Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: bahamu ที่ เมษายน 03, 2018, 22:06:44
-
หลายสำนักฟันธงว่า CX5 น้ำดันเกิดจาก dpf ร้อนจัด
เนื่องจากน้ำมันดีเซลไม่สามารถชะล้างเขม่าได้หมด
หรือขณะที่กำลังล้างเกิดดับเครื่องก่อน
คลานในเมืองช้าท่อไอเสียไม่ร้อนพอจนเขม่าหลุด
และทำให้เครื่องสั่งฉีดน้ำมันไปล้างมากจน ท่อไอเสียร้อนจัดถึงแปดร้อยองศา
ความร้อนลามไปทำลายประเก็น ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว น้ำจึงแห้ง
และน้ำมันดีเซลลงไปผสมกับน้ำมันเครื่อง บางคนไปดูดออกทีนี้เหล็กปะทะเหล็กพังเร็ว
(บ.ถึงให้ถ่ายน้ำมันเครื่องทันทีเมื่อถึงกากบาท จะได้หล่อลื่นเครื่องได้ดี)
ทางแก้ปัญหาเดียวคือ ตัดdpfทิ้ง ตรวจสภาพไปวัดดวงเอา
dpf cleaning หาดูไม่ยาก ทำเองที่บ้านได้
ทั้งที่จริงใช้น้ำยาล้างก็ได้ จะเติมไปผสมกับน้ำมันดีเซล หรือฉีดที่กระบอกdpf
ราคาหลักร้อย รวมค่าแรงช่างก็พันต้นถ้าสวนล้าง ถูกว่าค่าตัดทิ้งอักโข
เพราะสารชะล้างในน้ำมันดีเซลตัวถูกใส่มาน้อย ต้องเติมหัวเชื้อเพิ่มก็แก้ได้แล้ว
ถ้าเขม่าเกาะหนามาก ที่มักบอกว่าอืด สะอึก ก็ใช้ก้านฉีด แยงเข้าช่องซึ่งมีมาจากโรงงาน
โดยหัวฉีดจะพ่นน้ำยาหน้าไส้กรองตรงๆ ฉีดไปให้ชุ่มจนหมดกระป๋อง แล้วติดเครื่อง
พอเร่งเครื่องค้างไว้ จนท่อไอเสียร้อน จะมีฟองสบู่พุ่งออกทางปลายท่อไอเสีย
สกปรกมากฟองจะดำเป็นโคลน ต่างประเทศก็ล้างกันทั้งนั้นทำไมต้องตัดทิ้ง
หัวลากยังออกแบบให้ควักเอาไส้มาล้างแล้วใส่กลับลงไป เพราะกม.เข้มไม่ให้ลักไก่
เป็นถังทรงกระบอกเท่าคนโอบ เขาก็ล้างกัน ไม่ต้องตัดทิ้ง ถึงปีถึงกม.ทำที
ของรถเก๋งที่ตันจะถอด เข้าตู้ล้างฉีดน้ำยาแรงดันสูงจนไหลโล่ง แล้วใส่คืน
เหลืออากาศดีๆให้ลูกหลานบ้างเถอะ ทุกวันนี้มีแต่ฝุ่นทั้งเมืองหายใจลำบาก
ถ้าdpfโล่ง แล้วน้ำยังดัน มาสด้าก็ควรซ่อมฟรีไปเรื่อยๆน่ะถูกแล้ว
แสดงว่าฝาสูบเป็นตามด อย่างล็อตแรกแล้วแก้ไม่หาย เสื้อไม่เคยเป็นไร
แคมสึก ลูกเบี้ยวเป็นรอยเพราะน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพไม่น่าเกิดได้อีก
หรือรับซื้อโดยหักค่าเสื่อม อย่างที่เคยเสนอไป จะได้พอมีเงินไปออกรถใหม่ได้
รับผิดชอบดีลูกค้ายังไม่เปลี่ยนใจ ยิ่งแก้จบคนอยากใช้ยิ่งเพิ่มขึ้น
ศูนย์ควรมีบริการล้างdpfโดยใช้น้ำยาให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
