Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Pan Paitoonpong ที่ ตุลาคม 03, 2019, 20:41:18
-
http://www.headlightmag.com/first-impression-review-toyota-corolla-altis-hybrid-high-2019/
เชิญอ่านกันเช่นเคย
ช่วงนี้ขยันปั่นงาน เพราะเดี๋ยวเดือนหน้าอาจจะเจอกันอีกทีหลัง Tokyo Motor Show เลยครับ คนรอดู Mazda กับ Toyota เยอะ เลยปั่นให้ก่อน ใครจะซื้อเจ้าไหนจะได้รีบจัด
คนชอบถามผมว่า Mazda 3 กับ Altis เลือกอะไร ผมตอบให้เลยว่าไม่เอาทั้งคู่ ผมยังหลงพลังเทอร์โบอยู่ครับ (Honda)
แต่ถ้าสมมติว่าผมมีแฟน แล้วแฟนห้ามแต่งรถ ห้ามขับเร็ว เร็วไม่ได้เลย แบบนั้นก็คงไป Altis แหละครับ เพราะประหยัด เร่งแบบกดเบาๆก็พุ่ง มี Cruise control แบบที่หยุดและไปต่อได้ ทำงานดีกว่าของ Volvo ที่เคยลองอีก อย่างน้อยก็เบรกเหมือนคอมพิวเตอร์คุม ไม่ใช่เหมือนเด็กหัดขับมาขับให้
ส่วน Mazda ผมมองว่ามันเป็นรถคนผอมครับ ผมไม่ผอม ขอข้าม
-
คุณแพน ลิงค์ในโพสรีวิว ผิดครับ โยงไปกระทู้แสดงความคิดเห็น Full Review: Suzuki CARRY by J!MMY แทน
-
ฟินมาก สองรีวิวที่รอคอย
-
ขอบคุณครับ Tokyo motorshow ปีนี้น่าสนใจมากครับ ต้องไปลองๆ 555
-
ทำไมมันทำอัตราเร่งดีกว่าchrมากขนาดนั้นอะครับ aerodynamic?
แต่เห็นด้วยที่ว่าพอเป็นTNGAมาตรฐานการเก็บเสียงของtoyotaด้อยลงมาก
แล้วที่แต่ก่อนเปิดตัวคาดการณ์ว่าช่วงล่างน่าจะดีกว่าchrก็ไม่ได้ดีกว่า เสมอตัวซะงั้น
-
ล็อคไว้ที่ 170 ซะงั้น C-HR ยังไปตันที่ 180
-
อยากได้เพราะความเป็น Hybrid เลยครับ
ราคาลงมาเรื่อยๆ ชอบครับ
-
ระหว่าง Altis กับ 3 มีจุดเด่นต่างกันโดยเฉพาะตัว top ต้องเลือกระหว่างรัก กับหลงอารมณ์แบบนั้น
-
อัตราเร่งพอจะทำให้ว้าว ได้เหมือนกันครับ ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเมื่อดูจากแรงม้า รอดูเครื่อง 1.6 ครับ น่าจะได้ตัวเลขที่ดีเหมือนกัน
-
ไม่แรงเหมือนซีวิค หน้าตาไม่ล้ำเท่ามาสด้า 3 แต่ก็น่าใช้ไม่แพ้ใครครับ
ตัวเลขอัตราเร่ง ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย รูปทรง ความสูงรถ เป็นต่อ CHR มาก ทั้งๆ ที่อัลติสเบากว่าแค่ 5 กิโลกรัม
เสียดาย เหล็กค้ำฝากระโปรงหลังเปลือย ราคานี้น่าจะได้พลาสติกครอบแล้ว
ถ้าจะเลือกเป็นรถคันเดียวในบ้าน ต้องคันนี้แหละครับ ถึงแม้มาสด้า 3 จะดูหรูกว่าเถอะ
คหสต.ผมว่า 1.8 HV High น่าใช้สุดละ น่าจะมีชุดแต่งรอบคันซะหน่อยแบบ Esport option (ผมชอบ Esport มากกว่า GR Sport อีก) ส่วนความเร็วสูงสุดผมไม่สนใจครับ เพราทุกวันนี้ไม่ขับรถเกิน 140 อยู่แล้ว
