Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto ที่ มิถุนายน 23, 2019, 11:00:16
-
ตอนนี้ผมขับรถในเขต สมุทรปราการอย่างเดียว แทบไม่ได้ออก ตจว เลย ขับรถไปทำงานหรือห้างเท่านั้น
ไม่ได้ใช้ความเร็ว รถติดมากตลอดทางยิ่งออกจากบ้านสายหน่อย แค่ 6 โมงกว่ารถติดหนักใช้ความเร็วไม่ได้ ค่อย ๆ คลานไปกว่าจะออกถนนใหญ่ พอออกถนนบางนาตราดค่อย ๆ ขับตามกันไป ขับไม่เกิน 60-80 ไม่นานก็เบรคกันเป็นทอด ๆ แล้ว
ตอนเย็นรถติดหนึบ คลานตามกันไปกว่าจะถึงบ้าน ปาเข้าไป 2 ชั่วโมง
สรุป ตอนนี้รถไม่ได้ใช้สมรรถนะอะไรเลย พวกอ๊อพชั่นทั้งหลายใช้งานแค่ แอร์ เครื่องเสียงฟังวิทยุ AM กับคลื่น FM เพลงเก่าในอดีต กับรถกว้าง ๆ เอาไว้ใส่ของกับ นอนในรถเพราะขับไม่ไหวง่วงนอนก็จอดนอนในปั๊ม
คันต่อไปจะออกรถให้ภรรยาใช้ ผมคงเน้นไปที่ ดู ๆอาจเอามือ 2 นี่ละ เน้นพอใช้งาน
1 เครื่องเล็ก เน้นประหยัดน้ำมัน กับรถติด ๆ เป็นหลัก รถอะไรเจอรถติดการจราจรบ้านเราก็กินทั้งนั้น
2 อ๊อพชั่น การทรง ตัว การขับขี่ สารพัดรูปแบบ คงไม่เลือก เพราะไม่ได้ใช้งานเลย ขับได้ 80 ซัก 5 นาทีก็หรูแล้วในแต่ละวัน
3 พวกถุงลมสารพัดใบ มีกี่ถุง ผมไม่เอา เอาแค่ 2 ใบพอแระ เพราะรถจอดติดค่อย ๆ คลานไป เอาไปมากก็แพง
4 หารถกว้าง ๆ เก็บของได้เยอะ นั่งสบาย นอนสบาย เอาไว้จอดงีบหลับในปั๊ม
5 รถต้องมีเครื่องเสียงดี รับวิทยุ AM FM ได้ทุกคลื่น ฟังเพราะ ชอบฟัง อ วีระ ด่าคนฟังที่โทรเข้ามา ชอบฟังเพลงเก่าจากดีเจ รุ่นเก่า ๆ พวก USB MP3 ผมไม่ฟังหรอก ชอบการจัดรายการของดีเจรุ่นเก่า ๆ มากกว่า
6 ยางไม่ต้องใหญ่ ล้อไม่ต้องใหญ่ สิ้นเปลืองเกิน ยางผมหันมาใช้ยางราคาถูก ยี่ห้อทั่วไป เน้นจอดติดบนถนนน ไม่เน้นยางสมรรถนะ
7 แอร์เย็น รถจอดติดแอร์ก็ต้องเย็นสบาย
8 หารถไม่จุกจิก ซ่อมถูกสุด ไม่เน้นซ่อมเรื่อยไม่ทน ประเภทพัดลมไฟฟ้าตัวเดียว ใช้งานไม่เกิน 1 แสนโลพังก็ไม่อยากเลือก
9 เพิ่มเติม เกียร์คงเอาแค่ AT ธรรมดา พวก หลาย speed 7-10 speed ไม่อยากได้ ทุกวันนี้วิ่งแค่ 3 เกียร์เองมั้ง รถติดมาก
-
หลายๆอย่างเห็นด้วยครับ
แต่ส่วนตัวถ้าเจอสถานการณ์นี้ คงเล่น ECO Car ป้ายแดงครับ
-
ถึงจะขำ ๆ แต่ก็เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ครับ
บางครั้งผมพยายามขับรถให้สุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้
