Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: T.Buzz ที่ สิงหาคม 16, 2019, 00:40:41
-
ด้วยความที่รถ Ford Fiesta 1.6 Ultimate ที่ใช้ตั้งแต่สมัยเรียนเริ่มเก่า และราคาตกมากกก ผมมีความคิดที่จะต้องเปลี่ยนคันใหม่ซะที ไม่ให้ขาดทุน ทีนี้ผมเองก็มีมองๆรถไว้หลายยี่ห้อ หลายรุ่นมากๆ จนวันนึงไปคุยกับเพื่อนพ่อที่ขับ E39 อยู่ เขาก็ชวนมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ผมเลยเริ่มเล็งรุ่นนี้ มองหาสภาพดีๆ ไม่แก๊ส มาไว้เอาใจแม่ไปด้วย จนมาเจอคันนึงประกาศขายอยู่ ราคา 389,000 บาท ในสภาพนางฟ้า และไมล์น้อยมาก 6×,××× km ก็สนใจ และตั้งใจจะไปดูรถ แต่ด้วยความที่รู้น้อยมาก เกี่ยวกับการดูแลรถยุโรป และอยากแน่ใจว่าผมจะได้เจอรถที่ดีตามที่ต้องการ และดูแลมันได้โดยที่ผมเองไม่อดตายซะก่อน 5555 สิ่งที่ผมอยากรู้ประมาณนี้ครับ
- เจ้าของรถมีเซอร์วิสบุคให้ดูได้ แต่ไมล์เอจน้อยขนาดนี้ ผมจะเช็คประวัติก่อนซื้อได้ไหมครับ
- มีอะไรบ้างที่ควรดูเป็นพิเศษก่อนวางเงิน
- ซื้อมาแล้ว ค่าบำรุงรักษาพื้นฐานประมาณไหนฮะ
-มีอะไรที่ต้องระวังในการใช้มั้ยครับ ควรหลีกเลี่ยงอะไรบ้าง
-ขาตั้งไฟหน้า กาบข้างเบาะ เปราะจริงหรือครับ ??
-อายุ 24 เงินเดือนไม่มาก อาศัยรายได้จากจ๊อบย่อยโปะเข้ามา มีเงินจ่ายค่าน้ำมัน แต่ !! ค่าซ่อม ถ้าค่อยๆซ่อม ผมจะพอได้อยู่ใช่ไหมครับ ครั้งละ 4-6000 ยังพอไหว แต่ถ้าถึงหลักหมื่นต่อครั้ง แล้วเป็นเคสต้องซ่อมทันที ก็กลัวเหนื่อยๆ
-ชิ้นส่วนหรือระบบบางอย่างที่พังๆกันมากในรุ่นนี้ ถึงขั้นขับไม่ได้เลยไหมครับ เพราะผมจะต้องใช้มันเป็นหลักเลย
- ประกันชั้นหนึ่ง + ภาษีปีละเท่าไหร่ครับ
- ราคา 389,000 กับความใหม่มากๆ ราคานี้เหมาะสมไหมครับ ผมควรต่อรองอีกไหมครับ (ราคาตลาด 245,××× +-)
คร่าวๆก็ประมาณนี้ก่อนครับ เชื่อว่าพี่ๆที่เล่นบอร์ดเว็บนี้ต้องมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเยอะแน่ๆ ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าที่ช่วยเข้ามาตอบน้องนะครับ
ขอบคุณครับ :)
-
E39อายุอานามขนาดนี้ ไมล์6หมื่นไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ เอาเลขตัวถังไปเช็คประวัติที่ศูนย์ก่อนดีกว่าครับ บอกว่าใช้Fiestaอยู่แล้วซ่อมที่ไหนล่ะครับ? ถ้าจะใช้E39ค่าซ่อมจะไม่ใช่แบบFiestaแน่นอนเพราะรถระดับLuxuryจะมีระบบต่างๆมากกว่าและอะไหล่แพงกว่า ชิ้นส่วนขาไฟหน้าถ้าไม่เคยเปลี่ยนรับรองว่าหักแน่นอน ถ้ามีงบค่าซ่อมหลักพันผมไม่อยากแนะนำให้ใช้รถแบบนี้เลย เข้าใจว่าใช้รถยุโรปอยู่แต่BMWหรือBenzมือสองอายุนานแบบนี้ไม่มีใครตอบได้ว่าจะเสียครั้งละหลักพัน ถ้าโดนแอร์เข้าไปทีนึงก็เป็นหมื่นแล้วละครับ