-
ขอบคุณครับ
อ่านดูแล้ว มันเหมือนกับยังไงโตโยต้าก็จะสร้างรถออกมาให้มันเป็นแค่ basic choice
เหมือนเป็นข้าวผัดกระเพรา ทางเลือกแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก รสชาติที่ใคร ๆ ก็กินได้
แต่ถ้าเป็นคนเรื่องมากหน่อยก็มองว่าเป็นเมนูสิ้นคิด ไม่ครีเอท ไม่แตกต่าง อะไรประมาณนั้นครับ
-
ก็ยังคงเป็นกลิ่นอายของรถที่นึกไม่ออกบอก Altis จริงๆ แหละครับ แถมถ้าอยากได้ 1.8 ยังต้องจ่ายถึง 999,000 ด้วย แอบเสียดายราคา 1.8 ตัวก่อนจริงๆ
เมื่อเดือนก่อนลองถาม CHR 1.8 ได้ส่วนลดมา 5 หมื่น โดยที่ดอกไม่ปูดด้วย
ถ้าอยากแค่ 1.8 อย่างงี้ อาจจะไป CHR ดีกว่าแฮะ
-
ผมขออวยหน่อยละกัน มันขายดีแน่นอน แล้วมากแน่ๆ อัตราเร่งมันพอ 10.9วิ นี่ไม่แน่เลย chr 12วิต้นๆ แถม 80-120 ก็ได้ 7วิปลายๆ เหลือๆแล้วจะเอาไรอีก แล้วผมเชื่อว่าคนไทยชอบคันนี้แน่นอน เพราะมันเจาะกลุ่มทุกเพศทุกวัย ทำได้ดีเลยหละ แต่อยากให้มี แอร์ Dual zone ทำไมไม่ใส่มา แอร์หลังขาด usb ไปนะ มันเสียบลำบากนะ พลาสติกด้านหลังเบาะเอาออกได้มั้ย แล้วมันจะสมสโลแกนกว่านี้อีกนะ ปล.อัตราเร่ง hybrid ล้อ 16นิ้ว ถ้าให้เดามี 10วิต้นๆถึง 10.5วิ นั่นหมายความว่า มันอาจจะเท่าๆ gr sport แน่ๆหละ โอ้ย ไม่เคยเห็นโตต้าคันไหนแล้วชอบมากเท่านี้มาก่อนเลย
-
อยากได้เพราะความเป็น Hybrid เลยครับ
ราคาลงมาเรื่อยๆ ชอบครับ
ผมว่าถ้าต่อเซลล์ช่วงปลายปีนี้ อาจจะมีลดอีกนะครับ
-
อ่านแล้วเหมือนเป็นการยกระดับ c segment แต่ไม่ว้าวครับ
-
จากที่ไปลองทั้ง 1.8Hybrid และ 1.8GR และเทียบกับรถผมซึ่งเป็น Altis ตัวไมเนอร์ 2017 ถุงลม 7 ใบ
รุ่นผมมีการปรับพาร์ทสปริงและโช้คใหม่ ต่างจากรุ่นปี 14-16
แต่รุ่นใหม่ยังมีต้องปรับปรุงคือ
1. ช่วงล่างหลังเวลาวิ่งทางตรงยังนิ่งสู้คานบิดรถผมไม่ได้ ยังแอบมีดุ๊กดิกๆบางจังหวะ
2. เก็บเสียงแย่ลงมาก ทั้งๆที่รุ่นใหม่มีแผ่นสักหลาดและพลาสติกปิดเต็มซุ้มหลัง เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากพลาสติกครอบท่อน้ำมัน
แต่กลับเงียบกว่าเยอะ
3. ช่องเก็บเหรียญฝั่งคนขับหายไป ตามธรรมเนียมโคโรลล่าเคยมีตลอด ช่วยเอากลับมาด้วยนะครับ
4. กล่องเก็บของกลางคอนโซลแบบสองชั้นหายไป ลดต้นทุนใช่ไหม
5. อุโมงค์สันเพลากลางเดิมราบเรียบ ของใหม่นูนขึ้นมา เผื่อใส่ขับ 4 มาใช่ไหม (ล้อเล่น) ;D ;D ;D
อย่างอื่นถือว่าปรับปรุงได้ดีขึ้นกว่าก่อนเยอะมากครับ
-
