Headlight Magazine : community
General => User's Voice => ข้อความที่เริ่มโดย: akewizard ที่ พฤศจิกายน 18, 2018, 22:55:00
-
สวัสดีครับ
ช่วงนี้กำลังจะพ้นหน้าฝนเข้าหน้าหนาว ประกอบกับรถผมถึงเวลาที่อยากจะเปลี่ยนยางพอดีจึงดูยางไว้ 2 รุ่น 2 ยี่ห้อ
สุดท้ายจึงเลือก Primacy มาลองใช้แทนยางเดิมเนื่องจากเป็นยางใหม่ที่กำลังมาแรง และเป็นการต่อยางจากรุ่นเดิมยอดนิยมอย่าง Primacy 3st ด้วย
กระทู้ก่อนหน้าผมเคยมารีวิวยางกึ่ง Sport ยี่ห้อ Vredestein-Ultrac satin ไว้ รับชมได้ตามนี้ครับ
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60360.0 (http://community.headlightmag.com/index.php?topic=60360.0)
กระทู้นี้ขอเกริ่นว่าเป็น Preview นะครับเพราะพึ่งใช้กับระยะทางไม่มาก 3000 กม.ภายในเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา
ได้ทดลองวิ่งทั้งในเมือง กทม. และออกต่างจังหวัดไปเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน เจอสภาพถนนและอากาศหลายรูปแบบพอตัว
-
ผมจะขอเปรียบเทียบกับยาง Primacy 3 st เป็นหลักนะครับเพราะเป็นยางที่เคยใช้มาก่อนและเป็นยางยอดนิยมรุ่นหนึ่ง
น่าจะช่วยให้เปรียบเทียบสมรรถนะกับ Primacy 4 ได้ง่ายขึ้น
--- First Impression
แวบแรกที่ใส่ยางแล้วลองวิ่งบนถนนในเมืองทั้งทางปูนและทางราดยาง พบว่ายางนุ่มดี แต่รู้สึกว่าเสียงไม่ได้เงียบมากเท่าที่หวังไว้สักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะยางยังไม่เข้าที่ดี
หน้าตาแก้มยางสำหรับผมถือว่าดูดีใช้ได้ ลวดลายแก้มยางดูคล้ายกับ Pilot sport 4 ซึ่งเป็นยาง Performance เลยทำให้รถดูแอบซึ่งหน่อยๆ
ช่วงวันแรกๆที่ใส่ยางมามีฝนตกหนัก จึงได้ลองใช้ความเร็วบ้างบนถนน highway ลาดยางอย่างกาญจนาภิเษก 120-130 km/h ก็ดูมั่นคงหนักแน่นดี ไม่เจออาการแฉลบผิวน้ำแต่อย่างใด
ในช่วงทางโค้งลักษณะวนขึ้น วงลงทางด่วน ลดเดินคันเร่งขึ้นไปให้ได้ความเร็วสัก 80-90 km/h มีอาการไถลลื่นนิดๆคล้ายกับท้ายรถพยายามจะกวาดออก (แต่ยังไม่ออก)
**ปกติผมไม่ได้ขับเร็ว แต่แค่อยากลองดูสภาพยางว่ามันจะได้สักแค่ไหน และช่วงที่ลองผมจะเลือกช่วงที่รถน้อยๆหรือไม่มีรถอยู่ในระยะใกล้เคียงเพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายที่จะเกิดขึ้น**
-
หลังจากวิ่ง Run-in จนยางน่าจะเข้าที่ ถ่วงล้อ ตั้งศูนย์ทุกอย่างเรียบร้อย และได้ลองไปออกทริปเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอนมา
เจอสภาพถนนหลากรูปแบบ จนน่าจะพอบอกเล่าเกี่ยวกับยางสรุปได้ดังนี้ครับ
Spec ยาง 235/50/18 ลมยาง 34
--- ความนุ่มโดยรวม
ความนุ่มของยางโดยรวมถือว่าดีขึ้นจาก Primacy 3 st พอสมควร ส่วนที่เด่นกว่าเดิมจะเป็นเรื่องของการเก็บแรงสะเทือนเล็กๆน้อยจากผิวถนนและการเก็บแรงสะเทือนจากรอยตะเข็บถนนต่างๆ
แต่หากเจอรอยปูดถนนคมๆ ก็จะมีอาการตึงตังบ้างไม่ต่างจาก 3st นัก
การวิ่งบนถนนปูนที่ไม่ได้เรียบมากนักที่ความเร็ว 60-70 ทำได้ดี ให้ความรู้สึกราบเรียบมากขึ้นไม่ค่อยกระเด้งกระดอนเท่าไหร่ รู้สึกว่ารถทรงตัวได้ดีขึ้น
บนถนนลาดยางให้ความรู้สึกราบเรียบดี อาจจะสัมผัสความหยาบของถนนได้บ้างบางช่วงแต่ไม่มาก เวลาเจอรอยปูดหรือรอยปะยางมะตอยผิวถนนที่วคามเร็วสูงก็ไม่ตึงตัง ไม่กระเด้งกระดอนมากนัก
--- ความเงียบ
ถ้าวิ่งถนนตามถนนในเมืองเช่น กทม. จะรู้สึกว่ายางไม่ค่อยเงียบเท่าไหร่เพราะถนนจะทำผิวมาค่อนข้างหยาบ (ป้องกันการลื่นเมื่อฝนตก)
และที่ความเร็ว 70-90 km/h ตัวยางจะแอบส่งเสียงหึ่งๆเบาๆภายในซุ้มล้อซึ่งจะเกิดกับผิวถนนบางประเภทเท่านั้น ถ้าเป็นคนที่ชั่งจับผิดหน่อยจะได้ยินเสียงแบบนี้รบกวนบ้าง
แต่ถ้าออกต่างจังหวัดที่เป็นถนนลาดยางเรียบๆ ยางจะค่อนข้างเงียบและอาจจะเงียบกว่า 3st ด้วย เมื่อวิ่งถนนปูนด้วยความเร็วมากกว่า 100 Km/h ก็ไม่ถึงกับเสียงดัง
โดยรวมผมให้เงียบกว่า 3st...
