Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Caraddictor ที่ มกราคม 19, 2020, 23:04:28
-
จากรูปที่เเนบนะครับ ผมจะแปลให้นะครับ ลองมาพูดคุยกันครับ เพราะผมก็เคยเห็นใน the clip by headlightmag เคยติเรื่องนี้ใน CIVIC หรือ CRV นี่เเหละ เลยอยากฟังความเห็นในหลายๆมุมมองครับ
คนเริ่มประเด็น : ทำไมถึงไม่ทำมาตรวัดให้มี refrest rate มากกว่านี้ (ความถี่ในการเเสดงผล) ผมหมายถึงว่านี่ 2019 เเล้วเเต่มาตรวัดยังเเสดงเเบบ 0 4 17 65 104 ผมคิดว่ามันจะดีกว่าถ้ามันเป็นเเบบต่อเนื่องไปเลย
คนตอบ : คุณก็พูดถูก เเต่ผมคิดว่าวิศวกรของพอร์ชไม่ใด้ปัญญาอ่อน มันต้องมีเหตุผล หากมันขึ้นเเบบต่อเนื่องจริง มันจะทำให้ดูใด้ยากในขณะมองด้วยความรวดเร็ว(มองเเบบผ่านๆ)ที่ตัวเลขยังมีการขยับอยู่ มันยังมีการเคลื่อนไหวของตัวเลขอยู่ มันทำให้เมื่อต้องมองความเร็วในสถาณการ์นสำคัญยากขึ้นไปอีกในการใช้งานจริง ผมหวังว่ามันเป็นเหตุผลที่เข้าใจใด้นะ
คอมเมนต์จากคลิป porche taycan acceleration 0-200
https://www.youtube.com/watch?v=EVkprsb54os
-
แบบนี้ดีแล้ว ถ้าเอาตามความเร็วรถ ตาลายแน่ๆ
-
Refresh Rate ไม่ใช่ปัญหาสำหรับค่ายรถครับ
แต่ปัจจัยหลักๆ คือลูกค้าต้องใช้มาตรวัดในการดูความเร็วด้วยหางตาหรือด้วยความรวดเร็วเพื่อดการละสายตาบนทัศนวิสัยท้องถนน
Mazda 2 , 3 , CX-3 นี่เห็นได้ชัดเลย ความเร็วในมาตรวัดวงวัดรอบ มี rate ที่ไวกว่าบนจอใสด้านบน
จอใสนี่ rate นี่น่าจะมีระดับ 1 วินาทีเลยแหละ
ผลคือ อ่านง่าย แถมอยู่ในระดับสายตาไม่ต้องก้ม
ในขณะที่ในมาตรวัด ก้มไปมองไม่ทันครับ ตาเห็นแล้วเปลี่ยนเลขจะๆ ตาหลายครั้งมาก
-
แบบนี้น่ะหรอ
https://youtu.be/-eHnMWC_c6E (https://youtu.be/-eHnMWC_c6E)
-
BMW (Live cockpit pro) กับ Mazda รุ่นใหม่ๆไม่ Lag แบบนั้นนะ ทำไม Porsche ทำแบบนี้ :'(
-
อืมมมม.. เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกันครับ เพราะส่วนตัวชอบแบบวอลโว่ คือเรทไวๆไม่ชอบเลขโดด แต่พอมาคิดเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังแล้วต่อจากนี้ไปคงชอบแบบเลขโดดแล้วล่ะครับ
-
เคยคิดเหมือนกันตอนซีวิคเปิดตัวใหม่ๆ ตอนนั้นคิดมาจากเกม แต่ไม่นานผมก็เข้าใจได้เองว่าน่าจะเป็นเหตุผลนี้นี่ล่ะ คือในเกมมันจ้องตลอดเวลา แต่ขับรถบนถนนจริงมันไม่ใช่แบบนั้น
