Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wa330 ที่ เมษายน 11, 2018, 15:55:26
-
พอดีไปอู่รุ่นน้องที่รับจูนกล่องได้ยินว่าช่วงนี้งานเข้าเยอะ เลยถามไปว่าjazzgk dmax1.9มาจูนเยอะหรอ น้องมันบอกไม่พี่ mazda2 cx-5 diesel มาจูนแก้dpfกันน้ำดัน
ไปถึงก็จริงๆ แต่ที่ฮามาก คือพี่เจ้าของcx-5ที่เอารถมาทำ
ผมกับพี่เขานั่งรอในห้องรับรอง แล้วมีโทรศัพท์พี่เขาเข้ามา คร่าวๆที่ผมฟังมา
รถจะต้องregen dpf ทุกๆ200โลนะ
ตอนdpfทำงานให้สังเกตว่า I-stopจะดับ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะมากขึ้น
เสียงเครื่องจะอื้อๆ เวลาเร่งเครื่องจะหน่วงๆ
ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด ให้ขับรถล๊อคเกียร4เลี้ยงรอบสองพันถึงสามพันรอบ
ขับไปประมาณ15กม
ไม่อย่างนั้นน้ำมันที่ฉีดเพื่อเผาเขม่าdpfจะไหลไปรวมกับน้ำมันเครื่องทำให้เสื่อมไวและล้นนะ
ถ้าทำแบบนี้รถจะไม่มีปัญหา อย่าไปดัดแปลงตัดdpfอุดegrนะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาเยอะ
เหม็นไอเสียด้วย
ประมาณนี้ครับผมนี้นั่งฟังเพลินเลย จนน้องเจ้าของอู่มาเรียกพี่เขาไปรับรถ
ผมเลยเดินตามไปอยากรู้พี่เขาใช้รถอะไร เอารถมาทำอะไร
cx-5 ครับ แต่พอสตาร์ทเครื่อง ได้ยินเสียงนี้ผมสดุ้งเลย นึกว่าdmax เสียงแหบมาเลย
สรุป พี่เขาเอารถมาจูนยกเลิกมอเตอร์egrพร้อมอุด ตัดdpf เดินท่อใหม่เปลี่ยนหม้อพักแต่ง
และจูนเรียกแรงม้าแรงบิดเพิ่ม
จัดเต็มขนาดนี้แต่เมื่อกี้คุยโทรศัพท์แนะนำคนอื่นได้แบบ ;Dมากๆ
พอพี่เขาไปน้องคนจูนบอกคันนี้พี่เขาสั่งจูนหนักเน้นแรงไม่เกี่ยงควันดำ
ผมเลยถามลองแล้วเป็นไงแรงกว่าเดิมเยอะไหม น้องมันบอกชัดเจนพี่กดหนักควันสวยใช้ได้555
สุดท้ายก็ต้องหนีตายแบบลูกทุ่งๆแบบนี้ ::) ::) ::)
-
ถ้า DPF มันมีปัญหาจริง
ทำแบบถอดล้างได้ก็ดี ล้างทุกๆ 10,000 โล
-
เงื่อนไขเยอะแบบนี้ ไม่เอาด้วยละ รถ ตจว.มันต้องทนๆง่ายๆสิ
-
"รถจะต้องregen dpf ทุกๆ200โลนะ
ตอนdpfทำงานให้สังเกตว่า I-stopจะดับ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะมากขึ้น
เสียงเครื่องจะอื้อๆ เวลาเร่งเครื่องจะหน่วงๆ
ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด ให้ขับรถล๊อคเกียร4เลี้ยงรอบสองพันถึงสามพันรอบ
ขับไปประมาณ15กม
ไม่อย่างนั้นน้ำมันที่ฉีดเพื่อเผาเขม่าdpfจะไหลไปรวมกับน้ำมันเครื่องทำให้เสื่อมไวและล้นนะ
ถ้าทำแบบนี้รถจะไม่มีปัญหา อย่าไปดัดแปลงตัดdpfอุดegrนะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาเยอะ
เหม็นไอเสียด้วย"
ถามหน่อยทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นใน
benz 250d
bmw 20d 25d
volvo d4 d5
-
ถ้ามันจะเรื่องมากขนาดนั้นก็อย่าไปใช้มันเลยครับ
