Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Kiangsak ที่ เมษายน 24, 2019, 10:39:44
-
สวัสดีครับ ตอนนี้ผมสนใจรถ BMW E39 และ Benz w124 คือจุดประสงค์จะเอามาใช้งานประจำวันเลย
(เป็นรถคันที่สอง) เลยอยากจะทราบความเห็นและข้อมูลจากผู้ใช้จริงหรือผู้มีประสบการณ์ในรถสองยี่ห้อนี้ครับ
ในเรื่องการซ่อมแซม อะไหล่ ราคาอะไหล่ต่างๆ จุดอ่อนของทั้งสองรุ่น ว่ามีอะไรบ้าง และถ้าเป็นตัวท่านเองจะเลือกใช้รุ่นไหนครับ โจทย์ของผมคือใช้งานวิ่งชานเมืองรถไม่ติด ใช้งานวันละประมาณ 40 กิโล โดยจะไม่ติดแก็สครับ
-
เอาเท่าที่ใช้มานะครับ e39 ภายนอกดูทันสมัยกว่าw124เยอะปัจจุบันก็ยังสวยอยู่ นิ่ม เงียบกว่าเบนซ์ c e สมัยใหม่ เครื่องยนต์กับเกียร์ของผมวาโนสคู่ ทนถึกซ่อมจบไม่งอแง แต่ตีนต้นอืดและเปลืองเชื้อเพลิงพอสมควร ระบบไฟฟ้าคันผมไม่ค่อยมีปัญหาจะมีก็หน้าจอตัวหนังสือขาดแล้วก็ชอบเตือน abs โน่นนี่ดับเครื่องสตาร์ทใหม่หายเฉย แอร์ถ้าเจอช่างที่รู้เรื่องจบง่ายเจอช่างงี่เง่ายาวเหมือนกัน(เจอมาแล้วแอร์ไม่เย็นเปลี่ยนซะจะหมดคันสุดท้ายเป็นที่หนามเตยตัวไม่กี่ตังค์)
ปล.ที่ต้องเจอแน่ๆ คือ 1.เบรคแล้วสั่นเจียรจานหายได้แป๊ปก็มาอีก แก้โดยเปลี่ยนจาน brembo rpm ของe39มีขาย คู่ละไม่กี่พัน
2. กาบเบาะคนขับหักเปลี่ยนปุ๊บก็หักอีกช่างมัน ที่เก็บของหลังเบาะหัก ที่วางแก้วน้ำหัก ที่เปิดฝาท้ายเหนียวติดมือ
3.หม้อน้ำไม่ทน เปลี่ยนบ่อย
-
W124 รถยุคเดียวกับมัน ต้องเป็น E34 ครับ
พอมาเป็น E39 ที่ใหม่กว่า ก็เลยจะได้เปรียบกว่า แต่สไตล์ BMW จะงอแงกว่านิดนึง ครับ
-
ถ้าเป็นรถยุโรปคันแรก ไป 124 เลยครับ
ถ้าเคยใช้มาก่อนแล้ว ก็พอไป E39 ได้
แต่ต้องศึกษา เลือกรุ่นดีๆทั้งคู่นะครับ บางรุ่นบางปีน่าซื้อ บางรุ่นบางปีก็ไม่น่าซื้อ
-
ด้านการขับขี่ผมคิดว่า e 39 น่าจะกิน w124 ในทุกแง่นะครับ
ส่วนด้านการซ่อมบำรุง w124 น่าจะง่ายและถูกกว่าเนื่องจากเทคโนโลยีเก่ากว่าพอสมควร แต่อาจจะต้องดูสภาพรถโดยรวมด้วย
-
ถ้า e39 ต้อง 530i ครับ
เครื่อง 6 สูบตัวนี้ กำลังดีมาก
วิ่งได้พอๆกับ e46 วางเครื่องเดียวกัน
ทั้งๆ ที่ใหญ่กว่า
ช่วงล่างเหนือกว่า w124/w210 แน่ๆ
เป็นหนึ่งใน ตระกูล 5 ที่ดีที่สุด
-
8) 8) 8)....วิ่งปรู๊ดปร๊าด high performance E-39 พ่วงค่าบำรุงรักษา 2-4 หมื่น/ปี W-124 standard performance ไม่หวือหวา แต่ซูเปอร์ทน ปีกนกหลังแบ่งทำ E-39 ได้ 2 คัน ค่าบำรุงรักษา เฉลี่ย 2 หมื่น บวก/ลบ : ปี ครับ :-X
