Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: SuzumiyaZ ที่ กันยายน 23, 2019, 10:26:28

หัวข้อ: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: SuzumiyaZ ที่ กันยายน 23, 2019, 10:26:28
คือตั้งแต่เปิดตัวมา เห็นผลวิจารณ์ทุกสำนักอวยหนักมากๆ เลย

แต่ผลทดสอบที่เป็นตัวเลขต่างๆ แม้แต่ของทดสอบ Jimmy เอง อย่าง Mazda3 2014
ก็แพ้ altis civic ทั้งอัตราเร่ง 0-100, 80-120  แพ้ทั้งอัตราสิ้นเปลืองอยู่ดี

ถ้าพูดถึงช่วงล่าง Mazda ก็นำทุกค่ายเรื่องนี้มาเป็นเรื่องปกติอยุ่แล้ว ทำให้ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรที่บอกว่าช่วงล่างดี

แล้วทำไมความเป็น skyactiv มันถึงดู hype ดู overrated มากๆ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Kendow ที่ กันยายน 23, 2019, 10:45:06
ความเห็นส่วนตัวนะครับ

Mazda ทำรถมาเอาใจคนชอบขับรถอยู่แล้ว แต่มีข้อเสียประจำตัวคือเรื่องเครื่องยนต์ แล้วพอแก้ได้ มันก็เป็นอะไรที่น่าใช้ขึ้นครับ
Mazda ตั้งแต่แยกทางกับ Ford ก็ใช้เงินลงทุนอย่างมาก (แบบว่าถ้าไม่ปัง คือล้มละลายเลย) กับ Skyactiv โดยจุดประสงค์หลักๆ คือแก้ปัญหาเรื่องเครื่องอืดและซดโดยใช้ direct injection ช่วย เพื่อให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์เทียบเท่าคู่แข่ง แล้วขายความเป็น fun to drive

ส่วนเครื่องช่วงล่าง ผมว่าตอนนี้ Skyactiv ไม่ได้เป็นต่อ TNGA แล้วนะ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นต่อนี่คือยังไง ลองไปดู 323 protege vs Altis หน้าหมู หรือ Lantis vs Corolla สามห่วงดูสิ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ กันยายน 23, 2019, 10:47:45
skyactive ผมมองว่า มันคล้ายๆ TNGA นั่นแหละ คือ แนวทางการปรับจูนรถ เพื่อเน้น performance ในการขับขี่ ไม่ได้บอกว่า ต้องวิ่งสุด ต้องประหยัดสุด  แต่ภาพรวมต้องเป็นรถที่ขับสนุก fun to drive แบบที่เค้าว่า แหละ

เรื่องเครื่อง มันก็พัฒนาจากก่อนหน้านี้เยอะนะครับ ประหยัดขึ้นกว่าเดิมเยอะ อย่ามองแต่ 3 นะครับ ให้มอง 2 ด้วย ทั้งเบนซิน ทั้งดีเซล ประหยัดน้ำมันมากๆ แบบคู่แข่งค้อนขวับเลย ครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กันยายน 23, 2019, 11:04:23
ผมว่าแนวคิดนี้เด่นเรื่องเครื่องยนต์นะ แต่ออกแนวใจถึงแบบมาสด้านั่นแหละ
คือการไปเล่นกับข้อจำกัดของกลวัตรเครื่องยนต์และน้ำมัน ซึ่งค่ายอื่นที่ไม่ทำ
ไม่ใช่ว่าเขาคิดไม่ได้ แต่คงใจไม่ถึงพอ เพราะเท่าที่ผมอ่านแนวคิดของเครื่องยนต์
Skyactive แต่ละแบบ มันไปแก้ข้อจำกัดด้วยการเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆ ในเครื่องยนต์
ซึ่งแทบจะอยู่บนจุดขีดสุดแบบไม่เผื่อค่าคลาดเคลื่อนของคุณสมบัติของน้ำมัน
การสึกหรอ ความแม่นยำในการผลิต และการใช้งานเลย

ก็ต้องดูระยะยาวๆ กันครับ เพราะมันจะคล้ายกับเอาความช่างคิดค้นแบบตะวัตก
มารวมกับวินัยการทำงานแบบญี่ปุ่นครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กันยายน 23, 2019, 11:23:35
ดีมาเท่ายี่ห้ออื่นที่เค้าดีอยู่ก่อนแล้วไงครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: TheZero ที่ กันยายน 23, 2019, 11:24:17
พี่ แพน อธิบายไว้แล้วครับ

SKYACTIV-X (SPCCI) 2019  ส่วน SKYACTIV-G,D มันเก่าแล้วไม่พูดถึงละกัน 

http://www.headlightmag.com/mazda-skyactiv-x-spcci-detail-report/
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ กันยายน 23, 2019, 11:25:42
เอาแค่ Mazda3 ละกัน

Mazda3 หน้ายิ้ม vs Mazda3 Skyactiv

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือ
1. ประหยัดน้ำมันขึ้น ผมว่าข้อนี้ ผลมาจาก Direct Injection เป็นหลักเลย
2. อัตราเร่งดีขึ้น
3. แรงม้าดีขึ้น
4. ตัวถังแข็งแรงขึ้น(ตามทฏษฎี และ ผลการทดสอบ) เพราะยังไม่เคยเอาไปอัดก๊อปปี้ บอกตรงๆ ไม่ได้
5. เกียร์ดีขึ้น
6. ขับสนุกขึ้น

คำตอบของผม มองแบบนี้มากกว่า

แต่ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น หรือ คู่แข่ง บางอย่างก็ด้อยกว่า บางอย่างก็พอๆ กัน บางอย่างก็ดีกว่า อยู่ที่ว่าจะมองตรงมิติไหน โจทย์แต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับผมมันกลายเป็นว่าดูธรรมดาๆ ไป จุดเด่นไม่ชัดเจนเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Sakutaro ที่ กันยายน 23, 2019, 11:32:05
Skyactive ถ้าจำไม่ผิดมันรวมตั้งแต่เครื่อง เกียร์ ยันโครงสร้าง ถามว่าดีอย่างไร ต้องถามกลับว่า จขกท.มีรสนิยมรถแบบไหน
ถ้าชอบขับรถ ช่วงล่าง พวงมาลัย driving dynamic มาสด้าก็ยังคงความกลมกล่อม เหนือเจ้าตลาด และน่าขับขี่อยู่ครับ
เรื่องอัตราสิ้นเปลือง ถ้ามองย้อนกลับไปสมัยก่อนเช่น mazda 3 bk มาถึงทุกวันนี้ถือว่าก้าวกระโดดเลยครับดีขึ้นมาก
เรื่องอัตราเร่งนี้พูดกันยาก บางคันไมล์ตรง บางคันอ่อน บางคันคันเร่งตั้งใจเซทให้หน่วง บางคันเซทมาช่วงต้นให้เร็ว พอกดเต็มไม่ไปก็มี
บางคันเบาโหวง บางคันหนักแน่นเลย อื่นๆก็เช่นฝีมือคนขับ ความเข้าใจบุคลิกของรถ ถ้าจะเอาจริงๆต้องเทียบกันระดับ GPS แม่นๆ
รวมถึงเจ้าตลาดที่ใช้เกียร์ CVT มันได้เปรียบเชิงเทคนิคและความประหยัดอยู่แล้ว แต่ก็แลกด้วยอารมณ์การขับขี่ที่หายไปแบบสิ้นเชิง
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: nl2br ที่ กันยายน 23, 2019, 11:42:47
ที่มัน overrated เพราะมันออกมาได้จังหวะพอดีครับ 5-6 ปีที่ผ่านมา โซเชียลเน็ทเวิคมันบูมครับ
ส่วนประสิทธิภาพ ที่สวนทางกับคุณภาพ ถ้าเทียบกับของเก่าของมาสด้าเองคือ ดีขึ้นชัดเจน
แต่พอเทียบกับชาวบ้านก็ มีดี มีด้อย