-
ถึงตอนนี้มันจะราคา 3xx,xxx แต่มันเคยราคา 3,xxx,xxx ดังนั้นค่าซ่อมไม่ถูกแน่ (ถึงจะพอมีอะไหล่เทียบ อะไหล่มือสอง ให้ใช้มากขึ้นแล้วก็เถอะ)
รถวิ่งน้อยที่เจ้าของละเลยการดูแล แย่กว่ารถวิ่งเยอะที่ดูแลปกตินะครับ อยากให้สังเกตุตรงนี้ดีๆ
"ยิ่งรีบ ยิ่งช้า" ฝากพิจารณาประโยคนี้ด้วยครับ
-
สภาพมันใหม่ตรงไหนเนี่ย รถมันจะ 20 ปี เข้าไปแล้วนะ มันต้องมีซ่อมอยู่แล้ว จะมากน้อยก็ว่ากันไป เครื่องตัวนี้ สมัยน้นมันก็แรงเอาเรื่องแหละ แต่ ถ้าสมัยนี้ ก็เรียกได้ว่า กินน้ำมันเยอะไปแล้ว ค่าซ่อม ไม่ได้ถูกนะ ถ้าคุณมีแค่หลักพัน ไปซื้อวีออส หรือ ยาริส ตัวใหม่ก็ได้ เถอะ จะสบายตัวกว่าเยอะเลย รถมันถูกแต่อะไหล่ มันไม่ได้ถูกตามรถนะบอกก่อน
-
เจ้าของมีบุคให้ดู อืมจะยี่สิบปีแล้วเขาขาดเข้าศูนย์ไปคงเป็นสิบปีแล้วหละมั้งครับe60ยังไม่เห็นเข้าศูนย์กันเลยครับเท่าที่สังเกตุดู ไมล์จริงอาจเกินแสนไปไกลแล้วก็ได้คิดในแง่ลบป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีกว่า
ค่าบำรุงพื้นฐานเอามาเก็บแค่อะไหล่สิ้นเปลือง หัวเทียน ลูกรอก สายพาน ของเหลวๆ ประเก็น โอริงบางจุดหรือโดนแอร์ทั้งระบบก็ห้าหมื่นแล้วครับ ค่าซ่อมหลักพันไม่พอแน่ๆ เพราะราคาอะไหล่ไม่ได้ถูกเท่าไรนะครับแรค คอมแอร์ มอเตอร์ ไดชาร์ทลูกนึงเชียงกงก็ร่วมหมื่นแล้ว ยังไม่รวมเคสที่จะทยอยมาเรื่อยๆ เช่น ไฟโชวร์จุกจิก เซนเซอร์ต่างๆ
m52tu ยังเป็นยุคที่ยังไม่มีเทอร์โบแค่วาล์วโนสเท่านั้น กินน้ำมันดุแบบเลขตัวเดียวต่อลิตร เทียบกับรถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ๆประหยัดอัตราเร่งยังหวือหวากว่าครับ
ประกันชั้น1 คงหาบริษัทรับยากครับลดมาเป็น2 3 หาได้แน่ๆ
ข้อดีที่นึกออกข้อเดียวคือ ช่วงล่างดีที่สุดในรถระดับยุคเดียวกัน
อยากทราบอะไรมากกว่านี้เข้าคลับเลยครับ
ปล.คนในคลับ e46 e34 ก็เห็นโดนเฟียสต้ากับโฟกัสฉีกเป็นวุ้นมาแล้วนะครับ
-
คุณย้อนแย้งนะครับ บอกเฟียตต้ารถเก่ามาก
แต่ไปเอา E39. ::) ::)
ค่าซ่อมคนละเรื่องกับเฟียตต้า
สมมุติไฟหน้าแตก กระจกมองข้างปรับไม่ได้ แค่อะไหล่สองชิ้นนี้คุณไม่พร้อมซ่อมแล้วครับ :-X
ถ้าจะหารถใหญ่ขึ้น ผมว่ามองพวกซิลฟี่เถอะ
-
จากใจคนเล่นรถยุโรปเก่าเหมือนกัน
ถ้าค่าซ่อมครั้งละหมื่นคิดว่ามากเกินไป ผมอยากให้ข้ามไปก่อนครับ
4-6000 ได้แค่ถ่ายน้ำมันเครื่องครับ ไม่แน่ใจว่า 523 ใช้เท่าไหร่ แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 7 ลิตร และใช้คนละเกรดกับ fiesta ด้วยครับ
จริงอยู่ว่าถ้าทำทีละรายการมันอยู่ในงบที่คุณตั้งไว้ได้ แต่รถอายุขนาดนี้เข้าอู่แล้วไม่มีทำทีละรายการหรอกครับ
