Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MoO Cnoe ที่ ธันวาคม 04, 2018, 18:55:22
-
Preview ผลทดสอบ อัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง Toyota Camry
2.5 G Dynamic Force 8AT : 1,589,000 บาท
พร้อมตารางเปรียบเทียบกับคู่แข่งใน Segment
อ่านข้อมูลทั้งหมดได้ที่นี่
http://www.headlightmag.com/preview-acce-fuel-toyota-camry-25-g-tnga/
(https://www.img.in.th/images/2092d8fabceef8e74a3aae36e7c8861f.jpg)
-
0-100 ดูจากตัวเลขทั้ง 4 ครั้ง 8.XX แต่ดันเฉลียออกมา 9.04
80-120 ทั้ง 4 ครั้งก็ออกมาที่ 5.XX แต่เฉลี่ยออกมาเป็น 6.75
น่าจะผิดพลาดครับ
-
ตัวเลขดีอยู่นะครับ ใช้ได้เลยแต่เลขเฉลี่ยเหมือนผิดนะครับ ขอบคุณนะครับ
-
อื้อหือ ประหยัดขึ้นจากตัวเดิม2โล/ลิตร แถมตัวเลขอัตราเร่งแทบไม่ได้แย่ลงเลย
-
0-100 เฉลี่ย 8.845
80-120 เฉลี่ย 5.72
อัตราเร่งเทียบเท่า Hybrid เลย
เป็นเครื่อง NA 2.5 ที่แรงมาก โดยเฉพาะ 80-120 ไล่ฆ่า GS200t 245 แรงม้า กับ premium ยุโรปได้สบาย
ตัวเลขข้างต้นผิดนะครับ คุณ MoO Cnoe แก้ไขแล้ว
-
อัตราเร่ง 0 100 km/h
8.85 sec
8.86 sec
8.85 sec
8.82 sec
เฉลี่ย 8.85 วินาที
อัตราเร่ง 80 120 km/h
5.75 sec
5.70 sec
5.71 sec
5.72 sec
เฉลี่ย 5.72 วินาที
นั่นมันหัวตารางเลยนะครับ
-
ถ้าให้เดา จากตัวเลขในตารางสรุป อัตราเร่งแต่ละครั้งเป็นตัวเลขของ HB แต่ค่าเฉลี่ยเป็นของ 2.5 เพราะจำได้ว่า 2.5 ตัวใหม่ อัตราเร่งใกล้เคียงกับ 2.5 ตัวเดิม สรุป ตัวเลขสลับกับ HB
-
ปิคอัพดันราง จูนไม่เต็มจริงนี่ ตามตั้งแต่ต้นเลยนะนั่น
-
ตัว 2.5 ล้อสวย
-
ไมล์อ่อนเท่ากันทุกรุ่น
-
D-SEGMENT Japan มาไกลมากเลยถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
เก๋งดีเซลพรีเมี่ยมไอที่มีแค่ 190แรงม้า เจอ D-SEG Japan จี้ได้ง่ายๆแล้วนะครัช มัวแต่ขายดีเซลจนเพี้ยนสโลแกนไปและ
-
ไม่แรงกว่าเดิม เพราะคิดว่ากำลังเหลือเฝือแล้วละ แต่ประหยัดกว่าเดิมดีงามมาก ช่วงล่างก็ดีกว่าเดิม
-
Dynamic Force เล่นเอาฉีดตรงค่ายอื่นดูกระจอกไปเลย ไม่อยากจะคิดว่า 1.8 Dynamic Force + Direct shift ของ Altis จะประหยัดขนาดไหน เผลอๆ มีแตะ 18 km/l
-
ตัวเลข งง
