Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Wangleehom ที่ มิถุนายน 14, 2018, 10:11:43
-
ทั้งที่เป็นรถที่ปลอดภัยอันดับต้นๆเลยของโลก
ผมคิดเอาเองว่าน่าจะเป็นเพราะ ราคาขายต่อที่ตกรูดมาก กับ ค่าบำรุงรักษาที่เข้าแต่ละทีแพง
ใช่ป่ะครับ คนเลยไม่กล้าซื้อกัน
-
ศูนย์บริการต่างจังหวัดน้อยกว่า benz และ bmw ด้วยครับ
-
ใช้ V40 มา 5 ปีแล้ว
ค่าบำรุงรักษา แพงกว่า ญี่ปุ่น แต่ ถูกกว่า BM,Benz
Brand ยุโรป เหมือนกัน แต่ ความรู้สึก ของคนที่ไม่ได้ใช้ จะรู้สึกว่า เป็นรอง BM,Benz
ศูนย์น้อย ผมไม่รู้สึกอะไร เพราะ ถ้าตอนนั้น ซื้อ 320 ก็ต้องไปเข้าศูนย์ ที่อยู่ข้างๆ Central บางนาเหมือนกัน
ตอนจะออก V40 ผมไปลองหมด ในงบ บวกลบ 2 ล้าน
ขับดีกว่า 320 และ A180 จริงๆ ชอบ A250 มากก แต่ เกินงบไปเยอะ และ Benz ไม่มี BSI
สุดท้าย เหลือ 320 กะ V40
มันถูกกว่า และ ขับดีกว่า ชอบ รูปร่างมัน มากกว่า ผมทำใจซื้อ BM ไม่ได้จริงๆ
หลังจากใช้ มา 5 ปี กับ 160,000 KM โดนค่า Service กะ ซ่อม ลูกหมากแร็ค คอมแอร์ ปีกนก หลังจากหมดประกัน และ BSI
เป็นเงิน ประมาณ 7-8 หมื่น ตก กิโลละ บาทกว่าๆ รู้สึกว่า ตัดสินใจไม่ผิด
ถามเพื่อน ออก E Class มือ 2 มา ราคาพอๆ กะรถผม เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เห็นบ่นว่า ตั้งแต่ ขับมา โดนไปหลายแสนแล้ว อย่าง คอมแอร์ V40 22,000 บาท E Class โดนไปเกือบแสน
ึ่ค่อนช้างประทับใจ ครับ
-
brand นี้เขาชูความปลอดภัย แต่คนที่เลือกซื้อรถในบ้านเราไม่ได้มอง Safety มาอันดับ 1 ในการเลือกรถนี่ครับ ไม่งั้นจะไปถามหาถุงลม 7 ใบจากรถอิโคคาร์หรือครับ 5555
เมื่อคนไม่ได้มองความปลอดภัยมาอันดับ 1 การเลือกรถไม่จำเป็นต้องเป็น วอลโว่เสมอไป แล้วคนที่นั่งหลังพวงมาลัยของวอลโว่ไม่ได้แปลว่าเกิดอุบัติเหตุแล้วจะไม่ตาย
คือแบรนดืวอลโว่ มีจุดขาย จุดเด่นเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัย แต่มันก็มีจุดด้อยอื่น ๆ ที่คนไม่เลือกกัน เมื่อเขามองจุดด้อยแล้วจึงไม่เอาดีกว่า
จุดด้อยที่เคยเจอมานะ
1. หาศูนย์ยากกว่าแบรนด์ BM Benz
2.หาอู่นอกยากกว่าแบรนด์อื่นเช่นกัน อู่นอกเหมือนค่อย ๆ ตายจากไป