-
E39 ต้องเทียบกับ W210 ครับ
เทียบกับ W124 ผมเลือก E39 ครับ
แต่คู่นี้จะเอามาเป็นรถใช้ประจำ ก็ควรจะหาอู่นอก เพื่อปรับสภาพชุดใหญ่ก่อนเอาออกมาใช้งานครับ เนื่องจากอายุรถเก่ามากแล้ว
-
น่าใช้ทั้งสองรุ่นครับ ถ้าเครื่องJZ turbo
-
ทั้งคู่การขับขี่ต่างกันมาก
e39 แน่นทั้งคัน ช่วงล่างกระชับมาก การตอบสนองช่วงล่างไว ท่านั่งจะจมๆ พวงมาลัยหนัก ช่วงออกตัวช้าหน่อย รวมๆแล้วขับสนุกเสียงเครื่องหวานดีครับ
w124 มันเป็นรถที่ขับสบายเพราะการออกแบบภายในโปร่งกว่าแม้ว่าขนาดจะเล็กกว่า 1 คลาส (e class ยุกเก่าแล็กพอๆกับc นะครับ) ท่านั่งแผงคอนโซลเรียบๆโล่งๆ เกียร์ยาวๆแต่บุคลิคมันก็น่าขับในแบบของมัน ทำให้จริงๆแล้วขับผ่อนคลายกว่า e39 มาก เรื่องการดูแลเครื่องง่ายๆไม่มีอะไร ส่วนภายในหาสวยๆได้ก็ใช้ได้สบายๆไม่มีอะไรให้ซ่อม
สุดท้ายที่อยากให้คิดดีๆคือการหามือสอง w124 ตอนนี้มันเก่ามากแล้ว และ e39 ที่เรียกว่าเป็น bmw ที่ถึกประมาณหนึ่งมันก็มีความซับซ้อนของชิ้นส่วนประกอบกันมาก มีอะไรให้ไล่เปลี่ยนเรื่อยๆ บอกเลยว่าค่อนข้างเหนื่อยต้องรักมันด้วย
-
ถ้าให้ความสำคัญด้านประหยัดเงิน ให้เลือก w124 ประหยัดกว่า แต่ e39 ระบบอิเลคโทรนิคก็ยังไม่มากเท่ารถสมัยนี้ ก็ไม่ได้ถึงกับซ่อมแพงมาก
ถ้าให้ความสำคัญด้าน handling ให้เลือก e39 handling ดีกว่าเยอะมากกกกก
ถ้าเป็นผม ผมชอบ handling ของ e39 มากๆ เลือกเอง ผมเลือก e39 แน่นอน โดยมองว่าค่าซ่อมที่มากกว่านั้นอยู่ในระดับที่รับได้
สังเกตดูว่า บทความทดสอบหรือรีวิวซีรี่ย์ 5 รุ่นใหม่กว่า e39 ไม่ว่าจะทดสอบ e60 f10 หรือ g30 ก็ยังมักเทียบไปถึง e39 ในทางชื่นชมเสมอๆ
-
E39 หน้าตาดีกว่าครับ ใช้แค่นั้นเลือกคันที่ชอบหน้าตาได้เลยครับ นานๆซ่อมที ::)
-
เทียบคนละ gen แบบนี้ e39 ชนะโลดครับ ต่อให้เทียบกับ w210 ผมก็เชียร์ e39
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
-
E39เป็นรถยุคเดียวกันกับw210ครับ ผมเคยใช้แต่210 e230กับ280ข้อเสียของรถยุคนี้คือเพิ่งจะเริ่มมีไฟฟ้าเยอะๆ ชอบรวน ไล่ยาก โดยบีเอ็มจะจุกจิกกว่าหน่อยเพราะลูกเล่นเยอะกว่า อีกข้อที่เหมือนกันคือเป็นยุคเริ่มของการ Recycleวัสดุ วัสดุภายในทั้งเหนียวและแตกกรอบง่ายมาก เบนซ์ผม2คันทั้งcbuและckd w210 ทั้งคู่เป็นเหมือนกันคือมือจับประตูเหนียว,หัก ท้าวแขนคอนโซลกลางเหนียว พลาสติกหน้าปัดแอร์แตก กาบบันไดแตก ประมาณนี้
