Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: diary1 ที่ เมษายน 22, 2018, 09:38:38
-
กำลังตัดสินใจซื้อ Toyota CHR จริงๆ งบถึงตัว 1.8 Hybrid mid
แต่กังวลกับการดูแลรักษา และ ราคาขายต่อครับ
กะใช้ประมาณ 7-10 ปี
คันเดิมใช้ altis 2011 ติด lpg ดูแลที่อู่นอกตลอด.
ขอบคุณครับ
-
ไฮบริดรับประกันแบต 10 ปี ระบบ 5 ปี ราคาขายประกันโตโยต้าชัวร์ 5 ปี ถ้ากังวล เบนซิลดีกว่าครับ แต่ผมเสียดายอ็อปชั่นบางตัวไปอยู่ในรุ่นไฮบริด
-
ถ้าเบื่อใช้ lpg ก็เลือก hv ครับ
ใช้ hv ค่าน้ำมันตก 1.7-1.8 บาท/กม วิ่งใน กทม(สอบถามจาก priusวิ่งเท็กซี่ในกทม.)
ส่วนถ้าใช้น้ำมันอัตราสิ้นเปลืองก็พอกับ altis ตัวปัจจุบัน
ชอบเทคโนโลยีจัดตัว top จัดให้สุด
เน้นใช้งาน เลือกตัวล่างคุ้มค่าเงิน อยากประหยัดอีกติด lpg
-
ถ้าใช้ไฮบริด 7-10 ปี ราคาขายตกเป็นขี้เลยครับ นี่ยังไม่รวมค่าซ่อมช่วง 5-10 ปีที่อะไหล่ชิ้นใหญ่เสีย ซ่อมรวมๆ 3-4 แสน ตามหลักควรขายทิ้งภายใน 5 ปีเพราะมีประกันราคา
สรุปยังไงก็ต้องเบนซินธรรมดาครับ
-
Benzene only
-
ขอบคุณทุกความเห็นครับ.
-
ถ้าเอาอัตราเร่งที่ดีกว่ารุ่นนี้ต้องเอาเบนซินธรรมดาครับ
-
ถ้าใช้ไฮบริด 7-10 ปี ราคาขายตกเป็นขี้เลยครับ นี่ยังไม่รวมค่าซ่อมช่วง 5-10 ปีที่อะไหล่ชิ้นใหญ่เสีย ซ่อมรวมๆ 3-4 แสน ตามหลักควรขายทิ้งภายใน 5 ปีเพราะมีประกันราคา
สรุปยังไงก็ต้องเบนซินธรรมดาครับ
เท่าที่ผมใช้พรีอุส TRD 2011 มา ของคุณพ่อคัน ของผมคัน และมีของคุณลุงที่ใช้เหมือนกัน จำได้ว่าออกตอนเปิดตัวเลย คันของลุงขับไป 660,000 แล้ว ยังไม่เจอรายการเสียใหญ่ที่ว่าซ่อม 3-4 แสนอย่างที่คุณบอกนะครับ
ส่วน TRD ทั้งสองคันที่อยู่ในบ้านผม มีเปลี่ยนแบตเตอรี่รถ (ไม่ใช่ระบบไฮบริด) ไปคันละ 1 ลูก ซื้อของแท้นอกศูนย์ 4 พันกว่าบาท เช็คระยะก็ครั้งละ 2-4 พันบาท
ถ้าไม่ได้เจ็บจริง ใช้จริงกับไฮบริด อย่าไปฟังคนอื่นโม้มากครับ (แต่คนที่เจ็บมาจริงๆนี่น่าเห็นใจมากครับ เข้าใจเลย) มีแค่เรื่องราคาที่ตกจริง แต่ถ้าเอารถที่ตอนเปิดตัว ราคาไล่ๆกันมาเทียบดู มันก็ลงตามสัดส่วนครับ และอยากให้คิดว่า ในระหว่างที่ขับใช้งาน มันประหยัดมากกว่ารถขนาดเท่ากันที่เป็นเครื่องเบนซินราว กม. ละ 1 บาทโดยประมาณ ถ้าคุณขับไป 1 แสนตอนขายต่อ อย่าลืมเอาส่วนต่างค่าน้ำมันกลับมาบวกคืนจากเงินที่ขายรถไปได้ด้วยครับ แล้วจะรู้ว่าอันที่จริง มันก็ไม่ได้ผิดกันกับรถใช้น้ำมันมากอย่างที่กลัวครับ
-
กำลังตัดสินใจซื้อ Toyota CHR จริงๆ งบถึงตัว 1.8 Hybrid mid
แต่กังวลกับการดูแลรักษา และ ราคาขายต่อครับ
กะใช้ประมาณ 7-10 ปี
คันเดิมใช้ altis 2011 ติด lpg ดูแลที่อู่นอกตลอด.
ขอบคุณครับ
สำหรับผมที่กำลังแพลนจะซื้อเหมือนกัน คิดคำนวนแล้วคงไปรุ่น HV Mid / Hi ครับ เหตุผลตามข้างล่างนี้ (ยาวหน่อยครับขออภัย แต่อยากนำเสนอแนวคิดโดยละเอียดพร้อมการคำนวนที่มาที่ไปของตัวเลขให้ดูประกอบการพิจารณา)
ผมอยู่ในคลับผู้ใช้ CH-R มาสักพักแล้ว (กำลังวางแผนจะซื้อในปีนี้ครับ) เพื่อนๆในกลุ่มไลน์โพสท์แชร์ทริปจาก MID ให้ดูแทบทุกวัน โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ เฉลี่ยจากการใช้งานจริงที่เขาถ่ายรูป MID มาอวดกันคือ
HV ขับต่างจังหวัด 110-120 ตามปกติทั่วไป จะตกประมาณ 24 กม/ลิตร ประหยัดกว่าพรีอุสครับ (ของผมขับได้ราว 19-21 กม/ลิตร) ถ้าในเมืองได้ราว 20 กม/ลิตร บวกลบ
1.8 เบนซิน ขับต่างจังหวัด เดินทางไกล ได้ราว 14-15 โลลิตร ในเมืองได้ประมาณ 9 โลลิตร
สมมติให้เติมน้ำมันตัวเดียวกันราคา 30 บาทต่อลิตร ก็จะได้ว่า
HV ขับนอกเมืองได้ 1.25 บาท ต่อ กม. ในเมือง 1.5 บาท ต่อกม.
