Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: pairoj ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:10:49

หัวข้อ: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pairoj ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:10:49
....ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ (ซื้อป้ายแดง) ควรต้องรอ รถ EV หรือเปล่า เท่าที่สังเกตุเห็นค่ายรถแต่ละค่ายพัฒนา EV อย่างรวดเร็วมาก พวกที่เปลี่ยนซื้อรถใหม่ EV เวอร์ชั่นแรกๆจะโบราณตกรุ่นไวมากๆทันที และจะเป็นการเสียเปรียบหรือไม่ เพราะ EV พัฒนาเร็วมาก หรือควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อน ใช้เครื่องยนต์สันดาปไปก่อน แบบนี้จะคุ้มกว่าหรือไม่
....และเมื่อ EV มีจำนวนมากแล้ว ตลาดรถมือสองจะเป็นอย่างไร ผู้คนจะยังนิยมซื้อรถมือสองอยู่อีกหรือไม่....
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:20:06
ผมคนนึงไม่สนใจ ไม่รอ พวกค่ายรถนักกั๊ก เอาของเก่าๆ HEV มาโละขาย แล้วสร้างวาทะ เมืองไทยไม่พร้อม หลอกผู้บริโภคไปวันๆ คับ  รถ BEV ทำในจีนมามันเหนือกว่า ดีกว่า ถูกกว่า ก้อซื้อ

ถ้าจะมามุขชาตินิยมีกแล้ว ผมถามหน่อย ทำไมผมต้องอดทนรอให้พวกนั้นพร้อม พร้อมที่จะมากั๊ก หวดราคาแพงๆใส่อีกหรอ ใครๆก็อยากได้ใช้ของดีทั้งนั้น  พวกคุณไม่พร้อมก็เรื่องของคุณ พวกผู้บริโภคเค้าไม่สนใจหรอก ว่าต้อง ทำในไทยถึงจะซื้อ

FTA มันดีย์ เพราะผู้บริโภคมีตัวเลือก BEV เพิ่ม แข่งกันเยอะๆ ไม่ใช่กึ่งผูกขาดแบบตลอดเกือบห้าสิบปีที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:21:08
ควรรอให้ที่ชาร์จพร้อมครับ รถไฟฟ้ามันก็แค่นั้นแหละกี่มอเตอร์ กับแบตฯความจุต่างๆ ไม่มีอะไรเลย
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: iKrit ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:35:39
ถึงเวลาเปลี่ยนและตรงกับการใช้งานในชีวิตประจำวันก็เปลี่ยน ไม่ต้องรอ
มัวแต่รอ บริษัทไม่มี demand บริษัทก็ไม่เดินต่อ เอาของเดิมๆ มาขาย
อยากนิ่งอยู่กับที่ หรืออยากช่วยกันเปลี่ยนแปลงก็เลือกเอา
คนที่ช่วยผลักดันตอนเริ่มต้นมักเจ็บปวดเสมอ อยู่ที่รับได้หรือป่าว
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: axister ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:41:45
สำหรับผมถ้าไม่ได้รีบใช้รถจริงๆ ปัจจุบันใช้รถไฮบริดแบบไม่เสียบปลั๊ก

ถ้าจะเปลี่ยนอีกทีรอ EV เหมือนกันครับ แต่รอเทคโนโลยีของแบตมันถึกกว่านี้ และแท่นชาร์จเยอะกว่านี้อีกหน่อยละกัน

ซัก 3-4 ปี มั้งนิ

ปัจจุบันแท่น ev ตาม community mall / ปั้ม แท่น ev ยังโดนจองด้วยอะไรไร้สาระอยู่เลย

paseo กาญจนา ไปทีไรก็จะมีแต่รถกระบะเน่าๆจอดแช่ทุกรูไม่ก็มีรถแพงๆแบบที่มันไม่ ev จอด

