Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 3RP4T ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 10:56:29

หัวข้อ: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: 3RP4T ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 10:56:29
อันนี้แค่อยากสอบถามถามความคิดเห็นปัจจุบันของเพื่อนๆนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าความต่างของ 2 segment นี้มากกว่าแต่ก่อน ทั้งๆที่ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากเท่าไร ซึ่งราคาตัวกลางๆของ C-Segment อยู่ที่ประมาณ 8-9 แสน ส่วนราคาเริ่มต้นของ D-Segment อยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านหรือมากกว่า ซึ่งต่างกันถึงประมาณ 5-6 แสน ซึ่งสามารถซื้อ ECO CAR หรือ B-SEGMENT ตัวล่างๆได้หนึ่งคันกันเลยทีเดียว โดยส่วนตัวท่านๆคิดว่ามันคุ้มไหมครับ ? กับสิ่งที่ได้มาคือ ความหรูหรา ที่เพิ่มมากขึ้น และ ประสิทธิภาพ การขับขี่ที่ดีมากขึ้น

ปล. ผมอาจจะเทียบราคาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วซึ่งราคา C-Segment ก็ไม่ได้หนีไปจากช่วงนี้มากเท่าไร แต่ราคา D-Segment เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 1.2 - 1.3 ล้าน ซึ่งต่างกันประมาณ 3-4 แสน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: kez ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:01:58

  ความคุ้มมันอยู่ที่ว่าใช้คุ้มหรือเปล่า  เช่น ซื้อ d seg แต่นั่ง 2 คนตลอด ช่วงหลังอันใหญ่โตไม่ได้ใช้ มันเรียกว่าคุ้มหรือเปล่า

 มันไม่มีคันไหนที่ซื้อแล้วคุ้ม ถ้าคุณใช้งานมันไม่เต็มที่

 แต่ถ้าคุณจะมองเรื่อหรูอน่างเดียว อันนี้มันไม่เกี่ยวกับความคุ้ม
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: pladaek ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:05:16
เรื่องความคุ้มค่า
มันอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้ออ่ะครับ..
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Magl ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:06:23
ความภูมิฐานด้วยครับ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Gordon Freeman ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:08:52
ผมก็ว่ามันแพงขึ้นไปจริงๆ ครับ

มันควรจะมีช่วงรอยต่อของ Segment บ้าง

อย่าง C Segment ตัวท๊อป อาจจะราคาพอๆ กับ D Segment ตัวล่างสุด

อย่าง Eco -> B Segment -> C Segment พวกนี้จะมีรอยต่อของแต่ละ Segment เหมือนๆ กัน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: +@ Krishna @+ ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:09:47
สำหรับผม  D segment ราคาควรจะแตะ ๆ  c นะครับ เริ่มต้นสัก 1.19 ประมาณนี้ครับ

ถามผมว่าคุ้มมั้ย  ผมตอบเลยว่า ถ้าเป็นมือสอง สัก 3-4 ปี คุ้มมาก ราคาตกไปเยอะมาก
ถ้ามือ 1 ก็ นา ๆ จิตตังนะครับ  ถ้ามีเงินเหลือ ๆ ผม ก็ซื้อนะ ไม่อยากคิดมาก ดีกว่าพวกตัวล่าง ๆ ของรถยุโรป ที่โล้น ๆ
 
หรือ nissan teana ที่กำลังตกรุ่น ถ้าอัดโปรเยอะ ๆ (ให้ราคาแตะ c ) ผมก็ซื้อนะครับ
ชอบคันใหญ่เพราะมันขับ - นุ่มนั่งสบายกว่ากันเยอะ
อยู่ที่ความชอบ  8)
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Fong ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:16:42
ถ้า Option รุ่นเริ่มต้นเท่ากัน ก็แล้วแต่ความชอบละครับ

เพียงแต่ว่า D-Seg รุ่นเริ่มต้นมักจะได้อะไรมากกว่า กว้างกว่า
เบาะใหญ่กว่า นั่งหลังดีกว่า
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Parinya Cha ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 11:41:30
เรื่องความคุ้มค่า
มันอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้ออ่ะครับ..