-
ล่าสุดแก้แล้ว ไปเอาเลข HB มาจริงๆด้วย
-
รอบเครื่องนี่พอๆกะดีเซลเลย
-
มันก็OKเลยครับรอตัวเครีอง2.5 ธรรมดาบ้างครับ
-
มันก็OKเลยครับรอตัวเครีอง2.5 ธรรมดาบ้างครับ
ก็นี่ก็ 2.5ธรรมดาแล้วง้าบ 2.0รึเปล่า
2.0อาจจะได้ 16ต้นๆเดา
-
มันก็OKเลยครับรอตัวเครีอง2.5 ธรรมดาบ้างครับ
ก็นี่ก็ 2.5ธรรมดาแล้วง้าบ 2.0รึเปล่า
2.0อาจจะได้ 16ต้นๆเดา
หุหุลีมดูนึกว่าตัวไฮบิตครับน่าจะเปนตัว2.0 ครับ
-
0-100 เฉลี่ย 8.845
80-120 เฉลี่ย 5.72
อัตราเร่งเทียบเท่า Hybrid เลย
เป็นเครื่อง NA 2.5 ที่แรงมาก โดยเฉพาะ 80-120 ไล่ฆ่า GS200t 245 แรงม้า กับ premium ยุโรปได้สบาย
[/quote0-100 เฉลี่ย 8.845
80-120 เฉลี่ย 5.72
อัตราเร่งเทียบเท่า Hybrid เลย
เป็นเครื่อง NA 2.5 ที่แรงมาก โดยเฉพาะ 80-120 ไล่ฆ่า GS200t 245 แรงม้า กับ premium ยุโรปได้สบาย
ค่าตัวเลขผิดครับ แต่พี่หมูแก้ใหม่แล้วครับ
-
มันก็OKเลยครับรอตัวเครีอง2.5 ธรรมดาบ้างครับ
ก็นี่ก็ 2.5ธรรมดาแล้วง้าบ 2.0รึเปล่า
2.0อาจจะได้ 16ต้นๆเดา
หุหุลีมดูนึกว่าตัวไฮบิตครับน่าจะเปนตัว2.0 ครับ
ไฮบริดก็มีแล้วพี่ ช้ากว่าเดิมติ้ดเดียว แต่อัตราเร่ง80-120ดีกว่าเดิมมาก ที่พีคคืออัตราสิ้นเปลืองสุดมาก
-
ดีงามเลยครับ รอชมเดอะคลิ๊ป :-*
-
D-SEGMENT Japan มาไกลมากเลยถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
เก๋งดีเซลพรีเมี่ยมไอที่มีแค่ 190แรงม้า เจอ D-SEG Japan จี้ได้ง่ายๆแล้วนะครัช มัวแต่ขายดีเซลจนเพี้ยนสโลแกนไปและ
เก๋งพรีเมี่ยมดีเซล 190ม้า ถ้าเทียบกับรุ่นตัวถังพอๆกัน เค้า 0-100 ออกตัวธรรมดาโหมด Sport (ไม่ใช้ Launch control) ได้ 8วิถ้วน
ถ้าทำ Launch control ได้ 7.5 วิ ความเร็วปลาย 235-238 km/h. อัตราเร่ง 80-120 ได้ 5วิปลาย ถึง 6วิ ถ้วน
แล้วที่สำคัญ ไมล์เค้าเพี้ยนแค่ 2-3% ส่วนแคมรี่ 5.5 - 6%
ไม่แน่ใจว่าจะสู้ไหวมั๊ยนะครับ แต่ก็คงไล่ได้เกือบๆละครับ พรีเมี่ยม 190ม้า คงหนีไม่ง่ายเท่าไหร่
แต่รถพรีเมี่ยมที่พูดถึงนั้นเค้าแรงม้าน้อยกว่านะครับ ตัวก็หนักกว่าแคมรี่
-
เป็นตามที่เมืองนอกทดสอบไว้จริงๆ ครับ คือช้ากว่าเดิมเล็กน้อย แต่ประหยัดขึ้นเยอะ(มาก)
-
จะรอดูว่า G10 1.5 Turbo จะได้ตัวเลขตัวไหนดีกว่า Camry 2.5 บ้าง