มันจะมีนู่นนี่นั่นเสียอยู่เรื่อยๆ ตามอายุของมัน ซึ่งการเข้าอู่แต่ละครั้งมันจะมีอะไรให้เก็บอยู่เรื่อยๆ
ค่าบำรุงรักษาขั้นต่ำที่ควรจะมีเลยคือปีละ 50,000 เผื่อปีไหนโดนช่วงล่างชุดใหญ่ หรือเปิดฝาเครื้่อง หรือฮอลเกียร์ เป็นต้น
-
ถ้าใจยังทิ้งรถหรูไม่ได้ ลองมอง Lexus ดูมั้ยครับ ซ่อมเก็บงานน่าจะเจ็บตัวน้อยกว่านะ ราคาช่วงนี้ก็ได้ GS ES ปีไล่ๆกัน
-
ซ่อมครั้งละหลักพัน ต้องเป็นอู่ที่ไม่ฟันและไม่หาเงินจริงๆ ครับ
แต่ถ้าเจออะไรเสียที่ต้องเปลี่ยนเลย ไม่ใช่ซ่อม แต่ละชิ้นน่าจะหลายพัน แต่ถ้าชิ้นใหญ่ๆ เลยเช่น คอมเพรสเซอร์แอร์ เกียร์ ชิ้นส่วนช่วงล่าง พวกนี้แต่ละชิ้น ขนาดซ่อมอู่นอก ผมว่าก็ราคาหลักหมื่นครับ อาจจะไม่ใช่หมื่นเดียวด้วย
แต่ถ้าเน้นซ่อม ไม่เปลี่ยน ก็จะถูก แต่ซ่อมแล้วก็อยู่ได้ไม่นานแบบจับเปลี่ยนครับ BMWเป็นรถที่ทนนะครับ แต่ถ้าซ่อมไม่ถึง ก็ไม่จบ ทำให้คนใช้BMW จำนวนเยอะที่บอกว่ารถจุกจิก
แต่ถ้ามีงบซ่อมแล้วจับเปลี่ยนของใหม่ ของดีใส่ไปเลย แบบนั้นอยู่ทนอยู่นานแน่ครับ
ผมขอยกตัวอย่าง รถผม ซีรี่5 F10 นะครับ หลังหมด BSI 5 ปีแล้ว สำหรับราคาในศูนย์(ซึ่งแพงกว่าอู่แน่ๆ แต่ซ่อมแล้วจบ) ผมให้เซฟๆ เลย ปีนึงต้องไม่ต่ำกว่า 50,000 ครับ บางรายการ แค่ไฟโชว์หรืออะไรเล็กๆ ที่ไม่คิดว่าจะแพง ก็กลับแพงครับ เช่นกระจกข้าง เสียงพัดลมแอร์ เซ็นเซอร์ถอยหลังรวนพวกนี้ ฟังดูจิ๊บจ้อย แต่ราคาแม้จะชิ้นหยุมหยิม ก็ไม่ใช่ถูกครับ
ปล. รถ16 ปี วิ่งแค่ 6หมื่นเองเหรอ ไม่ค่อยน่าเชื่อเลยครับ
-
จากประสบการณ์การใช้รถยนต์รุ่นนี้มา 7 ปี ระยะทาง 200,000 กม. (ซื้อมือสองมาติดแก๊ส)
เรื่องค่าซ่อมนี่ มันมาเป็นช่วงๆ บางปีถ้าโชคดีมากๆ อาจมีแค่ของเหลว+ผ้าเบรค ซึ่งมักจะมีแบบนี้ หลักจากที่ในปีก่อนหน้า มีการเก็บงานครั้งใหญ่
บางปีมีเปลี่ยนเยอะๆ ก็ครั้งละหลายหมื่นครับ แต่โดยเฉลี่ยก็ปีละ 3-5 หมื่นบาท และไม่น่ามีปีไหนต่ำกว่าหมื่นครับ
ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ เอาแบบเหตุผลล้วนๆ แนะนำให้ใช้คันเดิมไปก่อน หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นรถป้ายแดง ราคา 7-8 แสน หรือถ้าอยากได้ฟีลยุโรปจริงๆ
เล่น Mazda 3/Ford Focus มือสอง ไปก่อนครับ ซื้อตอนพร้อมจริงๆ สนุกกว่าเยอะครับ อยากจะเก็บงาน อยากจะแต่งยังไง มันจะทำได้ราบรื่นกว่ามากครับ
-
อันนี้เล่าสู่กันฟังนะครับ จากที่เคยเจอมาของพรรคพวก
รถวิ่งน้อย ไม่ใช่ไม่พังนะครับ ... ทุกชิ้นส่วนมีวันหมดสภาพได้แม้ไม่ได้ใช้งานหรือใช้งานน้อย ....
เกียร์สมองเกียร์และระบบอิเล็คทรอนิกต่างๆ สามารถเสื่อมได้ และของเหลวที่ระยะไมล์เท่านี้ เค้าเปลี่ยนบ้างหรือเปล่า ถ้าเรารับมา เราต้องมาเปลี่ยนและค่าเปลี่ยนมันเท่าไรล่ะ ...