3.ยุคนึงที่วอลโว่ ใช้เกียร์อะไรไม่ทราบ ห้ามลูกค้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ไม่งั้นไม่รับผิดชอบ ถ้าเกียร์พัง แต่พอหมดประกัน 1 แสนโล เกียร์พังแทบกันเยอะมาก แล้วให้ลูกค้าจ่ายเงินค่าเปลี่ยนเกียร์เอง ชื่อเสียงวอลโว่เลยเน่ามาเรื่อย ๆ
4.ค่ายนี้เปลี่ยนมือคนถือครอง
5. รูปทรงไม่สวย เทียบกับคู่แข่ง
6.แบรนด์ ภาพลักษณ์ สู้อิมเมจของค่ายอื่นไม่ได้
-
ยอดจองรถ Motorshow ที่ผ่านมา
Audi มากกว่า Volvo ซ่ะอีก
ทั้งคู่ผมว่าศูนย์น่าจะพอพอกัน
แต่ว่า Audi ภาพรวม น่าจะดีกว่า Volvo หรือเปล่า
-
รถมีปัญหาจุกจิกเรื่องงานประกอบเพราะประกอบจากมาเล และ 0 ห่วย
-
คนไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ความเชื่อ กับ คำพูดปากต่อปากเป็นหลักครับ
พอมันมีความเชื่อว่าห่วย มันก็เลยเปลี่ยนยาก ส่วนนึงเพราะราคารถบ้านเราแพงมาก(จากภาษี) การจะให้ลองดูเองถ้าต้องเสียเป็นหลักล้าน คนเลยไม่เอา เอาแต่ฟังเค้าพูดๆกันมันง่าย
Benz นั้นได้เปรียบเพราะเข้ามาเป็นเจ้าแรกๆ ทำให้ภาพลักษณ์ว่าคนรวยต้องใช้เบนซ์เพราะแต่ก่อนมันแทบจะเป็นตัวเลือกเดียว ทั้งๆที่ถ้าคุณหาข้อมูลซักนิด จะพบว่าเบนซ์ก็มีปัญหาเต็มไปหมด ทั้งตัวรถ ทั้งบริการหลังการขาย ไม่ได้ดีไปกว่าวอลโว่เลย ขนาดคนในครอบครัวผมเค้ายังอยากได้เบนซ์เลย ทั้งที่รถมันมีปัญหาทุกคันที่ซื้อมา แถมศูนย์สองที่ก็เคยย้อมแมวกันจะๆมาแล้ว พอบอกว่าทำไมถึงยังอยากเอาอีก เค้าบอกยังไงมันก็ดูดีกว่า
Bmw ได้เป็นรถขับสนุกถูกใจวัยรุ่นในยุค 90 ทำให้ได้ภาพลักษณ์ว่าขับสนุกต้อง Bm(มันก็สนุกจริงๆนะ) ทั้งที่ในตลาดตอนนี้ก็มีตัวอื่นแล้ว แต่คนก็เอาตามความเชื่อโดยไม่ได้ไปดูตัวอื่นเลย ผมเคยไปร่วมงานวิจัยทางการตลาดของลูกค้า Bm ครั้งนึง เกินครึ่งบอกว่าไม่เคยลองรถ ให้คนบอกว่าดี กับเพราะเป็น bm เลยเลือกมันแทนยี่ห้ออื่น แต่แน่นอนยังไงเบนซ์ก็ยังขายดีกว่า
ผมว่าถ้าวอลโว่จะขายได้ดีขึ้นเกือบเท่า bm (เบนซ์อย่าเพิ่งเอาไปเปรียบ มันไปไกลแล้ว)ในประเทศแบบประเทศไทย คงต้องใช้หลักความเชื่อครับ จับมือกับเกจิดังๆประมาณว่าใช้แล้วจะรวย ใช้แล้วดวงจะแข็งขึ้น อย่าเอาหลักวิศวกรรมเทคโนโลยีไปพูด มันใช้ได้กับส่วนน้อยมากๆกับคนไทยครับ
-