ครั้งละพัน ต่อสองหมื่นกม. คงไม่แพงไปสำหรับคนซื้อรถใกล้ล้านและล้านกว่าบาท
พอกม.บังคับให้กะบะ ยกสูงติดdpfจะได้ล้างเป็น ไม่ใช่มาตัดทิ้ง
จะได้มีดีเซลไว้เล่นกันนานๆ อีกหน่อยเจอบังคับแบบจีนแดงเดี๋ยวไฟจะไม่พอใช้
-
อย่าสนใจพวกลูกค้าแบบไทยๆ เลยครับ ขนาดน้ำมันเครื่องเขามีเกรดเฉพาะรถที่มีระบบ DPF เชื่อได้ว่ามันต้องมีลูกค้าคนไทยสุดเก่งที่บอกว่าใช้ทำไมของแพง น้ำมันเครื่องทั่วไปก็เติมได้
ระบบที่ใช้ในรถยุโรปมากกว่า 10 ปี เขามีวิธีจัดการที่ใช้กันอยู่ แต่ลูกค้าคนไทยเก่งกว่าวิเคราะห์ได้เป็นฉากๆ บางทีผมก็เบื่อจะอ่านเหมือนกัน
-
หลายสำนักฟันธงว่า CX5 น้ำดันเกิดจาก dpf ร้อนจัด
เนื่องจากน้ำมันดีเซลไม่สามารถชะล้างเขม่าได้หมด
หรือขณะที่กำลังล้างเกิดดับเครื่องก่อน
คลานในเมืองช้าท่อไอเสียไม่ร้อนพอจนเขม่าหลุด
และทำให้เครื่องสั่งฉีดน้ำมันไปล้างมากจน ท่อไอเสียร้อนจัดถึงแปดร้อยองศา
ความร้อนลามไปทำลายประเก็น ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็ว น้ำจึงแห้ง
และน้ำมันดีเซลลงไปผสมกับน้ำมันเครื่อง บางคนไปดูดออกทีนี้เหล็กปะทะเหล็กพังเร็ว
(บ.ถึงให้ถ่ายน้ำมันเครื่องทันทีเมื่อถึงกากบาท จะได้หล่อลื่นเครื่องได้ดี)
ทางแก้ปัญหาเดียวคือ ตัดdpfทิ้ง ตรวจสภาพไปวัดดวงเอา
dpf cleaning หาดูไม่ยาก ทำเองที่บ้านได้
ทั้งที่จริงใช้น้ำยาล้างก็ได้ จะเติมไปผสมกับน้ำมันดีเซล หรือฉีดที่กระบอกdpf
ราคาหลักร้อย รวมค่าแรงช่างก็พันต้นถ้าสวนล้าง ถูกว่าค่าตัดทิ้งอักโข
เพราะสารชะล้างในน้ำมันดีเซลตัวถูกใส่มาน้อย ต้องเติมหัวเชื้อเพิ่มก็แก้ได้แล้ว
ถ้าเขม่าเกาะหนามาก ที่มักบอกว่าอืด สะอึก ก็ใช้ก้านฉีด แยงเข้าช่องซึ่งมีมาจากโรงงาน
โดยหัวฉีดจะพ่นน้ำยาหน้าไส้กรองตรงๆ ฉีดไปให้ชุ่มจนหมดกระป๋อง แล้วติดเครื่อง
พอเร่งเครื่องค้างไว้ จนท่อไอเสียร้อน จะมีฟองสบู่พุ่งออกทางปลายท่อไอเสีย
สกปรกมากฟองจะดำเป็นโคลน ต่างประเทศก็ล้างกันทั้งนั้นทำไมต้องตัดทิ้ง
หัวลากยังออกแบบให้ควักเอาไส้มาล้างแล้วใส่กลับลงไป เพราะกม.เข้มไม่ให้ลักไก่
เป็นถังทรงกระบอกเท่าคนโอบ เขาก็ล้างกัน ไม่ต้องตัดทิ้ง ถึงปีถึงกม.ทำที
ของรถเก๋งที่ตันจะถอด เข้าตู้ล้างฉีดน้ำยาแรงดันสูงจนไหลโล่ง แล้วใส่คืน
เหลืออากาศดีๆให้ลูกหลานบ้างเถอะ ทุกวันนี้มีแต่ฝุ่นทั้งเมืองหายใจลำบาก
