Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ixoxi999 ที่ มิถุนายน 07, 2019, 22:14:24
-
เข้าไปดูใน facebook เพจนึง มีแต่คนบอกว่า ดันทุกคัน จริงหรอครับ ขึ้นกับเวลา
ส่วนอีกเพจนึง ก็จะบอกว่า Gen2 เปลี่ยนอุปกรณ์แล้ว
พี่ๆท่านใดมีข้อมูล มาแชร์กันนะครับ
พอดีผมกำลังดูๆ CX5 ตัว Gen2 Diesel มือสอง ที่ขายดาวน์ผ่อนต่อกันอยู่
รถมันน่าขับมากๆ แต่พอได้ยินเรื่องนี้ ผมแทบหยุดเลยครับ
-
ดีเซล เปลี่ยนความคิดเถอะครับ ถ้าเจอขึ้นมาไม่สนุกแน่ๆ กว่าจะรอเครื่องใหม่ เปลี่ยนเครื่อง แจ้งขนส่ง ขายต่อราคาตกมาก เสียเวลามากๆ ครับ เปลี่ยนเครื่องแล้วก็วนลูปเดิม อย่าดีกว่าครับ
แต่ถ้าเบนซิน ผมมองว่าถ้ามันเปลี่ยนปั๊มติ๊กแล้วไม่ดับ ถือว่ายอมรับได้ครับ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะซ่อมแล้วจบ ผมใช้เบนซินตัวเก่ามา 60k km แล้วก็โอเคครับ ไม่เจอปัญหาใหญ่อะไร
-
อันนี้คือบทความ ที่ผมได้ศึกษาปัญหาของ CX-5 ดีเซลมาตั้งแต่เจนแรก
ปัญหาหลัก CX-5 ดีเซลคือเจ้าตัว DPF ที่ทำหน้าที่กรองไอเสียรถให้สะอาด (เพื่อนให้ผ่านค่าไอเสีย EURO 6)
พอเขม่าที่กรองสะสมจนเต็มเซนเซอก็จะทำการสั่งฉีดน้ำมันดีเซลเข้าไปเผาเขม่า
หลักการทำงานของ DPF ก็คือรถต้องวิ่งไปสักระยะหนึ่งจนเซนตรวจจับได้แล้วว่าเขม่าเต็ม (วิ่งในที่นี้หมายถึงวิ่งระยะยาว)
ส่วนที่เป็นปัญหาคือการใช้งานในเมืองที่การจารจรติดขัด(วิ่งหยุด วิ่งหยุด) ทำให้การเผาเขม่านั้นไม่สมบูรณ์
ซึ่งทำให้น้ำมันดีเซลที่สั่งจ่ายย้อนกลับเข้าไปในห้องน้ำมันเครื่อง จนเกิดปัญหาที่ชาว CX-5 เรียกว่า "น้ำดัน" (น้ำมันเครื่องเกินก้านวัดที่กำหนด)
พอสักระยะภายในจะเกิดการสึกหลอ จนต้องทำให้เปลี่ยนเครื่องเป็นว่าเล่น
แต่ก็มีวิธีแก้ครับ หลักการเลยคือง่ายมาก เพียงแค่ตัดระบบ DPF ออกจากตัวรถ
เปลี่ยนเป็นระบบปล่อยเขม่าไอเสียโดยตรง ปัญหาน้ำดันจะไม่เกิดขึ้นอีกเลย
(มีเพจ Facebook ร้านหนึงรับทำอยู่ แก้ไปหลายคันแล้ว ใช้ยาวไม่มีปัญหา)
แต่.....ที่ส่วนใหญ่ไม่อยากตัดระบบนี้ออกเพราะ
รถยังอยู่ในระยะประกันของ Mazda พอเครมเครื่องใหม่แล้ว เขาจะขยายการรับประกันไปอีก จาก 3ปี/100K กม. เป็น 5ปี/150K กม. (ผมเดาเอาน่ะแต่รู้สึกจะขยายเพิ่มให้)
แต่อย่างว่าละครับยังไงก็เป็นอีก ผมเคยเห็นบางคนในคลับเครมเครื่องดีเซลมา 2 รอบแล้ว
ส่วนตัวแล้วถ้าผมเป็นเจ้าของ CX-5 ครบประกันรถ 3ปี/100K กม. เมื่อไรตัดระบบ DPF ทิ้งเลยครับ
-
อยากรู้การทำงาน DPF ดูได้ตามลิงค์เลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=4F1IAJLWT1c
-
ยังครับ ตอนนี้KFไมล์เริ่มเยอะกันแล้ว รอดูดีกว่า