-
ประหยัดกว่า Jazz อีก
-
เยี่ยมเลยอัตราเร่งที่แตกต่างจากรุ่นเดิมแค่นี้ถือว่าไม่มีนัยสำคัญ
แต่อัตราสิ้นเปลือง +2kpl โหดมาก
-
แรงกำลังดี นั่งสบาย ดูดีสง่ากำลังดี
ประหยัดดี ซ่อมบำรุงง่ายดี
อยากได้มาวิ่งงาน
ลุ้นทุกงวดดด ฮ่าาาา
-
ประหยัดดีแฮะ
อัตราเร่ง สำหรับผมเหลือๆแล้ว
-
อย่าได้รถเร็วแล้วสิ อัตราเร่ง/สิ้นเปลือง คือได้เท่านี้ก็ดีใจแล้วครับ สำหรับผม
-
มาที่เพิ่มขึ้น 20 ตัว กับเกียร์ใหม่ ที่น่าจะทำได้ดีกว่าเดิม กลับไม่ทำให้ว้าวเท่าไรเพราะไม่ได้เร็วไปกว่าเดิมเลย ที่เลขอัตราการสิ้นเปลืองดีขึ้นเพราะวิ่งยาวๆ เกียร์มันเยอะมันก็ทดรอบต่ำได้ทำให้ดูประหยัด ขับจริงจะในหรือนอกเมืองผมกว่าพอกับของเดิมแหละ เผลอๆเซตเกียร์มาเน้นประหยัดเปลี่ยนเกียร์สูงเร็วถ้าแรงบิดรอบต่ำไม่มากพอทำให้ขับยากอีกต้องกดลึกกว่ารถจะวิ่ง
-
เท่านี้ก็เกินพอแล้วครับ อาจจะโดนล้อ 18" เข้าไปเลยไม่จี๊ดตามที่หลายๆคนต้องการ
รอดู 2.0 กับการการขับขี่ว่าจะดีขึ้นแต่ไหน
-
ต้องลองกลับมาใส่ล้อ17
-
ขับแบบรถติดๆก็เจอเลข 6โลลิตรอยู่ดี จะดีใจทำไม
-
อีนี้สงสัย รถออกแบบมี aerodynamic ที่ดี แรงม้าเยอะกว่า น้ำหนักก็เบากว่า เกียร์แยะทัดเทียม
ทำไมเร็วปลายถึงสู้ รถยุโรป 190 แรงม้าไม่ได้
-
ได้ผลทดสอบไปในทางเดียวกับสื่อต่างประเทศเลยครับ เครื่องใหม่เกียร์ใหม่ เทียบกับรุ่นเดิม ตัวเลขแรงม้าแรงบิดในกระดาษเพิ่ม ความเร็วกลับไม่เพิ่ม แต่ได้อัตราประหยัดน้ำมันที่ดีขึ้นเยอะ
เดาว่าขนาดล้อที่เพิ่มมา 1 นิ้วน่าจะมีผลบ้างล่ะครับ
ส่วนตัวไม่ชอบเครื่องนี้เท่าไร ถึงเรี่ยวแรงมันจะเหลือเฟือ แต่มันเสียงดังน่ารำคาญเกินไปครับ :'(
-
เกียร์8จังหวะลูกนี้เหมือนเซ็ตไว้เน้นประหยัดมากกว่า
วิ่งยาวๆประหยัดดีมากเพราะรอบค่ำ แต่ถ้าวิ่งในเมืองผมว่ากินเหมือนเดิม
เพราะmzd2ที่มช้อยู่วิ่งทางไกลประหยัดสุดยอด พอวิ่งในเมืองเผลอๆพอๆกับ1.5
-
ทำไมเกียร์มันเปลี่ยนขึ้นเร็วจังครับ มีแค่เกียร์สองที่ยอมลากถึง6,600รอบ อย่างนี้ถ้าเอาตามสเปคที่โฆษณาม้ามันก็ออกมาไม่หมดซีครับ
-
209 ม้า 250 N.m นี่ใกล้เคียงกับ 525i E60 เมื่อก่อนเลยครับ แต่ความแรง Camry น่าจะแรงกว่านะ
-
