Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: adiPureII ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:15:05

หัวข้อ: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: adiPureII ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:15:05
ผมสงสัยว่า กรณีขับแบบดุดันกึ่งซิ่ง(แบบวัยรุ่นๆ) กับแบบเนียบๆ(แบบผู้ใหญ่หน่อย)
เพื่อนๆสมาชิกคิดว่า แบบไหน ร่างกายจะสดไหม พร้อมเที่ยวกว่ากันครับ

เหตุการณ์จำลอง
ระยะทาง ประมาณ 180-250 km
ต้นทาง กทม. มีรถติดบ้าง รถเยอะบ้างช่วงในเมือง/ชานเมือง
ปลายทาง สถานที่ท้องเที่ยว ตจว ชายทะเล หรือภูเขา

1. ขับรถแบบ Alert ความเร็วสูง ควบคุมด้วยตัวเอง หูไวตาไวปาดเข้าช่องที่เร็วกว่า
มีเบรคหนัก ควบคุม Paddle shift ช่วยเบรค ให้อะดรีนาลีนหลั่งบางจังหวะ ร่างการตื่นตัวตลอดเวลา

2. ขับแบบเนิบๆ ใช้ Adaptive cruise control ไปตลอดทาง มือจับพวงมาลัยหลวมๆ
ความเร็วแทบจะคงที่ตลอดการเดินทาง ขับต่อๆแถวขบวนไป ร่างกายจะเนือยๆ ชวนง่วงตลอดเวลา
ไม่ต้องเพ่งดูสภาพแวดล้อมมาก เพราะมีระบบช่วยเบรค ช่วยประคองเลน
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: johnlee ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:21:35
ผมว่าเพื่อนร่วมทางก็มีผลนะ   บางทีเส้นทางเดียวกัน  เจอพวกขับกากๆ ก็ผมเอาผมหัวร้อนได้เหมือนกนั
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Turbocharger ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:25:37
ถ้าไม่ใช่ทางแบบ Motorway ขับแบบ 1 อันตรายนะครับ ถึงคุณจะระวังแต่ชาวบ้านตามต่างจังหวัดอาจจะไม่ได้ระวังกับคุณก็ได้นะครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: basterias ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:26:14
ผมก็เคยขับแบบวัยรุ่นมาก่อนนะ (ตอนนั้นยังไม่มีรถที่มีระบบ ACC) สมัยนั้นก็โอเคดีครับเหนื่อยหน่อยแต่ไม่ถึงกับเที่ยวไม่ได้

ปัจจุบันไป ตจว ผมใช้ ACC 80% ครับ ถึงปลายทางเที่ยวสบาย ไม่ล้า แต่หากตอนนี้จะให้ขับแบบวัยรุ่น 200 กิโล ผมไม่ไหวครับ  :(
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DriveOnly ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:28:50
ของผมสดชื่นทั้ง 2 แบบ ขอแค่รถไม่ติดครับ ผมเคยขับ 7 ชม ระยะทาง 600 กว่าโล กับ 7 ชม ระยะทาง 200 โล อย่างหลังนี่ร่างกายแทบแหลก รถเยอะ รู้สึกใช้พลังงานเยอะ ทั้งเหยียบเบรค ทั้งต้องระวังรอบตัว คิดแล้วเครียด

