Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: CHANOM ที่ มิถุนายน 24, 2019, 22:40:27
-
ปัจจุบัน เรามีหน้าที่ดูแลรถ 3 คันในบ้าน (รถคุณแม่ รถน้องสาว รถเราเอง) เนื่องจากตารางชีวิตของคนในบ้านไม่ค่อยตรงกัน หลักๆ เราจะมีเวลาเช็ครถในบ้านประมาณ อาทิตย์ละครั้ง คอยดูว่าไฟยังติดทุกดวงไหม เครื่องยนต์เดินปกติหรือเปล่า
ในส่วนของการเช็คระยะ เราพยายามจะเอาเข้าในเดือนเดียวกันทุกคัน (เดือน มิ.ย กับ ธ.ค) รวมถึงการต่อภาษี ที่จะพยายามทำพร้อมกัน เพื่อให้ง่ายต่อตัวเราเอง
รวมถึงพยายามจะกำชับสาวๆในบ้าน ให้ช่วยดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วย แต่ก็...
สองอาทิตย์ที่แล้ว เอารถน้องสาวไปขับ ตัดสินใจแวะเติมลมยาง ถึงได้รู้ว่า รถวิ่งอยู่ด้วยลม 26 ปอนด์
ล่าสุด คุณแม่เพิ่งมาถามว่า ไฟแจ้งน้ำมันหมด ขึ้นมาสองวันแล้ว วิ่งไปได้อีกกี่วัน ตัดสินใจเอารถไปเติมน้ำมันให้ ถึงได้รู้ว่า รถวิ่งเกินกำหนดเช็คระยะมา สองพันกว่ากิโลเมตรแล้ว คนขับก็บอกว่า ไม่ได้สังเกต
.
.
เรายอมรับเลยว่า ตัวเองก็แอบตกหล่นเองในบางเรื่อง ตอนนี้เท่าที่นึกออกก็ ประกันภัยรถคุณแม่ที่จะหมดในอีกสองอาทิตย์ กับ ยางรถคุณแม่ที่วิ่งมาประมาณ 12,xxx กิโลเมตรแล้ว ยังไม่ได้สลับล้อ ไหนจะรถตัวเองที่ป้ายแดงมาเกินเดือนแล้ว
จึงอยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆสมาชิก ที่ตกอยู่ในสภาวะคล้ายๆกัน ว่ามีเคล็ดลับในการจดจำอย่างไรบ้างคะ (ทำตาราง Excel จะเวิร์คไหม) หรือ ว่ามีวิธีไหนบ้าง ที่จะพอทำให้สมาชิกในบ้าน หันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้นได้
ขอบคุณค่ะ ^^
-
ที่ผมดูแล
1. รถตัวเอง 2 คัน CRV G3 กับ Pulsar
2. รถน้องสาว CRV G3
3. รถพ่อ (อันนี้ แค่ประกัน)
รถตัวเอง ผมจดลง excel ใบเสร็จทุกใบ ใส่แฟ้มหมด ผมจะจำของผมได้เอง ยิ่ง pulsar เข้าอู่นอกด้วย ก็จะอิงตามคู่มือดูแลรถรุ่นนี้ใน web
ลมยาง ผมเช็คเดือนละครั้ง ถ้าไม่ได้ไปไหน ก็อัดไป 40 ปอนด์ จะวิ่งไกลค่อยปล่อย จะได้ไม่ต้องเติมบ่อย
เช็คระยะ ขับประจำ เติมน้ำมันก็จดเลขไมล์มาลงอัตราสิ้นเปลืองใน excel ตลอด ไม่มีหลุด
รถน้องสาว อยู่คนละบ้าน แต่ดีตรงเป็นรถรุ่นเดียวกัน และ รถผมมักจะพังก่อน ก็เอาไปทำให้น้อง ปกติ ปีนึงรถเค้า กับ รถผมจะวิ่งไล่ๆกัน เค้าจะเช็คหลังผมสักเดือนสองเดือน พอผมเช็คระยะแล้ว สักเดือนนึง ผมจะไลน์ไป บอกให้ถ่ายเลขไมล์ส่งมา แล้วก็ดูว่า ใกล้ถึงรอบยัง รถหมดประกันแล้ว จะลากให้เช็คลงหมื่นกม จะได้จำง่าย
ส่วนเรื่องรายการ อิงตามคู่มือศูนย์ บางอย่างขี้เกียจจำ อย่างน้ำมันเฟืองท้าย ก็จับเปลี่ยนพร้อมน้ำมันเกียร์
เช็คระยะเสร็จ ก็จะเอามาสลับยางถ่วงล้อตั้งศูนย์เลย จากนั้นอีก 6 เดือนค่อยเจอกัน น้องผมเค้ารู้จักขับรถไปเช็คลมยางเองได้ ถ้ารถผิดปกติก็จะถ่ายคลิป ถ่ายรูปมาบอก
แบตเตอรี่ เปลี่ยนทุกสองปี ไม่ว่าเสียหรือไม่ก็ตาม ทุกเดือนตุลา