ทำไมเกียร์มันเปลี่ยนขึ้นเร็วจังครับ มีแค่เกียร์สองที่ยอมลากถึง6,600รอบ อย่างนี้ถ้าเอาตามสเปคที่โฆษณาม้ามันก็ออกมาไม่หมดซีครับ
พอจังหวะเกียร์เปลื่ยน รอบจะตกลงมาอยู่จุดที่แรงบิดสูงสุดพอดี เค้าถึงเซ็ทรอบมาแค่นั้นครับ
อัลติส 1.6/1.8 CVT ก็เป็นครับ พอถึง 6000 รอบ ก็ตัดลงมาเหลือ 5200-5400 ซึ่งเป็นรอบแรงบิดสูงสุดพอดี
-
สื่อจีนนำรุ่น Hybrid ของ Camry และ Accord มาทดสอบครับ ตัวเลขออกมาประมาณนี้ครับ
0-100 Accord ทำได้ 7.55 วินาที ส่วน Camry 8.31 วินาที
80-120 ทำได้เท่ากันที่ 5.40 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง L /100 km Camry ทำได้ 19.60 กม./ลิตร Accord ทำได้ 18.18 กม./ลิตร
-
ถ้าใส่ล้อ 17 สเป็คเดียวกับตัว hybrid อัตราเร่งน่าจะใกล้เคียงกันเข้าไปอีกครับ
-
รุ่นใหม่พัฒนามา ไม่ได้แรงขึ้นเลย....คืออะไร
-
2.5 น่าใช้มากมาย ::) ::) ::)
-
D-SEGMENT Japan มาไกลมากเลยถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
เก๋งดีเซลพรีเมี่ยมไอที่มีแค่ 190แรงม้า เจอ D-SEG Japan จี้ได้ง่ายๆแล้วนะครัช มัวแต่ขายดีเซลจนเพี้ยนสโลแกนไปและ
เก๋งพรีเมี่ยมดีเซล 190ม้า ถ้าเทียบกับรุ่นตัวถังพอๆกัน เค้า 0-100 ออกตัวธรรมดาโหมด Sport (ไม่ใช้ Launch control) ได้ 8วิถ้วน
ถ้าทำ Launch control ได้ 7.5 วิ ความเร็วปลาย 235-238 km/h. อัตราเร่ง 80-120 ได้ 5วิปลาย ถึง 6วิ ถ้วน
แล้วที่สำคัญ ไมล์เค้าเพี้ยนแค่ 2-3% ส่วนแคมรี่ 5.5 - 6%
ไม่แน่ใจว่าจะสู้ไหวมั๊ยนะครับ แต่ก็คงไล่ได้เกือบๆละครับ พรีเมี่ยม 190ม้า คงหนีไม่ง่ายเท่าไหร่
แต่รถพรีเมี่ยมที่พูดถึงนั้นเค้าแรงม้าน้อยกว่านะครับ ตัวก็หนักกว่าแคมรี่
รบกวนขอทราบรุ่นไหนด้วยครับ
หรือเอาข้อมูลไหนมาครับ
-
เทียบกับเก๋ง premium ไม่ได้หรอกครับ ขานั้นเขามี turbo ช่วงปั่นแรงบิด ถึงม้ารอบสูงๆจะพอๆกัน แต่แรงบิดที่มาเยอะและยาว ทำให้ Dseg ญี่ปุ่นที่ใช้เครื่องใหญ่แบบ camry ทำเวลาสู้ไม่ได้ รอดู accord ที่ว่าจะลงเครื่อง turbo แล้วกันครับว่าจะเป็นอย่างไร
-
D-SEGMENT Japan มาไกลมากเลยถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
เก๋งดีเซลพรีเมี่ยมไอที่มีแค่ 190แรงม้า เจอ D-SEG Japan จี้ได้ง่ายๆแล้วนะครัช มัวแต่ขายดีเซลจนเพี้ยนสโลแกนไปและ