ใช่เลยครับ ถ้าท่านลอง altis แล้วมาลอง camry ถ้ารู้สึกไม่ได้ว้าวก็แสดงว่าไม่ค่อยคุ้มแล้วล่ะครับ
ส่วนตัวผมรู้สึกคุ้มมากครับ ความสุนทรีมันต่างกันครับ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Odrecranon ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:00:31
ผมใช้ C segment แล้วไป D Segment แล้วไป Entry Premium C segment

ส่วนตัวผมว่าต่างตรง Percieved quality
วัสดุที่ดีขึ้น ทำให้ความรู้สึกในการขับขี่พิเศษขึ้น
เครื่องยนต์ที่แรงขึ้น ทำให้การขับขี่สนุกขึ้น

ถ้าเอาความคุ้มค่า แต่ละคนคงต่างกัน
บ้านผม ต่างคนต่างทำงาน มีวันหยุดที่ออกไปทานข้าวนอกบ้านบ้าง ส่วนมากทานบ้าน เบาะหลังคนนั่งน้อย ผมเฉย ๆ กับ D segment

ผมไม่ได้มองว่าการใช้ D segment ดูมีฐานะ
ต้องระดับ E class หรือ Series 5 ขึ้นไป

ถ้าถามว่าเอาส่วนต่างไปซื้อ B Segment ดีไหม
ถ้ารถที่บ้านมีสำรองใช้ ผมว่าไม่จำเป็นครับ
และถ้ามีเงินเหลือเฟือ การเปลี่ยนเป็น รถกลุ่ม Premium
ให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่าครับ




หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Slow But Sure ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:05:39
บางคนก็ไม่สนใจเรื่องการขับขี่หลอกครับ แต่ภาพลักษณ์ มันต่างกันเยอะ
ขับ Altis บางคนมองว่าเป็น Sale บ้าง เหมือน Taxi บ้าง
พอเป็น Camry คิดว่าเป็นผู้จัดการบ้าง เป็นรถนายญี่ปุ่น บ้าง
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:07:11
ขึ้นกับคนจะมองครับ ถ้ามีกำลังที่จะซื้ออาจจะมองว่าคุ้มค่า
แต่ถ้ามองว่าเราซื้อ c ดีกว่า ก็ซื้อ eco car เดี๋ยวนี้ได้เกือบ2คันเหมือนกัน แถมeco car บางค่ายออฟชั่นล้ำพอๆกับc หรือมากกว่าอีก
มองมุมไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ

ส่วนตัวผมชอบรถ c segment เพราะมันกำลังดีในทุกๆด้าน เสียแค่ว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นตลาดที่ไม่ค่อยน่าสนใจเพราะของเล่นน้อยไปหน่อย
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Sit: ) ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:11:02
C segment ราคาต่อบาทคุ้มกว่า
แต่d segment กว้างกว่า ทั้งขับทั้งนั่ง สบายกว่า และโดยปกติ d segment มักให้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังมากกว่า ช่วงล่าง d segment มักจะดีกว่า
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: koko86 ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:13:34
การขับขี่ ช่วงล่างความมั่นคง ดีกว่าเป็นส่วนใหญ่


และมันได้คุณค่าที่มองไม่เห็นครับ
คือ ความป๋า กับคุณค่าทางใจหรือภาพลักษณ์ทางสังคมนั่นเอง
ซึ่งตรงนี้มันแล้วแต่มุมมองของคนจริงๆครับ

หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: mellifluous ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:28:32
D segment ผมมองว่ามันเหมาะสำหรับเป็นคนนั่งครับ
ถ้าขับเองจะมองข้ามไป

