Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Koong ที่ มกราคม 21, 2020, 20:51:39
-
หลังจาก cx-5 ดีเซลเจอปัญหาน้ำดันกันมาพักใหญ่
ตอนนี้ในคลับ CRV 1.6 ดีเซล เห็นมีปัญหาความร้อนขึ้น ต้องเปลี่ยนฝาสูบกันบ้างแล้ว(ที่ทราบมาไม่ใช่แค่คันสองคัน)
ซึ่งสาเหตุที่จะทำให้ฝาสูบมีปัญหาได้คงหนีไม่พ้นเรื่องความร้อน และก็คงหนีไม่พ้นความร้อนที่มาจากการเผาเขม่าใน DPF
แต่กับดีเซลยุโรป ที่เมื่อก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นรถกลัวอากาศร้อนแบบเมืองไทยกลับไม่ค่อยเจอปัญหา. ที่บ้านใช้ ML250D ตอนนี้ใช้มา 150000 กมแล้ว. ยังไม่เคยรู้สึกว่ามันมีการเผาเขม่าใน DPF ตอนไหนเลย (หรือมันมีการเผาแต่ผมไม่รู้)
แต่ที่แน่ๆ ผมว่าสาร Adblue คงช่วยไว้ได้เยอะ ทำไมดีเซลญี่ปุ่นถึงไม่นำมาใช้บ้าง ???
-
น่าสนใจครับ ฝ่ายรถบรรทุกอย่าง วอลโว่ สแกนเนีย แมน
มาหากินในไทยก็ไม่มีปัญหาพวกนี้
-
ไม่น่าเกี่ยวกับ add blue
bmw / volvo ในไทย ก็ไม่ต้องเติม add blue นะ
-
ไม่น่าเกี่ยวกับ add blue
bmw / volvo ในไทย ก็ไม่ต้องเติม add blue นะ
อืม ก็จริงครับ
แล้วมันมีการเผา DPF ไหมครับ
-
AdBlue ไม่เกี่ยวครับ ปัญหาอยู่ที่ระบบจัดการเผาเขม่า DPF เมื่อถึงระดับที่ต้องกำจัดทิ้ง ยี่ห้อนั้นออกแบบมาห่วยเอง สังเกต CR-V d ก็ไม่เห็นพังกัน
ส่วนการสังเกตว่าเมื่อไรมีการเผาเขม่า DPF ตอนจอดรถจะมีกลิ่นฉุนเหมือนพลาสติกไหม้ในห้องเครื่อง มีไอร้อนภายในห้องเครื่องสูงกว่าปกติ (เปิดฝากระโปรงประจำจะสังเกตชัดมาก) แต่ถ้าเติมแต่น้ำมันเกรด Euro 5 จะไม่เคยได้กลิ่นเลย น้ำมันกลั่นมาดีกว่าจริงๆ
-
ค่าย M นี่ก็ทำให้ความเชื่อเดิมๆ หลายๆ อย่างเปลี่ยนไปจริงๆ
เมื่อก่อนเคยคิดว่าเครื่องดีเซลต้องทนทานไม่พังง่ายๆ กับเคยคิดว่าเกียร์แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ต้องทนกว่าแบบอื่น
-
ไม่น่าเกี่ยวกับ add blue
bmw / volvo ในไทย ก็ไม่ต้องเติม add blue นะ
อืม ก็จริงครับ
แล้วมันมีการเผา DPF ไหมครับ
Volvo เครื่องดีเซล 5 สูบ รุ่นปี 2014 เผา DPF บ่อยเหมือนกันครับ แต่ผมเติมดีเซลธรรมดา ไม่ใช่พรีเมียม
ยกตัวอย่าง ขับ กทม เชียงใหม่ ระหว่างทาง จะเผา DPF 1 ครั้ง ครับ รู้ได้จากการที่ตัวเลขแสดงอัตราสิ้นเปลือง จะกินน้ำมันมากกว่าปกติช่วงที่เผาครับ
-
ถ้าพูดถึงเครื่องดีเซลญี่ปุ่น นี่มันก็มีหลายเจ้าอยู่นะคับ
บางทีต้องลองดูเครื่องดีเซลที่อยู่ใน SUV พวก Fortuner หรือ Pajero sport (ที่เป็นกลุ่ม clean deisel) ว่าออกแบบเครื่องอย่างไรจึงใช้งานได้ทนทาน
