Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: goliath ที่ กรกฎาคม 31, 2019, 21:09:26
-
รถไม่ค่อยได้จอดที่ร่ม ไม่จอดใต้ต้นไม้เพราะอยากหลีกเลี่ยงขี้นก ยางจากต้นไม้
กำลังจะหาพวกผ้าคลุมรถครับ ที่ไม่ขูดรถ เห็นเซลล์บอกจะมีที่ข้างในเป็นโฟมหรืออะไรนี่แหล่ะ
บ้างนอกก็คลุมปกติ เวลาลมแรงผ้าก็จะไม่ปลิว
ใครพอรู้แหล่งบ้างครับ แล้วจำเป็นต้องคลุมมั้ย พอดีกลัวสีตก ฝุ่นเยอะครับ
รถ bmw330i ครับ
-
เคลือบแก้ว wrap ฟิลม์รอบคัน
ผ้าไหนก็เป็นรอย เยอะหรือน้อย
-
เคลือบแก้ว wrap ฟิลม์รอบคัน
ผ้าไหนก็เป็นรอย เยอะหรือน้อย
เคลือบแก้วแล้วครับ
-
ลองค้นคำว่า เต็นท์คลุมรถ
-
ผ้าคลุมรถเป็นรอยหมดครับ เลี่ยงไม่ได้ เคลือบแก้วก็กันได้ไม่หมดครับ
ถ้าต้องขับๆคลุมๆ จริงๆเต๊นท์จะเหมาะกว่า แต่ราคาสูงลิบเลยครับ ผมเคยโทรไปถามราคาหลายหมื่นอยู่ ก็เลยคลุมแบบเดิม แล้วก็ขยันขัดเอา 55555+
-
ผ้าคลุมไม่เอาครับ ต่อให้ดีแค่ไหน แต่คุณจะรู้ได้ไงว่ามีเศษอะไรติดอยู่รึเปล่า
เป็นผมเคลือบแก้ว
-
ผ้าคลุมนี่ไม่ต้องใช้เลย สีรถพังทุกคัน
-
ผมเคยมีรถที่ต้องจอดนอกโรงรถแบบปิดเลยใช้ผ้าคลุมยี่ห้อ Carsbrella ครับ เป็นเหมือนเต๊นท์คลุมรถแบบเข้าไปจอดทั้งคันไม่โดนผิวสี ข้อดีคือฝุ่นน้อยและป้องกันรถได้ดีจากมูลนกและหนู ข้อเสียคือใช้พื้นที่เยอะหน่อยกับถ้าไม่เปิดระบายมันจะอบอ้าวครับ
-
ผ้าคลุม ผมใช้ตอนแรกๆ ของศูนย์ติดรถมาเลยนะ แต่เหมือนว่า ทำรถเป็นรอย เวลาคลุมแล้วลมพัด มันจะเลื่อนไปเลื่อนมานิดหน่อย ทำให้เสียดสีกับรถสีรถ
ส่วนเคลือบแก้ว ผมก็เคลือบอยู่ ผมว่าดีนะ ล้างคราบสปรกง่าย แต่มันมีจุดอ่อนคือ มันอ่อนไหว(sensitive) กับ พวกน้ำที่เป็นกรด หรือ ด่าง มันจะไปกัดตัวแก้วเป็นคราบๆ วงๆ ผมโดนมาแล้ว เนื่องจากจอดตากฝนบ่อย
วิธีป้องกันคือ ถ้าจอดตากฝนก็ต้องพยายามรีบเช็ดออกให้แห้ง(ยุ่งยากอีก) หรือ จอดในที่ร่ม(ที่ทำงาน กับ ไปหาลูกค้า บางทีมันเลือกไม่ได้)
วิธีแก้ไข คือ ต้องขัดแก้วออกแล้วเคลือบใหม่ ก็ดีนะ ร้านทำให้ฟรี เพราะผมเคลือบมี warranty + maintain แต่มันก็ต้องจอดจากฝนอยู่ดี... :'( :'( :'(
