Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: johnlee ที่ กรกฎาคม 01, 2019, 19:42:28
-
คือผมเทียบรถผมเอง 2 คัน เส้นทางเดียวกัน คนขับเดียวกัน ขับซ้ำๆ
1.นิสสัน อัลมีร่า 3 สูบ ออโต้ 1.2 นน.รถ 1100 กก.ขับ 100 รอบ 2000 กินอี 20 ที่ 18 กม.ลิตร ได้ 1.40 บาท/กม.
2. อีซูสุ 3.0 ไดเรค 4 สูบ เกียร์ธรรมดา นน.รถ 1700 ขับ 100 รอบ 2000(มีการโมดิฟลายให้ได้รอบแบบนั้น) กิน บี 20 ที่ 13.5 กม./ลิตร ได้ 1.64 บาท/กม.
น่าเสียดายที่ผมหารถเทียบเคียงได้แค่นี้ โดยที่รถทั้ง2รุ่นมีการบำรุงรักษาที่ระยะ 1 หมื่นกม. เท่าๆกัน
อนาคตผมคิดว่าจะหารถดีเซลที่ใช้ บี20 ได้ (ถ้ารัฐไม่เล่นปาหี่แบบ NGV อีกนะ)
-
จริงจุดมุ่งหมายของเครื่องทั้งสองแบบมันต่างกันออกไปครับ
แน่นอนว่าเบนซินที่ว่าแรง อย่างพวก Dseg 2.5ที่ว่าแรงๆ เอามาแบกคน 5คนกับสัมภาระ ขับยากกว่า ทั้งอัตราเร่งกับความเร็วหายไปพอสมควร ด้วยอัตราทดด้วยครับมันไม่ได้ทดเผื่อมากขนาดนั้น เบนซินที่ทดเผื่อไว้เยอะก็ 2.7 vvti ครับ
แบกกับไม่แบกวิ่งไม่ต่างกันมาก (จริงๆผมอยากได้เครื่องตัวนี้มาทำแรงนะ มีคนทำ 2.7turbo ลงอินโนว่า เปลี่ยนเฟืองท้าย ทนด้วย วิ่งด้วย ค่ายยุโรปวิ่งไม่ถึง 250 ไม่ต้องคิดหนีนะ)
Diesel. ตัวเปล่ากับแบกน้ำหนักเพิ่ม มันแตกต่างกันน้อยครับ ซักตันนึงดีเซลถึงเห็นผลเยอะ
รถเก๋งดีเซลเลยประหยัดอย่างบ้าพลังเลยครับ
ตั้งแต่ passat 1.9 แล้วครับประหยัดมาก
จนมา มาสด้า2 ดีเซล
แต่นั่นละเบนซินเอามาซิ่งมันสนุกดีครับ
กวาดรอบไว ลากรอบสูง สั่นน้อย เครื่องเงียบ
-
ปกติน้ำมันดีเซลให้ค่าความร้อนต่อปริมาตรมากกว่าเบนซิลอยู่แล้วครับ
สมมุติให้รถดีเซลกับเบนซินมีค่าแรงม้ากับน้ำหนักเท่ากัน เครื่องดีเซลที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
จะให้ความประหยัดกว่าอยู่แล้วครับ
-
ดีเซล ต้องพูดว่าดีเซลเทอร์โบด้วยครับ
เบนซินเทอร์โบ VS ดีเซลเทอร์โบ
กรณีที่เป็นรถยนต์นั่ง อย่างรถเก๋ง ไม่ต้องการแรงบิดมากๆ
จะเห็นได้เลยว่า ดีเซลสู้ไม่ได้ ทั้งแรงม้า ทั้งความต่อเนื่องของกำลัง
ดีเซลดีกว่าในแง่ของความทนทาน การสึกหรอ หรือเรียกแรงบิดในการบรรทุกหนักๆ
ยิ่งจูนแบบไม่เอาแรงม้า เอารอบต่ำๆแรงเยอะๆ เบนซินเทอร์โบทำไม่ได้
แต่ดีเซลทำได้สบาย
-
แหม คุณเล่นเอาสามเรื่องมายำรวมเป็นคำเดียวกันครับ
1. Efficiency คือ ประสิทธิภาพ ในที่นี้ก็คือการแปลงพลังงาน เข่น ใส่พลังงานไป 100 ออกมา 50 แบบนี้เรียกว่า Efficiency 0.5 หรือ 50%
