Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: 0% ที่ มิถุนายน 22, 2019, 11:20:19
-
เปิดมาราคาถูกดี ทำไมถึงได้ถูกกว่าชาวบ้านเขา
ได้กระแสแรง อีกหน่อยใครจะมาขายกลุ่มตลาดนี้ คงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบ
รถ full EV หลังจากนี้จะมีรุ่นอะไรบ้างครับ tesla จะเข้าไทยบ้างไหม
-
ได้เปรียบทางด้านภาษี FTA ไทย-จีน และ MG ตั้งใจให้เกิดรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง เลยไม่บวกกำไรเยอะ
-
อยากขายเยอะๆ. ก็เลยตั้งราคาไม่แรง
-
ภาษีนำเข้า 0% ก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักๆ คือเขาเอากำไรน้อยครับ เพราะเขามองว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่เหมือนยี่ห้ออื่นที่กะเอากำไรแบบคันต่อคันให้คุ้มเลยเช่นแบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลี แต่ก็เข้าใจได้เพราะเขาถือว่าเอาเท้าจุ่มน้ำ ไม่ได้ทุ่มสุดตัวแบบ MG
รถ EV ของยี่ห้ออื่นน่าจะอีกอยากน้อย 3 ปีครับ คือพวกรถญี่ปุ่น โตโยต้าน่าจะมาผลิตในไทยเลย
ของเกาหลีก็ราวๆ อีก 3 ปีจะมีผลิตในอินโดนีเซีย นำเข้า 0% เหมือน MG แต่ราคาคงไม่ถูกเท่า
ส่วนที่อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออกที่สุดก็คงจะเป็นนิสสัน เล่นตั้งราคามา 1.99 แล้วหวังว่าจะมียอดและกำไรไปคุยกับเบื้องบน แต่ MG ออกราคามางี้ จะมาผลิตไทยคงต้องพักโครงการไว้ก่อน
เพราะต่อให้ผลิตไทยจริงราคาก็ไม่ได้ถูกลงนัก อย่างดีก็ 1.5 ล้าน แล้วถ้ามาตั้งราคานั้นจริง คนที่ซื้อ 1.99 คงเจ็บปวดพอสมควร
ส่วน Tesla นั้นก็ต้องรอ Grey อย่างเดียวครับ แต่ Tesla ก็จะโดนภาษีในจีน จำไม่ได้กี่เปอร์เซนต์ ทำให้ราคาไม่ได้ถูก อย่างดีเลยก็เกิน 2 ล้านแน่ๆ สำหรับ Model 3 แต่ก็คงถูกกว่านำเข้าจากที่อื่นอยู่ดี
-
กรณี MG ซึ่งเข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไข FTA ก็สามารถนำราคา CIF มาคำนวณภาษี สรรพสามิต มหาดไทยและมูลค่าเพิ่ม ได้เลย ซึ่งคร่าวๆก็ประมาณเกือบ 10% เท่านั้น
ประกอบกับทาง MG อาจจะช่วยเรื่องราคาตั้งต้น CIF ให้ราคาต่ำลงบ้าง ก็ช่วยลดภาษีได้อีก
และสุดท้าย การบวกคอสบริหารจัดการต่างๆ สต็อคอะไหล่ การรับประกัน กำไรตัวแทนจำหน่าย และอื่นๆ ที่ไม่สูง
รวมกันแล้วราคาจึงออกมาอย่างที่เห็นครับ
-
เหตุผลสำคัญอีกข้อนึง ... คือ ... มันเป็นโอกาส / เป็นจุดเปลี่ยน / เป็นจุดได้เกิด ของ ตัวเองในไทย
ถ้าไม่ตั้งราคาให้จูงใจ - ดึงดูด - ให้ลูกค้ารู้สึกว่า " คุ้มค่าเสี่ยง " ... โอกาสเกิด ก็เป็น 0
ปล. ขนาดตั้งราคามาแบบนี้ .. ยังไม่รู้เลยว่า จะเกิดมั้ย ??
เพราะมันไม่ใช่แค่ มือถืออย่าง I-Phone รุ่นแรก ... หน้าจอเต็มด้าน - กดบนจอ ก็สั่งงาน ใช้เครื่องได้
แต่ราคาแค่ 2-3 หมื่น ...