ในขณะที่124ทีเคยใช้คือ300อี ตัวหลัง มันขับสู้อี39ไม่ได้แน่ แต่เป็นรถที่ไม่จุกจิก ขับกลางๆ แต่เบรคดี ช่วงล่างก็นั่งสบายไม่ย้วย วิ่ง200++สบาย เครื่องไม่มีอะไรจุกจิก มีแค่ตอนป้ายแดงดับกลางวิภาตอนรถติดมาๆไปทีนึงเกิดจากใส่ไดชาร์จมาเล็กไป เปลี่ยนลูกใหม่ใหญ่กว่าเดิมหาย อีกปัญหาคือยอยเพลากลางจพังง่ายหน่อยครับ ส่วนอีหน้าก็จะได้เครื่องทันสมัยกว่า แอร์แบค เกียร์5สปีดใน280
สำคัญสุดเลยคือรถรุ่นนี้อะไหล่หลังวัดโสมเยอะสุดๆและถูกมากๆครับ เป็นผมเลือก 124แบบไม่คิดมากเพราะมันไม่มีอะไรให้จุกจิก
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
ของพวกนี้เป็นโรคติดต่อครับ ผมเองยังคิดอยากจะทำโรงรถ หรือห้องเก็บของที่วางอะไหล่รถสวยๆแบบคุณturinเลย
ผมเคยเจ็บมาเยอะจริงๆกับe39 โดนอู่หลอกฟันเรื่องปั๊มติ๊กด้วย 30,000กว่าบาท เจ็บ...แต่ไม่จบ ช้ำครับ
-
W124
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
ของพวกนี้เป็นโรคติดต่อครับ ผมเองยังคิดอยากจะทำโรงรถ หรือห้องเก็บของที่วางอะไหล่รถสวยๆแบบคุณturinเลย
ผมเคยเจ็บมาเยอะจริงๆกับe39 โดนอู่หลอกฟันเรื่องปั๊มติ๊กด้วย 30,000กว่าบาท เจ็บ...แต่ไม่จบ ช้ำครับ
ผมก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ คุณ koko86 , คุณ Turin และอีกบางท่านในบอร์ดนี้ คอมเม้นท์คุณภาพ และมีวุฒิภาวะดีครับ เผอิญเล่นบอร์ดรถมานาน เคยเห็นเว็บอื่นที่สงสัยเด็กไม่มีมารยาทเยอะไปหน่อย 55 ไม่ได้มีรถรุ่นนั้นก็โม้ว่ามี พอผิดก็มักถอดล็อคอินใช้ร่างอวตารมาเถียงต่อ ในบอร์ดนี้ก็พอเห็นอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าที่อื่น
ตอนนี้เรื่องรถเลยคุยเฉพาะบอร์ดนี้บอร์ดเดียว และไปคุยเฉพาะในกลุ่มคนที่รู้จักกันในชีวิตจริง
เห็นราคาปั๊มติ๊ก e39 คุณ koko86 เลยไปค้นดูที่เคยบันทึกค่าซ่อม e39 คันที่เคยใช้ว่ามีเปลี่ยนบ้างรึเปล่า ปรากฎว่ามีเปลี่ยนเหมือนกัน 9,000 บาท จำไม่ได้แล้วว่าของประเภทไหนเพราะ 9 ปีมาแล้ว ขายไปนานแล้วคันนี้ ของผมตอนใช้ e39 มีอู่ประจำ ผมอยู่แถวถนนนราธิวาสแต่วิ่งไปเข้าอู่นอกแถวศรีนครินทร์ ซ่อมจบทุกอาการ เลยใช้บริการเรื่อยมา (ผมเรียก พี่สิทธิ เสียดายว่าแกเสียไปไม่นานมานี้) ราคาอะไหล่ต่างๆที่ซ่อมที่เห็นในรูปข้างล่าง เป็นราคาเมื่อปี 2010
