Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: a601970 ที่ สิงหาคม 04, 2018, 22:31:54
-
เดี๋ยวนี้มีแต่รถกระบะ
รถเก๋งก็บีเอ็ม , เบ๊นซ์ ราคาเกินเอื้อม
คิดถึงโตโยต้าโคโรลล่า , โคโรน่า , นิสสันเซฟิโร่
ขอบคุณครับ
-
ไม่น่ามี เพราะต้นทุนจะสูงขึ้น
-
ในไทย ไม่มีทางครับ
เมืองนอกก็มี brz 86 mx5 ให้ใช้ครับ ไม่แพง
-
toyota กำลังจะออกสปอร์ตรุ่นประหยัด ที่เป็นรุ่นน้อง86 น่าจะเป็นรถขับหลัง ที่ใกล้ล้านมากที่สุดครับ
-
เกรงว่าจะเป็นรถถ่าน
-
ในระดับรถบ้านผมว่าเขาคงไม่ทำขับหลังแล้ว.....
สำหรับคนเล่นรถ ชอบขับรถอาจจะสนุก แต่กับคนทั่วไปมันควบคุมรถลำบากเวลาเจอถนนลื่นหรือรถเสียหลัก
ขนาดค่ายยุโรปบางรุ่นที่เป็นรถระดับเริ่มต้นยังหันมาทำขับหน้ากันเลย บางยี่ห้อทำขับ 4 fulltime มาด้วยซ้ำไป
เอาจริงๆผมไม่เห็นรถบ้านทำขับหลังมาจะ 10 ปีได้แล้วมั้ง นึกไม่ออกด้วยซ้ำครับว่ารุ่นไหนใกล้เคียงจะกลับไปทำขับหลังบ้าง
-
ทำไมถึงอยากได้ขับหลังครับ เคยลองใช้ยาวๆดูแล้วรึยัง ผมใช้อยู่ก็ไม่เห็นว่ามันจะวิเศษตรงไหนเลยสำหรับการใช้งานทั่วไปในเมือง กลับกันรถแบบขับหน้าใช้งานได้ง่ายกว่าด้วยซ้ำสำหรับใช้งานทั่วๆไปในเมือง เกิดอะไรก็แก้อาการได้ง่ายกว่า แต่ถ้าเอาไปซิ่งหรือลงสนามอันนี้ล่ะค่อยเห็นผล
ที่นี้คุณถามถึงรถราคาต่ำกว่าล้าน ซึ่งรถพวกนี้คือรถที่ซื้อมาใช้งาน การให้ขับหน้ามาเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ขับง่ายกว่า บำรุงรักษาถูกกว่า
ลองไปหารีวิว Chevrolet Lumina หาอ่านดูรุ่นนี้ขับหลัง เคยขายในไทย คิดว่าช่วงล่างดีขนาดไหน
-
อยากให้มีอยู่ แบบให้อารมณ์ขับเหมือน AE86. แต่ที่เอาจริงไม่มีแน่นอน เนื่องจากต้นทุนที่สูงกว่ารถขับหน้า. แล้วก็ส่วนมากรถเล็กเค้าจะขับกันแบบไม่ได้ใช้ชิ่ง ขับหลังก็เลยไม่จำเป็น
-
เก๋งผมใช้เซฟิโร่ A31 ขับเคลื่อนล้อหลังมาเป็นสิบปีแล้วครับ รวมถึงได้ใช้รถเก๋งขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นปัจจุบันด้วยหลายรุ่น
ใช้รถทั้งสองแบบสลับกันไปมาตลอด ขอบอกตรงๆเลยว่ายังไงผมก็ชอบขับรถขับเคลื่อนล้อหลังครับ บาล๊านดีกว่าชัดเจน มีผลเรื่องการทรงตัว
ช่วงความเร็วสูงและการเบรกแรงๆ หน้าก็คมกว่า (เพราะไม่ได้มีทั้งเครื่อง+เกียร์+เฟืองท้าย+เพลาขับ ไปกระจุกอยู่แต่ข้างหน้า มิหนำซ้ำทุกอย่างยังวางในตำแหน่งขวางอีก) แล้วที่สำคัญ พวงมาลัยฟีลลิ้งเป็นธรรมชาติมากกว่าชัดเจน เพราะล้อที่ขับเคลื่อนกับล้อที่บังคับเลี้ยวนั้นแยกออกจากกัน