มาสด้าเป็นค่ายรถเล็ก เงินทุนน้อย มาได้ขนาดนี้ก็น่าชื่นชม แต่ยังขาดความคงทน ต้องลุ้นว่า ตัวเครื่องเดิมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
จะแก้ปัญหาที่เกิดมาได้หรือเปล่า ถ้าแก้ไม่ได้ ก็เตรียมตัวจบเลย เพราะไฮบริดก็เอาของโตต้ามาใช้ ส่วนรถไฟฟ้า ก็ยังไม่มีข่าวที่ชัดเจน
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: flat6 ที่ กันยายน 23, 2019, 11:56:51
คนที่คิดว่า overrate คือคนไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับอะไรมั่ง

คำมันอาจจะ overrate แต่สิ่งที่พัฒนาไม่ overrate แน่ๆ เอาง่ายๆแค่เกียร์ ก็ดีกว่าค่ายตลาดอื่นๆที่ใช้กันแต่ CVT แล้ว
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: porasit33 ที่ กันยายน 23, 2019, 12:07:37
เกียร์ 6 Speed กับอัตราบริโภคน้ำมัน
เทียบๆ CVT ได้ ก็น่าจะพอเทียบๆเเจ้าอื่นได้นะครับ
ตัวที่ทำให้เป็นกระแสก็น่าจะ Mazda 1.3
ที่กินน้ำมันเกินหน้าเกินตาอีโคคาร์ไปมากจริงๆ

ส่วนเครื่องตอนนี้เป็น NA Skyactiv G คงใช้ยาวๆสัก 3 gen
ดูจาก VVTI หรือ I-Vtec ของฮอนด้า ก็ไม่ได้ปรับอะไรบ่อย
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กันยายน 23, 2019, 12:31:54
ถ้ามองแบบนั้นก็อาจจะดูว่าอัลติสเหนือกว่าก็ไม่แปลกครับ (หมายถึงตัวเก่านะ)

อัลติสตัวเดิม หนัก 1275 กิโลกรัม
มาสด้า 3 หนัก 1345 กิโลกรัม

รวมมาสด้าหนักกว่า 70 กิโล ...

มาสด้าให้ล้อ 18 นิ้ว กับเครื่องยนต์ 2.0 อัลติส ได้ล้อ 17 กับเครื่อง 1.8 
ตัวเลขพวกนี้ถ้าอัลตีสจะกินน้ำมันกว่ามาสด้า 3 และอัตราเร่งแพ้ด้วยทั้งๆที่ใช้เกียร์ CVT ก็ไปพิจารณาตัวเองใหม่เถอะครับ ...

และ skyactiv ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์และช่วงล่าง มันหมายถึงรถทั้งคัน เช่นพวงมาลัย การจัดวางที่นั่ง ตำแหน่งวางเท้า และระบบความปลอดภัยและระบบที่ช่วยในการขับขี่ที่ใส่มาให้ ซึ่งอัลตีสไม่เคยมีให้มาก่อน
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: rtong ที่ กันยายน 23, 2019, 12:38:46
   ดูจากรายละเอียดนอกจากเครื่อง  เกียร์แล้ว  จุดสำคัญอยู่ที่ตัวถังรถ  ซึ่งจุดนี้ mazda อธิบายค่อนข้างละเอียดในทุกครั้งที่เปิดตัว 
ซึ่งเป็นจุดที่ไม่สามารถทดสอบให้ออกมาเห็นเป็นตัวเลขได้  โครงสร้างเบาขึ้น  แข็งแรงขึ้น  แต่สุดท้าย Mazda ยัดบางอย่างเข้าไปจนน้ำหนักมันแทบไม่ลดลง   ถ้าเทียบกับ mazda เจนก่อนๆถือว่าก้าวกระโดด    เทียบกับคู่แข่งด้วยกันก็ยังถือว่านำอยู่นิดๆ
    อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ toyota แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับ mazda ออกมาเป็น TNGA ส่วน MAZDA ได้ HYBIRD ไป  แต่ mazda ก็ยังพัฒนา skyactiv เป็นเจนที่ 2 ซึ่งมันยังมาไม่ถึงไทยทุกอย่าง  รอดูกันต่อไป
     ส่วนทำไม Mazda 3 อัตราเร่ง การกินน้ำมันรุ่นที่แล้วถึงพอๆกับคู่แข่ง  อย่าลืมว่าน้ำหนักตัวรถ  น้ำหนักเครื่อง  รวมถึงขนาดล้อและยาง  mazda หนักกว่าใหญ่กว่าคู่แข่งด้วย
     แต่ Cx-5 เครื่อง 2.0 เทียบกับคู่แข่งที่เครื่องใหญ่กว่า  กลับทำผลงานได้ดีพอๆกัน  และประหยัดกว่า   โดยเฉพาะเครื่อง 2.5 ที่ชมกันไม่ขาด
     
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Amnaj ที่ กันยายน 23, 2019, 12:40:12
ดีที่ชื่อมัน เท่ ครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: ___LOFT ที่ กันยายน 23, 2019, 12:56:41
เปรียบเทียบแบบนี้มันต้องดูตัวแปรหลายอย่างครับ
Altis (2014) ได้เปรียบทุกประตู น้ำหนักเบากว่า ล้อเล็กกว่า เกียร์ CVT ปรับอัตราทดได้ละเอียดกว่า

ที่สำคัญ เวลาวิ่งทดสอบตามเงื่อนไขต่างๆ ความเร็วจริงหายไปถึง 7% มากกว่า Mazda 3 5 กม/ชม ใครบอกไม่มีผล แต่ผมว่ามี

มองแบบเป็นกลางครับ ไม่ได้ อวย
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: boogie2020 ที่ กันยายน 23, 2019, 12:58:38
ผมมองแค่มันคือชื่อทางการตลาดแค่นั้นเอง