ถ้าขับเองมองแค่ C Segment หรือไม่ก็ SUV PPV แทน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: TeslaX ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:44:02
ราคา d seg คงหนีให้ห่างจาก c seg ให้มากที่สุดคงเพราะภาพลักษณ์หรูหรา ดูพรีเมี่ยม
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:46:13
     ของแบบนี้ต้องลองขับดูเองครับ  สำหรับผมแล้วถ้าขับในกรุงเทพผมไม่ค่อยเห็นความแตกต่างนะครับ  กลับรู้สึกว่า D Seg เทอะทะ ขาดความคล่องตัว  แต่ถ้าขับออกต่างจังหวัดทางไกลๆยาวๆ ผมรู้สึกว่า D Seg ขับสบายกว่า นิ่งกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ให้ความรู้สึกปลอดภัยกว่า
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: NONT4477 ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:52:18
ถ้ามีคนนั่งหลัง+ขับทางไกลบ่อยๆ คือสามารถใช้จุดเด่นของ d-segment ได้เต็มที่
ก็ถือว่าคุ้มนะครับ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: siwakorn ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:56:37
จากการที่เคยเปลี่ยนจาก altis ไป camry ราคาต่างกัน 500,000 ถามว่าคุ้มไหมจริงๆจะตอบว่าคุ้มก็ไม่เต็มปากสักเท่าไร คือสิ่งที่ได้มามันก็สมควรแหละครับ นั่งดีขับดีกว่ากัน แล้วตอนที่ซื้อ c-seg ไม่มีตัวไหนถูกใจเลยก็เลยจำเป็นต้องขยับขึ้น แต่คันต่อไปถ้าให้เปลี่ยนอีกผมคงรอดู c-seg รุ่นต่อๆว่าจะขับดีแค่ไหนกว้างขึ้นแค่ไหน ถ้ารับได้กลับมาคงใช้ c-seg เหมือนเดิมเพื่อประหยัดเงิน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: AMG GT ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 12:58:37
ผมว่า D-Segment มันนุ่มหนึบต่างจาก  c-segment เยอะเลยครับ 
เงียบกว่า กว้างกว่า  ขับแล้วรู้สึกมั่นใจกว่าครับเวลาเดินทางไกล
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: !note! ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 13:34:38
คุ้มถ้ามีลูกครับ ถ้าขับแค่คนสองคนไม่คุ้ม
ติด Car Seat 1 ที่ด้านหลัง ถ้า C- Segment จะนั่งได้อีกคนเดียว
แต่ถ้าเป็น D-Segment จะนั่งได้สองคน ทำให้พาคนช่วยเลี้ยง หรืออากงอาม่าไปด้วยได้ ไม่ต้องแยกคันไป
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: YZA ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 13:49:31
ผมเคยขับ D segment อยู่ปีนึง... ชอบมากกว่า C เพราะขับสบายกว่าครับ
ผมว่าคนที่ชอบน่าจะมีเงื่อนไขประมาณนี้

ทางที่ขับ รถไม่ติด
ขับไปเรื่อยๆ
ไม่ได้ออกตัวแรง
รับค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุงที่แพงขึ้นได้แบบสบายๆ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: palma ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 13:55:27
สองรุ่นนั้นมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันครับ

ถ้าพิจารณาเฉพาะคุณสมบัติตัวรถ ไม่นับความหรูหราหน้าตาของรถ

D-seg จะได้เปรียบ C เมื่อขับ-นั่งทางไกลยาวๆ และ ใช้เป็นประจำด้วยครับ
- อาการอ่อนล้าทั้งคนขับ-นั่ง จะน้อยกว่า เพราะนิ่ง เงียบ กว่า
- คนขับควบคุมรถที่ความเร็วสูงได้อย่างผ่อนคลายกว่า
- ตัวรถขนาดใหญ่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ และ หากเกิดเหตุย่อมปลอดภัยกว่า หากมีการปะทะ
- กำลังเครื่องที่ดี สามารถทำความเร็วได้ต่อเนื่อง
- ถ้าวิ่งยาวๆ การกินน้ำมันไม่แตกต่างจาก C ครับ

C seg จะได้เปรียบ
- ลงทุนค่าตัวถูกกว่า ค่าดูแลรักษา ซ่อมบำรุง ถูกกว่า
- ในเมืองรถติดๆ ประหยัดกว่า
- ขับขี่ในเมือง สะดวก เข้า-ออก จอดรถในอาคารง่ายกว่า
- การโดยสารระยะทางไม่ไกล ไม่แตกต่างจาก D ครับ

คุ้มหรือไม่ ผมว่าขึ้นกับการใช้งานของแต่ละท่านล่ะครับ ว่าใช้งานแบบไหนมากกว่ากัน
- ส่วนตัวผมใช้ทางหลวง ตจว. เป็นประจำ D-seg ถือว่าคุ้มค่าและดีกว่าแน่นอน
- ถ้าเลือกได้คันเดียวก็ต้องเป็น D
- กลับกันถ้าเลิกเดินทางเป็นประจำ อาจกลับมาใช้ C ซึ่งปัจจุบัน ขนาด กำลังเครื่อง option ก็ดีขึ้นมาก เพียงพอต่อการใช้งาน

