Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Wangleehom ที่ มิถุนายน 12, 2018, 10:33:40
-
ทำไมประเทศไทยถึงกลัวเครื่อง
Hybrid จังครับ ไม่ว่าจะเป็น Hybrid ธรรมดา / หรือปลั๊กอิน
ดูได้จากหลายๆคนแนะนำให้ใช้เครื่องน้ำมันธรรมดามากกว่าเวลาซื้อรถ หรือ จากราคาตลาดมือ2 รถไฮบริดราคาแทบไม่เหลือ
ทั้งที่นานาประเทศทั่วโลกใช้กัน
-
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมมันแพงขึ้นครับ
แทนที่จะดูแลแค่ระบบน้ำมันอย่างเดียว
ต้องมาดูแลระบบไฟฟ้าเพิ่มเติม
-
คนไทยไม่ได้กลัวครับ เพียงแต่พื้นฐานราคารถ กับราคาซ่อม มันไม่เหมาะกับค่าครองชีพบ้านเรา
อย่างคนทำงานรายได้ครอบครัวอยู่ราว 50,000 ต่อเดือน ซื้อรถราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ก็เต็มที่แล้ว
ถ้าซื้อรถมาแล้ว 10 ปี ต้องขายต่อราคาหายไปมากมายเหลือแค่ 2-3 แสนคงรับกันไม่ได้ เพราะแทบไม่มีเงินไปซื้อคันใหม่ เพราะไปซื้อคันใหม่แทบจะเอาเงินไปลงกับไฟแนนเลยนะครับ ไม่ได้สร้างฐานะกันซักทีไหนจะเรื่องผ่อน บ้าน ค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัว เอาเงินไปเปลี่ยนรถทุก 10 ปีก็ไม่ไหว ครั้นเอารถไว้ใช่ต่อ รถแบบนี้เกิน 10 ปีมันต้องซ่อมเปลี่ยนแบตแน่นอน เพราะแบตรับประกัน 10 ปี ถ้าถึงตอนนั้นซ่อมเปลี่ยนแบตราคา 7 หมื่น- 1 แสน เทียบกับมูลค่าราคารถที่เหลืออยุ่แทบไม่มีอะไรคุ้มค่าน่าซ่อมเลยแม้แต่น้อย มันเป็นการจ่ายที่หนักเกินไป และยังมีปั๊ม ABS แร๊กพวงมาลัย คอมแอร์ ที่มันต้องเสีย อะไหล่พวกนี้แพงกว่ารถรุ่นปกติมากเป็นเงาตามตัวเลยนะครับ มีอายุชัดเจน ซ่อมหมดแทบไม่ไหวอยู่แล้ว รถแทบขายทิ้งดีกว่า คนรายได้ขนาดนี้ที่ซื้อรถในบ้านเราคงไม่มีใครอยากได้ไฮบริดเท่าไหร่
-
ยุค prius ถือว่า ขายได้ไม่น้อยนะ
แต่พอต้อง maintenace หรือ เจออะไหล่ตัวถังเข้าไป ก็เป็นที่โจษจันกัน เรื่องราคาสุดโหด (ก็มันนำเข้าจากญี่ปุ่น ทั้งหมดแทบทุกชิ้นนี่นา)
รวมถึง ราคาอะไหล่ในส่วนระบบไฮบริด ที่โหดร้าย
พอข่าวออกไป ก็เรียบร้อย มือสองดิ่ง เพราะคนไม่กล้าซื้อ พาลเอาคนไม่กล้าลองรถใหม่ด้วยครับ
-
ตทป ก็มีปัญหาขายไม่ออกเช่นกันครับ แต่เค้ามีมาตราการมีแก้ไข ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค
เช่น จีน มีการชดเชยค่าแบตเตอร์รี่ให้ครับคันละ 250,000 บาท นอกเหนือจากการรับประกันของบริษัทรถเองอีกทีนึง
ส่วนที่ไทยก็แก้เหมือนกันครับ แต่ส่วนตัวผมว่าแก้ไม่ตรงจุด ดันมาแก้เรื่องภาษี แต่มันไม่ได้ทำให้ค่ายรถไม่ลดราคาให้ แต่มามัดมือชกอัดออฟชั่นมาเพิ่มแทนจนราคาไม่ถูก ออฟชั่นถึงมากองอยู่ที่รุ่น hybrid หมดเลย
-
ไม่ได้กลัวไฮบริดหรอกครับ กลัวค่าใช้จ่ายที่มันจะตามมาหลังจากนั้น ยิ่งเป็นมือสองยิ่งแล้วใหญ่ ซื้อรถไฮบริดมือสองมาใช้ เกิดระบบไฮบริดพังเกิดเสียขึ้นมา ค่าใช้จ่ายต้องเข้าเนื้อล้วนๆเลยก็ไม่ไหว
-
ค่าบำรุงรักษาที่จะตามมาไงครับ ยิ่งมีอะไรพ่วงมายิ่งต้องมีค่าบำรุงรักษาพ่วงมาเป็นเงาตามตัวครับ ผมเองยังกลัวเครื่องเทอร์โบเลย สำหรับผมๆว่า เล่นเครื่อง N/A ดีที่สุดแล้วครับสำหรับผม
-
คนไทยไม่ได้กลัวครับ เพียงแต่พื้นฐานราคารถ กับราคาซ่อม มันไม่เหมาะกับค่าครองชีพบ้านเรา
อย่างคนทำงานรายได้ครอบครัวอยู่ราว 50,000 ต่อเดือน ซื้อรถราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ก็เต็มที่แล้ว