ถ้ารถไม่ได้ทำอะไร ผมว่า ล้างบ่อยๆ ลง สเปรย์เคลือบเงา สเปรย์แว๊ก หรือพวกสเปรย์ดีเทลลิ่ง เอา เสียเวลาหน่อย แต่ผมว่าดูแลง่ายสุดละ
-
แต่ก่อนผมจอดใต้ต้นไม้ เจอปัญหายางไม้หยดบ่อยๆ
จึงใช้ผ้าคลุมรถ คลุมเช้า เย็นเปิดออกทุกวัน ใช้ผ้าคลุมรถแบบสีเงินๆ ซื้อมาพันปลายๆ
วันดีคืนดี ฝนตกลมแรงผ้าขาดครับ เสียไปเลย
ส่วนรอยคิดว่าคงมีเป็นขนแมว แต่รถสีขาวเลยไม่เห็นเด่นชัด รถผมไม่แพงเลยไม่ซีเรียสมาก
พอผ้าขาด ก็เลยไม่ซื้อใหม่ ลงแว๊กเอาครับ สะดวกกว่า
-
ผ้าคลุม ผมใช้ตอนแรกๆ ของศูนย์ติดรถมาเลยนะ แต่เหมือนว่า ทำรถเป็นรอย เวลาคลุมแล้วลมพัด มันจะเลื่อนไปเลื่อนมานิดหน่อย ทำให้เสียดสีกับรถสีรถ
ส่วนเคลือบแก้ว ผมก็เคลือบอยู่ ผมว่าดีนะ ล้างคราบสปรกง่าย แต่มันมีจุดอ่อนคือ มันอ่อนไหว(sensitive) กับ พวกน้ำที่เป็นกรด หรือ ด่าง มันจะไปกัดตัวแก้วเป็นคราบๆ วงๆ ผมโดนมาแล้ว เนื่องจากจอดตากฝนบ่อย
วิธีป้องกันคือ ถ้าจอดตากฝนก็ต้องพยายามรีบเช็ดออกให้แห้ง(ยุ่งยากอีก) หรือ จอดในที่ร่ม(ที่ทำงาน กับ ไปหาลูกค้า บางทีมันเลือกไม่ได้)
วิธีแก้ไข คือ ต้องขัดแก้วออกแล้วเคลือบใหม่ ก็ดีนะ ร้านทำให้ฟรี เพราะผมเคลือบมี warranty + maintain แต่มันก็ต้องจอดจากฝนอยู่ดี... :'( :'( :'(
ถ้ารถไม่ได้ทำอะไร ผมว่า ล้างบ่อยๆ ลง สเปรย์เคลือบเงา สเปรย์แว๊ก หรือพวกสเปรย์ดีเทลลิ่ง เอา เสียเวลาหน่อย แต่ผมว่าดูแลง่ายสุดละ
มีผ้าเช็ดดีๆแนะนำไหมครับ ผ้าไมโครไรงี้หรอครับ
-
รถพ่อผมก็เป็นรอยขนแมวเหมือนกันจนตอนนี้ไม่คลุมแล้ว ส่วนรถผมจอดใต้ต้นไม้หน้าบ้านแต่สภาพสีมันเยินอยู่แล้วเลยปล่อยๆไป แต่ช่วงนี้พายุแรงโดนกิ่งไม้ตกใส่จนรถเป็นรอยลึกเลยว่าจะลองทำเต้นpvcแบบในลิ้งนี้ดูครับ
http://www.doityourselfrv.com/rooftop-tent-instructions/?fbclid=IwAR0F3Y9jLBdPyV3yCQFpfk-mGGBpzrvxVH_YfahHMWNTZlFLBzNDwy5wZsw
-
ผ้าคลุม ผมใช้ตอนแรกๆ ของศูนย์ติดรถมาเลยนะ แต่เหมือนว่า ทำรถเป็นรอย เวลาคลุมแล้วลมพัด มันจะเลื่อนไปเลื่อนมานิดหน่อย ทำให้เสียดสีกับรถสีรถ
ส่วนเคลือบแก้ว ผมก็เคลือบอยู่ ผมว่าดีนะ ล้างคราบสปรกง่าย แต่มันมีจุดอ่อนคือ มันอ่อนไหว(sensitive) กับ พวกน้ำที่เป็นกรด หรือ ด่าง มันจะไปกัดตัวแก้วเป็นคราบๆ วงๆ ผมโดนมาแล้ว เนื่องจากจอดตากฝนบ่อย