** หลายคน ชอบรถขนาด C เพราะกะทัดรัด ใช้งานในเมืองสะดวก แต่อยากได้ความหนักแน่น นิ่ง เงียบ แบบที่ D ให้ได้ นั่นคือ premium C-seg ซึ่ง ญี่ปุ่นยังไม่มีขาย คงเพราะช่วงราคาคงทับกับ D ตัวล่างหรือกลางอย่างแน่นอน ถ้า option จ้ดเต็ม  สุดท้ายเลยต้องโดดไปใช้ D seg อยู่ดี
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: rut191 ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 14:35:39
ขึ้นกับคนจะมองครับ ถ้ามีกำลังที่จะซื้ออาจจะมองว่าคุ้มค่า
แต่ถ้ามองว่าเราซื้อ c ดีกว่า ก็ซื้อ eco car เดี๋ยวนี้ได้เกือบ2คันเหมือนกัน แถมeco car บางค่ายออฟชั่นล้ำพอๆกับc หรือมากกว่าอีก
มองมุมไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ

ส่วนตัวผมชอบรถ c segment เพราะมันกำลังดีในทุกๆด้าน เสียแค่ว่าช่วงที่ผ่านมาเป็นตลาดที่ไม่ค่อยน่าสนใจเพราะของเล่นน้อยไปหน่อย
เห็นด้วยครับ วันก่อนขับmazda3 ไปเจอเพื่อนขับ mazda2 1.3ตัวเริ่มมา ยังแอบคิดว่ามันคุ้มไหม ซื้อmazda2 ได้2คันเลยนะ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: 3RP4T ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 15:14:58
อันนี้เสริมจากหัวข้อนะครับ พอดีไปหาข้อมูลรถยี่ฮ้อหนึ่งที่ขายในเมืองไทยทั้ง C และ D Segment จากเว็บไซท์ของผู้ผลิตใน USA ผมลองไปเลือกทั้งสองแบบนะครับ

1. ตัวเริ่มต้น C-SEGMENT และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 850 k THB, C Segment ราคา US = 700 k THB (21 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

2. ตัวกลาง C-SEGMENT (พยายามปรับให้เข้ากับเสปคขายไทย) และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 950 k THB, C Segment ราคา US = 750 k THB (22.5 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

จากทั้งสองกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่า

1. ความแตกต่างราคา C-Segment และ D-Segment เมืองไทย แตกต่างประมาณ 5-6 แสน แต่เมืองนอกต่างเพียง 0.8-1.5 แสน
2. ราคาขายของ C-Segment ในไทยใกล้เคียงกับ US ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริงมากกว่า D-Segment ซึ่งผมมองว่าการเซ็ทราคาของ D-Segment ในไทนเพื่อเอาใจความเป็นรถหรู ถึงต้องทำราคามาเป็นแบบนี้
3. กำไรของ D-Segment ในไทยคงจะมากกว่า US พอสมควรซึ่งเมื่อเทียบ C-->D (ไทย) = +55%, C-->D (US) = +13% แต่ด้วย Position ของ D-Segment ทำให้ความต่างของราคากลายเป็นความพรีเมี่ยมไป

สรุปแล้ว ผมว่าคนไทยบริโภค D-Segment แพงเกินไปครับ ถ้าเอาราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็น C-->D = +20% ซึ่งผมว่าเหมาะสมเพราะกำไรมากกว่า US นิดหน่อย ซึ่งราคาน่าจะต่างแค่ประมาณ 200 k THB ครับ

ปล. รุ่นที่ผมเอามาเทียบพยายามเลือกรุ่นที่ความจุกระบอกสูบและความกว้างตัวรถเท่าๆกันใน C Segment และ D Segment เพื่อพยายามตัดปัจจัยเรื่องการจ่ายภาษีออกไป
ปล2. ราคาที่ US ราคาตัวทอป C-Segement นี่แพงกว่าตัวเริ่มต้น D Segment อีกนะครับ น่าจะได้ กลาง-ล่าง ของ D Segement
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: XyteBlaster ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 15:20:42
ตอบตามกระแส ที่ใช้ c-seg -> d-seg -> premium c (merc)