ซึ่งแบบนี้แก้ยากมากจิงๆ ขนาดที่จอดคนพิการ รถหรูจอดยังแก้ไม่ได้
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: spn ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:44:30
ถ้าจะใช้รถอยู่แล้ว สภาพแวดล้อมเหมาะกับการใช้งานก็ซื้อเลย ที่ชาร์จเอย ช่างซ่อมเอยย
ซื้อรถ EV ก่อน เหมือนซื้อ CBU แพง แต่ก็ใข้รถก่อน หล่อก่อน รอ CKD ก็ราคาเบาลงมา Defect โดนปรับแก้ไป มีช่างซ่อมเป็น
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: chaithawat ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:49:40
อย่างน้อยสี่ห้าปีนั่นหละครับ รถสถานีชาร์ต รอช่างเรียนรู้งาน รอเทคโนโลยีเฟริมแวร์ที่ดีกว่านี้และไปไหนได้ไม่ไกล อย่างปัญหาการชาร์ตที่ยังรอนาน หายาก ยุ่งยาก ไม่สะดวกเหมือนน้ำมัน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Seadog ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:54:16
อีกนานครับ ปัญหาคือจุดชาร์จและเวลาชาร์จ ผมยังจำสมัยที่น้ำมันแพงแล้วคนแห่กันไปติดแก๊สได้ดี คิวยาวออกมานอกปั๊มเลย
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: raygun ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 15:56:09
.
.
ผมจะใช้รถน้ำมันเบนซิน ตราบจนคันสุดท้ายที่มีขายเลยครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: -Brian ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:00:03
สำหรับผมต่อให้ตัวรถมันพัฒนาไปขนาดไหน ตราบใดที่ระบบไฟฟ้าประเทศเรายังไม่สามารถรองรับให้มีสถานีชาร์จให้ครอบคลุมมากกว่านี้ และการชาร์จแต่ละทีใช้เวลาน้อยกว่านี้ ผมก็ยังไม่เปลี่ยนในไปใช้ครับ

ยิ่ง EV เจ้าที่ขายดีๆ ผมเห็นปัญหาแล้ว ยังขอรอดูห่างๆดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NINENOI ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:05:22
ผมว่าน่าทำมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าก่อนดีกว่า ราคาไม่สูงนักจะได้ซื้อกันแพร่หลาย ส่วนมากวิ่งไม่ไกลนักอยู่แล้วจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sakutaro ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:06:12
ตั้งแต่ลอร์ดอีลอน จับถ่านไฟฉายมายัดแล้วสร้าง tesla model ต่างๆ จนถึงทุกวันนี้ ผมว่าพัฒนาช้านะครับ แต่มีเหตุผลทำให้ช้าสำหรับผม สองประการ อันแรกอันใหญ่สุดเป็นหัวใจเลย เทคโนโลยีแบตในโลก มีแค่ไม่กี่บริษัท pana sony sanyo lg ทุกวันนี้ ความจุ ความแรง เวลาการชาร์ตยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร อันสองในมุมธุรกิจ ค่ายรถต่างๆ ยังระบายของเก่าไม่หมดเลย ยังกำไรไม่ตามเป้ามีหรือจะปล่อยให้ ev มาปาดหน้า ในความเป็นจริง บริษัทใหญ่ๆเหล่านั้นต่างถือหุ้นข้ามไปมาเป็นเครือข่าย เป็นไปได้ยากที่ ev จะเข้ามาแล้วล้มอันเดิมแบบไม่เป็นท่า ไม่งั้นก็เหมือนถือมีดคนละเล่มแล้วแทงกันเอง สำหรับผมต้องรอทุกอย่างเหมาะสมนะและอีกนานครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: koko86 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:06:31
1. ต้องรอEV หรือเปล่า อันนี้แล้วแต่คนครับ อย่างผมserious เรื่องมลพิษ และชอบสมรรถนะรถไฟฟ้า ผมรอครับ รถในฝันอย่าง taycan มาแล้วแต่ก็คงต้องรอต่อไป เพราะผมอยู่คอนโดติดที่ชาร์ทไฟไม่ได้
2. ถ้ามองเรื่องส่วนบุคคลรอเทคโนโลยีให้นิ่งก่อนก็ดีครับ แต่จริงๆเรื่องมลพิษก็เป็นเรื่องที่ควรจะแก้ไขเร่งด่วน ถ้ามองในภาพรวม ส่วนของสังคม การลดCO2 ลด pm2.5 ให้ได้ ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าครับ
3. ตลาดรถมือสอง ถ้าเป็นเมืองไทย คงไม่ค่อยมีผลในระยะสั้นครับ เพราะมาตรการรัฐไม่จริงจัง แต่ถ้าระยะยาว มีผลแน่ เพราะรถไฟฟ้า ทนถึกและสมรรถนะสูง มากๆครับ

โดยสรุปถ้ามองปัญหาโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมลพิษหรือdisrution รัฐควรสนับสนุน รถไฟฟ้ากับแท่นชาร์จ ให้มากกว่านี้ครับ

หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CJ. ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:20:56
โดยส่วนตัวผม ถึงจะไม่มั่นใจระบบเท่ารถยนต์สันดาป แต่ก็พร้อมที่จะลองใช้ ev ครับ
แต่ประเด็นคือ ขับออกจากบ้านไปที่ต่างๆแล้วที่ชาร์จไม่มากพอ ที่ผมรอคือรอจุดนี้ครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: basterias ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:38:35
ตอนแรกผมเคยคิดจะรอนะ แต่คงอีกนานกว่าประเทศเราจะมีจุดให้บริการมากพอ หรือเทคโนโลยีจะสามารถทำให้รถวิ่งได้ไกลเกินที่จะต้องชาร์จบ่อยๆ

คงต้องใช้ PHEV ไปอีกสักคัน สองคันก่อน พอ EV มาอาจไม่ต้องขับกันแล้วก็ได้ AI อาจขับแทน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: punn ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 16:46:21
รถ EV ใหม่ ณ 2020 นี้

ถ้าเอาใช้งานจริงได้ ราคาแบตคือปัจจัยหลักของรถคันนึงเลย
ชนิดที่ว่าถ้าแบตเสียหลังประกัน จะเปลี่ยนหรือซื้อใหม่ก็ราคาพอกัน
ทำให้มุมมองรถยนต์ ev ตอนนี้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พอมีปัญหาก็ทิ้งซื้อใหม่คุ้มกว่า

กับระยะเวลากับจุดที่ใช้ในการชาร์จที่ยังใช้งานจริงทั่วไปไม่ได้
คนที่ใช้ยังต้องมานั่งวางแผน คิดคำนวณกันจนรบกวนชีวิตประจำวันไปอีก

โดยส่วนตัว ถ้าจะซื้อมาใช้ มันต้องตอบสนองชีวิตประจำวันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย
ไม่ใช่มาเป็นภาระให้ต้องวุ่นวายเพิ่มขึ้น สรุปคือ ผมรอไปอีกสักระยะใหญ่ๆครับ ตอนนี้ยอม hybrid ไปก่อน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nonlamer ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 17:01:35
วิตกกังวลมากเกินไป รถยนต์มีไว้อำนวยความสะดวก จำเป็นต้องใช้ก็คือซื้อมาใช้ ใช้เมื่อจำเป็นเมื่อต้องการใช้งาน ถ้าไม่ลำบากก็ไม่ต้องแค่นั้นครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mochalatte ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 17:16:09
สำหรับผมรอรุ่นที่ถูกใจ จากการใช้รถประจําวันประมาณ30-50km
การ charge คงไม่มีปัญหา เพราะแทบไม่ได้ขับรถไปต่างจังหวัดเลย ถ้าจะไปคงใช้คันอื่นแทน
กลับบ้านก้อเสียบปลั๊กไว้ ตื่นมาก้อ start เริ่มต้นวนเวียนกันไป ไม่น่าห่วงอะไร
เสียดายอย่างเดียวคือจะไม่ได้เจอเด็กปั้มประจำข้างบ้านที่บริการดีมาก เติมกันมานานจนผูกพัน🤣
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GOBBS ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 17:19:20
รอ 2ปีเป็นอย่างต่ำก่อนระบบชาร์ทจะนิ่ง รอได้ไหมละครับ
และถ้าผมขับไปแม่สลอง เชียงของ ช่องเย็น ... มันจะมีที่ชาร์ทไหม
รถน้ำมันยังอยู่อีกนานครับ ตราบใดที่ยังพัฒนาสถานีชาร์ท และหาไฟมาเติมให้มันอย่างพอเพียง โซล่าเซลจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นและพอไหม รถไฟฟ้าจะวิ่งได้พอสำหรับนักเดินทางไกลรึเปล่า ... ถ้าสักครึ่งนึงของรถทุกวันนี้เป็นไฟฟ้า ไฟจะพอไหม? มันไม่ใช่แค่เพิ่มหรือสร้างสถานีนะ
.............
นอกเรื่องนะ
ดัน EV รถส่วนบุคคล ผมไม่ค่อยเห็นด้วยถ้ารัฐจะลงมาอุ้ม
สิ่งที่รัฐควรจะอุ้ม คือ ขนส่งสาธารณะ ระบบไฟฟ้าครับ ถ้าจะอ้างเรื่องมลพิษ คนส่วนใหญ่ควรจะได้ขนส่งสาธารณะที่ดีกว่านี้ก่อนจะไปอุ้มรถส่วนบุคคลนะ
ไม่งั้นกี่โรงไฟฟ้าก็ไม่พอ(หรือจะทำนิวเคลียร์?) หรือสุดท้ายก็เผาถ่านหิน เผาน้ำมันปั่นไฟกันอยู่ดีนะ
ถ้ารักจะลดมลพิษจริงๆ ต้อง ลด รถ ครับ...
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: เต๋า AV ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 17:27:09
แหล่งพลังงานยังล้าสมัย
รอยาวๆ ไปคับ 15-20ปี อย่างต่ำ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 17:28:34
รถ EV สำหรับผม คงรอให้มันสามารถชาจน์ไฟจาดหมดจนเต็มได้ไวกว่า 10 นาทีก่อนอะครับ ค่อยว่ากัน ...