มาแก้ไขว่าไม่ได้ขับแบบที่ 1 ตามที่เจ้าของกระทู้บอก 100%  แค่โล่งก็เหยียบ คันหน้าหลบซ้ายให้ก็เหยียบต่อ รถเยอะก็เบาตามสภาพการจราจร จะไม่มุด และจี้เด็ดขาด อันตรายไป
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:31:44
เลือก 2 ครับ ปกติผมก็ขับออกต่างจังหวัด 100-120 km/h อยู่แล้ว ไปแบบช้าหน่อยแต่ถึงที่หมายดีกว่า มี ACC ก็ช่วยเยอะอยู่แล้ว เบรคให้อัตโนมัติด้วย
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GOBBS ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:36:23
ขับมาทั้ง 2แบบ ขับ กทม.-เชียงราย 800โลรวดเดียวแวะพัก 2หน อย่างข้างบนบอก อย่าเจอรถติดละกัน
2แน่นอนครับ แบบที่ 1 จะต้องหูไวตาไวอีกอย่างคือ ต้องจำได้ว่ากล้องอยู่ไหนด้วย เครียดไปนะ....
2ไปเรื่อยๆ 90-110 ไม่มีง่วง ไม่มีหลับอยู่แล้วครับ ถ้าคุณง่วงหรือหลับแปลว่าร่างกายไม่พร้อมแล้วละครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ToRToNGPaT ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:37:03
ส่วนใหญ่ผมจะขับแบบ 1 นะ แต่ไม่ได้เร็วมาก ประมาณ 110-120 บางช่วงนี้ขยับไปถึง 140 บ้าง เจอรถช้าก็จะแซง แต่ไม่ได้ปาดหรือมุด ถ้ารถเยอะ ค่อยๆหาช่องทางแซงไปได้ครับ

แต่บางช่วง ก็มีใช้ Cruise Control บ้าง เวลาที่เมื่อยๆ แล้วถนนว่างๆ เพราะกลัวจะเผลอขับเร็วเกินไปครับ ใช่สักพักก็กลับมาขับเองต่อ เดี๋ยวง่วงนอนครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tien.W ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:42:20
สมัยวัยรุ่น ขับแบบ 1 เช่นกันครับ ... ขึ้นรถปุ๊บ มีต่ำๆ 140 ถ้าเริ่มง่วง ก็จะเพิ่มเป็น 160 .. แน่นอน สติก็ต้องจดจ่อ ถึงที่หมายแล้ว เหนื่อย เพลีย ครับ

ปัจจุบัน ขับแบบ 2 ไปเรื่อยๆ 100 - 110 เปิดเพลงเพราะๆ นั่งร้องเพลงไป ถ้าได้รถช่วงล่างดีๆ นุ่มๆ เกาะๆ กับ เบาะนั่งสบายนะ ถึงที่หมายสบายๆเลยล่ะ เที่ยวต่อได้

หลังๆมานี้ ผมเลิกงานเสร็จ ผมก็เดินทางเลย จะเชียงใหม่ หรือ นครศรี อาจมีจอดนอนตามปั๊มสักชั่วโมง ตื่นแล้วไปต่อ ถึงที่หมายสัก 10 - 11 โมง ก็เที่ยวต่อได้เลยครับ

............

อีกอย่าง ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ก็คือ เบาะ recaro นี่แหละ

รถ Pulsar ที่ผมบ่นนัก บ่นหนา ว่า เบาะนั่งไม่สบาย ขับแค่เข้ากทม. ก็ปวดหลังแล้ว พอใส่ Recaro แล้ว ผมขับไปกลับ ปราจีน - นครศรี (ถึงนครแล้วพัก 30 นาที ตีรถกลับเลย) ออกทุ่มวันศุกร์ ถึง ตี 2 วันอาทิตย์ ถึงแล้วไม่มีเมื่อยเลยสักนิด นั่งเก็บของ เล่นเนตต่อ เช้ามา 8 โมง ตื่นมาล้างรถสบายๆ

กลับกัน

พอเทียบกับ CRV ที่เคยบอกว่า มันสบาย เมื่อวาน กลับจาก เมืองคอง เชียงดาว มา ปราจีน ราวๆ 900 กม. เช้ามายังเพลียๆเมื่อยๆอยู่เลย

.........