ถ้าซื้อรถมาแล้ว 10 ปี ต้องขายต่อราคาหายไปมากมายเหลือแค่ 2-3 แสนคงรับกันไม่ได้ เพราะแทบไม่มีเงินไปซื้อคันใหม่ เพราะไปซื้อคันใหม่แทบจะเอาเงินไปลงกับไฟแนนเลยนะครับ ไม่ได้สร้างฐานะกันซักทีไหนจะเรื่องผ่อน บ้าน ค่าใช้จ่ายดูแลครอบครัว เอาเงินไปเปลี่ยนรถทุก 10 ปีก็ไม่ไหว ครั้นเอารถไว้ใช่ต่อ รถแบบนี้เกิน 10 ปีมันต้องซ่อมเปลี่ยนแบตแน่นอน เพราะแบตรับประกัน 10 ปี ถ้าถึงตอนนั้นซ่อมเปลี่ยนแบตราคา 7 หมื่น- 1 แสน เทียบกับมูลค่าราคารถที่เหลืออยุ่แทบไม่มีอะไรคุ้มค่าน่าซ่อมเลยแม้แต่น้อย มันเป็นการจ่ายที่หนักเกินไป และยังมีปั๊ม ABS แร๊กพวงมาลัย คอมแอร์ ที่มันต้องเสีย อะไหล่พวกนี้แพงกว่ารถรุ่นปกติมากเป็นเงาตามตัวเลยนะครับ มีอายุชัดเจน ซ่อมหมดแทบไม่ไหวอยู่แล้ว รถแทบขายทิ้งดีกว่า คนรายได้ขนาดนี้ที่ซื้อรถในบ้านเราคงไม่มีใครอยากได้ไฮบริดเท่าไหร่
+1 ชัดเจนดีครับ
-
รถไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กชาร์จ
จะตอบโจทย์จริง ก็ต่อเมื่อ
_ ราคารถต้องถูกกว่ารถน้ำมันในขนาดที่เท่ากัน เพราะ รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถน้ำมัน
มาก
_ ค่าอะไหล่ โดยเฉพาะแบต ต้องไม่แพงมากไป อันนี้ลองไปถามคนที่ใช้รถไฮบริดดูได้ เขาซื้อมันเมื่อเกือบสิยปีที่แล้ว พอแบตไฮบริดเสียม และ ต้อซื้อแบตเปลี่ยนใหม่ ถึงได้รู้สึกตัวอีกทีว่า อัตราความสิ้นเปลืองที่เคยประหยัดมาตลอดเกือบสิบปี ต้อวเอาไปจ่ายค่าแบตไฮบริดลูกใหม่เกือบหมดเลย
_ ถ้าคุณใช้รถไฟฟ่แบบเสียบปลั๊ก และอยากให้มันประหยัด และตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน คุณต้องชาร์มันกับโซล่าเซลล์ที่บ้านคุณ เพราะ ถ้าคุณชาร์จมันจากไฟหลวง..คุณต้องทราบก่อนนะว่า ไฟฟ้าเหล่านี้ มีต้นกำลังมาจาก รฟฟ.รัฐ และ รฟฟ.เอกชน ซึ่งทั้งคู่ ใช้ ปิโตเลียม และ ถ่านหิรเป็นเชื้อเพลิง.. การที่ทีคนไทยใช้รถเสียบปลั๊กมากขึ้น และ ชาร์จไฟที่มาจากสายส่งของหลวง คุณก็แค่ย้ายที่ปล่อยควัน จากท่อไอเสียรถคุณ ไปเป็น รฟฟ.แทนไง
และ เมื่อความต้องการไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อเอาไปขับเคลื่อนภาคขนส่ง มันก็จะกลายเป็นข้ออ้างอย่างดีว่า ไฟไม่พอ ต้องสร้าง รฟฟ.เพิ่ม
และ แน่นอน รฟฟ.ที่จะสร้างใหม่ เชื้อเพลิงที่จะใช้กับ รฟฟ.พวกนี้ จะไม่เกิน กาซธรรมชาติ ปิโตเลียม และ ถ่านหิน
ณ ปัจจุบัน มีภาวะน้ำมันแพง กาซแพง แล้ว
ค่าไฟที่ผลิตจากพลังงานพวกนี้ จะไม่แพงตามเลยเหรอในอนาคต
มาถึงตรงนี้ คงพอนึกอะไรๆออกกันบ้างแล้วนะ ว่าทำไม รบ.ถึงไม่พยามดัน นวัตรกรรมเซลล์เชื้อเพลิงออกมา นั่นเพราะ เชื้อเพลิงที่ใช้กับนัตรกรรมนี้
ส่วนใหญ่.....อยู่ในกลุ่มทุนพลังงานเดิม ไม่ได้ประโยชน์ไง เช่น
ไฮโดรเจน โปรเพน เอธานอล และ เมธานอล
ลองไปหาข้อมูลของ ตปท.ดูกันนะครับ เซลล์เชื้อเพลิงเป็นนวัตรกรรม มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในเกือบสองเท่า มีความร้อนน้อย ไม่มีเสียง
ไม่สั่นสะเทือน มีชิ้นส่วนน้อย และ ไม่สร้างมลพิษ
ถ้าจะถามลงไปให้ลึก ต้องถามว่า
ใคร กลุ่มไหน....... ถือหุ้น
รฟฟ.เอกชน กลุ่มถ่านกิน กลุ่มปิโตเลียม
ขรก. ทหาร ตร. นักวิชาการของรัฐ คนไหนบ้างที่ไปนั่งกินเงินเดือนเป็น ที่ปรึกษาบ้าง เป็นบอร์ดในธุรกิจพวกนี้...?