ทำหน้าที่ของใครของมัน แล้วเวลาเร่งออกตัวแรงๆ Traction ก็ดีกว่า เครื่องยิ่งแรงยิ่งเห็นชัด รวมถึงไม่มีอาการทอร์คสเตียร์แบบรถขับหน้าด้วย
อันเกิดมาจากเพลาขับของรถขับหน้าทั้งสองข้างมันยาวไม่เท่ากัน แถมน้ำหนักที่ตกลงสองล้อหน้าซ้ายขวาก็ไม่เท่ากัน (ธรรมชาติของรถขับเคลื่อนฃ้อหน้า
เครื่องวางขวาง)
ส่วนคุมยากกว่าขับเคลื่อนล้อหน้าหรือไม่ อันนี้คงแล้วแต่คนครับ แต่ถ้าถามผมๆว่าไม่ กรณีรถเก๋ง ผมขับรถเก๋งที่เป็นขับหลังก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับมันเลยทั้งชีวิต ขับมั้นใจมากๆด้วยซ้ำ ในทุกสภาพถนน A31 วางเครื่อง J RB หรือ BMW E34 วาง J โมกันเกิน 300ม้า ก็ไม่เห็นรู้สึกกว่ามันน่ากลัวอะไร
แต่ถ้าพูดกรณีของรถกระบะ อันนี้ใช่ครับ เพราะท้ายมันเบา (ถ้าไม่ได้บรรทุก) อันนี้เห็นด้วยว่าค่อนข้างท้ายปัดง่ายจริงครับ ถ้าไม่ระวังในทางลื่น
เสน่ห์และคุณงามความดีของรถขับเคลื่อนล้อหลังมีมากมายครับ แต่ข้อเสียก็อย่างที่รู้กันครับ คือในเรื่องต้นทุน และพื้นที่ในห้องโดยสารที่น้อยลง
แล้วก็วิ่งในเมืองจะกินน้ำมันมากกว่ารถขับหน้า จะชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากวิ่งในทางที่เลี้ยวไปเลี้ยวมาบ่อยๆ
รถตลาดบ้านๆเค้าไม่สนเรื่องการขับขี่ขนาดนั้นครับ เน้นวิ่งได้นั่งสบายราคาไม่แพงเป็นพอ แล้วก็คนที่รักการขับจริงๆมันมี % น้อยกว่า
คนส่วนมากใช้รถแค่เป็นยานพาหนะจริงๆ ขับหวานเย็นไปเรื่อย แบบนี้ขับเคลื่อนล้อหลังไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ครับ
เพลาขับของรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่ชอบพังเร็วกว่าของขับหลังหลายเท่าตัว (ของรถขับหลังแทบจะใช้ได้ตลอดชีวิต) ยางแท่นเครื่องก็เสียเร็วกว่า
ถือเป็นอีกหนึ่งข้อเสียของรถขับหน้าสำหรับคนใช้รถ แต่ตรงนี้เป็นนข้อดีของผู้ผลิต เพราะจะได้ขายอะไหล่.....
ว่ากันตามเหตุและผลที่กล่าวมา รถขับเคลื่อนล้อหน้าเลยเป็นคำตอบของรถตลาดสมัยนี้ครับ ถ้าผมเป็นผู้ผลิตรถ มองในมุมผู้ผลิต
ผมก็จะเน้นผลิตรถเก๋งขับหน้าเหมือนกันนี่แหละครับ
ถ้าใครชอบรถขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนผม คงต้องเก็บตังเยอะๆแล้วละครับ ดูแล้วทางออกมีทางเดียว อนาจจริงๆครับ 555
-
เก๋งผมใช้เซฟิโร่ A31 ขับเคลื่อนล้อหลังมาเป็นสิบปีแล้วครับ รวมถึงได้ใช้รถเก๋งขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นปัจจุบันด้วยหลายรุ่น