Recaro เบาะมันนั่งไม่สบายนะ บีบๆ แน่นๆ แต่นั่งแล้วตัวไม่เลื่อน ไม่หลุด มันล็อคตัวอยู่อย่างนั้น

เบาะ CRV นั่งแล้วเหมือนนั่งโซฟาดีๆที่บ้าน นุ่มๆ สบายๆ แต่มันก็ไหลบ้าง เลื่อนบ้าง ตามประสา
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: jkdragon07 ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:43:37
แบบ 1. ประสาทตื่นตัวตลอดเวลา เกิดความเครียดสะสม และมีอัตตราเสี่ยงที่จะไปไม่ถึงปลายทาง อันนี้ผมไม่สนับสนุนนอกจากจะมีเหตุให้ต้องเร่งรีบจริงๆ
แบบ 2. ผมทำอยู่ (cruise control ไม่มีระบบ รักษาระยะ) แต่ความเร็วต้องไม่เกิน 110 เกินกว่านี้เหมือนประสาทต้องตื่นตัวมาก ถึงที่หมายแล้วล้าครับ แต่ถ้าต่ำกว่า 110 ลงมา ผมขับได้ทั้งวันโดยที่ไม่ล้ามากนัก
ปล. แต่ระยะแค่ไม่เกิน 250 กม. ถ้ายังหนุ่มยังแน่น จะแบบ 1 หรือ 2 ไม่น่าจะมีผลกับร่างกายมากจนถึงขั้นเที่ยวต่อไม่ไหว แต่ไม่สนับสนุนแบบ 1 ต้องเห็นใจเพื่อนร่วมทางด้วยเพราะเขาอาจจะเครียดจากการขับรถปาดไปปาดมาของเรา
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เนื้อน่องไม่หนัง ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:51:22
ผมชอบแบบสองมากกว่า เผื่อเวลาไว้เยอะๆ ค่อยๆไป 100-110 ยาวๆ เจอแช่ขวา แซงได้แซง ไม่ว่างก็รอจังหวะ รู้สึกผ่อนคลายกว่า ปลอดภัยกว่า คนที่ได้ก็รู้สึกดีกว่า ขับแบบ 1   
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Barracuda ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:53:06
ขับระยะ 512 กม. (ไปกลับ) ทุกอาทิตย์ขับทั้งสองแบบมีแค่ล้ามากหรือล้าน้อยกว่า บอกเลยแบบที่ 1 ล้าน้อยกว่ากลับถึงบ้านพาเมียไปกินข้าวด้วยไม่เหนื่ยเท่าแบบที่ 2 เพราะใช้เวลานานกว่าล้ากว่ามากๆถึงบ้านต้องพักเลย
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ๑ ๒ ๓ ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:54:17
ขับต่างจังหวัด รถเล็กนะครับ มาสด้า2

1. ขับไว 100-120 เจอด่าน เกือบทุกด่าน  ใช้เวลา 8.30 ชม.  พอถึง มีอาการเพลียๆ

2. ขับแบบตั้ง ครูยซ์ 90 กม./ชม.  ใช้เวลา 10 ชม.  ผ่านทุกด่าน พอถึง ไม่มีอาการเพลีย สบายๆ

สรุป ขับช้า ปลอดภัย ไร้ใบสั่ง ไม่เหนื่อยครับ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: D Water Law ที่ ตุลาคม 15, 2019, 15:55:09
ผมเคยขับรถบน Highway ของทั้งอเมริกา และแคนนาดา

เค้าจำกัดความเร็วไว้คำนวณเป็น กม./ชม. น่าจะ 110-130 กม.ต่อชม.
และรถ 99% ขับตามๆ กันด้วยความเร็วคงที่แบบนี้ ไม่มีพวกขับช้าแช่เลนกลางหรือแช่เลนขวาเลย (จริงๆ พวงมาลัยซ้ายนะ) จะแซงก็ออกซ้าย กลับเข้าเลนเดิม
เอาจริงๆ คือแทบจะไม่ได้เปลี่ยนเลนเลย ขับไปเรื่อยๆ สบายๆ เนือยมากๆ เพราะอยู่เลนกลางก็วิ่งเต็มสปีดลิมิตแล้วล่ะ ไม่รู้จะแซงทำไม