วิธีป้องกันคือ ถ้าจอดตากฝนก็ต้องพยายามรีบเช็ดออกให้แห้ง(ยุ่งยากอีก) หรือ จอดในที่ร่ม(ที่ทำงาน กับ ไปหาลูกค้า บางทีมันเลือกไม่ได้)
วิธีแก้ไข คือ ต้องขัดแก้วออกแล้วเคลือบใหม่ ก็ดีนะ ร้านทำให้ฟรี เพราะผมเคลือบมี warranty + maintain แต่มันก็ต้องจอดจากฝนอยู่ดี... :'( :'( :'(
ถ้ารถไม่ได้ทำอะไร ผมว่า ล้างบ่อยๆ ลง สเปรย์เคลือบเงา สเปรย์แว๊ก หรือพวกสเปรย์ดีเทลลิ่ง เอา เสียเวลาหน่อย แต่ผมว่าดูแลง่ายสุดละ
มีผ้าเช็ดดีๆแนะนำไหมครับ ผ้าไมโครไรงี้หรอครับ
ผมใช้หลายอันครับ ทั้งยี่ห้อแบบแพง มายันถูกๆ ผมว่ามันไม่แทบไม่ต่างกันเลย
แบบ แพง
- ซับน้ำได้ดีกว่า(เช็ดแห้งเร็ว ไม่ต้องบิดน้ำทิ้งบ่อย)
- อายุการใช้งานนานกว่า(ไม่ต้องซื้อบ่อย)
- หนากว่า(น่าจะเรื่องซับน้ำ)
- นุ่มกว่า(ไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ คืออะไร แต่เดาว่าไม่ทิ้งรอยบนสีรถ)
แบบ ถูก
- ซับน้ำได้ประมาณนึง(ก็เช็ดๆ แล้วบิดทิ้ง ไม่ได้เช็คครึ่งคันแล้วค่อยบิด)
- อายุการใช้งานสั้นกว่า(แต่ราคาถูก เปลี่ยนบ่อยๆ เอา)
- บางกว่า(น่าจะมีผลกับการซับน้ำ)
- ไม่ค่อยนุ่ม
ตอนนี้ผมใช้หลักๆ
ยี่ห้อ Turtle 3 ผืนเก็บ 1000 บาท แบบหนา เอาไว้ล้างรถประจำ (1 ผืนเช็ดเปียก 1 ผืนเช็ดลงสเปย์ดีเทลลิ่ง 1 ผืนเช็ดภายในรถ)
ยี่ห้อ Carretex หลอดฟ้าๆ(ซื้อมาอยู่ในหลอด) ประมาณ 300-400 บาท/หลอด อันนี้มีหลอดเก็บผมเลยใส่ไว้ท้ายรถ เอาไว้เช็ดกระจกเวลาขับออกต่างจังหวัดกลางคืน เพราะมีคราบแมลงเลอะกระจกมาก(ขับกลางคืน น่าจะพอนึกภาพออก)
ยี่ห้อ Karshine หลอดเหลืองๆ เป็นผ้าชามัวร์ ราคาประมาณ 300-400 บาท เอาไว้เช็ดกระจกหน้าและกระจกรอบคัน ตอนล้างรถ มันจะไม่ทิ้งคราบน้ำ เพราะเอาไมโครไฟเบอร์เช็ด มันจะเป็นคราบๆ สะอาดไม่สู้ผ้าชามัวร์ และเอาไว้เช็ดข้างในรถ เช็ดฝุุ่นดีมาก
ปล.ผมไม่ค่อยยึดติดกับยี่ห้อ เอาที่หาซื้อได้ทั่วๆ ไป ลองอันไหนใช้ได้ ขาดก็ทิ้งซื้อยี่ห้อใหม่มาใช้ ลองไปเรื่อย ราคา 3 ผืน 100 ก็เคยใช้นะ แต่การใช้งานตามที่บอกด้านบน
-
ไป wrap ฟิลม์ใส ครับเสียตังแล้วจบทุกปัญหา