ใช้รถทั้งสองแบบสลับกันไปมาตลอด ขอบอกตรงๆเลยว่ายังไงผมก็ชอบขับรถขับเคลื่อนล้อหลังครับ บาล๊านดีกว่าชัดเจน มีผลเรื่องการทรงตัว
ช่วงความเร็วสูงและการเบรกแรงๆ หน้าก็คมกว่า (เพราะไม่ได้มีทั้งเครื่อง+เกียร์+เฟืองท้าย+เพลาขับ ไปกระจุกอยู่แต่ข้างหน้า มิหนำซ้ำทุกอย่างยังวางในตำแหน่งขวางอีก) แล้วที่สำคัญ พวงมาลัยฟีลลิ้งเป็นธรรมชาติมากกว่าชัดเจน เพราะล้อที่ขับเคลื่อนกับล้อที่บังคับเลี้ยวนั้นแยกออกจากกัน
ทำหน้าที่ของใครของมัน แล้วเวลาเร่งออกตัวแรงๆ Traction ก็ดีกว่า เครื่องยิ่งแรงยิ่งเห็นชัด รวมถึงไม่มีอาการทอร์คสเตียร์แบบรถขับหน้าด้วย
อันเกิดมาจากเพลาขับของรถขับหน้าทั้งสองข้างมันยาวไม่เท่ากัน แถมน้ำหนักที่ตกลงสองล้อหน้าซ้ายขวาก็ไม่เท่ากัน (ธรรมชาติของรถขับเคลื่อนฃ้อหน้า
เครื่องวางขวาง)
ส่วนคุมยากกว่าขับเคลื่อนล้อหน้าหรือไม่ อันนี้คงแล้วแต่คนครับ แต่ถ้าถามผมๆว่าไม่ กรณีรถเก๋ง ผมขับรถเก๋งที่เป็นขับหลังก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับมันเลยทั้งชีวิต ขับมั้นใจมากๆด้วยซ้ำ ในทุกสภาพถนน A31 วางเครื่อง J RB หรือ BMW E34 วาง J โมกันเกิน 300ม้า ก็ไม่เห็นรู้สึกกว่ามันน่ากลัวอะไร
แต่ถ้าพูดกรณีของรถกระบะ อันนี้ใช่ครับ เพราะท้ายมันเบา (ถ้าไม่ได้บรรทุก) อันนี้เห็นด้วยว่าค่อนข้างท้ายปัดง่ายจริงครับ ถ้าไม่ระวังในทางลื่น
เสน่ห์และคุณงามความดีของรถขับเคลื่อนล้อหลังมีมากมายครับ แต่ข้อเสียก็อย่างที่รู้กันครับ คือในเรื่องต้นทุน และพื้นที่ในห้องโดยสารที่น้อยลง
แล้วก็วิ่งในเมืองจะกินน้ำมันมากกว่ารถขับหน้า จะชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากวิ่งในทางที่เลี้ยวไปเลี้ยวมาบ่อยๆ
รถตลาดบ้านๆเค้าไม่สนเรื่องการขับขี่ขนาดนั้นครับ เน้นวิ่งได้นั่งสบายราคาไม่แพงเป็นพอ แล้วก็คนที่รักการขับจริงๆมันมี % น้อยกว่า
คนส่วนมากใช้รถแค่เป็นยานพาหนะจริงๆ ขับหวานเย็นไปเรื่อย แบบนี้ขับเคลื่อนล้อหลังไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ครับ
เพลาขับของรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่ชอบพังเร็วกว่าของขับหลังหลายเท่าตัว (ของรถขับหลังแทบจะใช้ได้ตลอดชีวิต) ยางแท่นเครื่องก็เสียเร็วกว่า
ถือเป็นอีกหนึ่งข้อเสียของรถขับหน้าสำหรับคนใช้รถ แต่ตรงนี้เป็นนข้อดีของผู้ผลิต เพราะจะได้ขายอะไหล่.....