นี่มันรถทั้งคัน .. หลักล้าน ถ้าลองซื้อมาแล้ว ใช้งานไม่เวอร์ค ไม่ดีจริง ขาดทุน 1 ล้าน ...
คนที่จะยอมเสี่ยงซื้อมาใช้ล็อตแรก คงมีแค่หลักสิบ-หลักร้อย
-
ถ้าประกอบในประเทศราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จะเป็นไปได้มั้ยครับ
-
ผมเดาเอาเองว่า เขามองการณ์ไกล
ไม่ได้หวังเน้นกำไรเยอะๆ ต่อคัน
แต่ต้องการสร้างฐานลูกค้า ต้องการสร้างตวามเชื่อมั่น แบบว่า ถ้าคนนึกถึงรถ EV ต้องนึกนึก MG เป็นอันดับต้นๆ ครับ
-
ถ้าประกอบในประเทศราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จะเป็นไปได้มั้ยครับ
เป็นไปได้ครับ เดาว่าที่ตั้งราคานี้เพื่อให้เกิดได้ง่ายและมีช่องว่างราคาระหว่างตัว ZS ธรรมดา เมื่อมีตัวประกอบในประเทศ และเป็นไปได้ ถ้าประสบความสำเร็จMGอาจจะย้ายฐานการผลิตพวงมาลัยขวามาไทยเลยก็ได้เพราะในจีนขายแต่พวงมาลัยซ้าย ตัวน้ำมันก็ผลิตในไทยอยู่แล้ว
อีกอย่าง ถ้ามันคือรถEVดัดแปลง แบบนี้ในอนาคต จัดชุดkit EV มาใส่ รุ่นZSน้ำมันมือสองกันเลยมั้ย
-
วางแผนจริงจัง ประกอบกับได้จังหวะดี อีกปี2ปี ออกโมเดลใหม่ ประกอบไทย ยอดขายมาเต็มๆ คนที่ซื้อก่อน(1000แรก) ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใช้ไป5-8ปี ขายต่อราคาก็ไม่ตกมาก(คหสต.) ครับ..ไม่เหมือนรถไฮบริดแน่นอน(คหสต.)
-
MG ZS ตัวปกติที่จีนขาย ราว 400,000 บาทเองครับ / ที่ไทยขาย ล่าง 670,000 บาท แพงเพราะเจอภาษี 25 % ครับ
MG ZS EV ตัวที่จีนขาย ราว 600,000 บาทเองครับ / ข้ามทะเลมาไทย 1.2 m นี่ขนาด ภาษีนำเข้า 0 % สรพสามิต ไม่รู้
สรุป เค้าไม่ได้ขายถูกครับ เค้าขายแพงแล้วละ เอากำไรแล้วละ แต่ต้นทุน มันถูก ตามข้างบน
-
ราคาตั้งมาได้ดี แต่ในช่วง maintenance นี่สิ ต้องดูกันยาวๆ การบริการอะไหล่ก็เป็นต้นทุนเยอะเหมือนกัน
-
MG ZS ตัวปกติที่จีนขาย ราว 400,000 บาทเองครับ / ที่ไทยขาย ล่าง 670,000 บาท แพงเพราะเจอภาษี 25 % ครับ
MG ZS EV ตัวที่จีนขาย ราว 600,000 บาทเองครับ / ข้ามทะเลมาไทย 1.2 m นี่ขนาด ภาษีนำเข้า 0 % สรพสามิต ไม่รู้
สรุป เค้าไม่ได้ขายถูกครับ เค้าขายแพงแล้วละ เอากำไรแล้วละ แต่ต้นทุน มันถูก ตามข้างบน
เห็นด้วยครับ ราคามันไม่ได้ถูกอะไรเลย กำไรเยอะมากด้วย ถ้าจะว่าราคาถูกควรจะตั้งราคาประมาณ700,000 -800,000 บาท ผมว่าเค้ามองเกมขาดอยู่แล้วที่รู้ว่าต้นทุนไม่แพง ขายในราคานี้ก็ได้กำไรอู้ฟู่
-
MG ZS ตัวปกติที่จีนขาย ราว 400,000 บาทเองครับ / ที่ไทยขาย ล่าง 670,000 บาท แพงเพราะเจอภาษี 25 % ครับ
MG ZS EV ตัวที่จีนขาย ราว 600,000 บาทเองครับ / ข้ามทะเลมาไทย 1.2 m นี่ขนาด ภาษีนำเข้า 0 % สรพสามิต ไม่รู้
สรุป เค้าไม่ได้ขายถูกครับ เค้าขายแพงแล้วละ เอากำไรแล้วละ แต่ต้นทุน มันถูก ตามข้างบน
