Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: paulmerc ที่ เมษายน 21, 2018, 11:33:14
-
สวัสดีครับผม ได้เจอกันอีกรอบแล้วครับ
ช่วงสงกรานต์หลังจากได้พักผ่อนหยุดยาว พอได้มีเวลาว่างๆ เลยขอ review รถอีกคันที่พึ่งได้มาแล้วกันครับ
ตาม concept เดิมก็คือ ผมชอบเล่นรถยุโรปมือสอง รอบนี้ได้ BMW 320ise e90 มาในราคาประมาณ 4xx,000 ปลายๆครับ
ข้อมูลส่วนตัวของรถก็คือ ผมเป็นเจ้าของมือที่ 4 รถเป็น 320ise option จัดเต็มสุดในรุ่นเครื่อง n46 ไมล์วิ่งมา 148,xxx
เจ้าของเก่าแต่งมาประมาณนึงครับ ตอนไปดูรถก็นัดดูที่อู่นอกแห่งนึงย่านราชพฤกษ์ จิ้มคอมดู fault นู้นนี่ ลองขับลองนั่ง ฟังจับอาการ
ข้อมูลไม่ต้อง เตรียมหูไปอย่างเดียวครับ 55+ เจออะไรก็จดไว้ แล้วประมาณการค่าใช้จ่ายที่เราต้องไปเก็บเพิ่มอีก ก็ต่อราคามาจนได้ราคา
ที่ผมต้องการและ happy กันทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนโอนรถก็ให้เจ้าของเก่าไปทำเรื่องแจ้งเปลี่ยนสีพร้อมกับผมไปดำเนินการจ่ายเช็คปิดไฟแนนซ์ให้
ทำสัญญาซื้อขายเสร็จสรรพ ก็ได้รถมา พร้อมเริ่มทำรถให้เฟี้ยวเหมือนใหม่ละครับ
-
เหตุผลที่เลือก E90
1. หลังจากที่ใช้แต่รถ 2 ประตูมาซักพัก เริ่มพบเจอปัญหาในการใช้งานประจำวันบ้างแล้วครับ เช่น ขนของได้น้อย ขนเพื่อนได้น้อย ขับนานๆแล้วอึดอัดบ้าง ก็เลยเริ่มมองหารถ 4 ประตูในยี่ห้อที่ตัวเองชอบ คือ Benz Bmw Mini Audi โดยมีงบประมาณในใจประมาณ 5-6 แสน รวมซ่อมแซม ซึ่งตามเงื่อนไขในใจของผมนั้นมันเหลือตัวเลือกไม่มาก
2. ก่อนตัดสินใจหา e90 ก็ศึกษาข้อมูลจากบอร์ดต่างๆ จากในเว็บนี้ด้วย จากกลุ่มเพื่อน จากอู่ mini เดิมด้วยครับ ซึ่งปัญหาของ e90 มันไม่ได้มีอะไรพิเศษ หรือยากไปกว่ารถตลาดทั่วไป เพราะมันก็คือรถบ้าน 4 ประตู ที่คุณพ่อ คุณแม่ คุณลูก ก็ขับใช้งานในชีวิตประจำวันปกติ ดูจะดูแลรักษาง่ายกว่ารถ 2 ประตูที่ผมใช้อยู่ด้วยซ้ำ
3. จากข้อ 2 ด้วยความเป็นรถตลาด ทำให้อู่ซ่อมแซมง่าย ช่างที่เก่งๆมีเยอะ และที่สำคัญที่่สุดคือ อะไหล่ถูกและมีร้านให้เลือกเยอะมากครับผม ปกติผมแค่ใช้มือถือหาอะไหล่จากร้านใน facebook ซึ่งก็คือร้านที่หลังวัดโสมนี่ละ แจ้งแค่ vin code ระบุอะไหล่ที่อยากได้ โอนเงินผ่าน mobile banking แล้วก็รอรับอะไหล่ที่ป้อมยามหมู่บ้านตอนถึงบ้านหลังเลิกงาน ทุกอย่างง่ายดายมากครับ เหมาะกับคนขี้เกียจไปเดินหาอะไหล่แบบผม 55+
4. มีประสบการณ์ครับ ผมเองเคยใช้ e46 มาก่อน เลยคิดว่าตัวเองพอมีความรู้มากพอที่จะไม่ให้ช่างกะฟันเราได้ครับ