-
ผมว่ามันเป็นแค่ทางผ่านไป pure electrict motor ครับ
ที่ใช้ๆอยุ่ก็เหมือนหนูทดลองก่อนเขาจะทิ้งเครื่องน้ำมัน
มันมีพวกเรื่อง battery + ระบบไฟฟ้าแรงสูงเพิ่มเข้ามาคับ นี่มันเพิ่มระบบเข้ามา
ระบบมากขึ้นก็มีอะไรให้เสียมากชิ้นขึ้น
-
หลักๆ คือประเทศที่เจริญแล้วเขามีพวก incentive ให้ และราคารถไม่แพงด้วยเมื่อเทียบกับรายได้ เช่นอังกฤษ รถยนต์ hybrid เสียภาษีต่อปีต่ำ เข้าเขตเมืองไม่เสียเงิน มันก็จูงใจให้คนใช้รถที่ปล่อยมลพิษต่ำๆ
-
ถ้าเคยเปลี่ยนแบตรถไฮบริคแล้วจะเข้าใจครับ
-
หลายๆท่านตอบไปหมดแล้ว ส่วนตัวคงคันนี้คันเดียวครับ ลาขาด :-X ขับรถน้ำมันอย่างเดียวสบายใจกว่า ::)
-
ไฮบริดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าเงินของเจ้าของครับ
ค่าซ่อมบำรุงราคายังโหดอยู่ อู่นอกยังซ่อมไม่ได้ ก็เป็นอีกปัจจับครับ
ตัวผมเอง ไม่เคยคิดจะใช้รถไฮบริดเลย เพราะดูแล้วมีจุดต้องซ่อมบำรุงมากขึ้นครับ
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
-
ปัจจัยทางการเงินเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยไม่นิยมรถไฮบริด ถ้าคนไทยรวย รายได้สูงเมื่อเทียบราคารถและค่าดูแลคนไทยจะใช้กันเยอะแน่นอน แต่ตอนนี้ขอสงวนความรักไว้ให้เงินในบัญชีก่อน
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
แล้วใครจะแบกรับค่าใช้จ่ายหล่ะครับ รถไฮบริดคันหรือ ev คันเท่าไหร่ ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ คนบ้านเรารายได้ไม่ได้เท่ากันทุกคนนะครับ หลายๆบ้านรถคันเดียวใช้กัน 10 ปีก็มี ถึงเวลาเปลี่ยนแบต ใครจะซัพพอร์ตได้ ถ้าอย่างงี้ต้องออกนโยยายไปเลย รถไฮบริด ev ทุกคันรับประกันแบตไม่จำกัดอายุ แบตเสียเปลี่ยนได้เลย ก็จะถามกลับว่าบริษัทรถเจ้าไหนหรือภาครัฐจะเอาด้วยหรือไม่
-
เห็นพูดกันถึง pirus ถ้าเป็น camry hybrid นี้เป็นยังไงบ้างครับเห็นคนใช้กันเยอะเหมือนกัน
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
ตอบในแง่ของคนมีเงินซ่อมบำรุง มันก็จะโลกสวยหน่อยครับ
แต่คุณลองมองคนส่วนใหญ่ในประเทศเราสิครับ มีเงินซ่อมรถทีละหลายหมื่นหรือหลักแสนในอุปกรณ์บางชิ้นไหม
มันต้องมองหลายๆมุมครับ รถไฮบริดที่มันไม่เกิดในประเทศเรา เพราะอะไร
-
ผมไม่ได้กลัว แต่
มันไม่ตอบโจทย์ผมได้ครบ
1. ปลอดภัยสูง
2. ค่อนข้างแรง
3. ค่าตัวต่ำ
4. ค่าดูแลต่ำ
มันตอบได้ แค่ 1-2 3-4 ไม่ได้เข้าใกล้เลย
มาดูรถผม ซื้อมือสอง หกแสน เจ้าของเดิมวิ่งมา หกหมื่น สี่ปี ใช้ไปแสนโล
ค่าดูแลจิปาถะ ราว ๆ หนึ่งแสน รวมทั้งแต่ง ฯลฯ
ค่าเชื้อเพลิง แสนโล ใช้ไปราว ๆ แสนห้าหมื่น
ถ้าขายตอนนี้ ได้สามแสน สรุป 4 ปี ค่าใช้จ่ายรวม หกแสน+หนึ่งแสน +แสนห้าหมื่น = แปดแสนห้า
-สามแสน เหลือค่าใช้จ่ายจริง ห้าแสนห้า = กม.ละ ห้าบาทห้าสิบ ไฮบริดให้ผมได้เท่านี้ไหม?..ไม่มีทางครับ
-
ถ้าคนมีเงินจริง เขาไม่สนหรอกครับ ดูอย่าง CHR นี่ออกใหม่ๆ ก็เห็นมีแต่ Hybrid กันทั้งนั้น
-
ประเทศแบบฝรั่งเค้าไม่กี่ปีเปลี่ยนรถ มีไม่เยอะหรอกที่จะเปลี่ยนรถนานๆครั้งแบบประเทศที่ยังพัฒนาอยู่
การใช้รถที่ต้องเพิ่มชิ้นส่วนที่แพงมากเข้ามาถ้ามันเสียหลังหมดประกัน เจ้าของรถน่ะเสียเงินก้อนครับ
ถ้ามีรับประกันแบตฯตลอดอายุแบบนั้นเชื่อว่าคนยอมมาใช้โดยไม่คิดมากแน่นอน
ส่วนตัวไม่ได้คิดมากกับรถประเภทนี้นะ แต่นั่นแหละเป็นคนที่ใช้รถนานกว่าจะขาย เลยคิดว่าไม่เหมาะ
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
ตอบในแง่ของคนมีเงินซ่อมบำรุง มันก็จะโลกสวยหน่อยครับ
แต่คุณลองมองคนส่วนใหญ่ในประเทศเราสิครับ มีเงินซ่อมรถทีละหลายหมื่นหรือหลักแสนในอุปกรณ์บางชิ้นไหม
มันต้องมองหลายๆมุมครับ รถไฮบริดที่มันไม่เกิดในประเทศเรา เพราะอะไร
