Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: nottii77 ที่ พฤษภาคม 22, 2019, 09:40:37
-
ผู้ใหญ่ที่บ้านจะเน้นเลยว่า ถ้าซื้อรถต้องยุโรปเท่านั้น ให้ความปลอดภัยมากกว่ารถญี่ปุ่น
ถ้าเปรียบเทียบที่เซกเมนต์เดียวกัน มันปลอดภัยกว่าจริงไหมครับ แต่ที่มากกว่าแน่ๆคือ
1.ราคาแพงกว่า
2.หาที่ซ่อมยากกว่า
3.ค่าซ่อมแพงกว่า
4.ขายต่อขาดทุนมากกว่า เพราะราคาตั้งแพง
5.คนใช้น้อยกว่าทำให้ของแต่ง หรือการแชร์ข้อมูลน้อยกว่า
-
ในแง่ไหนละ. ชนแรงๆก็ตายหรือเจ็บเหมือนกันหมดแหละ
ถ้าดูแค่เรื่องนี้ลืมไปเลย. ไม่ต่างกันมากหรอก
สิ่งที่ได้คือ สมถนะ ความสวยหรู. ขับดีกว่ารถญี่ปุ่น. และการยอมรับทางสังคม
มากกว่ารถญี่ปุ่น
-
วัดความปลอดภัยจากอะไรครับ ?
รถชนกันเซกเมนท์เดียวกัน ? แบบนี้ ตามหลัก Physic รถหนักกว่าที่ชนได้ดาวEURONCAP เท่าๆกัน ชนในท่าชนมาตรฐาน จะได้เปรียบรถเบา เพราะรถเบาออกแบบมารับ p=mv ของตัวเองเท่านั้น ถ้าเจอของหนักว่าที่ความเร็วจากการทดสอบ โครงสร้างของมันจะรับไม่ไหวเอาได้ (อาจจะรับได้ในบางกรณี)
ถ้าเอาตาม EURONCAP ก็ตามดาวและท่าชนทีี่เขาทดสอบครับ
เรื่องการขับขี่ พวก Active safty abs ESP TRC VSC ของรถขับหน้า ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะมันจะมีปัญหาการเบรคล้อที่ขับด้วยเฟืองdifferential แล้วต้องเลี้ยว สู้รถขับหลังไม่ได้ ล้อเลี้ยวกับล้อหมุนแยกกัน รถเบนซ์ บีเอ็มรุ่นที่ขับหลังเลยยังได้เปรียบ
-
ต้องดูที่ Function ครับ พวกระบบเบรก บลาๆๆ ซึ่งก็ไม่ใช้คำว่า "ปลอดภัยกว่า" น่าจะใช้คำว่า "ระบบบางอย่างดีกว่า"
ส่วนปลอดภัยกว่าไหม ผมว่าไม่
-
ถ้าเทียบกันจริงๆแล้วรถยุโรปก็ใช้วัสดุดีกว่าแหละ ระบบความปลอดภัยที่ให้มาก็เยอะกว่าถ้าเทียบในเซกเดียวกัน ชนในความเร็วที่เท่ากัน ตำแหน่งเดียวกัน (ไม่เกิน)80 รถยุโรปน่าจะปลอดภัยกว่านิดนึง ถ้าความเร็วสูงมากก็ตายคือกัน!
-
ถ้าไม่นับราคา เอา civic มาชนกันกับ c class โอกาสรอดทางยุโรปน่าจะสูงกว่า
หรือเอา crv มาชนกับ glc ก็น่าจะได้ผลไม่ต่างกัน
-
ตอบแบบทฤษฎีก็คงต้องบอกว่า รถทุกคันมีการทดสอบการชนที่ได้มาตรฐานบลาๆๆๆๆๆ
ตอบแบบชีวิตจริง ถ้าคุณคาดเข็มขัดนิรภัย แล้วดูจากสภาพเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
คุณเลือกเองครับ ว่าพอใจจะนั่งในรถคันไหน
-
ถ้าจับVolvoXC40ประสานงากับHRVหรือCHR
ที่ความเร็ว 60KM/Hทั้งคู่ แรงประทะเกิน120KM/H
ผมมั่นใจว่าคนขับวอลโว่จะมีโอกาสรอดเยอะกว่า 8)
-
ส่วนตัวมองว่า รถยุโรปเมื่อเจอสถานการณ์อันตรายจะมีโอกาศทำให้เราปลอดภัยได้มากกว่าครับ
เพราะรถยุโรปด้วยราคาที่แพงจึงมาพร้อมกับออฟชั่นบางอย่างที่แพงตาม เช่น ช่วงล่างที่เข้าโค้งดีกว่า ยางที่รีดน้ำได้ดีกว่า ระบบความปลอดภัยต่างๆที่แน่นกว่า(ในบางรุ่น) ที่กล่าวมามันคือตัวช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์อันตรายต่างๆได้ง่ายขึ้น แม้จะมากหรือน้อยก็คือช่วย
เอาจริงๆมันเปรียบเหมือนการซื้อประกันอะครับ คือซื้อแพงครอบคลุมมาก ซื้อน้อยครอบคลุมน้อย แต่ไม่ว่าจะซื้อแพงหรือถูกโรคภัยก็มีโอกาศเข้ามาสู่เราอยู่ดี จะรอดไม่รอดก็อยู่ที่ความครอบคลุมของประกันส่วนหนึ่งและความแข็งแรงของตัวเราเองส่วนหนึ่ง
-
ดูจากเคสที่ชนกัน เช่น เคส camry ตำรวจล่าสุด ก็เสียชีวิต ในขณะที่หลายเคสที่ benz ชนกับรถญี่ปุ่น ส่วนใหญ่รอดครับ ผมคิดว่าเพราะรถยุโรปโครงสร้างและวัสดุแข็งแรงกว่า อย่างเช่น โลหะที่ใช้ทำตัวรถ
น้ำหนักตัวรถมากกว่า ขนาดใหญ่กว่า
ตอนผมซื้อรถ พ่อก็อยากให้ใช้พวกยุโรป แต่ผมคิดว่ารถยุโรปจุกจิกมากกว่า โดยเฉพาะเวลาใช้ไปหลาย ๆ ปี ความเสี่ยงตรงนี้มากกว่ารถญี่ปุ่น และก็เสียดายเงินด้วยครับ ^^
-
ผมว่ามันต่างกันไม่น้อยในเรื่อง ความแข็งแรงของตัวถัง ครับ
ที่เห็นๆรถญี่ปุ่น เหล็กบางมาก เวลาชนทีน่ากลัวมาก มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ฝั่งยุโรป ก็น่ากลัวเหมือนกันถ้าขับมาเร็วมากๆ
-
ดูจากเคสที่ชนกัน เช่น เคส camry ตำรวจล่าสุด ก็เสียชีวิต ในขณะที่หลายเคสที่ benz ชนกับรถญี่ปุ่น ส่วนใหญ่รอดครับ ผมคิดว่าเพราะรถยุโรปโครงสร้างและวัสดุแข็งแรงกว่า อย่างเช่น โลหะที่ใช้ทำตัวรถ
น้ำหนักตัวรถมากกว่า ขนาดใหญ่กว่า
ตอนผมซื้อรถ พ่อก็อยากให้ใช้พวกยุโรป แต่ผมคิดว่ารถยุโรปจุกจิกมากกว่า โดยเฉพาะเวลาใช้ไปหลาย ๆ ปี ความเสี่ยงตรงนี้มากกว่ารถญี่ปุ่น และก็เสียดายเงินด้วยครับ ^^
