Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: กด9เพื่อกลับสู่เมนูหลัก ที่ ตุลาคม 03, 2018, 02:09:02
-
ปี 2014 ผมซื้อ nissan teana 2.5 xv sunroof ตัวท็อป ราคา 1.6ล้าน
วันนี้ ใช้รถมาประมาณ4ปีนิดๆ ผมเอาไปให้เต้นท์ตีราคา เพื่อจะซื้อคันใหม่ เต้นท์รับไม่เกิน 7แสน (ไมล์ผม7หมื่นโล)
ในปี 2014 เป็นปีที่เพื่อนผมออก C-class และ ลุงผมออกอัลติส (ทั้ง2คันนี้ ผมทำหน้าที่ไปเจรจาต่อรองให้)
ผมก็เลยแกล้งเอารถของลุง และเพื่อนไปตีราคาที่เต้นท์เดิม
ปรากฏว่า ในระยะเวลาการใช้รถประมาณ4ปี D-segment ราคาตกกว่ารถยุโรป (ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์) และตกมากกว่า C-segment มากๆ (คิดเป็นเปอร์เซ็นต์)
ถ้ามองในแง่ต้นทุนการใช้งาน และเงินที่หายไป ผมก็ไม่แปลกใจว่าทำไม ยอดขาย D-segment มันถึงลดลงเรื่อยๆ
ปัจจุบัน C-segment ก็คันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าใช้งานขับคนเดียว หรือนั่งไม่เกิน4คน มันก็แทบไม่ต่างกันแล้วในแง่ขนาด
ส่วน compact ยุโรปราคาก็ลงมาใกล้กับ d-segment ญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่รถยุโรปราคาจับต้องได้มากขึ้น แต่รถญี่ปุ่นกลับแพงขึ้นเรื่อยๆ
แถมความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ ที่คิดว่า รถยุโรปราคาตกมากกว่า กลายเป็นว่าความจริงวันนี้คือ รถ d-segment ญี่ปุ่น ราคาตกมากกว่ารถยุโรปอีก(คิดเป็นเปอร์เซ็นต์)
ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตลาดรถมือสองมันถึงเป็นแบบนี้ ผมคงไม่ไปหาเหตุผลอะไร ตอนนี้รู้แค่ว่า ถ้าใช้รถประมาณ5ปีแล้วขาย D-segment ญี่ปุ่น คือการซื้อที่ทำให้เกิดการขาดทุนมากที่สุดในบรรดากลุ่มรถทั้งหมด
สำหรับคนที่ไม่สนใจเรื่องราคาขายต่อ ก็คงไม่มีผลอะไร
แต่สำหรับคนที่สนใจราคาขายต่อ(เช่นผม) เพราะผมต้องนำเงินก้อนนี้เป็นทุนในการไปซื้อรถคันใหม่
ผมจึงคิดว่า รถญี่ปุ่น d-segment คือรถที่ไม่คุ้มค่าที่สุดถ้ามองในแง่การเงิน และผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็คงคิดเช่นเดียวกัน จึงทำให้ยอดขายรถกลุ่มนี้ตกต่ำลงทุกวันจนน่าใจหาย และราคาขายต่อที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาไปขายต่อเองได้ง่ายๆ มันกลายเป็นรถที่ปล่อยมือสองยากที่สุดด้วย
-
เพราะมันคือ นิสสันรึปล่าวครับ เลยตกเเยอะ ต้องลองเทียบกับเซกเมนท์เดียวกันเเต่คนละค่ายดูครับ ว่าเค้าได้กันเท่าไหร่
-
ในส่วนตัวผม ขายACV50 HV ไปต้นปีได้800000 รถปี2013 ซื้อมาตอนนั้น 1709000 เต๊นท์ตีมาแบบกลับบ้านไม่ทัน สุดท้ายขายคนรู้จักไป ส่วนL33 ผม 2.0XL ไมล์แสนโลแล้ว กะ ทำช่วงล่าง เก็บไว้ใช้สำรองยาวๆไปเรยครับ รถรักเจ้าของต้องทำใจค รับ
-
เคยขาย CR-V Gen 4 ตอนยังไม่ตกรุ่น ราคาก็ตกสุดๆ เหมือนกันครับ รุ่น 2.4EL 4WD ใช้ 3 ปี วิ่ง 2 หมื่น ขายได้ 9 แสน หายไปน่าจะ 6 แสนครับ
ตอนนี้ผมคิดว่ารถญี่ปุ่นที่รับเรื่องราคาตกได้จะเป็น C-Segment ลงไป อย่าง Civic นี่กำลังดีเลย หรือจะเล่น Ecocar ก็ได้
แต่ถ้าให้ซื้อรถญี่ปุ่นราวๆ 1.5 ล้าน ผมขอเพิ่มเงิน(ผ่อน) อีกนิด แล้วไปหารถยุโรปตัว Entry ดีกว่าครับ ยังไงก็ได้ภาพลักษณ์ที่ดีกว่ารถญี่ปุ่นครับ
-