อ่านก็ปวดหัวแล้ว ยังต้องหาน้ำมันดีเซลพีเมื่ยมเติมอีก
ปล่อยมันขายไม่ออกม้วนเสื่อไปดีกว่าครับ
-
ดีเซลเกียร์ 4ที่สามพันรอบมันเร็วอยู่นา จะหาถนนที่ไหนวิ่งได้ หาที่โล่งๆ แล้วเบิ้ลเครื่องไปที่ 3,000 รอบไม่ดีกว่าหรือ
-
สุดท้าย น่าจะเป็นวิธีที่จบที่สุด ในการรักษารถตัวเองไว้
-
ของผมอุด egr + dpf จูนปิด จบได้รถแรงประหยัด 1 คัน
-
ดูแล้วยุ่งยากจริง จะวิ่งไงเกียร์ 4 ล๊อก rpm 2k-3k 15 นาที ทางคงต้องยาว 20 KM ขึ้น แบบรถไม่ติด
แต่ CX-5 วิ่งควันดำ ดูทุเรศน่าเกลียด เหมือนรถกระบะเก่าๆ ราคาถูกๆ แว้นๆ ไม่มีภาพลักษณ์รถคันละ 1 ล้านกว่าเลย
-
รถบ้าอะไร ใช้งานได้ยากเย็นขนาดนี้ :-X
-
"รถจะต้องregen dpf ทุกๆ200โลนะ
ตอนdpfทำงานให้สังเกตว่า I-stopจะดับ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะมากขึ้น
เสียงเครื่องจะอื้อๆ เวลาเร่งเครื่องจะหน่วงๆ
ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด ให้ขับรถล๊อคเกียร4เลี้ยงรอบสองพันถึงสามพันรอบ
ขับไปประมาณ15กม
ไม่อย่างนั้นน้ำมันที่ฉีดเพื่อเผาเขม่าdpfจะไหลไปรวมกับน้ำมันเครื่องทำให้เสื่อมไวและล้นนะ
ถ้าทำแบบนี้รถจะไม่มีปัญหา อย่าไปดัดแปลงตัดdpfอุดegrนะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาเยอะ
เหม็นไอเสียด้วย"
ถามหน่อยทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกินขึ้นใน
benz 250d
bmw 20d 25d
volvo d4 d5
นั่นสิครับ
รวมถึง Focus TDi
Cruze D
Captiva D
ก็ยังใช้งานกันปรกติ
ผมว่าหลายคนยังไม่ยอมรับว่า Skyactiv D มันมีปัญหา และ Mazda ต้องเร่งแก้ไข
-
การใช้รถไม่ควรมีวิธีใช้หรือเปล่าครับ รถมีปัญหาก็คือมีปัญหานะผมว่า
-
ยัง ยัง ยังซื้อกันอีก อยุ่อันดับ 3 แน่ะ
-
น้ำดัน ถ้าถามช่างรุ่นฝาเหล็กจะตอบคนละอย่างจากบรรดาสำนักที่บอก
น้ำดันมักคู่กับฝาสูบโก่ง ถ้าไม่มากไสฝาหาย เช่น td27 ฝาแดง
แต่อาการนี้มาพร้อมเข็มความร้อนชนแดง ฝารุ่นนี้หล่อไม่ดีแต่ช่างไทยแก้ได้
แต่นี่หม้อน้ำๆเต็ม กระปุกพักน้ำลด ฝาไม่โก่ง ประเก็นคงบางเลยแก้ให้หนาขึ้น
ถ้าน้ำดันอีก ฝาไม่โก่ง ประเก็นปิดสนิท เสื้อน่าจะมีปัญหา บางคันไม่ได้เปลี่ยนเสื้อ
สมัยก่อนที่หล่อเสื้อไม่เรียบร้อย จากแม่พิมพ์ทราย หรือ โพรงน้ำคอขวด
ในรถถูกๆโพรงน้ำขรุขระ ไม่ได้เรียบแบบรถแพงเวอร์ที่ส่องกล้องตรวจทุกรูว่า
ผิวเรียบ ไม่มีตามด โพรงไม่ตีบ ได้ขนาดทุกช่วง ทุกร่อง ทุกโพรง ทุกรู
ปลอกสูบจะขัดเรียบก่อนตีปลอก เพื่อให้ใส่ได้พอดี ไม่เบี้ยว หรือหนาไม่เท่ากันในแต่ละสูบ
แต่เครื่องถูกถ้าหล่อไม่แม่นยำ ใส่ไปดื้อๆ เกิดเบี้ยวหรือ โพรงน้ำตีบ อัดเครื่องบ่อยๆน้ำก็ดัน
เพราะแรงดันน้ำเกิดจากคอขวดที่เดินไม่สะดวก สมัยก่อนตีปลอก แยงเสื้อกันประจำ