-
--- การเกาะถนน
ถนนแห้ง ถือว่าเกาะถนนค่อนข้างดีทั้งทางลาดยางและทางปูน ผมสามารถใช้ความเร็วสูงได้ในระดับเดียวกับยางเดิมซึ่งเป็นยางกึ่ง Sport วิ่งลัดเลาะไปตามโค้งต่างๆบนทางด่วนหรือตามถนน Highway ต่างจังหวัด
แต่ถ้าไปเจอถนนโค้งที่ผิวไม่เรียบหรือมีรอยขรุขระที่ผิวถนน จะมีอาการรถสะบัดหรือไถลออกนอกแนวโค้งบ้าง ขึ้นอยู่กับความเร็วและความขรุขระของผิวถนน
(มีอยู่โค้งนึงแถวทางขึ้นดอยอินทนนท์ ผมวิ่งเข้าโค้งด้วยความเร็วประมาณ 70 แล้วปรากฎว่าด้านในโค้งถนนปูดเป็นเนินเล็กๆทำให้รถไถลออกนอกแนวโค้งจนระบบช่วยทรงตัวทำงาน)
ถนนเปียก ถ้าเป็นแบบที่ไม่มีน้ำขังเป็นแอ่งสามารถใช้ความเร็วได้อย่างมั่นใจในในระดับหนึ่ง หรือแม้แต่เข้าโค้งที่ถนนเปียกก็ใช้ความเร็วได้ในระดับใกล้เคียงกับตอนถนนแห้ง
** แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมแนะนำว่าควรใช้ความเร็วต่ำกว่าตอนถนนแห้งจะมั่นใจและปลอดภัยกว่า **
ถนนเปียก แบบที่มีดินโคลนละลายมากับน้ำด้วย
ถนนประเภทนี้จะพบได้ตามทางที่วิ่งผ่านป่าเขาช่วงฝนตก เกิดได้จากดินที่ละลายไหลมากับน้ำ และถนนที่มีดินฝุ่นเปื้อนอยู่แล้วขอบๆทางแล้วมาเจอฝนตกเข้าแล้วเกิดเป็นน้ำโคลน
เท่าที่ผมลองสังเกตุระยะเบรคเมื่อต้องผ่านทางเปียกๆโคลนๆแบบนี้ พบว่าระยะเบรคยาวขึ้นแบบสังเกตุได้ การเบรคก่อนเข้าโค้งจากความเร็ว 80 ลงมาเหลือสัก 30-40 ต้องออกแรงมากกว่าปกติพอสมควร
เพราะระยะเบรคมันยาวขึ้น ถึงแม้จะเป็นยางที่วิ่งถนนเปียกได้ดีแต่หากเจอถนนลักษณะนี้แนะนำว่าไม่ควรใช้ความเร็วมากนัก
ระยะเบรคทางเปียกปกติใกล้เคียงกับถนนแห้ง จะรู้สึกได้ว่ายางดูดถนนดีกว่า 3st หน่อย
--- แก้มยาง
แก้มยางของ Primacy 4 ผมขอใช้คำว่ารู้สึก Sport กว่า Primacy 3 st ขับแล้วสนุกขึ้นแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทำให้พวงมาลัยคมแบบพวกยางกึ่ง sport
แม้จะเติมลมยาง 34-35 แต่ก็ไม่ได้ทำให้แก้มยางแข็งขึ้นมากนัก ยังมีอาการเวลาเลี้ยวโค้งไวๆแล้วพวงมาลัยไปก่อนตัวรถถึงค่อยเลี้ยวตามมา บ้างนิดหน่อย
ผมอาศัยวิธีค่อยๆหมุนพวงมาลัยแบบค่อยเป็นค่อยไป ก็พอจะช่วยอาการตรงนี้ไปได้บ้าง
-
สรุปสั้นๆครับ........