หัวใจสำคัญของการขับสุภาพคือ ต้องขับให้นุ่มนวลครับ
เบรคและเร่งให้นุ่มนวล ก่อนจะขยับเปลี่ยนตำแหน่งไปไหนให้มีไฟเลี้ยวล่วงหน้า
เมื่อขับรถที่ต่างคันกัน ต่างสมรรถนะกัน แต่การขับยังเป็นรูปแบบนี้อยู่
ผมพบว่าผมไม่ต้องการรถที่บิดสูง ๆ มากไปกว่าอีโค่คาร์เลยครับ
สรุปว่าถ้าเราต้องการขับรถให้เนียน ขับในระยะทางสั้น ต้องการความประหยัด เราไม่ต้องใช้รถที่แพงเกินความจำเป็นเลยครับ
** การขับรถให้เนียนในอุดมคติ อาจจะไม่ประหยัดสูงสุด เพราะต้องเว้นระยะจากคันหน้าให้เหมาะสม
เมื่อรถคันหน้าเร่งเร็ว และเรามีรถตามหลังมา และเราไม่สามารถหลบให้ได้ เรามีแต่จะต้องเร่งตามไปเท่านั้นครับ
ซึ่งจะทำให้ไม่ประหยัดสูงสุดครับ
-
ผมก็ไม่ได้ต้องการพวกอ็อพชั่นที่ไม่จำเป็นซึ่งแต่ละยี่่ห้อยัดใส่เข้าไปโดยไม่ได้ใช้ทำให้รถแพงโดยใช่เหตุ (บางยี่ห้อลดคุณภาพตัวรถเพื่อไปใส่อ็อพชั่นไร้สาระ)
-
55 ตามนั้นเลยครับ .. นี่ตั้งแต่เอา MX5 มาใช้ วันที่ขับแบบมีความสุขแทบจะนับหนได้ ส่วนใหญ่ได้แต่นั่งรถติด อึดอัดๆในรถแคบๆ ::)
-
เวลาเลือกรถให้ดูลักษณะการใช้ ไม่ใช่เลือกตามคนอื่นหรือตามกระแส
ไม่ใช่ถามคนอื่นว่าเลือกรถอะไรดี เค้าไม่รู้หรอกว่าคุณอยากได้อะไรในรถหนึ่งคัน
และคุณใช้แบบไหน
-
มิน่า รถไฟฟ้าล้วน ถึงมาแรง
-
ผมอยากสัมผัส คำว่า น้ำมัน 300 วิ่ง 5 วันในเมือง เติมอาทิตย์ล่ะครั้ง
-
คิดเหมือนผมเลยครับ
จากบ้านผม
- ไปที่ทำงาน ถ้าออก 6 โมงเช้า 10 นาทีถึง ถ้าสาย 1 ชั่วโมง, ช่วงเย็นอาจถึง 1.5 ชั่วโมง
- ไปห้าง Hypermarket ตลาด ถ้ารถไม่ติด 10-15 นาที
ผมแทบไม่มีโอกาสใช้ความเร็วรถ เกิน 80 km/hr ส่วนมาก 30-40 ได้
ขอแค่รถที่เบาะสบาย, วัสดุที่ดี, เครื่องเสียงที่ฟังได้, บรรยากาศผ่อนคลาย แค่นั้นจริง ๆ
ซึ่งกลุ่ม B segment ตอนนี้ผมว่ามันยังไม่ตอบโจทย์ผม
ตอนนี้ผมรอดู 1 Series หรือ V60 ไม่รู้ว่าจะมาไหม
ในใจอยากลอง Electric Vehicle ครับ คิดว่าในไทย มันยังต้องใช้เวลาอีกนาน
แต่คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ชีวิตในเมืองได้ดี
-
ตรงข้ามเลยครับ
ตอนนี้ขอคันใหญ่ เงียบๆ ถุงลมรอบคัน abs bsm vsc มาให้ครบๆ
ความปลอดภัย นั่งสบายต้องมาก่อน ขับ 80 ได้ใช้อุปกรณ์พวกนี้
เครื่องไม่แรงไม่เป็นไร
-
แนะนำซื้อ อีโค่คาร์ใช้วันธรรมดา
แล้วเก็บเงินซื้อบีเอ็มM2 ไว้ขับเสาร์อาทิตย์วิ่งออกตจว.