ได้รถมาทำอะไรต่อดี ** หัวข้อบำรุงรักษาเครื่องยนต์กลไก
1. การเล่นรถมือ 2 ถ้าอยากซื้อความสบายใจ จับเปลี่ยนสิ่งที่เสื่อมหรือใกล้พังให้หมดตั้งแต่ได้รถมาเลยครับ โดยเมื่อได้รถมา ผมก็เอารถเข้าอู่ จิ้มคอม ยกขึ้นแม่แรง ทิ้งรถไว้ให้อู่เช็คดูทั้งหมดว่ามีอะไรที่ต้องทำเพิ่มบ้าง โดยรถของผมเจ้าของเก่าค่อนข้างดูแลระบบต่างๆมาปานกลาง มีเสียบ้าง ไม่เสียบ้าง โดยสิ่งที่ผมเอามาทำเพิ่มคือ
- ไล่เปลี่ยนของเหลว ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรค ฯลฯ
- ระบบน้ำต่าง
- เป็นกรองอากาศ กรองแอร์
- หัวเทียน จับเปลี่ยนใหม่หมด เพราะรถเกินแสนโลมาเยอะแล้วครับ
- ซีลเครื่อง ซีลเกียร์
- คอมแอร์ ** อันนี้มันพังพอดีก็เลยจับเปลี่ยนครับ
- เปลี่ยนยาง 235/45/18 ตกเส้นละ 4,900 ครับ
2. ช่วงล่าง รถผมเจ้าของเดิมใส่ strut พร้อมโหลดเตี้ยกดเกือบเต็ม ซึ่งโดยทั่วไปรถโหลดเตี้ยแบบนี้ ปัญหามันจะไปเกิดกับพวก bush กับ control arm ครับ ส่วนรถผมยังไม่มีปัญหาอะไรก็เลยใช้ของเดิมไปก่อนได้
-
การบำรุงรักษาภายใน
ปัญหาของรถยุโรปอายุ 10 ปีเกือบทุกยี่ห้อที่จะเจอคือ ภายในจะโทรมไวมากครับ ทั้งหนังด้าน ทั้งผ้าหลังคา พรม พลาสติกสีลอก รถของผมก็ไม่เว้นเหมือนกัน สภาพที่ได้มาจัดว่า ปานกลางไปทางโทรมเลยครับ 55+ พอได้รถมาตอนนี้ก็เลยมีแพลนในใจแล้วครับ
1. หุ้มผ้าหลังคา + ผ้าบังแดดเบาะหน้า 2 ข้างซ้ายขวา ทำมาเรียบร้อย ใช้สีผ้าเดิม 3,800 บาท
2. พ่นสี trim พวงมาลัยลอก อันนี้ร้านแถมให้ ถ้าร้านอื่นก็น่าจะอยู่ประมาณ 4-800 บาท
3. trim ลายไม้มันมีเสียงก๊อกแก๊กๆไม่แน่น เลยวิ่งไปอู่ bm แถวม.รังสิต ซื้อกิ๊ปลอคตัวเมียจากหัวตัดมา 50 บาท ให้ร้านใส่ให้ รวม 100 บาท
plan อนาคต
Option 1 : หุ้มหนังใหม่ทั้งแผงประตูกับเบาะหน้าหลัง อยากได้สีส้มแบบ ecoupe ครับ 55+ หุ้มรวมพ่นสีภายในกับเปลี่ยนผ้า+พรม น่าจะอยู่ที่ 40k
Option 2 : ซื้อชิ้นส่วนภายในจากหัวตัดตามร้านอะไหล่ bm ครับ ประกอบด้วย เบาะหน้าหลัง แผงประตู dashboard พรม รวมๆ 20-30k
-
จากในรูปนะครับ มีจุดที่เสื่อมโทรมอยู่ 4 จุด
1. มือจับประตู ที่ผมเอาที่หุ้มน่ารักๆไปใส่ไว้อยู่นะครับ 55 ตรงนั้นมือจับมันจะเป็นยาง ซึ่งใช้ไปเรื่อยๆนานๆ ยางมันจะเหนียว ย้วย ฯลฯ
อันนี้มี 2 ทางเลือก คือ ซ่อมโดยการหุ้มยางใหม่/ หรือจะลอกออก พ่นสีทับไปเลย หรือจับทำลายไม้หุ้มคาร์บอนตามใจก็ได้ครับ อยู่ที่ 500-3000