สมัยนี้ไม่ค่อยเจอ เพราะใช้คอมทั้งระบบ แต่ถ้ามีขึ้นมาก็เป็นทุกตัว
ต้องเปลี่ยนแม่พิมพ์ วัดปลอก ส่องรู จนแน่ใจว่าเข้าที่แล้ว ถึงไม่มีอาการ
บางคนเติมน้ำเปล่า แทนน้ำยายิ่งทำให้ตีบเร็วขึ้น
ขับตะบี้ตะบัน อัดไม่เลี้ยงทั้งวันทั้งคืน เร่งขึ้นเขาไม่เลี้ยงคันเร่ง เจอเร็วกว่าเพื่อน
ถ้าไม่อัด ขับถนอมจะเจอช้า พอไปอัดแหลกเจอไม่ยาก เพราะโพรงน้ำตีบ
จากการขยายตัวของเสื้อมากกว่าปกติ น้ำหล่อเย็นไปเลี้ยงระบบน้อย แรงดันตกพัง
เครื่องร้อนจัด หอยพังบางล็อตหอยอ่อนแอขับปรกติก็พังแต่เจอน้อย
พอไม่เติมน้ำมันยูโร5 เกิดเขม่าสะสม จนอาการมารวมกัน เสื้อเครื่องเกิดความเครียด
ชิ้นไหนอ่อนแอสุด ออกอาการก่อนทันที แรกๆเป็นฝา ต่อมาเป็นประเก็น
ศูนย์จึงล้างdpfเพื่อล้อมกรอบ แต่อาการก็ยังอยู่ เสื้อเครื่องหล่อไม่ดีจึงเป็นไปได้
ถ้าโฉมสาม เสื้อเครื่องพิมพ์ใหม่ น่าจะไม่น้ำดัน ไม่มีตะกรันสะสมอุดโพรงน้ำ
ใน2 dpfตันเครื่องแค่สะอึก สั่น น้ำไม่เคยดัน เพราะdpfไม่สามารถสร้างปัญหาได้ขนาดนั้น
พอเติมน้ำยาล้าง หรือให้ศูนย์เข้าโปรแกรมล้าง อาการก็หายไป ดีเซลลงไปผสมในอ่างก็ลดลง
ว่าง่ายๆ 2ปัญหาน้อยกว่ามาก แค่เติมน้ำมันให้ถูก เข้าศูนย์แจ้งให้ล้างdpfก็จบ
เพราะตั้งแต่รุ่นนี้ออกมาใหม่วิ่งกันทั่วประเทศถึงแสนโลไม่ถึงสองปี ยังปรกติตั้งหลายคัน
เติมน้ำมันบ้านนอกยูโร4ด้วย ไม่ได้อุดอะไร ใช้เดิมๆ พอต้องมาเครมสปริงวาล์ว ล้างegr dpf
ถึงรู้ว่าเครื่องยูโร6 ต้องดูแลแบบไหน
ที่นั่งเทียนเขียนมานี่ฟังจากคนรุ่นก่อน สมัยทำช้างเหยียบมาอีกที อาศัยเคยมือเคยเห็นเคยทำ
สู้ช่างจบสายตรงไม่ได้ เครื่องมือทันสมัย มีจัดอบรมถึงเมืองนอกเมืองนา ช่างภูธรจะไปรู้อะไร
-
"รถจะต้องregen dpf ทุกๆ200โลนะ
ตอนdpfทำงานให้สังเกตว่า I-stopจะดับ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะมากขึ้น
เสียงเครื่องจะอื้อๆ เวลาเร่งเครื่องจะหน่วงๆ
ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด ให้ขับรถล๊อคเกียร4เลี้ยงรอบสองพันถึงสามพันรอบ
ขับไปประมาณ15กม
ไม่อย่างนั้นน้ำมันที่ฉีดเพื่อเผาเขม่าdpfจะไหลไปรวมกับน้ำมันเครื่องทำให้เสื่อมไวและล้นนะ
ถ้าทำแบบนี้รถจะไม่มีปัญหา อย่าไปดัดแปลงตัดdpfอุดegrนะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาเยอะ
เหม็นไอเสียด้วย"
ถามหน่อยทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกินขึ้นใน
benz 250d
bmw 20d 25d
volvo d4 d5
นั่นสิครับ
รวมถึง Focus TDi
Cruze D
Captiva D
ก็ยังใช้งานกันปรกติ
ผมว่าหลายคนยังไม่ยอมรับว่า Skyactiv D มันมีปัญหา และ Mazda ต้องเร่งแก้ไข