ฐานะคนเราไม่เท่ากัน ความจำเป็นในการใช้รถกับความคิดและความคุ้มค่าแต่ละคนไม่เท่ากันอีก อย่างมีหลายคนในนี้เงินเดือนอาจจะมาก แต่ใช้รถเก่าตลอด ค่าซ่อมถูก ๆ หรือใช้รถป้ายแดงอิโคคาร์เท่านั้นเพราะต้องการแค่รถราคาถูกพอวิ่งได้ จากจุดนึงไปจุดนึง พวกรถ SUV Pick up supercar Roadster คนกลุ่มนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่ใช่ไม่มีตังค์ แต่มีก็ไม่ซื้อ เพราะเขาต้องการรถแค่วิ่งไปถึงจุดหมายที่ค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดดีกว่าขึ้นรถเมล์
แล้วคนอีกหลายกลุ่มในประเทศไทยก็ต้องการรถที่ค่าซ่อมถูก ๆ ไม่จุกจิกกับการซ่อม ซึ่งไม่แปลกใจที่ TOYOTA บางรุ่นขายดีราคามือ 2 แข็งโคตร ๆ เพราะมันคือการตอบโจทย์ของคนส่วนใหญ่
ถ้ารถที่ค่าซ่อมแพง ๆ แบบรถยุโรป ขายต่อมือ 2 ขาดทุนมาก ซ่อมจุกจิก ค่าซ่อมแพงโคตร ๆ มันก็ตรงกันข้ามกับข้างบนนั่นละ รถยุโรปคนยุโรป ในประเทศทางยุโรป คนทางนั้นพอใช้งานได้เพราะราคารถไม่แพง ค่าซ่อมไม่แพง ถ้าเทียบกับเงินเดือนของเค้า แต่ถ้าเป็นในไทยราคานั้นจะมีกี่คนที่สามารถจ่ายได้ ไม่มีใครอยากเอาเงินไปลงกับรถมาก ๆ หรอก ถ้าไม่เหลือกินเหลือใช้
-
ผมว่าไม่มีใครกลัวหรอกครับ รถ Hybrid หนะ แต่ Total cost of ownership (ต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของ) มันสูงกว่ารถธรรมดา เลยยังไม่มีความคุ้มค่าที่จะลงทุน (ซื้อ) มาใช้งาน แต่ถ้าคนคนนั้น ให้ Value กับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น ความล้ำ ความสะอาด (สิ่งแวดล้อม) ความประหยัด ภาพลักษณ์ ต้นทุนรวมก็อาจจะทำให้มันแลดูเหมาะสมขึ้นมาได้บ้าง
-
ราคาขายต่อครับ
-
ทำไมประเทศไทยถึงกลัวเครื่อง
Hybrid จังครับ ไม่ว่าจะเป็น Hybrid ธรรมดา / หรือปลั๊กอิน
ดูได้จากหลายๆคนแนะนำให้ใช้เครื่องน้ำมันธรรมดามากกว่าเวลาซื้อรถ หรือ จากราคาตลาดมือ2 รถไฮบริดราคาแทบไม่เหลือ
ทั้งที่นานาประเทศทั่วโลกใช้กัน
ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่า นอกจากเครื่องยนต์แล้ว จะต้องมี ไฮบริด ที่จะต้องดูแลรักษาเพิ่ม หมดประกันแล้ว แล้วระบบไฮบริดเสียขึ้นมา
ค่าซ่อมคงแพง ซึ่งอาจจะต้องขายรถทิ้งเลยก็ได้ ครับ
-
เหตุผลเยอะครับ หลักๆคือเงิน ไม่ใช่แค่ค่าตัว ค่าซ่อมบำรุงรักษาและราคาขายต่อก็ส่งผล เพราะมีสองระบบ ใช้ไปถ้าเสียก็ต้องซ่อม ต้องบำรุงรักษาทั้งคู่
เมื่อเทียบกับทางเลือกเดิมที่มีก็เห็นได้ชัดครับ
-
ไม่ได้กลัวครับแต่ไม่คุ้มค่าพอที่จะยินดีจ่าย อย่างผมรายได้ครัวเรือนเดือนละ 5 หมื่นบาทใช้รถปีละแค่หมื่นโล (นั่งรถตู้บ.ไปทำงานทุกวันเลยใช้แค่เที่ยวกับกลับบ้านต่างจังหวัด) ดังนั้นผมจะใช้รถน้อยแต่ใช้รถนานเป็นสิบปี ถ้าระบบไฮบริดทำให้ประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้โลละบาทก็เท่ากับประหยัดไปปีละหมื่นสิบปีก็ 1 แสนบาทได้แค่ค่าเปลี่ยนแบตใหม่เอง ไหนจะเรื่องซ่อมบำรุงอย่างอื่นอีกมากมายคิดคร่าวๆก็น่าจะจ่ายมากกว่าระบบน้ำมันอย่างเดียวบานเลย แต่ถ้าอนาคตเป็นรถไฟฟ้าทั้งระบบค่าใช้จ่ายโดยรวมต่อกิโลถูกผมก็ยินดีจะใช้นะเพราะค่าบำรุงรักษาน่าจะน้อยกว่าระบบน้ำมันเนื่องจากชิ้นส่วนน้อยกว่า
สรุปค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่าง (ค่าตัวรถ+ค่าเชื้อเพลิง+ค่าซ่อมบำรุงรักษา-ราคาขายต่อ) ต่อระยะทางเป็นตัวกำหนดว่าระบบนั้นๆน่าใช้รึเปล่า สำหรับรถคลาสเดียวกันออชั่นพอๆกันนะ
-
ต้องแยกเป็นประเด็นๆ ครับ จะใช้คำว่า "กลัวเครื่อง Hybrid" ไม่ได้
1. ต้องดูว่า Hybrid ยี่ห้อไหน ถ้าเป็น Toyota กะ Honda ผมกล้าซื้อได้สบาย ไม่กังวล หรือ กลัวเลย กลับชอบด้วยซ้ำ เพราะมันแรงกว่าเครื่องยนต์ธรรมดา