ผมขับทั้งวัน วันละหลายร้อยกม.  บางวันขับ 8 ชม.   บอกตามตรงแทบไม่เหนื่อยเลย 
แถมทำเวลาได้ดีกว่ามาขับแบบซิ่งๆ 140-150  ปาดซ้าย ปาดขวาในเมืองไทยเสียอีก เพราะในเมืองไทยขับเร็วได้มากก็จริง แต่สักระยะเดี๋ยวต้องเบรค เสียจังหวะตลอด

ขับ 8 ชม. ในอเมริกา แคนนาดา เทียบกับขับ กทม.-พัทยา // กทม.-หัวหิน บ้านเรา ขับแค่ 2-3 ชม. ยังเหนื่อยกว่าเยอะ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: youngbear ที่ ตุลาคม 15, 2019, 16:07:35
 8) 8) 8).....using cruise control 95 km/hr ครับ ไม่ต้องดุดัน สบายๆ on/off paddle ไม่เหนื่อย กับ 300 kms. ทุกๆ 2 อาทิตย์  ::)
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: redsun ที่ ตุลาคม 15, 2019, 16:14:28
ส่วนมากชอบขับเลนกลางไปเรื่อยๆ ความเร็วร้อยกว่าๆ
แต่ถ้าคันหน้าขับช้าเกินไป ผมก็เล็งข้างหน้าคันนี้มีว่างช่วงไหนบ้าง เล็งจังหวะดีๆ แล้วแซงเนียนๆ
ไม่ตัดหน้าใคร ไม่จี้ใคร ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆตลอดเส้นทาง ไม่มีช้า ขับเนียนๆถึงเร็วและไม่เหนื่อยครับ

หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: shikimaru ที่ ตุลาคม 15, 2019, 16:19:49
2 ครับ จากคนขับแบบ 1 มาตลอด มีเหตุต้องทำเวลาก็ขับ 1 ตลอด

ถ้าไม่รีบไปไหนขับ 2 สบายกว่ากันเยอะ ทั้งไม่ล้า สมาธิไม่ตก โฟกัสยังดีแม้จะลงจากรถแล้ว แต่ แบบ 1 ลงรถนี่ยังตึงๆ ตลอด ตอนนี้พยายามขับ แบบ 2 แล้วครับ ปรับเวลาให้มันไม่ต้องใช้หนักๆ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: AkE ที่ ตุลาคม 15, 2019, 16:43:17
ระยะทางประมาณนี้อะไรก้ได้ครับ ไม่เหนื่อย แต่ถ้าเกิน 300 ผมไม่ขับครับ ง่วง

ส่วนขับแบบ1 ละกัน แบบ2 ตอนแรกก้ดีๆพักนึงง่วง ขับแบบ1 ก้ง่วงได้ครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ ตุลาคม 15, 2019, 16:48:37
สลับกันตามจราจรครับ รถเยอะเครียดๆขับตามๆกันไปเร็วกว่าได้แต่อย่ามาก แต่ขับแบบนี้จะเครียดเพราะเดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่ง กลัวโดนชนท้ายเจอที่กินก็แวะให้จบๆ พักกายไปด้วย
พอหลุดมาโล่งๆก็แล้วแต่คนเลยครับ ส่วนตัวผมจะทำเวลาชดเชยที่เสียไปช่วงรถติด และจะมีรถที่คิดแบบเดียวกันให้ตามๆกันไป เพราะเค้าเร็วแน่นอน แต่อย่าจี้ ตามห่างๆไปขับสบายมาก
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DiKiBoyZ ที่ ตุลาคม 15, 2019, 17:47:38
ขับธรรมดา ร่างกายรีเล็กซ์ ผ่อนคลาย ขับสบายๆ (จะได้ ACC หรือไม่ก็ได้) สมองไม่เคลียด ร่างกายไม่เกร็ง เพราะมันเป็นเหตุให้ร่ายกายเมื่อยล้า และทำให้ง่วงด้วย เดี๋ยวเที่ยวไม่สนุกอีก เสี่ยงหลับในอีก

โดยส่วนตัวนะ รีบไปแล้วได้ไรเอ่ย ถึงเร็วขึ้น แต่ทำผิดกฏหมายจราจร ก็ไม่ได้มีความสุขด้วย เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุด้วย บางทีคนโดยสารเขาก็ไม่ได้สนุกไปกับเราด้วยซิ