ระบบไฟฟ้าในรถ เช่นกระจกไฟฟ้า และระบบแอร์ ก็เช่นกัน เสื่อมสะภาพได้ตามกาลเวลาครับ
ช่วงล่างบูชยาง ต่างๆด้วย เสื่อมได้เหมือนกัน ยางหุ้มเพลาขาดข้างนึงเปลี่ยนไม่ถูกนะครับ
แต่ถ้ายอมรับในเรื่องของการบำรุงรักษาได้ ค่อยๆเก็บงานไป และใช้รถน้อย ไม่วิ่งทางไกลบ่อยๆ ก็น่าสนใจนะครับ ขับไปไหนยังไงก็ดูหล่อสูสีกับ civic ป้ายแดงเลยล่ะ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
-
อะไหล่มือสองยังมีพอควร
ของแต่ง หรือหัวตัด ก็ยังพอมีพอไหว
หาอู่ประจํา หาความรู้เรื่องอะไหล่
และการบำรุงรักษา เข้าคลับ 39 ก็ได้
ถ้าซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ได้ ก็จะดีมาก
ถ้าได้รถมาไม่เน่ามาก และซ่อมถึง
คุณจะได้เก๋งขับหลังที่คุณภาพการขับขี่
ยอดเยี่ยมที่สุดคันหนึ่ง
-
E39อายุอานามขนาดนี้ ไมล์6หมื่นไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ เอาเลขตัวถังไปเช็คประวัติที่ศูนย์ก่อนดีกว่าครับ บอกว่าใช้Fiestaอยู่แล้วซ่อมที่ไหนล่ะครับ? ถ้าจะใช้E39ค่าซ่อมจะไม่ใช่แบบFiestaแน่นอนเพราะรถระดับLuxuryจะมีระบบต่างๆมากกว่าและอะไหล่แพงกว่า ชิ้นส่วนขาไฟหน้าถ้าไม่เคยเปลี่ยนรับรองว่าหักแน่นอน ถ้ามีงบค่าซ่อมหลักพันผมไม่อยากแนะนำให้ใช้รถแบบนี้เลย เข้าใจว่าใช้รถยุโรปอยู่แต่BMWหรือBenzมือสองอายุนานแบบนี้ไม่มีใครตอบได้ว่าจะเสียครั้งละหลักพัน ถ้าโดนแอร์เข้าไปทีนึงก็เป็นหมื่นแล้วละครับ
ทุกวันนี้ใช้รถบริษัทเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นวันหยุดจะเอารถส่วนตัวออกมาขับเล่น เท่าที่อ่านความเห็นของพี่แล้ว น่าจะทำผมลำบากเอาเรื่องเลย เสียสักสองหมื่นต่อปียังพอไหว แต่ถ้าจะเจอกับความจุกจิกที่เข้ามาไม่หยุดหย่อน ผมคงไม่พร้อมจริงๆ ขอบคุณมากนะครับ ที่ให้คำแนะนำกับผม จะนำไปทบทวนมากๆฮะ :)
-
จากใจคนเล่นรถยุโรปเก่าเหมือนกัน
ถ้าค่าซ่อมครั้งละหมื่นคิดว่ามากเกินไป ผมอยากให้ข้ามไปก่อนครับ
4-6000 ได้แค่ถ่ายน้ำมันเครื่องครับ ไม่แน่ใจว่า 523 ใช้เท่าไหร่ แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 7 ลิตร และใช้คนละเกรดกับ fiesta ด้วยครับ
จริงอยู่ว่าถ้าทำทีละรายการมันอยู่ในงบที่คุณตั้งไว้ได้ แต่รถอายุขนาดนี้เข้าอู่แล้วไม่มีทำทีละรายการหรอกครับ
มันจะมีนู่นนี่นั่นเสียอยู่เรื่อยๆ ตามอายุของมัน ซึ่งการเข้าอู่แต่ละครั้งมันจะมีอะไรให้เก็บอยู่เรื่อยๆ
ค่าบำรุงรักษาขั้นต่ำที่ควรจะมีเลยคือปีละ 50,000 เผื่อปีไหนโดนช่วงล่างชุดใหญ่ หรือเปิดฝาเครื้่อง หรือฮอลเกียร์ เป็นต้น
เท่าที่ทบทวนคำแนะนำของพี่ ผมคิดว่าผมต้องเตรียมพร้อมให้มากกว่านี้แน่ๆครับ :)
-
อะไหล่มือสองยังมีพอควร
ของแต่ง หรือหัวตัด ก็ยังพอมีพอไหว
หาอู่ประจํา หาความรู้เรื่องอะไหล่
และการบำรุงรักษา เข้าคลับ 39 ก็ได้
ถ้าซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ได้ ก็จะดีมาก
ถ้าได้รถมาไม่เน่ามาก และซ่อมถึง
คุณจะได้เก๋งขับหลังที่คุณภาพการขับขี่
ยอดเยี่ยมที่สุดคันหนึ่ง
ส่วนตัวถ้าซื้อมาจะใช้น้อยครับ ขับวันหยุด เพราะส่วนมากใช้รถบริษัท เท่าที่อ่านคห.บนที่พี่ๆแนะนำมา ค่าใช้จ่ายที่บางตัวฟลุคเสียขึ้นมา ผมอาจเอาไม่อยู่แน่ๆเลย คงต้องเตรีมพร้อมตัวเองให้มากกว่านี้สักหน่อย
-
อันนี้เล่าสู่กันฟังนะครับ จากที่เคยเจอมาของพรรคพวก
รถวิ่งน้อย ไม่ใช่ไม่พังนะครับ ... ทุกชิ้นส่วนมีวันหมดสภาพได้แม้ไม่ได้ใช้งานหรือใช้งานน้อย ....