ตกหมดทุกยี่ห้อ แต่Nissan ตกเยอะกว่าเขาราวๆ 1 แสนบาท เพราะปล่อยยากกว่า เป็นโอกาสดีของคนซื้อมือสองสภาพดีๆมากกว่า คนส่วนใหญ่ใช้รถ d segment เป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัยรุ่น ใช้รถถนอม รถสภาพสวยๆดีๆเยอะในราคาไม่ถึงล้าน ส่วนตัวผมยังชอบ d segment น่ะ ภายในมันอลังการกว่า c segment เยอะ ให้เลือกขับ civic ป้ายแดงกับ teana มือสอง ผมเอา teana
-
Teana เข้าเต้นโดนกดยับครับ หรือค่าย Nissan ในส่วนของรถเก๋งก็เป็นครับ ตอนผมขาย Tiida อายุ 8 ปี เต้นท์ตีมาให้ 1 แสนถ้วนครับ คุยไปคุยมาได้แค่ 1.2 เลยหาปล่อยทางอื่นแทน ได้มา 2 แสนครับ (เต้นท์อยู่ดีครับ)
ลองสังเกตดูครับ ค่ายนี้ราคาตีเข้าเต้นท์ตกหนัก แต่ถ้าปีใหม่ๆเต้นท์จะตั้งขายแพงมาก แพงกว่า Accord/Camry ปีเดียวกันด้วยตอนที่ผมไล่หาดูเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทั้งๆที่ราคาจากศูนย์มือ 1 ถูกกว่าคู่แข่ง (ณ ตอนนั้น)
-
C-segment นี่ราคาดีมาก โดยเฉพาะ civic รองมาก็ Altis
D-segment ตกค่อนข้างเยอะ แต่ นิสสัน ตกเยอะกว่าเพื่อน
พวก suv อย่าง CRV ก็หล่นแบบใจหายไม่แพ้กันนะครับ อาจจะดีกว่า Teana หน่อย แต่ถือว่า ตกมากมาย ถ้าเทียบกับ Mu-X, Fortuner ครับ (พวกนี้ราคาดีมาก)
ส่วนตัวกลับรู้สึกว่า D-segment มันรถคนแก่ ใหญ่เทอะทะ ไม่คล่องตัว แม้ภายในจะอลังการ วัสดุดีกว่าก็เถอะ การใช้งานก็ไม่ได้หลากหลายกว่า C-segment เลยเป็นเหตุกว่า ทำไมผมถึงเลือก suv แทน D-segment น่ะครับ เพราะอย่างน้อย suv ก็ยังอเนกประสงค์กว่า ทัศนวิสัยดีกว่า แม้วัสดุภายในจะสู้ไม่ได้ก็ตาม
-
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D
-
ผมใช้L33 คงใช้ยาวๆ10ปีขึ้นไป 8)
คันหน้าไม่เอาแล้วเพราะเมืองไทยมีน้ำรอระบายทั้งประเทศและไม่รู้ว่าต้องเจอวันไหน :-X :-X
คงเป็น SuvหรือMPV ที่มีระยะลุยน้ำท่วมได้ซัก 20-30cm พวกเตี้ยๆไม่เอาแล้ว
-
ถ้ามีงบซื้อ D-seg ผมเอา SUV หรือ PPV ดีกว่าตอบโจทย์ชีวิตได้
-
เหตุผลข้อเดียวเลยครับ
เพราะมันไม่มีความต้องการของตลาดแล้ว
เอาแค่ป้ายแดง ยอดขายหลักร้อยต่อเดือน
แต่กลุ่ม c-seg ยอดขาย หลักพันต่อเดือน = เทียนน่า เมื่อหล่นมาจาก 1.6 เหลือ 1.1 คนก็ยังซื้อ c seg ป้ายแดง
เอ้า ในเมื่อ 1.1 ขายไม่ออก ลงมาอีกหน่อย ซัก 8-9 แสน
ก็ไปเจอตลาด sub compact suv ป้ายแดง ที่มียอดขายหลักพันต่อเดือน + c seg สภาพมือสองใหม่กริ๊ป คนรับไปขาย ก็คงเหนื่อย
สรุปง่ายๆเลย มันไม่มี demand เลยล่ะครับ
-
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D
จริงครับ ตอนที่ Mini ประกอบไทยมันยังจะราคาเท่ารถนำเข้าเลย ใครโง่พอที่จะเชื่อว่าBMWไม่ได้ตั้งราคาหลอกลูกค้าก็ผมเสียใจด้วย
-
ในความคิดผม คนที่ออก D-Seg และรถยุโรปจะคิดถึงคุณภาพของตัวรถมากกว่า เพราะการได้นั่งรถดีสบายและรีแร็กซ์คือความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป :D
-
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D
จริงครับ ตอนที่ Mini ประกอบไทยมันยังจะราคาเท่ารถนำเข้าเลย ใครโง่พอที่จะเชื่อว่าBMWไม่ได้ตั้งราคาหลอกลูกค้าก็ผมเสียใจด้วย
อันนี้ เรียกว่า รู้เค้าหลอก แต่เต็มใจให้หลอก
-
นิสสันถ้าเป็นเก๋ง ก็คงจะมีแต่อัลเมร่านั้นแหละครับที่ซื้อง่ายขายคล่อง ราคามือสองไม่ตกมาก