ผมเคยเคลือบแก้ว เจอขี้นก+ยางไม้+น้ำปูน+น้ำซักผ้า+โค้ก+ตากแดด
ไม่รอดครับ กัดทะลุจนด่างๆ จนถึงเนื้อแล็คเกอร์รถเดิมอยู่ดี
ปล. ไม่แนะนำให้ใช้ผ้าคลุมรถ ยี่ห้อไหนก็มีรอย เป็นมากน้อยแล้วแต่ราคา
-
ผ้าคลุม ผมใช้ตอนแรกๆ ของศูนย์ติดรถมาเลยนะ แต่เหมือนว่า ทำรถเป็นรอย เวลาคลุมแล้วลมพัด มันจะเลื่อนไปเลื่อนมานิดหน่อย ทำให้เสียดสีกับรถสีรถ
ส่วนเคลือบแก้ว ผมก็เคลือบอยู่ ผมว่าดีนะ ล้างคราบสปรกง่าย แต่มันมีจุดอ่อนคือ มันอ่อนไหว(sensitive) กับ พวกน้ำที่เป็นกรด หรือ ด่าง มันจะไปกัดตัวแก้วเป็นคราบๆ วงๆ ผมโดนมาแล้ว เนื่องจากจอดตากฝนบ่อย
วิธีป้องกันคือ ถ้าจอดตากฝนก็ต้องพยายามรีบเช็ดออกให้แห้ง(ยุ่งยากอีก) หรือ จอดในที่ร่ม(ที่ทำงาน กับ ไปหาลูกค้า บางทีมันเลือกไม่ได้)
วิธีแก้ไข คือ ต้องขัดแก้วออกแล้วเคลือบใหม่ ก็ดีนะ ร้านทำให้ฟรี เพราะผมเคลือบมี warranty + maintain แต่มันก็ต้องจอดจากฝนอยู่ดี... :'( :'( :'(
ถ้ารถไม่ได้ทำอะไร ผมว่า ล้างบ่อยๆ ลง สเปรย์เคลือบเงา สเปรย์แว๊ก หรือพวกสเปรย์ดีเทลลิ่ง เอา เสียเวลาหน่อย แต่ผมว่าดูแลง่ายสุดละ
มีผ้าเช็ดดีๆแนะนำไหมครับ ผ้าไมโครไรงี้หรอครับ
ผมใช้หลายอันครับ ทั้งยี่ห้อแบบแพง มายันถูกๆ ผมว่ามันไม่แทบไม่ต่างกันเลย
แบบ แพง
- ซับน้ำได้ดีกว่า(เช็ดแห้งเร็ว ไม่ต้องบิดน้ำทิ้งบ่อย)
- อายุการใช้งานนานกว่า(ไม่ต้องซื้อบ่อย)
- หนากว่า(น่าจะเรื่องซับน้ำ)
- นุ่มกว่า(ไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ คืออะไร แต่เดาว่าไม่ทิ้งรอยบนสีรถ)
แบบ ถูก
- ซับน้ำได้ประมาณนึง(ก็เช็ดๆ แล้วบิดทิ้ง ไม่ได้เช็คครึ่งคันแล้วค่อยบิด)
- อายุการใช้งานสั้นกว่า(แต่ราคาถูก เปลี่ยนบ่อยๆ เอา)
- บางกว่า(น่าจะมีผลกับการซับน้ำ)
- ไม่ค่อยนุ่ม
ตอนนี้ผมใช้หลักๆ
ยี่ห้อ Turtle 3 ผืนเก็บ 1000 บาท แบบหนา เอาไว้ล้างรถประจำ (1 ผืนเช็ดเปียก 1 ผืนเช็ดลงสเปย์ดีเทลลิ่ง 1 ผืนเช็ดภายในรถ)
ยี่ห้อ Carretex หลอดฟ้าๆ(ซื้อมาอยู่ในหลอด) ประมาณ 300-400 บาท/หลอด อันนี้มีหลอดเก็บผมเลยใส่ไว้ท้ายรถ เอาไว้เช็ดกระจกเวลาขับออกต่างจังหวัดกลางคืน เพราะมีคราบแมลงเลอะกระจกมาก(ขับกลางคืน น่าจะพอนึกภาพออก)