ผมว่าน่าจะเป็นเพราะบริษัทแม่ เพราะยอดขายทั่วโลกก็ประมาณไทยนะ ยกเว้นที่สวีเดน ที่บ้านใช้มา 3 คันแล้ว ตอนขายคันที่ 2 ทิ้ง เพราะวัสดุห่วยมาก คิดว่าคงไม่ซื้ออีกต่อไป แต่ตอนหลังมาเจอ V40 ก็รู้สึกตอบโจทย์จึงตัดสินใจลองเสี่ยงดู ผ่านมา 5 ปีก็ยังโอเคอยู่ ยังไม่เจอเสียอะไรหนักๆ แต่ช่วงล่างก็เริ่มมีเสียงดังบ้าง ศูนย์บริการที่พระราม 2 ก็ดูงงๆบางครั้ง โดยรวมผมให้ผ่านนะ
-
เกิดนะครับ เกิดมาตั้งหลายรอบ แต่ไม่ค่อยโต บางรอบก้อตาย
-
จากที่เคยใช้มา ผมว่ามันมียุครุ่นเรือง ยุคตกต่ำ ชื่อเสียงเสื่อมเสีย จนตอนนี้ก็เหมือนจะเริ่มกลับมาดีแล้ว รอดูยาวๆ ว่าจะรอดไหม
-
จากคนที่ใช้นะครับ ตอบง่ายๆเลย
คือ ศูนย์ครับ ทำพัง ช่างไม่เก่ง ไม่ดูแล เข้าไปได้อาการเสียเพิ่มกลับมา
และเซลไม่ค่อยกล้าลดราคามาก เหมือนbmw ทั้งที่เป็นยี่ห้อรอง เพราะต้องเสียเวลาต่อ แต่สุดท้ายก็ได้ แต่กว่าจะได้เกือบเสียลูกค้าไป
ชื่นชมรถดี กับออฟชั่นจัดมาดี แต่หลังๆเริ่มงง มีตัดออฟชั่นออกอีก ซึ่งผิิดหวังพอควร หรือว่าเห็นว่าขายดี เลยตัดออฟชั่น แถมเปิดตัวรถรุ่นราคาแพงยิ่งขึ้นอีก
-
วอลโว่ยุคขับหลังนี่พีคสุดๆเลยน่ะครับ ตระกูล 7xx กับ 9xx ขายดิบขายดีวิ่งกันอย่างเกลื่อน
แต่พอมาถึงยุคที่เปลี่ยนจากขับหลังมาเป็นขับหน้านี้จบเลย
เอกลักษณ์ที่เคยมี ความแข็งแรงทนทาน หายเกลี้ยง ที่มาแทนคือความจุกจิกที่มากกว่าเดิมมาก
ลูกค้าใหม่ไม่โอเค ลูกค้าเก่าขอลาไปฝั่งเยอรมันที่ยังขับหลังกันหมด
แต่ยุคใหม่นี่ความน่าสนใจมันดูมีมากขึ้น สถานการณ์ก็ดูเหมือนเริ่มจะดีขึ้น ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ
-
รถมีปัญหาจุกจิกเรื่องงานประกอบเพราะประกอบจากมาเล และ 0 ห่วย
+1
-
ส่วนตัวมองว่า Volvo สมัยก่อนเป็นรถที่ดูแก่ การออกแบบก็ดูโบราณ เดาว่ากลุ่มลูกค้าเลยน่าจะเป็นคนมีอายุระดับ 40-50 ขึ้นไป
แต่ปัจจุบันงานออกแบบดีขึ้นมากกกกกกกกกก ลูกค้าวัย 20-30 เริ่มให้ความสนใจ จึงมี Volvo ยุคใหม่ให้เห็นบนท้องถนนเยอะขึ้นแล้ว
อีกไม่นานหรอกครับ ผมว่าตามทัน BMW ;D
-
ถ้าดูแค่ตัวรถ กับราคาขาย ผมว่ามันน่าสนใจมาก
ที่ไม่เกิด ฟังๆมา เหมือนจ่ายเงินซื้อรถ premium แต่การบริการหลังการส่วนมากไม่ premium ตามตัวรถ
แถมศูนย์ต่างจังหวัดมีน้อย และตัวรถยุคหลังๆไปแชร์ของ Ford มาซะเยอะ น่าจะมีคนขยาดบ้าง
อาจารย์ผมท่านนึงใช้ S60 ปี 13 บอกว่าอะไหล่ค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่น มีปัญหาแก้ทีเดียวอาจไม่จบ ถ้ามีเงินเปย์ให้ศูนย์ได้เรื่อยๆ และใจเย็น จะขับไปสักสิบปี ก็ไม่มีปัญหา ::)