แต่ผมว่าคงไม่รอด เคยจะซื้อเหมือนกันแต่เบรกไว้
-
ถ้าคุณเป็นคนชอบขับรถ ชอบรถที่สมรรถนะดีๆ Handlingดี อัตราเร่งมาทันใจ optionครบ
และตั้งใจใช้รถไปยาวๆไปเกิน5ปี ผมแนะนำครับ ถ้ามันจะโชคร้ายต้องเปลี่ยนเครื่อง ก็เปลี่ยนซิครับ
มันจะใช้เวลาเท่าไหร่เชียวในการเปลี่ยนเครื่อง ถ้าเทียบกับความสุขในทุกๆวันที่ได้ขับมัน สำหรับผม
ผมokผมรับได้ครับ
...ถ้าพูดถึงสมรรถนะในการขับขี่ ไม่ต้องพูดถึงCRVตัวดีเซลนะครับ เหมือนรถคนละคลาส ขนาดผมมี
Glc 250dที่บ้านอีกคัน ผมยังชอบขับCX5มากกว่าเลย แต่ของอย่างนี้ต้องลองขับจริงๆเท่านั้นครับถึงจะเข้าใจ
-
รอข่าวด้วยคนครับ อย่าไปเชื่อพวกหน้าม้าเชียร์ออกนอกหน้ามากนะครับ เสียขึ้นมาจริงเค้าไม่ได้มาออกเงินและสละเวลามาช่วย คุณต้องคิดเองประเมินความเสี่ยงเองแล้วตัดสินใจเองครับ เงินคุณสิทธิ์คุณ เลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองครับ รับได้ซื้อ รับไม่ได้ไม่ซื้อหาตัวเลือกอื่น จบ
-
แก้ได้ไหม ณ ตอนนี้ไม่มีใครรับประกันได้ว่าหายขาด 100% เหรอกครับ
ที่ขับกันอยู่อาจจะยังไม่ออกอาการ หรือหายขาดก็ไม่มีใครตอบได้
ถ้ากลัว หรือไม่อยากเสี่ยง เลี่ยงเถอะครับ
-
ถ้าไม่ใช่คนโลกสวย ต้องรักษาสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ ก็ตัดระบบที่มันทำให้เกิดปัญหาออก
-
ใช้ใน ตจว จะไม่ค่อยมีปัญหาครับ ญาติผมใช้มาจะ 2 ปีแล้ว ไม่มีอะไรเสียเลย
เรื่องน้ำดัน คงตามที่ท่านข้างบนว่าไว้ ตัด dpf หรือ รอเคลม แล้วได้ระยะรับประกันเพิ่ม
-
เหมือนระเบิดเวลาอ่ะครับกว่าจะดันนิ 1-4 ปีลุ้นกันไป เซลก็บอกแก้แล้วกันหมด แต่เพื่อนที่เป็นดีลเลอร์ยังบอกเองเลยว่าล็อตหลังๆมีน้อย แต่ก็ยังมีมาให้เห็น ตัดรถมาใช้ที่บ้านเองเค้ายังเลือกเบนซินเลย
หลีกเลี่ยงจนกว่าปัญหาจะเคลียก่อนดีกว่านะผมว่า ไหนจะเรื่องปั้มติ้กอีก
-
แก้ไขได้แล้วครับ เปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ฟรีครับ
-
คนรู้จักผมออกเจนแรกมา ผมแนะนำแต่แรกเลย
ตัดdpfออกทั้งยวง เดินท่อตรงเชื่อมเข้าไปแทนแบบลูกทุ่งๆเซ็นเซอร์ฝังตำแหน่งเดิม งบ800บาท
เสียงเงียบเหมือนเดิม ไม่ต้องไปใส่ท่อสำเร็จไรแพงเป็นหมื่นป่าวประโยชน์
ซื้อแผ่นอุดegr 500บาท เจ้าของรถถอดวาลว์น้ำมาเจาะรูอีก สูตรช่างบ้านนอกชอบทำกัน
ลงทุนพันกว่าบาทจบ ไฟรูปเครื่องโชว์สวยงามเอาสติ๊กเกอร์ปิดทับไปจบ
วิ่งมาจะสองแสนโลไม่มีปัญหาอะไรเลย ปัญหาน้ำดันแก้ง่ายมากร้านท่อไอเสียข้างถนน
ตามบ้านนอกยังรู้วิธีแต่บริษัทแก้ไม่ได้ตลกดี
-
คนรู้จักผมออกเจนแรกมา ผมแนะนำแต่แรกเลย
ตัดdpfออกทั้งยวง เดินท่อตรงเชื่อมเข้าไปแทนแบบลูกทุ่งๆเซ็นเซอร์ฝังตำแหน่งเดิม งบ800บาท