อินกับอัตราเร่ง จนลืมการเก็บเสียงที่เคยอยู่อันดับต้นๆเลยนะครับ ถ้าเป็นยี่ห้ออื่นเก็บเสียงไม่ดีโดนแน่นอน อิอิ
ปล.จากคนใช้โตโยต้าเหมือนกันครับ
-
ไฮบริดช่วงกดครึ่งคันเร่ง ออกตัวดีจริงๆ ยืนยัน
CHR ที่ดูเหมือนอืด
ตอนขับจริงไม่ได้อืดนะ กดคันเร่ง 30-40% รถมันไหลดีจริงๆ
พอกดคันเร่งจมมันไม่ว้าว แค่นั้นเอง
-
อัสติส เก่า -- เก็บเสียงดี ช่วงล่างคานบิด
อัสติสใหม่ -- เก็บเสียงแย่ ช่วงล่างอิสระ
มาสด้า3 เก่า -- เก็บเสียงแย่ ช่วงล่างอิสระ
มาสด้า3 ใหม่ -- เก็บเสียงดี ช่วงล่างคานบิด
::) ::) ::) ::) ::)
-
"แบตเบิกใหม่ราวๆ 58,000 ชุดหม้อแปลง 70,000 กว่าๆ คอมแอร์ 40,000 กว่าบาท"
แลกกับข้อดีเรื่องรักษ์โลก ประหยัดน้ำมันมากกว่า 5-8 โลลิตร (ผมเติมประมาณ 1500 ลิตร/ปี น่าลดค่าใช้จ่ายได้ 7พัน-12 พัน บาท/ปี ดูแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่)
ถ้าจะซื้ออัลติส คงซื้อเครื่องเบนซินปกติครับ เพราะมองว่าอัตราประหยัดไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต รวมถึงเวลาขายมือสองน่าจะร่วงติดดิน
-
ผมคิดเหมือนคุณแพนตอนสรุปเลยว่ามันเป็นรถครอบครัวที่น่าใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆครับ :-* :-* :-*
-
ผมว่ามองโดยรวมมันเป็นรถที่ดีขึ้นมากนะครับ ออฟชั่นที่ให้มาก็โอเคในระดับหนึ่ง ข้อเสียมีบ้างแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ทำให้พอยอมรับได้ เพราะการขับขี่กับช่วงล่างที่เคยเป็นจุดอ่อนของ Toyota มาตลอดสามารถทำได้เทียบเท่าหรือดีกว่าคู่แข่งแล้ว บวกกับชื่อชั้นแบรนด์กับความทนทานมันขายดีเหมือนเดิมแน่ๆ
แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบคือ Toyota ตั้งใจขาย Hybrid ด้วยการกีดกันสีกับรุ่นย่อยของเบนซิน 1.8 เกินไปหน่อยครับ มันยิ่งบ่งบอกว่ารถ Hybrid ไม่สามารถขายได้ด้วยตัวของมันเองจนต้องกีดกันคนใช้เบนซินขนาดนี้
-
ผมก็ไปลองมาแล้ว สิ่งที่ชอบสุดคือ Adaptive at low speed ครับ โคตรชอบบบ ผมใช้ camry ใหม่อยู่ยังอิจฉาเลย ชะลอ หยุด ไปต่อได้ smooth มากๆ และก็ชอบการขับขี่ที่ดีขึ้นมากๆ นิ่งดีมาก ขับเร็วมั่นใจขึ้นเยอะ
สิ่งที่ไม่ชอบ และแอบเซ็งว่าลดต้นทุนคือพวกช่องเก็บของจุกจิก หายไปหมดเลย เก๊ะ ลิ้นชัก หายเกลี้ยง มีของจุกจิก ต้องวางที่เบาะข้างอย่างเดียว ที่เท้าแขนซ้ายสั้น และดึงออกมาไม่ได้ ทำให้เมื่อยได้ถ้าขับยาวๆ แอร์ไม่มี 2 zone ข้างหลังไม่มี USB