ทางด่วนไปชลบุรีก็ฟินได้ เสพสมถรรณะรถกันให้หายอยาก
-
เรื่องแบบนี้ แล้วแต่สะดวกเลย
แต่ควรยืนพื้นเน้นความปลอดภัยอันดับแรก
-
ลองดูความเสียหายของรถที่ทดสอบการชนดูนะครับว่าเสียหายแค่ไหน แค่ 60 km/h ก็รุนแรงมากพอสมควรนะครับ
-
ผมกลับคิดตรงกันข้าม เพราะไม่อยากมีรถหลายคัน อยากมีแค่ 2 คัน ดังนั้นตอนซื้อผมจะซื้อรถที่กระเทยที่สุด คือใช้งานได้หลายรูปแบบ คันใหญ่ที่สุดเท่าที่จะขับได้ เครื่องใหญ่ที่สุดที่รุ่นนั้นมี เพราะยังไงผมก็ชอบนั่งรถติดบน PPV มากกว่า Eco car ครับ และถ้ายิ่งโดนชน หรือไปชนเค้า ขอคันใหญ่ไว้ก่อนดีกว่าครับ
-
ผมอยู่ ตจว ถ้าขึ้นขับรถ คือ ขับระดับ 100 กม.ขึ้นไปตลอด
ปกติ ใช้ SUV อยู่ ไม่เคยมีปัญหากับมัน พอออกอีกคัน อยากได้คันเล็กกระทัดรัด แต่ขอแอบแรงนิดนึง เลยได้ C Segment ท้ายตัดมาคัน Airbag 6 ใบ, ระบบช่วยการทรงตัว, ชุดเบรคใหญ่พิเศษ
ผลเหรอ .. รับไม่ได้ ครับ
ดีอย่างเดียว คือ เข้า กทม. คันเล็ก มุดง่ายดี จอดง่ายดี มีกล้องหลังให้ใช้
นอกนั้นเหรอ .. ช่วงล่างไม่เกาะ แต่เด้ง, เบาะนั่งไม่สบายปวดหลังมากมาย, พวงมาลัยไม่คม เบาเกินไป, เบรคไม่ดี .. กลายเป็น ใช้รถคันนี้เป็น eco car คือ คลานๆในเมืองแทน ถ้าต้องไปไกล ยังไงก็เจ้า อืดๆคันโตๆ นั่นแหละ วิ่งไปเถอะ พันกว่ากม. สิบกว่าชั่วโมง ยังปวดหลังน้อยกว่า ขับคันเล็กแค่ 500 กม. เลยครับ
............