ว่ากันตามเหตุและผลที่กล่าวมา รถขับเคลื่อนล้อหน้าเลยเป็นคำตอบของรถตลาดสมัยนี้ครับ ถ้าผมเป็นผู้ผลิตรถ มองในมุมผู้ผลิต
ผมก็จะเน้นผลิตรถเก๋งขับหน้าเหมือนกันนี่แหละครับ
ถ้าใครชอบรถขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนผม คงต้องเก็บตังเยอะๆแล้วละครับ ดูแล้วทางออกมีทางเดียว อนาจจริงๆครับ 555
เห็นด้วยตามนี้เลยครับ ขับหลังเวลาเข้าโค้งมันสนุกกว่า ถ้าชอบขับรถแบบจริงจังล่ะก็ จะรู้สึกถึงความต่างในโค้งจริงๆ ซึ่งบางคนอาจชอบขับหน้าเพราะเบาเลยไปได้เร็ว แต่ถ้าโค้งกว้างๆ แล้วขับหน้านี่ก็เหนื่อยกับต้องแก้อาการเหมือนกัน สำหรับผมชอบขับหลังมากกว่า มันคมดีเวลาเลี้ยว เพราะล้อหน้าไม่ต้องรับภาระในการขับเคลื่อนเลย หาจุดสมดุลแล้วใส่เข้าไปมันก็สนุกได้ แต่ก็ต้องแลกกับข้อเสียคืทอหนักกว่าก็จะช้าหน่อยทางตรง
บางครั้งขับในเมือง ไม่ต้องขับเร็ว ก็รู้สึกถึงความต่าง แค่ยูเทรินแล้วมีอาการนิดๆให้แก้ก็สนุกแล้ว
เสียดายคนที่คิดจะสร้างรถแบบนี้ให้ราคาถูกมีน้อย คงต้องรอรถที่เป็นรุ่นน้อง86นั่ยแหละครับ หรือไม่ก็มือสองยุโรปไปเลย
-
ไม่แน่ใจว่า Toyota Rush กับ Toyota Avanza ยังถือว่าเป็นรถเก๋งที่ ขับเคลื่อนด้วย ล้อหลัง ราคาไม่เกินหนึ่งล้านอยู่หรือเปล่าครับ
หรือเป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ที่ไม่ใช่รถกระบะ ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ราคาไม่เกินหนึ่งล้านบาทครับ ;D
-
ไม่มีหรอกครับ
-
Avanza ไง... 555+
ส่วนเก๋งซีดานน่ะเหรอ ขนาด Cefiro A31
ราคาป้ายแดงเมื่อ 28ปีที่แล้วยังเกินล้านเล้ยยย
นี่ปี 2018 นะพี่.. จะเอาไม่ถึงล้านเหรอครับ ^^
-
รอดู Suzuki Jimny ถ้าไม่ได้นำเข้าทั้งคันจากญี่ปุ่น ราคาอาจจะไม่ถึงล้าน
แต่จะเข้าข่ายหรือเปล่านะ เพราะมันเป็น mini SUV ที่พอกัดพอๆ กับเก๋งเล็ก
-
ขับหน้าเซทพวงมาลัยมาดียังไงก็ยังสู้ขับหลังไม่ได้ครับ ยิ่งได้ปีกนกสองชั้นช่วยกันยันนี่ลืมขับหน้าแขนเดี่ยวลีบๆไปได้เลย เพราะเนื้อที่เพลาขับทำให้ช่วงล่างหน้าเฟริมสนุกสู้ขับหลังไม่ได้ครับ ไหนจะแพท้ายที่ยึดเฟืองท้ายไว้รองรับแรงบิดไม่ได้แค่ไว้ให้ล้อตาม ความสเตเบิลผิดกันเลยในราคาไล่ๆกัน อย่างเลกซัสรึวอลโว่ เทียบกับค่ายเยอรมัน vw audi
-
แล้วรถขับหน้าที่ว่าช่วงล่างเทพๆfocus golf subaru พอจะสู้ขับหลังไหวไหมครับ
-
ผมว่าคงจะเป็นไปได้ยากครับ เนื่องจากต้นทุนการผลิตมันจะสูงขึ้น
ซึ่งถ้าราคารถแพงขึ้น ยอดขายก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ครับ
-
เก๋งผมใช้เซฟิโร่ A31 ขับเคลื่อนล้อหลังมาเป็นสิบปีแล้วครับ รวมถึงได้ใช้รถเก๋งขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นปัจจุบันด้วยหลายรุ่น