พวกรถเก่านี่แล้วแต่คันว่าได้มาสภาพไหน และแล้วแต่อู่จริงๆครับว่าซ่อมจบรึเปล่า
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
ของพวกนี้เป็นโรคติดต่อครับ ผมเองยังคิดอยากจะทำโรงรถ หรือห้องเก็บของที่วางอะไหล่รถสวยๆแบบคุณturinเลย
ผมเคยเจ็บมาเยอะจริงๆกับe39 โดนอู่หลอกฟันเรื่องปั๊มติ๊กด้วย 30,000กว่าบาท เจ็บ...แต่ไม่จบ ช้ำครับ
ผมก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ คุณ koko86 , คุณ Turin และอีกบางท่านในบอร์ดนี้ คอมเม้นท์คุณภาพ และมีวุฒิภาวะดีครับ เผอิญเล่นบอร์ดรถมานาน เคยเห็นเว็บอื่นที่สงสัยเด็กไม่มีมารยาทเยอะไปหน่อย 55 ไม่ได้มีรถรุ่นนั้นก็โม้ว่ามี พอผิดก็มักถอดล็อคอินใช้ร่างอวตารมาเถียงต่อ ในบอร์ดนี้ก็พอเห็นอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าที่อื่น
ตอนนี้เรื่องรถเลยคุยเฉพาะบอร์ดนี้บอร์ดเดียว และไปคุยเฉพาะในกลุ่มคนที่รู้จักกันในชีวิตจริง
เห็นราคาปั๊มติ๊ก e39 คุณ koko86 เลยไปค้นดูที่เคยบันทึกค่าซ่อม e39 คันที่เคยใช้ว่ามีเปลี่ยนบ้างรึเปล่า ปรากฎว่ามีเปลี่ยนเหมือนกัน 9,000 บาท จำไม่ได้แล้วว่าของประเภทไหนเพราะ 9 ปีมาแล้ว ขายไปนานแล้วคันนี้ ของผมตอนใช้ e39 มีอู่ประจำ ผมอยู่แถวถนนนราธิวาสแต่วิ่งไปเข้าอู่นอกแถวศรีนครินทร์ ซ่อมจบทุกอาการ เลยใช้บริการเรื่อยมา (ผมเรียก พี่สิทธิ เสียดายว่าแกเสียไปไม่นานมานี้) ราคาอะไหล่ต่างๆที่ซ่อมที่เห็นในรูปข้างล่าง เป็นราคาเมื่อปี 2010
พวกรถเก่านี่แล้วแต่คันว่าได้มาสภาพไหน และแล้วแต่อู่จริงๆครับว่าซ่อมจบรึเปล่า
น่าจะหมายถึงช่างโกษิตใช่ไหมครับ .. E30 คันที่ 2 ของผมขายให้เพื่อนพร้อมอาการรอบเบาสวิงก็ไปจบที่แก .. เพื่อนส่งข่าวมาผมยังเสียดายเลยว่าหมดช่างฝีมือไปอีกคนแล้ว
-
ผมนี่ชอบมากE39เปิดดูเช้าเปิดดูเย็น แต่พอดีมีw124เนี๊ยบๆอยู่กันมาตั้งแต่ป้ายแดงอยู่แล้วเลยคิดว่าเก็บเงินไว้ทำรถเราเองดีกว่า
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
ของพวกนี้เป็นโรคติดต่อครับ ผมเองยังคิดอยากจะทำโรงรถ หรือห้องเก็บของที่วางอะไหล่รถสวยๆแบบคุณturinเลย
ผมเคยเจ็บมาเยอะจริงๆกับe39 โดนอู่หลอกฟันเรื่องปั๊มติ๊กด้วย 30,000กว่าบาท เจ็บ...แต่ไม่จบ ช้ำครับ