เกียร์สมองเกียร์และระบบอิเล็คทรอนิกต่างๆ สามารถเสื่อมได้ และของเหลวที่ระยะไมล์เท่านี้ เค้าเปลี่ยนบ้างหรือเปล่า ถ้าเรารับมา เราต้องมาเปลี่ยนและค่าเปลี่ยนมันเท่าไรล่ะ ...
ระบบไฟฟ้าในรถ เช่นกระจกไฟฟ้า และระบบแอร์ ก็เช่นกัน เสื่อมสะภาพได้ตามกาลเวลาครับ
ช่วงล่างบูชยาง ต่างๆด้วย เสื่อมได้เหมือนกัน ยางหุ้มเพลาขาดข้างนึงเปลี่ยนไม่ถูกนะครับ
แต่ถ้ายอมรับในเรื่องของการบำรุงรักษาได้ ค่อยๆเก็บงานไป และใช้รถน้อย ไม่วิ่งทางไกลบ่อยๆ ก็น่าสนใจนะครับ ขับไปไหนยังไงก็ดูหล่อสูสีกับ civic ป้ายแดงเลยล่ะ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
ส่วนมากจะใช้รถบริษัทครับ ซ่อมจุกจิกไม่กลัว กลัวมาใหญ่ๆทีเดียวแล้วต้องจอดซ่อม อันนี้เกรงว่าจะไม่ไหวแน่ครับ 555 แต่ผมเห็นด้วยนะครับ ว่ารถหล่อ ใจลึกๆก็อยากพาเข้าบ้านมากกก
-
ถึงตอนนี้มันจะราคา 3xx,xxx แต่มันเคยราคา 3,xxx,xxx ดังนั้นค่าซ่อมไม่ถูกแน่ (ถึงจะพอมีอะไหล่เทียบ อะไหล่มือสอง ให้ใช้มากขึ้นแล้วก็เถอะ)
รถวิ่งน้อยที่เจ้าของละเลยการดูแล แย่กว่ารถวิ่งเยอะที่ดูแลปกตินะครับ อยากให้สังเกตุตรงนี้ดีๆ
"ยิ่งรีบ ยิ่งช้า" ฝากพิจารณาประโยคนี้ด้วยครับ
เห็นด้วย และจะนำไปคิดครับ บางทีผมอาจจะหลอกตัวเองเพื่อให้ได้รถคันนี้เข้าบ้านจนลืมมองความเป็นจริง ขอบคุณมากครับ :)
-
คุณย้อนแย้งนะครับ บอกเฟียตต้ารถเก่ามาก
แต่ไปเอา E39. ::) ::)
ค่าซ่อมคนละเรื่องกับเฟียตต้า
สมมุติไฟหน้าแตก กระจกมองข้างปรับไม่ได้ แค่อะไหล่สองชิ้นนี้คุณไม่พร้อมซ่อมแล้วครับ :-X
ถ้าจะหารถใหญ่ขึ้น ผมว่ามองพวกซิลฟี่เถอะ
เจ็บแต่จริงเนอะครับ ขอบคุณที่ปลุกผมให้ตาสว่างครับ ผมคงจะอยากได้มากจนบังความจริงพวกนี้ไป
-
ลูกน้องผม ซื้อ 530i E39 มาใช้ได้อยู่สักปีเศษ เห็นทยอยซ่อมมาเรื่อย ทั้งน้ำมันเกียร์ / ชุดแร็คพวงมาลัย / ช่วงล่าง ... ไม่มีหรอกครับ 4 - 6 พันเนี่ย หลักหมื่นทั้งนั้น ระดับว่า วิ่งหาอะไหล่เอง ซ่อมเอง หรือ บางอย่างก็ลงไปช่วยช่างที่อู่ซ่อมนะครับ
ลูกน้องผมนี่เงินเดือน 1.2 แสนบาทนะครับ
ไม่เจอหน้าหลายเดือน มาเจออีกที ขับ Mazda 2 ป้ายแดง ละ .. เค้าบอก ไม่ไหว สารพัดจะซ่อม ตามอายุ ทำนี่จบ เดี๋ยวนั่นมา วนไปเรื่อย
-
เมื่อก่อนเคยใช้ e39 ค่าซ่อมเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาท ต่อปีครับ แต่ละปีเสียน้อยเสียเยอะไม่เท่ากัน บางปีค่าซ่อมแค่หมื่นกว่าบาท บางปีเสียหลายอย่าง ค่าซ่อมก็เกินค่าเฉลี่ยไปอีกหลายหมื่น