ยาง ดูเลขไมล์ทุก 4 หมื่นกม หรือไม่เกิน 3 ปี
ประกันภัย ไม่เคยเปลี่ยนโบรคเกอร์เลยตั้งแต่ปีสอง เค้าเสนอก่อนหมดเดือนนึง ไม่เคยต่อราคา สั่งต่อเลยทุกครั้ง (ทั้งรถผม รถพ่อ)
ต่อภาษี ตรวจสภาพ อันนี้น้องผมจัดการเองได้ ยกเว้นมันขี้เกียจ ก็จะนัดวันที่ผมเข้ากทม แล้วเอารถมาทิ้งไว้บ้านให้ผมขับไปจัดการ
แต่ก็นะ ก็แค่นี้แหละ มีรถญาติ รถลูกพี่ลูกน้อง แม่บอกให้ช่วยจำ ให้ช่วยดูให้เค้าด้วย .... ผมบอกไม่เอาด้วยหรอก concept ในการดูแลรถผมคือ ต้องเนี๊ยบ ต้องสภาพป้ายแดง เข้าศูนย์ อะไหล่แท้ ของเกรดดี แต่พวกนั้น เอาถูกๆ ใช้ไปก่อน มีหวังตีกันตาย และไ่ม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งจำให้เค้าด้วยแหละ
-
ผมเป็นคนที่ขี้เกียจจำ เลยจดใส่ excel เช่นกัน (ส่วนใบเสร็จผมแค่ถ่ายรูปเก็บไว้ ทิ้งกระดาษหมด) พอเปลี่ยนอะไรเมื่อไหร่ก็จะใส่เลขกิโลเมตรหรือวันที่จะต้องเช็คเปลี่ยนอะไหล่นั้นในครั้งถัดไปไว้ใน excel ไว้ล่วงหน้า ใส่สีเหลืองไว้ในช่องนั้น
เวลาว่างๆก็เปิด excel ดูเป็นครั้งคราวว่าใกล้ถึงเวลาต้องทำอะไรหรือยัง , อะไรที่รอบการเปลี่ยนเป็นวันไม่ใช่เป็นกิโลเมตร ก็สามารถตั้งให้เตือนในมือถือได้
เรื่องลมยาง รถผมเก่าแล้ว ไม่มี tpms หรือระบบเตือนเมื่อยางอ่อนใดๆ เลยใช้วิธีซื้อที่วัดมาไว้ที่บ้าน เช็คความเที่ยงตรงของที่วัดในครั้งแรก โดยลองเอารถไปเติมลมที่ปั๊ม เติมเสร็จใช้ที่วัดของเราวัดทันที เพื่อเทียบว่าตรงหรือไม่
คันไหนจอดนานๆก็ทำคล้ายคุณ Tien.W เติมลมยางมากกว่า spec ซัก5 ปอนด์/ตารางนิ้ว
พร้อมมีที่เติมลมไฟฟ้าเสียบที่จุดบุหรี่ แต่เอาไว้ใช้แค่กรณีเหตุฉุกเฉินวัดแล้วลมอ่อนเกิน เพราะเคยศึกษามาว่าถ้าเราใช้ที่เติมของเราเอง จะมีความชื้นปนเข้าไปกับลม แต่ถ้าปั๊มที่มีมาตรฐานจะมีระบบไล่ความชื้น ปกติผมมักเติมที่ rest area ประชาชื่น ดึกๆหน่อย
ประมาณนี้ครับ
-
ยังดีนะที่บ้านผม คุณภรรเมียจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้ รถลมยางอ่อน ถึงเวลาเอารถเข้าศุนย์หรือยัง ถึงเวลาเติมน้ำมันหรือยัง แล้วให้ผมจัดการ
ก็ช่วยๆกันไป
-
เปลี่ยนกันขับอย่างน้อยเดือนละ1ครั้ง
-
ตั้งเป็น Reminder ในโทรศัพท์ครับ
เรื่องต่อทะเบียน / ต่อประกัน กำหนดให้เตือนล่วงหน้าสัก 2 เดือน
เรื่องเช็คระยะ ถ้าวิ่งน้อย ก็ตั้งเตือนทุก 6 เดือน
เช็คทั่วไป เตือนทุกสัปดาห์
ส่วนเรื่องเติมน้ำมันก็ดูตามหน้าปัดรถครับ
ถ้าอนาคตมี iOT รถก็จะนัดกับศูนย์บริการเองครับ
-
หาผู้ชายสักคนช่วยดูแลครับ :D :D :D
-
เดาว่าเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ถึงต้องรับหน้าที่นี้
สามคัน ไม่ได้ยากอะไรครับ ก็ทำไปทีละคัน
ผมเคยมี11คันพร้อมกัน ตอนนี้เหลือสี่คัน ทำเองกับมือแทบทุกรายการ ตั้งแต่ต่อประกัน ต่อทะเบียน ถ่ายของเหลว เปลี่ยยยาง ล้างรถ เคลือบหลังคาผ้าใบ ซ่อม แสกนคอม..