เบนซินปกตินอกเมือง 2 ในเมือง 3.33 บาท
ดังนั้น ส่วนต่างต่อ กม.ที่ HV ประหยัดกว่าคือ 0.75 บาทต่อกม. นอกเมือง และ 1.83 บาทต่อกม. ในเมือง
รุ่น HV Mid ราคา 1.069 ล้าน แพงกว่า 1.8 Mid อยู่ 30000 บาทถ้วน (ได้ไฟหน้าไฟท้าย เครื่องไฮบริด และระบบ T-Connect) ระยะเวลาที่คุณกะใช้ 7-10 ปีนั้น จะพ้นระยะเวลารับประกันราคาขายต่อของ Toyota ไปแล้ว (รับประกันที่อายุรถไม่เกิน 5 ปี และรับประกันว่าจะไม่ราคาตกไปกว่าตัวเบนซิน) ผมเอาตัวอย่างคันที่ผมเพิ่งขายไปคือ Altis 1.6G ปี 2009 เพิ่งขายไปเดือนมีนา อายุ 9 ปี ตอนซื้อมา 814000 ขายไป 340000 แสดงว่าราคาเหลือแค่ 42% จากราคาป้ายแดง (ตกไป 58%) คันพรีอุสที่ผมใช้อยู่และกำลังจะขายนี้ อายุตอนนี้ถ้าขายคือ 7 ปี ตอนป้ายแดง 1439000 (TRD และสีขาว บวกเพิ่ม 40000 จากราคาตัวท๊อปตอนนั้น) ตอนนี้เหลือประมาณ 420000 (ตกไป 71%) ถ้าสมมติผมรอรถพรีอุสอายุ 9 ปีแล้วขายเดาว่าราคาคงเหลือประมาณ 250000 หรือตกไปประมาณ 82%
คำนวนย้อนกลับ เทียบว่ารุ่น HV ราคาจะหายไป 82% ตอนปีที่ 9 และรุ่นเบนซินจะหายไป 58% จะพบว่า รุ่น HV น่าจะมีราคาขายต่อตอนนั้นราวๆ 200,000 บาทอาจหย่อนนิดๆ เบนซินอาจขายได้ราว 430,000 บาท ดังนั้นสองคันนี้ ค่าตัวจะต่างกันถึง 230,000 บาท และต้องบวกค่าตัวที่แพงกว่า 30,000 เข้าไปด้วยเป็น 260,000 แต่อย่างที่บอกไว้ข้างบนคือ HV ประหยัดกว่าทุกๆสถานการณ์ใช้งาน ผมคิดให้แบบง่ายๆเอาตัวเลขต้นทุนการใช้น้ำมันบาทต่อกิโลเมตรที่ขับของ HV 0.75+1.83 = 2.58/2 = 1.29 บาทต่อ กม. จะได้ว่า คุณต้องขับรถคันนี้ ไม่น้อยกว่า 200,000 กม. ตลอด 9 ปีนี้ (หรือปีละ 22,000 กม. ตามมาตรฐานคนใช้รถบ้านทั่วไป) ถึงจะคุ้มค่าในการเลือกใช้ไฮบริดแล้วไม่ขาดทุนส่วนต่างค่าตัวที่ตกตอนจะขายต่อ
สิ่งที่คุณต้องคิดตอนนี้คือ คุณคิดว่า ราคามือสองของรุ่น HV Mid + 1.8Mid จะห่างกันมากถึง 230,000 บาท จริงไหมในอีก 9 ปีข้างหน้า? ผมก็ไม่คิดว่าจะห่างขนาดนั้นครับ ผมเดาว่าห่างกันเต็มที่ก็ 1 แสนบาท ลองแอบดูราคามือสอง Camry 2.5 / 2.5HV ปี 2013 ดูที่เลขไมล์ใกล้ๆกันครับ มันห่างกันแค่ 5 หมื่นบาทเอง ดังนั้น ระยะทางที่ต้องวิ่งให้คุ้มค่าส่วนต่างราคาตก และส่วนต่างค่าตัวป้ายแดง 130,000 บาท ก็คือต้องใช้งานตลอด 9 ปีนี้ที่ 101,000 กม. โดยประมาณครับ (ยังไม่คิดว่าถ้าน้ำมันราคากลับขึ้นไปแพงกว่า 30 บาทต่อลิตรนะครับ)
ดังนั้นทั้งหมดที่คำนวนให้ดูคือเหตุผลที่ผมจิ้ม HV Mid / Hi ครับ ดูแล้วยังไงก็คุ้มกว่าเบนซิน
-
ถ้าใช้รถแค่ไม่เกิน10ปี จากประสบการณ์ที่ใช้รถ hybrid มา7ปี ยังไม่มีรายการแพงๆเสียนอกจากแผงคอล์ยเย็นแอร์รั่ว
พูดถึงข้อดีบ้างละกัน
+รถhybrid ไม่มีไดสตาทแต่ใช้มอเตอร์ปั่นไฟสตาท(ไร้แปลงถ่าน)สตาทเพราะฉะนั้นหมดกังวลเรื่องไดพังเพราะยังไม่เคยเห็นข่าวมอเตอร์พังซะที
+ภายใน4ปีแรกแบตก้อนเล็กแทบจะไม่เสียเลยเพราะย้ายแบตไปไว้หลังรถซึ่งอุณภูมิไม่ร้อนเท่าไว้ในห้องเครื่อง และการที่มีตัว Inverters แปลงไฟทำให้อายุแบตอยู่นานขึ้น แต่แลกมาด้วยค่าแบตที่ค่อนข้างแพง ลูกละ 7 พัน ถ้าเทียบกับรถทั่วไปที่เดีย่วนี้ 1.5-2ปีเปลี่ยนครั้งก็พอๆกัน แต่แค่ไม่ต้องมากังวลว่ารถจะสตาทไม่ติดบ่อยๆ
+เวลาจอดรถหรือรถติดเครื่องจะดับประมาณ15นาทีพอไฟหมดก็ติดเครื่องมาชาจ 3-4นาทีก่อนจะดับไป
+การที่กดเบรกเบาๆมอเตอร์ไฟฟ้าจะหน่วงความเร็วรถมากขึ้น ภายใน 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เปลี่ยนผ้าเบรกเลยเพราะหน้าผ้าเบรกแทบไม่ลดลง