เท่าที่ใช้มา มีครั้งที่ค่าซ่อมต่อครั้งเกิน 2 หมื่นบาท หลายครั้งอยู่ครับ
-
ผมเคยใช้ E46 323iSE มันก็เครื่องเดียวกันกับ E39 ตัวนี้แหละครับ แต่ขายไปนานแล้ว ใช้มา 6-7 ปีได้
ผมว่าเจอแค่ค่าน้ำมันก็หนาวแล้ว วิ่งยาวๆยังยากจะเห็น 10 โลลิตรได้
แล้วถ้าเทียบกับรถสมัยนี้มันก็ไม่ได้แรงอะไรมากมาย แค่พอเอาสนุกได้
อาศัยว่าเป็นเครื่อง 6 สูบเสียงนุ่มกว่ารถตลาดทั่วๆไปที่ใช้ 4 สูบหน่อยแค่นั้นครับ เรียกว่าพออวดพอโชได้นิดๆ
ผมว่าค่าซ่อม 4-6 พันนี่เอาไม่อยู่หรอกครับ ผมเคยซื้อปั๊มติ๊กจากจีนมาใช้ ราคาแค่ 2,500 บาท
ใช้ได้ไม่นานมันก็เจ๊งอีก คือพวกของ-อาการยิบย่อยอ่ะพอได้ครับ
แต่ถ้าไปเจอพวกอาการซ่อมหนัก เช่น เกียร์เสีย กล่องโน่นนี่เสีย แร็คพวงมาลัย ฯลฯ พวกนี้หลักหมื่น Up แน่นอนครับ
เอาง่ายๆแค่น้องเจอมอร์ไซต์เกี่ยวกระจกข้างปลิวไป แค่นี้ก็ซีดละครับ ::)
ผมมีราคาค่าเช็คระยะที่ศูนย์เมื่อปี 2008 มาให้ดูครับ อันนี้คือเช็คระยะตามปกติ ไม่มีไรเสียเลยนะครับ
ย้ำว่าปี 2008 คือเมื่อสิบกว่าปีก่อนนะครับ
ค่าแรงเปลี่ยน นมค 260
ทำความสะอาดเครื่องยนต์ 130
ไส้กรอง นมค 417
กรองอากาศ 829
แหวนยางรองกระปุก นมค ุ63
นมค 7 ลิตร 5,530
น้ำยาล้างเครื่อง 130
ค่าแรงเปลี่ยนหลอดไฟท้าย 130
หลอดไฟท้าย 2 หลอด 140
Vat 7% 534
รวม 8,163 บาท
ส่วนที่มีการแจ้งแก้ไข เช่น สายพานหน้าเครื่องดัง อันนี้โดนไปหมื่นเศษๆ
อาการน้ำในหม้อน้ำหาย ผมโดนเปลี่ยน ปั๊มน้ำ ปะเก็นฝาเครื่อง เทอร์โมสตัรท ฯลฯ สองหมื่นกว่า
กระปุกพักน้ำอีก 6,684 บาท รวมๆจ่ายกับแค่อาการนี้ไปสามหมื่นกว่าๆ
โดยส่วนตัวคิดว่าคุณน้องยังงบตึงไปมากพอสมควรครับ
-
ไม่เหมาะเอามาใช้ประจำวันหรอกครับ (ไม่ได้บอกว่าใช้ไม่ได้นะ แต่ถ้าจะบอกว่าเหมาะผมขอเถียงจนคุณเบื่อ) มันเหมาะสำหรับคนอยากจะซื้อมาเล่น มีงบเหลือๆ เสียเมื่อไหร่ก็เข้าศูนย์ ซ่อมทีจับเปลี่ยนหมด ไม่งั้นมันจะพาอย่างอื่นเสีย
ถ้างบไม่เหลือขนาด แสน - 2 แสน จับซ่อมได้สบายๆ นี่ไม่ควรแตะอย่างยิ่ง ถึงซ่อมจริงอาจจะไม่ถึงก็ตาม
จากใจคนใช้รถมาเกือบ 20 คัน สุดท้ายถึงเข้าใจว่าทำไม Toyota กับ Honda ถึงขายดีสุด
รอมีเหลือๆ ค่อยมาจับ e60 f10 ทีหลังไว้เล่นตอบสนองกิเลสวันหลังก็ได้ครับ วันนี้หารถที่ใช้แล้วสบายใจสุดเถอะครับ สตาร์ทติดทุกวัน
ไปไหนไม่ตายกลางทาง ซ่อมไม่แพง
-
ลูกน้องผม ซื้อ 530i E39 มาใช้ได้อยู่สักปีเศษ เห็นทยอยซ่อมมาเรื่อย ทั้งน้ำมันเกียร์ / ชุดแร็คพวงมาลัย / ช่วงล่าง ... ไม่มีหรอกครับ 4 - 6 พันเนี่ย หลักหมื่นทั้งนั้น ระดับว่า วิ่งหาอะไหล่เอง ซ่อมเอง หรือ บางอย่างก็ลงไปช่วยช่างที่อู่ซ่อมนะครับ