ส่วนตัวยังชอบแบบเข็มอยู่ครับ ขอแค่ตัวเลขอ่านง่ายๆ
-
เพิ่งเข้าใจเหตุผล มันก็เหมาะสมอยู่น้ะครับ
เลขโดดก็ปลอดภัยกว่า ไม่ต้องนั่งจ้อง
-
บอกเลขไม่ถูก ถึงอ่านได้ก็ไม่มีความหมาย เร่งรถเร็วๆ ถ้าเอาจริงๆ ก็แสดงเป็นแถบเข็มแทนตัวเลข ชำเลืองมองก็เห็นว่าคร่าวๆเท่าไหร่ นะครับ
ระบบคอมของ VAG และรถในสังกัด มันล้าหลังครับ ถ้าเคยแกะดูเรือนไมล์ ระบบสายไฟ เหมือนยังอยู่ในยุก i386 เทียบ Bmw MB แล้วยังต่างกันเยอะนะครับ
-
รถที่แพงที่สุดในโลกยังขึ้นไม่ครบทุกเลขเลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=PFSHXhUXf5o
-
ผมยังชอบแบบเข็มอนาล็อคอยู่ครับ
-
รถแรงๆ ก้อคงต้องตัวเลขโดดๆแหละครับ
แต่รถบ้านๆ ตัวเลขน่าจะตามทันนะฮะ ::) ::) ::)
-
ผมยังชอบแบบเข็มอนาล็อคอยู่ครับ
ใช่ครับผมก็ชอบบเข็มนี่แหละ อ่านง่ายดูง่าย ดูดีมีราคากว่าแบบดิจิตอล
-
ผมขอตอบแบบนี้ละกัน
เรื่อง refresh rate ของตัวจอ(Hardware) กับ การแสดงภาพ หรือ render ออกมาเป็นกราฟฟิคสวยๆ โดย software ผมว่าคนละส่วนกันนะ ผมเชื่อว่า refresh rate ของจอพวกนี้เร็วพอที่จะแสดงความเร็วแบบไมล์ต่อไมล์ได้เลยละ แต่ช่วงที่ความเร็วมันขึ้นพลวดพลาด ตัวเลขมันจะวิ่งเร็วเกินไป จนมองแล้งแล้วตาลาย มากกว่า ผมว่ามันไม่ friendly กับคนใช้งานเอาซะเลย
ถ้าเป็นกลุ่ม racing อันนี้ว่าไปอย่าง อันนี้อาจจะพอเข้าใจได้ แต่ผมก็ไม่ค่อยมีคนกลุ่มนี้เขาตั้งหน้าจอบอกความเร็วนะ จะมีแต่ gear, rev , thermal ต่างๆ มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นจอเดิม หรือ พวกจอซิ่ง จอ datalog และอื่นๆ
ปล. รถผมก็เป็นจอแสดงผลหน้าปัดแบบ LCD เหมือนกัน ซึ่งผมโอเคกับตัวเลขแสดงแบบนี้ เหมือนเขาตั้งการแสดงผลให้เปลี่ยนแปลงทุก 0.5-1 วินาที ไรงี้ แต่มันเปลี่ยนแบบ realtime ผมว่าปวดหัวแย่เลย
-
ผมยังชอบแบบเข็มอนาล็อคอยู่ครับ
ใช่ครับผมก็ชอบบเข็มนี่แหละ อ่านง่ายดูง่าย ดูดีมีราคากว่าแบบดิจิตอล
+1 ถ้าเข็มออกแบบสวยๆ แบบ 3D จะดูดีกว่าดิจิตอลเยอะ แต่ถ้าเป็นแผ่น print มาแปะ ขอแบบดิจิตอลดีกว่า
-
ผมยังชอบแบบเข็มอนาล็อคอยู่ครับ
ใช่ครับผมก็ชอบบเข็มนี่แหละ อ่านง่ายดูง่าย ดูดีมีราคากว่าแบบดิจิตอล
+1 ถ้าเข็มออกแบบสวยๆ แบบ 3D จะดูดีกว่าดิจิตอลเยอะ แต่ถ้าเป็นแผ่น print มาแปะ ขอแบบดิจิตอลดีกว่า