เก๋งพรีเมี่ยมดีเซล 190ม้า ถ้าเทียบกับรุ่นตัวถังพอๆกัน เค้า 0-100 ออกตัวธรรมดาโหมด Sport (ไม่ใช้ Launch control) ได้ 8วิถ้วน
ถ้าทำ Launch control ได้ 7.5 วิ ความเร็วปลาย 235-238 km/h. อัตราเร่ง 80-120 ได้ 5วิปลาย ถึง 6วิ ถ้วน
แล้วที่สำคัญ ไมล์เค้าเพี้ยนแค่ 2-3% ส่วนแคมรี่ 5.5 - 6%
ไม่แน่ใจว่าจะสู้ไหวมั๊ยนะครับ แต่ก็คงไล่ได้เกือบๆละครับ พรีเมี่ยม 190ม้า คงหนีไม่ง่ายเท่าไหร่
แต่รถพรีเมี่ยมที่พูดถึงนั้นเค้าแรงม้าน้อยกว่านะครับ ตัวก็หนักกว่าแคมรี่
รบกวนขอทราบรุ่นไหนด้วยครับ
หรือเอาข้อมูลไหนมาครับ
ถ้าเป็น 190 ม้า รถพรีเมี่ยม ถ้าเอาตัวถังพอๆกัน (แต่น้ำหนักมากกว่า) ที่พอหาได้ง่ายตอนนี้มีตัวเดียวครับคือ BMW 520d G30
ผมก็เดาว่าท่าน razor พูดถึงตัวนี้ ส่วนฝั่งเบ๊นซ์จะเป็น E220d ซึ่งมันจะ 194 ม้า
ฺBMW 520d G30 คุณ koko86 เคยทดสอบไว้ครับ ผมเอามาแปะให้เลยแล้วกันครับ
ระยะเวลาจาก 80-120 กม/ชม ทั้งหมดสามครั้งโหมดสปอร์ต รวมเวลาคิกดาวน์จากเกียร์ 6 มาเกียร์4 ด้วย ได้ประมาณ 5.96 6.00 5.80 วินาที หากไม่รวมเวลาคิกดาวน์น่าจะได้เวลาเร็วกว่านี้อีกเล็กน้อย (อัดมาทั้งหมดสามคลิป เอาลงสองคลิป)
https://youtu.be/AwkK3YTSI6I
https://youtu.be/tVoNq60lPgI
ความเร็วสูงสุด 231 กม./ชม อาจไปได้อีก แต่เข็มขึ้นช้าและหมดทางเสียก่อน หลังความเร็ว 160 กม/ชม ความเร็วเริ่มขึ้นช้าลงไปเรื่อยๆ
ความเร็วสูงสุด ท่าน koko86 บอกว่าเคยขึ้นไปได้ 231 กม./ชม และอาจไปได้อีก แต่เข็มขึ้นช้าและหมดทางเสียก่อน
ก็ฟังดูเมคเซ้นกับที่โรงงานเคลมไว้ที่ 235 กม./ชม. ครับ
แต่ที่ฝรั่งทำไว้บน Auto bahn ทำได้ที่ 238 กม./ชม. ครับ (ดูในคลิปนาทีที่ 7.12) แต่คงลากยาวน่าดู ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ
แค่ก็คือไปถึง
https://www.youtube.com/watch?v=qEOeZ6SceSU&t=439s
ทำ 0-100 ใช้ Launch control ได้ราวๆ 7.4 วินาที
https://www.youtube.com/watch?v=vG13BXKFtfs
เจ้านี้ได้ 7.56 วินาที
https://www.youtube.com/watch?v=IKqgasj4NH0
อันนี้คลิปของคนไทยทีมงาน Bimmer-th ทำ 0-100 โดย"ไม่ใช้" Launch control (เข้าเกียร์แล้วกดคันเร่งไปธรรมดา)
ทำได้ราวๆ 8 วินาทีถ้วนๆ (รวมเวลาดีเลย์คันเร่งด้วย)