ยี่ห้อ Karshine หลอดเหลืองๆ เป็นผ้าชามัวร์ ราคาประมาณ 300-400 บาท เอาไว้เช็ดกระจกหน้าและกระจกรอบคัน ตอนล้างรถ มันจะไม่ทิ้งคราบน้ำ เพราะเอาไมโครไฟเบอร์เช็ด มันจะเป็นคราบๆ สะอาดไม่สู้ผ้าชามัวร์ และเอาไว้เช็ดข้างในรถ เช็ดฝุุ่นดีมาก
ปล.ผมไม่ค่อยยึดติดกับยี่ห้อ เอาที่หาซื้อได้ทั่วๆ ไป ลองอันไหนใช้ได้ ขาดก็ทิ้งซื้อยี่ห้อใหม่มาใช้ ลองไปเรื่อย ราคา 3 ผืน 100 ก็เคยใช้นะ แต่การใช้งานตามที่บอกด้านบน
ขอบคุณครับ คือหาน้ำยาล้างรถทั่วไปใช่ไหมครับ หับโฟมล้างปกติ
พอเสร็จแล้วเอาผ้าชามัวเช็ดรอบนึง บิดๆ แล้วก็ตามด้วยผ้าไมโครไฟเลอร์หนาๆหน่อยใช่ไหมครับ
แล้วถ้าจะลงแว๊คด้วย ก็หาผ้าไมโครไฟเบอร์อีกผืนใช่ไหมครับ
แนะนำยี่ห้อหน่อยครับ ไม่เคยศึกษา แล้วเช็ดกระจกกับตัวถังรถควรแยกส่วนใช่ไหมครับ หมายถึงว่าแยกผืนผ้า
-
ผ้าคลุม ผมใช้ตอนแรกๆ ของศูนย์ติดรถมาเลยนะ แต่เหมือนว่า ทำรถเป็นรอย เวลาคลุมแล้วลมพัด มันจะเลื่อนไปเลื่อนมานิดหน่อย ทำให้เสียดสีกับรถสีรถ
ส่วนเคลือบแก้ว ผมก็เคลือบอยู่ ผมว่าดีนะ ล้างคราบสปรกง่าย แต่มันมีจุดอ่อนคือ มันอ่อนไหว(sensitive) กับ พวกน้ำที่เป็นกรด หรือ ด่าง มันจะไปกัดตัวแก้วเป็นคราบๆ วงๆ ผมโดนมาแล้ว เนื่องจากจอดตากฝนบ่อย
วิธีป้องกันคือ ถ้าจอดตากฝนก็ต้องพยายามรีบเช็ดออกให้แห้ง(ยุ่งยากอีก) หรือ จอดในที่ร่ม(ที่ทำงาน กับ ไปหาลูกค้า บางทีมันเลือกไม่ได้)
วิธีแก้ไข คือ ต้องขัดแก้วออกแล้วเคลือบใหม่ ก็ดีนะ ร้านทำให้ฟรี เพราะผมเคลือบมี warranty + maintain แต่มันก็ต้องจอดจากฝนอยู่ดี... :'( :'( :'(
ถ้ารถไม่ได้ทำอะไร ผมว่า ล้างบ่อยๆ ลง สเปรย์เคลือบเงา สเปรย์แว๊ก หรือพวกสเปรย์ดีเทลลิ่ง เอา เสียเวลาหน่อย แต่ผมว่าดูแลง่ายสุดละ
มีผ้าเช็ดดีๆแนะนำไหมครับ ผ้าไมโครไรงี้หรอครับ
ผมใช้หลายอันครับ ทั้งยี่ห้อแบบแพง มายันถูกๆ ผมว่ามันไม่แทบไม่ต่างกันเลย
แบบ แพง
- ซับน้ำได้ดีกว่า(เช็ดแห้งเร็ว ไม่ต้องบิดน้ำทิ้งบ่อย)
- อายุการใช้งานนานกว่า(ไม่ต้องซื้อบ่อย)
- หนากว่า(น่าจะเรื่องซับน้ำ)
- นุ่มกว่า(ไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ คืออะไร แต่เดาว่าไม่ทิ้งรอยบนสีรถ)