อ้อ ต่อทะเบียนผมซื้อรถจดเดือนใกล้กัน จะได้ส่งไปต่อทีเดียว คันไหนเกิน7ปีก็ขับไปตรวจสภาพก่อน รวมเล่มมาต่อพร้อมกัน
ไม่อยากพึ่งอู่ ก็ต้องเหนื่อยครับ
-
หาตัวช่วย ให้ดูแลง่ายขึ้น
อย่างลมยาง หาซื้อ TPMS มาใช้
ใน shopee lazada ราคาไม่ถึงพัน
ไม่ได้ละเอียดแม่นเป๊ะเหมือนแบบแพงๆ
แต่พอทำให้รู้เมื่อผิดปกติ
พวกกรองอากาศ กรองแอร์ ผมเปลี่ยนปีละครั้งพร้อมกันทุกคัน ช่วงสงกรานต์
พวกที่อยู่ใต้ฝากระโปรง
น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำหม้อน้ำ น้ำฉีดกระจก แบต
เช็คเดือนละครั้ง
-
รถยุโรปที่หมดวารันตีแล้วผมใช้บริการเรียกช่างมาดูแลให้ที่บ้านเลยครับ ถึงรอบเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็โทรนัดแล้วเค้าก็เตรียมอุปกรณ์มาง่ายดีครับพร้อมลบ service code ไม่แพงด้วยครับ (ผมอยู่ต่างจังหวัด) อยู่ กทม ของหาดูครับเห็นในกลุ่มของยี่ห้อต่างๆ ก็จะมีช่างดีๆ บริการถึงบ้านเยอะเลยครับ
รถยี่ปุนให้คนขับรถขับไปเช็คให้
>> ประกันกับต่อทะเบียน ก็ให้บริษัทประกันดูแลให้ทั้งบ้าน ถึงเวลาเค้าโทรมาแจ้ง
ส่วนเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะใช้คันไหน ก็ตรวจดู ลมยาง ระดับน้ำหม้อน้ำ หรือขับเข้าบีควิก ก็ได้ครับ ก่อนเดินทางก็เดินวนรอบรถซักรอบหนึ่งตรวจเช็คความพร้อมเพื่อความปลอดภัย
-
ปกติเวลาเอารถไปทำอะไร ไม่ว่าจะเข้าศูนย์ ต่อทะเบียน Service เคลือบแก้ว หรือไปติดอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติม
ผมจะพิมพ์ใส่ Excel ไว้เสมอครับ จดวันที่ รายการ ระยะรับประกัน ราคา และร้านที่ทำ ครับ ส่วนใหญ่คันที่ใช้เองก็จะจดครบหมด แต่คันอื่นๆในบ้านก็มีตกหล่นบ้าง ถ้าเราไม่รู้หรือคนอื่นเอาไปทำครับ
อีกอย่างนึง รถทุกคันในบ้านจะมีแฟ้มประจำตัวทุกคันครับ ไว้เก็บเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับรถ เช่น ใบจอง ใบเสร็จต่างๆ สัญญาไฟแนนซ์ ใบจ่ายค่างวด กรมธรรม์ประกันภัยอันเก่าๆ สำเนาทะเบียนรถ ใบรับประกันต่างๆ เอกสารการเคลม แม้กระทั่งใบสั่ง พยายามจะเก็บเอกสารทุกอย่างให้ครบเท่าที่จะครบได้ครับ
เรื่องลมยาง ผมก็เล็ง TPMS ไว้อยู่เหมือนกันครับ กำลังดูๆหารุ่นและราคาที่น่าสนใจอยู่ครับ ส่วนเรื่องเช็คระยะ เคยเกินมาพอๆกันครับ ยังไม่มีปัญหาอะไรนะ
-
ผมดูแลรถ 2 คัน
รถตัวเอง เข้าศูนย์เช็คระยะ เคสนี้ง่ายหน่อย เพราะเข้าตามรอบทุก 10,000 ก.ม.
ส่วนรถภรรยา ไม่ยอมเอาเข้าศูนย์ ก็คอยหมั่นเปิดฝากระโปรง เช็ค น้ำ น้ำมันต่างๆ เอารถไปขับบ้าง เพื่อสังเกตอาการครับ
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค ทุก 2 ปี(ใช้ปีละราวๆ 15,000 ก.ม.)