ส่วนอัตราเร่ง จากผมที่ก็ขับ CHR มาบ้าง ผมว่าดีกว่า แต่ไม่มากเท่าไหร่นะ คือไม่ติดเบาะว้าวพุ่ง แต่ไหลเรื่อยๆ ถ้าหลับตาขับ แล้วกดคันเร่งอย่างเดียว นึกว่าคันเดียวกัน
-
"แบตเบิกใหม่ราวๆ 58,000 ชุดหม้อแปลง 70,000 กว่าๆ คอมแอร์ 40,000 กว่าบาท"
แลกกับข้อดีเรื่องรักษ์โลก ประหยัดน้ำมันมากกว่า 5-8 โลลิตร (ผมเติมประมาณ 1500 ลิตร/ปี น่าลดค่าใช้จ่ายได้ 7พัน-12 พัน บาท/ปี ดูแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่)
ถ้าจะซื้ออัลติส คงซื้อเครื่องเบนซินปกติครับ เพราะมองว่าอัตราประหยัดไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต รวมถึงเวลาขายมือสองน่าจะร่วงติดดิน
อันนี้เป็นราคาของคัมรี่ครับ แต่ของอัลติสทั้งหมดแล้ว 52000บาทครับ ลองอ่านดีๆครับ
-
"แบตเบิกใหม่ราวๆ 58,000 ชุดหม้อแปลง 70,000 กว่าๆ คอมแอร์ 40,000 กว่าบาท"
แลกกับข้อดีเรื่องรักษ์โลก ประหยัดน้ำมันมากกว่า 5-8 โลลิตร (ผมเติมประมาณ 1500 ลิตร/ปี น่าลดค่าใช้จ่ายได้ 7พัน-12 พัน บาท/ปี ดูแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่)
ถ้าจะซื้ออัลติส คงซื้อเครื่องเบนซินปกติครับ เพราะมองว่าอัตราประหยัดไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต รวมถึงเวลาขายมือสองน่าจะร่วงติดดิน
เบนซิลเสียก็ไม่ถูกนะครับ เกียร์เบิกใหม่ลูกละ 2 แสน เท่าที่เคยได้ยินมา
ซ่อมนอกก็หลายหมื่นอยู่
-
เสียดายเรื่องเก็บเสียงมากครับดันแย่กว่าเดิม :'( :'( :'(
-
คุณแพน ลิงค์ในโพสรีวิว ผิดครับ โยงไปกระทู้แสดงความคิดเห็น Full Review: Suzuki CARRY by J!MMY แทน
ขอบคุณหลายๆครับ แก้ไขแล้ว
-
ผมว่ามองโดยรวมมันเป็นรถที่ดีขึ้นมากนะครับ ออฟชั่นที่ให้มาก็โอเคในระดับหนึ่ง ข้อเสียมีบ้างแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็ทำให้พอยอมรับได้ เพราะการขับขี่กับช่วงล่างที่เคยเป็นจุดอ่อนของ Toyota มาตลอดสามารถทำได้เทียบเท่าหรือดีกว่าคู่แข่งแล้ว บวกกับชื่อชั้นแบรนด์กับความทนทานมันขายดีเหมือนเดิมแน่ๆ
แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบคือ Toyota ตั้งใจขาย Hybrid ด้วยการกีดกันสีกับรุ่นย่อยของเบนซิน 1.8 เกินไปหน่อยครับ มันยิ่งบ่งบอกว่ารถ Hybrid ไม่สามารถขายได้ด้วยตัวของมันเองจนต้องกีดกันคนใช้เบนซินขนาดนี้
ไม่ได้เจ้ามาปกป้องโตโยต้านะครับ แต่อยากบอกว่า ด้วยนโยบายอัตราภาษีสรรพสามิตในปัจจุบันมันทำให้
ตัวไฮบริดมันทำราคาได้ดีกว่า การจัดออปชั่นเทียบกับราคาเลยออกมาเป็นแบบนั้นครับ