2. เป็น Hybrid แล้วประหยัดจริงไหม เพราะบางคัน ดูจาก chart ของ HLM ก็ได้ ประหยัดกว่าเครื่องยนต์เพียว นิดเดียวเอง ไม่ถึง 5% หรือ 10% ด้วยซ้ำในบางคัน
3. ค่า maintain แพงไหม เพราะอะไรถึงแพง ส่วนมากคนกลัวเรื่อง Battery Hybrid ผมยังไม่เคยได้ยินว่า กลัว Motor Hybrid พังสักกะคนเลย
4. ระบบไฟฟ้าที่เพิ่มเข้ามา ในบางยี่ห้อ ช่าง อู่ หรือ ศูนย์บริการ ยังไม่เชี่ยวชาญในระบบ Hybrid ด้วยซ้ำ มันก็เลยทำให้คนที่ซื้อลังเล
5. บางคนยังไม่กล้า หรือ ไม่เคยลอง แต่ได้ยินชื่อเสีย ก็กังวล ซึ่งก็ไม่ผิดที่เขากังวล เพราะที่ได้ยินมาเป็นเรื่องจริง และส่วนมาก ก็จะเป็นคนเน้นใช้งานยาวๆ ทั้งนั้นที่กังวล คนที่ใช้งาน 3-5 ปี จะกังวลแค่เรื่องราคาขายต่อ เท่านั้นเอง
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่อยากไช้ Hybrid
-
ไม่ได้กลัวไฮบริดหรอกครับ กลัวค่าใช้จ่ายที่มันจะตามมาหลังจากนั้น ยิ่งเป็นมือสองยิ่งแล้วใหญ่ ซื้อรถไฮบริดมือสองมาใช้ เกิดระบบไฮบริดพังเกิดเสียขึ้นมา ค่าใช้จ่ายต้องเข้าเนื้อล้วนๆเลยก็ไม่ไหว
+1
-
ถ้าประชากรไทยส่วนใหญ่ของประเทศ มีรายได้สูงพอจะเปลี่ยนรถได้ทุกๆ 5-7ปี
โดยไม่ได้สนใจราคาขายต่อ เมื่อนั้นแหละรถไฮบริดถึงจะขายดี
กลับกัน เอารายได้ตามจริงแบบปัจจุบัน แต่ราคาค่าซ่อมและอะไหล่ทุกชิ้นในระบบไฮบริดลดราคา
ลงมาในระดับที่แทบไม่แตกต่างจากอะไหล่ของเครื่องสันดาปทั่วไป เมื่อนั้นรถไฮบริดก็จะนิยมเช่นกันครับ
-
ไม่ได้กลัว
แต่ .... เข็ด ...... ครับ
-
เค้าไม่กลัวเครื่อง Hybrid กันหรอกครับ
1. คนใช้ 3-5 ปี กลัวราคาขายต่อ ซึ่งรูดแน่ๆ
2. คนใช้เกิน 5 ปี กลัวราคาค่าซ่อม ยิ่งยุโรปไฮบริดนี่ เห็นบิลแล้วสยองครับ
ถ้าเป็นรถบริษัทให้ผมใช้ บริษัทจ่ายค่าซ่อม ไม่ต้องสนราคาขายต่อ เอาแน่นอน ;D
-
ผมไม่กลัวเลยนะใช้แล้วก้ชอบแต่ถ้าจะให้ซื้ออีก ก้ต้องดูเป็นรุ่นๆไป สาเหตุที่ หลายๆประเทศนิยมเพราะเค้าใช้รถไม่นานไงครับ 4 ปีนี้ก้สุดๆละ เลยไม่ต้องสนใจระบบไฮบริดพัง จริงๆสิ่งที่ผมไม่ชอบระบบไฮบริดมีอย่างเดียวคือพอแบตเตอรี่อ่อนแล้วอัตราเร่งมันต่างเยอะ แค่นั้นล่ะคับ
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
ถ้าว่ากันแบบนั้นไปใช้รถสาธารณะเถอะลดมลพิษแน่นอน อย่ามาขับรถไฟฟ้าให้มีขยะอิเล็คทรอนิคส์เพิ่มขึ้นเลย
-
เอะอะก็ว่าเทคโลยีเก่า 555
ดูบริบทของประเทศดีๆ ไม่ได้มีแค่นั้นหรอกครับ
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
ถ้าว่ากันแบบนั้นไปใช้รถสาธารณะเถอะลดมลพิษแน่นอน อย่ามาขับรถไฟฟ้าให้มีขยะอิเล็คทรอนิคส์เพิ่มขึ้นเลย
รถสาธารณะมันลดมลพิษยังไงคับ ทั้งเก่า ทั้งสกปรก วิ่งทีทั้งควันทั้งกลิ่น สภาพบางคันนี่ไม่น่าเชื่อว่าจะเอามาใช้วิ่งรับส่งคนได้ แถมบุคลากรที่ให้บริการก้อรู้ๆ กันอยู่ มีดีถึง 5% ไหม ไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงแน่นอน ทำไมจะต้องเอาเวลาชีวิตไปทิ้งกับการต้องมาคอยรถ เรียกแล้วไม่ไป ฯลฯ เสียสุขภาพจิตอีกต่างหาก แล้วการที่คนเขาขับรถไฮบริด, ปลั๊กอิน ฯลฯ มันไปหนักส่วนไหนหรอคับ ขอเงินมาซื้อหรอคับ มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง คุณคิดว่าคุณเป็นใครคับ ผมแค่พูดความจริง คนที่เค้าสามารถดูแลไหว เขาไม่เห็นบ่นอะไรกัน คนที่บ่นน่าจะเป็นจำพวกที่รับผิดชอบไม่ไหวมากกว่า ปล.เริ่มเบื่อเว็บนี้เพราะสังคมในเว็บมันชักจะไม่ต่างจากพวกพันทิปหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันแย่เหลือเกิน คนเห็นทางเดียวกันตอบกันดี แต่คนเห็นต่างทำไมโจมตีกัน
-
คนเรามักกลัวในสิ่งที่เราไม่เข้าใจครับ
*เอามาจากหนังล้วนๆ แต่จำไม่ได้ว่าชื่อเรื่องอะไร**
-
สรุปแล้วว่าถ้าคิดในแง่การรักษาสิ่งแวดล้อมในภาพรวมแล้ว รถ hybrid รักษาสิ่งแวดล้อมกว่ารถใช้น้ำมันจริงๆหรอครับ?