ยางเปลี่ยนทุก 2-3 ปี แล้วแต่สภาพยางเป็นหลักครับ ชุดล่าสุด ใช้ได้ราวๆ 2 ปี เห็นแตกลายงาแล้ว ปลายปีคงได้เปลี่ยน ลาขาดกับเจ้าดีปีเดียวซะที
-
ผมก้อเคยต้องดูแลรถคนในบ้าน ทั้งๆที่แยกบ้านกันอยู่ตั้งนานแล้ว และก้อไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่ดูแลกันเองบ้าง เอะอะก้อใช้เรา เลยโวยแบบใหญ่ๆไปรอบนึง เดี๋ยวนี้เค้าก้อเอารถเข้าศูนย์ ไปร้านยางเองกันได้แล้วครับ ดีใจจัง
-
ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำนะคะ
ส่วนตัวไม่ค่อยใช้งานคอมพิวเตอร์นอกเวลางานเท่าไหร่ แต่เห็นหลายท่านมีการใช้ Excel ในการเก็บข้อมูล
สงสัยเราต้องเริ่มทำแล้วในจุดนี้แล้วเหมือนกันค่ะ เพราะทุกวันนี้ก็อาศัยพยายามจำเลขไมล์/เดือน คร่าวๆเอา
ซึ่งสมาชิกในบ้าน บางเดือนก็ใช้รถเยอะ บางเดือนก็แทบไม่ใช้ ทำให้เลขไมล์/ระยะเวลา ก็คาดเคลื่อนอยู่เหมือนกันค่ะ ^^"
ที่ผมดูแล
1. รถตัวเอง 2 คัน CRV G3 กับ Pulsar
2. รถน้องสาว CRV G3
3. รถพ่อ (อันนี้ แค่ประกัน)
รถตัวเอง ผมจดลง excel ใบเสร็จทุกใบ ใส่แฟ้มหมด ผมจะจำของผมได้เอง ยิ่ง pulsar เข้าอู่นอกด้วย ก็จะอิงตามคู่มือดูแลรถรุ่นนี้ใน web
ลมยาง ผมเช็คเดือนละครั้ง ถ้าไม่ได้ไปไหน ก็อัดไป 40 ปอนด์ จะวิ่งไกลค่อยปล่อย จะได้ไม่ต้องเติมบ่อย
เช็คระยะ ขับประจำ เติมน้ำมันก็จดเลขไมล์มาลงอัตราสิ้นเปลืองใน excel ตลอด ไม่มีหลุด
รถน้องสาว อยู่คนละบ้าน แต่ดีตรงเป็นรถรุ่นเดียวกัน และ รถผมมักจะพังก่อน ก็เอาไปทำให้น้อง ปกติ ปีนึงรถเค้า กับ รถผมจะวิ่งไล่ๆกัน เค้าจะเช็คหลังผมสักเดือนสองเดือน พอผมเช็คระยะแล้ว สักเดือนนึง ผมจะไลน์ไป บอกให้ถ่ายเลขไมล์ส่งมา แล้วก็ดูว่า ใกล้ถึงรอบยัง รถหมดประกันแล้ว จะลากให้เช็คลงหมื่นกม จะได้จำง่าย
ส่วนเรื่องรายการ อิงตามคู่มือศูนย์ บางอย่างขี้เกียจจำ อย่างน้ำมันเฟืองท้าย ก็จับเปลี่ยนพร้อมน้ำมันเกียร์
เช็คระยะเสร็จ ก็จะเอามาสลับยางถ่วงล้อตั้งศูนย์เลย จากนั้นอีก 6 เดือนค่อยเจอกัน น้องผมเค้ารู้จักขับรถไปเช็คลมยางเองได้ ถ้ารถผิดปกติก็จะถ่ายคลิป ถ่ายรูปมาบอก
แบตเตอรี่ เปลี่ยนทุกสองปี ไม่ว่าเสียหรือไม่ก็ตาม ทุกเดือนตุลา
ยาง ดูเลขไมล์ทุก 4 หมื่นกม หรือไม่เกิน 3 ปี
ประกันภัย ไม่เคยเปลี่ยนโบรคเกอร์เลยตั้งแต่ปีสอง เค้าเสนอก่อนหมดเดือนนึง ไม่เคยต่อราคา สั่งต่อเลยทุกครั้ง (ทั้งรถผม รถพ่อ)
ต่อภาษี ตรวจสภาพ อันนี้น้องผมจัดการเองได้ ยกเว้นมันขี้เกียจ ก็จะนัดวันที่ผมเข้ากทม แล้วเอารถมาทิ้งไว้บ้านให้ผมขับไปจัดการ
แต่ก็นะ ก็แค่นี้แหละ มีรถญาติ รถลูกพี่ลูกน้อง แม่บอกให้ช่วยจำ ให้ช่วยดูให้เค้าด้วย .... ผมบอกไม่เอาด้วยหรอก concept ในการดูแลรถผมคือ ต้องเนี๊ยบ ต้องสภาพป้ายแดง เข้าศูนย์ อะไหล่แท้ ของเกรดดี แต่พวกนั้น เอาถูกๆ ใช้ไปก่อน มีหวังตีกันตาย และไ่ม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งจำให้เค้าด้วยแหละ
ุคุณ Tien.W นี้ เป็นไอดอลเราในการดูแลรักษารถยนต์เลยค่ะ ติดตามมาตั้งแต่ห้องรัชดาแล้ว
เสียดายว่า สมาชิกที่บ้าน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยสนใจเรื่องนี้ การดูแลรักษาส่วนใหญ่ เลยจะเกิดขึ้น เมื่อรถมีอาการมากกว่าค่ะ
ตัวเราเองไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถยนต์เท่าไหร่ ทุกวันนี้ก็พยายามจะทำ preventive maintenance ให้มากที่สุดค่ะ ^^