อันที่จริงแล้ว ถ้าตลาดไม่กลัวการซ่อมบำรุง ขายเฉพาะรุ่นไฮบริดอย่างเดียวไม่ต้องมีเบนซินแล้วก็ได้
ส่วนเรื่องสี ถ้าเป็น C-HR อันนั้นน่าเกลียดครับ แต่กับ Altis ตัว 1.6G มันก็มีให้เลือกทุกสีไม่ใช่เหรอ
ที่เป็นประเด็นมันก็แค่รุ่น GR ซึ่ง รุ่น Esport เก่ามันก็มีแค่ 2-3 สีเหมือนกันนี่ครับ รถมันตกแต่งแนว
สปอร์ตมีแอโร่พาร์ทรอบคัน มันไม่เข้ากับสีน้ำตาล สีฟ้า หรือพวกสีแนวหรูหราอยู่แล้วนี่ครับ ถึงมีให้เลือก
ก็คงไม่มีใครซื้ออยู่ดี รุ่นทั่วไปยังซื้อกันแค่สีขาว สีดำ กันอยู่เลย
-
ขัดใจตรงคีย์เลสให้มาแค่ด้านเดียวและไม่มีครูซคอนโทรลในรุ่นเบนซิน >:(
-
ขัดใจตรงคีย์เลสให้มาแค่ด้านเดียวและไม่มีครูซคอนโทรลในรุ่นเบนซิน >:(
+1
-
"แบตเบิกใหม่ราวๆ 58,000 ชุดหม้อแปลง 70,000 กว่าๆ คอมแอร์ 40,000 กว่าบาท"
แลกกับข้อดีเรื่องรักษ์โลก ประหยัดน้ำมันมากกว่า 5-8 โลลิตร (ผมเติมประมาณ 1500 ลิตร/ปี น่าลดค่าใช้จ่ายได้ 7พัน-12 พัน บาท/ปี ดูแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่)
ถ้าจะซื้ออัลติส คงซื้อเครื่องเบนซินปกติครับ เพราะมองว่าอัตราประหยัดไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต รวมถึงเวลาขายมือสองน่าจะร่วงติดดิน
อันนี้เป็นราคาของคัมรี่ครับ แต่ของอัลติสทั้งหมดแล้ว 52000บาทครับ ลองอ่านดีๆครับ
อ่านดู คุณแพนเขียนว่าระบบเบรกแคมรีทุลุแสนนะครับ ส่วน 52000 คงเป็นแค่ระบบเบรกของอัลติสไฮบริดจ์ไม่ใช่ชิ้นส่วนทั้งหมดก่อนหน้าที่กล่าวมาแต่อย่างใด
-
ถ้ามองรถไฮบริดแบบคนไทยก็คงคิดแต่ความคุ้มค่า ถ้ามองแบบคนต่างชาติ เค้ามองเรื่องมลพิษมากกว่าค่าซ่อมบำรุง เวลาจอดรถในห้างหรือตามบ้านเรือน ไม่มีไอเสียรบกวนผู้คน
-
"แบตเบิกใหม่ราวๆ 58,000 ชุดหม้อแปลง 70,000 กว่าๆ คอมแอร์ 40,000 กว่าบาท"
แลกกับข้อดีเรื่องรักษ์โลก ประหยัดน้ำมันมากกว่า 5-8 โลลิตร (ผมเติมประมาณ 1500 ลิตร/ปี น่าลดค่าใช้จ่ายได้ 7พัน-12 พัน บาท/ปี ดูแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่)
ถ้าจะซื้ออัลติส คงซื้อเครื่องเบนซินปกติครับ เพราะมองว่าอัตราประหยัดไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต รวมถึงเวลาขายมือสองน่าจะร่วงติดดิน
อันนี้เป็นราคาของคัมรี่ครับ แต่ของอัลติสทั้งหมดแล้ว 52000บาทครับ ลองอ่านดีๆครับ
อ่านดู คุณแพนเขียนว่าระบบเบรกแคมรีทุลุแสนนะครับ ส่วน 52000 คงเป็นแค่ระบบเบรกของอัลติสไฮบริดจ์ไม่ใช่ชิ้นส่วนทั้งหมดก่อนหน้าที่กล่าวมาแต่อย่างใด