ผมก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ คุณ koko86 , คุณ Turin และอีกบางท่านในบอร์ดนี้ คอมเม้นท์คุณภาพ และมีวุฒิภาวะดีครับ เผอิญเล่นบอร์ดรถมานาน เคยเห็นเว็บอื่นที่สงสัยเด็กไม่มีมารยาทเยอะไปหน่อย 55 ไม่ได้มีรถรุ่นนั้นก็โม้ว่ามี พอผิดก็มักถอดล็อคอินใช้ร่างอวตารมาเถียงต่อ ในบอร์ดนี้ก็พอเห็นอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าที่อื่น
ตอนนี้เรื่องรถเลยคุยเฉพาะบอร์ดนี้บอร์ดเดียว และไปคุยเฉพาะในกลุ่มคนที่รู้จักกันในชีวิตจริง
เห็นราคาปั๊มติ๊ก e39 คุณ koko86 เลยไปค้นดูที่เคยบันทึกค่าซ่อม e39 คันที่เคยใช้ว่ามีเปลี่ยนบ้างรึเปล่า ปรากฎว่ามีเปลี่ยนเหมือนกัน 9,000 บาท จำไม่ได้แล้วว่าของประเภทไหนเพราะ 9 ปีมาแล้ว ขายไปนานแล้วคันนี้ ของผมตอนใช้ e39 มีอู่ประจำ ผมอยู่แถวถนนนราธิวาสแต่วิ่งไปเข้าอู่นอกแถวศรีนครินทร์ ซ่อมจบทุกอาการ เลยใช้บริการเรื่อยมา (ผมเรียก พี่สิทธิ เสียดายว่าแกเสียไปไม่นานมานี้) ราคาอะไหล่ต่างๆที่ซ่อมที่เห็นในรูปข้างล่าง เป็นราคาเมื่อปี 2010
พวกรถเก่านี่แล้วแต่คันว่าได้มาสภาพไหน และแล้วแต่อู่จริงๆครับว่าซ่อมจบรึเปล่า
น่าจะหมายถึงช่างโกษิตใช่ไหมครับ .. E30 คันที่ 2 ของผมขายให้เพื่อนพร้อมอาการรอบเบาสวิงก็ไปจบที่แก .. เพื่อนส่งข่าวมาผมยังเสียดายเลยว่าหมดช่างฝีมือไปอีกคนแล้ว
น่าจะใช่ครับ ผมไม่เคยรู้ชื่อจริงเลย เรียกแต่พี่สิทธิ (พึ่งทราบจากคุณ Turin ว่าจริงๆต้อง พี่ษิต) อู่ชื่อ time auto service ครับ เวลารถเป็นอะไร บอกอาการไป แกแก้ได้จบทุกรอบ ไม่เคยต้องเข้าไปแก้อาการเดิม แกวิเคราะห์ถูกจุด ไม่ได้ไล่เปลี่ยนทั้งระบบ โชคดีจริงๆที่ตอนนั้นมีแกคอยดูแล bmw ให้ครับ (ตอนนี้อู่ก็ยังเปิดดำเนินการต่อ)
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
ของพวกนี้เป็นโรคติดต่อครับ ผมเองยังคิดอยากจะทำโรงรถ หรือห้องเก็บของที่วางอะไหล่รถสวยๆแบบคุณturinเลย
ผมเคยเจ็บมาเยอะจริงๆกับe39 โดนอู่หลอกฟันเรื่องปั๊มติ๊กด้วย 30,000กว่าบาท เจ็บ...แต่ไม่จบ ช้ำครับ
ผมก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ คุณ koko86 , คุณ Turin และอีกบางท่านในบอร์ดนี้ คอมเม้นท์คุณภาพ และมีวุฒิภาวะดีครับ เผอิญเล่นบอร์ดรถมานาน เคยเห็นเว็บอื่นที่สงสัยเด็กไม่มีมารยาทเยอะไปหน่อย 55 ไม่ได้มีรถรุ่นนั้นก็โม้ว่ามี พอผิดก็มักถอดล็อคอินใช้ร่างอวตารมาเถียงต่อ ในบอร์ดนี้ก็พอเห็นอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าที่อื่น