ขับรถ EV ไปไหนพอหมดต้องชาจน์ 6 ช.ม. มันเสียเวลาครับ และเป้นอะไรที่ล้าหลังมาก เติมน้ำมัน 5 นาทีเต็มถัง วิ่งกัน 600-700 โลสะดวกกว่าเยอะ 
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Panerai II ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 17:30:31
ผมว่า ถ้ารอให้สถารีมีความพร้อม และเข้าถึงได้ง่ายกว่านี้ก่อนครับ
ทุกวันนี้ Hybrid หรือ Plug in Hybrid ไปก่อนสัก 10 ปี คงเห็นความต่างชัดเจนขึ้นช
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 18:08:44
รอ 2ปีเป็นอย่างต่ำก่อนระบบชาร์ทจะนิ่ง รอได้ไหมละครับ
และถ้าผมขับไปแม่สลอง เชียงของ ช่องเย็น ... มันจะมีที่ชาร์ทไหม
รถน้ำมันยังอยู่อีกนานครับ ตราบใดที่ยังพัฒนาสถานีชาร์ท และหาไฟมาเติมให้มันอย่างพอเพียง โซล่าเซลจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นและพอไหม รถไฟฟ้าจะวิ่งได้พอสำหรับนักเดินทางไกลรึเปล่า ... ถ้าสักครึ่งนึงของรถทุกวันนี้เป็นไฟฟ้า ไฟจะพอไหม? มันไม่ใช่แค่เพิ่มหรือสร้างสถานีนะ
.............
นอกเรื่องนะ
ดัน EV รถส่วนบุคคล ผมไม่ค่อยเห็นด้วยถ้ารัฐจะลงมาอุ้ม
สิ่งที่รัฐควรจะอุ้ม คือ ขนส่งสาธารณะ ระบบไฟฟ้าครับ ถ้าจะอ้างเรื่องมลพิษ คนส่วนใหญ่ควรจะได้ขนส่งสาธารณะที่ดีกว่านี้ก่อนจะไปอุ้มรถส่วนบุคคลนะ
ไม่งั้นกี่โรงไฟฟ้าก็ไม่พอ(หรือจะทำนิวเคลียร์?) หรือสุดท้ายก็เผาถ่านหิน เผาน้ำมันปั่นไฟกันอยู่ดีนะ
ถ้ารักจะลดมลพิษจริงๆ ต้อง ลด รถ ครับ...
เห็นด้วยครับ รถไฟฟ้าอะไรนี่มันก็สร้างมลภาวะเหมือนกัน กับอีกอย่างจะไปอุ้มรถไฟฟ้าดันทำไม ทั้งที่รัฐมีภาระด้านสาธรณะสุขและสาธารณูปโภคมากแล้ว อีกอย่างรถไฟฟ้ามันราคาคนมีตังค์เค้าซื้อกันได้ แถมส่วนใหญ่นำเข้าจากจีนทำให้เงินรั่วไหลจาก่างประเทศและทำให้คนไทยตกงานกัน  แถมเทคโนโลยีการชาร์จยังไม่ได้พัฒนาอะไร ถ้าชาร์จแบบถนอมแบตก็หกชั่วโมงแล้ว แต่ควิกชาร์จก็อีกเรื่องนึงชาร์จบ่อยไม่ดี