เลยบอกตัวเองไว้ว่า คันต่อไป ยังไงก็คันโตล่ะครับ ถ้าคันเล็ก ก็ต้องยุโรปชั้นดี ล่ะครับ
-
แล้วแต่งบประมาณนะครับ
ต่อให้ขับชิวๆ แถวบ้าน. อันตรายก้อเกิดขึ้นได้จากfactorภายนอกได้
ผมว่า เน้นPPV กับ Europe คันเก่งสักคัน
Eco ไม่แนะนำครับ
-
ถ้าใช้งานแค่นี้มอไซก็เพียงพอแล้วนะ
เวลามีค่ามากที่สุดในชีวิต อย่าเอาไปนั่งในรถติดๆเป็นชั่วโมง
-
คล้ายๆผมเลย วิ่งแต่ในเมือง ทำความเร็วไม่ได้
ผมจบที่ D-Seg ครับ นั่งสบายพื้นที่กว้างเก็บเสียงดี ขับง่าย ช่วงล่างนุ่มนวล ทำให้การเดินทางผ่อนคลายไปเยอะแม้จะรถติด ข้อเสียคือกินน้ำมัน กับหาที่ยอดยากกว่าเดิม
-
ผมก็คิดแบบนั้นแหละเลย อยากได้ fomm มาใช้ แต่ติดปัญหาคือไม่มีที่จอดรถที่ชาร์จไปได้
ตอนนี้อยู่ทาวเฮาส์ ต้องไปจอดที่จอดรถส่วนกลาง
-
แนะนำ bangkok ring ครับ ขับได้ทุกวัน แต่ต้องดึกซัก 3-4 ทุ่มหน่อยนะครับให้รถน้อยๆ ก่อน
ทุกวันนี้ตอนเช้าไปทางปกติครับเพราะติดเหมือนกัน ตอนขากลับถ้าพอมีเวลาจะไปวน bangkok ring ซักรอบให้รถได้ออกกำลังครับ พอดีผมอยู่ไกล้กับทางด่วนครับ
-
ผมว่ายังไงเรื่องความปลอดภัย ก็ยังสำคัญครับ บางทีขับอยู่ดีๆ เราก็โดนคนอื่นชนได้
เพื่อนผมขับในเมือง คลานตามคันหน้าอยู่ๆก็โดนชนท้าย เพราะคนขับเล่นโทรศัพท์
สำหรับผม ถุงลมรอบคัน ระบบความปลอดภัยครบๆ เครื่องแรงพอที่จะแซงสิบล้อแบบไม่ต้องลุ้น
ช่วงล่างนุ่มแต่เกาะถนน ก็พอแล้วครับ
-
รู้สึกอย่างนี้เหมือนกันเลยครับ ::)
วิ่งทางไกลก็ได้ไม่เกิน 120 <-- eco ก็วิ่งได้ทุกคัน
วิ่งในเมืองก็ติดจนคลานๆกันไป
พอลองจัดไฮบริดมาแล้วรู้สึกเลยว่ามันดีต่อใจเวลารถติดครับ
วิ่งช้าๆ เรื่อยๆ กระโปรงหน้ารถไม่ร้อนเลยครับ ฮา
ตรงข้ามกับคันเดิมที่ติดแก๊ส อันนี้กลัวรถติด กระโปรงร้อนฉ่า
ขอช่วงล่างดีๆ ห้องโดยสารพอไม่อึดอัด แอร์เย็นๆ
ความปลอดภัยที่จำเป็นครบๆ ประหยัดน้ำมัน ซ่อมบำรุงปกติ พอแล้วครับ ;D
-
เห็นด้วยกับการใช้รถในเมืองครับ
ผมอยู่ต่างจังหวัด ไปเยี่ยมแม่ บ่อย ใช้เวลาอย่างต่ำ 5 ชั่วโมงกว่าจะถึง
ขอเพียงระบบความปลอดภัยที่ควรได้ อัตราเร่งแซง 80-120 ดีๆ พอแล้วครับ
-