2. ค่าความร้อนของเชื้อเพลิง ให้พลังงาน ดีเซลหนึ่งหน่วนน้ำหนัก ให้ค่าพลังงานความร้อนมากกว่า เบนซินที่หนักเท่ากัน อันนี้ก็ต้องดูว่า ดีเซลสุตรไหนให้พลังงานความร้อนเท่าไหร่ เปรียบเหมือนคนกินน้ำตาล 1 กก. กับกินไขมัน 1 กก. อันที่ให้พลังงานสูงกว่าก็ทำให้มีแรงมากกว่า แต่คนเรานี่ มักไม่ได้ใช้หมดก็เลยเหลือไปเก็บไว้เป็นไขมัน วันไหนขาดอาหารตับก็จะเปลี่ยนไขมันกลับมาเป็นพลังงานครับ
3.อัตราสิ้นเปลือง คิดเป็นบาทก็เป็นเรื่องที่ต้องเอาวิธีการคิดราคาน้ำมันมารวมด้วย ถ้าคิดตามมาตรฐานสากลโลก เขาขายเชื้อเพลิงราคาตามค่าพลังงานครับ อันไหนให้พลังงานสูงก็แพงกว่า เบนซินให้พลังงานน้อยกว่าก็ถูกกว่าดีเซล แต่ในไทยนี่ คิดไปว่าเพื่อการขนส่งและชาวสวนชาวไร่ใช้รถกระบะต้องกดต้นทุนให้ต่ำเลยกดราคาดีเซลไว้ไปปูดที่เบนซินแทน
คราวนี้กลับมาเรื่องเครื่อง
ถ้าให้เทียบแบบตรง ๆ ก็ต้องเทียบ B47 B48 ของBMW ที่ใช้บล็ิอกพื้นฐานเสื้อสูบเดียวกัน เทคโนโลยีการสันดาปมีมากเท่า ๆกัน อัดอาการ วาวล์แปรผัน และก็แน่นอน มันก็แปรตามพลังงาน Efficiency ของเครื่องแบบเดียวกัน ก็พอ ๆ กันครับ เกียร์ลูกเดียวกันด้วย เทียบง่ายใหญ่เลย
น้ำหนักรถไม่ได้แปรผันเป็นกราฟเส้นตรงกับ Efficiency ครับ อันนี้ยาวละครับ อธิบายตรงนี้ผมก็ไม่สะดวกละ หาอ่านเอาเองนะครับ
-
เหมือนจับแพะชนแกะอะ เอารถคนละประเภทมาเทียบกัน ซีซีก็ไม่เท่ากัน น้ำหนักรถยิ่งต่าง ราคาน้ำมันก็ต่าง แล้วสรุปเอาเอง เทียบแบบนี้ก็ได้เหรอ
-
โดยพื้นฐานเลย diesel fuel contains roughly 10% to 15% more energy than gasoline ครับ
-
เหมือนจับแพะชนแกะอะ เอารถคนละประเภทมาเทียบกัน ซีซีก็ไม่เท่ากัน น้ำหนักรถยิ่งต่าง ราคาน้ำมันก็ต่าง แล้วสรุปเอาเอง เทียบแบบนี้ก็ได้เหรอ
ผมแค่จะบอกว่า ดีเซลที่เกิดก่อน 15 ปี ความจุมากกว่า 2.5 เท่า กลับทำอัตราสิ้นเปลืองเป็น บาท/กม. ได้ไม่ต่างกับเครื่องเบนซิน ที่ความจุน้อยกว่าเกินครึ่ง น้ำหนักรถเบากว่า600กก. แม้เทียบอัตราเป็นกม./ลิตรที่ 13.5/18 ก็ไม่ต่างกัน 2.5 เท่าแบบความจุนะ
-
เห็นด้วยกับท่านบน
จขกท. ควรจะสื่อว่า ดีเซลเทอร์โบ(ตามรถที่ยกมา) vs เบนซิน(ตามรถที่ยกมาเปรียบ)
เพราะถ้าเทียบ อัตราเร่ง รอบต่ำ มีเทอร์โบช่วย ทำให้อัตราเร่งดี = ประหยัดน้ำมัน กว่าเครื่อง NA ที่ขนาดเครื่องไกล้ๆ กัน
ถ้าจะให้ดูเข้าใจง่าย ลดตัวแปร และ ความแตกต่าง ต้องเป็น ดีเซลเทอร์โบ vs เบนซินเทอร์โบ ด้วยนะ ถ้าเป็นกรณีนี้แล้ว ไกล้เคียงกันละ
-
ยังดีไม่ไปเทียบกับแกสหรือไปรถไฟฟ้าโน่นเลย ความจริงเทียบกันได้หมดแต่ต้องดูทีละตัวแปรครับ.