แบบ ถูก
- ซับน้ำได้ประมาณนึง(ก็เช็ดๆ แล้วบิดทิ้ง ไม่ได้เช็คครึ่งคันแล้วค่อยบิด)
- อายุการใช้งานสั้นกว่า(แต่ราคาถูก เปลี่ยนบ่อยๆ เอา)
- บางกว่า(น่าจะมีผลกับการซับน้ำ)
- ไม่ค่อยนุ่ม
ตอนนี้ผมใช้หลักๆ
ยี่ห้อ Turtle 3 ผืนเก็บ 1000 บาท แบบหนา เอาไว้ล้างรถประจำ (1 ผืนเช็ดเปียก 1 ผืนเช็ดลงสเปย์ดีเทลลิ่ง 1 ผืนเช็ดภายในรถ)
ยี่ห้อ Carretex หลอดฟ้าๆ(ซื้อมาอยู่ในหลอด) ประมาณ 300-400 บาท/หลอด อันนี้มีหลอดเก็บผมเลยใส่ไว้ท้ายรถ เอาไว้เช็ดกระจกเวลาขับออกต่างจังหวัดกลางคืน เพราะมีคราบแมลงเลอะกระจกมาก(ขับกลางคืน น่าจะพอนึกภาพออก)
ยี่ห้อ Karshine หลอดเหลืองๆ เป็นผ้าชามัวร์ ราคาประมาณ 300-400 บาท เอาไว้เช็ดกระจกหน้าและกระจกรอบคัน ตอนล้างรถ มันจะไม่ทิ้งคราบน้ำ เพราะเอาไมโครไฟเบอร์เช็ด มันจะเป็นคราบๆ สะอาดไม่สู้ผ้าชามัวร์ และเอาไว้เช็ดข้างในรถ เช็ดฝุุ่นดีมาก
ปล.ผมไม่ค่อยยึดติดกับยี่ห้อ เอาที่หาซื้อได้ทั่วๆ ไป ลองอันไหนใช้ได้ ขาดก็ทิ้งซื้อยี่ห้อใหม่มาใช้ ลองไปเรื่อย ราคา 3 ผืน 100 ก็เคยใช้นะ แต่การใช้งานตามที่บอกด้านบน
ขอบคุณครับ คือหาน้ำยาล้างรถทั่วไปใช่ไหมครับ หับโฟมล้างปกติ
พอเสร็จแล้วเอาผ้าชามัวเช็ดรอบนึง บิดๆ แล้วก็ตามด้วยผ้าไมโครไฟเลอร์หนาๆหน่อยใช่ไหมครับ
แล้วถ้าจะลงแว๊คด้วย ก็หาผ้าไมโครไฟเบอร์อีกผืนใช่ไหมครับ
แนะนำยี่ห้อหน่อยครับ ไม่เคยศึกษา แล้วเช็ดกระจกกับตัวถังรถควรแยกส่วนใช่ไหมครับ หมายถึงว่าแยกผืนผ้า
ใช่ครับ ผมล้างรถเองตั้งแต่ออกป้ายแดงมาเลย ไม่เคยให้ใครล้างรถให้เลย ขนาดเข้าศูนย์เช็คระยะปกติเขาจะล้างให้ ผมบอกทุกครั้งว่าไม่ให้ล้าง ปล่อยไว้แบบนั้น ผมจะล้างเอง
ผมล้างเสร็จ จะเอา bower ป่าวลม เป่าไปก่อน จะได้ไม่ทิ้งคราบน้ำเป็นวงๆ เช็ดง่าย แห้งง่าย หาซื้อ bower แบบถูกๆ ก็มีครับ ใช้งานได้เหมือนกัน อันละ 300-400 บาท มีเยอะ
ส่วนน้ำยาล้างรถ ผมก็ซื้อแบบธรรมดาๆ ตามห้างนี่ละครับ เอาเป็นของยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก ทั่วไปๆ นี่ละครับ แต่มีชื่อไม่คุ้นผมก็ไม่กล้าใช้