ถ้าdpfโล่ง แล้วน้ำยังดัน มาสด้าก็ควรซ่อมฟรีไปเรื่อยๆน่ะถูกแล้ว
แสดงว่าฝาสูบเป็นตามด อย่างล็อตแรกแล้วแก้ไม่หาย เสื้อไม่เคยเป็นไร
แคมสึก ลูกเบี้ยวเป็นรอยเพราะน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพไม่น่าเกิดได้อีก
หรือรับซื้อโดยหักค่าเสื่อม อย่างที่เคยเสนอไป จะได้พอมีเงินไปออกรถใหม่ได้
รับผิดชอบดีลูกค้ายังไม่เปลี่ยนใจ ยิ่งแก้จบคนอยากใช้ยิ่งเพิ่มขึ้น
ศูนย์ควรมีบริการล้างdpfโดยใช้น้ำยาให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
ครั้งละพัน ต่อสองหมื่นกม. คงไม่แพงไปสำหรับคนซื้อรถใกล้ล้านและล้านกว่าบาท
พอกม.บังคับให้กะบะ ยกสูงติดdpfจะได้ล้างเป็น ไม่ใช่มาตัดทิ้ง
จะได้มีดีเซลไว้เล่นกันนานๆ อีกหน่อยเจอบังคับแบบจีนแดงเดี๋ยวไฟจะไม่พอใช้
Lovelove
ถ้าออกกฎ ให้เอาท่อไอเสียไว้ด้านหน้า รับรองอากาศเมืองไทย สะอาดที่สุดในสามโลก
แต่ถ้าปัดขี้ไปให้เพื่อนข้างหลัง ผลก็อย่างที่เห็น
-
ทำไมค่ายรถยนต์ไม่ทำระบบล้างแบบสั่งล้างตอนไหนก็ได้มาให้จบๆไปครับ ส่วนที่ระบบทำเองก็มีไปเหมือนเดิม และเมื่อเข้าศูนย์บริการก็มีระบบล้างด้วยช่างในรูปแบบง่ายๆไม่ต้องใช้ช่างเทพ ถ้ามันพังเพราะระบบนี้จริงๆ ก็จะได้รู้ๆกันไป
-
คนไทยบางคน ยังไม่ยอมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็มีนะครับ ชื้อรถคันเป็นล้านได้ แต่ค่าน้ำมันเครื่องไม่กี่พัน ไม่ยอมเสีย แถมบอกว่า เปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนรถก็วิ่งได้เหมือนเดิม เปลี่ยนทำไมให้เปลืองเงินเปล่าๆ
-
ค่ายรถได้มีการตรวจเช็คระบบ DPF ให้กับรถทุกคันที่มีอยู่แล้วครับ และได้เพิ่มในบูราตินไปแล้วว่า ให้ตรวจเช็คและล้างหากพบว่าเริ่มอุดตัน ทั้ง CX5 และ M2
ส่วนที่มีการตัดทิ้ง อันนี้เป็นความพอใจของเจ้าของรถเองครับ เช่นเดียวกับที่บรรดารถกระบะหลายๆคันไปอุด EGR กัน ซึ่งบางคนก็อุด บางคนก็ไม่อุด ขึ้นกับบุคคล
การตัด DPF ออกก็เช่นกันครับ เพราะมีสำนักแต่งหลายรายแนะนำให้เอาออก ซึ่งคนที่ได้รับข้อมุลมาก็ไปใช้บริการตามความเชื่อของบุคคลนั้นๆ
.....................................
ป.ล.อันนี้ขอพูดในนามส่วนตัวนะ .. .สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ที่มี EGR และ DPF มันเหมือนรถคันนั้นมีสารก่อมะเร็งเข้ามาในรถ ซึ่ง2 ตัวนี้ ดีกับบรรยากาศแต่เป็นผลเสียกับเครื่องยนต์ ...