ผมว่าน่าทำมอเตอร์ไซด์ไฟฟ้าก่อนดีกว่า ราคาไม่สูงนักจะได้ซื้อกันแพร่หลาย ส่วนมากวิ่งไม่ไกลนักอยู่แล้วจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีและสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค
ใช่ครับ  อันนี้ผมมองแนวทางการเกิดความนิยมง่ายกว่ารถไฟฟ้านะครับ บวกกับรถมอเตอร์ไซค์ น้ำมันปล่อยมลภาวะทางอากาศและเสียงได้เป็นอย่างดีเลย
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mochalatte ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 18:13:17
ผมมองเห็นต่างครับ
EV อาจจะไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิต เพราะมีทางเลือกอื่นที่สะดวกสบายกว่า แล้วแต่การใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล
มันมี give and take สำหรับสังคม ส่วนใหญ่ take ไปก่อน แล้วค่อย give เมื่อพร้อม

มันเป็นทางเลือกไม่ใช่ข้อบังคับ
คนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่แออัด ไม่ได้เดินทางไกลก้อพอช่วยกันได้ เหมือนกลับบ้านแล้ว charge มือถือและ laptop ผมว่า EV ก้อคงทําคล้ายกัน เราคงไม่มีปั้มนํ้ามันติดบ้านได้
จะให้รัฐบาลช่วยส่งเสริม ก้อต้องสร้าง demand สักนิด เราช่วยกันกระตุ้นเค้าอาจหันมาเหลียวแล
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 18:33:56
รถ EV สำหรับผม คงรอให้มันสามารถชาจน์ไฟจาดหมดจนเต็มได้ไวกว่า 10 นาทีก่อนอะครับ ค่อยว่ากัน ...

ขับรถ EV ไปไหนพอหมดต้องชาจน์ 6 ช.ม. มันเสียเวลาครับ และเป้นอะไรที่ล้าหลังมาก เติมน้ำมัน 5 นาทีเต็มถัง วิ่งกัน 600-700 โลสะดวกกว่าเยอะ

กำลังไฟของเครื่องชาร์จ MG Home Charger (ไฟบ้าน)7.2 kW แบตเตอรี่ขนาด 44.5 kWh
ส่วนการชาร์จไฟแบบ Quick Charge หรือ CCS Type 2 นั้นสามารถทำเวลาอยู่ที่ 30 นาที(จาก 0-80%) ถือว่าเป็นมาตราฐานของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป

 https://blink-drive.com/index.php/2019/06/21/conclusion-mg-ez/ (https://blink-drive.com/index.php/2019/06/21/conclusion-mg-ez/)
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: +@ Krishna @+ ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 19:05:55
ไม่รอจ้า เดี๋ยวนี้รถน้ำมันประหยัด ๆ ก็ออกมาเยอะ
 ev ยังชาร์จยากอยู่  8)
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bingoman ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 19:07:35
ถ้าระยะนี้ ผมไม่ขอเสี่ยงด้วยครับ เพราะผมเดินทางไปที่แปลกตา ตจว. หรือชนบทบ่อย ซึ่งคงจะอีกนานกว่าสถานีชาร์จรถ จะเกิดขึ้นแบบทั่วถึง แต่ถามว่าถ้าซื้อรถคันใหม่  ถ้าสมมุติมี เครื่องล้วน กับ PHEV แบบ Benz C350e, BMW 330e กับ C, 3 ตัวธรรมดา ไม่ hybrid    ถ้าแบบนี้ ผมกล้าที่จะเล่น PHEV ครับ  เพราะยังไงก็มีน้ำมันในรถให้อุ่นใจไว้วิ่งต่อได้
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 19:48:10
ผมไม่ซื้ออยู่แล้วครับ       เน้นซื้อรถมือ 2    ไมมีผลอะไรกับผม
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kingcomsystem ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 20:06:33
ออกตัวก่อนเลยว่าชอบ ev ครับ

โดยปกติไม่มีรถคันเดียวอยู่แล้ว (หลายท่านในที่นี้ก็คงไม่ขับคันเดียวแน่)

ดังนั้น ตรรกกะ ของผมคือ

ใช้ ev ไปตลาด รับส่งลูก ไปโรงเรียน

ส่วนทางไกล ก็ใช้น้ำมันก่อนละกัน

รอจนกว่า แบตจะมีให้เปลี่ยนถังแบบ แก้ซ

หมดปุ้บเปลี่ยนปั้ป

นั่นล่ะน่าสน ev ล้วน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: arya ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 20:07:25
น่าสนใจคับ น่าลอง เหมาะกับใช้ขับใกล้ๆสำหรับผม แต่ขอให้รถมีมาตรฐานดีๆ รูปทรงสวยๆเข้ามาก่อน และราคาสมเหตุผล อีกอย่างอยากให้มีระบบชาร์จแบบ wireless เหมือนมือถือมาด้วยเลย เพราะ ถ้าให้ผมต้องเสียบปลั๊กทุกวันๆ คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไร 