+ประมาณปีที่4แบตตัวใหญ่ถึงจะเริ่มเสียแต่เข้าศูนย์เปลี่ยนฟรี แต่ระหว่างใช้ช่วงแบตเสื่อมนั้นเครื่องรถจะไม่ดับเลย
+ระบบเกียร์เสียยากกว่า cvt สายพานเท่าที่เห็นใช้กัน 2-3แสนโลยังไม่มีพัง(ของผม2แสนโลแล้ว) แต่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ4หมื่นโลด้วยถึงแม้ว่าคู่มือจะบอกว่า lifetime
+ซีลยางต่างๆเสื่อมช้ากว่ารถเบนซินทั่วไปเพราะเครื่องดับบ่อยยิ่งเวลารถติดใน กทม ทำให้ซีลปะเก็นเครื่องเสื่อมช้ากว่ารถทั่วไปนิดหน่อย
ข้อเสีย
- Inverters ราคาค่อนข้างแพงถ้าตัวนี้เสียก็เรือนแสน แต่เดี่ยวนี้มีร้านรับซ่อม
- ABS Pump ไฟฟ้าถ้าเสียก็เป็นแสนเหมือนกัน ต้องคอยหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเบรกให้ตรงเวลา การที่น้ำมันเบรกสกปรกปล่อยไว้นานทำให้ปั้มพังเร็วขึ้น
- ส่วนแบตไม่น่ากังวลเท่าไหร่เพราะราคาเริ่มลดลงมาเยอะแล้วถ้าใช้ไม่เกิน10ปีไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
-คอมแอร์เป็นไฟฟ้า เวลาเปลี่ยนต้องใช้น้ำมันเบอร์เฉพาะ (เคยได้ยินว่าเวลาอัดน้ำยาแอร์ต้องใช้เครื่องอัดเฉพาะด้วย)
เรื่องที่ต้องทำใจ
-ราคาขายต่อ
สรุปว่าถ้าเบื่อรถทั่วไปก็ไป hybrid แต่ต้องหาอู่เฉพาะทางซ่อมถ้าไม่อยากซ่อมแพง
แต่ถ้าชอบรถไม่ซับซ้อน ซ่อมง่ายๆไม่ต้องเสียบคอมหาอาการ ก็รุ่นน้ำมันครับ
ปล.แต่ถ้าต้องจอดรถตากแดดทุกวันทั้งที่บ้านที่ทำงาน ส่วนตัวจะไม่เลือก hybrid ครับ
ปล2.CHR พัฒนาระบบ hybrid ไม่เหมือน prius เจนก่อนให้ตัวมอเตอร์เจนผลิตไฟใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่าที่ทราบส่วนรายละเอียดอื่นๆต้องไปลองศึกษาดูครับ
-
ถ้าใช้รถแค่ไม่เกิน10ปี จากประสบการณ์ที่ใช้รถ hybrid มา7ปี ยังไม่มีรายการแพงๆเสียนอกจากแผงคอล์ยเย็นแอร์รั่ว
พูดถึงข้อดีบ้างละกัน
+รถhybrid ไม่มีไดสตาทแต่ใช้มอเตอร์ปั่นไฟสตาท(ไร้แปลงถ่าน)สตาทเพราะฉะนั้นหมดกังวลเรื่องไดพังเพราะยังไม่เคยเห็นข่าวมอเตอร์พังซะที
+ภายใน4ปีแรกแบตก้อนเล็กแทบจะไม่เสียเลยเพราะย้ายแบตไปไว้หลังรถซึ่งอุณภูมิไม่ร้อนเท่าไว้ในห้องเครื่อง และการที่มีตัว Inverters แปลงไฟทำให้อายุแบตอยู่นานขึ้น แต่แลกมาด้วยค่าแบตที่ค่อนข้างแพง ลูกละ 7 พัน ถ้าเทียบกับรถทั่วไปที่เดีย่วนี้ 1.5-2ปีเปลี่ยนครั้งก็พอๆกัน แต่แค่ไม่ต้องมากังวลว่ารถจะสตาทไม่ติดบ่อยๆ
+เวลาจอดรถหรือรถติดเครื่องจะดับประมาณ15นาทีพอไฟหมดก็ติดเครื่องมาชาจ 3-4นาทีก่อนจะดับไป
+การที่กดเบรกเบาๆมอเตอร์ไฟฟ้าจะหน่วงความเร็วรถมากขึ้น ภายใน 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เปลี่ยนผ้าเบรกเลยเพราะหน้าผ้าเบรกแทบไม่ลดลง
+ประมาณปีที่4แบตตัวใหญ่ถึงจะเริ่มเสียแต่เข้าศูนย์เปลี่ยนฟรี แต่ระหว่างใช้ช่วงแบตเสื่อมนั้นเครื่องรถจะไม่ดับเลย
+ระบบเกียร์เสียยากกว่า cvt สายพานเท่าที่เห็นใช้กัน 2-3แสนโลยังไม่มีพัง(ของผม2แสนโลแล้ว) แต่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ4หมื่นโลด้วยถึงแม้ว่าคู่มือจะบอกว่า lifetime
+ซีลยางต่างๆเสื่อมช้ากว่ารถเบนซินทั่วไปเพราะเครื่องดับบ่อยยิ่งเวลารถติดใน กทม ทำให้ซีลปะเก็นเครื่องเสื่อมช้ากว่ารถทั่วไปนิดหน่อย
ข้อเสีย
- Inverters ราคาค่อนข้างแพงถ้าตัวนี้เสียก็เรือนแสน แต่เดี่ยวนี้มีร้านรับซ่อม