รู้สึกอย่างนี้เหมือนกันเลยครับ ::)
วิ่งทางไกลก็ได้ไม่เกิน 120 <-- eco ก็วิ่งได้ทุกคัน
วิ่งในเมืองก็ติดจนคลานๆกันไป
พอลองจัดไฮบริดมาแล้วรู้สึกเลยว่ามันดีต่อใจเวลารถติดครับ
วิ่งช้าๆ เรื่อยๆ กระโปรงหน้ารถไม่ร้อนเลยครับ ฮา
ตรงข้ามกับคันเดิมที่ติดแก๊ส อันนี้กลัวรถติด กระโปรงร้อนฉ่า
ขอช่วงล่างดีๆ ห้องโดยสารพอไม่อึดอัด แอร์เย็นๆ
ความปลอดภัยที่จำเป็นครบๆ ประหยัดน้ำมัน ซ่อมบำรุงปกติ พอแล้วครับ ;D
ใช่เลยครับ Eco Car ขอคันกว้าง ๆ ก็พอครับ ทุกวันนี้ ไปต่างจังหวัด ก็ไม่ค่อยมีใครวิ่งเกิน 90 กัน (สงสัยกลัวกล้อง) พอคันข้างหน้าชลอความเร็วลง รถมันเลยติด ขับรถไปเที่ยว ตจว.ทุกวันนี้ อึดอัดมาก มองแต่ไมล์ความเร็ว จนทุกวันนี้ ผมเลิกขับรถไปเที่ยวตาม ตจว.แล้วครับ
-
ถูกแล้วครับ เลือกรถให้เหมาะสมกับการใช้งาน
-
ของผม ถ้าใช้ในเมืองนะ คันต่อไปขอ
Lane keeping assist กับ
Adaptive cruise control stop&go
ต้องมา บางรุ่นนี่แทบไม่ต้องจับพวงมาลัยเลยล่ะ ตั้งให้ตามคันหน้าไปก็พอ 555
-
แล้วแต่ชอบครับ
ผมขอรถใหญ่ไว้ก่อนแหละ ถุงลม6ใบอย่างต่ำ แทรคชั่นต้องมี ขอแค่นี้พอ
-
ผมอยากได้คันใหญ่หน่อย ไม่ต้องถึงขั้น PPV อัตราเร่งช่วงต้นเอาจัดๆ แค่นั้นพอ ขับคันเล็กแล้วโดนคันใหญ่เบียด ปาด ประจำ :'(
อ้อ... ขอ adaptive cruise control with low speed ด้วย เบื่อรถติด แล้วก็รำคาญพวกขับสองเท้าให้ไฟเบรคแว๊บๆ
-
เวลาเลือกรถให้ดูลักษณะการใช้ ไม่ใช่เลือกตามคนอื่นหรือตามกระแส
ไม่ใช่ถามคนอื่นว่าเลือกรถอะไรดี เค้าไม่รู้หรอกว่าคุณอยากได้อะไรในรถหนึ่งคัน
และคุณใช้แบบไหน
+1
-
ผมว่ายังไงเรื่องความปลอดภัย ก็ยังสำคัญครับ บางทีขับอยู่ดีๆ เราก็โดนคนอื่นชนได้
เพื่อนผมขับในเมือง คลานตามคันหน้าอยู่ๆก็โดนชนท้าย เพราะคนขับเล่นโทรศัพท์
สำหรับผม ถุงลมรอบคัน ระบบความปลอดภัยครบๆ เครื่องแรงพอที่จะแซงสิบล้อแบบไม่ต้องลุ้น
ช่วงล่างนุ่มแต่เกาะถนน ก็พอแล้วครับ
เห็นด้วย
-
ผมอยู่ ตจว ครับ ภาคอีสาน
อย่าว่าแต่ กทม เลยครับ ขนาดตจว บ้านผมอยู่ชานเมือง ยังหาโอกาสขับรถแบบใช้ performance ยากเลย รถเยอะครับ
แถมแต่ละคัน ทั้งขวา ทั้งซ้าย ทั้งตัดไปตัดมา