-
ญาติผมใช้ XC90 plug in hybrid มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟ นอนอู่นิ่งๆ30 วัน ถึงจะแก้ไขเรียบร้อยครับ อีกคันรุ่นเดียวกัน เพื่อนของญาติคนนี้ รถใหม่ป้ายแดง จอดรถตากฝน กลับมาอีกที น้ำเข้าตัวรถ ท่วมข้างในทั้งคัน ยังดี Volvo รับผิดชอบด้วยการเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ครับ
ผมว่ารถมันสวยมากๆสำหรับรุ่นใหม่ๆนี้ แต่คงต้องใช้เวลาแก้ไขเรื่อง Defect ต่างๆกับความชำนาญของศูนย์ในการซ่อมบำรุงให้มั่นใจมากกว่านี้อีกนิดหล่ะครับ แต่โดยรวมรถเค้าน่าใช้มากมากครับ
-
เพื่อนผมเคยมีรถที่บ้านเป็นวอลโว่รุ่นอะไรไม่ทราบ แต่ไม่ใหม่ไม่เก่า บ่นว่าหาที่ซ่อมก็ยาก ซ่อมก็แพง ขายทิ้งไปแล้ว แล้วคงไม่ซื้อยี่ห้อนี้อีก
-
ขายแพง แต่...
รถทนทาน ไม่ต้องมาก เอาประมาณ Camry
ศูนย์มีกระจายทั่วประเทศ แบบห่างกันซัก 100-200 กม.
ราคาอะไหล่ กางออกมาให้ลูกค้าเห็นตอนซื้อเลย จะได้สบายใจ
มันก็น่าจะขายได้เยอะกว่านี้ครับ เพราะตัวรถมันดีงามอยู่แล้ว
มันไม่เหมือนยุค 940 ที่เครื่องพังก็วาง JZ เดี๋ยวนี้ต้องเข้าศูนย์เป็นหลักเลย
-
ซื้อรถไม่ได้จบที่จ่ายเงิน ยอดขายดีวันดีคืน แต่ศูนย์บริการยังเท่าเดิม ใครจะมั่นใจละครับ
คนไทยอีกไม่น้อยอยากได้รถที่ปลอดภัยทั้งนั้นแหละครับ ถ้ารถยุโรปโครงสร้างดีๆ ขายเท่าญี่ปุ่น ผมว่าเราจะไม่มีคำพูดที่ว่าคนไทยไม่ซื้อที่ปลอดภัยหรอกนะ นั่นมันแค่หยิบมือในการตัดสินใจซื้อรถสักคันนึง โพสต์ก่อนคุณ จขกท. ก็ไม่ซื้อ Volvo นี่ คุณยังเทียบยี่ห้ออื่นเลย
-
ภาพลักษณ์ยังห่าง2เจ้านั้น
-
รถมีจุดเด่นด้านความปลอดภัยแต่มีศูนย์ต่างจังหวัดประมาณภาคละ 1 แห่งเท่านั้น คนที่กังวลด้านความปลอดภัยคือคนที่เดินทางระหว่างจังหวัดบ่อยๆ คนที่เจอแต่รถติดในกรุงไม่รู้จะจ่ายแพงเพื่อความปลอดภัยยังไง ยาริสถุงลม7ใบก็พอแล้ว คนที่อยู่ต่างจังหวัดและกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยหันไปซื้อรถพรีเมี่ยมยี่ห้ออื่นแทน
-
ผมว่าวัสดุการประกอบมันแย่กว่าเบนซ์ บีเอ็มอีกนะ ผมว่าตั้งแต่เปลี่ยนเป็นขับหน้าวอลโว่ทำรถแย่ลงในส่วนของพวกวัสดุ ความทนทาน แต่ดีขึ้นในด้านการขับขี่ ถ้าเทียบกับbenz bmwยังไงภาพลักษณ์มันก็ด้อยกว่า ราคาขายมันจะถูกกว่าก็คงไม่แปลก แต่หลังๆราคาขายวอลโว่ก็ไม่ถูกนะถ้าไม่ได้จัดโปรอะไรจริงจัง