ตอนนี้เรื่องรถเลยคุยเฉพาะบอร์ดนี้บอร์ดเดียว และไปคุยเฉพาะในกลุ่มคนที่รู้จักกันในชีวิตจริง
เห็นราคาปั๊มติ๊ก e39 คุณ koko86 เลยไปค้นดูที่เคยบันทึกค่าซ่อม e39 คันที่เคยใช้ว่ามีเปลี่ยนบ้างรึเปล่า ปรากฎว่ามีเปลี่ยนเหมือนกัน 9,000 บาท จำไม่ได้แล้วว่าของประเภทไหนเพราะ 9 ปีมาแล้ว ขายไปนานแล้วคันนี้ ของผมตอนใช้ e39 มีอู่ประจำ ผมอยู่แถวถนนนราธิวาสแต่วิ่งไปเข้าอู่นอกแถวศรีนครินทร์ ซ่อมจบทุกอาการ เลยใช้บริการเรื่อยมา (ผมเรียก พี่สิทธิ เสียดายว่าแกเสียไปไม่นานมานี้) ราคาอะไหล่ต่างๆที่ซ่อมที่เห็นในรูปข้างล่าง เป็นราคาเมื่อปี 2010
พวกรถเก่านี่แล้วแต่คันว่าได้มาสภาพไหน และแล้วแต่อู่จริงๆครับว่าซ่อมจบรึเปล่า
โอ้โห มีe39สภาพนี้ถ้าเห็นวิ่งบนถนน ผมมองเหลียวหลังแน่นอน
อารมณ์เหมือนเจอแฟนเก่าเลยครับ เรื่องปั๊มติ๊กนี่ฟังแล้วปวดใจจริงๆ พับผ่าเถอะ อู่แถวบ้านเรานี่แหละ ร้ายจริงๆ(บ้านเราอยู่ใกล้ๆกัน)
ถ้าได้อู่ซ่อมตบกับรถสภาพนี้รักตายเลย สวยสุดๆครับ
-
E39 เป็นรถที่ดีในตำนานครับ
ได้รางวัล world best executive car of the world ในยุคนั้นเลย
ขับดี เสียงเพราะ ช่วงล่างเยี่ยม แรงพอตัว
แต่จากประสบการณ์ของผม มันซ่อมไม่จบ ปีนึงเสียค่าซ่อม หลักแสน พอแก้ตรงนี้ ก็ไปเสียตรงโน้น วนๆไป
สุดท้ายไฟรั่ว รื้อทั้งคันก็แก้ปัญหาไม่ได้ เลยจำใจขายทั้งๆที่รักมันมากๆครับ
ส่วนw124 เทียบกันไม่ได้แน่ๆเรื่องสมรรถนะ แต่ดูจากจำนวนรถยนต์บนถนนแล้ว มีมากกว่า e39 เสียอีก แสดงว่า รถม้นซ่อมจบ ทน ถึก ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ที่ จขกท เอาข้ามรุ่นมาเทียบกัน เดาว่าคงราคาใกล้เคียงกัน เพราะ e39 ราคาตกมากกว่าอยู่แล้ว เข้าใจว่าถ้าได้มาสภาพไม่เนี๊ยบเป๊ะจริงๆ คงต้องซ่อมวนๆไป
ลองเอาข้อมูลไปพิจารณาดูครับ
อ่านคำตอบของคุณ Koko86 มาพักนึง โดยเฉพาะคำตอบเกี่ยวกับการเลือกรถ ด้วยความที่ผมชอบรถที่ขับดี(และงบน้อย) เลยชอบมองมือสองมากกว่า เลยแค่ "รับฟัง" แต่ยังไม่ถึงกับ "เห็นด้วย" ... ได้มาอ่านความเห็นนี้แล้วฉุกคิดได้ว่าคุณ Koko86 ต้องมีนิสัยอย่างนึงที่ผมเริ่มๆจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือเรื่องชอบรถเนี๊ยบและรำคาญเก็บงาน ... ::)
ของพวกนี้เป็นโรคติดต่อครับ ผมเองยังคิดอยากจะทำโรงรถ หรือห้องเก็บของที่วางอะไหล่รถสวยๆแบบคุณturinเลย