-
ถ้าจะเปรียบเทียบนะครับ
ไปเอาตัวเลข Civic เบนซิน 1.5L Turbo กับ Civic 1.6 Diesel Turbo หรือไม่ก่อนพวก 320i 320d มาเทียบเถอะ ผมว่าเทียบแบบนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร
-
การคิดต่างไม่มีถูกผิดครับ แต่การเทียบโดยไปผูกกับราคาน้ำมันที่ภาครัฐบิดเบือนมันไม่ถูก เพราะ Efficiency มันเป็นค่าคงตัวไม่มีตัวแปรมาทำให้เปลี่ยนแปลง
ควรใช้คำว่า "ค่าใช้จ่าย" จะเหมาะสมกว่า ทั้งนี้ จขกท. ใช้ตัวแปรที่ต่างกันหลายตัว ทำให้เทียบยากนับตั้งแต่ รูปทรงและน้ำหนักรถ วิธีการขับ และ อัตราทดเกียร์
แค่ 4 ตัวแปรก็สามารถทำให้ผลลัพธ์ แตกต่างกัน 24 ทิศทางแล้วครับ การลดตัวแปรง่ายสุด ตือ 3 อันแรก อย่าง คห. บนๆ ส่วนอัตราทดเกียร์แก้ไม่ได้ ก็ปล่อยมันไป
-
ถ้าคิดอย่างนั้น น้ำมันเตาที่ใช้กับเรือเดินสมุทร ก็ให้ Efficiency สูงสุดครับ
-
.
.
เป็นการเทียบกันที่มั่วใช้ได้เลยครับ 5555
ถ้าจะมีเทอร์โบ มันก็ควรมีทั้งคู่ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ เบนซิน ชนะใสๆครับ
แล้วยิ่งถ้าเป็นรถเก๋ง แค่เสียงเครื่อง เบนซิน ก็กินขาดแล้ว
ดีเซลมันดีแค่เรื่องทนทานครับ เหมาะกับใช้กับรถ 10 ล้อ หรือเรือเดินสมุทร
-
ทำไมกลุ่มนี้จริงจังกันจังอ่ะ
นี่แค่คุยในบอร์ดนะ
นึกว่าสัมมนาทางวิชาการ 55555555555
-
ถ้าที่คุณว่ามา อัลเมร่าเบนซิน ก็ประหยัดกว่าทั้งเป็น กม/ลิตร และ บาท/กม นะครับ
แล้วมันดีเซลมัน efficiency สูงกว่ายังไง
1.นิสสัน อัลมีร่า 3 สูบ ออโต้ 1.2 นน.รถ 1100 กก.ขับ 100 รอบ 2000 กินอี 20 ที่ 18 กม.ลิตร ได้ 1.40 บาท/กม.
2. อีซูสุ 3.0 ไดเรค 4 สูบ เกียร์ธรรมดา นน.รถ 1700 ขับ 100 รอบ 2000(มีการโมดิฟลายให้ได้รอบแบบนั้น) กิน บี 20 ที่ 13.5 กม./ลิตร ได้ 1.64 บาท/กม.
-
ผมดูที่แรงม้า ถ้าเครื่องดีเซลกับเบนซินผูกโบ แรงม้าใกล้เคียงกัน
ขอเลือกเครื่องดีเซลไว้ก่อน เพราะมีอิสระในการเร่ง ไม่ต้องตั้งใจขับประหยัดมันก็ประหยัดใช้ได้
รถตัวถังเดียวกัน เกียร์เหมือนกัน ม้าเท่าๆกัน อัดหนักๆ ดีเซลอัตราเร่งด้อยกว่านิดเดียว
ยิ่งตัวถังหนักๆ เผลอๆ ดีเซลจะเร่งดีกว่า
-
ได้ความรู้เพิ่ม
ขอบคุณเจ้าของกระทู้ และสมาชิกทุกท่านครับ
-
ทำไมกลุ่มนี้จริงจังกันจังอ่ะ
นี่แค่คุยในบอร์ดนะ
นึกว่าสัมมนาทางวิชาการ 55555555555
ก็ดีนะครับ ได้ความรู้ดี เผื่อครั้งหน้าเวลาจะตั้งกระทู้จะได้มีข้อมูลแน่นๆกว่านี้หน่อย
คือคนไม่รู้เรื่องรถเลยเข้ามาอ่านก็เยอะ แล้วข้อมูลบางอย่างมันก็ไม่ได้ถูกต้องซะทั้งหมด เดี๋ยวคนอื่นจะเข้าใจผิดๆหนะครับ
-
ถ้าเอาแบบนี้ ทั้งราคาน้ำมันก็มาคิด
ไม่เอาราคารถ ต้นทุนเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซลมาคิดด้วยเลยล่ะคับ ^^"