แว๊ค ผมเลือกแบบสเปรย์ เนื่องจากใช้งานง่าย ถ้าแบบครีมต้องมีเครื่องขัด ซึ่งผมก็มีเครื่องขัด แต่ชอบใช้แบบสเปรย์มากกว่า แต่เห็นร้านคาร์แคร์เขาบอกว่า แบบครีม จะเงากว่า แบบสเปรย์ นะ
ดีเทลลิ่ง ผมก็ใช้ เนื่องจากรถผมเคลือบแก้ว แบบสเปรย์ เช่นกัน
ส่วนยี่ห้อไหน แต่งบประมาณครับ ผมว่ายี่ห้อดังๆ เช่น Maguire, Turtle , 3M ผมว่าใช้ได้หมด หรือยี่ห้ออื่นๆ แล้วแต่หาได้+ราคา
-
ผ้าคลุม ผมใช้ตอนแรกๆ ของศูนย์ติดรถมาเลยนะ แต่เหมือนว่า ทำรถเป็นรอย เวลาคลุมแล้วลมพัด มันจะเลื่อนไปเลื่อนมานิดหน่อย ทำให้เสียดสีกับรถสีรถ
ส่วนเคลือบแก้ว ผมก็เคลือบอยู่ ผมว่าดีนะ ล้างคราบสปรกง่าย แต่มันมีจุดอ่อนคือ มันอ่อนไหว(sensitive) กับ พวกน้ำที่เป็นกรด หรือ ด่าง มันจะไปกัดตัวแก้วเป็นคราบๆ วงๆ ผมโดนมาแล้ว เนื่องจากจอดตากฝนบ่อย
วิธีป้องกันคือ ถ้าจอดตากฝนก็ต้องพยายามรีบเช็ดออกให้แห้ง(ยุ่งยากอีก) หรือ จอดในที่ร่ม(ที่ทำงาน กับ ไปหาลูกค้า บางทีมันเลือกไม่ได้)
วิธีแก้ไข คือ ต้องขัดแก้วออกแล้วเคลือบใหม่ ก็ดีนะ ร้านทำให้ฟรี เพราะผมเคลือบมี warranty + maintain แต่มันก็ต้องจอดจากฝนอยู่ดี... :'( :'( :'(
ถ้ารถไม่ได้ทำอะไร ผมว่า ล้างบ่อยๆ ลง สเปรย์เคลือบเงา สเปรย์แว๊ก หรือพวกสเปรย์ดีเทลลิ่ง เอา เสียเวลาหน่อย แต่ผมว่าดูแลง่ายสุดละ
มีผ้าเช็ดดีๆแนะนำไหมครับ ผ้าไมโครไรงี้หรอครับ
ผมใช้หลายอันครับ ทั้งยี่ห้อแบบแพง มายันถูกๆ ผมว่ามันไม่แทบไม่ต่างกันเลย
แบบ แพง
- ซับน้ำได้ดีกว่า(เช็ดแห้งเร็ว ไม่ต้องบิดน้ำทิ้งบ่อย)
- อายุการใช้งานนานกว่า(ไม่ต้องซื้อบ่อย)
- หนากว่า(น่าจะเรื่องซับน้ำ)
- นุ่มกว่า(ไม่รู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ คืออะไร แต่เดาว่าไม่ทิ้งรอยบนสีรถ)
แบบ ถูก
- ซับน้ำได้ประมาณนึง(ก็เช็ดๆ แล้วบิดทิ้ง ไม่ได้เช็คครึ่งคันแล้วค่อยบิด)
- อายุการใช้งานสั้นกว่า(แต่ราคาถูก เปลี่ยนบ่อยๆ เอา)
- บางกว่า(น่าจะมีผลกับการซับน้ำ)
- ไม่ค่อยนุ่ม
ตอนนี้ผมใช้หลักๆ
ยี่ห้อ Turtle 3 ผืนเก็บ 1000 บาท แบบหนา เอาไว้ล้างรถประจำ (1 ผืนเช็ดเปียก 1 ผืนเช็ดลงสเปย์ดีเทลลิ่ง 1 ผืนเช็ดภายในรถ)