ผมคิดว่าความคุ้มค่าอยู่ที่การใช้งานครับ   แน่นอน dseg โดยรวมแล้วมันดีกว่า c แน่ ๆ ยกเว้นบางสถานการณ์ เช่น ขับขึ้นตึกจอดรถในเมือง หรือเข้าซอยหาที่จอดแคบ ๆ  เพียงแต่ว่าเราต้องเทียบกับ c ตัว top ที่จะให้ข้าวของมาเท่า ๆ กับ d ตัวเริ่มนะครับ เอาไปเทียบ c ตัวกลาง ดูมันจะของโหวง ๆ ไปนิด ซึ่งถ้ามาเทียบ c top แล้วราคามันห่างกัน ราว 2-3 แสน ก็ถือว่าไม่มากเท่าไหร่นะครับ กับสิ่งที่ได้มาเพิ่ม

อุปกรณ์บางอย่างที่ผมชอบใช้ แต่ c ตัวกลางไม่มีมาให้ก็เช่น memory seat , ม่านหลัง ม่านข้าง , connected phone , แอร์แบครอบคัน(c บางรุ่นไม่รอบ) การใช้วัสดุภายในที่ดีกว่า แล้วก็คุณภาพการโดยสารเวลาขับไกล ๆ พร้อมสัมภาระ มหาศาลของเด็ก สำหรับผมแล้ว คุ้มค่าที่จะเพิ่มตังไป d seg ครับ

หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 15:22:23
ถ้าเน้นความสบายในการโดยสาร จะระยะทางใกล้หรือไกล รถติดๆในเมือง วิ่งไกลๆระหว่างเมือง ความเร็ว 0-120 และมีคนนั่งด้านหลังเป็นประจำ D-Seg คือตอบโจทย์มากๆครับ

ถ้าตามโจทย์ด้านบน ผมไม่กลับไปมอง C Seg อีกเลย ถึงแม้ราคาจะห่างกันเกินไปอย่างที่เป็นอยู่

ปล. ส่วนตัวลองมาหมดครับก่อนซื้อ D-Seg ตั้งแต่ C-Seg SUV PPV  ไปจนถึงรถยุโรป จบที่ D-Seg โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: voyager ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 15:43:09
แล้วแต่รุ่นเลยครับ
อย่าง BMW F30-->F10 ส่วนตัวคิดว่าไม่คุ้มเท่าไร
แต่ F30-->G30 นี่ขับดี้ดี นุ่มนวล เงียบ นั่งสบาย ติดใจ คุ้มค่าครับ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: PREM ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 15:44:50
อันนี้เสริมจากหัวข้อนะครับ พอดีไปหาข้อมูลรถยี่ฮ้อหนึ่งที่ขายในเมืองไทยทั้ง C และ D Segment จากเว็บไซท์ของผู้ผลิตใน USA ผมลองไปเลือกทั้งสองแบบนะครับ

1. ตัวเริ่มต้น C-SEGMENT และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 850 k THB, C Segment ราคา US = 700 k THB (21 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

2. ตัวกลาง C-SEGMENT (พยายามปรับให้เข้ากับเสปคขายไทย) และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 950 k THB, C Segment ราคา US = 750 k THB (22.5 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

จากทั้งสองกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่า

1. ความแตกต่างราคา C-Segment และ D-Segment เมืองไทย แตกต่างประมาณ 5-6 แสน แต่เมืองนอกต่างเพียง 0.8-1.5 แสน
2. ราคาขายของ C-Segment ในไทยใกล้เคียงกับ US ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริงมากกว่า D-Segment ซึ่งผมมองว่าการเซ็ทราคาของ D-Segment ในไทนเพื่อเอาใจความเป็นรถหรู ถึงต้องทำราคามาเป็นแบบนี้
3. กำไรของ D-Segment ในไทยคงจะมากกว่า US พอสมควรซึ่งเมื่อเทียบ C-->D (ไทย) = +55%, C-->D (US) = +13% แต่ด้วย Position ของ D-Segment ทำให้ความต่างของราคากลายเป็นความพรีเมี่ยมไป