กลับไปอ่านดู ก็สรุปไม่ได้ว่า 52000 บาท ที่คุณแพนว่า คือราคาอุปกรณ์อะไร ชุดแบตหรือชุดเบรค หรือ Altis ใหม่ มันรวมหมดแล้ว สงสัยต้องรบกวนคุณแพนขยายความเพิ่มเติมละมั้ง
ปล. เข้าใจแหละว่า ที่มันถูกก็ด้วยสเปคอุปกรณ์ที่จำกัด จะให้วิ่ง 200 กม./ชม. แบบ C seg ทั่วไป ไม่มีทางใช้กำลังมอเตอร์ DC ช่วยแน่ๆ เพราะแบตน่าจะหมดตั้งแต่ในช่วง 100 กว่าๆ
ดูดีๆ เครื่อง Atkinson 1800 CC แรงม้าแค่ 98 HP คงส่งกำลังเต็มที่ได้เท่านี้ จะให้ได้ความเร็วตามตัวเลขที่ว่า เครื่องคง 2 พันกว่า CC เพื่อรีดแรงม้าให้สุงพอ
-
"แบตเบิกใหม่ราวๆ 58,000 ชุดหม้อแปลง 70,000 กว่าๆ คอมแอร์ 40,000 กว่าบาท"
แลกกับข้อดีเรื่องรักษ์โลก ประหยัดน้ำมันมากกว่า 5-8 โลลิตร (ผมเติมประมาณ 1500 ลิตร/ปี น่าลดค่าใช้จ่ายได้ 7พัน-12 พัน บาท/ปี ดูแล้วยังไม่คุ้มเท่าไหร่)
ถ้าจะซื้ออัลติส คงซื้อเครื่องเบนซินปกติครับ เพราะมองว่าอัตราประหยัดไม่คุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายในอนาคต รวมถึงเวลาขายมือสองน่าจะร่วงติดดิน
อันนี้เป็นราคาของคัมรี่ครับ แต่ของอัลติสทั้งหมดแล้ว 52000บาทครับ ลองอ่านดีๆครับ
อ่านดู คุณแพนเขียนว่าระบบเบรกแคมรีทุลุแสนนะครับ ส่วน 52000 คงเป็นแค่ระบบเบรกของอัลติสไฮบริดจ์ไม่ใช่ชิ้นส่วนทั้งหมดก่อนหน้าที่กล่าวมาแต่อย่างใด
กลับไปอ่านดู ก็สรุปไม่ได้ว่า 52000 บาท ที่คุณแพนว่า คือราคาอุปกรณ์อะไร ชุดแบตหรือชุดเบรค หรือ Altis ใหม่ มันรวมหมดแล้ว สงสัยต้องรบกวนคุณแพนขยายความเพิ่มเติมละมั้ง
ปล. เข้าใจแหละว่า ที่มันถูกก็ด้วยสเปคอุปกรณ์ที่จำกัด จะให้วิ่ง 200 กม./ชม. แบบ C seg ทั่วไป ไม่มีทางใช้กำลังมอเตอร์ DC ช่วยแน่ๆ เพราะแบตน่าจะหมดตั้งแต่ในช่วง 100 กว่าๆ
ดูดีๆ เครื่อง Atkinson 1800 CC แรงม้าแค่ 98 HP คงส่งกำลังเต็มที่ได้เท่านี้ จะให้ได้ความเร็วตามตัวเลขที่ว่า เครื่องคง 2 พันกว่า CC เพื่อรีดแรงม้าให้สุงพอ
ผมว่า 170 ก็เหลือละครับ อีกอย่างมันคือไฮบริดคงไมได้แข่งกะใคร แคมรี่ก็ตันที่ 190 ครับ ที่รอดูคือพี่จิมเทส
-
อยากทราบว่า การชาร์จแบต จาก 0 จนเต็ม ต้องวิ่งแบบไหน ใช้เวลาเท่าไหร่ จนแบตมันถึงจะเต็มครับ
-
ถ้ามองรถไฮบริดแบบคนไทยก็คงคิดแต่ความคุ้มค่า ถ้ามองแบบคนต่างชาติ เค้ามองเรื่องมลพิษมากกว่าค่าซ่อมบำรุง เวลาจอดรถในห้างหรือตามบ้านเรือน ไม่มีไอเสียรบกวนผู้คน
อันนี้เห็นด้วยเลยครับ
นอกจากมลพิษ CO2 แล้ว ยังลดมลภาวะทางเสียงด้วย