ดังนั้นเจ้าของรถบางรายรู้แบบนี้ ตึงตัดเนื้อร้ายออกแทนที่จะรอเข้ารับการรักษาเมื่อเกิดอาการ ....
น่าจะพอเข้าใจนะ ....
-
การตัดเนื้อร้ายออกจากตัว แต่เพิ่มภาระมลพิษให้อากาศของคนส่วนรวม ถือว่าเห็นแก่ตัวครับ
ตราบใดที่ประเทศเรายังมีจิตสำนึกที่ไม่เห็นแก่ส่วนรวมแบบนี้ อากาศในกรุงเทพ ก็มีแต่จะแย่ลงๆ
-
ที่เอะอะตัดทิ้ง เอะอะตัดทิ้ง คงมาจากอู่สายดีเซลทั่วๆไปที่ทำอะไรไม่เป็นก็ตัดตัวปัญหาทิ้งไปซะก่อน ผมเองคาดกว่ามาจากนิสัยการอุด egr และตัด DOC (diesel catalyst) ทิ้งแล้วใส่ท่อตรงแทนแคทนั้นแหละ พอตัดไปละก็ถือว่าจบเรื่อง ทีนี้มาเห็น dpf ก็เลยคิดว่ามันเหมือนกัน ก็ตัดๆไปซะ ง่ายดี
ประเทศเจริญแล้ว กฎหมายแรงๆใครทำแบบนี้ก็เตรียมจ่ายค่าปรับหัวบาน และจะต่อทะเบียนต่อภาษีประจำปีไม่ได้ครับ
ใน UK เองก็เคยมีกระแสตัด dpf ในรถเก่าทิ้ง แต่หลังๆ ขนส่งตามทันเลยออกกฎเลยว่า รถเก่าใครมาถึงไม่มี dpf ให้เช็คไปว่า VIN คันนั้นเดิมโรงงานมี dpf หรือยัง ถ้ามีแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีเจ้าของรถอ่วมครับ
ผมเองคิดมาระยะนึงแล้ว ว่ายังไงซะ dpf ก็ต้องมาไม่วันใดก็วันนึงในรถกระบะดีเซลทั้งหลาย วันนั้นก็คือวันที่กฎหมายไทยบังคับ euro 5 แต่คงจะอีกนาน ถ้าไม่ทำให้ euro 5 , euro 6 และสุดท้าย EV เป็นวาระแห่งชาติให้เป็นรูปธรรมชัดเจนกว่านี้ เมืองเราก็จะจมกับหมอกพิษ และ PM ทั้งหลายอยู่แบบนี้ครับ
ส่วนเรื่อง dpf มาในปิคอัพทั้งหลายแล้ว แน่นอน คนไปตัดมันออกน่ะมีแน่ๆ แต่คนที่ใช้เดิมๆ ก็เยอะนะ และคิดว่าถ้ามีตัวนี้อากาศบ้านเราสะอาดขึ้นแน่นอน
ระบบล้าง dpf แบบ manual มีนะครับแต่กลุ่มลูกค้าจะทำหรือเปล่า บางรุ่นมีปุ่มกดในรถ กดแล้วรอบจะเร่งไปราวๆ 2-3 พันไม่แน่ใจ แล้วเร่งอยู่แบบนั้นนาน 30-45 นาที หรือจนกว่าจะเผาเขม่าหมด ลองหาเพิ่มเติมดูครับ dpf regen button
-
มาแล้ว....