-
สรุปแล้วว่าถ้าคิดในแง่การรักษาสิ่งแวดล้อมในภาพรวมแล้ว รถ hybrid รักษาสิ่งแวดล้อมกว่ารถใช้น้ำมันจริงๆหรอครับ?
ผมก็คิดว่าhybridมันก็ไม่รักษาสิ่งแวดล้อมอยู่ดีครับ
ถึงจะไฟฟ้าล้วนก็เถอะ
https://www.youtube.com/watch?v=zSjYra7cYqY
-
รถไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กชาร์จ
จะตอบโจทย์จริง ก็ต่อเมื่อ
_ ราคารถต้องถูกกว่ารถน้ำมันในขนาดที่เท่ากัน เพราะ รถไฟฟ้ามีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถน้ำมัน
มาก
_ ค่าอะไหล่ โดยเฉพาะแบต ต้องไม่แพงมากไป อันนี้ลองไปถามคนที่ใช้รถไฮบริดดูได้ เขาซื้อมันเมื่อเกือบสิยปีที่แล้ว พอแบตไฮบริดเสียม และ ต้อซื้อแบตเปลี่ยนใหม่ ถึงได้รู้สึกตัวอีกทีว่า อัตราความสิ้นเปลืองที่เคยประหยัดมาตลอดเกือบสิบปี ต้อวเอาไปจ่ายค่าแบตไฮบริดลูกใหม่เกือบหมดเลย
_ ถ้าคุณใช้รถไฟฟ่แบบเสียบปลั๊ก และอยากให้มันประหยัด และตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน คุณต้องชาร์มันกับโซล่าเซลล์ที่บ้านคุณ เพราะ ถ้าคุณชาร์จมันจากไฟหลวง..คุณต้องทราบก่อนนะว่า ไฟฟ้าเหล่านี้ มีต้นกำลังมาจาก รฟฟ.รัฐ และ รฟฟ.เอกชน ซึ่งทั้งคู่ ใช้ ปิโตเลียม และ ถ่านหิรเป็นเชื้อเพลิง.. การที่ทีคนไทยใช้รถเสียบปลั๊กมากขึ้น และ ชาร์จไฟที่มาจากสายส่งของหลวง คุณก็แค่ย้ายที่ปล่อยควัน จากท่อไอเสียรถคุณ ไปเป็น รฟฟ.แทนไง
และ เมื่อความต้องการไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อเอาไปขับเคลื่อนภาคขนส่ง มันก็จะกลายเป็นข้ออ้างอย่างดีว่า ไฟไม่พอ ต้องสร้าง รฟฟ.เพิ่ม
และ แน่นอน รฟฟ.ที่จะสร้างใหม่ เชื้อเพลิงที่จะใช้กับ รฟฟ.พวกนี้ จะไม่เกิน กาซธรรมชาติ ปิโตเลียม และ ถ่านหิน
ณ ปัจจุบัน มีภาวะน้ำมันแพง กาซแพง แล้ว
ค่าไฟที่ผลิตจากพลังงานพวกนี้ จะไม่แพงตามเลยเหรอในอนาคต
มาถึงตรงนี้ คงพอนึกอะไรๆออกกันบ้างแล้วนะ ว่าทำไม รบ.ถึงไม่พยามดัน นวัตรกรรมเซลล์เชื้อเพลิงออกมา นั่นเพราะ เชื้อเพลิงที่ใช้กับนัตรกรรมนี้
ส่วนใหญ่.....อยู่ในกลุ่มทุนพลังงานเดิม ไม่ได้ประโยชน์ไง เช่น
ไฮโดรเจน โปรเพน เอธานอล และ เมธานอล
ลองไปหาข้อมูลของ ตปท.ดูกันนะครับ เซลล์เชื้อเพลิงเป็นนวัตรกรรม มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในเกือบสองเท่า มีความร้อนน้อย ไม่มีเสียง
ไม่สั่นสะเทือน มีชิ้นส่วนน้อย และ ไม่สร้างมลพิษ
ถ้าจะถามลงไปให้ลึก ต้องถามว่า
ใคร กลุ่มไหน....... ถือหุ้น
รฟฟ.เอกชน กลุ่มถ่านกิน กลุ่มปิโตเลียม
ขรก. ทหาร ตร. นักวิชาการของรัฐ คนไหนบ้างที่ไปนั่งกินเงินเดือนเป็น ที่ปรึกษาบ้าง เป็นบอร์ดในธุรกิจพวกนี้...?