ผมเลยตัดสินใจ ปีที่แล้ว ไปถอย บิกไบค์ ค่ายDucaมา ฝึกอบรมขับขี่ ใส่เสื้อการ์ท่อนบน รองเท้าการ์ด หมวก ถุงมือ
ขับไปทำงาน ไปกลับ รวม วันละ20กม
สบายขึ้นครับ ไม่หงุดหงิดรถติด ไม่ขับเกรียน ไม่ขับเกิน 90-100 กลัวตายครับ เห็นมาเยอะ
วันหยุด ค่อยเอารถยนต์ไปออกทริปครับ แบกเรือ แบกเพื่อน อิอิ
-
กรณีของผมกลับกันเพราะต้องขับไปทำงานนอกเมืองใช้เส้นทางด่วนบูรพาวิถีตลอด ปกติผมขับช่วงความเร็ว 100-110 ส่วนมากจะเจอเคสรถขับแช่ 70-80 เลนกลางและรถวิ่งขวาหรือแซงซ้ายกันมาเร็วมาก สมัยก่อนใช้รถระดับ 200 กว่าแรงม้าบางทีจะแซงยังรู้สึกต้องเค้นสมรรถนะของรถ ทุกวันนี้เปลี่ยนมาใช้รถพิกัด 300 เกือบๆ 400 แรงม้าขับไปทำงานกลับผ่อนคลายลงถึงแม้ช่วงล่างจะแข็งตึงตังกว่าเดิม
-
ของผม ถ้าใช้ในเมืองนะ คันต่อไปขอ
Lane keeping assist กับ
Adaptive cruise control stop&go
ต้องมา บางรุ่นนี่แทบไม่ต้องจับพวงมาลัยเลยล่ะ ตั้งให้ตามคันหน้าไปก็พอ 555
เห็นด้วยครับ รถติดๆขอระบบ ACC ดีๆ คลายความเหนื่อยและความเครียดได้มาก นั่งฟังเพลงชิวๆไป
-
ถ้าเป็นผมอยากได้ C-SEGMENT ขับดีๆสักคัน
ในเมืองพอจะมุดได้บ้าง หาที่จอดก็สะดวก หรือบางโอกาสออกต่างจังหวะก็มีกำลัง
รถไม่เล็กไป ความปลอดภัยกลางๆ ซ่อมบำรุงก็สะดวก อะไหล่แพร่หลายไปไหนใครก็ซ่อมได้
ดูแลกันไปครับ
-
ผมว่ายังไงเรื่องความปลอดภัย ก็ยังสำคัญครับ บางทีขับอยู่ดีๆ เราก็โดนคนอื่นชนได้
เพื่อนผมขับในเมือง คลานตามคันหน้าอยู่ๆก็โดนชนท้าย เพราะคนขับเล่นโทรศัพท์
สำหรับผม ถุงลมรอบคัน ระบบความปลอดภัยครบๆ เครื่องแรงพอที่จะแซงสิบล้อแบบไม่ต้องลุ้น
ช่วงล่างนุ่มแต่เกาะถนน ก็พอแล้วครับ
เห็นด้วย
เห็นด้วยครับ
มีเพื่อนน้องสาวคนนึง หน้าที่การงานดี เงินเดือน 6 หลัก ซื้อรถแพงๆสบายๆ แต่ใช้ eco car วันดีคืนดี ขับเดินทางไกล พาครอบครัวไปเที่ยว ดวงกุด เจอกระบะพุ่งข้ามเลนมาชน
ไปกัน 2 คน คาดเข็มขัดนิรภัยนะครับ โครงห้องโดยสารเสียรูปไม่มาก แต่เสียชีวิตทั้งคู่ครับ
ยังคุยกับน้องเลยว่า ถ้าเค้าใช้สัก C-segment มีถุงลมครบๆ ผมเชื่อว่ารอดนะ
..........