จากประสบการณ์หลัง10ปีของรถวอลโว่ V40 กับ S60 ของลูกพี่ลูกน้องผม สภาพภายในมันไม่ทนเท่าbenzเลย จริงๆbenzผมว่าก็ไม่ทนละนะ
กับXC90ของเพื่อนที่เริ่มจุกจิกจนต้องขายทิ้งไป แต่ทุกคนที่ใช้ยอมรับว่าขับดีแต่รถมันไม่ทน ยิ่งถ้าจอดตากแดดบ่อยๆใช้สมบุกสมบันนี่สภาพรถเละกว่ายี่ห้ออื่นที่ผ่านการใช้งานมาเท่ากันแน่นอน ลืมอีกเรื่องรูปทรงการออกแบบวอลโว่มันไม่ค่อยคลาสสิคเหมือนยี่ห้ออื่นเลยไม่เหมาะแก่การเก็บยาวๆเหมือนเป็นรถที่ทำมาเพื่อใช้ละก็ขายทิ้งไปมากกว่า
-
เอาเครื่องโตต้ามาใส่ จะได้จบๆ
ผมเห็นคนที่เคยใช้บ่นก็ไม่กล้าแล้วอ่ะ
สมมติมีตังค์ซื้อยุโรปคันแรก ก็ต้องเบนซ์บีเอ็ม
แหละครับ ดีก็ใช้ต่อ ไม่ดีก็วนๆเอาแถวนี้
-
คำถามนี้เป็น คลาสสิค ของเวปรถ ที่ปีนึงต้องมีคนมาตั้งคำถาม สักสองสามรอบ
คำตอบก็เดิมๆครับ
โปรดัก ดีแต่ไม่ได้เด่น
คุณภาพการผลิต พอไหวแต่QCแย่
แบรนด์รอง ไม่ยอมรักษาชื่อเสียง สร้างแต่ชื่อเสียๆ คนมาลองแล้วก็ไม่อยากกลับไปใช้
แถมศูนย์บริการและตัวช่างแย่ ซ้ำเติมให้ ทุกอย่างข้างบน มันดูแย่ไปอีก
สุดท้ายคือ ความไม่ตั้งใจจะทำให้มันดี ของ บ แม่ เพราะตลาดเราเล็กกระจอก ขายดีก็ไม่เท่าไหร่ เค้าถอดใจไปแล้ว มาก็งั้นๆทรงๆ ไม่ใช่ตลาดใหญ่
ทั้งหมดที่ว่ามาเป็นมายี่สิบกว่าปี คิดเอาว่า คนที่เคยมีคดีกับแบรนด์นี้ จะเยอะแค่ไหน
สร้างใหม่ให้ตายแต่รักษาฐานลูกค้าเก่าไม่ได้ก็จบ อยู่ดี
-
คือมันพลาดตรงที่ช่างไม่เก่ง Technology มันไปไกลกว่าช่าง
ช่างที่เก่งมันคล้ายกับหมอครับ ยิ่งหมอดังรักษามามากยิ่งเก่ง
ช่างก็เช่นเดียวกัน เวลาเจออาการเสียแบบที่ไม่เคยเจอ มันก็ขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยของช่างในอดีตว่าอาการที่เสียมันเกิดจากอะไร เวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้(ถ้าช่างไม่ได้ลาออกไปก่อน) บางทีcensorมันก็บอกแค่อาการเสียแบบไม่ละเอียด บางทีcensorมันก็เสียเอง
เช่นxc60ที่เคยมี มันขึ้นไฟโชว์ว่าต้องเข้า0 เพื่อที่เราจะได้เปลี่ยนBattery
แต่ถ้าเป็นรถญี่ปุ่น วันที่ทราบว่าต้องเปลี่ยนBatteryก็คือวันที่startเกือบไม่ติด
-
จากใจคนซื้อ Volvo ครั้งแรก แต่คันใหม่ไม่ได้ซื้อ Volvo น่ะครับ