ตัวเลขจากการทดสอบจริงคือของจริงมากกว่าอะคับ   จะใช้เสื้อเหล็กหล่อ, คาร์บู OHV เกียร์ 4AT แต่ทำออกมาแล้วค่าไอเสียไม่เกิน  รถแรงกว่า ประหยัดน้ำมันกว่ารถที่ใช้  VVTI,  iVtec, skyactive  ผมก็ซือครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: CarameLon ที่ กันยายน 23, 2019, 13:10:42
ไม่ได้ดีเท่าสกายแอคทีฟX เราอยากซื้อใช้นะแต่คงรอเจนหน้า
ตอนนี้ถ้าจะเปลี่ยนรถคงไปTNGAแคมรี่2.5G เหมาะสมกว่า
งานบริการของมาสด้ายังไม่รองรับตลาดเมืองไทย  8)
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ กันยายน 23, 2019, 13:16:17
มันก็เหมือน VTEC / BlueEfficeiency /TGNA บราบราบรา

เป็นชื่อเรียก ของการตลาดในการพัฒนา

แต่เค้าก็มีการพัฒนาจริง
จากเครื่อง อืดๆ กินน้ำมัน เกียร์บื้อๆ มาเป็น เร่งดีเกียร์ฉลาด ประหยัดน้ำมัน ตอบสนองดี
แต่ก็แลกกับการที่ ความคงทนน้อย ราคาการพัฒนาและค่าอะไหล่ที่ใช้ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ทำให้ราคาแพง เพราะยอดหน่วยผลิตต่ำ

ผมว่ามันดีที่มีแนวทางชัดเจนในการพัฒนา ก็ทำๆกันไป
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: akewizard ที่ กันยายน 23, 2019, 13:34:36
ตอบแบบชาวบ้านทั่วๆไป ผมว่ามันก็มองเห็นผลดีชัดเจนนะครับ

mazda รุ่นใหม่ๆที่เป็น sky-active แล้วระบบเครื่องยนต์ทำงานดีกว่าเดิมชัดเจน อัตราเร่งดีขึ้นเข้าขั้นโดดเด่น  ในรถรุ่นเล็กก็ประหยัดน้ำมันระดับ 24-25 กิโล/ลิตร
การขับขี่ ระบบตัวถัง สมดุลรถก็ถือว่าทำมาได้ดี อยู่ในระดับแนวหน้าของรถบ้านที่ขายในไทย
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ กันยายน 23, 2019, 13:40:30
สมัยก่อนมาสด้าเป็นรถที่ได้ชื่อว่า "สวย+ขับสนุก"

...แต่ความแรงก็ ฮ่าๆ
(นึกถึง Astina สิครับ ทันไหม?)

Skyactiv เป็นการบูรณาการพัฒนาแบบยกเซ็ต ตั้งแต่โครงสร้างยันระบบขับเคลื่อน
ถามว่าทำแล้ว ผลงาน (เชิงตัวเลข) เจนนี้เพิ่งจะได้พอๆ กับรถยี่ห้ออื่น แล้วเอาอะไรมาขาย?

ก็ต้องถามกลับไปว่า ก่อนหน้านั้นมาสด้าเคยสู้กับยี่ห้ออื่นเรื่องพวกนี้ได้มั้ย?
ในขณะที่ MZ3 Skyactiv ตัว 2.0Di ทำได้เทียบเท่ายี่ห้ออื่นได้แล้ว
บนความเสี่ยงบางอย่าง แต่ก็ถือเป็นความกล้าได้กล้าเสีย
โดยที่ยังคงข้อดีเดิมๆ เรื่องคุณสมบัติในการขับขี่ที่ดีกว่ารถญี่ปุ่นบ้านๆ เกรดราคาพอๆ กัน

หรือ MZ2 Sky-G/D ที่ทำอัตราสิ้นเปลืองมาได้น่าทึ่งมาก
โอเค Sky-G ยังมีอะไรหลายอย่างที่ "ขาด" แต่มองย้อนกลับไปกับ MZ2 1.5 เบนซินตัวก่อน
นี่ถือว่าดีขึ้นมากละ ส่วน Sky-D นั่น ถ้าไม่ติดปัญหา DPF ผมว่าเป็นรถที่น่าขับที่สุดในเซกเมนต์

จุดที่น่ากังวลก็มี เช่น เมื่อแหวกข้อจำกัดด้านวัสดุไปมากๆ มันก็ต้องแลกมานั่นแหละ
เครื่องยนต์อาจจะทนน้อยกว่า หรือมีข้อกังวลแน่ๆ กับเบนซินกำลังอัดสูงฉีดตรง
แต่มาสด้าแทนที่จะหยุด ก็พยายามแหวกขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเตรียมทะลุขึ้นไป
โดยเอาข้อดีของ เบนซิน+ดีเซล+เทอร์โบ สร้าง SPCCI ไปเลย

จุดนี้ค่ายอื่นไม่กล้าทำแน่นอน เพราะโอกาสแป้กมากกว่าปัง
แต่ด้วยดีเอ็นเอคนพัฒนาที่กล้าได้กล้าเสียอย่างนั้น ก็ต้องชมเชยมาสด้า
ที่เปิดนวัตกรรมให้เจ้าตลาดนั่งนิ่งๆ เป็นเสือนอนกินแบบเดิมได้ยากขึ้นมาก
เหลือแค่ความคงทนเชื่อถือได้ ซึ่งอนาคตอันใกล้เครื่องยนต์สันดาปคงถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน

แต่ที่พิมพ์มาทั้งหมด ปัญหาความคงทนเชื่อถือได้นี่แหละครับ ที่ผมยังไม่อยากเอามันมาไว้ในบ้าน
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: turbo lover ที่ กันยายน 23, 2019, 16:20:53
อยากเห็น 2.0dynamic force ในaltis tnga และ sky x 2.0ในนิวmazda3คับ
เมืองนอกเค้าแข่งดุเดือดกว่าบ้านเราอีก
บ้านเรามาแบบกั้กๆ ผู้บริโภคยังไม่ได้เลือกแบบเต็มที่ครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Activehybrid ที่ กันยายน 23, 2019, 16:51:39
เอารถไมล์อ่อนมาเทียบทำไม Skyไม่ดีหรอกห้ามซื้อดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: D Water Law ที่ กันยายน 23, 2019, 17:20:12
เท่าที่อ่านการทดสอบ

อัตราเร่ง 0-100  / 80-120 / ตลอดจนระยะทาง  ใช้จากไมล์รถหมดเลยครับ (ซึ่งเข้าใจแหละว่าเป็นข้อจำกัดในการทดสอบ)


ข้อมูลจากการทดสอบบอกมาว่าอัลติสเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ได้แค่ 93 ดังนั้นการวัดอัตรเร่ง  0-100 ของอัลติสมันคือเวลาแค่ 0-93 กม./ชม  เท่านั้นเอง

และในเมื่อเข็มไมล์บอก 100 กม./ชม แต่วิ่งจริงแค่ 93 กม./ชม  ก็คงไม่แปลกที่เข็มระยะทางของรถจะบอกระยะทางวิ่งได้มากกว่าความเป็นจริงไปอีกประมาณ 7.5% (7/93*100)