ไม่ใช่แค่ชนแล้วโอกาสรอดสูงกว่านะครับ รถยุโรปโอกาสที่จะเกิดการชนก็น้อยกว่าด้วย ลองเอารถยุโรปกับรถญี่ปุ่นมาขับด้วยความเร็วสูงดูสิครับ การทรงตัว การยึดเกาะถนนก็ต่างกัน
-
ลองใช้ Google ค้นหาดูข่าวและภาพอุบัติเหตุดูสิครับ รถยุโรปราคาแพงๆเวลาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถญี่ปุ่นแล้วผลเป็นอย่างไร
-
ถ้าในรถพิกัดเดียวกัน ราคาสูสีกัน เช่น Lexus LS460 มาเจอ S500 ... ผมว่า ไม่ต่าง
แต่ถ้าไปเอา C-Class มาเจอ Civic ราคามันต่างกันหลายเท่าเลย ซึ่ง สารพัดคาน / ความหนาของโครงสร้าง มันก็ลดทอนลงไปตามราคา ดังนั้น ความปลอดภัย (passive safety) ก็ต่างล่ะครับ
เอาแค่ คานกันชน รถบางรุ่นยังไม่ให้คานหลัง หรือ บางรุ่นคานหน้า ที่ usa เป็นอลูมิเนี่ยมหนา เมืองไทย กลายเป็นสังกะสี แบบนี้ ความปลอดภัย มันก็ต่างอยู่แล้วล่ะครับ
-
ถ้าเอาตัวพรีเมี่ยม ขนาดเดียวกัน อย่าง Lexus IS มาชนกับ C หรือ 3 ผมว่าปลอดภัยพอๆกัน
แต่ถ้าเอาตัวธรรมดาอย่าง Civic มาเจอกับ C หรือ 3 อันนี้ Civic น่าจะปลอดภัยน้อยกว่า
แต่....ถ้าญี่ปุ่นคนใหญ่ๆอย่าง DSeg หรือ PPV มาเจอกับ series1 หรือ A ผมเดานะ เดาว่ายุโรปน่าจะปลอดภัยน้อยกว่านะครับ
-
ความแข็งแรงของโครงสร้างมีส่วนเป็นอย่างมาก ว่ากันด้วยตัวถังโมโนค๊อกความหนาของตัวถังรถยุโรปยังได้เปรียบ สังเกตุจากหัวตัดตามเชียงกงดูครับมองที่เสากับพื้นดูหน้าตัดเหล็กจะเห็นชัดเจนว่าหนากว่าญี่ปุ่นพอสมควรหนา จุดพับเหล็กตะเข็บกว้างและเชื่อมถี่กว่าเยอะครับ ช่วงล่างที่มีเพลากลางและแพอลูมิเนียมใหญ่กว่าท่อนแขนยึดช่วยค้ำยันด้วยบูทเป็นสิบตัวน่าจะเสียรูปได้ยากกว่าคานเล็กๆแค่ล้อหมุนตาม แต่ก็ตามด้วยน้ำหนักตัวที่มากและกินน้ำมัน เห็นซีเซกเมนต์คันเล็กๆยุโรปน้ำหนักตัวกลับมากกว่าดีเซกเมนต์คันโตๆค่ายญี่ปุ่นพอควรนะครับ ส่วนตัวไม่ค่อยมั่นใจกับรถญี่ปุ่นเท่าไรครับเพราะเคยชนมาแล้วเลยรู้ครับว่ามันเสียหายมากกว่าที่คิดตรงข้ามยุโรปชนอย่างแรงนึกว่าซ่อมหนักที่ไหนได้แค่กันชนแตกเองไม่มีอะไรเสียหายต่างกับคู่กรณีเยอะ หรือแค่เอามือกดจะเช็คโช๊คยังกดไม่ได้เลยทำท่าจะบุบเอา แก้มก็ทำท่าจะปริหลุดออกตามมือ บางจุดโดนแค่นิ้วกดก็บุบแล้ว
-
ยุโรปเหล็กหนากว่า แต่ทำไมมีทฤษฎีบอกว่าเหล็กบางๆจะซับแรงกระแทกได้ดีกว่า
แล้วแบบนี้เราควรเลือกเหล็กหนาหรือเหล็กบางละ?
-
ปกติผมจะดูเรื่องความปลอดภัยจากพวกสำนักทดสอบอย่าง EuroNcap , หรือ HIIS ของอเมริกา เพราะมันทดสอบเปรียบเทียบในหลายๆมิติ
ไม่ได้ดูว่าเหล็กหนาเหล็กบางแค่อย่างเดียว
เท่าที่เปรียบเทียบส่วนใหญ่รถญี่ปุ่นหลายๆรุ่นก็ทำได้ดีเทียบเคียงกับรถยุโรป อย่างของปีที่แล้ว+ปีนี้รถญี่ปุ่นอย่าง Subaru ได้คะแนน Top class เบียดสลับรุ่นกันกับ volvo และ volk
ก็แสดงว่ามาตรฐานความปลอดภัยมันก็ไม่ได้หนีกันเท่าไหร่แล้วครับ
-
8) 8) 8)....Lexus by Toyota / Infinity by Nissan / Legend by Honda แยก dealer ขายอยู่เกือบทั่วโลก เป็นแบรนด์ที่ทั่วโลกพิสูจน์ว่าเหนือยุโรปและ trouble free ไม่จุกจิกเหมือนยุโรปครับ :-X
-
ไม่เคยทดสอบความปลอดภัยจริงๆจังๆด้วยตัวเองและก็ไม่อยากทดสอบ ไม่รู้ว่ามันใช้วัดระดับความปลอดภัยได้ใหม แต่สังเกตุจากการเปลี่ยน รถญี่ปุ่นมาเป็นรถยุโรบ เอานิ้วเคาะกระจกเล่นๆ ตอนติดไฟแดง กระจกรถยุโรปหนา กว่า เห็นๆ
-
.....สมัยนี้ความหนา บางของเหล็กไม่สำคัญเท่า ค่า tensile strength ของเหล็ก เพราะแนวโน้มเป็น HSLA หมดมีค่า TS ตั้งแต่ 900-1800 นิวตัน/ตารางมิล เพราะฉะนั้นเหล็กหนาแต่ tensile ต่ำ ก็ไม่มีประโยชน์ แต่จริงที่ว่ารถยุโรป โครงสร้างตัวถังแข็งแรงกว่ารถญี่ปุ่น
-
จขกท นะครับ
ตอนนี้กำลังสนใจ NX300h แต่ไปลองขับแล้วเฉยๆ ไม่ค่อยประทับใจเรื่องการทรงตัว ช่วงล่างและการขับขี่เท่าไหร่ ปัจจุบันใช้ X3 ,และเคยลองขับ Glc มา
แต่ชอบ nx เพราะกะจะใช้ยาวๆ คงสบายใจที่สุดแล้วครับ
-
ถ้าพุดถึงความปลอดถัย ความเห้นส่วนตัว ยังไงbenz bmw เวลาชนหนักโอกาสรอดก็ยังมีมากกว่า camry accord ดูจากข่าวเอาครับ วิเคราะห์เอาเอง
ผมใช้ทั้ง bmw camry accord เลือกรถมาใช้ก็ดูตามกำลังทรัพย์และความเหมาะสม
-
แล้วแต่รุ่นนะครับ. หากสถานการณ์เดียวกัน
หากยกตัวอย่าง Camry Accord กับ mb bm. ผมว่า ยุโรปเจบน้อยกว่ากว่าสถานการณ์เดียวกับเป้ะๆ
ที่สำคัญ. Europe มีระบบที่proactive ก่อนเกิดปัญหาใหญ่มากกว่า
-