- ABS Pump ไฟฟ้าถ้าเสียก็เป็นแสนเหมือนกัน ต้องคอยหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเบรกให้ตรงเวลา การที่น้ำมันเบรกสกปรกปล่อยไว้นานทำให้ปั้มพังเร็วขึ้น
- ส่วนแบตไม่น่ากังวลเท่าไหร่เพราะราคาเริ่มลดลงมาเยอะแล้วถ้าใช้ไม่เกิน10ปีไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
-คอมแอร์เป็นไฟฟ้า เวลาเปลี่ยนต้องใช้น้ำมันเบอร์เฉพาะ (เคยได้ยินว่าเวลาอัดน้ำยาแอร์ต้องใช้เครื่องอัดเฉพาะด้วย)
เรื่องที่ต้องทำใจ
-ราคาขายต่อ
สรุปว่าถ้าเบื่อรถทั่วไปก็ไป hybrid แต่ต้องหาอู่เฉพาะทางซ่อมถ้าไม่อยากซ่อมแพง
แต่ถ้าชอบรถไม่ซับซ้อน ซ่อมง่ายๆไม่ต้องเสียบคอมหาอาการ ก็รุ่นน้ำมันครับ
ปล.แต่ถ้าต้องจอดรถตากแดดทุกวันทั้งที่บ้านที่ทำงาน ส่วนตัวจะไม่เลือก hybrid ครับ
ปล2.CHR พัฒนาระบบ hybrid ไม่เหมือน prius เจนก่อนให้ตัวมอเตอร์เจนผลิตไฟใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่าที่ทราบส่วนรายละเอียดอื่นๆต้องไปลองศึกษาดูครับ
ผมไม่ได้ใช้ไฮบริด อยากเสริมข้อดีอีกอันที่เราคนไทยมองข้าม เพราะเงินในกระเป๋ากับการขายรถต่อมีความสำคัญมากกว่า คือเรื่องอากาศ มลพิษในกรุงเทพดูไกลตัวแต่ลืมว่าตัวเราก็มีส่วนเพิ่มมลพิษ ทุกคนแม้แต่ผม
อนาคตถ้าคนหันมาใช้ไฮบริดเยอะขึ้น มันน่าจะช่วยเรื่องราคาแบตที่ลดลง
-
สิ่งที่ไฮบริดเป็นคือสิ่งที่ท่านกังวลครับ
-
เบนซิน ส่วนต่าง เติมน้ำมันครับ
แต่เข้าใจว่า option ต่าง ๆ มันไปตกที่ตัวท๊อป 8)
-
ปัญหา Hybrid คนที่ใช้ไม่ได้พูด คนที่พูดไม่ได้ใช้ครับ ไปท่องจำเอากับเราเดิมไปที่มี defect แล้วเอาราคาอะไหล่หลักๆมาโพสต์จนคนพูดกันปากต่อปาก ขึ้นชื่อว่ารถถ้าส่วนหลักๆมันเสียก็เปล่่ยนเป็นแสนทั่งนั้นแหละครับ สำหรับรถเป็นล้าน แต่มีนไม่ได้เสียง่ายๆครับ รถ Hybrind ที่มีนปกติมันก็เหมือนรถกินน้ำมันทั่วไปแหละครับ แต่ถ้าเจอ defect ก็ตัวใครตัวมันแต่ส่วนใหญ่จะเวสียในระยะประกัน
มันไม่เสียง่ายๆ ที่บ้านใช้มาแปดเก้าปีแล้วไม่เห็นมีซ่อมอะเป็นแสนๆอย่างที่ว่าเลย ปั๊ม ABS ที่ว่าแพงเค้าก็เปลี่ยนให้ฟรี
โลกมันเปลี่ยนไปแล้วครับ แต่ถ้าอยากรู้ปัญหาจริงๆ เข้าไปดูใน club Camry hybrid ได้ครับ มาถามในนี้ไม่ค่ิยเจอคนใช้หรอกครับ
-
ขอบคุณมากๆเลยครับ ทำให้เห็นมุมมองมากขึ้นครับ
-
ถ้าคุณใช้รถราวๆ 5 ปี และไม่ได้ขับรถเร็ว เน้นประหยัดน้ำมัน การเลือก Hybrid คือคำตอบที่ดี
แต่สำหรับผม เลือก เบนซิน 1.8 ลิตร เพราะอัตราเร่ง ทันใจกว่า ออพชัน ผมไม่แคร์ ไม่สนใจ
อ้อ Hybrid หนะ กลุ่มคนรัก ก็รักของเขากันไป ไม่ว่ากัน
แต่ แบ็ตเตอรีสำหรับระบบขับเคลื่อน ลูกโตๆ หนะ ไม่ใช่ตัวที่แพงสุดหรือน่าห่วงหรอกครับ สำหรับ Toyota
เพราะได้ยินว่า ล่าสุด C-HR เหลือ ลูกละ 61,xxx บาท แล้ว อีกทั้ง ช่างไทยสมัยนี้ สามารถถอดเปลี่ยนเฉพาะ เซลส์ ก็ได้แล้ว
ตัวที่แพงหนะ โน่นครับ Inverter ตัวแผงวงจรระบบตัดต่อกำลัง มอเตอร์ไฟฟ้า พวกนี้ เวลานี้ ยังไม่มี Defect
แต่ถ้าเกิดรถจมน้ำมา เพราะการจอดใต้ถุนคอนโด ทำใจนะครับ หลักแสนแน่ๆ
-
ถ้าใช้รถแค่ไม่เกิน10ปี จากประสบการณ์ที่ใช้รถ hybrid มา7ปี ยังไม่มีรายการแพงๆเสียนอกจากแผงคอล์ยเย็นแอร์รั่ว
พูดถึงข้อดีบ้างละกัน
+รถhybrid ไม่มีไดสตาทแต่ใช้มอเตอร์ปั่นไฟสตาท(ไร้แปลงถ่าน)สตาทเพราะฉะนั้นหมดกังวลเรื่องไดพังเพราะยังไม่เคยเห็นข่าวมอเตอร์พังซะที