และเมื่อระยะทางวิ่งที่รถบอกมันมากกว่าความเป็นจริงไป 7.5%  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถก็ต้องดีกว่าความเป็นจริงไปอีกราวๆ นั้น 


ผมเองก็เองเคยขับรถค่ายโตโยต้ามาหลายรุ่น ลองเทียบกับ GPS ดูหลายทีต้องบอกว่าไมล์อ่อนทุกคัน  และนี่คือประโยชน์ของการตั้งไมล์อ่อน คือจะทำให้ Performance ของรถดูดีกว่าความเป็นจริงไปพอสมควร

ในขณะที่มาสด้าเท่าที่เคยวัดเองเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ก็ได้ 99-101  ส่วนยี่ห้ออื่นๆ รุ่นอื่นๆ ก็ต้องไปไล่เทียบเอาว่าไมล์แข็งไมล์อ่อนกันอย่างไรบ้าง




หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กันยายน 23, 2019, 17:33:35
เท่าที่อ่านการทดสอบ

อัตราเร่ง 0-100  / 80-120 / ตลอดจนระยะทาง  ใช้จากไมล์รถหมดเลยครับ (ซึ่งเข้าใจแหละว่าเป็นข้อจำกัดในการทดสอบ)


ข้อมูลจากการทดสอบบอกมาว่าอัลติสเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ได้แค่ 93 ดังนั้นการวัดอัตรเร่ง  0-100 ของอัลติสมันคือเวลาแค่ 0-93 กม./ชม  เท่านั้นเอง

และในเมื่อเข็มไมล์บอก 100 กม./ชม แต่วิ่งจริงแค่ 93 กม./ชม  ก็คงไม่แปลกที่เข็มระยะทางของรถจะบอกระยะทางวิ่งได้มากกว่าความเป็นจริงไปอีกประมาณ 7.5% (7/93*100)

และเมื่อระยะทางวิ่งที่รถบอกมันมากกว่าความเป็นจริงไป 7.5%  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถก็ต้องดีกว่าความเป็นจริงไปอีกราวๆ นั้น 


ผมเองก็เองเคยขับรถค่ายโตโยต้ามาหลายรุ่น ลองเทียบกับ GPS ดูหลายทีต้องบอกว่าไมล์อ่อนทุกคัน  และนี่คือประโยชน์ของการตั้งไมล์อ่อน คือจะทำให้ Performance ของรถดูดีกว่าความเป็นจริงไปพอสมควร

ในขณะที่มาสด้าเท่าที่เคยวัดเองเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ก็ได้ 99-101  ส่วนยี่ห้ออื่นๆ รุ่นอื่นๆ ก็ต้องไปไล่เทียบเอาว่าไมล์แข็งไมล์อ่อนกันอย่างไรบ้าง


จากประสบการณ์ส่วนตัว รถไมล์อ่อนแตกต่างกันจริง แต่วัดระยะทางเกือบไม่ต่างกัน

ผมเดินทางจากที่ประจำด้วยรถคันเดิมๆหลายๆครั้งเป็น10กว่าปี รถแต่ละค่ายมักจบเมื่อผมไปถึงจุดหมายปลายทางคล้ายๆกัน 734กิโล+-ไม่ถึง1-2กิโล ถ้าผมไม่ออกนอกเส้นทาง
อย่าโยงว่าไมล์อ่อน93เมื่อวิ่ง100 แล้วจะวัดระยะทางที่วิ่งได้อ่อนตามไปด้วย มันคนละเรื่องกันเลยครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: caton ที่ กันยายน 23, 2019, 19:11:54
เท่าที่อ่านการทดสอบ

อัตราเร่ง 0-100  / 80-120 / ตลอดจนระยะทาง  ใช้จากไมล์รถหมดเลยครับ (ซึ่งเข้าใจแหละว่าเป็นข้อจำกัดในการทดสอบ)


ข้อมูลจากการทดสอบบอกมาว่าอัลติสเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ได้แค่ 93 ดังนั้นการวัดอัตรเร่ง  0-100 ของอัลติสมันคือเวลาแค่ 0-93 กม./ชม  เท่านั้นเอง

และในเมื่อเข็มไมล์บอก 100 กม./ชม แต่วิ่งจริงแค่ 93 กม./ชม  ก็คงไม่แปลกที่เข็มระยะทางของรถจะบอกระยะทางวิ่งได้มากกว่าความเป็นจริงไปอีกประมาณ 7.5% (7/93*100)

และเมื่อระยะทางวิ่งที่รถบอกมันมากกว่าความเป็นจริงไป 7.5%  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถก็ต้องดีกว่าความเป็นจริงไปอีกราวๆ นั้น 


ผมเองก็เองเคยขับรถค่ายโตโยต้ามาหลายรุ่น ลองเทียบกับ GPS ดูหลายทีต้องบอกว่าไมล์อ่อนทุกคัน  และนี่คือประโยชน์ของการตั้งไมล์อ่อน คือจะทำให้ Performance ของรถดูดีกว่าความเป็นจริงไปพอสมควร

ในขณะที่มาสด้าเท่าที่เคยวัดเองเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ก็ได้ 99-101  ส่วนยี่ห้ออื่นๆ รุ่นอื่นๆ ก็ต้องไปไล่เทียบเอาว่าไมล์แข็งไมล์อ่อนกันอย่างไรบ้าง


จากประสบการณ์ส่วนตัว รถไมล์อ่อนแตกต่างกันจริง แต่วัดระยะทางเกือบไม่ต่างกัน

ผมเดินทางจากที่ประจำด้วยรถคันเดิมๆหลายๆครั้งเป็น10กว่าปี รถแต่ละค่ายมักจบเมื่อผมไปถึงจุดหมายปลายทางคล้ายๆกัน 734กิโล+-ไม่ถึง1-2กิโล ถ้าผมไม่ออกนอกเส้นทาง
อย่าโยงว่าไมล์อ่อน93เมื่อวิ่ง100 แล้วจะวัดระยะทางที่วิ่งได้อ่อนตามไปด้วย มันคนละเรื่องกันเลยครับ

รบกวนอธิบายตามหลักฟิสิกส์ให้ได้ไหมครับ งงเหมือนกัน ว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว???
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: D Water Law ที่ กันยายน 23, 2019, 19:25:34
เท่าที่อ่านการทดสอบ

อัตราเร่ง 0-100  / 80-120 / ตลอดจนระยะทาง  ใช้จากไมล์รถหมดเลยครับ (ซึ่งเข้าใจแหละว่าเป็นข้อจำกัดในการทดสอบ)


ข้อมูลจากการทดสอบบอกมาว่าอัลติสเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ได้แค่ 93 ดังนั้นการวัดอัตรเร่ง  0-100 ของอัลติสมันคือเวลาแค่ 0-93 กม./ชม  เท่านั้นเอง