(พวกนี้ก็มีปัญหานะ แต่ไม่เจอบ่อย)
-
ผมเคยขับเครื่องดีเซล 1.5 (ยี่ห้อที่ท่านน่าจะรู้) จากสุวรรณภูมิไปอยุธยา แล้วกลับฝั่งธนช่วงที่อากาศเย็นๆ ต้นเดือนธันวา
ระยะทางรวม 180 กิโล DPF เผาเขม่าไป 3 รอบ ??? :-X
พอกลับสู่ช่วงอากาศปกติ วิ่งไป 300 กิโล เผาแค่ครั้งเดียวเอง งงเหมือนกันว่าทำไม
ปล. ขับกลางคืนช่วง 3-5 ทุ่ม รถไม่ติดทั้งคู่
-
ถ้าพูดถึงเครื่องดีเซลญี่ปุ่น นี่มันก็มีหลายเจ้าอยู่นะคับ
บางทีต้องลองดูเครื่องดีเซลที่อยู่ใน SUV พวก Fortuner หรือ Pajero sport (ที่เป็นกลุ่ม clean deisel) ว่าออกแบบเครื่องอย่างไรจึงใช้งานได้ทนทาน
(พวกนี้ก็มีปัญหานะ แต่ไม่เจอบ่อย)
คิดเหมือนกันเลยครับ เครื่องดีเซลในรถสายพันธุ์กระบะนี่อึดถึกมากๆจริงๆ แต่ต่อจากนี้เครื่องดีเซลในรถเก๋ง รถ SUV (ไม่รวม PPV บ้านเรานะครับ) จะค่อยๆลดรุ่นและผลิตน้อยลงรึเปล่าครับ เนื่องจากการปล่อยมลพิษทีี่เป็นอัันตรายกว่าเครื่อองเบนซิล
-
ต้องระบุสาเหตุก่อนครับ
เดากันไปเอง คิดว่าจะเป็นโน่น เป็นนี่ ผมว่าก็ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่
อย่างบางท่านบอก ดีเซล "ญี่ปุ่น" ในกระบะ หรือ ppv ไม่เห็นมันเป็นไรเลย วิ่งกันทะลุแสนโลกันเต็มไปหมด
ค่าย H บอกมี 2 คัน ผมว่ามันน่าจะสาเหตุและอธิบาย
ค่าย M เห็นตรงกันแล้วว่า เป็นที่อะไร ทั้งคนใช้เอง และ คนนอก มองไป เห็นเหมือนกันหมด ส่วนบริษัทรถจะยอมรับไหม ว่ากันไป
-
อีกเรื่องคือปัญหาฝาสูบโก่งอันเกิดจากความร้อนเครื่องที่สูงเกิน แม้แต่เครื่องเบนซินปกติก็เกิดกันเป็นประจำนะครับ
ไม่จำเป็นจะต้องเจาะจงเฉพาะดีเซล
ปัญหาอาจจะเกิดจากระบบระบายความร้อนบกพร่องเช่น หม้อน้ำรั่ว หรือสารหล่อเย็นในหม้อน้ำไม่ได้คุณภาพ เป็นต้นครับ
ส่วนที่สันนิษฐานว่าเกิดจากความร้อนในการเผา DPF เนื่องจากระบบนี้ถูกแยกออกมาจากส่วนของเครื่องยนต์ ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะส่งผลถึงกันด้วยรึเปล่า
ปล. เสริมจากข้างบนน่ะครับ เครื่อง Deisel ในพวก SUV (PPV) ทั้งหลายเป็นเครื่อง Euro4 เลยยังไม่มีอุปกรณ์ส่วน DPF
แต่น่าจะลองศึกษาระบบเครื่องดีเซลของ Mitsu ที่เป็นระดับ Clean Deisel เหมือนกันได้ครับ
-
มาตรฐานยูโร น่าจะมีส่วนไหมครับ
-
แต่กับดีเซลยุโรป ที่เมื่อก่อนขึ้นชื่อว่าเป็นรถกลัวอากาศร้อนแบบเมืองไทยกลับไม่ค่อยเจอปัญหา. ที่บ้านใช้ ML250D ตอนนี้ใช้มา 150000 กมแล้ว. ยังไม่เคยรู้สึกว่ามันมีการเผาเขม่าใน DPF ตอนไหนเลย (หรือมันมีการเผาแต่ผมไม่รู้)
แต่ที่แน่ๆ ผมว่าสาร Adblue คงช่วยไว้ได้เยอะ ทำไมดีเซลญี่ปุ่นถึงไม่นำมาใช้บ้าง ???