ผมขับรถระยะ 550 กิโลเมตร (ไปกลับ 1100 +/-) ทุกๆ 2 อาทิตย์(อาทิตย์เว้นอาทิตย์) เย็นวันศุกร์กลับมานอนแล้วตื่นแล้วก็ออกเที่ยงคืนของวันศุกร์ถึงปลายทางเช้าวันเสาร์(ขับกลางคืนดึกๆ) ใช้รถแต่ละคัน 1 ปี วิ่ง 5 หมื่นกิโลเมตรโดยประมาณ ร่ายกายพร้อม สติอยู่กับตัว คิดถึงคนรอบตัวเข้าไว้ ขับสบายๆ ไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็พอแล้วครับ ใครรีบๆ มารยาทบนท้องถนนไม่ดีๆ ก็ปล่อยไปเขาไป
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bingoman ที่ ตุลาคม 15, 2019, 18:37:07
ผมว่าขับแบบ 2 ถึงที่หมายแล้ว ยังสดใสกว่า

เพราะขับแบบ 1 ไปถึงแล้วนะจะเครียดและตื่นตัวได้แป็ปเดียว เพราะตอนขับต้องตั้งสมาธิมากๆ ครับ ดีไม่ดีถึงที่หมาย จะเครียด โมโหอยู่ด้วย เพราะขับแบบนั้นในบ้านเรา อาจจะมีคนมาท้า มาวัดได้ ทำให้เครียดๆ อยู่
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Pegasus7700 ที่ ตุลาคม 15, 2019, 19:12:59
ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่มีความเสี่ยงกับผลที่อาจจะเกิดขึ้นกับครอบครัวคนอื่น
หากจะเกิดขึ้น ความสนุกไม่ได้ช่วยอะไร

จากคนเคยได้รับผลกระทบจากอะดรีนาลีนหลั่งพรั่งพรูจากคนกลุม่นั้น
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ ตุลาคม 15, 2019, 22:38:37
อันนี้ส่วนตัวนะ
ปกติผมขับรถเร็ว ออกตจว.ก็160ยืนพื้น แซงเป็นว่าเล่น นานๆจะลงมาแช่140
แต่หลังๆก็เบาลงและขับช้าบ้างเวลาไปตจว.(90ตลอดทาง มีแซงบ้าง)

ผมไม่รู้สึกว่ามันต่างกันเลย แต่ที่รู้สึกได้คืออายุเริ่มมากขึ้นทำให้ง่วงขึ้น อดนอนได้น้อยลงเวลาขับรถ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ ตุลาคม 15, 2019, 23:03:13
แบบ 2 ครับ ขอแค่ไม่เจอรถติด ไปเรื่อยๆพอถึงแล้วยังตกใจเองว่าถึงแล้วหรือนี่ เหมือนเวลามันผ่านไปเร็ว :D
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rega ที่ ตุลาคม 15, 2019, 23:52:58
แบบสอง ลงรถไปปาร์ตี้ต่อได้ ขับข้ามจังหวัด ไปอย่างเดียว สี่ร้อยกิโลเมตร ขับแบบไม่จำกัดเวลาผ่อนคลายกว่า เดือนที่แล้วเลี่ยงน้ำท่วมถนน เวลาเพิ่มร่วมสิบชั่วโมง สบายเมื่อถึงบ้านครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Odd_yim ที่ ตุลาคม 16, 2019, 00:17:27
อยู่ที่สภาพร่างกายครับ พักผ่อนพอ ขับแบบ 2 ก็ไม่ง่วงครับ แต่ถ้าพักผ่อนไม่พอแล้วขับแบบ 1 นี่โอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงครับ  ของผมนี่ขับแบบ 2 เป็นส่วนใหญ่ 100-120 เมื่อถนนว่าง ที่จะล้าเป็นเพราะรถติดมากกว่าครับ ช่วงเทศกาลระยะทาง 800 โล ขับเกือบ 16 ชม.
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mrpich ที่ ตุลาคม 16, 2019, 06:05:44
ขับแบบ 1.5 ครับ ปลอดภัยและสดชื่นสุด
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mongolias ที่ ตุลาคม 16, 2019, 07:00:34
ผมขับแบบ 1 แค่ไม่กี่ปี ตอนยังวัยรุ่น ตอนนั้นเฉยๆครับ คิดว่าคงเป็นเพราะร่างกายยังดีอยู่