ก่อนอื่นเลย product เขาค่อนข้างดีเลยล่ะ ผมว่า set รถมาดีมาก ชอบที่สุดคงเป็นเบาะและท่านั่ง
ไม่ว่ารถติด หรือรถวิ่ง ทั้งคนนั่ง คนขับไม่เมื่อยเลย
แต่ ... พอเปลี่ยนรถไม่ซื้อ Volvo อีก
เหตุผลหลักเลยน่ะครับ ... ช่างและศูนย์บริการ ขนาดรถผมไม่เคยเจอปัญหาหนักๆน่ะ แต่รู้สึกว่า ช่างเก่งไม่เท่ากัน ศูนย์เดียวกัน SA คนละคน ยังตีปัญหาไปคนละทางเลย มาตรฐานบริการของศูนย์ฯ ไม่ต้องไปมอง MB หรือ BM หรอกครับ ตาม Mazda ให้ทันก่อนเถอะ ราคาอะไหล่ตัวเดียวกัน คนละศูนย์กันยังต่างกันเลย เรื่องบริการ ... ไม่ได้แย่น่ะ แต่ไม่สมกับความเป็นรถ premium เลย
เหตุผลหลักที่ 2 ... การตอบสนองและความชัดเจนในการแก้ปัญหา defect ของ Volvo Thailand
คนใช้ S/V60 น่าจะรู้ซึ้งดีครับ ตอนปัญหาหัวฉีดยังไม่ได้รับการแก้ไข ทุกคนแม่มลุ้นกันหมด รถกรูวิ่งๆไปจะดับกลางทางหรือเปล่า จะไปหนึ่งในผู้โชคดี ได้ขึ้นรถแห่ หรือเปล่า ทำไงดี? Volvo TH เงียบครับ ใบ้ไปนานมาก กว่าจะ recall กว่าจะเรียกรถมาแก้ไข มาตรฐานการแก้ไขก็แล้วแต่ดวงน่ะ พวกเราแถวนี้ท่านนึงเจอปัญหาผีดูดนมค. พร่องโดยไม่ทราบสาเหตุ Volvo TH เปลี่ยนเครื่องให้ แต่พี่อีกคนหลังคารั่วน้ำเข้า เลยไปโวยที่เวปต้องห้าม Volvo TH เปลี่ยนรถให้เลย !!! มาตรฐานมันอยู่ตรงไหน???
ส่วนเหตุผลอื่นๆรองๆลงมา ที่ไม่ทำให้ยังไม่ซื้อ Volvo คันใหม่ก็มี
- รถใช้ไป 4-5 ปีแล้ว ภายในมันก๊อปแก๊ปมากเลย เมื่อเทียบกับรถเยอรมันที่อายุพอๆกัน
- road respect มันสู้ BM MB ไม่ได้เลยอ่ะ ไปจอดที่ที่ไหน พี่ยามจะเก้ๆกังๆ จะเปิดกรวยให้จอดดีป่าวว้า ... BM MB ไม่ค่อยเจอครับ รีบโบกแทบแย่
- ของแต่งน้อยมากกกกก หายากมากกกกก
- เงื่อนไข extended warranty จาก 3ปี ไป 5ปีมันไม่ตรงไปตรงมาเท่าไหร่ ไม่เหมือน BSI ของ BMW
- ส่วนลดของค่ายเยอรมัน ทั้งดาว ทั้งใบพัด หลังๆนี้อัดส่วนลดหนักมากกกก
แต่ข้อดีที่ทำให้คันๆ อยากซื้อ Volvo อีกก็มีน่ะครับ
- สวยอ่ะ ... ผมว่า design นี้โดนมากเลย ทั้งภายนอก ภายใน
- option และราคา Volvo เขาให้ จัดเต็มจริงๆ
- เบาะเขานั่งสบายจริงๆครับ คงพอดีกับผมมากๆเลย
- ย้อนแย้งนิดนึง คือขับ Volvo ดูไม่ป๋า ไม่เสี่ย ไม่โดนโขกโดนฟัน
ผมเคยจอดรถซื้อส้มโอจากเพิงข้างเจ้าทางเดียวกันในเวลาต่างกันแค่ 1 วัน วันที่ขับ Volvo ไปซื้อ ได้ราคาถูกกว่าวันที่ขับ BMW ไปซื้อ !!!