นอกนั้นราคาตีเต๊นท์ได้ยินแล้วอยากกลับบ้าน
-
D seg ตกไม่แปลก พฤติกรรมคนเริ่มเปลี่ยนไป SUV กันมากขึ้นแล้ว อะไรขายยากก็ราคาตกเป็นธรรมดา
-
ไม่เฉพาะนิสสันหรอกครับ แอคคอร์ทผมก็เป็น
ตอนซี้อ G9 ไม่เนวิ MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน
ต้องวิ่งขายอยู่พักใหญ่ ถึงจะได้ 6.6 แสน ขายกับโชว์รูมฮอนด้าแถวๆสุขา 3 รามคำแหง
รถใช้ทั้งหมด 5 ปี ไมล์ 8 หมื่น
ที่ขายเพราะเบื่อมานั่งซ่อม สามวันดีสี่วันพัง สมกับชื่อแอคคอร์ทจริงๆ
เมื่อเทียบกับมาร์ช VL ปี 2012 ราคา 5.42 แสน แต่ขายออกปี 2016
ใช้ห้าปีเหมือนกัน แต่ขายได้ 2.7 แสน (หักค่าโอน ค่าบลาๆ เหลือ 2.6 นิดๆ)
D-Seg มือสอง รถขายยาก คนซี้อน้อย ต้องซ่อมบำรุงเยอะ อะไหล่ค่อนข้างแพง
ราคาจะตกก็ไม่แปลก
-
เฉพาะ nissan ครับคุณไปดู camry accord สิ
-
เพราะการดันราคาขึ้นไปอย่างไม่มีเหตุผลของค่ายรถด้วยหรือเปล่าครับที่นับวันมือ 1 จะแพงขึ้นๆ (โดยเฉพาะ d-segment ที่มองยังไงราคารถก็ไม่น่าเลยล้านกลาง เลยเถิดไปถึงล้านปลายได้เลย) ซึ่งมันเกินมูลค่าที่แท้จริงของตัวรถไปมาก
พอมามือ 2 ราคาซื้อขายสะท้อน value ที่แท้จริงของตัวรถมากขึ้น เลยเป็นอย่างที่เห็น
-
คนไทยส่วนใหญ่ รูปร่างเล็ก เช่นผม สูงแค่165 หนัก 70
ผมเคยใช้ D seg แล้วรู้สึกว่ามันใหญ่เกินความจำเป็น ในขณะที่ใช้ C seg แล้วรู้สึกว่าพอดีๆ คล่องตัวกว่า
มาดูค่าใช้จ่าย D seg สุงกว่าทุกด้าน ค่าตัว ค่าซ่อม ค่าน้ำมัน ค่าเสื่อม ค่าทะเบียน ค่ายาง ในขณะที่ภาพลักษณ์ดีกว่า
แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องภาพลักษ์เลย ตรงข้ามผมไม่อยากดูรวย (จริงๆก็ไม่ได้รวย) ดูรวยแล้วมันเหนื่อยหลายอย่าง
-
เพราะการดันราคาขึ้นไปอย่างไม่มีเหตุผลของค่ายรถด้วยหรือเปล่าครับที่นับวันมือ 1 จะแพงขึ้นๆ (โดยเฉพาะ d-segment ที่มองยังไงราคารถก็ไม่น่าเลยล้านกลาง เลยเถิดไปถึงล้านปลายได้เลย) ซึ่งมันเกินมูลค่าที่แท้จริงของตัวรถไปมาก
พอมามือ 2 ราคาซื้อขายสะท้อน value ที่แท้จริงของตัวรถมากขึ้น เลยเป็นอย่างที่เห็น
มูลค่าที่แท้จริงของรถคิดยังไงครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ควรเลยล้านกลาง
แล้วราคาควรจะเป็นเท่าไหร่ครับ
-
ด้วยอายุตลาดด้วย และ ราคา D - C segment ที่สูงขึ้น คนคงไปจบที่ C-Segment หรือ HRV CHR ดีกว่า กระแสรถยกสูงมันมาแรงจริงๆ
-
ตลาดมือ 2 ราคาตกทุกกลุ่ม แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการตลาด
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าความต้องการน้อย และรถมือ 2ก็ล้น
-คนรุ่นใหม่ไม่สนใจรถมือ2 เหมือน10-20 ปีที่แล้ว เรียนจบทำงานใหม่ๆ หารถมือ 2ใช้ก่อน
ปัจจุบันค่ายรถก็ต้องการกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีหลายรุ่นให้เลือกเยอะ.. ซื้อก็ง่าย ถูกจริต
เมื่อคนรุ่นหนึ่งหมดไป ยุครถมือ 2 ก็กำลังหมดไป
ผมมองว่าตลาดรถมือ 2 กลับมายาก ซื้อขายกันกลุ่มเล็กๆ
(อนาคตถ้าเลวร้าย อาจเหมือน ทีวี ตู้เย็น พังแล้วทิ้ง ไม่ซ่อม ไม่ขาย ขายได้ชั่ง กก.) :P
-
มีงบซื้อรถราคา 9แสน - 1 ล้านบาท
ระหว่าง d segment มือสอง อายุ 4 ปี, วิ่ง 7 หมื่นโล กับ c segment ป้ายแดง ประกันยาว 3 ปี ..