หรือซื้อเปลี่ยนใหม่ เบิกร้านเบิกศูนย์อยู่ที่ 2,xxx ปลายๆ
2. Dashboard สีลอกหมดแล้วครับ + กับที่วางแก้วน้ำมันสปริงภายในเสีย กดเด้งไม่ได้ ซื้อเปลี่ยนใหม่หามือสองอยู่ที่ 1000-1500
3. พวงมาลัย จะเป็นเกือบทุกคันคือ trim มันจะสีลอกตรงบริเวณที่เสียดสีกับก้านพวงมาลัยที่เป็นหนังครับ ผมจะจัดการเอาไปพ่นเรียบร้อย
4. บังแดด อันนี้ผ้าหุ้มก็เสื่อม มาคราบสกปรกตามการใช้งานครับ ค่าหุ้มอยู่ที่ 400 ต่อชิ้น
5. มีอีกที่นึงคือกลอนประตูหลังขวามันพังครับ ทำให้กด unlock ไม่ได้ ต้องโยกเปิดประตูถึงจะปลดลอคครับ เชคราคามาแล้วอยู่ประมาณ 2,xxx ปลายๆ
-
การดูแลรักษาภายนอก
ถ้าใครบ้านอยู่แถวเลียบด่วน เกษตรนวมินทร์ โชคชัย 4 อาจจะเคยเห็น e90 สีแดงล้อทองที่ดูๆกวนต_น บ้างครับ 55+
รถของผมเป็นสีแดง rosso corsa แสบตา + ล้อ s1r 18" รัดยาง 238/45/18 ซึ่งตอนที่ได้รถมาสีค่อนข้างด้านครับ ไม่เงา
ไม่เปล่งประกายแบบที่มันควรจะเป็น ก็เลยเอาไปจัดการดังนี้ครับ
1. ขัดชักเงา + wax ใหม่ 3,xxx
2. เปลี่ยนยางขอบกระจกบานหลังครับ ประมาณ 1,000 รวมค่าแรงเปลี่ยน
-
สรุปนะครับผม
1. ปัญหาทั่วไปของ E90
- เกียร์ครับ ปัญหาส่วนใหญ่คือรถรุ่นนี้ ศูนย์ไม่เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้ครับ เนื่องจากเป็น Lifetime warranty แต่ความเป็นจริงนั้น อุณภูมิ สภาพอากาศบ้านเรากับเยอรมนีมันก็ไม่ได้เหมือนกันเท่าไหร่ ดังนั้นพอคนใช้รถศูนย์มาก็จะไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เลย เมื่อขายมือ 2 คนที่จับรถมาแบบผมก็จะเจอปัญหา เบาหนักแล้วแต่ดวงแต่โชคครับ ซึ่งการบำรุงรักษาก็มีทั้งเปลี่ยนของเหลว (ZF lifeguard 6 สำหรับเกียร์ 6-speed อยู่ที่ 450-500 บาทต่อลิตร) พลัชชิ่ง ตั้งโปรแกรม ฯลฯ ตามความเสื่อมโทรมของเกียร์ครับ รถผมเกียร์ก็ยังมีกระตุกบ้าง คิดสะว่ารถแรงแล้วกัน - -"
- เครื่องเป็น N46 2000cc โดยประมาณ ตัวเครื่องไม่ค่อยมีปัญหาครับ จัดว่าทนและแก้ไขหลายๆอย่างมาจากเครื่องตัวรหัส M มาดีแล้ว ส่วนใหญ่จึงเป็นการเปลี่ยนอะไหล่ในระบบที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ เช่น หล่อเย็น ปั๊มน้ำ ท่อน้ำ Crankshaft sensor, value หัวเทียน ที่อาจเสื่อมหรือรั่วตามการใช้งานครับ มีตังเยอะก็เปลี่ยนหมดได้ หรือจะรอ code โชว์ แก้ตามอาการก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากมายครับ
- ภายใน E90 เป็น bmw ยุครักษ์โลกครับ ดังนั้นวัสดุภายในหลายๆอย่างจะมีวัสดุและกระบวนการผลิตที่ลดการสร้างมลพิษแก่สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศโลก ซึ่งมันอนุรักษ์โลกก็จริงๆ แต่ชิ้นส่วนต่างๆมันไม่ทนและโทรมไวมากครับ โดยเฉพาะกับรถที่จอดทิ้งตากแดดเยอะ ที่คุณจะเจอแน่ๆก็คือ ปุ่มลอก สีลอก ผ้าหนังคาหลุด แต่พวกนี้ซ่อมไม่แพงอย่างที่บอกครับ นอกจากนั้นก็อาจจะเจอเรื่องกลอนประตู รางกระจก อันนี้ก็ไม่แพงครับ 3000-4000 ไม่รวมค่าแรง
2. ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา เครื่องยนต์กลไกล ภายนอก และภายในรถยนต์ เท่าที่ผมจ่ายไปแล้วนะครับ
2.1 ของเหลว - น้ำมันเครื่อง 5w30 3,500
- น้ำมันเกียร์ ZF6 10litre + อ่าง 8,000 +-
- น้ำมันเฟืองท้าย 2,000 +-
2.2 ระบบหล่อเย็นต่างๆ 20,000
2.3 ซีลเกียร์ ซีลเครื่อง 4,000
2.4 ยางขอบกระจก 800-1,000
2.5 ยางรถยนต์ 18,000
2.6 คอมแอร์ + ล้าง 37,000
2.7 เปลี่ยนโลโก้ bmw สีดำ 800
2.8 ทำภายในใหม่ 3,800
2.9 ติดฟิล์มรอบคัน 7,000
ถ้านึกออกเพิ่มจะมา update ครับ 55+
-
3. การขับขี่ สมรรถนะ อัตราบริโภคน้ำมัน
bmw ขึ้นชื่อเรื่องช่วงล่างดี เกาะถนน พวงมาลัยคมอยู่แล้วครับ e90 ขอเทียบกับรถที่ผมมีประสบการณ์แล้วกันนะครับ
- กับ mini r53 e90 นุ่มกว่า ช่วงล่างซับแรงสะเทือนดีกว่า แต่รถก็มี rebound มากกว่าด้วยครับ เข้าโค้งความเร็วสูงสู้ mini ไม่ได้ พวงมาลัยเบากว่า แต่ถ้าวิ่งทางตรง หรือโค้งอ่อนๆแบบถนนตามพระราม 9 ก็ขับสบายและไม่เด้งเท่า mini
- กับ ecoupe c207 E90 ช่วงล่างแข็งกว่า เด้งมากกว่า พวงมาลัยหนักกว่าแบบเห็นได้ชัดครับ แต่ข้อดีคือรถนิ่งกว่า ขับถนนห่วยๆแบบ motorway วงแหวน หรือเลนขวาสุดของ ถ.วิภาวดี รู้สึกมั่นใจกว่า และรถเก็บเสียงดีกว่า ecoupe ครับ แปลกใจ
รถผมวิ่งในเมืองเป็นหลัก ย่านเลียบด่วน วิภาวดี ลาดพร้าว รัชดา ทองหล่อ เอกมัย ปกติจะวนๆอยู่แถว 8-10 km/l ครับ ไม่ดีไปมากกว่านี้
4. แพลนในอนาคต
- ตอนนี้เครื่องยนต์กับเกียร์เหมือนเป็นระเบิดเวลาครับ เพราะรถมันก็วิ่งมาเกือบ 150,000 km แล้ว ดังนั้นอีกไม่นานมันต้องมีพังหนักกว่านี้แน่ และการ overhaul ทั้งระบบแบบนั้น มันราคาถูกกว่าการหาหัวตัดเครื่องแรงๆมาใส่ไม่มากครับ ตอนนี้ผมก็เลยกำลังศึกษาว่า ถ้าจะตัดสินใจวางเครื่องนั้น (เครื่อง/ระบบสนับสนุนเครื่องทั้งหมด + เกียร์ + ระบบส่งกำลัง + เซนเซอร์ + ทุกอย่างในห้องเครื่องยกเว้นช่วงล่างครับ) มันมีเครื่องหลายตัวให้เลือกครับ (ไม่มองเครื่อง m3 นะครับ แค่หัวตัดก็แพงกว่ารถแล้ว 55+)