แต่ประเด็นคือ Mazda ใช้วิธีขยายระยะเวลาการรับประกันน่ะสิครับ ถ้าเอาไปตัด DPF อุด EGR พอเข้าศูนย์ก็หมดประกันอีก โถ่ๆๆๆเข้าใจว่าหลายคนซื้อมาแล้วอยากได้รถเดิมจากโรงงานไม่อยากไปทำอะไรเพิ่มแต่ถ้ามาเจอสภาพแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
-
ซื้อยี่ห้ออื่นขับง่ายกว่านะผมว่า 555
-
ถ้าต้องขับแบบนั้จริง
ผมว่า มาสด้า ล้าหลังมากครับ
กับวิธีการล้างระบบ
-
"รถจะต้องregen dpf ทุกๆ200โลนะ
ตอนdpfทำงานให้สังเกตว่า I-stopจะดับ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจะมากขึ้น
เสียงเครื่องจะอื้อๆ เวลาเร่งเครื่องจะหน่วงๆ
ห้ามดับเครื่องเด็ดขาด ให้ขับรถล๊อคเกียร4เลี้ยงรอบสองพันถึงสามพันรอบ
ขับไปประมาณ15กม
ไม่อย่างนั้นน้ำมันที่ฉีดเพื่อเผาเขม่าdpfจะไหลไปรวมกับน้ำมันเครื่องทำให้เสื่อมไวและล้นนะ
ถ้าทำแบบนี้รถจะไม่มีปัญหา อย่าไปดัดแปลงตัดdpfอุดegrนะเดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาเยอะ
เหม็นไอเสียด้วย"
ถามหน่อยทำไมเรื่องแบบนี้ไม่เกินขึ้นใน
benz 250d
bmw 20d 25d
volvo d4 d5
นั่นสิครับ
รวมถึง Focus TDi
Cruze D
Captiva D
ก็ยังใช้งานกันปรกติ
ผมว่าหลายคนยังไม่ยอมรับว่า Skyactiv D มันมีปัญหา และ Mazda ต้องเร่งแก้ไข
อ่านดูเองครับ (บางรุ่นที่ว่ามาข้างบนมันไม่ได้มี DPF ในไทยนะครับ)
http://www.kugaownersclub.co.uk/forum/diesel-in-engine-sump_topic8872.html
https://5series.net/forums/e60-discussion-2/oil-level-increasing-525d-se-95652/
https://www.avontuning.co.uk/blog/mazda-5-6-oil-level-rising
https://www.jaguarforums.com/forum/diesel-variants-all-models-52/dpf-engine-oil-level-87197/
http://www.bimmerforums.co.uk/forum/f15/engine-oil-level-rising-please-help-identify-possible-cause-t188290/
http://www.hyundai-forums.com/i40-forum/429753-diesel-motoroil.html
http://forums.mercedesclub.org.uk/index.php?threads/the-oil-level-in-the-sump-has-risen.128282/
http://www.crvownersclub.com/forums/14-problems-issues/142818-oil-level-increasing.html
อันนี้ Ford Focus TDCI ครับ ที่ AUS ครับ
http://forums.whirlpool.net.au/archive/2438179
Isuzu D-MAX ที่ไปขายในยุโรปต้องมี DPF ก็มีปัญหาครับ
https://thefarmingforum.co.uk/index.php?threads/anyone-else-having-oil-level-rising-in-2014-isuzu-d-max.108074/
https://www.honestjohn.co.uk/forum/post/113172/isuzu-dmax-2014--
ในยุโรปนี่บังคับ Euro 5 ตั้งแต่ 2009 แล้วนะครับ
-
เห็นมีคนไปทำนะ ตอนนี้เปลี่ยนเครื่องเรียบร้อย ดันเหมือนเดิมเลย
มือสองราคาตกกระจายวายวอด คนยังไม่ดันรีบปล่อยขายทิ้ง ใครซื้อต่อไม่รู้ซวยไป
-
การใช้งานรถจริงๆ จะสักกี่คนที่ต้องทำ 1.2.3.4.5......