ลองเอาคำถามนี้ ไปถามเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนรอบข้างดู แล้วคุณจะได้คำตอบ ว่าคนส่วนใหญ่ เค้าเลือกอะไรกันครับ
คนส่วนใหญ่ ใครๆ ก็อยากขับป้ายแดงกันครับ นี่เป็นเหตุผลหลักๆ เลย
-
เฉพาะ nissan ครับคุณไปดู camry accord สิ
D-Seg ทุกคันละครับ
แอคคอร์ท G9 ไม่เนวิของผม MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน
กว่าจะขายได้ 6.6 วิ่งกันหูดับ รถสภาพดี ไม่มีชน ไม่มีทำสี
ที่เห็นขายๆกัน 7 - 7.5 แสน นั้นคือราคาหน้าเต้นท์ แต่รับซี้อจริงๆ 6 ต้นๆ ยัน 6 ปลายๆ
ขายแบบไม่เทิรน์รถ ยิ่งถูกกดราคาหนักครับ
-
D-seg เทียบเป็นตัวเงินหายไปเยอะแบบเห็นๆจริงครับ
เมื่อเดือนที่แล้วผมเพิ่งปล่อย Fortuner 2.7 4WD ปี 2005
สภาพสวย ไป ตอนที่ขายรถวิ่งไป 2.4 แสนกิโล
เอาเข้าไปตีราคาตามเตนท์ ให้ราคาตั้งแต่ 2.9-3.5แสน
ราคายังไม่โดนใจ ผมเลยมาปล่อยเองได้ราคา 3.95 แสน
รถใหม่ราคา1.2ล้าน ถือว่ารับได้
ราคาหายไป 67% ใช้มา13ปี เฉลี่ยตกไปปีละ 6.2หมื่น
อีกคัน แอคคอร์ด 2.4 EL ปี 2008 ราคาหล่นแบบน่าใจหายเลยครับ
ซื้อแพงกว่าคัน Fortuner 3แสน และปีรถยังใหม่กว่าอีก 3 ปี
แต่ขายตามเตนท์ตอนนี้น่าจะได้ซัก 4แสน พอๆกัน มันน่าช้ำใจ!!!
-
มีงบซื้อรถราคา 9แสน - 1 ล้านบาท
ระหว่าง d segment มือสอง อายุ 4 ปี, วิ่ง 7 หมื่นโล กับ c segment ป้ายแดง ประกันยาว 3 ปี ..