ผมตอบในแวดวงกระบะแล้วกันครับ ซึ่งจะขอตีรวมไปถึงรถฝั่งเมกันด้วยเลย เพราะกระบะยุโรปแทบไม่มีในไทย ผมมองเรื่องนี้ 2 ด้าน
1. ถ้านับระบบความปลอดภัยแข่งกัน ว่าเจ้าไหนมีจำนวนระบบความปลอดภัยที่มากกว่า อันนี้ดูง่ายๆ กางหน้ากระดาษว่ากันได้เลย ด้านนี้ส่วนมากค่ายฝรั่งให้ออฟชั่นมาค่อนข้างเยอะกว่า
2. แต่ถ้าดูเรื่องคุณภาพการทำงาน หรือความเสถียรของรถ ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งครับ เช่น สายเบรกแตก เครื่องดับกลางอากาศ เร่งไม่ขึ้น ชิ้นส่วนเปราะ พวกนี้ก็เป็นเรื่องของความปลอดภัยโคตรๆเหมือนกัน ด้านนี้ค่ายฝรั่งก้พบปัญหามากกว่าค่ายยุ่นมากทีเดียว
เพราะฉะนั้นถ้าพูดเรื่องความปลอดภัย ผมว่าควรดูประกอบกันทั้ง 2 เรื่อง คือ จำนวนออฟชั่นความปลอดภัยและคุณภาพของอะไหล่ที่ประกอบเป็นตัวรถ
-
ผมเความรู้ผมล้วนๆ เลย คือ ไม่ต่างกันครับ มันพอๆ กันเลย
ยิ่งถ้าเทียบกับ Seg ต่อ Seg หรือ ออฟชั่น ต่อ ออฟชั่น นี่ยิ่งชัด แถมจ่ายในราคาที่ถูกกว่าด้วย
แต่เอาความรูสึกคุยกันมันไม่จบหรอกครับ
ไปดูตามตาม NCAP หรือ IIHS ดีกว่าครับ เขาทดสอบมาให้แล้ว มีหลักการและผลการทดสอบชัดเจนกว่า
เพราะคุยกันด้วยปาก คนอวย ก็อวยสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้ว อคติกับสิ่งที่ตัวเองมองว่าด้อยกว่า หรือ คนละตลาดกับตัวเอง ไม่จบครับ
-
ถ้าเอารถที่ระดับราคาเท่ากันมาเทียบ ไม่ต่าง
และต้องเอารถที่จำหน่ายในปีเท่าๆกันด้วย
จำได้ว่าToyota yaris gen 2 (xp90 ) เป็นรถที่ผ่านการทดสอบการชน Euro NCAP ก่อนรถยุโรปรุ่นอื่นๆด้วยซ้ำ
-
เทียบแบบที่ราคาเท่ากันสิครับ
มันจะไม่ต่างกันมาก
แต่ในมโนภาพ เราจะนึกถึงรถยุโรปคันละ 3 ล้าน++
เอามาเทียบกับญี่ปุ่นคันละ 4 แสน....
ก็ตามที่ผู้ใหญ่ที่บ้านแนะนำล่ะฮะ ซื้อยุโรปเถอะ
-
ดูทดสอบตาม web ส่วนมากเอารถไปชนกับผนัง แต่ความเป็นจริงของบ้านเรา มักจะไปชนกับกระบะ ppv หรือ เบนซ์ที่ขับมาเร็วๆ
-
ผม จขกท นะครับ
ตามหัวเรื่อง ผมได้บอกไว้ชัดเจนนะครับว่า " ถ้าเปรียบเทียบที่เซกเมนต์เดียวกัน มันปลอดภัยกว่าจริงไหมครับ "
ดังนั้นความเห็นที่บอกว่าให้ เอารถยุโรปขนาดเล็ก ไปบวกกับ รถญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ผมขออนุญาติไม่ให้ความสำคัญกับคอมเมนต์นั้นนะครับ
-
ผมดูทดสอบการชน ใน iihs รถ Japan ก็ทำได้ไม่น้อยหน้านะ
ค่ายเยอรมันซะอีก ที่ออกมาแย่ (ข้อมูลตอนปี 12-13 ที่ผมมี plan ออกรถ)
แต่เคยมีคนเอาข้อมูลมาบอกว่า Japan บางค่าย ลด spec ของเหล็กลง 1 step ตอนประกอบในไทย บวก กับเจอในข่าวบ่อยๆ ว่า Japan ค่ายนี้รถมักจะขาด 2 ท่อนตอนเจออุบัติเหตุ ตั้งแต่ eco - D seg
ผมเลยไปจบที่ ลูกครึ่ง สวีเดน-ไชนีส
-
จริงบ้างเท็จบ้างครับ เชคผลทดสอบตามแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นรุ่นๆไปครับ อ่านละเอียดๆหน่อยก็ดีครับ แต่จำไว้ว่าบ้านเรารถบางรุ่นอาจลดความแข็งแรงของโครงสร้างได้
สำคัญสุดไม่ใช่รถครับ แต่เป็นตัวเอง บำรุงรักษารถมั้ย(เช่นตรวจยาง ลมยาง เชคระยะ) วินัยในการขับขี่ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อนหรือไม่ และวินัยในการใช้รถ(เช่นคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งมั้ย ให้เด็กยืนบนรถหรือไม่)
-
ขอตอบไม่ตรงคำถาม รถญี่ปุ่นที่ผมว่าและผลทดสอบก็ออกมาตรงกันว่า
ปลอดภัยที่สุดคือ Subaru ครับ ลองไปหาข้อมูลได้เลย IIHS มีเพียบ
ผมว่า IIHS ทดสอบชนโหดกว่า Euro-NCAP นะ
ส่วนยุโรปผมยังให้ Volvo เป็นรถที่ปลอดภัยที่สุดครับ :D
-
ผม จขกท นะครับ
ตามหัวเรื่อง ผมได้บอกไว้ชัดเจนนะครับว่า " ถ้าเปรียบเทียบที่เซกเมนต์เดียวกัน มันปลอดภัยกว่าจริงไหมครับ "
ดังนั้นความเห็นที่บอกว่าให้ เอารถยุโรปขนาดเล็ก ไปบวกกับ รถญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ผมขออนุญาติไม่ให้ความสำคัญกับคอมเมนต์นั้นนะครับ
ง่ายเลย ดูน้ำหนักรถครับ รถญี่ปุ่น ขนาดเท่ารถยุโรป น้ำหนักต่างกันเป็นร้อย ๆ โล
MINI 1.2 ตัน Mirage 900 โล
-
คุณภาพตามราคาครับ แต่ญี่ปุ่นชอบโก่งราคาด้วย
-
ผม จขกท นะครับ
ตามหัวเรื่อง ผมได้บอกไว้ชัดเจนนะครับว่า " ถ้าเปรียบเทียบที่เซกเมนต์เดียวกัน มันปลอดภัยกว่าจริงไหมครับ "
ดังนั้นความเห็นที่บอกว่าให้ เอารถยุโรปขนาดเล็ก ไปบวกกับ รถญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ผมขออนุญาติไม่ให้ความสำคัญกับคอมเมนต์นั้นนะครับ