ก็อิแค่ สตาร์ทเครื่องยนต์ ขับใช้งาน ดับเครื่อง = จบ จริงไหม
บางคนสายช่าง สาย diy สายดูและรักษารถเอง ซ่อมเอง(ผมคือ 1 ในนั้น) ยังไม่ได้ละเมียดละไม กับรถที่มีขนาดต้องท่องจำว่า ต้องทำ 1.2.3.4.5.... กับการจะใช้รถคันนึงเลย
ถ้า dpf ทำงานตอนติดไฟแดง รถติด จะเอาถนนไหนไปวิ่งกันแบบ ล็อครอบ ล็อคความเร็วได้ ได้กันละครับ ยกเว้น ติดสวิตช์ เบิร์นยาง ไว้ พอติดไฟแดง หรือ รถติด แล้ว dpf ทำงาน พอดี กดสวิตช์ เบิร์นยาง เลี้ยงรอบ 3000rpm+ กันทุกไฟแดงละมั้ง 5555555 (ขำๆ นะครับ)
อย่างบางท่านบอก ปัญหาคือปัญหา ครับ พลักให้ผู้ใช้งาน หาทางแก้ไข โดยฝืนธรรมชาติการใช้งานรถทั่วไป ขนาดบางคนมีรถที่แพงกว่า ไฮเทคกว่า ล้ำกว่า มาตรฐานไอเสียพอกัน เขายังไม่ต้องทำขนาดนี้เลย มองหาคันใหม่ง่ายสุด
-
เวรกรรมของผู้ใช้แท้ๆ
-
mazda 2 มลพิษ ในสเปคน้อยมากนะ 99 เอง ผมว่า DPF คงใช้งานหนัก ถามว่าก็แก้ถูกจุดมั้ยก็ถูกแต่เอาทั้ง EGR ออก DPF ออกมันก็ทำลายสิ่งแวดล้อม ท่อคงเหม็นหึ่งขึ้นมากเลยหล่ะ เาอจริงผมคนนึงนะไม่ชอบเครื่องดีเซลเพราะมันเหมือนหลอกตัวเองคือมลพิษมันเยอะมากแล้วพอกฎเราเข้มก็ต้องใส่ EGR DPF มาเพื่อให้มลพิษผ่าน แล้วผมใช้ๆไปมั้นก็มีปัญหาเจ้าของก็ไปเอาออก มลพิษบ้านเราก็สูงสังเกตกระบะที่มีอายุหน่อยท่อเหม็นมากทุกคัน
-
โหว ถ้าขับรถต้องยากขนาดนี้ 5555 งงมาก กับคนที่จะทนขับได้ตามแบบที่ว่า
-
ช่วยกันด่ากันเยอะๆครับ ให้มันมีปัญหาเยอะๆ แล้วคนหนีไม่ซื้อไปเยอะๆเลย
เผื่อ Mazda Thai จะคิดได้ว่าไม่ควรเอาตัวดีเซลมาขาย
ให้เอาตัว 2.5 เบนซิน เครื่องใหม่มาขายดีกว่า จูนให้ใช้ E85 ได้
เป็นตัว Top 2.5 AWD กับ 2.5 2WD แทน
เครื่องเบนชิน ไม่มี Turbo ไม่มีปั๊มน้ำมันแรงดันสูง ยังไงค่าซ่อมก็ถูกกว่าอยู่แล้ว
แถมไม่ต้องเลือกน้ำมันมากด้วยว่าต้องใช้ EURO5 เท่านั้น
ขอให้ MAZDA กลับใจด้วยเถอะ
-
ก่อนหน้านี้ ก็ชม Sky Active กันแบบจัดเต็ม ผมว่าแล้วต้องดูกันยาวๆ
แบบนี้ ผมคงถอยล่ะครับ ถ้าจะใช้ง่ายแล้วต้องเรื่องมากขนาดนี้ เอ๋อนี้มันรถ SUV บ้านๆ ทำไมต้องดูแลยังกับขับ Super car
รถมีปัญหา ทางค่ายรถก็ต้องมายอมรับว่ามีปัญหา ออกแบบห่วยๆ ไม่ใช้มาขยายเวลารับประกัน แบบนั้นรถไม่ได้ห่วยน้อยลงไปเลย