ผมเป็นคนที่ขี้เกียจจำ เลยจดใส่ excel เช่นกัน (ส่วนใบเสร็จผมแค่ถ่ายรูปเก็บไว้ ทิ้งกระดาษหมด) พอเปลี่ยนอะไรเมื่อไหร่ก็จะใส่เลขกิโลเมตรหรือวันที่จะต้องเช็คเปลี่ยนอะไหล่นั้นในครั้งถัดไปไว้ใน excel ไว้ล่วงหน้า ใส่สีเหลืองไว้ในช่องนั้น
เวลาว่างๆก็เปิด excel ดูเป็นครั้งคราวว่าใกล้ถึงเวลาต้องทำอะไรหรือยัง , อะไรที่รอบการเปลี่ยนเป็นวันไม่ใช่เป็นกิโลเมตร ก็สามารถตั้งให้เตือนในมือถือได้
เรื่องลมยาง รถผมเก่าแล้ว ไม่มี tpms หรือระบบเตือนเมื่อยางอ่อนใดๆ เลยใช้วิธีซื้อที่วัดมาไว้ที่บ้าน เช็คความเที่ยงตรงของที่วัดในครั้งแรก โดยลองเอารถไปเติมลมที่ปั๊ม เติมเสร็จใช้ที่วัดของเราวัดทันที เพื่อเทียบว่าตรงหรือไม่
คันไหนจอดนานๆก็ทำคล้ายคุณ Tien.W เติมลมยางมากกว่า spec ซัก5 ปอนด์/ตารางนิ้ว
พร้อมมีที่เติมลมไฟฟ้าเสียบที่จุดบุหรี่ แต่เอาไว้ใช้แค่กรณีเหตุฉุกเฉินวัดแล้วลมอ่อนเกิน เพราะเคยศึกษามาว่าถ้าเราใช้ที่เติมของเราเอง จะมีความชื้นปนเข้าไปกับลม แต่ถ้าปั๊มที่มีมาตรฐานจะมีระบบไล่ความชื้น ปกติผมมักเติมที่ rest area ประชาชื่น ดึกๆหน่อย
ประมาณนี้ครับ
ตัวเราเองก็วัดลมยาง เติมลมยางเองไม่เป็นค่ะ อาศัยเติมลมไนโตรเจนของ B-Quik เป็นหลัก (เย็นวันศุกร์ อาทิตย์เว้นอาทิตย์) พยายามให้คนที่บ้านทำพฤติกรรมคล้ายๆกัน แต่ที่ผ่านมาก็ ถ้าไม่ลมอ่อนจนรู้สึกได้ คนที่บ้านก็ขับกันไปอย่างนั้นแหละค่ะ สงสัยต้องลองศึกษา TPMS ดูจริงจังแล้ว ^^"
ยังดีนะที่บ้านผม คุณภรรเมียจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้ รถลมยางอ่อน ถึงเวลาเอารถเข้าศุนย์หรือยัง ถึงเวลาเติมน้ำมันหรือยัง แล้วให้ผมจัดการ
ก็ช่วยๆกันไป
เรื่องไหนช่วยกันได้ ก็ช่วยกันไปเนาะคะ ^^
เปลี่ยนกันขับอย่างน้อยเดือนละ1ครั้ง
เราเองก็พยายามหาโอกาสนั่ง / เอาออกไปขับเดือนละครั้ง สองครั้งเหมือนกันค่ะ
ปัญหาหลักๆของวิธีนี้เลยคือ วันหยุดไม่ตรงกัน แถมรถก็เปรียบเหมือนโลกของผู้หญิง จะสลับรถกันที ก็ย้ายของกันชุลมุนเลยค่ะ ::)
ตั้งเป็น Reminder ในโทรศัพท์ครับ
เรื่องต่อทะเบียน / ต่อประกัน กำหนดให้เตือนล่วงหน้าสัก 2 เดือน
เรื่องเช็คระยะ ถ้าวิ่งน้อย ก็ตั้งเตือนทุก 6 เดือน
เช็คทั่วไป เตือนทุกสัปดาห์
ส่วนเรื่องเติมน้ำมันก็ดูตามหน้าปัดรถครับ
ถ้าอนาคตมี iOT รถก็จะนัดกับศูนย์บริการเองครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เรื่องโทรศัพท์มือถือนี้ นึกไม่ถึงเลย ^^
-
มีอีกวิธี คุณจะสบายมากๆ คือใก็เจ้าของรถจ่ายเอง เช่นรถเสีย ก็ปล่อยให้ขึ้นTaxi กลับบ้านเอง ยางอ่อน ก็ปล่อยให้ยางแตกกลางทาง ทะเบียนไม้ได้ต่อ ก็ให้โดนค่าปรับ
ถ้าเป็นเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ทำ list ในกระดาษแข็ง ใหญ่หน่อย ขนาดA4 (หรือใส่แฟ้มไว้ช่องใส่ของหลังเบาะคนขับ พร้อมป้ายห้ามหยิบออก) แล้วก็เอามาดูเดือนละครั้ง
-
หาผู้ชายสักคนช่วยดูแลครับ :D :D :D
รถน่าจะพังก่อนนะคะ กว่าจะหาคนมาช่วยได้นี้ 5555
เดาว่าเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน ถึงต้องรับหน้าที่นี้
สามคัน ไม่ได้ยากอะไรครับ ก็ทำไปทีละคัน
ผมเคยมี11คันพร้อมกัน ตอนนี้เหลือสี่คัน ทำเองกับมือแทบทุกรายการ ตั้งแต่ต่อประกัน ต่อทะเบียน ถ่ายของเหลว เปลี่ยยยาง ล้างรถ เคลือบหลังคาผ้าใบ ซ่อม แสกนคอม..