และในเมื่อเข็มไมล์บอก 100 กม./ชม แต่วิ่งจริงแค่ 93 กม./ชม  ก็คงไม่แปลกที่เข็มระยะทางของรถจะบอกระยะทางวิ่งได้มากกว่าความเป็นจริงไปอีกประมาณ 7.5% (7/93*100)

และเมื่อระยะทางวิ่งที่รถบอกมันมากกว่าความเป็นจริงไป 7.5%  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถก็ต้องดีกว่าความเป็นจริงไปอีกราวๆ นั้น 


ผมเองก็เองเคยขับรถค่ายโตโยต้ามาหลายรุ่น ลองเทียบกับ GPS ดูหลายทีต้องบอกว่าไมล์อ่อนทุกคัน  และนี่คือประโยชน์ของการตั้งไมล์อ่อน คือจะทำให้ Performance ของรถดูดีกว่าความเป็นจริงไปพอสมควร

ในขณะที่มาสด้าเท่าที่เคยวัดเองเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ก็ได้ 99-101  ส่วนยี่ห้ออื่นๆ รุ่นอื่นๆ ก็ต้องไปไล่เทียบเอาว่าไมล์แข็งไมล์อ่อนกันอย่างไรบ้าง


จากประสบการณ์ส่วนตัว รถไมล์อ่อนแตกต่างกันจริง แต่วัดระยะทางเกือบไม่ต่างกัน

ผมเดินทางจากที่ประจำด้วยรถคันเดิมๆหลายๆครั้งเป็น10กว่าปี รถแต่ละค่ายมักจบเมื่อผมไปถึงจุดหมายปลายทางคล้ายๆกัน 734กิโล+-ไม่ถึง1-2กิโล ถ้าผมไม่ออกนอกเส้นทาง
อย่าโยงว่าไมล์อ่อน93เมื่อวิ่ง100 แล้วจะวัดระยะทางที่วิ่งได้อ่อนตามไปด้วย มันคนละเรื่องกันเลยครับ

รบกวนอธิบายตามหลักฟิสิกส์ให้ได้ไหมครับ งงเหมือนกัน ว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว???

ตามหลักการคำนวณแล้วมันต้องเกี่ยวกันครับ  ก็ในเมื่อการคำนวณระยะทางมันมาจาก
ระยะทาง = ความเร็ว x เวลา  และในการวัดระยะทางและความเร็วของรถนั้นล้วนวัดมาจากการหมุนของล้อเหมือนๆ กันแล้วเอามาคำนวณ
หากจะบอกว่ารถที่แสดงค่าความเร็วไม่ตรง แต่คำนวณระยะทางออกมาได้ค่าออกมาได้ตรงนี่  แสดงว่าเค้าเจตนาให้ไมล์เพี้ยนเลยมั้งครับ

ตอนแรกผมยังมองในแง่ดีว่าบริษัทฯ รถเค้าไม่ได้เจตนาทำให้ไมล์อ่อน แต่เนื่องจากรถรุ่นหนึ่งมีขนาดยางและขนาดล้อหลายแบบจึงเกิดความคลาดเคลื่อนขึ้น  คือเป็นความคลาดเคลื่อนจากขนาดล้อ +ขนาดยาง ที่รถแต่ละรุ่นใช้ขนาดยางไม่เท่ากัน


แต่หากเป็นกรณีที่ความเร็วเพี้ยนแต่แสดงระยะทางได้ตรงตามที่บางท่านบอกไว้ แสดงว่าเป็นความตั้งใจให้ไมล์อ่อนแล้วล่ะครับ   อาจจะเป็นว่าบริษัทรถนั้นเจตนาที่จะทำให้ไมล์ความเร็วอ่อน แสดงค่าความเร็วให้เกินจริง  เพื่อให้คนขับรู้สึกว่าอัตราเร่งมันดีเกินจริงมั้งครับ  และ เวลาที่มาบอกกันว่าวิ่งที่ความเร็ว 140 ยังนิ่ง  แต่จริงๆ ยังวิ่งแค่ประมาณ 130 เองครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: choomodify ที่ กันยายน 23, 2019, 19:32:26
sky มันเป็นแค่ชื่อสำหรับโปรเจคและเพื่อทางตลาดเท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่ยาวิเศษที่ทำให้รถบ้านเป็นรถ hi performance ครับ มันเป็นรถบ้านที่ขับดีตามยุคสมัยครับ ไม่ได้โดดเด่นเกินหน้าเพื่อนร่วมชาติไปไกลมากเหมือนสมัยยุค 90's ครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ กันยายน 23, 2019, 20:05:27
เท่าที่อ่านการทดสอบ

อัตราเร่ง 0-100  / 80-120 / ตลอดจนระยะทาง  ใช้จากไมล์รถหมดเลยครับ (ซึ่งเข้าใจแหละว่าเป็นข้อจำกัดในการทดสอบ)


ข้อมูลจากการทดสอบบอกมาว่าอัลติสเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ได้แค่ 93 ดังนั้นการวัดอัตรเร่ง  0-100 ของอัลติสมันคือเวลาแค่ 0-93 กม./ชม  เท่านั้นเอง

และในเมื่อเข็มไมล์บอก 100 กม./ชม แต่วิ่งจริงแค่ 93 กม./ชม  ก็คงไม่แปลกที่เข็มระยะทางของรถจะบอกระยะทางวิ่งได้มากกว่าความเป็นจริงไปอีกประมาณ 7.5% (7/93*100)

และเมื่อระยะทางวิ่งที่รถบอกมันมากกว่าความเป็นจริงไป 7.5%  อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของรถก็ต้องดีกว่าความเป็นจริงไปอีกราวๆ นั้น 


ผมเองก็เองเคยขับรถค่ายโตโยต้ามาหลายรุ่น ลองเทียบกับ GPS ดูหลายทีต้องบอกว่าไมล์อ่อนทุกคัน  และนี่คือประโยชน์ของการตั้งไมล์อ่อน คือจะทำให้ Performance ของรถดูดีกว่าความเป็นจริงไปพอสมควร

ในขณะที่มาสด้าเท่าที่เคยวัดเองเข็มไมล์ขึ้น 100 วัดจาก gps ก็ได้ 99-101  ส่วนยี่ห้ออื่นๆ รุ่นอื่นๆ ก็ต้องไปไล่เทียบเอาว่าไมล์แข็งไมล์อ่อนกันอย่างไรบ้าง


จากประสบการณ์ส่วนตัว รถไมล์อ่อนแตกต่างกันจริง แต่วัดระยะทางเกือบไม่ต่างกัน

ผมเดินทางจากที่ประจำด้วยรถคันเดิมๆหลายๆครั้งเป็น10กว่าปี รถแต่ละค่ายมักจบเมื่อผมไปถึงจุดหมายปลายทางคล้ายๆกัน 734กิโล+-ไม่ถึง1-2กิโล ถ้าผมไม่ออกนอกเส้นทาง
อย่าโยงว่าไมล์อ่อน93เมื่อวิ่ง100 แล้วจะวัดระยะทางที่วิ่งได้อ่อนตามไปด้วย มันคนละเรื่องกันเลยครับ

รบกวนอธิบายตามหลักฟิสิกส์ให้ได้ไหมครับ งงเหมือนกัน ว่าเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว???