ใช้รถทั้งสองแบบสลับกันไปมาตลอด ขอบอกตรงๆเลยว่ายังไงผมก็ชอบขับรถขับเคลื่อนล้อหลังครับ บาล๊านดีกว่าชัดเจน มีผลเรื่องการทรงตัว
ช่วงความเร็วสูงและการเบรกแรงๆ หน้าก็คมกว่า (เพราะไม่ได้มีทั้งเครื่อง+เกียร์+เฟืองท้าย+เพลาขับ ไปกระจุกอยู่แต่ข้างหน้า มิหนำซ้ำทุกอย่างยังวางในตำแหน่งขวางอีก) แล้วที่สำคัญ พวงมาลัยฟีลลิ้งเป็นธรรมชาติมากกว่าชัดเจน เพราะล้อที่ขับเคลื่อนกับล้อที่บังคับเลี้ยวนั้นแยกออกจากกัน
ทำหน้าที่ของใครของมัน แล้วเวลาเร่งออกตัวแรงๆ Traction ก็ดีกว่า เครื่องยิ่งแรงยิ่งเห็นชัด รวมถึงไม่มีอาการทอร์คสเตียร์แบบรถขับหน้าด้วย
อันเกิดมาจากเพลาขับของรถขับหน้าทั้งสองข้างมันยาวไม่เท่ากัน แถมน้ำหนักที่ตกลงสองล้อหน้าซ้ายขวาก็ไม่เท่ากัน (ธรรมชาติของรถขับเคลื่อนฃ้อหน้า
เครื่องวางขวาง)
ส่วนคุมยากกว่าขับเคลื่อนล้อหน้าหรือไม่ อันนี้คงแล้วแต่คนครับ แต่ถ้าถามผมๆว่าไม่ กรณีรถเก๋ง ผมขับรถเก๋งที่เป็นขับหลังก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับมันเลยทั้งชีวิต ขับมั้นใจมากๆด้วยซ้ำ ในทุกสภาพถนน A31 วางเครื่อง J RB หรือ BMW E34 วาง J โมกันเกิน 300ม้า ก็ไม่เห็นรู้สึกกว่ามันน่ากลัวอะไร
แต่ถ้าพูดกรณีของรถกระบะ อันนี้ใช่ครับ เพราะท้ายมันเบา (ถ้าไม่ได้บรรทุก) อันนี้เห็นด้วยว่าค่อนข้างท้ายปัดง่ายจริงครับ ถ้าไม่ระวังในทางลื่น
เสน่ห์และคุณงามความดีของรถขับเคลื่อนล้อหลังมีมากมายครับ แต่ข้อเสียก็อย่างที่รู้กันครับ คือในเรื่องต้นทุน และพื้นที่ในห้องโดยสารที่น้อยลง
แล้วก็วิ่งในเมืองจะกินน้ำมันมากกว่ารถขับหน้า จะชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากวิ่งในทางที่เลี้ยวไปเลี้ยวมาบ่อยๆ
รถตลาดบ้านๆเค้าไม่สนเรื่องการขับขี่ขนาดนั้นครับ เน้นวิ่งได้นั่งสบายราคาไม่แพงเป็นพอ แล้วก็คนที่รักการขับจริงๆมันมี % น้อยกว่า
คนส่วนมากใช้รถแค่เป็นยานพาหนะจริงๆ ขับหวานเย็นไปเรื่อย แบบนี้ขับเคลื่อนล้อหลังไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ครับ
เพลาขับของรถขับเคลื่อนล้อหน้าที่ชอบพังเร็วกว่าของขับหลังหลายเท่าตัว (ของรถขับหลังแทบจะใช้ได้ตลอดชีวิต) ยางแท่นเครื่องก็เสียเร็วกว่า
ถือเป็นอีกหนึ่งข้อเสียของรถขับหน้าสำหรับคนใช้รถ แต่ตรงนี้เป็นนข้อดีของผู้ผลิต เพราะจะได้ขายอะไหล่.....
ว่ากันตามเหตุและผลที่กล่าวมา รถขับเคลื่อนล้อหน้าเลยเป็นคำตอบของรถตลาดสมัยนี้ครับ ถ้าผมเป็นผู้ผลิตรถ มองในมุมผู้ผลิต
ผมก็จะเน้นผลิตรถเก๋งขับหน้าเหมือนกันนี่แหละครับ
ถ้าใครชอบรถขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนผม คงต้องเก็บตังเยอะๆแล้วละครับ ดูแล้วทางออกมีทางเดียว อนาจจริงๆครับ 555
+1 ครับ เห็นด้วยเลย ผมใช้มาทั้งรถขับหน้า และ รถขับหลัง ในเรื่องของการทรงตัวการเข้าโค้ง ความรู้สึกถึงความสมดุลของรถในขณะขับขี่ โดยเฉพาะที่ไม่ใช่ทางตรง รถขับหลังดีกว่าชัดเจน