1) e46/60 m54 220 แรงม้า
2) e90/92 330i n52 250 แรงม้า
3) e92 335i n54 300 แรงม้า
ทั้งหมดนั้น งบประมาณหัวตัดของ m54 ถูกสุดครับ ส่วนพวกเครื่อง N อยู่ที่ 200,000 +- ซึ่งก็ศึกษาอยู่ว่าจะวางตัวไหนดี
5. ความคิดเห็นส่วนตัว
BMW e90 ต่อให้เป็นรถอายุ 10 ปี มันก็ยังเป็น bmw ครับ ยังสามารถดึงดูดสายตา ทั้งจากผู้หญิง ผู้ชาย และได้รับการอำนวยความสะดวกในการจอดรถตามห้างได้อยู่ครับ ด้วยความเป็นรถ 4 ประตู ทำให้สามารถขนของ ขนเพื่อน ได้สะดวกกว่ารถ 2 ประตู ราคาอะไหล่ถูก มีร้านอะไหล่ให้เลือกเปรียบเทียบราคาเยอะ อู่ซ่อมรถมีเยอะและราคาไม่แพงมาก การบำรุงรักษา ก็ตามวัยของรถครับ ส่วนที่พังตามการใช้งาน ถ้าเปลี่ยนหมด เปลี่ยนครบ ไม่ผลัดวันไปเรื่อยๆ มันก็จะเป็นรถใหม่ที่ไม่จุกจิกได้ครับ
สำหรับผม ให้เทียบระหว่าง E90 กับ F30 ตัวใหม่ ผมก็ยังคงชอบ design language ของรถตัวเก่าอยู่ครับ มันมีความคม มีเส้นสายที่ชัดเจน ทั้งจากกระจังหน้า ไฟหน้า เส้นข้างตัวรถ มันดูดุ ดูดิบ มีความเป็นผู้ชายสะท้อนตัวตนได้มากกว่ารถรุ่นใหม่ๆ การออกแบบภายใน มีความเรียบง่าย ดูโปร่ง ดูไม่ซับซ้อนเยอะแยะจนเกินไป เรียกว่ามีพอเพียงเท่าที่ต้องใช้งาน ไม่ได้มีปุ่มเยอะๆมากมายเหมือนรถใหม่ๆ
ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับผม อนาคตผมจะรีวิวรุ่นไหนอีกรอติดตามนะครับผม ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ
รถสวยมาก
จริงๆ ผมชอบตัว 318I ครับ แต่ไม่มั่นใจว่าการซ่อมตัวเองจะเอาอยู่ไหม เลยใช้รถทั่วๆ ไปครับ :D
แต่ถ้ามีเงินและเวลา ก็อยากหา 318I E90 สักคันครับ
ปล...รอคุณ Jae มาตอบ น่าจะเข้ามา เม้นต์ครับ ;D
-
กำลังเล็ง 320i e90 ตอนนี้กำลังชั่งใจอยู๋ว่าจะซื้อมือ 2 หรือ ป้ายแดงรถตลอดดี
-
ขอบคุณมากครับ ชอบรีวิวรถมือสองแบบนี้ ไว้ขออนุญาตหลังไมค์ไปปรึกษาเรื่องอูนอกบ้างนะครับ
-
ขอบคุณสำหรับ รีวิว ดีๆแบบนี้ครับ รถสวยครับ
-
โอยๆๆๆๆ รถสวยจังครับ
คอเดียวกันเลยเล่นรถยุโรปมือสอง เป็นคนที่ชอบเสี่ยงกับชีวิต 555
ขอบคุณที่เขียนกระทู้ดีๆมาให้อ่านกันครับ ที่จขกทกล่าวมาปัญหาของรถทั้งหมด ผมเจอมาเกือบหมดเลย
ส่วนตัวเคยใช้ 2006 330i N52 6MT
ใช้มาเกือบๆปี ซื้อมาก็ทำไปพอสมควรอยู่เหมือนกัน ดีที่เจ้าของเก่าดูแลดีครับ วิ่งไปราวๆ 2 แสนโลได้
เห็นแล้วคิดถึงเลย เพราะว่าเพิ่งขายไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ถ้าจะให้หาอีกคันแบบนี้ก็คงยากอยู่เหมือนกัน แต่ในใจก็กลัวมันคือระเบิดเวลาอย่างที่จขกทบอกดีๆนี่เอง เลยรีบตัดใจขายไปก่อน