แต่ภาระกับไปตกกับคนซื้อเฉยเลย พอเจอฟ้อง 95 ล้านไปรายนึง เจ้าของส่วนใหญ่ก็สยอง!!! ต้องทนรับกรรมที่ดันไปซื้อรถที่ออกแบบห่วยต่อไป
แย่มากครับ ถึงรถมันจะสวยแค่ไหน แต่ธรรมภิบาลของบริษัทที่ขายแย่ๆ ขนาดนี้ ผมคนนึงละครับ ที่จะไม่ซื้อมาใช้ให้ปวดกระบาล
-
ถ้าจะขนาดนี้ ซื้อเบนซินเถอะ จะได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน เสียดาย cx5 2.5 หายไปแล้ว ไม่งั้นบันเทิงแน่ 555
-
รอดูว่า Mazda จะแก้ปัญหายังไงกับเครื่องดีเซลเจ้าปัญหาครับ
ส่วนตัวผมถ้าขับจะถึงบ้านแล้วต้องเอารถออกไปวนเล่นใหม่เพื่อให้ระบบมันทำงาน คงไม่ชอบเหมือนกันครับ
ดูแล้วค่อนข้างยุ่งยากเวลาใช้งานจริง
-
ตำราเดียวกะที่น้องคนที่ใช้ Sky-D แล้วไปจูนกล่องพูดเปี๊ยบ
มีเพิ่มอีกนิดนึงคือลดระยะเวลาเข้าศูนย์ให้ไวขึ้น ฮ่าๆ
-
ใช้ 2 Diesel อยู่ครับ ระยะเวลา DPF ไม่ค่อยแน่นอน อย่างเมื่อวานวิ่งเข้ากรุงเทพ 250โล ขากลับอีกประมาณเกือบ 300 ถึงจะทำงาน 1 รอบ วิธีใช้ ถ้ารถใหม่แบบผม ใช้เกียร์ 4 วิ่ง90 ไม่ถึง 10กิโลครับ แต่ถ้าวิ่งรอบเบาๆอยู่ในเมืองระยะเวลาจะนานมาก ต่อไปไม่รู้จะเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า ก็คงต้องรอดูคนที่เค้าจูนปิดระบบไปแหละครับ ถ้าหายขาดจริง ก็คงไปทำบ้าง
-
Mazda2 disel รถดีๆ เครื่องยนต์อัดเทคโนโลยีจัดเต็ม ประหยัดน้ำมันมาก ขับมันส์มาก ออฟชั่นจัดเต็ม ในราคา 6 แสนต้นๆ ผมว่าซื้อรถในราคาขนาดนี้ ได้เครื่องยนต์ ออฟชั่น สมรรถนะขนาดนี้คุ้มค่าเงินมาก ตอนซื้อมาผมซื้อประกันตัวรถมาสด้าเพิ่มอีก 2 ปี รวมเป็นมีวารันตี 5 ปี ก่อนซื้อผมศึกษาข้อมูลพวกนี้หมด ปัญหามีอะไรบ้าง แต่จริงๆ ถ้าเราใช้รถแค่ 5 ปีแล้วเปลี่ยนรถใหม่ เราไม่ต้องไปสนใจเรื่องเหล่านี้เลยครับ มีปัญหาก็ซ่อม ก็เคลมไป หมดวารันตี 5 ปีขายตัวรถได้เงินคือมา 4 แสนต้นๆ นี่ถือว่าคุ้มมากมายครับ
ต้องเลือกเอาครับ ว่าเราต้องการรถมาใช้งาน หรือต้องการรถมาขับ ถ้าต้องการรถมาเพื่อขับเราต้องซื้อรถมาเพื่อตอบสนองต่อการขับขี่ที่เราต้องการครับ
-
อ่านแล้วมึนจริงครับ 555. แต่ส่วนตัวผมใช้อยู่จะ 4หมื่นโล ขับดีเลย สาธุอย่าเพิ่งมีปัญหาเลยนะ
ปล.ผมใช้เหยียบอย่างเดีววเน้นขับมันไม่สนอัตราสิ้นเปลือง 555+ แต่ก้อประหยัดดี
-
ขนาดเรื่องดูแลรักษายังต้องทำขนาดนี้และจุกจิกอีก ผมคงไม่ลงไปเสี่ยงกับยี่ห้อนี้แน่นอน คหสต.