+ภายใน4ปีแรกแบตก้อนเล็กแทบจะไม่เสียเลยเพราะย้ายแบตไปไว้หลังรถซึ่งอุณภูมิไม่ร้อนเท่าไว้ในห้องเครื่อง และการที่มีตัว Inverters แปลงไฟทำให้อายุแบตอยู่นานขึ้น แต่แลกมาด้วยค่าแบตที่ค่อนข้างแพง ลูกละ 7 พัน ถ้าเทียบกับรถทั่วไปที่เดีย่วนี้ 1.5-2ปีเปลี่ยนครั้งก็พอๆกัน แต่แค่ไม่ต้องมากังวลว่ารถจะสตาทไม่ติดบ่อยๆ
+เวลาจอดรถหรือรถติดเครื่องจะดับประมาณ15นาทีพอไฟหมดก็ติดเครื่องมาชาจ 3-4นาทีก่อนจะดับไป
+การที่กดเบรกเบาๆมอเตอร์ไฟฟ้าจะหน่วงความเร็วรถมากขึ้น ภายใน 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เปลี่ยนผ้าเบรกเลยเพราะหน้าผ้าเบรกแทบไม่ลดลง
+ประมาณปีที่4แบตตัวใหญ่ถึงจะเริ่มเสียแต่เข้าศูนย์เปลี่ยนฟรี แต่ระหว่างใช้ช่วงแบตเสื่อมนั้นเครื่องรถจะไม่ดับเลย
+ระบบเกียร์เสียยากกว่า cvt สายพานเท่าที่เห็นใช้กัน 2-3แสนโลยังไม่มีพัง(ของผม2แสนโลแล้ว) แต่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ4หมื่นโลด้วยถึงแม้ว่าคู่มือจะบอกว่า lifetime
+ซีลยางต่างๆเสื่อมช้ากว่ารถเบนซินทั่วไปเพราะเครื่องดับบ่อยยิ่งเวลารถติดใน กทม ทำให้ซีลปะเก็นเครื่องเสื่อมช้ากว่ารถทั่วไปนิดหน่อย
ข้อเสีย
- Inverters ราคาค่อนข้างแพงถ้าตัวนี้เสียก็เรือนแสน แต่เดี่ยวนี้มีร้านรับซ่อม
- ABS Pump ไฟฟ้าถ้าเสียก็เป็นแสนเหมือนกัน ต้องคอยหมั่นเปลี่ยนน้ำมันเบรกให้ตรงเวลา การที่น้ำมันเบรกสกปรกปล่อยไว้นานทำให้ปั้มพังเร็วขึ้น
- ส่วนแบตไม่น่ากังวลเท่าไหร่เพราะราคาเริ่มลดลงมาเยอะแล้วถ้าใช้ไม่เกิน10ปีไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
-คอมแอร์เป็นไฟฟ้า เวลาเปลี่ยนต้องใช้น้ำมันเบอร์เฉพาะ (เคยได้ยินว่าเวลาอัดน้ำยาแอร์ต้องใช้เครื่องอัดเฉพาะด้วย)
เรื่องที่ต้องทำใจ
-ราคาขายต่อ
สรุปว่าถ้าเบื่อรถทั่วไปก็ไป hybrid แต่ต้องหาอู่เฉพาะทางซ่อมถ้าไม่อยากซ่อมแพง
แต่ถ้าชอบรถไม่ซับซ้อน ซ่อมง่ายๆไม่ต้องเสียบคอมหาอาการ ก็รุ่นน้ำมันครับ
ปล.แต่ถ้าต้องจอดรถตากแดดทุกวันทั้งที่บ้านที่ทำงาน ส่วนตัวจะไม่เลือก hybrid ครับ
ปล2.CHR พัฒนาระบบ hybrid ไม่เหมือน prius เจนก่อนให้ตัวมอเตอร์เจนผลิตไฟใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเท่าที่ทราบส่วนรายละเอียดอื่นๆต้องไปลองศึกษาดูครับ
สำหรับ CHR HBแบตลูกเล็กย้ายมาอยู่ที่ห้องเครื่อง
เหมือนรถปกติแล้วนะครับ ไม่ได้อยู่ด้านหลัง
ผมก็รอดูอยู่อะครับ อยากให้ตอน Minor change
เอา เครื่อง HB 2.0 THSII มาแทนคงแรงน่าดู
แต่จะเป็นไปได้ไหมเนี่ย
-
สำหรับ CHR HBแบตลูกเล็กย้ายมาอยู่ที่ห้องเครื่อง
เหมือนรถปกติแล้วนะครับ ไม่ได้อยู่ด้านหลัง
ผมก็รอดูอยู่อะครับ อยากให้ตอน Minor change
เอา เครื่อง HB 2.0 THSII มาแทนคงแรงน่าดู
แต่จะเป็นไปได้ไหมเนี่ย
ขออภัยสำหรับข้อมูลครับ ไม่ทันเห็นว่าย้ายกลับมาด้านหน้าแล้ว ปูเสื่อรอดูอายุแบตเลยครับแบบนี้
-
สำหรับ CHR HBแบตลูกเล็กย้ายมาอยู่ที่ห้องเครื่อง
เหมือนรถปกติแล้วนะครับ ไม่ได้อยู่ด้านหลัง
ผมก็รอดูอยู่อะครับ อยากให้ตอน Minor change
เอา เครื่อง HB 2.0 THSII มาแทนคงแรงน่าดู
แต่จะเป็นไปได้ไหมเนี่ย
ขออภัยสำหรับข้อมูลครับ ไม่ทันเห็นว่าย้ายกลับมาด้านหน้าแล้ว ปูเสื่อรอดูอายุแบตเลยครับแบบนี้
ผมใบ้ให้ ลองเสิร์จหา "345 LN 1-MF" อีกคำใบ้ "ไม่ถึงหมื่นบาท" แล้วก็ค่อยมาปูเสื่อนะครับ
-
ผมใบ้ให้ ลองเสิร์จหา "345 LN 1-MF" อีกคำใบ้ "ไม่ถึงหมื่นบาท" แล้วก็ค่อยมาปูเสื่อนะครับ