ผมว่ามาตรวัดแบบเข็มนี้ความรู้สึกเหมือนกับนาฬิกาแบบเข็มที่ถ้าเป็นการออกแบบดีๆจะให้ความรู้สึกหรูหรามากๆครับ
-
LFA ซึ่งน่าจะเป็นรุ่นแรกๆ ที่ใช้ตัวเลขดิจจิตอล ถ้าจำไม่ผิดในรายการ top gear ตอนนั้นให้เหตุผลว่า ตัวเลขมันขึ้นไม่ทันความเร็วจริงๆ ของรถ ถ้าขับช้าๆ ก็ขึ้นทัน แต่เหยียบมิด redline เลขมันจะกระโดด
-
ถ้าไม่เน้นหรูลองหาซื้อ OBDII แบบ HUD ที่แสดงเกจความเร็วบนกระจกมาใช้ก็ได้ครับ สะดวกดีไม่ต้องเหลือกตามองด้วย 8)
-
แบบนี้น่ะหรอ
https://youtu.be/-eHnMWC_c6E (https://youtu.be/-eHnMWC_c6E)
เห็นแล้วนึกถึงตอนเล่นเกมแข่งรถเลยครับ
แต่ผมว่าน่าจะทำให้ปรับได้ 2 แบบ ว่าจะโชว์แบบ กระโดด หรือ ต่อเนื่อง
-
ยี่ห้อที่ทำตัวเลขขึ้นรัวๆ เท่าที่รู้ก็ Volvo กับ Tesla
ส่วนตัวผมเฉยๆ จะแบบไหนก็ได้
-
ยี่ห้อที่ทำตัวเลขขึ้นรัวๆ เท่าที่รู้ก็ Volvo กับ Tesla
ส่วนตัวผมเฉยๆ จะแบบไหนก็ได้
มีเยอะครับ ที่เห็นต้นแบบและดูเจ๋งสุดๆ คือ LFA
และยังมีค่ายอเมกาอย่าง Jeep, Chrysler, Dodge Challenger, Ram พวกนี้ MID บนเรือนไมล์ตัวเลขบอกความเร็ว(แต่หน้าจอไม่ใช่ Full LCD/TFT นะ) จะวิ่งขึ้นแบบ Linear หมด ไม่มีกระโดดข้ามแบบทีละ 0.5-1 วินาที
แต่ผมก็เห็นด้วยคือ ผมเฉยๆ นะ
-
แบบนี้น่ะหรอ
https://youtu.be/-eHnMWC_c6E (https://youtu.be/-eHnMWC_c6E)
อ่านเหตุผลที่หลายๆ ท่านบอกว่าใช้เลขกระโดดเพื่อไม่ให้ตาลายมองไม่ทัน ใช้เลขกระโดดแล้วจะช่วยให้มองได้ดีกว่า ตอนแรกฟังดูก็น่าคล้อยตาม เกือบจะเห็นด้วยล่ะครับ
แต่พอเห็นคลิปนี้เข้าไป คลิปนี้ทำให้เคลียร์เลยว่าถึงจะใช้เลขวิ่งจริงๆ ผมว่าผมเองก็ตาไม่ลายหรอก เพราะในการขับจริงผมจะไม่สนใจเลขหลักหน่วยอยู่แล้ว จะดูแค่ว่ามัน 7x , 8x , 9x , 10x , 11x เหมือนกับดูจากเข็มนั่นแหละ ซึ่งมันดูทันสบายๆ เลย
-
ผมเฉยๆว่ามันจะต่อเนื่องหรือจะกระโดดก็ได้ แต่ถ้าให้เลือก ผมเลือกแบบต่อเนื่อง มัน smooth และสวยกว่าเวลามอง อย่างความเห็นบนๆว่า เวลาเรามองความเร็ว เราไม่ได้จะมองว่ามันจะ 83 94 เราแค่มองคร่าวๆตัวหน้าว่ามันประมาณเท่าไหร่แล้ว ก็เหมือนมองเข็มแหล่ะครับ หน้าปัดเข็มมันยังไม่ทำละเอียดแบบ 91 92 93 เลย มันก็เป็นขีดๆข้ามทีละ 5 ทีละ 10 เหมือนกัน เพราะเราแค่ชำเลืองมองว่าอยู่ที่ 8x 9x 1xx แค่นั้น
จริงๆน่าจะเลือกปรับได้นะว่าคนขับชอบแบบไหน บางทีทีมวิศวะกรก็คิดเองเออเอง