เสียงเงียบเหมือนเดิม ไม่ต้องไปใส่ท่อสำเร็จไรแพงเป็นหมื่นป่าวประโยชน์
ซื้อแผ่นอุดegr 500บาท เจ้าของรถถอดวาลว์น้ำมาเจาะรูอีก สูตรช่างบ้านนอกชอบทำกัน
ลงทุนพันกว่าบาทจบ ไฟรูปเครื่องโชว์สวยงามเอาสติ๊กเกอร์ปิดทับไปจบ
วิ่งมาจะสองแสนโลไม่มีปัญหาอะไรเลย ปัญหาน้ำดันแก้ง่ายมากร้านท่อไอเสียข้างถนน
ตามบ้านนอกยังรู้วิธีแต่บริษัทแก้ไม่ได้ตลกดี
เกรงว่าแก้ไม่ได้ เพราะกฏหมายเรื่อง CO ค้ำคออยู่ครับ ถ้าทำแล้ว CO ขึ้นฐานภาษีแพงขึ้น ถ้าทำราคาได้ (ก็กำไรน้อย) ถ้าทำราคาไม่ได้ ก็ราคาจะแรงว่ายี่ห้ออื่นจมเลยอะครับ
แต่การแก้ไข ตามที่ท่านแนะมาเลย จริงๆ ทำตามนั้นได้ แต่ขอไม่อุดแคทก็พอ ค่าไอเสียจะได้ไม่แย่นัก
แก๊งกะบะซิ่งจัดกัน อุด EGR + ทะลวงแคท + ดันราง ควันขโมง <-- อันนี้หนักไปจิงๆ -*-
-
ผมเคยเจอเคสน้ำมันเครื่องเพิ่มจนไฟเตือนกับ Benz Vito 120CDI โฉมก่อนหน้าปัจจุบันหลังจากวิ่งไป2แสนกิโลเมตร เป็นเครื่องดีเซล OM642 3.0l V6 ผู้จัดการศูนย์ได้หารือกับMB Thailand ครั้งแรกบอกว่ารางหัวฉีดรั่ว น้ำมันดีเซลเลยลงไปปนกับน้ำมันเครื่อง แต่เปลี่ยนไปก็ไม่หาย ตอนหลังบอกว่า DPFตัน แต่ไม่มีไฟเตือน ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นเพราะแรกๆเติมน้ำมันดีเซลยูโร3สมัยนั้นทั้งๆที่เป็นรถเกรย์ยูโร5ที่กำมะถันต่างกันมาก เครื่องเลยRegenบ่อย โชคยังดีที่น้ำมันเครื่องรุ่นนี้อ่างใหญ่เลยไม่มีปัญหา ทางMB Thailandชี้แจงผมตามนี้ครับ
-
Gen.2 ก็ยังพบว่าระดับน้ำมันเครื่องเพิ่มขึ้นเองอยู่ ถึงค่ายรถบอกว่าแก้แล้ว แต่น้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพต้องเปลี่ยนก่อนกำหนดบ่อยๆ ค่าบำรุงรักษาจะสูงมหาศาลขนาดไหน
ไหนจะการรับประกันที่ไม่ได้ถูกขยายออกไปเหมือนกับโฉมแรก ซึ่งตัวใหม่รับประกันเครื่องแค่ 3 ปี 1 แสนโล
ถ้าดันหลังหมดประกัน ก็ต้องจ่ายค่าเครื่องลูกใหม่เอง 4 แสนกว่าบาท
ไหนจะธรรมาภิบาลของค่ายรถ ลูกค้าโฉมแรกที่ฟ้องร้องกว่าจะได้การขยายการรับประกันเพิ่มขึ้น ก็ต่อสู้กันแทบรากเลือด
แก้ได้หรือไม่ได้ ยังไม่มีใครตอบได้ แต่ความเสี่ยงสูง เป็นผมคงไม่ซื้อรุ่นนี้
-
ถ้าซื้อแล้ว ต้องไปตัด dpf ช่วยรบกวนไปซื้อ แบรนด์อื่นเถอะครับ แค่รถกะบะแต่งกันจนควันดำ มลพิษก็มากอยู่แล้ว ถ้าบริษัทมันแก้ไขไม่ได้ อย่าไปซื้อเลย
ปล่อยให้มันเจ๊งคนไม่ซื้อ จะได้รู้สึกตัวสะที
-
ถ้าซื้อรถแล้วต้องระแวง กลัวนู่นนี่จะเสีย ต้องตรวจเช็คบ่อยกว่าปกติ
ส่วนตัวคิดว่าไม่คุ้มที่จะซื้อเลย ต่อให้มีข้อดีขับดีช่วงล่างดี แต่มันไม่ใช่รถที่ดี
-
ญาติผมโดนไปเรียบร้อยครับ น้ำดัน พัง!! โฉมแรก ดีที่อยู่ในประกัน