ผมคง googling ไม่เก่งเท่าคุณหรอกครับ แต่เท่าที่จำได้ค่าเปลี่ยนแบต 12v ของ camry hybrid ที่ผมจ่ายไปราคา ณ ปี 2015 คือ 10,750.-บาท รวมvat ส่วนราคาเดือนมีนาคม61 เท่าที่ทราบจากตามเว็บบอร์ดคือเกือบๆ9พัน แต่ถ้าอยากทราบราคาจริงๆเฉพาะของรุ่นchr ลองโทรไปศูนย์โตโยต้าดูครับ ต่อเข้าแผนกอะไหล่เลย จะได้มาบอกเพื่อนๆในนี้ให้ทราบด้วยครับ อีกอย่างผมบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้ใช้ chr hybrid
-
ไม่สนออฟชั่น เน้นการตอบสนอง อัตราเร่ง ขับสนุก เบนซินเถอะครับ จากใจ 555555555
สนออฟชั่น ความประหยัดน้ำมัน อยากได้ของเล่นแพรวพราว ไฟหน้าไฟท้ายเก๋ๆ ไปไฮบริดครับ
-
พริอุสที่ไปไม่รอดเพราะค่าตัวสูงและคนนิยม c-seg ติดแก๊ส แต่แคมรี่ไฮบริดยังไปได้สวยเพราะอัตราเร่งที่ดี พอมา ch-r นี่คนคงไม่ติดแก๊ส แต่อัตราเร่งที่ด้อยกว่ามันก็ทำใจยากอีก
ส่วนราคามือสอง 5 ปียังมีประกันราคารถ แต่นานกว่านั้นคนจะซื้อ ch-r คงเพราะดีไซน์เป็นหลัก(เพราะถ้าชอบ TNGA คงมีหลายรุ่นที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเบาะหลังทึบ) พวกสีกับออพชั่นของไฮบริดก็อาจจะยังน่าสนกว่า(ถ้า mc ตัวเบนซินยังมีสีให้เลือกเท่าเดิม)
ปล.แต่การที่โตรับประกันราคาขายต่อแค่ 5 ปี แสดงว่ามันจะราคาตกมากกว่าเบนซินอยู่ดี (เพราะใครจะกล้าซื้อไฮบริดที่ใกล้จะหมดประกันล่ะ)
-
ไฮบริด โตโยต้า ใช้มา7ปี เครื่องทนทาน ไม่เคยเสียครับ
อะไหล่แพงจริง แต่ของอัลติสก็แพงเช่นกันถ้าของศูนย์นะครับ
แต่อัลติสเกินห้าปีก็คงซ่อมอู่ไม่เข้าศูนย์แล้วมั้งครับ
-
ขออนุญาตฝากข้อคิดเล็กๆนะครับ อีก2-3 ปี รถยนต์ไฟฟ้าก็จะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย ประมาณ 5 ปี ความนิยมก็แพร่หลายมากขึ้น พอ 10 ปี ก็เป็นมาตรฐานทั่วไปคู่กับรถเบนซินสันดาป ถึงตอนนั้นเทคโนโลยีไฮบริดอาจจะตายไปแล้ว แล้วถ้าขายเป็นรถมือสองจะมีคนซื้อหรือเปล่า กับรถที่เทคโนโลยีตายไปแล้ว และไม่มีการพัฒนาต่อ
ประเทศไทยกำลังจะมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1,000 แห่ง และรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทยในปีนี้
https://thestandard.co/ea-anywhere-ev-charging-station (https://thestandard.co/ea-anywhere-ev-charging-station)
https://m.youtube.com/watch?v=esFd0pT5US8
พลังงานบริสุทธิ์เดินหน้าสร้างโรงงานแบตเตอรี่ เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าปลายเดือนนี้
https://thestandard.co/energy-absolute-ready-to-electric-vehicle/
ตั่งแต่ปีหน้าจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ทางฝั่งจีนก็จะเริ่มรุกเข้ามาทำตลาด ทางฝั่งญี่ปุ่นก็มีนิสสันที่จะเข้ามาทำตลาด
ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าใช้ไฮบริดไม่ได้ แต่ควรจะขายออกไปก่อนจะครบ 5 ปี ถ้าจะใช้ยาวนานกว่านี้ควรจะเลือกเบนซินดีกว่า เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
-
ขออนุญาตฝากข้อคิดเล็กๆนะครับ อีก2-3 ปี รถยนต์ไฟฟ้าก็จะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทย ประมาณ 5 ปี ความนิยมก็แพร่หลายมากขึ้น พอ 10 ปี ก็เป็นมาตรฐานทั่วไปคู่กับรถเบนซินสันดาป ถึงตอนนั้นเทคโนโลยีไฮบริดอาจจะตายไปแล้ว แล้วถ้าขายเป็นรถมือสองจะมีคนซื้อหรือเปล่า กับรถที่เทคโนโลยีตายไปแล้ว และไม่มีการพัฒนาต่อ
ผมว่ารถไฟฟ้าในไทยยังอีกนานนะครับ
แต่ถ้าจีน ซึ่งรัฐบาลเขาผลักดันอย่างจริงจังให้มีรถไฟฟ้า ภายใน 5 ปี เพื่อลดมลภาวะ ฯ ต่างๆ