ส่วนเรื่องเสีย ผมไม่กลัวเพราะมีรถน้ำมันเต็มบ้าน ไม่เดือดร้อน  แต่ขอให้ศูนย์รับผิดชอบให้ดีก้อพอ

ส่วนเดินทางไกลก้อใช้รถน้ำมันไปแทน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 20:21:57
ออกตัวก่อนเลยว่าชอบ ev ครับ

โดยปกติไม่มีรถคันเดียวอยู่แล้ว (หลายท่านในที่นี้ก็คงไม่ขับคันเดียวแน่)

ดังนั้น ตรรกกะ ของผมคือ

ใช้ ev ไปตลาด รับส่งลูก ไปโรงเรียน

ส่วนทางไกล ก็ใช้น้ำมันก่อนละกัน

รอจนกว่า แบตจะมีให้เปลี่ยนถังแบบ แก้ซ

หมดปุ้บเปลี่ยนปั้ป

นั่นล่ะน่าสน ev ล้วน

          คงใช้วิธีเปลี่ยนแบบถังแก๊สไม่ได้แน่ๆ  เพราะแบตของรถแต่ละคันใหม่เก่าไม่เท่ากัน  ราคาแบตก็แพง ราคาแบตใหม่กับแบตเก่าน่าจะต่างกันหลายแสนบาท  ถ้าร้านเอาแตเก่ามาเปลี่ยนแทนแบตใหม่ เจ้าของรถคงไม่ยอม  อีกอย่างการเปลี่ยนแบตน่าจะต้องใช้เวลานานเกินครึ่งชั่วโมง  ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ใช้เวลาชาร์ตแบตไม่เกินครึ่งชั่วโมงได้แล้ว  ระยะเวลาครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าไม่นาน  ผมลองจับเวลาดู ถ้าผมไปเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ สูบบุหรี่ แล้วกลับมาที่รถ  ใช้เวลาเกิน  20  นาทีทุกครั้ง  ถ้าผมแวะเติมน้ำมันแล้วกินข้าวด้วย ใช้เวลาเกิน  40  นาทีทุกครั้ง 
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Smith686 ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 20:26:08
....ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ (ซื้อป้ายแดง) ควรต้องรอ รถ EV หรือเปล่า เท่าที่สังเกตุเห็นค่ายรถแต่ละค่ายพัฒนา EV อย่างรวดเร็วมาก พวกที่เปลี่ยนซื้อรถใหม่ EV เวอร์ชั่นแรกๆจะโบราณตกรุ่นไวมากๆทันที และจะเป็นการเสียเปรียบหรือไม่ เพราะ EV พัฒนาเร็วมาก หรือควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อน ใช้เครื่องยนต์สันดาปไปก่อน แบบนี้จะคุ้มกว่าหรือไม่
....และเมื่อ EV มีจำนวนมากแล้ว ตลาดรถมือสองจะเป็นอย่างไร ผู้คนจะยังนิยมซื้อรถมือสองอยู่อีกหรือไม่....

       ผมว่าสมรรถนะของ EV รุ่นใหม่ต่างจากเดิมไม่มากนะ  แต่ก็คงมีการพัฒนาบ้างไม่ต่างจากรถที่ใช้น้ำมัน  แต่สิ่งที่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเยอะน่าจะเป็นราคารถ  ช่วงที่เริ่มมี EV ใหม่ๆรถจะราคาแพง  แต่ต่อไปราคาคงจะลดลงเรื่อยๆ  สิ่งที่ทำให้น่ารอรถรุ่นใหม่น่าจะเป็นราคามากกว่า
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MUK ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 20:33:10
ถ้ามีรถขี่ได้แบบไร้ปัญหา ผมว่ารอก็ไม่เสียหลาย ผมว่ามันเหมือนจะก้าวกระโดด และคิดว่า เรื่องชาร์จน่าจะก้าวกระโดดตาม ใครปล่อยของก่อนอาจจะได้ขายดี ถ้าภาษีถูก และเจ้าที่จะตามมาก็ต้องเน้นที่ดีกว่าแน่ๆ แต่ 10ปี รถย้ำมันก็จะยังมีใช้และน้ำมันจะราคาถูกลง เพราะไม่มีใครใช้ สถานที่ชาร์จ ผมว่ามันทำง่ายกว่า ปั้มน้ำมัน เพิ่มง่่่ายกว่า เพราะไม่ต้องขุดที่เก็บ ไฟไม่พอก็ทำไร่ โซล่าเซลล์ ต่อเข้าระบบ ผมว่ามีทางออกมากกว่าน้ำมัน ไม่ต้องซื้อล่วงหน้า 6 เดือน ปี  โกหกกันไปวันๆ กำไรเพียบ โบนัสเพียบ ประชาชนจน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 20:37:27
ตอนนี้คือ EV ทำมาให้คน "มีอันจะกิน" ซื้อนะครับ