รถขับหน้ามีข้อดีกว่าที่เห็นได้ชัดเจน อยู่แค่ตอนเอารถตะกุยขึ้นบ้าน ล้อขับหน้ามันดึงรถเข้าบ้านง่ายกว่ารถขับหลังที่ดันรถเข้าบ้านเท่านั้นเอง
-
ไม่มีทางครับ นอกจากวิศวะหรือนักลงทุนรถยนต่างๆยอมลงทุนเยอะแล้วขายรถที่แพงมากๆหรือไม่ได้กำไรจากการขายรถ
ปันหาคือประเด็น "ราคาน้อยกว่า1ล้าน" เพราะตอนนี้แค่ขับหน้ายังจะไป2ล้านเลย (D-seg รุ้นท้อป) ข้อดีของขับหลังมันดีแค่สำหรับคนชอบรถ และคนชอบรถจะเป็นแค่1%ของคนซื้อรถจริงๆ น้อยกว่า 2 ล้านมีทางไหม? มีครับเพราะ mazda บอกว่าในอนาคตอยากให้ mazda 6 เป็นขับล้อหลังแทน
มีเรื่องนึงอยู่ว่ามีคนไปถามBMWว่าทำไม 1 series รุ้นใหม่จะไม่ใช้ขับหลังอีกต่อไป BMWบอกว่าในsurveyที่เค้าทำพบว่า80%ของเจ้าของ 1 series ไม่รู้ว่ารถตัวเองขับหลัง
-
แล้วรถขับหน้าที่ว่าช่วงล่างเทพๆfocus golf subaru พอจะสู้ขับหลังไหวไหมครับ
Subaru ไม่ทำรถขับหน้ามาเกือบ 20 ปีแล้วครับ
ถ้าเป็น Line up รถบ้านอย่าง Impreza XV Forester Outback จะทำเป็นขับสี่โดยเน้นพลังขับเคลื่อนไปไว้ที่ล้อหน้ามากกว่าล้อหลังเล็กน้อย (สามารถเปลี่ยนเป็นขับหน้า 100% ได้ในบางเวลา)
ยกเว้นรุ่นที่ยังเป็นเกียร์ธรรมดาจะคงที่ 50-50 ตลอด
ส่วน WRX ,STI จะเน้น 50-50 แต่สามารถเปลี่ยนเป็น 59-41 ได้ (เน้นไปทางขับหลัง)
BRZ ก็ทำเป็นขับหลังไปเลย เพราะด้านหน้าวาง Boxer ได้เปรียบเรื่องสมดุลที่ดีอยู่แล้วเป็นตัวช่วย
-
น่าจะยากครับ
-
.
.
สงสัยผมประหลาด ผมใช้ขับหลังมาทั้งชีวิต เพิ่งมาได้ใช้ขับหน้า
แต่ผมกลับชอบขับหน้ามากกว่าเยอะเลย ควบคุมง่ายกว่า
เข้าออกโค้งเร็วกว่า ผมว่าคนที่ใช้ขับหลังรุ่นเก่าๆน่าจะลองมาใช้ขับหน้ารุ่นใหม่ๆดูบ้าง
ผมว่าเดี๋ยวนี้พัฒนาไปมากแล้ว อย่าง Golf GTi ก็ขับหน้า แต่ขับโคตรสนุกเลย
สนุกกว่า F30 เยอะเลย
-
.
.
สงสัยผมประหลาด ผมใช้ขับหลังมาทั้งชีวิต เพิ่งมาได้ใช้ขับหน้า
แต่ผมกลับชอบขับหน้ามากกว่าเยอะเลย ควบคุมง่ายกว่า
เข้าออกโค้งเร็วกว่า ผมว่าคนที่ใช้ขับหลังรุ่นเก่าๆน่าจะลองมาใช้ขับหน้ารุ่นใหม่ๆดูบ้าง
ผมว่าเดี๋ยวนี้พัฒนาไปมากแล้ว อย่าง Golf GTi ก็ขับหน้า แต่ขับโคตรสนุกเลย
สนุกกว่า F30 เยอะเลย
ขับหน้าperformance car มันก้อมัน. สนุกกว่า รถบ้านขับหลังครับ
-
รถขับหลังเอามาทำรถดริฟง่ายเพราะมันเสียการทรงตัวง่าย หักเลี้ยวแล้วเร่งแรงๆหน่อยล้อหลังก็จะปั่นแซงล้อหน้าอยู่เรื่อย แต่มันแก้อาการง่ายเพราะล้อหน้ามันหมุนฟรีอิสระ สังเกตุง่ายๆเวลาดูคลิปอุบัติเหตุถ้าเป็นกระบะมันจะท้ายปัดแล้วกวาดลงข้างทาง แต่ถ้าเป็นรถเก๋งขับหน้ามันจะจิกแล้วแถ-ลงข้างทางแทน แต่ที่มันส์ที่สุดคือรถขับสี่เพราะเวลาเล่นโค้งท้ายมันก็ปัดแต่ล้อหน้ามันก็จิกดึงให้รถเข้าไลน์ได้ง่าย