ต้องระบุเพิ่มเติมด้วยว่ารถญี่ปุ่นทั่วไปหรือรถญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยม เพราะมีคนอ้างถึงรถญี่ปุ่นเกรดพรีเมี่ยมหลายรายด้วย ไม่ทราบว่าตรงคำถามหรือเปล่า
-
อย่าเถียงกันเลยครับ ไปดูเองกับ Russian NCAP ไม่ก็ China NCAP เองดีกว่าครับ ทดสอบชนทุกวัน
Russian NCAP
https://www.youtube.com/channel/UC6rAAGWWDTSKdQIof5DslpQ
China NCAP
https://www.youtube.com/channel/UC-Oa3wml6F3YcptlFwaLgDA/videos
-
ผมว่าก็ตอบไม่ได้ 100% ว่า ยุโรปจะดีกว่ายี่ปุ่นเสมอไปนะครับ ถ้าดูเฉพาะผลคะแนนทดสอบชน จะเห็นว่า รถยุโรป กับญี่ปุ่นแถบไม่ต่างกัน และหลายการทดสอบญี่ปุ่นกับเหนือกว่า เช่น ทดสอบชน 25% ในช่วงแรกรถที่ผ่านทดสอบมีน้อยมาก ยกเว้น volvo honda และ subaru ที่ได้คะแนนด้านนี้เต็ม ขณะที่ benz และ bmw ได้คะแนนต่ำสุด จะเห็นว่า จริง ๆ รถยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ไม่ต่างกันเรื่องความปลอดภัยนัก (แต่เรื่องการลดสเป็คเมื่อขายในบางประเทศก็คงอีกเรื่อง)
ส่วนข่าวส่วนใหญ่ที่คนขับรถญี่ปุ่นตายโดยเฉพาะในไทย ผมคิดว่า
1.จำนวนคนใช้รถญี่ปุ่นในไทย มากกว่ายุโรปหลายเท่าตัว ทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
2.กลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นวัยคึกคะนอง มักซื้อรถญี่ปุ่นเป็นรถคันแรก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายกว่า (คนขับรถยุโรป มักเริ่มมีฐานะ ส่วนใหญ่จะเริ่มประสบความสำเร็จในการทำงาน อายุมักจะ 30+)
3.รถญี่ปุ่นในไทยสมัยก่อนความปลอดภัยต่ำ เพราะขาดระบบความปลอดภัย เช่น ถุงลม คาน ทำให้มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
-
ผมว่าก็ตอบไม่ได้ 100% ว่า ยุโรปจะดีกว่ายี่ปุ่นเสมอไปนะครับ ถ้าดูเฉพาะผลคะแนนทดสอบชน จะเห็นว่า รถยุโรป กับญี่ปุ่นแถบไม่ต่างกัน และหลายการทดสอบญี่ปุ่นกับเหนือกว่า เช่น ทดสอบชน 25% ในช่วงแรกรถที่ผ่านทดสอบมีน้อยมาก ยกเว้น volvo honda และ subaru ที่ได้คะแนนด้านนี้เต็ม ขณะที่ benz และ bmw ได้คะแนนต่ำสุด จะเห็นว่า จริง ๆ รถยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ไม่ต่างกันเรื่องความปลอดภัยนัก (แต่เรื่องการลดสเป็คเมื่อขายในบางประเทศก็คงอีกเรื่อง)
ส่วนข่าวส่วนใหญ่ที่คนขับรถญี่ปุ่นตายโดยเฉพาะในไทย ผมคิดว่า
1.จำนวนคนใช้รถญี่ปุ่นในไทย มากกว่ายุโรปหลายเท่าตัว ทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
2.กลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นวัยคึกคะนอง มักซื้อรถญี่ปุ่นเป็นรถคันแรก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายกว่า (คนขับรถยุโรป มักเริ่มมีฐานะ ส่วนใหญ่จะเริ่มประสบความสำเร็จในการทำงาน อายุมักจะ 30+)
3.รถญี่ปุ่นในไทยสมัยก่อนความปลอดภัยต่ำ เพราะขาดระบบความปลอดภัย เช่น ถุงลม คาน ทำให้มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ดูผลการทดสอบการชนเพียงอย่างเดียวไม่พอนะครับ การทดสอบการชนเป็นการชนวัตถุที่หยุดนิ่ง แต่ถ้าเอารถสองคันมาชนกันผลอาจจะต่างกันออกไป เช่น เอารถเบนซ์ C Class มาชนกับรถ Toyota Altis รถเบนซ์ C Class น้ำหนักตัวมากกว่า Toyota Altis เยอะ รถที่น้ำหนักตัวมากกว่าจะเสียหายน้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า ทำให้เบนซ์ C Class น่าจะเสียหายน้อยกว่าเยอะ ความปลอดภัยของผู้โดยสารในรถน่าจะเหนือกว่า
-
ถ้าเป็นญี่ปุ่นอย่าง Toyota Land Cruiser ตัวถังก็แข็งนะครับ 8)
-
น่าจะจริงครับ หลายๆรุ่นญี่ปุ่นผลิตไทยไม่ได้ให้คานหลังมา โดนชนแรงๆก็ยุบไปเกือบถึงเบาะ ถ้าเทียบกับยุโรปหรือไม่ยุโรปที่ให้คานหลังมาก็เปลี่ยนแค่คาน เกรดวัสดุก็ไม่รู้ว่าเหมือนที่ประกอบที่ญี่ปุ่นไหม แต่ถ้าเกรดทุกอย่างเหมือนๆกันหมดผมว่าพอๆกัน พวกlexusก็ไม่น่าจะชนด้อยกว่าbenz bmw แต่ถ้าแข็งสุดยังไงก็ต้องvolvoจริงๆ
-
ในรถที่มีเปิดตัวมาขายพร้อมๆกัน
เทียบรถญี่ปุ่นตลาดทั่วๆไปเช่น Civic Altis กับรถยุโรปพรีเมี่ยมไซส์เดียวกันอย่าง C Class 3 Series จริงครับ ไม่ต้องลองชนก็รู้ แค่ลองเปิดฝากระโปรง เปิดปิดประตู ลองขับ ก็บอกได้ละว่าคันไหนเซฟกว่า
-
อยากรู้ว่ารถญี่ปุ่นที่ประกอบบ้านเราเนี่ย ตัดอะไรหลายๆอย่างออก เช่น คานกันชนหลัง
แล้วแบบนี้จะมาบอกว่าได้มาตราฐานตามที่ทดสอบที่ต่างประเทศได้อย่างไร ในเมื่อ Spec ไม่เหมือนกัน??
-
ตอบยากครับ อันนี้ต้องดูเป็นคนๆ ไป ..