สรุปแล้ว ผมว่าคนไทยบริโภค D-Segment แพงเกินไปครับ ถ้าเอาราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็น C-->D = +20% ซึ่งผมว่าเหมาะสมเพราะกำไรมากกว่า US นิดหน่อย ซึ่งราคาน่าจะต่างแค่ประมาณ 200 k THB ครับ

ปล. รุ่นที่ผมเอามาเทียบพยายามเลือกรุ่นที่ความจุกระบอกสูบและความกว้างตัวรถเท่าๆกันใน C Segment และ D Segment เพื่อพยายามตัดปัจจัยเรื่องการจ่ายภาษีออกไป
ปล2. ราคาที่ US ราคาตัวทอป C-Segement นี่แพงกว่าตัวเริ่มต้น D Segment อีกนะครับ น่าจะได้ กลาง-ล่าง ของ D Segement

เห็นด้วยตามนี้ครับ ว่า D-seg เมืองไทยตั้งราคาเวอร์ไป
ที่อเมริการถแต่ละ segment ราคาจะเหลื่อมๆ กัน คือรุ่นบน segment ล่าง ราคาแพงกว่ารุ่นล่าง segment บน

ของไทยนี่เปิดตัวรุ่นใหม่ก็ดันราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เจอปรับภาษีปี 59 ก็ดันขึ้นไปอีก
Camry XV70 2.0 รุ่นใหม่ออกมา มลพิษลด เติม E85 ได้ ภาษีถูกลง 10% แต่ดันราคาขึ้นอีก 4.5 หมื่นซะงั้น
ลอง Camry 2.0, Accord 2.0 เหลือ 1,200,000 เหมือนเมื่อก่อนดู คงวิ่งกันเต็มเมือง
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: h0661036 ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 15:54:29
ถ้าขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ ใช้ c segment  คล่องตัวกว่านะครับ   ประหยัดน้ำมันกว่าด้วย  หาที่จอดก็ง่าย
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Salmon ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 16:30:28
อันนี้เสริมจากหัวข้อนะครับ พอดีไปหาข้อมูลรถยี่ฮ้อหนึ่งที่ขายในเมืองไทยทั้ง C และ D Segment จากเว็บไซท์ของผู้ผลิตใน USA ผมลองไปเลือกทั้งสองแบบนะครับ

1. ตัวเริ่มต้น C-SEGMENT และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 850 k THB, C Segment ราคา US = 700 k THB (21 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

2. ตัวกลาง C-SEGMENT (พยายามปรับให้เข้ากับเสปคขายไทย) และ ตัวเริ่มต้น D-SEGMENT ราคาตามลำดับดังนี้ครับ

C Segment ราคาไทย = 950 k THB, C Segment ราคา US = 750 k THB (22.5 k USD)
D Degment ราคาไทย = 1400 k THB, D Segment ราคา US = 820 k THB (24.5 k USD)

จากทั้งสองกรณีศึกษาจะเห็นได้ว่า

1. ความแตกต่างราคา C-Segment และ D-Segment เมืองไทย แตกต่างประมาณ 5-6 แสน แต่เมืองนอกต่างเพียง 0.8-1.5 แสน
2. ราคาขายของ C-Segment ในไทยใกล้เคียงกับ US ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับต้นทุนที่แท้จริงมากกว่า D-Segment ซึ่งผมมองว่าการเซ็ทราคาของ D-Segment ในไทนเพื่อเอาใจความเป็นรถหรู ถึงต้องทำราคามาเป็นแบบนี้
3. กำไรของ D-Segment ในไทยคงจะมากกว่า US พอสมควรซึ่งเมื่อเทียบ C-->D (ไทย) = +55%, C-->D (US) = +13% แต่ด้วย Position ของ D-Segment ทำให้ความต่างของราคากลายเป็นความพรีเมี่ยมไป

สรุปแล้ว ผมว่าคนไทยบริโภค D-Segment แพงเกินไปครับ ถ้าเอาราคาที่เหมาะสมน่าจะเป็น C-->D = +20% ซึ่งผมว่าเหมาะสมเพราะกำไรมากกว่า US นิดหน่อย ซึ่งราคาน่าจะต่างแค่ประมาณ 200 k THB ครับ