-
ไม่ใช่ไม่เกิด เคยเกิดแล้วดับ รถหมดประกันปั๊ป ซ่อมกระจาย เรื่องปลอดภัย เจ้าตลาดเขาไม่ได้น้อยหน้าคับ จากปสก เมื่อก่อนชอบ เคยใช้ตัวtopสุดเลย แต่ไม่เอาอีกแล้ว ไม่มองอีกแล้ว
-
บ้านผมก็ใช้ตั้งแต่รุ่น244GL 240GLT 740 944GL 960 Executive 850GLE ตอนนี้หลานก็ใช้S60Drive e อยู่ ผมคิดว่ามาเสียศูนย์ตั้งแต่ตอนVolvoเริ่มเปลี่ยนตัวแทนและมาทำเป็นรถขับหน้าเพราะความทนทานลดลง ไม่ทนเหมือนกันกับตอนที่เป็นขับหลังก่อนหน้าSeries8 ช่างที่เก่งๆก็ออกกันหมด ช่วงหลังเซลล์ก็เปลี่ยนกันบ่อยมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ลูกพี่ลูกน้องผมอยู่กันเป็นสิบปี อะไหล่ราคาไม่ถูกนะครับ ล่าสุดรถบริษัทผมโดนไปแสนกว่าจากค่าคอมแอร์ ช่วงล่างและเบรค ก่อนหน้านี้ก็หลายหมื่นอยู่ แถมราคาช่วงหลังรูดหนักสุดๆ คนจะซื้อเลยคิดหนักครับ
-
ยุค 30 ปีก่อน
รถ volvo ก็นิยมไม่แพ้ benz / bmw นะครับ ที่บ้านนี่แฟน volvo เลย ตั้งแต่ 760GLE / 940GL / 960 2.4
แต่สิ่งที่ทำให้ต้องโบกมือลากับ volvo ก็คือ คัน 960 2.4 คันนี้เจอจุกจิกสุดๆ ตั้งแต่ แหวนหักตอนป้ายแดง / เกียร์พัง / โช้คอัพหลังแพงมาก (3 หมื่นกว่า) แถมซดน้ำมันสุดๆ
หลังจากนั้น มันก็เลยเป็นที่สยองขวัญของที่บ้านมาตลอด
ทั้งที่ อย่างอื่นเราพอใจนะครับ โดยเฉพาะเรื่องภายใน ความสบายของเบาะ ช่วงนั้นมีใช้ W124 Code A ด้วย
124 ขับแล้วเท่ห์ ใครก็มอง แต่คนในรถทุกคน บ่นปวดหลัง เวลาเดินทางไกล ในขณะที่ 940 / 960 ไม่เป็น แล้วแทบจะเป็น Benchmark ในการเลือกรถคันต่อๆมาด้วย (ทำให้เสียนิสัย 55)
..............
ตัวผมเอง
คาดหวังไว้ว่า วันนึง จะกลับไปใช้ volvo เหมือนกัน บอกตัวเองเล่นๆไว้ว่า ถ้าวันนึงต้องปลดระวาง CRV คันนี้ รถคันต่อไป ยังไงก็ต้อง volvo (ไม่งั้นไม่เปลี่ยนรถ) เพราะมีรถสำรองอีกคันละ ดังนั้น ไม่กลัวที่จะใช้ volvo ละ
-
V40 ใช้มา 5 ปีระ ...ตอนแรกไม่ได้อะไรมากเห็นมันถูกว่า Benz ,BMW ในพิกัดเดียวกันเลยลองซื้อมาใช้ดู แต่ตอนนี้แฟนบอกเลยว่าคันต่อไปขอเป็น Volvo เท่านั้น...