Q:อ้าว ทำไมไม่ดูรุ่นรถไปดูคนทำไม
A:เวลาใช้จริงถึงคราวเคราะห์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน :-X
เมื่อก่อน mini ยังเข้าไปเสียบใต้รถบรรทุก
แต่ฟอร์โดนตู้คอนเทนเนอร์ทับยังรอดมาได้
ถ้าดูความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
ก็อ้างอิงได้จากผลทดสอบก็ตามที่เห็นกัน
แต่ถ้าจะถกกันเรื่องเจอของจริง ยังไงก็ต้องว่าเป็นคนๆ คันๆ ไปครับ :-[
-
ถ้าคุณเหมารวมทั้งหมดไม่แบ่งแยกขนาดรถราคาขายระดับทางการตลาดคุณจะได้คำตอบว่ายุโรปครับญี่ปุ่น
ผลิตรถครอบคลุมหลายขนาดมากและเป็นที่นิยมในบ้านเรา
ถ้าแบ่งตำแหน่งขนาดและระดับราคาก็มีหลายรุ่นทำได้ดีสู้ volvo ได้ เช่น เล็กซัส อาคูร่า อินฟินิตี้
มาสด้า ซูบารุ มีอีกเยอะที่ไดเคะแนนสูงครับเป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงคุณภาพตัวรถที่สุดแล้วเพราะชนจริง
ส่วนที่บอกกันว่าสถานการณ์จริงต่างกันถ้ารถทดสอบได้คะแนนเท่ากันหรือพอกันผลลัพธ์ที่ออกมาถ้าอยู่ในสถานการณ์เดียวกันทุกอย่างก็ออกมาใกล้เคียงกันครับ
ลองหาข้อมูลการชนดูครับในเว็ปหลักหรือที่นี่ก็มีข่าวเทียบการชนมาเรื่อยๆถ้าเป็นเมื่อก่อน 10 ปีขึ้นไปจะเห็นด้วยว่ามาตรฐานความปลอดภัยยุโรปดูดีกว่าถ้าปัจจุบันต้องว่ากันเป็นรุ่นๆไปครับเพราะญี่ปุ่นหลายๆรุ่นก็ขายดีในยุโรปยังไงก็ต้องผ่านมาตรฐานให้ได้
-
ผมว่าก็ตอบไม่ได้ 100% ว่า ยุโรปจะดีกว่ายี่ปุ่นเสมอไปนะครับ ถ้าดูเฉพาะผลคะแนนทดสอบชน จะเห็นว่า รถยุโรป กับญี่ปุ่นแถบไม่ต่างกัน และหลายการทดสอบญี่ปุ่นกับเหนือกว่า เช่น ทดสอบชน 25% ในช่วงแรกรถที่ผ่านทดสอบมีน้อยมาก ยกเว้น volvo honda และ subaru ที่ได้คะแนนด้านนี้เต็ม ขณะที่ benz และ bmw ได้คะแนนต่ำสุด จะเห็นว่า จริง ๆ รถยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ไม่ต่างกันเรื่องความปลอดภัยนัก (แต่เรื่องการลดสเป็คเมื่อขายในบางประเทศก็คงอีกเรื่อง)
ส่วนข่าวส่วนใหญ่ที่คนขับรถญี่ปุ่นตายโดยเฉพาะในไทย ผมคิดว่า
1.จำนวนคนใช้รถญี่ปุ่นในไทย มากกว่ายุโรปหลายเท่าตัว ทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
2.กลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นวัยคึกคะนอง มักซื้อรถญี่ปุ่นเป็นรถคันแรก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายกว่า (คนขับรถยุโรป มักเริ่มมีฐานะ ส่วนใหญ่จะเริ่มประสบความสำเร็จในการทำงาน อายุมักจะ 30+)
3.รถญี่ปุ่นในไทยสมัยก่อนความปลอดภัยต่ำ เพราะขาดระบบความปลอดภัย เช่น ถุงลม คาน ทำให้มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ดูผลการทดสอบการชนเพียงอย่างเดียวไม่พอนะครับ การทดสอบการชนเป็นการชนวัตถุที่หยุดนิ่ง แต่ถ้าเอารถสองคันมาชนกันผลอาจจะต่างกันออกไป เช่น เอารถเบนซ์ C Class มาชนกับรถ Toyota Altis รถเบนซ์ C Class น้ำหนักตัวมากกว่า Toyota Altis เยอะ รถที่น้ำหนักตัวมากกว่าจะเสียหายน้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า ทำให้เบนซ์ C Class น่าจะเสียหายน้อยกว่าเยอะ ความปลอดภัยของผู้โดยสารในรถน่าจะเหนือกว่า
การชนวัตถุที่หยุดนิ่งขยับไม่ได้ ถือเป็นการชนที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดอยู่แล้วครับ มากกว่าการชนกับรถด้วยกันแน่นอน
ไม่งั้นระบบทดสอบการชนขององค์กรต่างๆก็คงเอาวัตถุเคลื่อนที่มาจำลองในการชนเป็นมาตรฐานการทดสอบแล้วครับ
นึกภาพง่ายๆว่ามันเป็นการจำลองการชนของรถกับต้นไม้ กับเสาไฟฟ้า, ชนท้ายรถบรรทุกที่หนักมากๆที่จอดข้างทาง หรือชนกับตอม่อทางด่วนนั่นแหล่ะ
-
(http://[/url)
ผมว่าก็ตอบไม่ได้ 100% ว่า ยุโรปจะดีกว่ายี่ปุ่นเสมอไปนะครับ ถ้าดูเฉพาะผลคะแนนทดสอบชน จะเห็นว่า รถยุโรป กับญี่ปุ่นแถบไม่ต่างกัน และหลายการทดสอบญี่ปุ่นกับเหนือกว่า เช่น ทดสอบชน 25% ในช่วงแรกรถที่ผ่านทดสอบมีน้อยมาก ยกเว้น volvo honda และ subaru ที่ได้คะแนนด้านนี้เต็ม ขณะที่ benz และ bmw ได้คะแนนต่ำสุด จะเห็นว่า จริง ๆ รถยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ไม่ต่างกันเรื่องความปลอดภัยนัก (แต่เรื่องการลดสเป็คเมื่อขายในบางประเทศก็คงอีกเรื่อง)
ส่วนข่าวส่วนใหญ่ที่คนขับรถญี่ปุ่นตายโดยเฉพาะในไทย ผมคิดว่า
1.จำนวนคนใช้รถญี่ปุ่นในไทย มากกว่ายุโรปหลายเท่าตัว ทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
2.กลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นวัยคึกคะนอง มักซื้อรถญี่ปุ่นเป็นรถคันแรก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายกว่า (คนขับรถยุโรป มักเริ่มมีฐานะ ส่วนใหญ่จะเริ่มประสบความสำเร็จในการทำงาน อายุมักจะ 30+)
3.รถญี่ปุ่นในไทยสมัยก่อนความปลอดภัยต่ำ เพราะขาดระบบความปลอดภัย เช่น ถุงลม คาน ทำให้มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ดูผลการทดสอบการชนเพียงอย่างเดียวไม่พอนะครับ การทดสอบการชนเป็นการชนวัตถุที่หยุดนิ่ง แต่ถ้าเอารถสองคันมาชนกันผลอาจจะต่างกันออกไป เช่น เอารถเบนซ์ C Class มาชนกับรถ Toyota Altis รถเบนซ์ C Class น้ำหนักตัวมากกว่า Toyota Altis เยอะ รถที่น้ำหนักตัวมากกว่าจะเสียหายน้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า ทำให้เบนซ์ C Class น่าจะเสียหายน้อยกว่าเยอะ ความปลอดภัยของผู้โดยสารในรถน่าจะเหนือกว่า
การชนวัตถุที่หยุดนิ่งขยับไม่ได้ ถือเป็นการชนที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดอยู่แล้วครับ มากกว่าการชนกับรถด้วยกันแน่นอน
ไม่งั้นระบบทดสอบการชนขององค์กรต่างๆก็คงเอาวัตถุเคลื่อนที่มาจำลองในการชนเป็นมาตรฐานการทดสอบแล้วครับ
นึกภาพง่ายๆว่ามันเป็นการจำลองการชนของรถกับต้นไม้ กับเสาไฟฟ้า, ชนท้ายรถบรรทุกที่หนักมากๆที่จอดข้างทาง หรือชนกับตอม่อทางด่วนนั่นแหล่ะ