ราคาขายจริงในจีนก่อน Subsidies ราคาประมาณ 8 แสนครับ
ถามว่านำเข้ามากำไรมั้ย กำไรแน่นอน
แต่ไม่อู้ฟู่เหมือน Leaf ครับ
-
วางแผนจริงจัง ประกอบกับได้จังหวะดี อีกปี2ปี ออกโมเดลใหม่ ประกอบไทย ยอดขายมาเต็มๆ คนที่ซื้อก่อน(1000แรก) ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใช้ไป5-8ปี ขายต่อราคาก็ไม่ตกมาก(คหสต.) ครับ..ไม่เหมือนรถไฮบริดแน่นอน(คหสต.)
ใช้ไป 5-8 ปี ผมว่าราคาตกนะ ตกมากด้วย เพราะ 5-8 ปีนี่แบตเสื่อมไปเยอะแล้วนะครับ
แบต 44 kw ด้วย ราคาหลักแสน - หลายแสนแน่นอน (วันนี้ยังไม่มีคนพูดเรื่องราคาอะไหล่แบตเลยครับ)
ไหนจะพวกอินเวอร์เตอร์, อุปกรณ์ชาร์จ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อีก
สิ่งใดที่อยู่ในรถไฮบริดแล้วทำให้คนกลัวค่าใช้จ่าย สิ่งนั้นอยู่ใน EV แบบใหญ่กว่า แพงกว่า ทั้งหมดครับ
-
วางแผนจริงจัง ประกอบกับได้จังหวะดี อีกปี2ปี ออกโมเดลใหม่ ประกอบไทย ยอดขายมาเต็มๆ คนที่ซื้อก่อน(1000แรก) ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใช้ไป5-8ปี ขายต่อราคาก็ไม่ตกมาก(คหสต.) ครับ..ไม่เหมือนรถไฮบริดแน่นอน(คหสต.)
ใช้ไป 5-8 ปี ผมว่าราคาตกนะ ตกมากด้วย เพราะ 5-8 ปีนี่แบตเสื่อมไปเยอะแล้วนะครับ
แบต 44 kw ด้วย ราคาหลักแสน - หลายแสนแน่นอน (วันนี้ยังไม่มีคนพูดเรื่องราคาอะไหล่แบตเลยครับ)
ไหนจะพวกอินเวอร์เตอร์, อุปกรณ์ชาร์จ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อีก
สิ่งใดที่อยู่ในรถไฮบริดแล้วทำให้คนกลัวค่าใช้จ่าย สิ่งนั้นอยู่ใน EV แบบใหญ่กว่า แพงกว่า ทั้งหมดครับ
มันแพงเพราะ ต้นทุนยังสูง
แต่หากมองระยะยาว คนใช้แพร่หลาย เป็นไปได้อาจ ที่ แบตจะถูกลง เล็กลง ตามเทคโนโลยี
คงไม่มีใครคิดว่า เราจะได้ใช้โทรศัพย์ ทัชสกรีน ในราคา 2,000 เมื่อ 10 ปีก่อน
-
MG ZS ตัวปกติที่จีนขาย ราว 400,000 บาทเองครับ / ที่ไทยขาย ล่าง 670,000 บาท แพงเพราะเจอภาษี 25 % ครับ
MG ZS EV ตัวที่จีนขาย ราว 600,000 บาทเองครับ / ข้ามทะเลมาไทย 1.2 m นี่ขนาด ภาษีนำเข้า 0 % สรพสามิต ไม่รู้
สรุป เค้าไม่ได้ขายถูกครับ เค้าขายแพงแล้วละ เอากำไรแล้วละ แต่ต้นทุน มันถูก ตามข้างบน
สเปกไทยนี่ไม่น่าจะใช่รุ่น6แสนนะครับ น่าจะรุ่นท็อปเลย ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ น่าจะแปดแสนได้มั้งครับ
ระบบช่วยขับนี่มาเต็มหมดทุกตัวเลย กลายเป็นรถที่ราคาต่ำสุดในตลาดที่มีระบบช่วยขับครบสุด
-
วางแผนจริงจัง ประกอบกับได้จังหวะดี อีกปี2ปี ออกโมเดลใหม่ ประกอบไทย ยอดขายมาเต็มๆ คนที่ซื้อก่อน(1000แรก) ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ ใช้ไป5-8ปี ขายต่อราคาก็ไม่ตกมาก(คหสต.) ครับ..ไม่เหมือนรถไฮบริดแน่นอน(คหสต.)