ลูกน้องผมนี่เงินเดือน 1.2 แสนบาทนะครับ
ไม่เจอหน้าหลายเดือน มาเจออีกที ขับ Mazda 2 ป้ายแดง ละ .. เค้าบอก ไม่ไหว สารพัดจะซ่อม ตามอายุ ทำนี่จบ เดี๋ยวนั่นมา วนไปเรื่อย
เจอความเห็นนี้ไป ผมสำนึกตัวเลยครับ คิดๆดูแล้วเก็บเงินไปลงทุนให้ตัวเองดีขึ้นกว่านี้คงจะดีกว่า 555 :)
-
ไม่เหมาะเอามาใช้ประจำวันหรอกครับ (ไม่ได้บอกว่าใช้ไม่ได้นะ แต่ถ้าจะบอกว่าเหมาะผมขอเถียงจนคุณเบื่อ) มันเหมาะสำหรับคนอยากจะซื้อมาเล่น มีงบเหลือๆ เสียเมื่อไหร่ก็เข้าศูนย์ ซ่อมทีจับเปลี่ยนหมด ไม่งั้นมันจะพาอย่างอื่นเสีย
ถ้างบไม่เหลือขนาด แสน - 2 แสน จับซ่อมได้สบายๆ นี่ไม่ควรแตะอย่างยิ่ง ถึงซ่อมจริงอาจจะไม่ถึงก็ตาม
จากใจคนใช้รถมาเกือบ 20 คัน สุดท้ายถึงเข้าใจว่าทำไม Toyota กับ Honda ถึงขายดีสุด
รอมีเหลือๆ ค่อยมาจับ e60 f10 ทีหลังไว้เล่นตอบสนองกิเลสวันหลังก็ได้ครับ วันนี้หารถที่ใช้แล้วสบายใจสุดเถอะครับ สตาร์ทติดทุกวัน
ไปไหนไม่ตายกลางทาง ซ่อมไม่แพง
ขอรับความหวังดีนี้ไว้ครับผม ผมเชื่อและเห็นด้วยทุกคำพูดเลยครับ ผมยังเด็ก บางทีก็ใจร้อนเกินไป โชคดีที่เข้ามาปรึกษาน้าๆครับ :)
-
ผมเคยใช้ E46 323iSE มันก็เครื่องเดียวกันกับ E39 ตัวนี้แหละครับ แต่ขายไปนานแล้ว ใช้มา 6-7 ปีได้
ผมว่าเจอแค่ค่าน้ำมันก็หนาวแล้ว วิ่งยาวๆยังยากจะเห็น 10 โลลิตรได้
แล้วถ้าเทียบกับรถสมัยนี้มันก็ไม่ได้แรงอะไรมากมาย แค่พอเอาสนุกได้
อาศัยว่าเป็นเครื่อง 6 สูบเสียงนุ่มกว่ารถตลาดทั่วๆไปที่ใช้ 4 สูบหน่อยแค่นั้นครับ เรียกว่าพออวดพอโชได้นิดๆ
ผมว่าค่าซ่อม 4-6 พันนี่เอาไม่อยู่หรอกครับ ผมเคยซื้อปั๊มติ๊กจากจีนมาใช้ ราคาแค่ 2,500 บาท
ใช้ได้ไม่นานมันก็เจ๊งอีก คือพวกของ-อาการยิบย่อยอ่ะพอได้ครับ
แต่ถ้าไปเจอพวกอาการซ่อมหนัก เช่น เกียร์เสีย กล่องโน่นนี่เสีย แร็คพวงมาลัย ฯลฯ พวกนี้หลักหมื่น Up แน่นอนครับ
เอาง่ายๆแค่น้องเจอมอร์ไซต์เกี่ยวกระจกข้างปลิวไป แค่นี้ก็ซีดละครับ ::)
ผมมีราคาค่าเช็คระยะที่ศูนย์เมื่อปี 2008 มาให้ดูครับ อันนี้คือเช็คระยะตามปกติ ไม่มีไรเสียเลยนะครับ
ย้ำว่าปี 2008 คือเมื่อสิบกว่าปีก่อนนะครับ
ค่าแรงเปลี่ยน นมค 260
ทำความสะอาดเครื่องยนต์ 130
ไส้กรอง นมค 417
กรองอากาศ 829
แหวนยางรองกระปุก นมค ุ63
นมค 7 ลิตร 5,530
น้ำยาล้างเครื่อง 130
ค่าแรงเปลี่ยนหลอดไฟท้าย 130
หลอดไฟท้าย 2 หลอด 140
Vat 7% 534
รวม 8,163 บาท