ชนวัตถุที่หยุดนิ่งเสียหายเยอะที่สุดครับ แต่ผมต้องการบอกว่าการชนรถยนต์ด้วยกันจะเสียหายน้อยกว่า ถ้าเบนซ์ C Class ชนรถยนต์ Toyota Altis ที่เบากว่ามาก ความเสียหายจะยิ่งน้อยลงไปอีก หลังชนแล้วรถจะเสียการทรงตัวน้อยกว่า กลับกัน Toyota Altis น้ำหนักเบากว่า เบนซ์ C Class มาก เมื่อเกิดการชนกัน Toyota Altis จะเสียหายมากกว่า เมื่อชนแล้วจะเสียการทรงตัวมากกว่า การควบคุมรถจะทำได้ยากกว่า รถอาจจะไปกระทบ กระแทกอะไร ทำให้เสียหายได้เพิ่มอีก ลองค้นหาใน Google ภาพอุบัติเหตุต่างๆดูสิครับ
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/725481] (http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/725481)ผมว่าก็ตอบไม่ได้ 100% ว่า ยุโรปจะดีกว่ายี่ปุ่นเสมอไปนะครับ ถ้าดูเฉพาะผลคะแนนทดสอบชน จะเห็นว่า รถยุโรป กับญี่ปุ่นแถบไม่ต่างกัน และหลายการทดสอบญี่ปุ่นกับเหนือกว่า เช่น ทดสอบชน 25% ในช่วงแรกรถที่ผ่านทดสอบมีน้อยมาก ยกเว้น volvo honda และ subaru ที่ได้คะแนนด้านนี้เต็ม ขณะที่ benz และ bmw ได้คะแนนต่ำสุด จะเห็นว่า จริง ๆ รถยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ไม่ต่างกันเรื่องความปลอดภัยนัก (แต่เรื่องการลดสเป็คเมื่อขายในบางประเทศก็คงอีกเรื่อง)
ส่วนข่าวส่วนใหญ่ที่คนขับรถญี่ปุ่นตายโดยเฉพาะในไทย ผมคิดว่า
1.จำนวนคนใช้รถญี่ปุ่นในไทย มากกว่ายุโรปหลายเท่าตัว ทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
2.กลุ่มวัยรุ่น ที่เป็นวัยคึกคะนอง มักซื้อรถญี่ปุ่นเป็นรถคันแรก ทำให้มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ง่ายกว่า (คนขับรถยุโรป มักเริ่มมีฐานะ ส่วนใหญ่จะเริ่มประสบความสำเร็จในการทำงาน อายุมักจะ 30+)
3.รถญี่ปุ่นในไทยสมัยก่อนความปลอดภัยต่ำ เพราะขาดระบบความปลอดภัย เช่น ถุงลม คาน ทำให้มีโอกาสบาดเจ็บได้มากกว่า
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ดูผลการทดสอบการชนเพียงอย่างเดียวไม่พอนะครับ การทดสอบการชนเป็นการชนวัตถุที่หยุดนิ่ง แต่ถ้าเอารถสองคันมาชนกันผลอาจจะต่างกันออกไป เช่น เอารถเบนซ์ C Class มาชนกับรถ Toyota Altis รถเบนซ์ C Class น้ำหนักตัวมากกว่า Toyota Altis เยอะ รถที่น้ำหนักตัวมากกว่าจะเสียหายน้อยกว่าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว บวกกับโครงสร้างที่แข็งแรงกว่า ทำให้เบนซ์ C Class น่าจะเสียหายน้อยกว่าเยอะ ความปลอดภัยของผู้โดยสารในรถน่าจะเหนือกว่า
การชนวัตถุที่หยุดนิ่งขยับไม่ได้ ถือเป็นการชนที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดอยู่แล้วครับ มากกว่าการชนกับรถด้วยกันแน่นอน
ไม่งั้นระบบทดสอบการชนขององค์กรต่างๆก็คงเอาวัตถุเคลื่อนที่มาจำลองในการชนเป็นมาตรฐานการทดสอบแล้วครับ
นึกภาพง่ายๆว่ามันเป็นการจำลองการชนของรถกับต้นไม้ กับเสาไฟฟ้า, ชนท้ายรถบรรทุกที่หนักมากๆที่จอดข้างทาง หรือชนกับตอม่อทางด่วนนั่นแหล่ะ
ชนวัตถุที่หยุดนิ่งเสียหายเยอะที่สุดครับ แต่ผมต้องการบอกว่าการชนรถยนต์ด้วยกันจะเสียหายน้อยกว่า ถ้าเบนซ์ C Class ชนรถยนต์ Toyota Altis ที่เบากว่ามาก ความเสียหายจะยิ่งน้อยลงไปอีก หลังชนแล้วรถจะเสียการทรงตัวน้อยกว่า กลับกัน Toyota Altis น้ำหนักเบากว่า เบนซ์ C Class มาก เมื่อเกิดการชนกัน Toyota Altis จะเสียหายมากกว่า เมื่อชนแล้วจะเสียการทรงตัวมากกว่า การควบคุมรถจะทำได้ยากกว่า รถอาจจะไปกระทบ กระแทกอะไร ทำให้เสียหายได้เพิ่มอีก ลองค้นหาใน Google ภาพอุบัติเหตุต่างๆดูสิครับ
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/725481 (http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/725481)
https://www.youtube.com/watch?v=Ay1RwhoMhfA (https://www.youtube.com/watch?v=Ay1RwhoMhfA)
-
ถ้าจับVolvoXC40ประสานงากับHRVหรือCHR
ที่ความเร็ว 60KM/Hทั้งคู่ แรงประทะเกิน120KM/H
ผมมั่นใจว่าคนขับวอลโว่จะมีโอกาสรอดเยอะกว่า 8)
เรื่องการจับรถความเร็วเท่ากันมาขับกระสานงากัน มีการทดลองทำจริงมาแล้วครับ
อ้างอิงการความเร็วที่กล่าวมา 60Km/h แรงปะทะคือ 60Km/h ไม่ใช่ 60+60=120Km/h
อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=ko4Q5BE9uck (https://www.youtube.com/watch?v=ko4Q5BE9uck)
-
ถ้าเอารถรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกันมาเปรียบกัน
ความแข็งแรง "อาจไม่" แตกต่าง
แต่หน้าตาทางสังคมนั้นแตกต่าง
และค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษา รวมถึงปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ "คบกัน" ยัน "เลิกลา"
อันนี้แตกต่างๆ อย่าง "เห็นน้ำเห็นเนื้อ"
เลือกเอาว่าจะ "ให้น้ำหนัก" แบบไหน
-
เป็นกระทู้ที่อ่านสนุกครับ เอาข้อมูลมาว่ากันล้วนๆ
-
ถ้าในรถพิกัดเดียวกัน ราคาสูสีกัน เช่น Lexus LS460 มาเจอ S500 ... ผมว่า ไม่ต่าง
แต่ถ้าไปเอา C-Class มาเจอ Civic ราคามันต่างกันหลายเท่าเลย ซึ่ง สารพัดคาน / ความหนาของโครงสร้าง มันก็ลดทอนลงไปตามราคา ดังนั้น ความปลอดภัย (passive safety) ก็ต่างล่ะครับ
เอาแค่ คานกันชน รถบางรุ่นยังไม่ให้คานหลัง หรือ บางรุ่นคานหน้า ที่ usa เป็นอลูมิเนี่ยมหนา เมืองไทย กลายเป็นสังกะสี แบบนี้ ความปลอดภัย มันก็ต่างอยู่แล้วล่ะครับ
+1
-
http://www.komchadluek.net/news/crime/227499 (http://www.komchadluek.net/news/crime/227499)
https://www.thairath.co.th/news/local/596747 (https://www.thairath.co.th/news/local/596747)
http://news.ch3thailand.com/local/92535 (http://news.ch3thailand.com/local/92535)
-
เทียบแบบที่ราคาเท่ากันสิครับ
มันจะไม่ต่างกันมาก
แต่ในมโนภาพ เราจะนึกถึงรถยุโรปคันละ 3 ล้าน++
เอามาเทียบกับญี่ปุ่นคันละ 4 แสน....