แต่พอทำงาน ด้วยความที่น้ำมันแพง แถมรถเก่ากินน้ำมัน เลยต้องเปลี่ยนสไตล์ขับมาเป็นแบบที่ 2 ก็โอเคดีครับ ถึงที่หมายเหมือนกัน อาจจะช้ากว่าแบบแรกนิดหน่อย แต่ความเหนื่อยน้อยกว่าแบบที่ 1 แน่นอนครับ

ปัจจุบันมีลูก ยิ่งขับช้าลงอีกครับ 5555
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: JeansZ ที่ ตุลาคม 16, 2019, 08:06:35
จากประสบการณ์ ขับแบบ 2 โอกาสหลับในสูงมาก แม้จะนอนเต็มที่มาแล้วและออกเดินทางตอนเช้า ถ้าแวะงีบตามปั๊มนี่มีหลับ 2-3 ชม. แน่ๆ (ผมเป็นคนที่นอนยังไงก็ยังง่วง ถ้าไม่มีอะไรทำ)

เลยต้องขับแบบ 1 กับ 2 สลับกัน เพราะแบบ 1 จะทำให้ตื่นเต้น กระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลา แต่อย่าให้เจอรถติดจนหยุดนิ่งแบบช่วงเทศกาล

หรือถ้าไปกับแฟน หรือไปกับเพื่อนหลายคน ก็สลับให้แฟนหรือเพื่อนเป็นคนขับแทน ซึ่งผมหลับทุกครั้งที่ให้คนอื่นขับให้
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ^Yimm@^ ที่ ตุลาคม 16, 2019, 08:15:19
ระยะทางไม่เกิน250โลนี่ ขับแบบปกติได้เลยนะครับ ไม่ต้องใช้paddle shiftไม่ต้องใช้cruise ไม่ได้เหนื่อยล้าอะไรขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: khunpan33 ที่ ตุลาคม 16, 2019, 10:27:20
เลือกแบบ 2 ครับ พลาดพลั้งอะไรมา จากหนักเป็นเบาได้ สภาพตอนไปถึง ผมไม่ห่วงเท่าระหว่างการเดินทางครับ ไปถึงจุดหมายโดยปลอดภัยสำคัญที่สุด  ;)
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: chaithawat ที่ ตุลาคม 16, 2019, 12:09:30
ขึ้นอยู่กับระยะทางเป็นหลัก ถ้าขับแบบ alert ระยะทางไม่ไกลสักสองร้อยโลกับขับเรื่อยๆไม่ต่างครับ จากประสบการณ์เที่ยวแทบทุกอาทิตย์แบบคนไม่มีเวลา ซัดไปเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานตลอด เที่ยวแถวหัวหินชะอำ หรือ ศรีราชาพัทยา 200 โลใช้เวลาสองชั่วโมงมุดตลอดเท่าที่มีจังหวะ ทางโล่งๆ 160-180 ไม้เดียวถึงไม่พักไม่รู้สึกเหนื่อยล้าอะไรเลยกินดื่มเที่ยวต่อได้เลยอาจเพราะเคยชิน  แต่ถ้าเลยสักสามร้อยโลอย่างไปประจวบ ระยองอันนี้เริ่มล้าๆแล้วเพราะใช้สมาธิจับจดกับทางมากไป ถ้าระยะ 5-6ร้อยโลขึ้นนี่อย่างเพลียยย.....ถึงแล้วอยากนอนมากกว่าอยากเที่ยว
ตรงข้ามขับเรื่อยๆร้อยยืนพื้นหรือรถติดๆแบบเทศกาลนี่ขับได้ทั้งวันเป็นสิบชั่วโมงไม่เหนื่อยไม่เพลียแต่เมื่อยแทนครับถึงที่หมายโด๊ปสักนิดยืดเส้นยืดสายหน่อยก็สดชื่นแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ ตุลาคม 16, 2019, 12:45:36
2 ครับ โดยเฉพาะถ้าขับยาวระดับ 500 กม. อัพ