ถ้าหมดประกันก็เตรียมตัวเตรียมตังค์ไว้เยอะๆครับ ตอนนี้ขายทิ้งไปแล้ว
แต่แกบอกขับดีมาก ขับสนุกมาก แต่ไม่เอาอีกแล้วเข็ดขยาดกับมาสด้า
ส่วนปัญหาผมก็ยังไม่เห็นมาสด้าแจ้งอะไรที่เป็นทางการว่าตัวดีเซลนี้แก้จบแล้ว 100%
ส่วนตัวเบนซิลเรื่องดับกลางอากาศนี่ต้องดูกันยาวๆ เห็นว่าปรับปรุงแล้ว ผมขอไม่เชื่อไว้ก่อน
แต่ยอมรับว่ารถสวย น่าขับชมัด ;D
-
เบนซิลก็พอแล้ว
-
ไม่ลองก็ไม่รู้..........อย่าด่าผมนะ :-* :-* :-* :-*
-
ผมไม่รู้ว่าเคสของ CX-5 เป็นยังไง
แต่จากที่ประสบพบเจอในเคสของ 2 ดีเซลเอง...
... หนีไปครับ!! หนีป๊ายยยยยยยย
การยกเปลี่ยนเครื่องในขณะที่รถยังไม่ถึง 5 ปี หรือต้องถอดเครื่องประกอบใหม่โดยศูนย์บริการที่ในภาพรวมไร้ซึ่งความชำนาญและความพยายามอยากจะแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า บอกตามตรงว่า เหนื่อยครับ
ผมเคลมเทอร์โบในขณะที่รถยังได้แค่ 1 ปี 3 เดือน 31,xxx km ซึ่งตัวปัญหาผมไม่ซีเรียสหรอกเอาจริงๆ ถ้าศูนย์บริการและบริษัทแสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความตั้งใจ ความใส่ใจ บริการที่ดีที่จะแก้ปัญหา
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น... ไม่มีแม้แต่วี่แววที่ผมจะเห็น ไม่มีเลย
แล้วนี่ยังไม่รวมถึงเครื่องสั่นเร่งไม่ขึ้น ที่ทุกวันนี้เราจะไม่ค่อยได้ยินเรื่องการเปลี่ยนอะไหล่แล้ว เพราะทำให้แค่จูน อัพโปรแกรม ECU สั่งเผาเขม่า ดูอาการประวิงกันไป ถ้าไม่สั่น หมดประกันก็จบกันครับ
-
น้องผมก็เจอปัญหานี้ หลังหมดประกันมาหน่อย ก่อนมาสด้าจะยืดประกันให้ เจอค่าซ่อมเป็นแสน
ไม่รับผิดชอบใดๆด้วย สาปส่งยี่ห้อนี้เด็ดขาด ซื้อยี่ห้อนี้ถ้าไม่เจอปัญหาก็โชคดีไป แต่ถ้ามีปัญหาไม่ว่าดีเซล
หรือเบนซิล ก็ดูวิธีแก้ปัญหาเอาละกันครับ >:( >:(
-
Gen 2 ก็ไม่เห็นว่า Mazda จะปรับปรุงอะไรนะครับ ระบบเหมือนเดิม อาจจะมีปรับปรุง Software บ้างก็ไม่รู้
ส่วนตัด DPF อุด EGR นี่ ผมอยากให้ประเทศไทยบังคับใช้กฏหมายแรงๆจริงๆ
เพราะสำแดง Emission ไว้อย่างหนึง แต่มาเปลี่ยนระบบเป็นอีกอย่างหนึ่ง(ที่แย่กว่าเดิม) น่าเรียกปรับย้อนหลังให้อ่วมไปเลย
-
จากใจคนใช้เบนซิน เลี่ยงดีเซลไว้ก่อนครับ
-
ถ้าใจรัก ก็จัดครับ
ไม่มีค่ายไหน ไม่มีปัญหา
บางทีข่าวในเนตเยอะ
แต่คนที่ซื้อใช้ทั่วไปไม่เล่นโซเชียล ก็ไม่ได้มาประกาศว่า รถฉันใช้ได้ปกติไม่มีปัญหา
ปล.ประสบการณ์ใช้ Mazda 2 ดีเซล 4 ปี ตัด DPF แล้ว (ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่)
-