ลองเอาคำถามนี้ ไปถามเพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง คนรอบข้างดู แล้วคุณจะได้คำตอบ ว่าคนส่วนใหญ่ เค้าเลือกอะไรกันครับ
คนส่วนใหญ่ ใครๆ ก็อยากขับป้ายแดงกันครับ นี่เป็นเหตุผลหลักๆ เลย
เป็นอะไรที่เห็นภาพมากเลยครับท่าน ตรงประเด็นเด๊ะ
-
ความนิยมถดถอย ราคาเลยตกครับ
น่าจะไม่ใช่ราคาตก คนเลยไม่นิยม 555
ผมก็ อดีต J32
-
ตลาดมือ 2 ราคาตกทุกกลุ่ม แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการตลาด
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าความต้องการน้อย และรถมือ 2ก็ล้น
-คนรุ่นใหม่ไม่สนใจรถมือ2 เหมือน10-20 ปีที่แล้ว เรียนจบทำงานใหม่ๆ หารถมือ 2ใช้ก่อน
ปัจจุบันค่ายรถก็ต้องการกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีหลายรุ่นให้เลือกเยอะ.. ซื้อก็ง่าย ถูกจริต
เมื่อคนรุ่นหนึ่งหมดไป ยุครถมือ 2 ก็กำลังหมดไป
ผมมองว่าตลาดรถมือ 2 กลับมายาก ซื้อขายกันกลุ่มเล็กๆ
(อนาคตถ้าเลวร้าย อาจเหมือน ทีวี ตู้เย็น พังแล้วทิ้ง ไม่ซ่อม ไม่ขาย ขายได้ชั่ง กก.) :P
+1 ครับ ยุคสิบกว่าปีก่อน ที่ มือ 2 มันบูม เพราะว่ารถเมื่อเทียบกับค่าครองชีพแพงด้วยครับ
ผมก็เคยซื้อ AE101 สามห่วงสีเขียวขี้เป็ด สุดเชย มาในราคา 2.3 แสน (แพงมากๆ)
ซึ่งยุคนี้ผมเพิ่มงบอีกนิด ได้มือ 2 almera ไม่เกิน 5 ปีละ
ราคายุคนี้สมเหตุผลมากขึ้นครับ คือ ลงปีละ 10%
ไม่เฉพาะนิสสันหรอกครับ แอคคอร์ทผมก็เป็น
ตอนซี้อ G9 ไม่เนวิ MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน
ต้องวิ่งขายอยู่พักใหญ่ ถึงจะได้ 6.6 แสน ขายกับโชว์รูมฮอนด้าแถวๆสุขา 3 รามคำแหง
รถใช้ทั้งหมด 5 ปี ไมล์ 8 หมื่น
ที่ขายเพราะเบื่อมานั่งซ่อม สามวันดีสี่วันพัง สมกับชื่อแอคคอร์ทจริงๆ
เมื่อเทียบกับมาร์ช VL ปี 2012 ราคา 5.42 แสน แต่ขายออกปี 2016
ใช้ห้าปีเหมือนกัน แต่ขายได้ 2.7 แสน (หักค่าโอน ค่าบลาๆ เหลือ 2.6 นิดๆ)
D-Seg มือสอง รถขายยาก คนซี้อน้อย ต้องซ่อมบำรุงเยอะ อะไหล่ค่อนข้างแพง
ราคาจะตกก็ไม่แปลก
March เหมือนกันครับ รถ 6 ปีกว่าๆ
รุ่น E CVT สีเงิน ราคา 4.59 แสน
ขายได้ 2.03 แสน ผมว่าไม่แย่ แต่คิดว่าถ้าไม่ใช่ นิสสัน น่าจะราคาดีกว่านี้
และความที่เป็น Eco car เลยขายได้ดีและง่ายกว่านิสสันทั่วไปมาก
-
ตัวเลือกรุ่นล่างๆมันเยอะขึ้น มีรถมือ 1 ให้เลือกเล่นได้หลากหลาย
รถแต่ละ Segment ก็ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ C-segment นั่งสบายขึ้น
ราคาน้ำมันแพง หลายคนอยากหารถที่ประหยัดมากขึ้น
ความนิยมรถ SUV , PPV
พวกนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคา D-Segment มันตกมากครับ
-
เคสนี้ เพราะมันคือ Nissan Teana รึป่าวครับ...
-
เร็วๆ นี้ เพิ่งมีคนตั้งกระทู้ว่าราคารถมือสองในเมืองไทยมันแพงไปไงครับ
#โลกคู่ขนาน
#ความย้อนแย้งของกระทู้
-
D-segment ราคาตกเยอะกว่า segment อื่น - ใช่
แต่ของจขกท. มัน Teana ด้วยครับ จุดนี้ต้องเข้าใจว่าราคาร่วงกว่าคู่แข่งไปอีก แล้วยิ่งเป็นตัวแรง ราคาแพงตอนมือ1 อันนี้ผมเห็นด้วยว่ามันตั้งราคาเว่อเกินไป ราคาเกิน 1.5 ล้าน คือการแสวงหาผลกำไรแบบน่าเกลียดพอสมควร ถ้าเทียบกับรุ่นเดียวกันตัวล่าง เครื่องเล็ก ที่ราคา 1 ล้านต้นๆ