(ประกาศช่วงปลายปีที่แล้ว)
ในไทย รัฐยังอยากขายน้ำมันอยู่เรื่อย ๆ อ่ะครับ
ต้องรอให้ประเทศอื่นเขาเป็นรถไฟฟ้าหมดก่อนถึงทำ
ผมว่า ในไทยกว่ารัฐจะสนับสนุนต้อง 15 ปี+- เพราะต้องมีรัฐบาลที่เสถียรก่อนอ่าห์ ;D
-
ผมใบ้ให้ ลองเสิร์จหา "345 LN 1-MF" อีกคำใบ้ "ไม่ถึงหมื่นบาท" แล้วก็ค่อยมาปูเสื่อนะครับ
ผมคง googling ไม่เก่งเท่าคุณหรอกครับ แต่เท่าที่จำได้ค่าเปลี่ยนแบต 12v ของ camry hybrid ที่ผมจ่ายไปราคา ณ ปี 2015 คือ 10,750.-บาท รวมvat ส่วนราคาเดือนมีนาคม61 เท่าที่ทราบจากตามเว็บบอร์ดคือเกือบๆ9พัน แต่ถ้าอยากทราบราคาจริงๆเฉพาะของรุ่นchr ลองโทรไปศูนย์โตโยต้าดูครับ ต่อเข้าแผนกอะไหล่เลย จะได้มาบอกเพื่อนๆในนี้ให้ทราบด้วยครับ อีกอย่างผมบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้ใช้ chr hybrid
ผมเช็คราคาจากศูนย์ใกล้บ้านผมให้แล้ว แบต12V ในห้องเครื่อง C-HR ราคา 3,050 บาท
-
ผมใบ้ให้ ลองเสิร์จหา "345 LN 1-MF" อีกคำใบ้ "ไม่ถึงหมื่นบาท" แล้วก็ค่อยมาปูเสื่อนะครับ
ผมคง googling ไม่เก่งเท่าคุณหรอกครับ แต่เท่าที่จำได้ค่าเปลี่ยนแบต 12v ของ camry hybrid ที่ผมจ่ายไปราคา ณ ปี 2015 คือ 10,750.-บาท รวมvat ส่วนราคาเดือนมีนาคม61 เท่าที่ทราบจากตามเว็บบอร์ดคือเกือบๆ9พัน แต่ถ้าอยากทราบราคาจริงๆเฉพาะของรุ่นchr ลองโทรไปศูนย์โตโยต้าดูครับ ต่อเข้าแผนกอะไหล่เลย จะได้มาบอกเพื่อนๆในนี้ให้ทราบด้วยครับ อีกอย่างผมบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้ใช้ chr hybrid
ผมเช็คราคาจากศูนย์ใกล้บ้านผมให้แล้ว แบต12V ในห้องเครื่อง C-HR ราคา 3,050 บาท
ถ้าอย่างนั้นโตโยต้าเขาก็ได้ทำตามเป้าหมายเขาแล้วละครับ คือการจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบ Toyota มาก่อน และ หวังว่า C-HR จะสามารถเปลี่ยนความคิดของลูกค้าเหล่านั้นได้ ถ้าแบต 12v วางท้ายรถเหมือนรถ hybrid ทุกรุ่นที่ผ่านๆมานั้นคือต้องมีตัวระบายก๊าซไฮโดรเจนทำให้ต้นทุนเพิ่มราคาเลยแพง แต่เท่าที่ดูเหมือน chr วางแบตไว้ด้านหน้าแล้วใช้แบตกึ่งแห้ง มีช่องเติมน้ำกลั่นได้เลยน่าจะลดต้นทุนไปพอสมควร อย่างที่ผมบอกเป็นรุ่นแรกที่เอาแบตมาวางหน้า เลยต้องรอดูอายุแบต เพราะส่วนใหญ่ถ้าแบตไว้ท้ายรถจะเสื่อมทีก็ 4-5 ปี
-
ผมใบ้ให้ ลองเสิร์จหา "345 LN 1-MF" อีกคำใบ้ "ไม่ถึงหมื่นบาท" แล้วก็ค่อยมาปูเสื่อนะครับ
ผมคง googling ไม่เก่งเท่าคุณหรอกครับ แต่เท่าที่จำได้ค่าเปลี่ยนแบต 12v ของ camry hybrid ที่ผมจ่ายไปราคา ณ ปี 2015 คือ 10,750.-บาท รวมvat ส่วนราคาเดือนมีนาคม61 เท่าที่ทราบจากตามเว็บบอร์ดคือเกือบๆ9พัน แต่ถ้าอยากทราบราคาจริงๆเฉพาะของรุ่นchr ลองโทรไปศูนย์โตโยต้าดูครับ ต่อเข้าแผนกอะไหล่เลย จะได้มาบอกเพื่อนๆในนี้ให้ทราบด้วยครับ อีกอย่างผมบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้ใช้ chr hybrid
ผมเช็คราคาจากศูนย์ใกล้บ้านผมให้แล้ว แบต12V ในห้องเครื่อง C-HR ราคา 3,050 บาท
ถ้าอย่างนั้นโตโยต้าเขาก็ได้ทำตามเป้าหมายเขาแล้วละครับ คือการจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบ Toyota มาก่อน และ หวังว่า C-HR จะสามารถเปลี่ยนความคิดของลูกค้าเหล่านั้นได้ ถ้าแบต 12v วางท้ายรถเหมือนรถ hybrid ทุกรุ่นที่ผ่านๆมานั้นคือต้องมีตัวระบายก๊าซไฮโดรเจนทำให้ต้นทุนเพิ่มราคาเลยแพง แต่เท่าที่ดูเหมือน chr วางแบตไว้ด้านหน้าแล้วใช้แบตกึ่งแห้ง มีช่องเติมน้ำกลั่นได้เลยน่าจะลดต้นทุนไปพอสมควร อย่างที่ผมบอกเป็นรุ่นแรกที่เอาแบตมาวางหน้า เลยต้องรอดูอายุแบต เพราะส่วนใหญ่ถ้าแบตไว้ท้ายรถจะเสื่อมทีก็ 4-5 ปี