ปล. รุ่นที่ผมเอามาเทียบพยายามเลือกรุ่นที่ความจุกระบอกสูบและความกว้างตัวรถเท่าๆกันใน C Segment และ D Segment เพื่อพยายามตัดปัจจัยเรื่องการจ่ายภาษีออกไป
ปล2. ราคาที่ US ราคาตัวทอป C-Segement นี่แพงกว่าตัวเริ่มต้น D Segment อีกนะครับ น่าจะได้ กลาง-ล่าง ของ D Segement

เห็นด้วยตามนี้ครับ ว่า D-seg เมืองไทยตั้งราคาเวอร์ไป
ที่อเมริการถแต่ละ segment ราคาจะเหลื่อมๆ กัน คือรุ่นบน segment ล่าง ราคาแพงกว่ารุ่นล่าง segment บน

ของไทยนี่เปิดตัวรุ่นใหม่ก็ดันราคาขึ้นไปเรื่อยๆ เจอปรับภาษีปี 59 ก็ดันขึ้นไปอีก
Camry XV70 2.0 รุ่นใหม่ออกมา มลพิษลด เติม E85 ได้ ภาษีถูกลง 10% แต่ดันราคาขึ้นอีก 4.5 หมื่นซะงั้น
ลอง Camry 2.0, Accord 2.0 เหลือ 1,200,000 เหมือนเมื่อก่อนดู คงวิ่งกันเต็มเมือง

เห็นด้วยครับ ถ้าราคาไทยไม่ผิดเพี้ยน คนไทยคงได้ใช้รถดีๆ เหมือนไตหวัน หรือ จีน ที่ใช้แต่ C , D segment ไม่ค่อยเห็นวีออส ยาริส หรือแจ๊ส
ประเทศพวกนี้เขาไม่นิยมเลย แท็กซี่เป็น แคมรี่เต็มเมือง เบนซ์แท็กซี่ ก็มี
คนไต้หวันเขาไม่ได้มองแคมรี่เป็นรถหรูเลยเด็กๆวัยรุ่นบ้านๆก็เห็นขี่กันเต็มเมือง

ประเทศไทยอะไรก็เพี้ยนไปหมด อดใช้ของดีๆ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 16:41:42
ความคุ้มค่า ต้องมีรายละเอียดครับ ว่าคุ้มค่าในยัง เพราะในแต่ละคน ความคุ้มค่า ไม่เหมือนกัน

สำหรับผม ถ้าเทียบกันระหว่าง C และ D ที่มีในเมืองไทยนะ ผมมองไปที่
1. ตัวถังรถใหญ่กว่าเป็นหลักเลย
2. นั่งสบายกว่าทั้งแถวหน้าและแถวหลัง
3. ภายใน การตกแต่ง D ดูดีกว่า C
4. ออฟชั่น D ได้เยอะกว่า C (ยี่ห้อเดียวกันที่มีทั้ง C และ D)

สุดท้ายมาเทียบกับตัวเงินว่า คุ้มกับที่จ่ายไปไหม แล้ว คำตอบ มันจะมาเอง

ส่วนตัว ถ้าจ่ายเงินซื้อ D ไหว ผมเอา D เลยครับ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: nuntapon.s ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 16:54:22
ไม่คุ้มครับ  แต่ผมก็ยังซื้อD
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: stm ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 17:21:02
C คุ้มกว่าอยู่แล้ว แต่ D สุนทรีย์กว่า  ผมชอบ C เครื่องแรงมากกว่า D เครื่องอืด แต่ถ้างบเยอะ เอา D แรงๆครับ :-X
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: ไทบ้าน ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 17:26:02
สมรรถนะ ความหรูหรา ความปลอดภัย  ทำให้ Camry Hybrid มีราคาเท่ากับ Altis  2 คัน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Nerdys ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 20:00:07
D คุ้มกว่า แต่ต้องเครื่อง 2.5 เท่านั้น
ถ้าครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบ C ขยายร่างใส่เครื่อง 2.0 จะรู้สึกเครียดๆ เกร็งๆ ต้องเค้นกำลังอยู่ตลอด เวลาขับนถนน 2 เลนรถสวน
การได้การเก็บเสียงที่ดี นั่งสบาย ผ่อนคลาย มั่นคงที่ความเร็วค่อนข้างสูง Cruising ไปเรื่อยๆ ก็ควรมากับกำลังเครื่องที่สั่งได้ดั่งใจ