อ้อ ต่อทะเบียนผมซื้อรถจดเดือนใกล้กัน จะได้ส่งไปต่อทีเดียว คันไหนเกิน7ปีก็ขับไปตรวจสภาพก่อน รวมเล่มมาต่อพร้อมกัน
ไม่อยากพึ่งอู่ ก็ต้องเหนื่อยครับ
ปกติแล้ว เราเป็นคนดูแลหลายๆเรื่องในบ้านน่ะค่ะ เรื่องรถก็เลยกลายเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของเราไปด้วย
- การซื้อของใช้เข้าบ้านก็เป็นหน้าที่เรา สมาชิกในบ้าน มีหน้าที่ดูของใช้ตัวเองว่ามีอะไรหมด แล้วบอกเรา
- การดูแลบ้านก็เป็นหน้าที่เรา ค่าน้ำ ค่าส่วนกลาง ช่างแอร์ สมาชิกในบ้าน มีหน้าที่แค่สังเกตห้องของตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติเปล่า
ตัวเราเอง ชอบรถยนต์ แต่ไม่ได้มีความรู้เรื่องรถยนต์ ต้องมาเริ่มศึกษามากขึ้น เพราะความรับผิดชอบนี้แหละค่ะ
แต่ถ้าให้เปลี่ยนเอง อะไรเองก็คงไม่ไหว อย่างมากก็ส่งเข้าศูนย์ เข้าอู่ ตามปกติเลยค่ะ ^^
หาตัวช่วย ให้ดูแลง่ายขึ้น
อย่างลมยาง หาซื้อ TPMS มาใช้
ใน shopee lazada ราคาไม่ถึงพัน
ไม่ได้ละเอียดแม่นเป๊ะเหมือนแบบแพงๆ
แต่พอทำให้รู้เมื่อผิดปกติ
พวกกรองอากาศ กรองแอร์ ผมเปลี่ยนปีละครั้งพร้อมกันทุกคัน ช่วงสงกรานต์
พวกที่อยู่ใต้ฝากระโปรง
น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรค น้ำหม้อน้ำ น้ำฉีดกระจก แบต
เช็คเดือนละครั้ง
กรองอากาศ กรองแอร์นี้ เหมือนไม่เคยดูแลเลยค่ะ
อันที่จริง 11 ปีที่ผ่านมา เหมือนรถยังไม่เคยล้างตู้แอร์เลย สงสัยต้องเพิ่มเข้าไปในรายการแล้ว
ขอบคุณมากเลยนะคะ สำหรับคำแนะนำ ^^
รถยุโรปที่หมดวารันตีแล้วผมใช้บริการเรียกช่างมาดูแลให้ที่บ้านเลยครับ ถึงรอบเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็โทรนัดแล้วเค้าก็เตรียมอุปกรณ์มาง่ายดีครับพร้อมลบ service code ไม่แพงด้วยครับ (ผมอยู่ต่างจังหวัด) อยู่ กทม ของหาดูครับเห็นในกลุ่มของยี่ห้อต่างๆ ก็จะมีช่างดีๆ บริการถึงบ้านเยอะเลยครับ
รถยี่ปุนให้คนขับรถขับไปเช็คให้
>> ประกันกับต่อทะเบียน ก็ให้บริษัทประกันดูแลให้ทั้งบ้าน ถึงเวลาเค้าโทรมาแจ้ง
ส่วนเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะใช้คันไหน ก็ตรวจดู ลมยาง ระดับน้ำหม้อน้ำ หรือขับเข้าบีควิก ก็ได้ครับ ก่อนเดินทางก็เดินวนรอบรถซักรอบหนึ่งตรวจเช็คความพร้อมเพื่อความปลอดภัย
ส่วนตัวเราอยู่คอนโดค่ะ ยังไงก็คงต้องเอารถไปเข้าอู่ เข้าศูนย์เอง เพราะทางนิติไม่อนุญาตให้ทำอะไรกับรถในที่จอดรถ
ถ้ามีอู่ที่มารับรถไปจากคอนโดได้เลย ก็คงดีเหมือนกัน เพราะทุกวันนี้เข้าอู่คนละฟากของกทมเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้เปลี่ยนอู่ ก็ไม่กล้า
แต่ถ้ามองอีกมุม ให้คนแปลกหน้ามาขับรถ ก็เป็นห่วงเรื่องรถชน เรื่องประกันภัยอีก
ส่วนเรื่องประกันภัยนี้ พึ่งตัวเองมาได้ 2-3 ปีแล้วค่ะ พอรถเริ่มเก่า ทั้งศูนย์ ทั้งบริษัทประกันภัย เหมือนจะไม่ค่อยสนใจแล้ว ::)