ตามหลักการคำนวณแล้วมันต้องเกี่ยวกันครับ  ก็ในเมื่อการคำนวณระยะทางมันมาจาก
ระยะทาง = ความเร็ว x เวลา  และในการวัดระยะทางและความเร็วของรถนั้นล้วนวัดมาจากการหมุนของล้อเหมือนๆ กันแล้วเอามาคำนวณ
หากจะบอกว่ารถที่แสดงค่าความเร็วไม่ตรง แต่คำนวณระยะทางออกมาได้ค่าออกมาได้ตรงนี่  แสดงว่าเค้าเจตนาให้ไมล์เพี้ยนเลยมั้งครับ

ตอนแรกผมยังมองในแง่ดีว่าบริษัทฯ รถเค้าไม่ได้เจตนาทำให้ไมล์อ่อน แต่เนื่องจากรถรุ่นหนึ่งมีขนาดยางและขนาดล้อหลายแบบจึงเกิดความคลาดเคลื่อนขึ้น  คือเป็นความคลาดเคลื่อนจากขนาดล้อ +ขนาดยาง ที่รถแต่ละรุ่นใช้ขนาดยางไม่เท่ากัน


แต่หากเป็นกรณีที่ความเร็วเพี้ยนแต่แสดงระยะทางได้ตรงตามที่บางท่านบอกไว้ แสดงว่าเป็นความตั้งใจให้ไมล์อ่อนแล้วล่ะครับ   อาจจะเป็นว่าบริษัทรถนั้นเจตนาที่จะทำให้ไมล์ความเร็วอ่อน แสดงค่าความเร็วให้เกินจริง  เพื่อให้คนขับรู้สึกว่าอัตราเร่งมันดีเกินจริงมั้งครับ  และ เวลาที่มาบอกกันว่าวิ่งที่ความเร็ว 140 ยังนิ่ง  แต่จริงๆ ยังวิ่งแค่ประมาณ 130 เองครับ
หลักการมันคือหลักคิดเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งถ้าเป็นกลไกลอาจจะใช้วิธีนั้น แต่เค้าอาจจะใส่ตัวคูณเพิ่มก็ได้

เรื่องระยะทางลองวิ่งดูแล้วตั้งข้อสังเกตุแบบผมก็ได้ครับว่าเป็นแบบที่ผมพูดรึเปล่า อีกประเด็นคือ gps นำทางก็แม่น มันก็มาลงเลขเดียวกับมาตรวัดนั่นแหละ ถ้าใช้นำทางตลอดเส้นทาง


ในช่วงสิบกว่าปีผมใช้รถญี่ปุ่นมาหลายคันทั้งเก๋งกระบะ และเป็นยางติดรถนั่นแหละครับ มันก็มาลงที่ระยะทางใกล้เคียงกันมากจริงๆ ไม่ใช่100กิโลผิด7%แน่นอนครับ

อย่างคันล่าสุดผมใช้มาสด้า2 ก็มาลงที่ระยะทางนี้แหละครับ
 การตั้งมาตรวัดความเร็วเพี้ยน กับระยะทางมันคนละเรื่อง จริงๆถ้าเป็นรถมาสด้าอยากให้มาตรวัดความเร็วเพี้ยนแบบโตโยต้าผมก็สามารถตั้งเองได้นะ เพราะใช้โปรแกรมแก้ไขการใช้ยางผิดขนาดแล้วอยากปรับแก้

ปล.ลองสังเกตุระยะยางที่เว็บทดสอบดูก็ได้ครับ

หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กันยายน 23, 2019, 20:22:34
กรณีเรื่องการออกแบบให้ไมล์อ่อนหรือแข็ง (ในแง่ความเร็วเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับระยะทาง)
นอกจากเป็นการเผื่อความคลาดเคลื่อนในกรณีที่รุ่นย่อยบางรุ่นจะใส่ล้อและยางที่มีขนาดใหญ่กว่าแล้ว
แต่ที่สุด ไมล์รถไม่ควรแข็ง หรือง่าย ๆ คือไม่ให้ไมล์บอกความเร็วต่ำกว่าความเป็นจริง

โดยปกติ user ที่ใช้รถจะไม่สามารถรู้ได้ว่า ความเร็วจริงของรถที่วิ่งอยู่แตกต่างไปจากไมล์ความเร็วเท่าไหร่
และแตกต่างไปในทิศทางไหน

ผมยกตัวอย่างให้ดูว่า ถ้ามี user กำลังขับรถอยู่บนทางด่วน เลี้ยงความเร็วไว้ที่ 120 กม./ชม เป๊ะ โดยดูจากไมล์รถ

user A ขับรถยี่ห้อ A ซึ่งตั้งไมล์อ่อน ความเร็วจริงอยู่ที่ 113 กม./ชม.
user B ขับรถยี่ห้อ B ซึ่งตั้งไมล์แข็ง  ความเร็วจริงอยู่ที่ 122 กม./ชม.

ทั้งสองคันวิ่งผ่านหน้ากล้องจับความเร็วที่กำหนดให้วิ่งไม่เกิน 120 กม./ชม.  จะเกิดอะไรขึ้น?

คำตอบคือ user B ได้รับใบสั่งพร้อมรูปรถสวย ๆ ส่งไปที่บ้าน

ถ้า user B เป็นคนไทย  ก็จะโทษกล้องตำรวจไม่แม่นยำ ด่าภาครัฐว่าทุจริต ซื้อกล้องไม่มาตรฐานมาใช้งาน   แต่...
ถ้า user B เป็นคนประเทศ ...  ก็คงจะยื่นฟ้องบริษัทรถยนต์

ครับ
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Abzolute ที่ กันยายน 23, 2019, 21:20:01
อัตราเร่ง แพ้โตโยต้าไมล์โม้ไป 7 ล้อเล็กกว่า 2 ไซต์ อ่ะนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Aleister TJ ที่ กันยายน 23, 2019, 22:38:51
ขับ​ 2​ D อยู่​ ประหยัด​ 30​ โลลิตร​ ยังไม่ว้าวอีกหรอ​ ต้องแบบไหนถึงจะพอใจ​ 555
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: The Mechanics of Emotions ที่ กันยายน 23, 2019, 23:51:33
ผมใช้ CX5 2.0 2016 63k km. มาเกือบ 3 ปีละ พอสรุปให้คร่าวๆ ว่าต่างจากรถสม้ยนี้แบรนด์อื่นอย่างไร กล่าวเฉพาะตัวรถอย่างเดียวนะครับ เพราะกระทู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี

1. ขับแล้วได้ดั่งใจ สะใจ เวลากดคันเร่งมันสั่งได้ (ไม่ได้หมายความว่ามันแรง แต่มันสนุกครับ)
2. อาการรถเป็นธรรมชาติ เวลาเข้าโค้งแรงๆ พวงมาลัยกับช่วงล่างมันลงตัว กระด้างพอตัว แต่เกาะไม่โย้เย้ (อธิบายไม่ถูก)