รถเครื่องดีเซลของ Toyota เช่น Hilux และ Land Cruiser ที่ขายโซนยุโรปหรือในบางประเทศ ก็ใช้ adblue ครับ
http://ad-blue.com.ua/products/toyota-adblue-10l
-
เครื่องกระบะในไทย ดีเซลยังไม่ติด DPF มาให้ครับ ถ้าไปไล่ดู eco sticker ไม่มีเจ้าไหนเลยที่บอกว่า euro5 รัฐยังไม่บังคับก็ไม่ใส่
triton เครื่องบล็อกนี้เมืองนอก euro5 เมืองไทยก็งงๆอยู่ว่ามาตราฐานไหน ใน eco sticker มาแค่ มอก. แต่โฆษณาเป็น clean deisel (แต่ดันปล่อย co2 มากกว่า Dmax)
ตอนนี้ดีเซล euro5 ญี่ปุ่น เหลือแค่ 2 เขม่าตันคันเดียวแล้วครับ cx5 น้ำดันไม่แน่ใจว่าจะถอด DPF ไปแล้วรึเปล่า เพราะลงไป euro4 แล้ว
-
ตอนนี้ CRV Diesel ของผมก็มีปัญหาคือเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นกว่าเดิมมาก (วิ่งมาประมาณ 50,000 กิโลเมตร) ให้ศูนย์ฟังดูเค้าบอกว่าเสียงดังจริง ยิ่งไปเทียบกับรถทดลองขับของศูนย์นี้ชัดเจนเลย แต่ยังใช้งานได้ปกติ ทางศูนย์ส่งเรื่องไปทาง Honda ใหญ่ ทางนู้นบอกว่าเป็นปกติของเครื่องดีเซล เมื่อใช้งานมาสักระยะ
เลยว่าจะขอให้ทางศูนย์ใหญ่ มาดูให้อีกที แต่ถ้าเค้ายังบอกว่าปกติอีกนี่ ผมขอ บ๊ายบายแน่ เพราะมันดังราวกับรถกระบะที่ใช้งานมาหลายปี
-
มันระบุยี่ห้อได้เลยนะครับ เครื่องดีเซลแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีปัญหาเยอะและยังแก้ไม่จบมันค่ายไหน ญีปุ่นค่ายอื่นไม่น่าจะเอาใสเหมารวมเพราะถ้ามีปัญหาเขาแก้จบ และปัญหาน้อยกว่าค่ายญี่ปุ่นที่ว่าด้วย
-
ตอนนี้ CRV Diesel ของผมก็มีปัญหาคือเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นกว่าเดิมมาก (วิ่งมาประมาณ 50,000 กิโลเมตร) ให้ศูนย์ฟังดูเค้าบอกว่าเสียงดังจริง ยิ่งไปเทียบกับรถทดลองขับของศูนย์นี้ชัดเจนเลย แต่ยังใช้งานได้ปกติ ทางศูนย์ส่งเรื่องไปทาง Honda ใหญ่ ทางนู้นบอกว่าเป็นปกติของเครื่องดีเซล เมื่อใช้งานมาสักระยะ
เลยว่าจะขอให้ทางศูนย์ใหญ่ มาดูให้อีกที แต่ถ้าเค้ายังบอกว่าปกติอีกนี่ ผมขอ บ๊ายบายแน่ เพราะมันดังราวกับรถกระบะที่ใช้งานมาหลายปี
ตรงข้ามบ้านผมใช้กระบะฟอร์ด ตอนนี้ดังลั่นมาตั้งแต่บ้านหลังที่สี่