รถมีปัญหาทุกค่ายก็จริงนะครับ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าปัญหาไหนที่มันเสี่ยงหรืออาจก่อให้เกิดอันตรายมากน้อยต่างกันแค่ไหน ถ้ามองแบบใจเป็นกลาง ก็ยังเห็นอยู่เนืองๆนะครับ แต่มันไม่ได้เป็นทุกคัน แค่ต้องยอมรับตามจริงว่ามันมีโอกาสเกิดเยอะกว่ารุ่นอื่น ถ้ารับได้ก็ซื้อครับเงินเรา สำหรับผม ปัญหาประเภทน้ำดัน รวมถึงปัญหาค่ายอื่นเช่นดับกลางอากาศ สายเบรกแตก มันเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคไม่ควรต้องมาเสี่ยงครับ อันตรายมากๆทั้งต่อตนเองและเพื่อนร่วมทาง
-
อย่าไปโทษ dpf เลยครับ รถรุ่นใหม่ที่มี dpf มีอาการน้ำมันเครื่องเกินทุกยี่ห้อครับ เพราะหลักการเผาเขม่า คือพ่นน้ำมันเข้าไปให้ผ่านออกไปทาง valve ไอเสีย แล้วผ่าน DOC ได้ความร้อนเอาไปเผาเขม่า ถ้าขณะเครื่องยนต์กำลัง regen คุณไปขัดจังหวะมันคือดับเครื่อง น้ำมันที่ฉีดออกมา มันก็ตกลงไปในอ่างน้ำมันเครื่อง เกินไม่ใช่เรื่องแปลกครับ ถ้ายังอยู่ในระดับ แต่ถ้าถึงระดับอันตรายรถก็จะเตือน ถ้าฝืนขับไม่สนใจคำเตือน เครื่องก็พังครับ กระณีนำดันของ CX 5 ดูเหมือนว่าปัญหาจะมาจากประเก็นด้วย ตอนนี้ก็แก้กันจบหมดแล้ว
-
น้ำดัน .. คือ น้ำหล่อเย็น ดันออกมาจากหม้อพัก กระจายเต็มห้องเครื่อง ไม่ใช่หรือครับ
น้ำมันเครื่องเกิน .. อันนี้เกิดจาก DPF นั่นแหละ สั่งฉีดน้ำมันเพื่อเผาไหม้ แล้ว เจ้าของอาจจะไม่รู้ตอนมันทำงาน เลยไปดับเครื่อง หรือไม่ได้ใช้รอบสูง ทำให้น้ำมันที่ฉีด เผาไหม้ ไม่หมด กลับลงไปผสมกับน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเกินขึ้นมา
เห็นหลายคัน เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 5 - 7 พันกม. ก็ยังไม่รอด น้ำดัน นะ
แต่เจอใน Gen แรก พวก Gen สอง ยังไม่เจอคันไหนมีปัญหา แต่จะกล้าใช้หรือ ? ในเมื่อ มาสด้า เอง ยังไม่ออกมาประกาศ หรือ แถลงใดๆว่า ปัญหานี้ ได้รับการแก้ไขแล้ว น่ะครับ
.............
รถขับดี สมรรถนะเยี่ยม แต่มาปวดหัว ต้องดูนั่น ระวังนี่ตลอด ขับไปก็ไม่มีความสุขหรอก ... จำยุค Escape / Tribute / CRV G2 ได้ไหม หรือ ยุค Fiesta / City / Vios ได้ไหม
ระยะทางพิสูจน์ม้าครับ
-
ของเพื่อนผมใช้ได้ไม่เท่าไหร่ ต้องขายทิ้ง เค้าบอกเบื่อที่ต้องระวังกันตลอด น้ำมันเครื่องเพิ่มตลอด แก้ไม่จบ
-
เจนแรกบางคันได้เปลี่ยนเครื่อง2ครั้งแล้วก็มี ระบบรุ่นใหม่ก็คงเดิม สุดท้ายเปลี่ยนนำ้มันเครื่องทุก3000กิโลก็ยืดอายุได้แต่ก็พังอยู่ดี ผมติดตามในเพจช่วยเหลือและเพจบ่นรถเพราะชอบหน้าตา ลองขับแล้วชอบช่วงล่าง ชอบสีเงินและสีแดง ของโฉมใหม่ ตามมาราว2ปี ผมยอมมีความสุขน้อยลงในการขับ ยอมขับรถกะป๋อบประกอบห่วย ยอมขับรถช่วงล่างดังยางดังแต่ไม่ต้องคอยระวังรถตายเครื่องพังดีกว่า