ปกติเวลาเอารถไปทำอะไร ไม่ว่าจะเข้าศูนย์ ต่อทะเบียน Service เคลือบแก้ว หรือไปติดอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติม
ผมจะพิมพ์ใส่ Excel ไว้เสมอครับ จดวันที่ รายการ ระยะรับประกัน ราคา และร้านที่ทำ ครับ ส่วนใหญ่คันที่ใช้เองก็จะจดครบหมด แต่คันอื่นๆในบ้านก็มีตกหล่นบ้าง ถ้าเราไม่รู้หรือคนอื่นเอาไปทำครับ
อีกอย่างนึง รถทุกคันในบ้านจะมีแฟ้มประจำตัวทุกคันครับ ไว้เก็บเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับรถ เช่น ใบจอง ใบเสร็จต่างๆ สัญญาไฟแนนซ์ ใบจ่ายค่างวด กรมธรรม์ประกันภัยอันเก่าๆ สำเนาทะเบียนรถ ใบรับประกันต่างๆ เอกสารการเคลม แม้กระทั่งใบสั่ง พยายามจะเก็บเอกสารทุกอย่างให้ครบเท่าที่จะครบได้ครับ
เรื่องลมยาง ผมก็เล็ง TPMS ไว้อยู่เหมือนกันครับ กำลังดูๆหารุ่นและราคาที่น่าสนใจอยู่ครับ ส่วนเรื่องเช็คระยะ เคยเกินมาพอๆกันครับ ยังไม่มีปัญหาอะไรนะ
เราเสียดายเหมือนกันค่ะ ว่าเพิ่งย้ายกลับมาอยู่กับที่บ้านเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง
ก่อนหน้านี้ เราเลยไม่ได้มีส่วนในการดูแลรถเท่าไหร่ เอกสารทั้งหลาย เลยไม่ได้มีเก็บไว้เลย
สงสัยต้องเริ่มศึกษาเรื่องใช้ Excel และเรื่อง TPMS แล้วจริงๆค่ะ เห็นมีแนะนำกันหลายท่านเลย ^^
ผมดูแลรถ 2 คัน
รถตัวเอง เข้าศูนย์เช็คระยะ เคสนี้ง่ายหน่อย เพราะเข้าตามรอบทุก 10,000 ก.ม.
ส่วนรถภรรยา ไม่ยอมเอาเข้าศูนย์ ก็คอยหมั่นเปิดฝากระโปรง เช็ค น้ำ น้ำมันต่างๆ เอารถไปขับบ้าง เพื่อสังเกตอาการครับ
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรค ทุก 2 ปี(ใช้ปีละราวๆ 15,000 ก.ม.)
ยางเปลี่ยนทุก 2-3 ปี แล้วแต่สภาพยางเป็นหลักครับ ชุดล่าสุด ใช้ได้ราวๆ 2 ปี เห็นแตกลายงาแล้ว ปลายปีคงได้เปลี่ยน ลาขาดกับเจ้าดีปีเดียวซะที
พอรถไม่เข้าศูนย์แล้ว รู้สึกว่าการดูแลกลายเป็นเรื่องยากขึ้นเยอะเลยค่ะ
แต่ก็ทำใจเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ได้จริงๆ ล่าสุดเอารถน้องสาวเข้าไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หมดไปเกือบหมื่นบาท ในขณะที่เข้าอู่ประมาณ สี่-ห้าพันบาทได้
ยางรถน้องสาวเรา ก็ 3 ปีแล้วค่ะ วิ่งไปไม่เยอะ แต่คิดไว้เหมือนกันว่า หน้าฝนนี้ต้องเอาไปจัดการแล้ว เล็งๆ Michellin Primacy 4 ไว้ค่ะ ^^
ผมก้อเคยต้องดูแลรถคนในบ้าน ทั้งๆที่แยกบ้านกันอยู่ตั้งนานแล้ว และก้อไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่ดูแลกันเองบ้าง เอะอะก้อใช้เรา เลยโวยแบบใหญ่ๆไปรอบนึง เดี๋ยวนี้เค้าก้อเอารถเข้าศูนย์ ไปร้านยางเองกันได้แล้วครับ ดีใจจัง
บ้านเราอยู่กันหลักๆแค่สามคนน่ะค่ะ ถ้าเราไม่ดูแล ก็คงใช้กันไปจนมันพังเลยนี้แหละ เลยต้องมีใครสักคนที่ยอมดูเรื่องนี้ ^^"