ยี่ห้อ Carretex หลอดฟ้าๆ(ซื้อมาอยู่ในหลอด) ประมาณ 300-400 บาท/หลอด อันนี้มีหลอดเก็บผมเลยใส่ไว้ท้ายรถ เอาไว้เช็ดกระจกเวลาขับออกต่างจังหวัดกลางคืน เพราะมีคราบแมลงเลอะกระจกมาก(ขับกลางคืน น่าจะพอนึกภาพออก)
ยี่ห้อ Karshine หลอดเหลืองๆ เป็นผ้าชามัวร์ ราคาประมาณ 300-400 บาท เอาไว้เช็ดกระจกหน้าและกระจกรอบคัน ตอนล้างรถ มันจะไม่ทิ้งคราบน้ำ เพราะเอาไมโครไฟเบอร์เช็ด มันจะเป็นคราบๆ สะอาดไม่สู้ผ้าชามัวร์ และเอาไว้เช็ดข้างในรถ เช็ดฝุุ่นดีมาก
ปล.ผมไม่ค่อยยึดติดกับยี่ห้อ เอาที่หาซื้อได้ทั่วๆ ไป ลองอันไหนใช้ได้ ขาดก็ทิ้งซื้อยี่ห้อใหม่มาใช้ ลองไปเรื่อย ราคา 3 ผืน 100 ก็เคยใช้นะ แต่การใช้งานตามที่บอกด้านบน
ขอบคุณครับ คือหาน้ำยาล้างรถทั่วไปใช่ไหมครับ หับโฟมล้างปกติ
พอเสร็จแล้วเอาผ้าชามัวเช็ดรอบนึง บิดๆ แล้วก็ตามด้วยผ้าไมโครไฟเลอร์หนาๆหน่อยใช่ไหมครับ
แล้วถ้าจะลงแว๊คด้วย ก็หาผ้าไมโครไฟเบอร์อีกผืนใช่ไหมครับ
แนะนำยี่ห้อหน่อยครับ ไม่เคยศึกษา แล้วเช็ดกระจกกับตัวถังรถควรแยกส่วนใช่ไหมครับ หมายถึงว่าแยกผืนผ้า
ใช่ครับ ผมล้างรถเองตั้งแต่ออกป้ายแดงมาเลย ไม่เคยให้ใครล้างรถให้เลย ขนาดเข้าศูนย์เช็คระยะปกติเขาจะล้างให้ ผมบอกทุกครั้งว่าไม่ให้ล้าง ปล่อยไว้แบบนั้น ผมจะล้างเอง
ผมล้างเสร็จ จะเอา bower ป่าวลม เป่าไปก่อน จะได้ไม่ทิ้งคราบน้ำเป็นวงๆ เช็ดง่าย แห้งง่าย หาซื้อ bower แบบถูกๆ ก็มีครับ ใช้งานได้เหมือนกัน อันละ 300-400 บาท มีเยอะ
ส่วนน้ำยาล้างรถ ผมก็ซื้อแบบธรรมดาๆ ตามห้างนี่ละครับ เอาเป็นของยี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก ทั่วไปๆ นี่ละครับ แต่มีชื่อไม่คุ้นผมก็ไม่กล้าใช้
แว๊ค ผมเลือกแบบสเปรย์ เนื่องจากใช้งานง่าย ถ้าแบบครีมต้องมีเครื่องขัด ซึ่งผมก็มีเครื่องขัด แต่ชอบใช้แบบสเปรย์มากกว่า แต่เห็นร้านคาร์แคร์เขาบอกว่า แบบครีม จะเงากว่า แบบสเปรย์ นะ
ดีเทลลิ่ง ผมก็ใช้ เนื่องจากรถผมเคลือบแก้ว แบบสเปรย์ เช่นกัน
ส่วนยี่ห้อไหน แต่งบประมาณครับ ผมว่ายี่ห้อดังๆ เช่น Maguire, Turtle , 3M ผมว่าใช้ได้หมด หรือยี่ห้ออื่นๆ แล้วแต่หาได้+ราคา
น้ำยาเช็ดกระจก เบาะหนังภายในยังไงดีครับ สเปร์ฉีดหรอครับเช็ดด้วยผ้าไมโคร