ภาพรวมดีกว่า 3st ทุกด้าน คุณภาพใกล้เคียงยางที่ผลิตขายในยุโรปมาก (ยางเดิมชุดก่อนผมใช้ยาง Made in EU)
ราคาก็ใกล้เคียงกับรุ่นเดิม บางไซส์ถูกกว่าเดิมด้วย
ยางตัวนี้ผลทดสอบจากบางสำนักในยุโรปยกให้เป็นยางที่วิ่งทางเปียกได้ดีมากตัวนึงในตลาด
อันนี้ยกตัวอย่างจากผลทดสอบของ AutoNavigator จากเวป Tyre review
http://www.tyrereviews.co.uk/Article/2018-AutoNavigator-Summer-Tyre-Test.htm (http://www.tyrereviews.co.uk/Article/2018-AutoNavigator-Summer-Tyre-Test.htm)
ขอจบการ Preview เท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามครับ
หากมีคำถาม ข้อแนะนำ พูดคุย ก็เพิ่มเติมมาในกระทู้ได้เลย ผมยังคงเข้าในห้องนี้อยู่เรื่อยๆ
-
สอบถามว่า ยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลากลับรถแบบ 3ST อยู่มั้ยครับ
-
เคยได้ไปทดสอบยางตัวนี้อยู่ครั้งนึงเป็นงานที่ทางมิชลินจัดขึ้น เมื่อประมาณกลางปี
ในสถานีเบรกบนถนนเปียก กับ สถานีเปลี่ยนเลนแบบกระทันหันบนถนนเปียก จะทดสอบยางในขณะที่ยางใกล้หมดดอก ซึ่งยาง Primacy 4 จะทำได้ดีกว่ายางคู่แข่งพอสมควร
(https://uppic.cc/d/dhp) (https://uppic.cc/v/dhp)
-
สอบถามว่า ยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลากลับรถแบบ 3ST อยู่มั้ยครับ
ถ้าเป็นการกลับรถบนถนนทั้งทางปูนและลาดยางยังไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดให้ได้ยินครับ
หรือแม้แต่เวลาวิ่งทางขึ้นลงเขาที่เป็น U-Turn ชันๆแบบที่ต้องเลี้ยวเข้าโค้งไวๆแล้วเหยียบคันเร่งส่ง ก็ยังไม่มีเสียงหรืออาการลื่นแบบสลิป
แต่ผมใช้กับ Subaru XV ซึ่งเป็น Fulltime AWD เทียบกับรถขับ 2 ทั่วไปผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีอาการเหมือนกันรึเปล่าครับ
-
ขอบคุณสำหรับพรีวิวนะครับ ตอนนี้ผมก็สองจิตสองใจกับยางตัวนี้และ Bridgestone Turanza T005A ดูเหมือนจะค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ปกติใช้แต่ Yokohama Advan dB ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วครับ ยังตัดสินใจไม่ถูกเลย
-
ขอบคุณสำหรับพรีวิวนะครับ ตอนนี้ผมก็สองจิตสองใจกับยางตัวนี้และ Bridgestone Turanza T005A ดูเหมือนจะค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก ปกติใช้แต่ Yokohama Advan dB ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วครับ ยังตัดสินใจไม่ถูกเลย
โจทย์เดียวกันเลยครับ
แต่เพราะระยะเบรคทางเปียก Primacy4 ทำได้ดีกว่า
ผมเลยเลือก Primacy4 ครับ
-
เปลี่ยนใส่ Jazz GE ไปไม่นานนี้ เส้นเก่าเป็น Advan DB และก่อนหน้านี้ ก็เป็น 3ST
ก็อย่าง จขกท ว่า ครับ นุ่มขึ้น เก็บความสะเทือนได้ดีขึ้น เสียงถ้าเทียบ Advan DB ตอนใหม่ๆ ไม่หนีกัน (แต่ถ้าตอน advan db เก่าแล้ว เจ้า 4 กลับเงียบกว่า DB ไม่มากนัก)
-
สอบถามว่า ยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเวลากลับรถแบบ 3ST อยู่มั้ยครับ
ถ้าเป็นการกลับรถบนถนนทั้งทางปูนและลาดยางยังไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดให้ได้ยินครับ
หรือแม้แต่เวลาวิ่งทางขึ้นลงเขาที่เป็น U-Turn ชันๆแบบที่ต้องเลี้ยวเข้าโค้งไวๆแล้วเหยียบคันเร่งส่ง ก็ยังไม่มีเสียงหรืออาการลื่นแบบสลิป
แต่ผมใช้กับ Subaru XV ซึ่งเป็น Fulltime AWD เทียบกับรถขับ 2 ทั่วไปผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีอาการเหมือนกันรึเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
ปัญหาของผมกับ 3ST เดิมตอนนี้คือส่งเสียงร้องง่ายมาก
คือระดับ grip ยังเอาอยู่ แต่เสียงโหยหวนมาก่อนซะแล้ว ทำให้ขับแล้วไม่มั่นใจเลย