ผมเคยเจ็บมาเยอะจริงๆกับe39 โดนอู่หลอกฟันเรื่องปั๊มติ๊กด้วย 30,000กว่าบาท เจ็บ...แต่ไม่จบ ช้ำครับ
ผมก็ชอบอ่านคอมเม้นท์ คุณ koko86 , คุณ Turin และอีกบางท่านในบอร์ดนี้ คอมเม้นท์คุณภาพ และมีวุฒิภาวะดีครับ เผอิญเล่นบอร์ดรถมานาน เคยเห็นเว็บอื่นที่สงสัยเด็กไม่มีมารยาทเยอะไปหน่อย 55 ไม่ได้มีรถรุ่นนั้นก็โม้ว่ามี พอผิดก็มักถอดล็อคอินใช้ร่างอวตารมาเถียงต่อ ในบอร์ดนี้ก็พอเห็นอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าที่อื่น
ตอนนี้เรื่องรถเลยคุยเฉพาะบอร์ดนี้บอร์ดเดียว และไปคุยเฉพาะในกลุ่มคนที่รู้จักกันในชีวิตจริง
เห็นราคาปั๊มติ๊ก e39 คุณ koko86 เลยไปค้นดูที่เคยบันทึกค่าซ่อม e39 คันที่เคยใช้ว่ามีเปลี่ยนบ้างรึเปล่า ปรากฎว่ามีเปลี่ยนเหมือนกัน 9,000 บาท จำไม่ได้แล้วว่าของประเภทไหนเพราะ 9 ปีมาแล้ว ขายไปนานแล้วคันนี้ ของผมตอนใช้ e39 มีอู่ประจำ ผมอยู่แถวถนนนราธิวาสแต่วิ่งไปเข้าอู่นอกแถวศรีนครินทร์ ซ่อมจบทุกอาการ เลยใช้บริการเรื่อยมา (ผมเรียก พี่สิทธิ เสียดายว่าแกเสียไปไม่นานมานี้) ราคาอะไหล่ต่างๆที่ซ่อมที่เห็นในรูปข้างล่าง เป็นราคาเมื่อปี 2010
พวกรถเก่านี่แล้วแต่คันว่าได้มาสภาพไหน และแล้วแต่อู่จริงๆครับว่าซ่อมจบรึเปล่า
โอ้โห มีe39สภาพนี้ถ้าเห็นวิ่งบนถนน ผมมองเหลียวหลังแน่นอน
อารมณ์เหมือนเจอแฟนเก่าเลยครับ เรื่องปั๊มติ๊กนี่ฟังแล้วปวดใจจริงๆ พับผ่าเถอะ อู่แถวบ้านเรานี่แหละ ร้ายจริงๆ(บ้านเราอยู่ใกล้ๆกัน)
ถ้าได้อู่ซ่อมตบกับรถสภาพนี้รักตายเลย สวยสุดๆครับ
ขอบคุณครับ
ถ้าอู่นอกแถวนี้ที่ขึ้นต้นด้วยชื่อยี่ห้อ แล้วลงท้ายด้วยชื่อย่านนี้ อู่นี้อยู่ใกล้ เดินทางสะดวกมาก แต่ผมเคยไปมาแล้วไม่ประทับใจ เลยยอมวิ่งไปศรีนครินทร์ครับ
ช่วงที่หาอู่นอก ตอนนั้นเล่นอยู่ใน bmwsociety อู่ไหนที่แนะนำในนั้นก็ไปมาหลายอู่ ทั้งย่านบางนา ย่านลาดพร้าว ไกลเท่าไหนไม่ว่า ถ้าไม่เกินปริมณฑล ขอให้ซ่อมจบ
แล้วก็มาได้อู่ประจำที่กล่าวไป จากการแนะนำของเพื่อนทึ่ใช้บีเอ็มเหมือนกันแต่ไม่ได้อยู่ในเว็บ
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ พอจะมีงบซื้อรถมากกว่าเดิม ยังเคยหาดู e39 มือสอง ว่าจะเอามาใช้ใหม่เหมือนกันครับ แต่อยากได้รถแท้ที่เครื่องแรงกว่า 530i ปรากฎว่าหาไม่ได้เลย คงเพราะตอนป้ายแดงเครื่องแรงสุดที่จำหน่ายผ่านศูนย์คือ 530i ประกอบอินโดน่ะครับ