บางที ถ้าเราไม่ลงทุนไว้ก่อน เวลามีเหตุ เงินเท่าไหร่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ
-
ตรงข้ามเลยครับ
ตอนนี้ขอคันใหญ่ เงียบๆ ถุงลมรอบคัน abs bsm vsc มาให้ครบๆ
ความปลอดภัย นั่งสบายต้องมาก่อน ขับ 80 ได้ใช้อุปกรณ์พวกนี้
เครื่องไม่แรงไม่เป็นไร
ใช่เลยครับ
-
ไม่เคยเลือกรถเพราะ Performance อยู่แล้ว
แต่เอาความปลอดภัยมาก่อน
เอาให้ครบที่สุดเท่าที่งบถึง
เพราะเราขับดียังไง คันอื่นไม่ใช่จะขับดีด้วย
ถุงลมสองใบอาจจะไม่พอ กรณีโดนชนด้านข้าง
เบาะโดยสารนั่งสบายก็สำคัญ ไม่ว่าจะขับใกล้หรือไกล
ถ้าหารถที่ไม่แพงแล้วตอบโจทย์พวกนี้ได้หมดก็ดี
-
เวลาเลือกรถให้ดูลักษณะการใช้ ไม่ใช่เลือกตามคนอื่นหรือตามกระแส
ไม่ใช่ถามคนอื่นว่าเลือกรถอะไรดี เค้าไม่รู้หรอกว่าคุณอยากได้อะไรในรถหนึ่งคัน
และคุณใช้แบบไหน
+1
+2 ครับ
-
ผมว่า Ertiga ตรงโจทย์มากครับ
-
ความคิดผม รถคือบ้านหลังที่ 2 ถ้าไปไหนกับรถ รถต้องดี ตอบโจทย์ผมเรื่องความสบาย ช่วงล่าง ระบบอินโฟเทนเม้น วัสดุ
ถ้าจะจบรถเล็ก ผมไปมาสด้า 2 เท่านั้น
รถใหญ่ก็เน้นภายในสวย เพราะตาผมเห็นตลอด
-
ไม่อยากขับรถแพงหรือหรูเลยครับ
แต่อยากขับรถที่มีความปลอดภัย
option มาครบๆ ซึ่งก็ดันมาอยู่รุ่นที่แพง
ปกติขับแต่ในเมืองวิ่งเกิน 80 ได้
ก็ดีใจแล้ว
-
สำหรับผมถ้าซื้อรถใหม่ คันนั้นต้องระบบ Break Hold ชีวิตดีขึ้นเยอะเวลาขับรถในเมืองครับ
-
ใช้รถนานๆ จะเข้าใจ สัจธรรมเรื่องนี้ครับ
เมื่อก่อนยากได้รถแรง งั้นนี้ ออปชั่นนั่นนี่
เด๋วนี้ ออปชั่นแรกที่อยากได้คือ คนขับรถ
ล้อ18 ช่วงล่างหนึบๆไม่เอา อยากได้ 16 ยางหนา นั่งนุ่มๆ รูดหลุมบ่อสบายๆ ขับกันไม่เกิน 120 ขับในเมืองมีแต่รถติด
ที่เหลือ เอา แอร์เย็น เพลงเปิดแค่วิทยุ ขอที่โล่งๆ พอ
อีกออปชั่น ที่อยากได้มาก คือ ฟิลม กันแดด เด๋วนี้ วีคูลตัวท้อปยังเอาไม่อยู่ ฟิล 80 ยังร้อนได้ เมืองไทยร้อนขึ้นๆ แดดก็แรงมากขึ้นๆ อาจจะติดม่านจริงๆ
พวกออปชั่น อื่นๆแฟนซี ปุ่มนั่นนี่ไม่เอาแล้ว เอาแค่ ความปลอดภัย ถุงลม กับระบบช่วงเหลือพอ
-
กำลังหารถที่มีadaptive cruise control เลย ไม่ได้ใช้กันหรอครับรถติดๆหรือมันไม่น่าไว้ใจ ที่อยากได้เพราะขี้เกียจเหยียบๆเบรคๆตอนรถติดเลยนะเนี่ย :-X
-
เรื่องสมรรถนะน่ะใช่ครับ
แต่เรื่องความปลอดภัย รถคันใหญ่ย่อมได้เปรียบคันเล็กอยู่แล้ว