ส่วนที่มีการแจ้งแก้ไข เช่น สายพานหน้าเครื่องดัง อันนี้โดนไปหมื่นเศษๆ
อาการน้ำในหม้อน้ำหาย ผมโดนเปลี่ยน ปั๊มน้ำ ปะเก็นฝาเครื่อง เทอร์โมสตัรท ฯลฯ สองหมื่นกว่า
กระปุกพักน้ำอีก 6,684 บาท รวมๆจ่ายกับแค่อาการนี้ไปสามหมื่นกว่าๆ
โดยส่วนตัวคิดว่าคุณน้องยังงบตึงไปมากพอสมควรครับ
ขอบคุณในคำแนะนำนะครับ มาคิดตามดูแล้วผมควรจะเอาเงินที่มีไปลงทุนต่อยอดให้ตัวเองก่อนน่าจะดีกว่า ขอบคุณจริงๆครับ :)
-
เมื่อก่อนเคยใช้ e39 ค่าซ่อมเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาท ต่อปีครับ แต่ละปีเสียน้อยเสียเยอะไม่เท่ากัน บางปีค่าซ่อมแค่หมื่นกว่าบาท บางปีเสียหลายอย่าง ค่าซ่อมก็เกินค่าเฉลี่ยไปอีกหลายหมื่น
เท่าที่ใช้มา มีครั้งที่ค่าซ่อมต่อครั้งเกิน 2 หมื่นบาท หลายครั้งอยู่ครับ
ขอขอบคุณมากในคำแนะนำครับ ผมคงต้องไปเตรียมตัวเองให้พร้อมอีกสักหน่อยจริงๆแล้วล่ะครับ :)
-
ถ้าอยากเล่นรถยุโรปเก่าแล้วคาดหวังราคาอะไหล่กับค่าซ่อมถูกพอๆกับรถญี่ปุ่นแนะนำให้เล่น MB ครับ
แต่ทั้งนี้คุณต้องรู้เรื่องรถพอสมควรกับรู้จักอู่ที่จะเปลี่ยนอะไหล่ให้คุณได้นะครับ (อะไหล่ไปซื้อเองแถววัดโสม)
-
จขกทรู้จักคำว่า "นรกติดล้อ" ก็คราวนี้แหละครับ
-
ณ ตอนนี้อะไหล่เก่าเซียงกงเยอะครับ แต่ของ 39 นี่รู้สึกจะมีอยู่อย่างที่หายากคือ DSC แต่อย่างอื่นก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอู่ซ่อมด้วยละครับ ว่าจะมีคุณธรรมขนาดไหน หลายๆคนที่มาซ่อม bmw รุ่นเก่าแล้วบ่นกันก็มาจากเรื่องอู่ซ่อมส่วนนึงด้วยละครับ
-
เมื่อก่อนเคยใช้ e39 ค่าซ่อมเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาท ต่อปีครับ แต่ละปีเสียน้อยเสียเยอะไม่เท่ากัน บางปีค่าซ่อมแค่หมื่นกว่าบาท บางปีเสียหลายอย่าง ค่าซ่อมก็เกินค่าเฉลี่ยไปอีกหลายหมื่น
เท่าที่ใช้มา มีครั้งที่ค่าซ่อมต่อครั้งเกิน 2 หมื่นบาท หลายครั้งอยู่ครับ
ขอขอบคุณมากในคำแนะนำครับ ผมคงต้องไปเตรียมตัวเองให้พร้อมอีกสักหน่อยจริงๆแล้วล่ะครับ :)
ค่อยๆลองพิจารณาดูครับ อายุน้องยังน้อยมาก มีเวลาสะสมให้พร้อมอีกนานครับ สมัยผมอายุ20ปีที่บ้านซื้อBMW E30 316 4ประตู ป้ายแดงให้ จำได้ว่าดีใจมากๆ แต่ใช้ไปตั้งแต่ไม่กี่เดือนก็เข้าอู่บ่อยมากๆขนาดที่ว่าผู้จัดการศูนย์และช่างBMที่หัวหมากรู้จักผมทุกคน ยอมรับว่ารถยุโรปจุกจิกกว่ารถญี่ปุ่นที่เคยขับจริงๆ
-
กระทู้รีวิวการซ่อมบำรุง e39 โดยละเอียด ขออนุญาตคุณ neung23 มา ณ โอกาสนี้
https://community.headlightmag.com/index.php?topic=22729.0