-
ไม่ใช่ค่ายอื่นตกไม่เยอะนะครับ แต่ Teana ตกเยอะสุด
ผมเล็งๆ ไว้ปีก่อนแล้วว่าจะซื้อ แต่ตอนนั้นเห็นขายกันประมาณ 8-9 กว่าๆ (เครื่อง 2.5)
ปีนี้ 7 กว่าๆ แล้ว ก็คงรับต่ำกว่า 7 ตามที่ว่าแหละครับ
จริงๆ Segment นี้ผมชอบ Camry 2.0 ตัวเครื่องใหม่นะ แต่ราคาแข็งจริงๆ ลองดูครับ
-
ความต้องการคนไม่เหมือนกัน ผมว่า D segment มันขับสบายนุ่มนะครับ ยิ่งทางไกลนี่สบายเลย
ถ้าราคาตกเยอะ
ควรหามือสองสภาพดี อายุ 2-3 ปี มาขับชิล ๆ ไปอีก 5 ปีสบายเลย 8)
แต่ถ้าซื้อมือ 1 ผมมอง ppv / suv อ่ะครับ 8)
-
March เหมือนกันครับ รถ 6 ปีกว่าๆ
รุ่น E CVT สีเงิน ราคา 4.59 แสน
ขายได้ 2.03 แสน ผมว่าไม่แย่ แต่คิดว่าถ้าไม่ใช่ นิสสัน น่าจะราคาดีกว่านี้
และความที่เป็น Eco car เลยขายได้ดีและง่ายกว่านิสสันทั่วไปมาก
ผมชิงปล่อยมาร์ชตอนครบห้าปีเมื่อช่วงเมษายน ปี 2017 ครับ
ตอนที่ผมขาย โครงการรถคันแรก 90% ยังไม่สามารถเปลื่ยนมือได้ (รวมถึงบางส่วนที่ครบกำหนดแล้วแต่ไม่สามารถเปลื่ยนมือได้ เพราะติดล็อคที่กรมสรรพสามิต เป็นข่าวอยู่พักนึง)
https://www.khaosod.co.th/car-vehicle/news_732114
และผมซี้อรถช่วงมีนาคมปี 2012 ตอนที่คนยังเฉยๆกับโครงการ เลยได้สิทธิปล่อยรถเร็ว
รวมถึงตัวรถเป็นรุ่นท้อป VL ตัวปรับอุปกรณ์ ใช้แค่สามหมื่นโลนิดๆ เข้าศูนย์ตลอด
ผมขายแบบเทืรน์รถ แก้มบังคับไปว่า ถ้าไม่ได้ 2.7 แสนก็ไม่เอา และจะไม่ซี้อรถใหม่ด้วย
สุดท้ายก็ได้ราคานี้ครับ
-
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ และ หลายๆ ความเห็นครับ
อย่าลืมว่าคนไทยซื้อรถ มักจะเอางบประมาณเป็นตัวตั้ง
เช่นมีงบ 1.5 ล้าน ซื้ออะไรดี ดังนั้น D-segment ก่อนหน้านี้ คู่แข่งมีแค่เพื่อนต่างค่าย
จะซื้อ Accord ก็เทียบแค่ Camry, Teana
แต่เด่วนี้ SUV, PPV ในช่วง Range ราคานี้ มีเต็มไปหมด เลยมาแย่งส่วนแบ่งตรงนี้ไป
รวมถึง รถยุโรปตัวล่างๆ ดัมพ์ราคาลงมา 2 ล้าน +- ได้ขับยุโรปป้ายแดงแล้ว
บางยี่ห้อ Maintenance ฟรีอีก ตลาด D-segment เลยค่อยๆ เล็กลงเรื่อยๆ
-
ยุโรปใครว่าไม่ตก ยิ่งพวก Hybrid นี่จุก ราคารับซื้อเข้าก็โดนกด ถ้าโพสขายเองก็อาจจะพอทน
ผมว่ามันลงกันหมดตอนนี้ บรรดา Sedan เพราะคนเริ่มทยอยไปขับ SUV กันหมดละ
-
สำหรับผม ที่ขายอยู่เครื่องยนต์ล้าสมัย ประสิทธิภาพต่ำเกินไป
ถ้ามี เครื่องสองพัน เทอรโบ 260 HP Co2<150
ขายราคาไม่เกิน 1.6 ล้าน จะน่าสนใจขึ้นมากทีเดียว
-
ถ้าจะเอาความกว้างนั่งสบาย รถ ppv หรือกระบะ มันกว้างพอๆกับรถ d segment แค่ความนุ่มนวลสดวกสบายอาจจะไม่เท่า แต่ความทนทานและค่าบำรุงรักษานี่ถูกกว่าเยอะ
-
ตกมานานแล้วครับ มือสองไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
ใครชอบDsegment ไม่แคร์ใช้ของต่อคนอื่น มือสองนี่แหละคุ้ม
-
G9 Hybrid Tech ตัวล่าสุด ใช้มาเกือบ2ปี ไมล์4หมื่น
ขายหน้าเฟส1.25ล้าน (รถบ้านด้วย)
แบบนี้ถือว่าราคาตกมากมกั้ยครับ
-
โอกาส ของคนจ้องจะซ์ื้อมือสอง เหมือนกันนะครับ แค่ว่ารถสวยไหม ประวัติดีไหม แล้วก็หาคนซื้อเจอคนที่จะซ้อไปใช้จริงๆได้ไหม ...