ลุกพี่ผม ชอบๆ จัดมาบ่อยๆนะครับ
-
คนที่เอาไปอุดไปถอดออก อ้างว่ายืดอายุเครื่อง แต่เพิ่มมลพิษให้คนอื่น
อันนี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงครับ เสียดายเงิน ไม่เสียดายสุขภาพ เพราะมันเห็นผลช้า
-
ช่างไทยเก่งกว่าวิศวะกรเป็นร้อยที่ออกแบบเครื่องยนต์นะครับ ;D ;D
ผมจัดเบนซินไปละครับ สบายใจกว่า รถเมียใช้ด้วย ไม่อยากเจอปัญหา
-
สงสัย การถอด DPF และ EGR เอาออกมาล้าง แล้วเขม่าโคลน ที่ล้างได้ไปทิ้งที่ไหน ถ้าทิ้งในสิ่งแวดล้อม หรือปนกับขยะทั่วไป ก็ไม่ต่างกัน
-
เมื่อใช้น้ำมันดีเซล ยูโร5 ขึ้นไป ฉีดไปทำละลายและเผาไหม้เขม่า
จะทำให้nox จากเขม่าที่dpfดักจับเป็นกลาง เมื่อออกมาพ้นท่อไอเสีย
เป็นฝุ่นที่มีอนุภาคใหญ่ ระบบทางเดินหายใจของคนป้องกันได้
น้ำยาล้างให้ผลเดียวกันแต่เข้มข้นกว่าที่ผสมในน้ำมันตามปั้มหลายสิบเท่า
ประมาณน้ำยาล้างมือ กับล้างห้องน้ำ
ถ้าอุดegr noxมาเต็ม ทำให้เกิดฝนกรด มะเร็งปอด ฝุ่นอนุภาคเล็กมากเล็ดรอดมาที่dpfมากกว่าหลายเท่า
ทำให้ตันเร็ว ยิ่งเติมน้ำมันยูโร4จะตันเร็วขึ้นไม่ต่ำกว่าห้าเท่า เมื่อเทียบกับน้ำมันยูโร5
ส่วนเบนซินมีco ทำลายชั้นบรรยากาศ ทำให้คนขาดอากาศตายได้ ถ้าบริเวณนั้นcoเข้มข้นมาก
egr ช่วยลดจำนวนco เนื่องจากนำไอเสียกลับไปเผาไหม้ให้หมดจด
จากนั้นใช้แคทร้อนจัดเพื่อแปลงเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ที่อันตรายน้อยกว่า
แต่แคทมีอายุ ต้องคอยเปลี่ยน ราคาไม่ถูก
ถ้าใช้b100 มลพิษต่ำมากเท่า e100 แต่ยังขาดการสนับสนุนและยังมีความเชื่อผิดๆอยู่อีกมาก
ขนาดบ้านเราใช้เศษใบอ้อย กลั่นเป็นb100 ได้หลายปียังไม่คืบเลย ทั้งที่ต้นทุนต่ำปริมาณมหาศาล
โรงงานยังตั้งหัวฉีดให้e10เป็นพระเอก e85จึงเป็นผู้ร้ายทั้งที่แรงกว่า สะอาดกว่า
แค่กินมากกว่า แต่ถูกกว่าเยอะ ผลิตในประเทศ ราคาไม่จูงใจ ตจว.มีน้อยและควบคุมคุณภาพไม่ดี
-
บอกไปพวกที่อยากจะตัดมันก็ตัดอยู่ดีครับ แค่EGRยังอุดกัน DPFหากต้องบังคับใส่ในรถกระบะเมื่อไร
พวกท่านๆรักรถทั้งหลายตัดทิ้งหมดแน่นอน แล้วก็จะมีข้ออ้างตามมา เนื้อร้ายเครื่องยนต์
ผมต้องใช้รถนาน มีแล้วเครื่องพังต้องเสียเงินค่าซ่อม บลาๆๆ รักษ์โลกนะ แต่รักเงินในกระเป๋ามากกว่า
ลืมไปหรือเปล่า รถนะอะไรเสียก็ซ่อมได้ ซ่อมได้เปลี่ยนได้ทุกชิ้นอะ
แต่ร่างกายคนเนี่ย ต่อให้มีเงินเป็น 10ล้าน 100ล้าน มันเสียไปแล้วไม่มีอะไรซ่อมได้
เหลืออากาศไว้ให้ลูกหลานได้ใช้บ้างเถอะ
-
เอาจริงๆ เห็นในกลุ่ม fb ก็มีคนไปตัด DPF กันมา สุดท้ายก็น้ำดันอยู่ดีครับ
-
ของ2ผมไม่ได้ตาม แต่CX5มีคนทำแล้ว เปลี่ยนเครื่องไปแล้วเช่นกัน ไม่รู้นะฟังเค้ามา อิๆ
-
อ่าววว ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ DPF แล้วหรอเนี่ย
