม่ได้ม้าก้านกล้วยกันอย่างเดียวใช่มั้ยฮะ ^^
เวลาเล่น ๆ ไป ถ้าถ่านอ่อนลงเรื่อย ๆ เรียวแรงรถบังคับมันก็เหี่ยวลง
รถจริงก็คงไม่ต่าง
ถ้าไฟแบตอ่อน เครื่องปั่นไฟใส่ไม่ทัน มันก็คงจะเร่งไม่ค่อยออก
แต่ถ้าจะปั่นไฟให้ทัน เครื่องก็ต้องมีโหลดมากขึ้น มันก็ซดน้ำมันตามไงฮะ
อันนี้ไม่ได้เทียบกับเอาเครื่องไปขับล้อโดยตรงนะ
แค่อยากจะบอกว่า ถึงจะใช้มอเตอร์เป็นตัวขับล้อรับภาระโหลดแทนเครื่อง
แต่ถึงยังไงโหลดนั้นก็ตกมาถึงเครื่องยนต์น้ำมันอยู่ดีฮะ ไม่ได้หนีไปไหน
-
ข่าวว่า INFINITI โฉมปี 2021 ก็จะมี e-Power ให้เลือกด้วยนะครับ
(https://os.mreport.co.th/medias/module-news/photo/photo-010218164337.jpg)
https://www.mreport.co.th/th/news/industry-movement/1801110100
-
แล้ว Note e-power ต้องบำรุงรักษาเครื่องยนต์ เหมือนรถสันดาปปกติหรือเปล่าครับ
เช่น เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ ไส้กรองเบนซิน
-
ผมก็ว่ามาแน่ๆครับ แต่เมื่อไหร่เท่านั้นเอง
-
แอบมองเธออยู่นะจ้ะ แต่เธอไม่ส่งข่าวคราวบ้างเลย ::)
-
หลักการคล้ายหัวรถจักรดีเซล
-
เรื่องเคลมยากจะติดมาด้วยมั้ย
-
ขอรอดูครับ ค่ายนี้ส่วนใหญ่จะช้าเสมอ ถ้ามาจริงก็เป็นข่าวดี ว่าแต่การที่ไม่ได้สิทธิ์ทางภาษีรถ EV จะทำให้ราคาตั้งมาเป็นเท่าไรก็ต้องรอลุ้นล่ะครับ
-
ตอนนี้ลุ้นว่าใครจะอยู่ใครจะไป ได้ข่าว MG ZS EV มาปลายปี ได้เปรียบราคากับสไตล์รถ SUV
แต่ note ได้เปรียบเรื่องระยะทาง
-
สงสัยต้องจับทุกท่านไปเรียนระบบส่งกำลัง ระบบผลิตไฟฟ้า กันเพิ่ม จะได้คุยกันรู้เรื่อง
Note e power กับ 1.5 ต่างกันสิ้นเชิง มีแค่เปลือกที่เหมือนกัน เครื่อง 1.5 คงไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกท่านรู้กันลึกซึ้งดีละ
Note e power มันก็คือ รถยนต์ไฟฟ้า 100% เพียงแต่พกเครื่องปั่นไฟติดตัวไปด้วย และ มีแบตเตอรี้ขนาดเล็กไว้ควบคุมความเสถียรในการจ่ายไฟ
เรารู้กันดีว่า เครื่องยนต์ ถ้าทำงานที่รอบๆ นึง จะให้ประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ผลิตเค้าก็กำหนดรอบการปั่นไฟไว้ที่เท่านั้น
แต่เมื่อไหร่ ที่ต้องการพลังงานที่มากขึ้น เครื่องยนต์ก็จะปั่นไฟมากขึ้น แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ลดลง นั่นหมายความว่าจะไม่ประหยัดน้ำมัน
ด้วยรูปแบบรถยนต์ไฟฟ้า ระบบส่งกำลังก้คือสายไฟฟ้าที่ส่งกระแสไฟฟ้าไปให้มอเตอร์ทำงาน การสูญเสียจะน้อยลงไปมาก
ด้วยประสิทธิภาพที่ดีกว่า คงต้องยอมรับกันว่าในอนาคต เครื่องยนต์เครื่องสันดาปเพียวๆ คงต้องสาปสูญ และถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับยานยนต์อนาคต
-
จะโน๊ตจะลีฟ เป็น นิสสันไทย ผมก็บายละคร้าบ