เว่อร์ไปไกลมากกกก
เหตุผลเดียวที่ประเทศไทย ยังไม่นิยม / ไม่ทำรถไฟฟ้า หรือรถไฮบริด คือ เทคโนโลยี่มันยังแพงอยู่
ถูกตอนใช้งาน แต่ไม่ถูกตอนซ่อม สรุป แล้ว ครือๆ กัน เลยไม่จูงใจให้ลงทุนซื้อใช้ครับ
-
ผมว่าต้องดูเป็นรุ่นๆไปครับ
หลายๆรุ่นมีจุดร่วมอย่างนึงคือ "นำเข้า" ด้วยกันทั้งนั้น
ผมเองโดนไปแล้วรุ่นนึง
เหตุผลก็พอรู้ แต่ใจก็อยากลอง
ตอนนี้ได้รถมาแล้วขับฟินมากครัช
(ถึงจะซื้อให้แฟนก็เถอะ ฮา ;D )
เหตุผลแห่งหมูไม่กลัวน้ำร้อนของผมคือ
เพิ่มการคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันผลิตในประเทศ :-[
-
สมัยถอยพรีอุสมาใหม่ๆ คนยังไม่ค่อยกลัวกัน แต่พอเริ่มมีบางคันเจอปัญหาอะไหล่แพงๆเข้าไปก็พากันเข็ดขยาด ราคาขายต่อก็กราวรูดตามไปด้วยครับ
แต่ถ้าลองนับกันจริงๆ ค่าน้ำมันที่มันประหยัดไปในแต่ละกม. ที่วิ่ง หากเทียบในรถที่เครื่องเท่ากัน มันก็พอเป็นเหตุผลให้น่าใช้ขึ้นมาได้เยอะครับ
สมัยพรีอุส คนชอบเอาไปเทียบกับอัลติสบ้าง ซีวิคบ้าง ซึ่งค่าตัวมันห่างกันมากเหลือเกิน แต่ปัจจุบัน C-HR มีสองเครื่องให้เลือก มันเลยเทียบกันได้ว่าอะไรจะคุ้มค่ากว่ากัน
เอาง่ายๆ 1.039 ล้านบาทคุณได้ 1.8 mid กับ 1.069 ล้านบาทคุณได้ไฮบริด จากในคลับที่ใช้กันจริงประหยัดน้ำมันผิดกันราวๆ 1 บาทได้ เราก็จะเริ่มมองเห็นว่า ไฮบริดใหม่ๆนี่ ความคุ้มค่าต่อระยะทางที่วิ่งไป อาจไม่ต้องวิ่งกันไกลหลักหลายแสนกิโลเมตรเหมือนสมัยพรีอุส เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่าส่วนต่างแล้ว
มันคงต้องใช้เวลาครับ อย่างแคมรี/แอคคอร์ด ถ้าเป็นรุ่นเครื่องเท่ากัน ไฮบริดกับไม่ไฮบริด ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก ค่าซ่อมที่ว่าแพงกว่ากันมาก มันจะไปมีผลกับตอนขายต่อ ถ้าหากอะไหล่เหล่านั้นทำราคาได้ถูกลง (อย่างตอนนี้ C-HR อะไหล่รายการแพงๆถูกลงกว่าสมัยพรีอุสมากแล้วครับ หายไปราวๆ 20-30% แล้ว) ถึงวันนั้น มันอาจจะเริ่มฮิตก็ได้ครับ
คนที่เขาไม่เอา ไม่ชอบไฮบริด ผมว่าก็พอเข้าใจเหตุผลได้ครับ กลัวนู่นนี่ กลัวสารพัด เพราะมันไม่รู้ ไม่เข้าใจ แถมคนที่เคยเจอประสบการณ์แสนแพงเข้าไปก็เข็ดหลาบแล้วเอาไปบอกต่อๆกันอีก ก็ยิ่งกลัว (ยังไม่นับเซลส์ยี่ห้อคู่แข่ง ที่ชอบให้ข้อมูลผิดๆ ใส่ไฟ เวลาเราไปดูรถแล้วเค้ารู้ว่าเราเทียบกับไฮบริดอีกเจ้าอยู่) หนักๆเข้าเลยกลายเป็นกลัวไปหมดน่ะครับ
-
บ้านเขาผลิตเองใช้เองราคาไม่เกินล้านก็น่าซื้อครับ
แถมประกันระบบไฟฟ้า 10 ปี ใช้จนหมดประกันขายทิ้งยังคุ้ม
รัฐบาลก็สนับสนุนเต็มที่ดีกว่าเราครับ
ตอนนี้คนไทยก็ผลิตขาย ดูก๊องแก๊งแต่ขายเกินล้าน ศูนย์น้อย การรับประกันยังน้อย
เก่งผลิต แต่ถ้าไม่เก่งทำธุรกิจและขาดความรับผิดชอบ จะรอดไหมครับ
-
ถูก กลัวเรื่องค่าซ่อมมากกว่า
-
ไม่ได้กลัว
แต่ .... เข็ด ...... ครับ
+1
ซ่อมเยอะ จุกจิก ขายต่อราคาดิ่งลงเหว
ซื้อแล้วเข็ดจะซื้อต่อไปทำไมละ
-
คล้ายๆที่หลายๆท่านได้ตอบไป
ผมมีพรีอุสอยู่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีคนรู้จักที่สนใจรถ hybrid เข้ามาถามผมอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับรถ hybrid , ยิ่งตอนนี้มี chr hybrid ซึ่งราคาพอๆกับพรีอุสสมัยก่อน (และเป็นเครื่องเดียวกับพรีอุสรุ่นปัจจุบัน) เพื่อนๆและคนรู้จักที่สนใจ chr hybrid ก็จะมาถามข้อมูลกับผมอยู่บ่อยๆ
ข้อกังวลของคนที่เข้ามาถามในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีหลักๆอยู่ 3 เรื่อง
1 กังวลเรื่องระบบไฮบริดจุกจิกหรือไม่
2 กังวลค่าซ่อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฮบริดแพง
3 กังวลเรื่องราคาขายต่อ
หลายๆคนที่เข้ามาถาม เงินเดือน 5-7 หมื่น ผ่อนรถเดือนละ 2 หมื่นได้ งบก็จะได้ประมาณ civic altis chr mazda3 cx3 ฯลฯ