-
ทำไม เบนซ์ บีเอ็ม หรือเชฟ ดีเซล ใช้กันมาก่อนหลายปี ไม่เคยได้ยินปัญหา DPF เลย
ระบบก็ทำงานเหมือนๆกันไม่ใช่หรือครับ หรือการออกแบบมีปัญหาตรงไหนสำหรับมาสด้า
-
เล่นเบนซิลไปครับถ้ามันจะยุ่งขนาดนั้น ซื้อรถมาใช้งานไม่ได้ซื้อมาปวดหัว :-\
ดีสุดคือซื้อรถเอาที่เติมE85ยิ่งดี แล้วก็เติมแต่E85 ดีต่อตนเอง,คนในบ้านและสิ่งแวดล้อมยอมจ่านค่าเชื้อเพลิงแพงหน่อย 8)
-
ขอบคุณ เจ้าของกระทู้ ที่มาแบ่งปันความรู้
ได้ความรู้ใหม่ๆที่ไม่เคยรู้มาก่อน...
-
ไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับเนี่ย เครื่องดีเซล แก๊สไอเสียอุณหภูมิ 800 องศาC :-\ :-\
ผมคิดว่าไม่น่าจะถึง เพราะขนาดเครื่องยนต์ แก๊ส CNG/NGV ที่มีความจุความร้อนมากกว่า อุณหภูมิแก๊สไอเสียยังแค่ 650 องศาC เองครับ
-
ทำไม เบนซ์ บีเอ็ม หรือเชฟ ดีเซล ใช้กันมาก่อนหลายปี ไม่เคยได้ยินปัญหา DPF เลย
ระบบก็ทำงานเหมือนๆกันไม่ใช่หรือครับ หรือการออกแบบมีปัญหาตรงไหนสำหรับมาสด้า
http://www.kugaownersclub.co.uk/forum/diesel-in-engine-sump_topic8872.html
https://5series.net/forums/e60-discussion-2/oil-level-increasing-525d-se-95652/
https://www.avontuning.co.uk/blog/mazda-5-6-oil-level-rising
https://www.jaguarforums.com/forum/diesel-variants-all-models-52/dpf-engine-oil-level-87197/
http://www.bimmerforums.co.uk/forum/f15/engine-oil-level-rising-please-help-identify-possible-cause-t188290/
http://www.hyundai-forums.com/i40-forum/429753-diesel-motoroil.html
http://forums.mercedesclub.org.uk/index.php?threads/the-oil-level-in-the-sump-has-risen.128282/
http://www.crvownersclub.com/forums/14-problems-issues/142818-oil-level-increasing.html
อันนี้ Ford Focus TDCI ครับ ที่ AUS ครับ
http://forums.whirlpool.net.au/archive/2438179
Isuzu D-MAX ที่ไปขายในยุโรปต้องมี DPF ก็มีปัญหาครับ
https://thefarmingforum.co.uk/index.php?threads/anyone-else-having-oil-level-rising-in-2014-isuzu-d-max.108074/
https://www.honestjohn.co.uk/forum/post/113172/isuzu-dmax-2014--
ในยุโรปนี่บังคับ Euro 5 ตั้งแต่ 2009 แล้วนะครับ
ไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับเนี่ย เครื่องดีเซล แก๊สไอเสียอุณหภูมิ 800 องศาC :-\ :-\
ผมคิดว่าไม่น่าจะถึง เพราะขนาดเครื่องยนต์ แก๊ส CNG/NGV ที่มีความจุความร้อนมากกว่า อุณหภูมิแก๊สไอเสียยังแค่ 650 องศาC เองครับ
มีพวกจูนบอกลดความร้อนตรงนี้ได้เอามาอ้างครับ โฆษณาตามบอร์ดตามเพจคนใช้ครับ
https://www.facebook.com/groups/248285652311318/permalink/383135262159689/