เป็นรถที่ขับสนุกมากกกกกกกกกกกกก ชอบพวงมาลัยกับเครื่อง N52 ที่โคตรหวานที่สุดในสามโลก
ว่างๆไว้มาเขียนเรื่อยๆนะครับรออ่าน
-
ขอบคุณมากครับสำหรับรีวิว
ว่าแต่คุณ paulmerc สอยรถยุโรปมือสองมาทำเก็บไว้ในคลังกี่คันแล้วครับเนี่ย ;D
-
กำลังเล็ง 320i e90 ตอนนี้กำลังชั่งใจอยู๋ว่าจะซื้อมือ 2 หรือ ป้ายแดงรถตลอดดี
รถยุโรปขับดีกว่าเยอะครับ แต่ถ้ามีรถคันเดียวไม่แนะนำครับ ซ่อมทีต้องทิ้งรถหลายวัน
โอยๆๆๆๆ รถสวยจังครับ
คอเดียวกันเลยเล่นรถยุโรปมือสอง เป็นคนที่ชอบเสี่ยงกับชีวิต 555
ขอบคุณที่เขียนกระทู้ดีๆมาให้อ่านกันครับ ที่จขกทกล่าวมาปัญหาของรถทั้งหมด ผมเจอมาเกือบหมดเลย
ส่วนตัวเคยใช้ 2006 330i N52 6MT
ใช้มาเกือบๆปี ซื้อมาก็ทำไปพอสมควรอยู่เหมือนกัน ดีที่เจ้าของเก่าดูแลดีครับ วิ่งไปราวๆ 2 แสนโลได้
เห็นแล้วคิดถึงเลย เพราะว่าเพิ่งขายไปเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ถ้าจะให้หาอีกคันแบบนี้ก็คงยากอยู่เหมือนกัน แต่ในใจก็กลัวมันคือระเบิดเวลาอย่างที่จขกทบอกดีๆนี่เอง เลยรีบตัดใจขายไปก่อน
เป็นรถที่ขับสนุกมากกกกกกกกกกกกก ชอบพวงมาลัยกับเครื่อง N52 ที่โคตรหวานที่สุดในสามโลก
ว่างๆไว้มาเขียนเรื่อยๆนะครับรออ่าน
ขอบคุณครับ ผมไม่ชอบรถใหม่ๆด้วยครับ มันไม่ดุไม่ดิบเท่ารถรุ่นเก่า ตอนนี้ก็ดูไปเรื่อย ชอบ z4 e85 ด้วยครับ แต่ในไทย สภาพดีดีคนไม่ค่อยปล่อยกัน
ขอบคุณมากครับสำหรับรีวิว
ว่าแต่คุณ paulmerc สอยรถยุโรปมือสองมาทำเก็บไว้ในคลังกี่คันแล้วครับเนี่ย ;D
ขอบคุณครับ เล่นรถยุโรปมาแล้ว 3 คันครับผม
ตอนนี้รถยุโรปช่วงปี 2005-2010 น่าเล่นครับ เพราะอะไหล่เยอะ ถูก แล้วราคารถก็ร่วงมาจนค่อนข้างนิ่งแล้ว
-
รถสวยมากครับ :-*
อยากได้แบบนี้บ้างจัง 555 แต่เจ้าของเงินที่บ้านยังไม่กล้าให้ซื้อมาใช้ครับ :)
-
ขอลายแทงร้านเปลี่ยนยางขอบกระจกหลังหน่อยครับ :-*
-
ขอบคุณครับ
ชอบรีวิวแบบนี้จริง ตัวผมอยากจับมือ 2 ยุโรปมาใช้นานมากละ
ติดที่เป็นทำงานประจำ ไม่มีเวลาเอารถเข้าอู่ แถมเบี้ยน้อยหอยน้อยอีก
เมื่อก่อนเคยบอกแฟนว่าอยากได้ BM หรือ BENZ มือสอง อายุสัก 10 ปีสักคัน นั่งดูรถมือสองทั้งวันแฟนเห็นถามว่าเอามาซ่อมเหรอ 5555 ไปไม่เป็นเลยผม
-
เป็นรีวิวรถเก่าที่ยอดเยี่ยมมากครับ
-
เยี่ยมมากครับ ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ :-*
-
อยากให้เพิ่มลายแทง ร้านที่เปลี่ยนอะไหล่แต่ละอย่างด้วยนะครับ จะได้เป็นแนวทางคนที่อยากเล่นรถยุโรปมือสอง