แต่เจ้า V40 คันนี้มันก็ดันไม่พังซะที ก็เลยไม่ได้ซื้อใหม่ 8)
-
ลองคิดดูครับvolvo S90 xc60 ช่วงราคา3.3-3.6ล้าน ออปชั่นดีสุด เทคโนครบสุดๆ
เทียบ Bmw 520d, 520D msport 3.3-3.6ล้านเหมือนกัน แต่ออปชั่นน้อย
เทียบbenz glc, e class ช่วงราคา 3.3-3.6ล้านเหมือนกัน ออปชั่นน้อยเหมือนกัน
คนเทียบแล้วหันไปเอาbenz bmกันเยอะ เพราะได้แบรนมากกว่ามองออปชั่นรถ volvoถ้าไม่ขายออปชั่นคนจะซื้อเพื่ออะไร แต่พอใส่มาเยอะจะทำราคาถูกก็ไม่ได้ นั่นละครับ
-
วอลโว่ไม่ลองขายโล้นๆแล้วด้ำราคาต่ำๆบ้างละ
-
ยังไม่มีใครเอาผลประกอบการ เทียบกับเป้า มาแสดงนะครับ. และหากจะเดา มองว่า การที่ยังขาย และออกสินค้าใหม่ๆมาอร่อยๆ แปลว่ายังอยุ่ในแนวโน้มที่ดี. อีกทั้งstrategyของวอลโว่ในไทย. คงไม่ใช่ จะเป็นเบอร2,1 แทนmb bmในช่วงสามปีห้าปี
-
ประสบการณ์แต่ละบ้านคงไม่เหมือนกัน บ้านผมหนี Benz เพราะพังบ่อย ซ่อมแพง และมักไม่จบ
ต่อมาพ่อผมเปลี่ยนมาใช้ BMW ช่วงปีแรกๆ ดีมาก แต่พอหลัง BSI ก็เริ่มเสียจุกจิก ล่าสุด ทั้งเซนเซอร์ประตู ยางแท่นเครื่อง ช่วงล่าง เสียพร้อมกันอยู่ใน O ไปทั้งสิ้น 34 วัน เสียค่าซ่อมอีกแสนสาม
ส่วนผมซื้อ Volvo S60 และ X1 มาใช้กับแฟน
S60 ในช่วงปีแรกๆ ขับดีมาก ดีกว่า BM ชัดเจน และไม่จุกจิกเลย พอขึ้นปีที่ 6 ก็มีซ่อมใหญ่โดนไปประมาณ 6 หมื่น แต่จบ และรถอยู่ 0 แค่ 2 วัน ซึ่งผม happy ตรงนี้มาก
ส่วน X1 ตั้งแต่ซื้อมาไม่จุกจิก มีเคลมนิดๆหน่อยๆ แต่ไป 0 แต่ละครั้งอย่างต่ำ 3-5 วัน เคยโดนหินดีดไปครั้ง ทำเรื่องเครมกระจกหน้า อยู่ 0 ไป 3 อาทิตย์ ล่าสุดทาง SA บอกโช๊คเริ่มไปล่ะ ให้ผมทิ้งรถไว้ทำ ผมถามใช้เวลากี่วัน SA ตอบว่า ไม่แน่ใจ เสร็จจะโทรไปบอก ก็เลยไม่ทำครับกะว่าจะหาอู่นอกทำ เพราะเราใช้รถทุกวัน
ผมว่าคนใช้ Benz BM ควรมีรถสำรองสักคัน เพราะซ่อมนานมากทั้งคู่ ถ้าจะกลับไปใช้ volvo อีกก็เพราะเรื่องการซ่อมบำรุงที่ไวกว่าเจ้าตลาดนี่แหละ