อะไหล่บางชิ้นที่เกี่ยวเนื่องกับระบบ hybrid แทบจะเท่าเงินเดือน คือ พวกเค้าก็เข้าใจนะว่ามันไม่ได้ซ่อมกันทุกเดือน แต่เค้าก็กังวลเมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์พวกนี เพราะในแต่ละเดือนพวกเค้าก็มีรายจ่ายในด้านอื่นๆที่ต้องจ่ายนอกจากเรื่องรถอยู่เหมือนกัน
ผมใช้รถไฮบริดอยู่ แต่ผมก็พอเข้าใจที่คนเค้ากังวลกัน ;)
-
คล้ายๆที่หลายๆท่านได้ตอบไป
ผมมีพรีอุสอยู่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีคนรู้จักที่สนใจรถ hybrid เข้ามาถามผมอยู่เรื่อยๆเกี่ยวกับรถ hybrid , ยิ่งตอนนี้มี chr hybrid ซึ่งราคาพอๆกับพรีอุสสมัยก่อน (และเป็นเครื่องเดียวกับพรีอุสรุ่นปัจจุบัน) เพื่อนๆและคนรู้จักที่สนใจ chr hybrid ก็จะมาถามข้อมูลกับผมอยู่บ่อยๆ
ข้อกังวลของคนที่เข้ามาถามในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีหลักๆอยู่ 3 เรื่อง
1 กังวลเรื่องระบบไฮบริดจุกจิกหรือไม่
2 กังวลค่าซ่อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบไฮบริดแพง
3 กังวลเรื่องราคาขายต่อ
หลายๆคนที่เข้ามาถาม เงินเดือน 5-7 หมื่น ผ่อนรถเดือนละ 2 หมื่นได้ งบก็จะได้ประมาณ civic altis chr mazda3 cx3 ฯลฯ
อะไหล่บางชิ้นที่เกี่ยวเนื่องกับระบบ hybrid แทบจะเท่าเงินเดือน คือ พวกเค้าก็เข้าใจนะว่ามันไม่ได้ซ่อมกันทุกเดือน แต่เค้าก็กังวลเมื่อถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์พวกนี เพราะในแต่ละเดือนพวกเค้าก็มีรายจ่ายในด้านอื่นๆที่ต้องจ่ายนอกจากเรื่องรถอยู่เหมือนกัน
ผมใช้รถไฮบริดอยู่ แต่ผมก็พอเข้าใจที่คนเค้ากังวลกัน ;)
+1
-
ส่วนตัวผมกลัวราคาขายต่อมาก คือตกอ่ะรับได้ แต่ตกแบบทุเรศแบบนี้รับไม่ไหว
-
ที่บ้านมีไฮบริดญี่ปุ่นสองคัน ซื้อช่วงน้ำมันลิตรละเกือบ 40 บาททั้งคู่
ผมเชื่อว่าอนาคตคงต้องมา แต่มันยังไม่ economically feasible ในเมืองไทย
ถามว่าคุ้มมั้ยกับส่วนต่างและราคาขายที่ตกกว่าชาวบ้านมันก็ไม่คุ้มหรอกครับ วิ่งแค่ปีละสองหมื่นโลต่อคัน
โจทย์ของรถไฮบริดคือเรื่องเงินนี่แหละครับ ไม่ใช่ว่ารถมันไม่ดี
ของผมทั้งสองคันแทบจะไม่มีเรื่องจุกจิกอะไรตลอด7ปีที่อยู่ด้วยกัน
คือต้องให้มีอู่นอกที่ชำนาญรถไฮบริดมากขึ้น อะไหล่อยู่ในราคาเหมาะสม
และค่าตัวรถที่ราคาส่วนต่างจากรถธรรมดานั้นคุ้มกับค่าน้ำมันที่ประหยัดได้
เดี๋ยวราคาขายต่อที่เหมาะสมจะตามมาเอง
ส่วนพวกที่อคติกับรถไฮบริดขนาดพูดซะจะไม่ให้เกิดเลยนี่ก็เกินไป เหอๆ
-
เป็นเพราะพวกคนมีความคิดแบบนี้รึป่าวคับ มันถึงไม่ไปถึงไหน จะเอาแต่เทคโนโลยีเก่าๆ ซ่อมถูกๅ มลพิษสูงๆ ไม่สนใจโลกว่าเค้าไปถึงไหน ไม่มีจิตสำนึกว่าควรช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ฯลฯ เห็นแก่ตัวเพื่อค่าซ่อมรถถูกๆ? ประเทศโลกที่ 3 นี่น่าปวดหัวดีแท้
ถ้าว่ากันแบบนั้นไปใช้รถสาธารณะเถอะลดมลพิษแน่นอน อย่ามาขับรถไฟฟ้าให้มีขยะอิเล็คทรอนิคส์เพิ่มขึ้นเลย
รถสาธารณะมันลดมลพิษยังไงคับ ทั้งเก่า ทั้งสกปรก วิ่งทีทั้งควันทั้งกลิ่น สภาพบางคันนี่ไม่น่าเชื่อว่าจะเอามาใช้วิ่งรับส่งคนได้ แถมบุคลากรที่ให้บริการก้อรู้ๆ กันอยู่ มีดีถึง 5% ไหม ไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงแน่นอน ทำไมจะต้องเอาเวลาชีวิตไปทิ้งกับการต้องมาคอยรถ เรียกแล้วไม่ไป ฯลฯ เสียสุขภาพจิตอีกต่างหาก แล้วการที่คนเขาขับรถไฮบริด, ปลั๊กอิน ฯลฯ มันไปหนักส่วนไหนหรอคับ ขอเงินมาซื้อหรอคับ มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง คุณคิดว่าคุณเป็นใครคับ ผมแค่พูดความจริง คนที่เค้าสามารถดูแลไหว เขาไม่เห็นบ่นอะไรกัน คนที่บ่นน่าจะเป็นจำพวกที่รับผิดชอบไม่ไหวมากกว่า ปล.เริ่มเบื่อเว็บนี้เพราะสังคมในเว็บมันชักจะไม่ต่างจากพวกพันทิปหรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันแย่เหลือเกิน คนเห็นทางเดียวกันตอบกันดี แต่คนเห็นต่างทำไมโจมตีกัน
+1
อย่าเพิ่งเบื่อเลยท่าน คนเห็นด้วยกับท่านเยอะ เพียงแต่ไม่ค่อยแสดงความคิดเห็น
-
ราคาของความรักษ์มันแพงเกินตัวครับ