สรุป การขับขี่ผมให้มาสด้าดีสุด เทียบกับค่ายอื่น ณ ปีเดียวกัน ทั้งเก๋ง ทั้ง SUV คือมันไม่ใช่ว่าแรงที่สุดหรือเกาะที่สุด แต่มันผสานระหว่างอัตราเร่ง การตอบสนอง เสียงเครื่อง และช่วงล่างให้มันขับแล้วเกิดความรู้สึกสนุกไปกับตัวรถ คือสำหรับคนชอบขับรถแบบผมนะ

คำว่าดีสุดสำหรับผมหมายความว่ามันผสานทุกอย่างลงตัว ขับแล้วมีความสนุกอยากกดคันเร่ง อยากเข้าโค้งเร็วๆ อยากมุด ไม่ใช่ว่าเครื่องแรงแต่ฟีลมันไม่ได้ หรือรถเกาะถนนมากแต่ดันเป็นเกียร์ CVT เสียงเครื่องก็อื้ออึง ขับแล้วหมดอารมณ์ แต่ติเรื่องเก็บเสียงนะครับ ห่วยมาก วิ่ง 120 เสียงลมเข้าฟู่ๆ เลย ไม่สมราคารถครับ

ปัญหาที่เจอเกี่ยวกับเครื่องยนต์กับเกียร์ยังไม่เจอครับ ปกติดีครับ แต่เจอปัญหากระจกพับไม่สุด 1 ครั้ง ดัดกลับไปมาหาย จอวิทยุดับ 1 ครั้ง คลิกๆ หาย แล้วก็เบรคดังแบบในคลิปของเพจรถมีปัญหาอ่ะครับ มาสด้า 3 ตัวใหม่ เสียงเดียวกันเลย ใช้ๆ ไปหายเอง ไม่เคยเคลมครับ ผมก็เตรียมรับมือไว้บ้างว่าใช้มาสด้าจะเจออะไรบ้าง ค่าแรง ค่าอะไหล่เป็นยังไง รู้กันครับ  ;D
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: sixsax ที่ กันยายน 24, 2019, 01:12:58
อัตราเร่ง แพ้โตโยต้าไมล์โม้ไป 7 ล้อเล็กกว่า 2 ไซต์ อ่ะนะ 5555555

ฮามาก

ทุกสำนักออกมาอวย!!! ถถถ ถ้าออกมาอวยเยอะขนาดนั้นก็คงจริงล่ะครับ ^^

ส่วนทางเทคนิค ==> มีให้หาอ่านครับ กูเกิลเพียบ
ส่วนทางปฏิบัติ ==> อันนี้ชัดเจนนะว่า 3 ตัวใหม่ตั้งใจปรับปรุงเสียงรบกวนในห้องโดยสาร และผลคือ เงียบกว่าแบรนด์ที่ต้องขายเรื่องกระจกลดเสียงรบกวน / ชัดเจนอีกอัน คือ ช่วงล่าง(ที่หลายคนว่า)ดาวน์เกรด ทอร์ชั่นบีม ใน3ใหม่ ขับดีกว่าหรือดีพอๆกับ ช่วงล่าง(ที่เพิ่งจะ)อัพเกรด(มัลติลิ้งค์)ของอีกแบรนด์

ซึ่งการแข่งขันกันพัฒนามันก็ดีแล้วนี่ ขนาด Tota ยังเอา Chassis Mazda2 ไปทำขายต่อติดแบรนด์ตัวเองเลย

น่าสงสัยว่าสื่อจะโดนซื้อกันหมดแล้วจริงๆ

ปล. Skyactiv เฉยๆ มาสด้าจะหมายถึง รวมทุกองค์ประกอบที่พัฒนาใหม่หมด เช่น Chassis / เครื่องยนต์

Skyactiv (branded as SKYACTIV) is a brand name for a series of technologies developed by Mazda which increase fuel efficiency and engine output. The initial announcement of the Skyactiv technologies included new engines, transmissions, body, and chassis, which appeared in Mazda products from 2011.
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: siwakorn ที่ กันยายน 24, 2019, 01:28:07
เห็นหน้าแรกเถียงกันเรื่องอัตราเร่งเลยขอเอาจากที่อื่นมาให้ดูบ้าง เจ้านี้ทดสอบจากเครื่องมือวัด ไม่ใช่จากไมล์รถ ต่างกันนิดหน่อยอย่างเรียกได้ว่าใครกดก่อนไปก่อนครับ ส่วน altis ปัจจุบันกับ mazda3 ล่าสุด ผลยังไม่มา แต่คาดว่า altis จะช้ากว่าเดิมด้วย นน ที่มากขึ้น
 (https://www.mx7.com/i/230/vfDbjg.png) (https://www.mx7.com/view2/BEajV7oTBDae7BPY) (https://www.mx7.com/i/056/H5sQ0U.png) (https://www.mx7.com/view2/BEajVPmgaNcpInnR) (https://www.mx7.com/i/10a/NHd6ZT.png) (https://www.mx7.com/view2/BEajWxjCJXeCMK31)
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: boogie2020 ที่ กันยายน 24, 2019, 09:08:14
แต่อย่าง motortrend เองก็เคยออกตัวนะ ว่าถึงจะใช้ ล้อ gps จับอัตราเร่งข้างรถ  แต่มันก็ยังมีปัจจัยนึงที่จับยากคือ จังหวะกดคันเร่งไปแล้ว อีกกี่เสี้ยววินาที กว่ารถจะเริ่มขยับ   เพราะเจ้าล้อ gps มันจะวัดตรงนี้ไม่ได้  แต่มันก็เป็นการวัดอัตราเร่งที่ดูเหมือนจะแฟร์ที่สุดแล้ว

รถ A คันเร่งแลค 0.2 วิ  จากล้อเริ่มขยับ 0-100 ใช้ 10 วิ  ....ถ้าใช้ล้อ gps ก็จะวัดได้ 10 วิ
รถ B คันเร่งแลค 0.5 วิ  จากล้อเริ่มขยับ 0-100 ใช้ 10 วิ  ....ถ้าใช้ล้อ gps ก็จะวัดได้ 10 วิ เท่ากัน