1 Alert มากๆ ต่อให้พักทุก 3 ชม. ร่างกายก็ไม่ไหวอยู่ดี ไปถึงที่แล้วน็อก หลับเป็นตาย ตื่นเที่ยง
2 ยิงยาวๆ ได้ ลงไปขนข้าวขนของ จัดบ้าน ตระเวนหาของกิน ชอปปิ้ง สบายบรื๋อ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ ตุลาคม 17, 2019, 00:04:38
เคยใช้คันที่มี ACC ขับระยะเที่ยวละ <150km ก็สบายครับ

ส่วนคันที่ไม่มี ถ้าพยายามขับแบบที่หนึ่ง ไวไหมไม่รู้สิ แต่ร่างกายมันก็ล้าสะสมอ่ะนะ ไม่น่าจะดีครับ อย่างที่หลายๆท่านบอก
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: +@ Krishna @+ ที่ ตุลาคม 17, 2019, 14:19:53
ผมแล้วแต่สถานะกาณ์ครับ

หากตีรถกลับตอนกลางคืนถนนว่าง ๆ  บางที ระยะทาง 200 - 250 km ผมก็ข้อ 1 เลย/ไม่ได้เล่น เกียร์อะไรมาก

ถ้าทางไกล เมื่อยเท้า หรือเหนื่อย ๆ  ก็ ข้อ 2 ครับ   8)
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GunnSap ที่ ตุลาคม 24, 2019, 05:21:45
ตอนนี้อายุจะแตะเลขสี่แล้ว แถมลูกก็ยังเล็ก ขอไปเรื่อยๆเนิบๆ 90-110 แบบข้อสองละกันครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถ 2 สไตล์แบบนี้ กรณีไปเที่ยว เมื่อถึงที่หมาย สไตล์ไหนร่างกายจะสดชื่นกว่าครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kiwiwi ที่ ตุลาคม 24, 2019, 07:46:00
ด้วยความที่ขับแบบที่ 1 มาร่วมๆ 10ปี
ปัจจุบัน มันกลายเป็นความเคยชินแล้วครับ
10ปีหลังคือขับเร็ว ขับซิ่ง แต่ไม่มีอดรีนารีนอะไรให้ตื่นเต้นแล้ว เหมือนมีการเมมโมรี่ทั้งหมดในหัว เวลาบู๊กับใครบางทีร่างกายมันก็ชิลๆของมันเอง

เวลาพาพ่อ แม่ไปต่างจังหวัดโดยขับแบบที่2(ขับแบบที่1ไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวโดนด่า) เมื่อถึงที่หมายแล้ว
โฆตรเหนื่อยเลยครับ แบบทั้งเพลีย ทั้ง"เครียด" เลย
.
.
.
.
กลายเป็นว่า จะต้องเอาหัวสมองส่วนหนึ่งมาปรุงแต่งไลน์ในการขับนิ่ม ขับช้า แล้วการระมัดระวังจะต่างกันสิ้นเชิง เช่น ถ้าขับเร็ว คุณๆแทบไม่ต้องระวังหลังเลย ระวังหน้าอย่างเดียว
     แต่ถ้าขับช้า ต้องระวังทั้งหน้า หลัง ซ้าย และขวา
     ภาพทุกภามพยังตรึงอยู่ในหัวในช่วงขณะ เห็นพฤติกรรมเหี้ยๆ ของรอบข้างโดยที่คุณไม่สามารถหนีจากตรงนั้นได้ มันเป็นอะไรที่เครียดจริงๆนะ 55555