ผมยังเล็ง 2.5xv sport navi อยุ่เลย มีอยุ่คันนึง ที่สำคัญผมไม่สนใจสี ว่าจะสีอะไรราคาดี ผมสนใจแค่ รุ่น สภาพ ซื้อมาใช้ได้ดี พอละ...
ส่วนเต็นท์นี่ สีน้ำเงิน ไม่เอา สีดำ เอาบ้าง สีขาวเอาเลย .... หลายๆอย่างก็ตามตลาดครับ
-
ณ ปัจจุบัน D-Segment ถ้าซื้อให้คุ้มต้องซื้อมือสองครับ
ถ้าซื้อมือหนึ่งต้องใช้ยาว อย่างน้อยๆต้อง 7-10 ปีถึงจะคุ้ม
อีกอย่างตอนนี้หลายคนก็ยอมเพิ่มเงินไปออกรถยุโรปแทนครับ
จ่ายประมาณ 1 ล้านปลายๆ - 2 ล้านต้นๆ ก็ได้ขับรถยุโรปพรีเมี่ยมแล้วครับ
ดังนั้นความต้องการรถ D-Segment ในตลาดจึงลดลง
-
หัวอกเดียวกันครับ กับ จขกท
-
คัมรี่ไฮบริด โฉมปัจจุบันก่อน mc ปี12-13 เต็นท์รับเข้า 5แสนกลางๆนี่ยิ่งไม่หนักกว่าหรอครับ แต่ผมไม่รู้รายละเอียดรุ่นย่อย ออกป้ายแดงก็ 1.6-1.8 ล้าน แต่ราคาขายหน้าเต็นท์เห็นอยู่7แสนต้น ต่ำกว่า7แสนก็มีให้เห็น
ผมว่ายุคนี้คนที่พอมีตังค์ ไปออกป้ายแดงกันหมด ใครก็อยากใช้รถใหม่ๆกัน หมดปัญหาเรื่องซ่อมรถ เรื่องเจอรถย้อมแมวสภาพไม่ดี
ผมว่า d-seg หลายคนที่เข็ดกับความจุกจิกของยุโรป จะกลับมาใช้ ยอดขายน้อยๆในอนาคตไม่แน่ อาจจะเป็นที่ต้องการในตลาดก็ได้ครับ
-
D segement Genใหม่ ญป ที่จะมาตัวท๊อปราคาก็ไม่ควรเกิน 1.8 ล้านแล้วครับ ถ้าเกินนี้ไปรถยุโรปกันหมด
พอโดนราคาอะไหล่แพง ก็จะกลับมา SUV ญป แทน หรืออาจจะไป C segment ที่คันใหญ่ๆแทน
สรุปอนาคตในไทย รถคงมีแค่ (ตามราคา)
Eco car (B segment) > C segment > Crossover > SUV/PPV > Compact ยุโรป
-
ตลาดมือ 2 ราคาตกทุกกลุ่ม แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการตลาด
เป็นเรื่องที่เข้าใจกันว่าความต้องการน้อย และรถมือ 2ก็ล้น
-คนรุ่นใหม่ไม่สนใจรถมือ2 เหมือน10-20 ปีที่แล้ว เรียนจบทำงานใหม่ๆ หารถมือ 2ใช้ก่อน
ปัจจุบันค่ายรถก็ต้องการกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีหลายรุ่นให้เลือกเยอะ.. ซื้อก็ง่าย ถูกจริต
เมื่อคนรุ่นหนึ่งหมดไป ยุครถมือ 2 ก็กำลังหมดไป
ผมมองว่าตลาดรถมือ 2 กลับมายาก ซื้อขายกันกลุ่มเล็กๆ
(อนาคตถ้าเลวร้าย อาจเหมือน ทีวี ตู้เย็น พังแล้วทิ้ง ไม่ซ่อม ไม่ขาย ขายได้ชั่ง กก.) :P
+1 ครับ ยุคสิบกว่าปีก่อน ที่ มือ 2 มันบูม เพราะว่ารถเมื่อเทียบกับค่าครองชีพแพงด้วยครับ
ผมก็เคยซื้อ AE101 สามห่วงสีเขียวขี้เป็ด สุดเชย มาในราคา 2.3 แสน (แพงมากๆ)
ซึ่งยุคนี้ผมเพิ่มงบอีกนิด ได้มือ 2 almera ไม่เกิน 5 ปีละ
ราคายุคนี้สมเหตุผลมากขึ้นครับ คือ ลงปีละ 10%
ไม่เฉพาะนิสสันหรอกครับ แอคคอร์ทผมก็เป็น
ตอนซี้อ G9 ไม่เนวิ MY2013 ป้ายแดงราคา 1.3 ล้าน