สรุป
ถ้า C--->D เครื่อง 2.0 ผมใช้ C ต่อดีกว่า ถ้างบไม่ถึงเครื่อง 2.5 นะ
แต่ถ้า C---->D เครื่อง 2.5 ผมไป D แน่นอน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 20:34:27
สำหรับผมไม่คุ้ม แต่ถ้าจ่ายไหวผมจ่ายนะ
จริงๆDsegmentเป็นรถที่ใหญ่เกินจำเป็น แต่หลายๆอย่างมันดีกว่าCsegmentชัดเจน
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: DriveOnly ที่ พฤศจิกายน 05, 2018, 22:08:56
ความคุ้มค่าสำหรับผมคือซื้อมาแล้วได้ใช้ตามความต้องการของเรา ใช้แล้วมีความสุข ราคารถไม่เกินตัว ผมก็ยอมจ่าย
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: BN` ที่ พฤศจิกายน 06, 2018, 00:05:12
คุ้มที่สุดคือ D-Segment มือสองครับ ยิ่งถ้าตอนนี้มีงบ 6-7 แสนก็ได้รถปี 2014 up แล้วครับ

ความใหม่ก็ไม่ค่อยแตกต่างจากโฉมใหม่ๆที่กำลังจะมาในอนาคตมากนัก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถหารถดีๆสภาพสวยๆได้มั้ย ถ้าหาได้ก็คือ คุ้ม :D
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ พฤศจิกายน 06, 2018, 07:56:45
D ขยับหนีขึ้นไปครับ แล้วพอ C ใหม่มา ก็จะขยับขึ้นไปเองแหละครับ
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: G.K ที่ พฤศจิกายน 06, 2018, 11:40:48
ราคารถบ้านเรามัน overprice ครับ D-Segmentแต่เดิมมีการแยกตัวถังเป็นของฝั่งเอเชียโดยเฉพาะ ลักษณะของรถจึงเป็น D-seg Premium ภายในมีความหรูหรา ราคาจึงค่อนข้างแพง แต่ฝั่งอเมริกาเค้าจะเน้นแค่สมรรถนะในรถคลาสนี้ คุณภาพวัสดุและงานออกแบบก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียง C Segment และของเค้าได้เครื่อง 2.5 เป็นตัวล่าง 3.5 V6 หรือ 2.0 turbo เป็นตัวบน ราคาไม่ถึงล้าน ลักษณะของรถมันเลยต่างจาก C seg นิดเดียว

พอรวมเป็น Global Model ก็ยิ่งไม่คุ่มค่ากับราคาเข้าไปใหญ่ รถภายในธรรมดาๆ เครื่องเล็ก ราคาแพงเว่อ ด้วยเหตุนี้ตลาด D-Seg ในเมืองไทยจึงหดตัวลงเรื่อยๆ เพราะผู้ผลิตผลิตรถมาไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: CarameLon ที่ พฤศจิกายน 07, 2018, 14:56:32
คิดว่าถ้ารถเมืองไทยราคาถูกกว่านี้ คงไม่มีพื้นที่บนถนนให้วิ่งขับได้เพียงพอ แน่นอน
ส่วนเรื่องความคุ้มค่า ไม่รู้ทำไมต้องถามแบบนี้ เพราะความคุ้มค่าของคุณกับผมมันไม่ใช่ตัวเดียวกันแน่นอน
 8) 8) 8)
หัวข้อ: Re: C Segment --> D segment
เริ่มหัวข้อโดย: urangutang ที่ พฤศจิกายน 11, 2018, 22:56:28
ผมคิดว่าความหรูหราภายในที่ต่างกันระหว่าง C กับ D ก็แตกต่างกันมาตั้งนานแล้วนะครับ เช่น Teana J31 Accord G7
ส่วนราคาผมว่า C segment ก็เริ่มขยับในตัวรุ่นท๊อปที่เริ่มขยับถึง 1.2 ล้าน ส่วนรุ่นกลาง-ล่าง ผมว่าราคายังไม่ค่อยขยับเท่าไหร่
แต่ถ้าเป็น D segment นี่ราคขยับตั้งแต่รุ่นล่างเลย แต่ก่อน D segment ตัวเริ่มต้น 1.2X ล้าน ก็ซื้อได้แล้ว