ก็ตามที่ผู้ใหญ่ที่บ้านแนะนำล่ะฮะ ซื้อยุโรปเถอะ
เห็นด้วยเลย +100
ผู้ใหญ่ที่พูดถึงรถยุโรป ก็ไปนึกถึงแต่ราคา 3 - 4 ล้าน แล้วก็มาเทียบกับ Altis Vios Camry Accord ที่ราคาห่างกันถึง 2 - 3 เท่า บางทีเป็น 10 เท่า แล้วคุณจะเอาอะไรมาชนะล่ะครับ ของราคาต่างกันฟ้ากับเหว ของแพงก็ดีกว่าอยู่แล้ว
-
รถต่าง Class มาชนกัน รถ Class สูงกว่าย่อมได้เปรียบอยู่แล้วครับ
แต่ถ้าเอารถ Class เดียวกัน ที่ราคาขายใกล้ๆกัน มาชนกัน ผมว่าต่างกันไม่มากครับ
จริงๆ ฝั่งยุโรปที่ผมมั่นใจว่าเหล็กแข็งกว่าฝั่งญี่ปุ่นแน่ๆ คือ รถสวีเดนครับ Volvo กับ Saab
-
ผมก็เห็นด้วยกับผู้ใหญ่ แต่ไม่ทั้งหมด ต้องเจาะรายละเอียดอีกเยอะ ก่อนเกิด หรือ หลังเกิด
รถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆ ก็พัฒนาขึ้นมามากพอสมควร การขับขี่อาจจะตามหลังรถยุโรป
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ผมว่าไม่หนีห่างกันมากนัก ห้องโดยสารแข็งแรงขึ้นมาก
แต่ขอยกเว้นรถญี่ปุ่นไว้ยี่ห้อนึงคือ Subaru
ถ้าเอาไปเทียบกับรถยุโรปใน segment และ Level เดียวกัน
ผมให้ค่าความปลอดภัยเท่ากันครับ
-
จากที่หลายๆท่านได้บอกว่า subaru เรื่องความปลอดภัยสูสีกับรถยุโรปในเซกเมนต์เดียวกัน ผมขอทราบเหตุผลได้ไหมครับว่า ทำไมความปลอดภัยจึงสูสีกัน
-
บางคนแค่แนวคิดก็ผิดแล้ว
น้ำหนักรถ ไม่ได้บอกถึง ความปลอดภัยครับ ไม่บอกว่าเหล็กใครไหนกว่ากัน อลูมิเนียมใครหนากว่ากัน เพราะน้ำหนักตัวรถ ยังมีเครื่องยนต์ และ ออฟชั่นอื่นๆ ที่มีผลกับน้ำหนักโดยตรง ถ้าทำรถญี่ปุ่นให้น้ำหนักเยอะกว่ารถยุโรป = รถญี่ปุ่นปลอดภัยกว่า?? ไม่น่าใช่จริงไหม
รถสมัยนี้ชิ้นส่วนบางชิ้น เป็นพลาสติก หรือ อลูมิเนียม บิด งอง่าย ดูอ่อนแอๆ ให้ตัวก็จริง ส่วนนึงเพื่อรับแรงกระแทกนะครับ ทั้งรถญี่ปุ่นและยุโรปก็ใช้ชิ้นส่วนคล้ายๆ กันหมด บอกไม่ได้ว่ามีหรือไม่มีชิ้นนี้ต้องปลอดภัยกว่า
ในบาง seg รถญี่ปุ่นได้คะแนนทดสอบการชน IIHS สูงกว่ารถยุโรป ด้วยซ้ำ แล้วมันสื่อความหมายว่าไงละครับ ยังจะบอกว่ารถยุโรปปลอดภัยกว่าไหม ขนาดผลทดสอบมันออกมาขนาดนี้(คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม)
การเกิดอุบัติเหตุ บางกรณี ต้องดูมุมชน มุมประทะ และ ความเร็ว เพราะมันบอกไม่ได้ว่า รถยุโรป ชนกับ รถญี่ปุ่น แล้วรถญี่ปุ่นพังกว่า = รถยุโรปปลอดภัยกว่า
อย่างที่บอก comment ก่อนหน้านี้ เอาความรู้สึกบอกไม่ได้หรอก ผมว่ากันด้วยผลการทดสอบและวิทยาศาสตร์ ผมมีทั้งรถยุโรปและญี่ปุ่น ผมว่ามันไม่หนีกันหรอกครับ ต้องดูเป็นคันๆ ไป
-
ถ้าเอาผลทั่วโลกก็ตามราคารถเลยครับ ตปท. ผลการชน NCAP บอกได้ดี
แต่ในประเทศไทย รถญี่ปุ่น "บางรุ่น" ที่คานหน้า อันเท่าข้อมือ คานหลัง กระเด็นตกทะเล แอร์แบค 2 ลูก ค้ำตัวถังต่าง ๆ หายเกือบหมด
ยังไงมันก็ไม่ปลอดภัยครับ
แต่รถยุโรป หรือรถญี่ปุ่นที่ผลิตไทยแต่ส่งไปขายประเทศพัฒนาแล้ว ผมคิดว่าเสปคมันดีกว่ารถที่ทำขายประเทศโลกที่ 3 โดยเฉพาะแน่ ๆ ครับ
-
จากที่หลายๆท่านได้บอกว่า subaru เรื่องความปลอดภัยสูสีกับรถยุโรปในเซกเมนต์เดียวกัน ผมขอทราบเหตุผลได้ไหมครับว่า ทำไมความปลอดภัยจึงสูสีกัน
ลองค่อยๆหาข้อมูลดูครับ เยอะมากๆ หรือเข้าไปดูที่ IIHS กับ Euro NCAP ก็ได้ ข้อมูลถูกต้องน่าเชื่อถือที่สุดแล้ว
ส่วนอันนี้เป็น Topic เก่าๆที่พี่น้องในนี้เคยคุยกันไว้
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=30956.0
อันนี้ของแถมครับ
https://www.forbes.com/sites/tanyamohn/2018/12/26/safest-cars-for-2019-announced-subaru-tops-list-domestic-brands-nearly-absent/#60db383919f8
อีกนิด
https://www.euroncap.com/en/ratings-rewards/best-in-class-cars/2017/