-
อยากให้เพิ่มลายแทง ร้านที่เปลี่ยนอะไหล่แต่ละอย่างด้วยนะครับ จะได้เป็นแนวทางคนที่อยากเล่นรถยุโรปมือสอง
เดี๋ยวเพิ่มให้ครับผม
-
ได้ไอเดียจากเพื่อนสมาชิกให้เพิ่มลายแทงร้านที่ผมไปทำมานะครับ ร้านพวกนี้ผมก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าลูกค้าทุกคนที่เอารถไปทำจะได้รับประสบการณ์ที่ดีเหมือนกัน เรื่องพวกนี้มันตาดีได้ตาร้ายเสีย ยังไงช่างก็คือช่าง ส่วนเราเป็นเจ้าของรถ หน้าที่เราก็ต้องคอยสอดส่อง ตรวจสอบ เหมือนเป็น Supervisor ที่ต้องคอยคุมมาตรฐานก่อนช่างจะส่งมอบงานให้เรา แต่ร้านที่ผมแนะนำผมใช้บริการอยู่แล้ว ฝีมือดี วางใจได้ ราคาถูกบ้างแพงบ้างคิดสะว่าให้เป็นค่าประสบการณ์ของช่าง เพราะของดีไม่มีราคาถูกครับผม
*** ซ่อมทั่วไป เปลี่ยนถ่ายของเหลว เช็คสภาพ ***
1) 37 Garage ซ.สุคนธสวัสดิ์ 9 (ร้านนี้ดูแลได้ทั้ง Mini, BMW เปลี่ยนถ่ายของเหลว เช็คสภาพทั่วไป ราคามาตรฐาน Mini)
2) BM ช่างวี ราชพฤกษ์ (ทำได้ทุกอย่าง เช็คระยะ ซ่อมทุกอาการ วางเครื่อง ติดออยเกียร์ แต่ต้องโทรนัดคิวล่วงหน้า เพราะราคาดี ลูกค้าเยอะมากกก)
3) T3 autoservice/ Auto teile ถ.บางนา ติดปั๊มแก้ส best ร้าน carryboy (ร้านตั้งที่เดียวกัน มีทั้งของแต่ง เช็คระยะ ซ่อมนู่นนี่เหมือนช่างวี ราคาดี ลูกค้าเยอะ โทรนัดคิวล่วงหน้าเหมือนกัน)
4) ช่างแอ๊ด ลาดพร้าว 71 ลูกค้าเยอะ รับรถได้น้อย ผมยังไม่เคยไปใช้บริการ แต่เคยคุยกับเพื่อนอู่นี้ทำจบ
5) ช่างณัฐ ถ.สายไหม ร้านนี้ผมดูๆ อยู่ว่าจะเอาเกียร์ ZF ผมไปทำพวกโซลินอยวาล์วครับ
6) BMFC รามอินทรา 40 นวลจันทร์ อู่แถวบ้านครับ พึ่งเอาไปแยกออยเกียร์มา เป็น radiator มือสองของญี่ปุ่น
(ไปดูๆจับๆมาแล้ว สภาพวัสดุดูดีกว่าของเทียบที่ขายกันในไทย) ทำมา 2,300 บาทเท่านั้น
*** ของแต่ง ภายใน ***
1) Auto Teile บางนา
2) BMW option/AEROFORM ย่านวงสว่าง แถวๆ LIZM
3) วิชัยการช่าง ลาดพร้าว 80 วิชาญการช่าง ลาดพร้าว 71 (ใกล้ๆ infinity motorsport) ร้านทำภายใน หุ้มเบาะหนัง ครบวงจร)
4) Forcetech นาคนิวาส, fulloption สำหรับงานหุ้ม carbon เล็งๆทำ carbon ภายในสีแดง ได้ราคา 16,000
5) wrapwinner, wrap icon ลาดพร้าว 71 กำลังเล็งๆหุ้มหลังคาดำแก้วอยู่ครับ ได้ราคามา 2,000-2,500
*** ร้านอะไหล่ ***
ผมสั่งอยู่แค่ 3 ร้านเองครับ ขั้นตอนก็แค่แจ้ง VIN Code สั่งอะไหล่ โอนเงิน รอรับของที่ป้อมยามหมู่บ้าน จ่าย จบ ง่าย !!