แต่ขายเต้นท์รับไม่เกิน 6 แสน
ต้องวิ่งขายอยู่พักใหญ่ ถึงจะได้ 6.6 แสน ขายกับโชว์รูมฮอนด้าแถวๆสุขา 3 รามคำแหง
รถใช้ทั้งหมด 5 ปี ไมล์ 8 หมื่น
ที่ขายเพราะเบื่อมานั่งซ่อม สามวันดีสี่วันพัง สมกับชื่อแอคคอร์ทจริงๆ
เมื่อเทียบกับมาร์ช VL ปี 2012 ราคา 5.42 แสน แต่ขายออกปี 2016
ใช้ห้าปีเหมือนกัน แต่ขายได้ 2.7 แสน (หักค่าโอน ค่าบลาๆ เหลือ 2.6 นิดๆ)
D-Seg มือสอง รถขายยาก คนซี้อน้อย ต้องซ่อมบำรุงเยอะ อะไหล่ค่อนข้างแพง
ราคาจะตกก็ไม่แปลก
March เหมือนกันครับ รถ 6 ปีกว่าๆ
รุ่น E CVT สีเงิน ราคา 4.59 แสน
ขายได้ 2.03 แสน ผมว่าไม่แย่ แต่คิดว่าถ้าไม่ใช่ นิสสัน น่าจะราคาดีกว่านี้
และความที่เป็น Eco car เลยขายได้ดีและง่ายกว่านิสสันทั่วไปมาก
ยี่ห้ออื่นก็ร่วงครับ Revo 2.4E+ 4ประตูออกป้ายแดงมา8แสนกว่า รถ2ปีเตนท์ตีเข้า4แสนปลายไม่ถึง5แสนแล้วครับ ราคาขายหน้าเตนท์กับตามเวปขายรถ 5.5-6แสนไม่เกินนี้เหมือนกัน
-
ผมใช้Civic Turbo RS 2ปี ไมล์25000กม. กะว่าจะเปลี่ยนเป็นcx-5 เจอราคารับซื้อ760,000บาท ถอยแทบไม่ทันเลย
-
อย่าคิดมากครับ มันตกทุกยี่ห้อ ทุุกรุ่นแหล่ะ ยิ่งรถแพงยิ่งตกมาก พอมาคิดสัดส่วนเลยดูตกมากกว่ามากกกก
320i F30 ผมใช้2ปี 2014-2016 จาก 2.2 ล้าน เต็นให้ 1.3ล้าน
mazda3 BL 2.0 2012-2016 จาก 1.06 ล้าน เต็นตีให้ 3.6แสน
520d M sport F10 ปี 2016-2018 จาก 3 ล้าน ( ราคาเต็ม 3.6 ล้าน ) เดือนก่อน เต๊นตีให้ 1.6 ล้าน
ทุกคันที่ผมมี ราคาตกกว่าเทียนาของ จขกท อีกครับ
ยิ่งรถราคาแพงยิ่งโดนกดเยอะครับ
-
ประเด็นราคาตกก็ตามนั้นครับ แต่ที่บอกว่ารถยุโรปตอนนี้ราคาถูก แต่ญี่ปุ่นกลับแพงขึ้น
แปลว่าเมื่อก่อนรถยุโรปนี่กำไรต่อคันคงจะเยอะมากๆเลยนะครับ ถึงขนาดใส่เทคโนโลยี กับ เงินเฟ้อไปแล้ว ปัจจุบันยังทำราคาถูกลงได้ ;D >:( ;D
จริงครับ ตอนที่ Mini ประกอบไทยมันยังจะราคาเท่ารถนำเข้าเลย ใครโง่พอที่จะเชื่อว่าBMWไม่ได้ตั้งราคาหลอกลูกค้าก็ผมเสียใจด้วย
Mini ประกอบไทยราคาลง 8 แสนบาทนะครับ ก่อนจะด่าใครโง่ ดูตัวเองด้วยนะ
-
ราคามือสอง สะท้อนความต้องการของตลาดจริงๆ
-
ซื้อ d seg ยังไงผมก็ว่าขยับไปยุโรปตัวเริ่มต้นดีกว่า
ภาพลักษณ์ และ performance การขับดีกว่าเยอะ
ถ้างบยังไม่พร้อม ซื้อc seg หรือตัวที่เล็กลงมาหน่อยก็ได้ อย่าง chr โคตรน่าขับเลย แต่ที่ตกหนักจริงๆ คงเป็นที่ยี่ห้อนิสสันด้วยแหละ เต๊นท์ตีราคาแล้วอยากกลับบ้านเลย
-
ราคารถก็ตกทุกรุ่นแหละครับ ซื้อถูกขายแพงมันเป็นอาชีพเค้า จริงๆแล้วผมว่าเดี๊ยวนี้คนนิยมพวก
ครอสโอเวอร์หรือ ppv suv ซะมากกว่าเพราะมันสะดวกกว่า สมัยนี้ฝนตกแป๊ปๆน้ำขังซะสูงเลย