ปอลิง...ผมไม่ได้มีอะไรกับ Subaru นะครับ ::)
-
Crash Test ทดสอบการชนกับ wall,barrier
กรณีนี้ น้ำหนักรถไม่มีผล
แต่ถ้าเป็นการชนระหว่างรถสองคัน
กรณีนี้ รถที่น้ำหนักมากกว่า,สูงกว่า จะได้เปรียบ
การชนกันระหว่างรถสองคัน จึงควรเทียบระหว่างรถsegmentเดียวกัน คือรถที่น้ำหนักพอๆกัน
A-class, 1-series น้ำหนักพอๆกับ Civic
GLA, X1 น้ำหนักพอๆกับ CRV
C-class,3-series น้ำหนักพอๆกับ Accord
-
คงต้องเทียบ Segment เดียวกันปีเดียวกันครับ ไม่ต้องอะไรมาก ญี่ปุ่นกับญี่ปุ่นด้วยกัน เอา Brio มาชนกับ CR-V เราก็พอจะเดาออกกว่าคันไหนน่าจะปกป้องผู้ขับขี่ได้มากกว่ากัน ถามว่ารถยุโรปปลอดภัยกว่ารถญี่ปุ่นไหม ตอบได้ว่า ถ้า Segment เดียวกันผมว่าไม่ต่างกันครับ เอา CX-5 มาชนกับ X1 หรือเอา Lexus GS มาชนกับ BMW 5 Series ผมว่าไม่น่าจะแตกต่างกันมาก
-
คงต้องเทียบ Segment เดียวกันปีเดียวกันครับ ไม่ต้องอะไรมาก ญี่ปุ่นกับญี่ปุ่นด้วยกัน เอา Brio มาชนกับ CR-V เราก็พอจะเดาออกกว่าคันไหนน่าจะปกป้องผู้ขับขี่ได้มากกว่ากัน ถามว่ารถยุโรปปลอดภัยกว่ารถญี่ปุ่นไหม ตอบได้ว่า ถ้า Segment เดียวกันผมว่าไม่ต่างกันครับ เอา CX-5 มาชนกับ X1 หรือเอา Lexus GS มาชนกับ BMW 5 Series ผมว่าไม่น่าจะแตกต่างกันมาก
+1
-
เห็นคนอื่นมาพูดความปลอดภัยเรื่องการชนเสียเยอะ
ผมขอเสนอมุมมองอีกมุมแล้วกัน ในฐานะคนใช้รถยุโรปมา 20 กว่าปี
ผมว่ารถยุโรปให้ความปลอดภัยมากกว่า ในแง่ของคนขับ และคนที่ใช้รถบนถนน
ตกตัวอย่างง่ายๆ เลยครับ "ไฟเบรค ดับ" ถามว่า อันตรายไหม เวลาคุณขับรถตาม รถที่ไฟเบรคดับ
คำตอบแน่นอน ว่า คงไม่มีใครอยากขับตาม คันนั้น เพราะมันเป็นความเสี่ยงต่อการชนท้ายง่ายๆ
ถามว่า ทำไม....รถญี่ปุ่น ไม่มีระบบเตือน แบบนี้มาให้ (คงบอกเพราะ ต้นทุนไง ราคาไง)
อยากให้มองแบบนี้ คุณว่ารถ BMW ที่ขายที่ เยอรมัน ราคาเท่าไร (ไม่นับรวมภาษี เขานะ)
มันก็ราคา 1.5-1.9 ล้าน กรณี 530i G30 ซึ่งเมื่อเทียบ Camry บ้านเรา เท่าๆ กัน
แต่คุณจะมองเห็นอะไรหลายๆ อย่าง ทำไม งบ 1.6 ล้าน BMW ได้ความมั่นใจในการขับมากกว่า Camry
ผมไม่ทราบหรอกนะครับ ว่า Camry ตัวใหม่ มี option นี้มาให้ยัง หรือมีมานานแล้ว แค่แจ้งเตือนคนขับว่า ตอนนี้ไฟเบรค คุณดับ หรือไฟท้ายคุณไม่ติด (ลองนึกนะ ขับในถนนมืดๆ ไม่มีไฟข้างถนน แล้วไฟท้ายคุณดับ อันตรายไหม) แต่เรื่องง่ายๆ แค่นี้ มีใน BMW เมื่อ 30 ปี ที่แล้ว ตั้งแต่รุ่น E34 525i ไม่ว่าไฟท้ายจะดับ ไฟถอยไม่ติด หรือไฟหน้าไม่ติด แจ้งหมด เขาออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้รถบนถนน ถึงความปลอดภัย
ผมขับรถเจอบ่อยๆ เรื่องพวกนี้ ถามว่า จะมีใครบอกเจ้าของรถไหม ว่าไฟท้ายเขาไม่ติด
นั่นเป็นแค่เหตุผลเพียงเล็กๆน้อยๆ ที่ ทำรถยุโรปถึงให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย
อ้อ อีกเรื่อง ที่อยากฝากถึงผู้ออกแบบเรือนไมล์ รถญี่ปุ่น หลายค่าย เวลาออกแบบ สวย แต่ความปลอดภัยไม่ดี
งงไหม เพราะอะไร
เรือนไมล์ เด่วนี้ออกมาสวยงาม มีไฟ แพรวพราว ทำให้ กลางวัน สว่างสดใส ยันไม่ถึงค่ำมืด จนเป็นเหตุที่ คนขับ ไม่ยอมเปิดไฟหน้า เพราะเข้าใจว่า ยังมองเห็น (กรณี ไฟข้างทางสว่าง เช่น บน Mortorway หรือ ทางด่วน
ในทางตรงกันข้าม เรือนไมล์ของ BMW ออกแบบมา แบบ Classic สีส้มๆ (รุ่นเก่า) เมื่อสภาพแวดล้อมมืดลง ตัวเรือนไมล์ ก็จะมองไม่เห็น เห็นการส่งสัญญาณให้คุณรู้ว่า คุณยังไม่ได้เปิดไฟหน้า ถ้าคุณใช้ระบบเปิดอัตโนมัติ ซึ่งตอนนี้ ก็มีหลายรุ่น ในรถญี่ปุ่น แต่คนส่วนมาก็ปิดมัน ไม่ยอมใช้
ทำให้ เวลาขับรถไปในสภาวะแสงน้อยๆ คนขับรถญี่ปุ่น มักจะหลงลืม เปิดไฟหน้ากัน อันตราย ก็จะตามมา เพราะไฟท้ายก็จะไม่ติด ยิ่งรถสีดำด้วย เสี่ยงไหม.....