1) BM AUTO
2) Piroj motor
3) MMS bosch ผมซื้อพวกใบปัดน้ำฝน แบตเตอรี่ แล้วก็พวกเล็กๆน้อยๆเช่น หัวเทียน ข้อดีคือมีประกันอะไหล่ของแบรนด์สินค้าเลย ดีกว่าร้านอะไหล่ แต่ก็แพงกว่าในระดับพอรับได้
*** วางเครื่อง ***
ผมได้ลองคุยกับอู่หลายอู่ รถผมตอนนี้ mileage 150,000 เลยกำลังมองเรื่อง overhaul เกียร์ (เปลี่ยนชิ้นส่วนภายในทั้งหมด โดยยังใช้ body เกียร์อันเดิม) ได้ราคามาอยู่ที่ 45,000- 60,000 + น้ำมันเกียร์อ่างเกียร์อีกคงมี 10,000นึง ตอนนี้ใจเลยไปดูอีกทาง ก็คือวางเครื่องมือ 2 ไปเลยครับ 55+ ดูเครื่อง n52 ไว้ ซึ่งมีทั้งที่ใส่กับ 325i และ 330i
ผมเองเป็นคนขับรถไม่เร็ว เลยมองไว้แค่ตัวที่ใส่กับ 325i กับ 200 กว่าแรงม้านิดหน่อย ก็พอใช้งานแล้ว แถมค่าวางก็แพงกว่า overhaul เกียร์ไม่เท่าไหร่ แต่ใจนึงก็คิดว่าวางทั้งทีก็อยากลอง เครื่องของ 330 ไปเลยก็ดีคับ 55+ ส่วนอู่ที่ดูไว้ก็มี ss auto สุขุมวิท 50 กับ bm ช่างวีราชพฤกษ์
*** คิดออกจะมาเพิ่มให้ครับ จะได้เก็บไว้ให้เพื่อนๆใช้เป็น reference ในการหาร้านซ่อมรถ bmw ตัวเอง
-
*** วางเครื่อง ***
ผมได้ลองคุยกับอู่หลายอู่ รถผมตอนนี้ mileage 150,000 เลยกำลังมองเรื่อง overhaul เกียร์ (เปลี่ยนชิ้นส่วนภายในทั้งหมด โดยยังใช้ body เกียร์อันเดิม) ได้ราคามาอยู่ที่ 45,000- 60,000 + น้ำมันเกียร์อ่างเกียร์อีกคงมี 10,000นึง ตอนนี้ใจเลยไปดูอีกทาง ก็คือวางเครื่องมือ 2 ไปเลยครับ 55+ ดูเครื่อง n52 ไว้ ซึ่งมีทั้งที่ใส่กับ 325i และ 330i
ผมเองเป็นคนขับรถไม่เร็ว เลยมองไว้แค่ตัวที่ใส่กับ 325i กับ 200 กว่าแรงม้านิดหน่อย ก็พอใช้งานแล้ว แถมค่าวางก็แพงกว่า overhaul เกียร์ไม่เท่าไหร่ แต่ใจนึงก็คิดว่าวางทั้งทีก็อยากลอง เครื่องของ 330 ไปเลยก็ดีคับ 55+ ส่วนอู่ที่ดูไว้ก็มี ss auto สุขุมวิท 50 กับ bm ช่างวีราชพฤกษ์
*** คิดออกจะมาเพิ่มให้ครับ จะได้เก็บไว้ให้เพื่อนๆใช้เป็น reference ในการหาร้านซ่อมรถ bmw ตัวเอง
สวัสดีครับ
อยากขอข้อมูลเรื่องเครื่องที่จะวางใน E90 หน่อยครับว่า ทั้ง 325i & 330i ที่พูดถึงนี่เป็น 4 สูบ turbo ทั้งคู่เลยหรือเป็น 6 สูบ n/a และ รหัสเครื่องอะไรครับ ผมสนใจอยู่เหมือนกันเพราะใช้ e90 320ise รุ่นเดียวกับท่าน จขกท. ครับ
ขอบคุณครับผม
-
ถ้าซ่อมแล้วจบก็คุ้มอยู่นะครับ
(ให้มีรถ eco car อีกคันไว้ใช้เป็นคันหลัก แล้วคันนี้เป็นคันที่สอง)