จำได้ว่าตอนไปญี่ปุ่นเจอรถไฮบริดเยอะมาก แล้วตอนเดินไปตามถนนในเมืองมันรู้สึกเงียบ ถึงรถจะติดตามไฟแดงก็เถอะ แต่แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลย
พวกรถเครื่องยนต์ปกติก็ใช้ระบบ ideal stop ดับเครื่องกัน
-
ถ้ามองรถไฮบริดแบบคนไทยก็คงคิดแต่ความคุ้มค่า ถ้ามองแบบคนต่างชาติ เค้ามองเรื่องมลพิษมากกว่าค่าซ่อมบำรุง เวลาจอดรถในห้างหรือตามบ้านเรือน ไม่มีไอเสียรบกวนผู้คน
อยากจะกด like ให้ 100 ที
คนไทยไม่ค่อยนึกถึงส่วนรวมจริงๆ นั่นแหละครับ
บางคนอาจจะตอบว่า กรูซื้อ 1 คันมันจะช่วยโลกได้ซักแค่ไหนกัน จริงอยู่ว่า 1 คนมันส่งผลไม่เยอะ
แต่ถ้าทุกคนยังคิดแบบนี้ ก็หมดหวังกันพอดี
พวกเราต้องช่วยๆกันครับ! :)
บ้านผมนี่ Hybrid ทั้งบ้าน Prius C300 และ CHR
-
อยากทราบว่า การชาร์จแบต จาก 0 จนเต็ม ต้องวิ่งแบบไหน ใช้เวลาเท่าไหร่ จนแบตมันถึงจะเต็มครับ
วิ่งแบบปล่อยไหลครับ ทุกๆครั้งที่เราถอนเท้าออกจากคันเร่งขณะที่รถยังวิ่งอยู่
เครื่องยนต์จะดับลง แล้วมอเตอร์จะเอาการหมุนของล้อมาปั่นไฟกลับครับ
** อันนี้เป็นข้อสังเกตของผมนะ **
ถ้าเราวัดอัตราสิ้นเปลืองของรถไฮบริด แบบขับที่ความเร็วคงที่ 110 กม/ชม นิ่งๆ แบบล็อคครูสคอนโทรล
เมื่อเทียบกับการขับแบบปกติที่ 110 กม/ชม แต่ตามสภาพจราจรจริง ที่มีการผ่อนคันเร่งบ้าง เร่งคืนบ้าง
ปล่อยไหลบ้าง แต่ไม่ได้เร่งแบบบ้าระห่ำนะ แค่เร่งเพื่อเลี้ยงๆ ความเร็ว ตามสภาพการจราจร ซึ่งส่วนใหญ่
จะพบว่าการขับแบบหลังจะได้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าเร่งแช่นิ่งๆ ครับ
-
ล็อคทำไม 170 :-\ น่าจะ 180 - 185 ดีกว่า
-
เหล่แcivic ที่เหมาะกับราขา c segไทย
โตต้าก้อยังไม่ว้าว. มาสด้าก้อคานบิด ขับจริงเมารถ โคลงเคลง(อ่านreview)ไม่สุดสักทาง
-
แต่ละค่ายก็มีจุดขายที่ต่างกัน เดี๋ยวรอดูยอดขายแหละจะรู้เลยว่าคนไทยชอบแบบไหน
-
ยอมรับว่า Civic ลงตัวที่สุดใน C-Segment แล้วทั้งออฟชั่นหน้าตาและการขับขี่ แต่หลังจากที่ไปสถิตอยู่ในคลับมาปีกว่าผมพบว่ามันเป็นรถจุกจิกพอสมควรเหมือนกันนะครับ เคลมแร็คกันเป็นว่าเล่น เสียงดังตรงนู้นตรงนี้ แบตหมดเร็ว บางคันเจอสนิมก็มีก็มี กันชนห่างก็มี เกียร์ลาโลกก่อนกำหนดก็เยอะ เข้าใจว่าปัญหาส่วนใหญ่ทางฮอนก็รับผิดชอบดีอยู่ แต่ถ้าปรับปรุงสิ่งเหล่านี้ได้มันจะเป็นรถที่เพอร์เฟคเลย
-
honda ได้ 1.5 turbo เป็นตัวชูโรงจริงๆ ถึงยังยืนอยู่ได้
-
อาจารย์ผมเพิ่งถอยตัวไฮบริดมา
ผมว่านั่งทางไกลสบายกว่าคู่แข่ง คุ้ม เหมาะสำหรับผู้มีอายุครับ 8)