ใช้ไป 5-8 ปี ผมว่าราคาตกนะ ตกมากด้วย เพราะ 5-8 ปีนี่แบตเสื่อมไปเยอะแล้วนะครับ
แบต 44 kw ด้วย ราคาหลักแสน - หลายแสนแน่นอน (วันนี้ยังไม่มีคนพูดเรื่องราคาอะไหล่แบตเลยครับ)
ไหนจะพวกอินเวอร์เตอร์, อุปกรณ์ชาร์จ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อีก
สิ่งใดที่อยู่ในรถไฮบริดแล้วทำให้คนกลัวค่าใช้จ่าย สิ่งนั้นอยู่ใน EV แบบใหญ่กว่า แพงกว่า ทั้งหมดครับ
มันแพงเพราะ ต้นทุนยังสูง
แต่หากมองระยะยาว คนใช้แพร่หลาย เป็นไปได้อาจ ที่ แบตจะถูกลง เล็กลง ตามเทคโนโลยี
คงไม่มีใครคิดว่า เราจะได้ใช้โทรศัพย์ ทัชสกรีน ในราคา 2,000 เมื่อ 10 ปีก่อน
รถไฮบริดคนก็พูดแบบนี้แหละ ระยะยาวนี่กี่ปีครับ ผมให้10ปีเลย ราคามันก็ลงมันลงจริงแต่มันก็ยังอยู่ในระดับแพงมาก อยู่ดี สมมุติแบต รถ ev ก้อนละ 500,000 5ปีผ่านไปลดราคาลงเหลือ 400,000 ถามว่าแพงไหม มันก็ยังแพงอยู่ดี ราคามือ2ไม่ต้องสืบ ตกกว่าไฮบริดแน่นอน ชิ้นส่วนน้อยแต่แพงจริงแต่ชิ้นนึงแพงโหดแน่นอน
-
ค่ายนี้เอาราคามาเป็นจุดขายอยู่แล้วด้วยครับ ทุกรุ่นเลย เวลาเปิดตัวมา ราคาว้าวจริงๆ
-
รถไฮบริดคนก็พูดแบบนี้แหละ ระยะยาวนี่กี่ปีครับ ผมให้10ปีเลย ราคามันก็ลงมันลงจริงแต่มันก็ยังอยู่ในระดับแพงมาก อยู่ดี สมมุติแบต รถ ev ก้อนละ 500,000 5ปีผ่านไปลดราคาลงเหลือ 400,000 ถามว่าแพงไหม มันก็ยังแพงอยู่ดี ราคามือ2ไม่ต้องสืบ ตกกว่าไฮบริดแน่นอน ชิ้นส่วนน้อยแต่แพงจริงแต่ชิ้นนึงแพงโหดแน่นอน
ไฮบริด มันต้นทุนสูงกว่า มีทั้งเครื่อง และ แบตไงครับ มันเลย งง งงง เบลอ เหมือนเป็น รถ Hi performance มากกว่า
แต่ EV ผมมองว่า ต้นทุนเมื่อตัดเครื่องยนต์ไป 100 % มันน่าจะมีอนาคตกว่า