-
รถเทพ เรื่องเยอะจัง
อยู่ในกลุ่มเห็นมีปัญหามาลงทุกวี่ทุกวันเลย
-
cx-5 ใหม่เห็นคลิปรายการขับซ่าเทียบเครื่องเบนซินกับดีเซล อัตราเร่งไม่ต่างกันมาก ประหยัดไม่หนีกันเท่าไหร่ แบบนี้ดีเซลคงเป็น rare item ต่อไปอาจได้เห็นเครื่อง 2.5 มาแทน
-
คาดว่าจะเสียลูกค้ากลุ่มที่ซื้อดีเซลไปตลอดกาลสำหรับคนที่เคยซื้อ CX5 ดีเซล Gen1 และ MC ส่วนตัว All new แก้ได้จริงหรือเปล่าไม่รู้ รอดูรถที่ออกไป วิ่งกันครบแสนโลก่อน
มาสด้าแก้ด้วยการขยายระยะประกันให้เป็น 180000 กิโลเมตร แต่ก็มีคนที่ดันแล้ว เปลี่ยนเครื่องแล้ว ยังดันรอบที่สองอีก แปลว่าเครื่องที่เอามาเปลี่ยน ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาอะไรเลย ต้องถามมาสด้ากลับว่าประกันแค่นั้น มันพอเหรอสำหรับรถคนละล้านกว่าบาท?
ทั้งที่อายุการใช้งานเครื่องดีเซลทั่วไป นี่ควรจะได้ต่ำๆ ก็ 500000 กิโลเมตร ดีหน่อยก็ ล้านกิโลเมตร
ถ้าจะรับผิดชอบแค่นั้น ก็เลิกขายเถอะ รถดีเซล อยากซื้อใจลูกค้า ก็ต้องรับประกันเคสน้ำดันไปเลย ไม่กำหนดระยะทาง หรือระยะเวลา เพราะมันเป็นปัญหาที่การออกแบบรถ ไม่ใช่ผู้ใช้
-
cx-5 ใหม่เห็นคลิปรายการขับซ่าเทียบเครื่องเบนซินกับดีเซล อัตราเร่งไม่ต่างกันมาก ประหยัดไม่หนีกันเท่าไหร่ แบบนี้ดีเซลคงเป็น rare item ต่อไปอาจได้เห็นเครื่อง 2.5 มาแทน
เบนซิน 2.5 ถ้าเอากลับมาได้ เอากลับมาเถอะครับ มันเพอร์เฟกต์มาก เงียบ แรง ประหยัดสมตัว
-
cx-5 ใหม่เห็นคลิปรายการขับซ่าเทียบเครื่องเบนซินกับดีเซล อัตราเร่งไม่ต่างกันมาก ประหยัดไม่หนีกันเท่าไหร่ แบบนี้ดีเซลคงเป็น rare item ต่อไปอาจได้เห็นเครื่อง 2.5 มาแทน
เบนซิน 2.5 ถ้าเอากลับมาได้ เอากลับมาเถอะครับ มันเพอร์เฟกต์มาก เงียบ แรง ประหยัดสมตัว
+100
-
ผมว่าเขาก็พูดตามคู่มือเลยแหละ รู้สึกรถที่มีระบบนี้ในคู่มือจะมีบอกให้ทำประมาณนี้แทบทุกรุ่นนะครับ
CRV ตัวใหม่ก็มีประมาณนี้แหละ