ครอบครัวผม 2 ปีที่แล้ว ขยับจาก B-seg ไป SUV คันนึงแล้ว เพราะมีลูก ต้องการรถที่ปลอดภัยมากขึ้น + ขนของได้
อีกคันรถภรรยามีแพลนจะขยับจาก B-Seg ไป C-Seg ตาม เพราะต้องการความปลอดภัยเพิ่มครับ
แม้ว่าคันนี้จะขับวันละไม่เกิน 30 ก.ม. แถมเส้นทางที่วิ่งก็ทำความเร็วไม่ได้ แต่ผมก็อยากเพิ่มความปลอดภัยให้กับภรรยาอยู่ดีครับ
-
ส่วนตัวเพิ่งเขยิบจาก Mazda 2 ขึ้นมาเป็น Honda HR-V ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยและความสะดวกสบายเค่ะ
เราขับรถในเมือง ในช่วงเวลาเร่งด่วนเป็นหลัก เลยไม่ได้เน้นเรื่องช่วงล่างมากนัก
พอเขยิบมาเป็น HR-V แล้ว ตัดสินใจได้เลยว่า รถคันต่อไปเราจะต้องมี Airbag 6 ลูกอย่างต่ำ กับ Break Hold ค่ะ
ที่เหลือขอแค่เบาะกว้างๆที่นั่งสบาย กับ วิทยุ ก็อยู่ได้แล้ว ^^
-
ผมไม่คิดงั้นนะ ถึงจะอยู่กับรถติดๆในเมืองกรุงฯส่วนใหญ่ แต่เชื่อมั้ยว่ารถจะติดแค่ไหนมันก็จะได้เจออะไรที่ได้ใช้รถเต็มที่อยู่ในวันนั้นทุกครั้ง ไม่ว่าเบรกหรืออัตราเร่ง ส่วนสำคัญๆพวก blind spot นี่ของดีเลย
-
คิดเหมือนผมเลยครับ
จากบ้านผม
- ไปที่ทำงาน ถ้าออก 6 โมงเช้า 10 นาทีถึง ถ้าสาย 1 ชั่วโมง, ช่วงเย็นอาจถึง 1.5 ชั่วโมง
- ไปห้าง Hypermarket ตลาด ถ้ารถไม่ติด 10-15 นาที
ผมแทบไม่มีโอกาสใช้ความเร็วรถ เกิน 80 km/hr ส่วนมาก 30-40 ได้
ขอแค่รถที่เบาะสบาย, วัสดุที่ดี, เครื่องเสียงที่ฟังได้, บรรยากาศผ่อนคลาย แค่นั้นจริง ๆ
ซึ่งกลุ่ม B segment ตอนนี้ผมว่ามันยังไม่ตอบโจทย์ผม
ตอนนี้ผมรอดู 1 Series หรือ V60 ไม่รู้ว่าจะมาไหม
ในใจอยากลอง Electric Vehicle ครับ คิดว่าในไทย มันยังต้องใช้เวลาอีกนาน
แต่คิดว่าน่าจะตอบโจทย์ชีวิตในเมืองได้ดี
คิดเหมือนกันเลยครับ เพราะตอนนี้ผมก็ได้ B-Sec ก็ยังรู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์เรื่องความโปร่งสบายเท่าที่ควร
ถ้าอนาคต EV เกิดในไทยก็จะดีมากครับ ทุกวันนี้ก็แค่ขับรถไปจอดอาคาร "จอดแล้วจร" แล้วก็นั่ง MRT ไปทำงาน
ก็ได้แต่ฝันหวานว่า อนาคตน่าจะมีช่องจอด EV พร้อมปลั๊กให้เสียบชาร์จก็จะดีงามมาก (จ่ายตังค์ก็ได้)
ถึงจะไม่ลด Carbon Footprint ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ลดปริมาณฝุ่นและมลพิษบนถนนได้ก็ยังดีครับ