ถ้าไม่ได้มี Cash Flow ที่ดีอย่าซื้อเลยครับ เอาง่ายๆ คือซื้อรถคันเดียวก็ฝืดเคืองแล้ว ใช้รถน้ำมันไป คุ้มกว่า

แต่ถ้ามีอันจะกิน ก็จะรู้ว่ามันเป็นรถที่คุ้มค่ามากครับ

สำหรับผมมีรถ 2 คันอยู่แล้ว ถ้าคันนึงใช้ EV สบายๆ อีกคันเอาไว้เดินทางไกล เป็นน้ำมันหรือไฮบริด แบบนี้ชิวๆ ครับ

ผมย้ำนะครับ "มีอันจะกิน" ไม่ใช่ "รวย"

เอาง่ายๆ มีปัญญาซื้อ Dsegment ได้ ก็มีปัญญาใช้ EV แบบสบายๆ

ถ้าย้อนกลับไป 3 ปีที่แล้ว จะซื้อ EV ได้คือต้อง "รวย" คือซื้อรถระดับ 3-4 ล้านแบบชิลๆ

ต่อไปอีก 5 ปี รถ EV ก็จะเป็นรถที่คนที่ซื้อ b segment ได้ สามารถซื้อได้ ตามลำดับครับ

ในอีก 10 ปีก็ ราคาไม่ต่างจาก eco car ถึงจุดนั้นคน EV ก็จะบูมจริงจังครับ

ถ้าถามว่ารอให้นิ่งมั้ย ตอนนี้เทคโนโลยี EV มันก็นิ่งแล้วนะครับ มีแค่ราคาแบตปรับลดลงเรื่อยๆ เอาง่ายๆ ถ้าซื้อตอนนี้มันก็จะแพง ซึ่งก็ย้อนกลับไปที่ว่า คนจะซื้อได้ ต้อง "มีอันจะกิน" ครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mochalatte ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 21:23:39
เราคงเติมแก๊สให้รถที่บ้านไม่ได้แน่ฯ
แล้วจะไปต่อแถวยาวฯทำไม ถ้าคุณไม่ได้ขับรถ taxi
แค่กลับบ้านแล้วเสียบ

โลกเปลี่ยนไป
พลังงานที่เอามาเติมรถEV มันใช้น้อยกว่าพลังงาน fossils ที่ต้องมาขับเคลื่อนรถสันดาป
ที่สำคัญ...มันปล่อยมลพิษ(0) ศูนย์ % ในทุกที่ฯมันไป
จะในโรงเรียน ในห้าง ในบ้าน และบนถนน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: adiPureII ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 21:23:51
ผมไม่คิดจะรอ จะเอาเลย EV ทุกวันนี้อยู่คอนโด ลำพังที่จอดรถยังหายาก บางทีต้องจอดซ้อน
ที่ทำงานก็เป็นลานจอดกว้างๆ จะไปชาร์ตที่ไหน

ถึงอนาคตมีสถานชาร์ต เอารถไฟจอดชาร์ตไว้ แล้วมาทำงานยังไง
เดินมา สมมุติ 2 กม เหงื่อท่วมชุดทำงานแน่ ถ้านั่งวิน ก็ 30 บาท

ผมผ่อนป้ายแดงหมด ผมว่า EV ก็ยังไม่พร้อมสำหรับ life style ของมนุษย์เงินเดือนใน กทม.