-
ของผมพึ่ง Google keep ครับ
สามารถตั้ง label ได้ว่าชื่อรถคันนี้
เวลาใส่ to do ให้แจ้งเตือนคร่าวๆไว้ครับ
พอถึงเวลาก็ดูนั่นนี่โน่น ว่าตรงจริงมั้ย
ส่วนดูลมยาง เล็กๆน้อยๆ ก็พยายามพูดให้คนที่ใช้ประจำรู้ไว้
ว่าการที่ลมดีนี่มันขับสนุกกว่าลมเหี่ยวๆ คือให้คอยระวังกันเองครับ ::)
-
ผมเองที่บ้าน ดูแลรถ 6 คัน ไม่รวมมอไซค์บ้านผม 3 คัน บ้านแฟน 2 คัน ทั้งบ้านตัวเอง กับบ้าน แฟน ซึ่งบ้านอยู่คนละชอย ห่างกัน 400 กว่าเมตร รถบ้านผม Ranger T6 รถผมเอง Nissan Navara รถพ่อผม Civic Dimension รถแฟน Suzuki Swift รถพี่สาว กับที่บ้านแฟน Isuzu Advanture Thairung 2.8 รถพ่อตา กับ Mitsubishi LANCER Cedia รถน้องสาวแฟน สรุปทั้งสองบ้าน รถ 6 คัน ผมดูแลรับผิดชอบทั้งหมด ทั้งซ่อมบำรุง เช็คสภาพ ต่อ ภาษี ประกัน ผมทำให้ทุกคัน บ้านผมมีเครื่องมอแทบทุกอย่าง ปั้มลม บล็อกลม ประแจ แม่แรง ที่ชาร์จแบตรี่ เพราะผมทำงานกับรถบรรทุก เรื่องซ่อมรถถือว่า หมูๆ ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รถพ่อตา ลูกปืนเพลาหลัง ผ้าเบรก ผมเพิ่งจะเปลี่ยนให้ทั้งหมด
-
เข้าใจเลยครับ บ้านผมตอนนี้รวม 7 ในบ้านจอดได้5ต้องไปหาเช่าจอดอีกสองคัน ใชทุกวันแค่สี่คันนอกนั้นจอดๆเผื่อไว้ใช้ สาเหตุคือพ่อไม่อยากให้ขายบอกเผื่อใช้ๆขายก็ไม่ได้ราคา แต่เผื่อใช้ก็ต้องมีค่าบำรุง ค่าประกัน ค่าจอด ที่บ้านมีผมดูแลรถจริงจังอยู๋คนเดียว ที่เหลือใช้รถอย่างเดียวแถมชอบเอารถไปเข้าอู่นอกแบบพรรคพวกแก ละเลยการเข้าศูนย์ัจนมันขาดเช็คจนหมดประกันไป ผมนี้ต้องค่อยเช็คตลอด เห้อ
บ่นมาเยอะครับเข้าเรื่อง ตอนนี้ผมใช้แอพ drivvo ลองใช้ดูครับ ช่วยได้มาก มันคอยเตือนเซอร์วิสทุกๆจำนวนกิโล จำนวนเวลาที่เราตั้งไว้ได้ครับ
-
ตั้งเวลาในโทรศัพท์ให้เตือน ก็โอเคนะครับ
-
จดบันทึกเอาครับ
สมัยหนักๆก็รถ 8 คัน ดูคนเดียว คนใช้ก็เช็คให้บ้างนิดหน่อย มีพลาดบ้างพวกเติมลมกับระยะเช็ครถ แต่พวกประกันกับต่อทะเบียนนี่ไม่พลาด ผมแยกแผ่นมาเลย ประกัน พรบ ภาษี แปะไว้เลยอันไหนหมดวันไหน ปีไหน แล้วจะต่อประกันกับพรบ ให้เหมือนกัน เวลาเคลมจะง่าย ที่ยากจริงๆคือหาข้อมูลปัญหารถแต่ละรุ่นที่ต้องคอยสังเกตแล้วหาปัญหา บางทีเจอยากนี่เหนื่อยเลย
ผมจดไว้หมดเลย รถคันนี้ ทำรายการนี้ วันที่ ระยะไมล์ ราคา คือพอถึงจุดนึง เราจะจำตารางเช็คระยะได้ว่า รถมันต้องกี่โลถ่าย นมค นมก นมฟท นมบ พออ่านระยะได้ก็คำนวณคร่าวๆได้ละครับ อีกอย่างผมใช้นอกศูนย์หมด น้ำมันด้วย เลยจะซื้อเผื่อไว้หมด
-
ผมจำได้หมดเลยนะ 5555 แต่ก็อาจจะไม่ได้มีหลายๆคันแบบท่านอื่นๆ
ตอนนี้ถ้าง่ายสุดก็ ทำแจ้งเตือนใน มือถือ ครับ เอาง่ายๆจาก Line ที่เราใช้กันบ่อยๆก็ได้ครับ
-
เป็นเหมือนกันครับ ของผมดูแลรถ 3 คัน