วิธีของเว็บนี้ คือใช้คนกด วัดตั้งแต่เริ่มกดคันเร่ง ตามจังหวะนิ้วที่กด และหักกับค่าไมล์ที่เพี้ยน  ... range ก็อาจออกมา 9.x -10.x  เลยก็ได้
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Mp4_007 ที่ กันยายน 24, 2019, 10:54:53
อัตราเร่ง แพ้โตโยต้าไมล์โม้ไป 7 ล้อเล็กกว่า 2 ไซต์ อ่ะนะ 5555555
นั้นสิแพ้ได้ไง เครื่องก็ใหญ่กว่าตั้ง 200cc แรงม้าก็เยอะกว่า กลับมาแพ้ เครื่อง 1.8 บ้านๆ ซะงั้น  55555 ต่อให้altisเปลี่ยนเป็นขอบ 18 ก็ไม่น่าเร็วกว่าอยู่ดี ถ้าจะพอๆกัน ก็ถือว่ายังไม่ผ่าน
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: +@ Krishna @+ ที่ กันยายน 24, 2019, 12:16:06
รถเบา แรง และประหยัดน้ำมันขึ้น  8)
หัวข้อ: Re: ตกลงแล้ว Skyactiv ดียังไงบ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: CR MaximaQX ที่ ตุลาคม 01, 2019, 21:14:12
Skyactiv Technology มี 5 องค์ประกอบดังนี้

1. SKYACTIV-ENGINE เทียบได้กับ VW Bluemotion Mercedes BlueEfficiency BMW EfficientDynamics Honda Earthdreams Nissan PureDirve แบ่งเป็น 2 หัวข้อย่อย ดังนี้
     I. SKYACTIV-G
          - เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอัตราส่วนการอัดสูงถึง 14.0:1 อัตราส่วนการอัดยิ่งสูงยิ่งประหยัดน้ำมัน
          - ให้ค่าไอเสีย Co2 ลดลง 15% และผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษยูโร 5 Euro stage 5
          - ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิมถึง 15% ขณะที่ได้แรงบิดเพิ่มขึ้น 15%
     II.SKYACTIV-D ใครใช้อยู่ ระวังเรื่องน้ำดัน เครื่องสั่น ระวังกันด้วยนะจ๊ะ
          - เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในรายเดียวที่มีอัตราส่วนกำลังอัดต่ำสุด เพียง 14.0:1
          - ประหยัดน้ำมันมากกว่าเดิมถึง 20% เพราะเผาไหม้สมบูรณ์กว่าและสะอาดกว่า
          - Two-stage Turbocharger เทอร์โบชาร์จเจอร์สองชั้น ตอบสนองต่อเนื่องทุกรอบความเร็วได้สูงสุดถึง 5,200 รอบต่อนาที
          - เป็นเครื่องยนต์น้ำหนักเบาและทนทาน
          - ให้ค่าไอเสีย Co2 ลดลง 20%
3. SKYACTIV-DRIVE
     เทคโนโลยีระบบเกียร์อัตโนมัติ ทำให้ประหยัดน้ำมันขึ้น 7% รวมทุกข้อดีของระบบเกียร์ที่มีอยู่เข้าไว้ด้วยกัน
- ประหยัดน้ำมันทุกรอบความเร็ว
- ออกตัวแรงแม้อยู่บนเนิน
- ตอบสนองดี
- เปลี่ยนเกียร์ราบรื่น
4. SKYACTIV-BODY เทียบได้กับ Toyota GOA Honda G-Con
- เทคโนโลยีโครงสร้างตัวถัง SKYACTIV-BODY คือ 1 ใน 5 นวัตกรรมใหม่ของรถจากเทคโนโลยีสกายแอคทีฟของมาสด้า ทั้งแข็งแรงทั้งปลอดภัย
5. SKYACTIV-CHASSIS เทียบได้กับ Toyota TNGA Subaru SGP BMW/MINI UKL/CLAR VAG MQB/MEB Suzuki Heartech
เทคโนโลยีช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว
- น้ำหนักของแชสซีลดลงถึง 14% เสริมความแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งเดียว เพื่อความคล่องตัวและการควบคุมที่ดีในทุกช่วงความเร็ว
- ระบบบังคับเลี้ยวเจนเนอเรชั่นใหม่ ผ่อนแรงด้วยพลังงานไฟฟ้า ช่วยให้การควบคุมได้ดั่งใจ ปลอดภัย
- ระบบรองรับการสะเทือนใหม่เพื่อคุณภาพห้องโดยสารขั้นสูง ระบบรองรับการสะเทือนด้านหลัง ปรับทิศทางการเคลื่อนที่ของ Trailing Link ให้ดูดซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น และลดการยกตัวที่ส่วนท้ายของรถ ช่วยลดอาการเมารถ

และ SKYACTIV-X คืออะไร?

- เครื่องยนต์เบนซินนั้น จุดระเบิดโดยใช้หัวเทียนส่งประกายไฟ ทำให้เกิดการเผาไหม้ ซึ่งเรียกว่าเป็นการจุดระเบิดแบบ SI (Spark Ignition) ซึ่งทำให้สามารถควบคุมการสั่งจุดระเบิดได้ดีไปจนถึงรอบสูง แต่เครื่องยนต์เบนซินนั้น ต้องการส่วนผสมระหว่างอากาศ กับ น้ำมันที่ค่อนข้างพอดี มีเชื้อเพลิงเป็นอัตราส่วนมาก หรือ น้อยไป ก็จะจุดไม่ติด
- นอกจากนี้การจุดระเบิดยังเป็นแบบส่งประกายไฟจากศูนย์กลาง และ ลามไปรอบห้องเผาไหม้ ทำให้ใช้เวลาในการเผาไหม้นานกว่าเครื่องยนต์ดีเซล เมื่อเทียบกับจังหวะการเคลื่อนที่ขึ้น/ลง ของลูกสูบ
- เครื่องยนต์ดีเซล จุดระเบิดโดยใช้หัวฉีดเชื้อเพลิงเป็นตัวกำหนด เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น และ วาล์วไอดีกับไอเสียปิดหมด อากาศภายในห้องเผาไหม้จะถูกอัดจนเกิดความร้อน ซึ่งเมื่อถึงจุดที่เหมาะสม น้ำมันดีเซลก็จะถูกฉีดเข้าไปทำให้เกิดการลุกไหม้ และ จุดระเบิด เราเรียกว่าการจุดระเบิดแบบ CI (Compression Ignition) เครื่องยนต์ดีเซลไม่ค่อยเรื่องมากกับส่วนผสมระหว่างอากาศ และ น้ำมัน จะใส่ส่วนผสมให้บางสุดๆก็ยังเดินเบาได้
- แถมเวลาจุดระเบิด การระเบิด และ เผาไหม้ยังเกิดขึ้นอย่างทั่วถึง ไม่ได้วาบจากหัวเทียนจุดเดียว ทำให้ได้พลังงานดีโดยใช้เชื้อเพลิงไม่มาก แต่ข้อเสียคือหมุน 7,000-8,000 รอบต่อนาทีไม่ได้ เพราะต้องให้เวลาสำหรับการอัดอากาศ และ ยิงน้ำมันเข้าไปจุดระเบิด นอกจากนี้ยังมีมลภาวะจากการเผาไหม้สูง เขม่าเยอะ และ ในบางประเทศราคาเชื้อเพลิงดีเซลก็แพง และ ผันผวนกว่าเบนซิน

อ้างอิงจาก
https://www.marketingoops.com/digital-life/what-is-skyactiv-technology/
http://www.headlightmag.com/mazda-skyactiv-x-spcci-detail-report/