แบตเตอรี่กึ่งแห้งแบบเดียวกับพวกนิสสัน มาร์ช หรือ mazda 2 หรือเปล่าครับ
ผมดูแล้วขนาดคุ้นๆ มาก
-
ผมใบ้ให้ ลองเสิร์จหา "345 LN 1-MF" อีกคำใบ้ "ไม่ถึงหมื่นบาท" แล้วก็ค่อยมาปูเสื่อนะครับ
ผมคง googling ไม่เก่งเท่าคุณหรอกครับ แต่เท่าที่จำได้ค่าเปลี่ยนแบต 12v ของ camry hybrid ที่ผมจ่ายไปราคา ณ ปี 2015 คือ 10,750.-บาท รวมvat ส่วนราคาเดือนมีนาคม61 เท่าที่ทราบจากตามเว็บบอร์ดคือเกือบๆ9พัน แต่ถ้าอยากทราบราคาจริงๆเฉพาะของรุ่นchr ลองโทรไปศูนย์โตโยต้าดูครับ ต่อเข้าแผนกอะไหล่เลย จะได้มาบอกเพื่อนๆในนี้ให้ทราบด้วยครับ อีกอย่างผมบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้ใช้ chr hybrid
ผมเช็คราคาจากศูนย์ใกล้บ้านผมให้แล้ว แบต12V ในห้องเครื่อง C-HR ราคา 3,050 บาท
ถ้าอย่างนั้นโตโยต้าเขาก็ได้ทำตามเป้าหมายเขาแล้วละครับ คือการจับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ชอบ Toyota มาก่อน และ หวังว่า C-HR จะสามารถเปลี่ยนความคิดของลูกค้าเหล่านั้นได้ ถ้าแบต 12v วางท้ายรถเหมือนรถ hybrid ทุกรุ่นที่ผ่านๆมานั้นคือต้องมีตัวระบายก๊าซไฮโดรเจนทำให้ต้นทุนเพิ่มราคาเลยแพง แต่เท่าที่ดูเหมือน chr วางแบตไว้ด้านหน้าแล้วใช้แบตกึ่งแห้ง มีช่องเติมน้ำกลั่นได้เลยน่าจะลดต้นทุนไปพอสมควร อย่างที่ผมบอกเป็นรุ่นแรกที่เอาแบตมาวางหน้า เลยต้องรอดูอายุแบต เพราะส่วนใหญ่ถ้าแบตไว้ท้ายรถจะเสื่อมทีก็ 4-5 ปี
แบตเตอรี่กึ่งแห้งแบบเดียวกับพวกนิสสัน มาร์ช หรือ mazda 2 หรือเปล่าครับ
ผมดูแล้วขนาดคุ้นๆ มาก
นิสสัน มาร์ช mazda 2 ไม่แน่ใจครับ เพราะไม่เคยได้เปิดดูเท่าไร
แบตของ พวกพรีอุส C-HR เป็นแบตประเภท AGM ครับ อายุการใช้งานจะนานกว่า
แบตธรรมดาประมาณเท่าตัว ครับ ซึ่งก็เท่ากับว่า ราคาแบตพอๆกับทั่วไป(สูงกว่าหน่อย)
แต่ใช้ได้นานกว่าแล้วหากเทียบกันอาจกลายเป็นว่าราคาแบตถูกกว่าแบบธรรมดา
หากเทียบในระยะเวลาการใช้งาน
-
ถ้าชอบไฮบริดจริงก็เล่นได้ครับ
ระบบ Hybrid ของโตโยต้าเขาทนและเสถียรจริงครับ ไม่ค่อยมีปัญหาครับ
ผิดกับค่ายเยอรมันที่ระบบ plug in hybrid เขา ถ้สติดตามในเพจคนใช้ค่ายเยอรมันจะงงว่า รถมันจะรวนอะไรกันนักกันหนา
-
จัดเบนซินไปสิครับ ถ้าห่วงดูแล / ขายต่อ
-
จากโจทย์ จขกท. คงต้องเบนซินครับ
ปล. ห่วงขายต่อไม่น่าซื้อรถทรงนี้แต่ต้น มันตลาดเฉพาะนะครับผมว่า
-
ขอบคุณทุกท่านครับ
-
ระบบไฮบริดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พูดกันทั่วไป อะไหล่หลายๆตัวอาจมีราคาสูง แต่มันก็ไม่ได้พังกันง่ายดาย ผมซื้อแคมรี ACV40 มือสองด้วยซ้ำมาใช้ รถปี11 เจ้าของเดิมใช้มา3 ปี ผมมาใช้ต่อ เปลี่ยนแบตใหญ่ไป1 ลูก อยู่ในประกัน แบตเล็กไป1 ลูก ไม่มีจุกจิกอะไรนอกจากการเข้าศูนย์ตามระยะ สุดท้ายปลายปีที่แล้วต้องเลิกใช้ เพราะญาติเอาไปขับแลัวเกิดอุบัติเหตุหนักแต่คนปลอดภัย
ถ้าถามผมผมๆว่าระบบไฮบริด ของโตโยต้า มั่นใจได้ครับ แต่ทำใจกับราคาขายต่อเท่านั้น
-
ผมใช้ Prius มา 5 ปีกว่ามีเคลมแบต Hybrid ไปหนนึง ที่เหลือก้อมีเปลี่ยนโช็คกับลูกปืนตามระยะ ระบบแอร์ยังใช้ได้ปกติครับ CHR เค้าเพิ่มรับประกันให้เป็น 5 ปีก้อช่วยให้อุ่นใจขึ่นนะครับ
แต่ถ้าห่วงราคาขายต่ออย่าซื้อ Hybrid ครับ ;)
-
เบนซินดีกว่าครับ