https://www.youtube.com/watch?v=5El-lvmOwlE
โดยธรรมชาติ การทดสอบแต่ละครั้งอาจมีการคลาดเลื่อนไปบ้าง + - 0.2วิ เป็นเรื่องปกติครับ
แต่ถึงจะบวกไป 0.2วิ ก็ยังเร็วกว่าแคมรี่ 2.5 209ม้า อยู่ดีครับ หรือไม่ก็ใกล้เคียง
แต่ช่วงปลายยังห่างกันเยอะ ยิ่งเห็นว่าแคมรี่ไมล์อ่อนค่อนข้างมากด้วย ยิ่งไปกันใหญ่
อันนี้คือเทียบกับ 520d ที่ม้าน้อยกว่า 19ตัว และหนักกว่าร่วมร้อยโลน่ะครับ ซึ่งจะให้แฟร์จริงๆ
ต้องไปเทียบกับ 320d 190ม้า ซึ่งน้ำหนักตัวใกล้เคียงแคมรี่ ทั้งอัตราเร่งและความเร็วจะยิ่งห่างไปอีกครับ
แต่ก็ไม่แปลกครับ มันเป็นงี้มานานแล้ว จนมีคนพูดกันเล่นๆว่าม้ายุโรปมันแข็งแรงกว่าม้าญี่ปุ่นครับ ฮร่าๆ
ปล. เจตนาเป็นการพูดให้เป็นความรู้ทางวิศกรรมยานยนต์น่ะครับ ไม่ได้มาเข้าค้างรถประเภทใดประเภทหนึ่ง
ตัวผมเองก็ใช้แคมรี่ครับ แต่ในเมื่อเค้ามีการพิสูจน์ให้เห้นได้ว่าทางฝั่งยุโรปทำเรื่องนี้ได้ดีกว่าจริๆก็ต้องยอมรับครับ
-
ถ้าจะเทียบกำลังรถ อาจจะต้องดูที่กราฟพละกำลังของเครื่องโดยรวมด้วยครับ
Diesel turbo ของ BMW ม้า 190 ก็จริง แต่แรงบิดหรือ Torque ที่มาเต็มกำลังตั้งแต่รอบต่ำๆ มันก็ช่วยช่วงรอบต้นได้พอสมควร
ขณะที่ Camry 2.5 NA กำลังเครื่องมาเต็มที่รอบปลายๆ ก็ต้องออกแบบเกียร์ให้ช่วยทดแรงที่รอบต้น แล้วมาตัดต่อกำลังช่วง power band ย่านสูงสุด
ในความรู้สึกเราจะชอบให้กำลังเครื่องมาเร็วๆไม่ต้องเค้นมาก จึงจะรู้สึกได้ว่ารถมีกำลังเครื่องที่ดี
-
ได้เท่านี้ก็โอเคกับขนาดรถที่เพิ่มครับ
-
ประหยัดขึ้นเยอะเลย ทั้งๆที่ล้อใหญ่ขึ้น
-
หลายๆ เมนท์บอกขนาดล้อเพิ่มจากเดิม 1 นิ้วเลยส่งผล 1 นิ้วก็จริง แต่แก้มยางก็เตี้ยกว่า วัดเส้นผ่านศูนย์กลางจริงๆ ผมว่าแทบไม่ต่างกัน 17 แก้มยางสูง 18 แก้มยางเตี้ย ชดเชยกันไป
-
ขับแบบรถติดๆก็เจอเลข 6โลลิตรอยู่ดี จะดีใจทำไม
ไม่ใช่ทุกคนขับในเมืองรถติดๆนะ แหม
-
หลายๆ เมนท์บอกขนาดล้อเพิ่มจากเดิม 1 นิ้วเลยส่งผล 1 นิ้วก็จริง แต่แก้มยางก็เตี้ยกว่า วัดเส้นผ่านศูนย์กลางจริงๆ ผมว่าแทบไม่ต่างกัน 17 แก้มยางสูง 18 แก้มยางเตี้ย ชดเชยกันไป
เคสนี้คือน้ำหนักล้อครับ ที่จะทำให้มันอืด/เปลืองน้ำมันมากขึ้น
-
อัตราสิ้นเปลืองดีมากครับ