ดังขึ้นจริงๆครับ เทียบกับพวกออกใหม่ป้ายแดง
-
ธธรมดาครับ ญี่ปุ่นบางเจ้าถ้าดีกว่าก็มักจะบอกต่างกันคนละเรื่องราวฟ้ากับเหว พอแย่กว่ามักจะบอกไม่ต่างกันมาก สรุปมีปัญหาเหมือนๆกันนั้นแหละ แต่ที่ต่างกันแน่ๆคือวิธีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
-
พวกกระบะส่วนมากยังเป็นแค่ euro4 อยู่รึเปล่าครับ เลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่
ตัวที่มีปัญหาทั้งหมดเป็นระดับ euro5 ที่มีระบบ dpf ทำให้ท่อตันแล้วไอเสียย้อนกลับดันจนประเก็นแตกแล้วฝาโก่งในที่สุด
-
จำไม่ได้ว่าเคยอ่านเจอที่ไหน ฝรั่งบอกว่าน้ำมันดีเซล โดยโครงสร้างของน้ำมัน ไม่ใช่เชื้อเพลิงสะอาดแต่อย่างใด พอครั้นออกแบบเครื่องยนต์ให้มันสะอาดตามาตรฐานสูงๆ ก็เลยกลายเป็นปัญหาที่การออกแบบที่ไม่จบอย่างแท้จริง พูดก็พูดจริงๆที่ญี่ปุ่นเองกลับใช้รถปิคอัพหรือเก๋งดีเซลน้อยมากๆซะด้วยซ้ำ
-
ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าดีเซลญี่ปุ่นที่มีปัญหา จะเป็นรุ่น Euro6 ที่จูนให้ห่วยลง ให้รับน้ำมันดีเซลเกรดต่ำอย่างยูโร 4 ในประเทศไทยได้
สถานการณ์คล้ายๆ MB กับ BMW ดีเซลที่ขายไทยยุคแรกๆ ที่ต้องจูนเครื่องยูโร 4-5 ให้สามารถใช้น้ำมันยูโร 3 ในไทยตอนนั้นได้ เนื่องด้วยน้ำมันดีเซลยูโร 4 ยังไม่แพร่หลาย ตอนนั้นทั้ง 2 ยี่ห้อก็มีปัญหาประปราย จนตอนนี้ปัญหาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
ส่วนเครื่องกระบะ และ PPV ที่ขายในไทย นั่นเค้าทำเสปคบนพื้นฐานยูโร 4 แต่แรก เพราะไทยเป็นตลาดรถกระบะ 1 ตัน ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งก็มีข้อเสียเรื่องการปล่อยมลภาวะสูง PM2.5 สูง สารก่อมะเร็งสูง และกินน้ำมันเกินควร แต่คนไทยชอบ เพราะทนทานดี ส่วนเวลาจะบ่นเรื่อง PM2.5 ค่อยแยกออกมาอีกกระทู้นึงครับ 5555
-
ใช้ 2 ดีเซลมา 5x, xxx โล ยังไม่มีปัญหาอะไร ตอนแรกกะจะไป อุด, ตัด, จูน เพื่อกันปัญหา แต่ตอนนี้ช่างมันล่ะรถพังซ่อมได้ แต่เทียบไม่ได้กับสุขภาพคนในบ้านพัง PM2.5 มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวแล้ว