มามองภาพคน ตจว.
รถไม่ติด วิ่งวันนึงเสียค่าน้ำมันไม่เท่าไร เขาก็ไม่คิดอยากใช้เท่าไรหรอก
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ariazero ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 21:54:26
รอครับ

รถ Hybrid รอ 15-20 ปี

ในไทยมีเหตุผลเพียงพอ ให้ทำแบบนั้นครับ

ดูพัฒนาการรถกระบะในไทยเป็น บรรทัดฐานได้ครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SRY ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2020, 22:10:42
มองดู NGV แล้ว จบ
นั่นแหละ เหตุผล
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Amnaj ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 05:07:47
รอจนกว่าสถานีชาร์จ จะมีทุกตำบลในประเทศค่อยใช้
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: seeker ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 05:21:12
คำว่านิ่งของ จขกท คืออะไรครับ
ผมว่าตัวรถเสถียรในระดับที่ใช้ได้แล้ว แต่ราคายังเหมือนเป็น toy car ของคนมีเงินอยู่
ต้องพัฒนาระบบ ecosystem ด้วย

1 เมื่อเทียบกับรถน้ำมันแพงกว่าสูงสุดไม่เกิน 20% ใน segment เดียวกัน
2 ขับเที่ยวทั่วไทยได้สะดวก มีสถานีชาร์ทรองรับ และใช้เวลาชาร์ทใกล้เคียงกับน้ำมัน
3 มีอู่ซ่อมภายนอก ไม่ใช่ต้องเข้า 0 อย่างเดียว

ปล
เพื่อนผมขับ glc จะถึงรอบเปลี่ยน แต่อยู่ ตจว ผมเชียร์ e-tron เพื่อนถามปมว่า ถ้าไม่ชาร์ทที่บ้านจะให้ไปชาร์ทที่ไหนละ

ถ้าอยู่มีรถ ev สัก 1 ล้านคัน โรงไฟฟ้าในไทยจะพอหรือไม่
ค่าไฟตอนกลางคืนจะแพงขึ้นหรือไม่
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: YenChar ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 07:39:06
วิ่งได้ 400-500 โล แบบใช้งานจริง ผมถึงยอมใช้

หรือมี Powerbank ให้แบกไปด้วย ผมถึงยอม

คือ มันเสียอารมณ์มั้ย มีรถสมรรถนะดีๆ เร่งทีหลังติดเบาะ
ศูนย์ถ่วงต่ำ เงียบ ไม่มีมลพิษ
แต่วิ่งได้แค่ 200 โล ออกตจว.ไม่ได้ แล้วจะมีไปเพื่ออะไร?
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: HHHsung ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 09:03:24
จะบอกว่าเทคโนโลยีมันนิ่งมาซักพักนึงแล้ว ไม่รู้จะเชื่อที่ผมว่ามั้ย

ส่วนที่เป็นอิเลคทรอนิคส์หรือมอเตอร์ไฟฟ้ามันล้ำนานละ แต่ยังถูกดึงด้วย สเปคแบตเตอรี่ที่ยังตามไม่ทันอยู่

จุดเปลี่ยนสำคัญคือแบตเตอรี่ แต่ไม่ต้องกังวล ตลาดแบตเตอรี่ใหญ่มาก ทุกคนเร่งพ้ฒนาอยู่ ไม่ช้าก็เร็วนี้แหละ

ปล. รถถ้าจำเป้นต้องใช้ ซื้อๆ ไปเถอะ มันไม่ล้มหาตายจากไปทันทีหรอก ต้องใช้เวลาหลายปี

หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pladaek ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 09:03:29
ผมคนนึงที่ไม่รอ และไม่ได้สนใจรถ EV อะไรมากมาย
ตราบใดที่สถานีชาร์จมีแค่หยุมหยิม ไม่กี่สถานี และเวลาในการชาร์จที่ถึงกับนอนรอได้
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sacrifice ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 09:08:37
ในฐานะคนซื้อรถ ผมว่าไม่ต้องคิดมากหรอก

จะใช้รถ NA ต่อไปก็มีปั๊ม อะไหล่ support อีกยาว

หรือจะเปลี่ยนมาเล่น EV ก็ได้ภาพลักษณ์ ทันสมัย ดู cool รักโลก
แต่ยังใช้ เดินทางไกลไม่ได้ ที่ชาร์จยังไม่ค่อยพร้อม   ต้องมีรถน้ำมันอีกคันไว้เดินทางไกล

แต่ในฐานะ ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ หรือประกอบรถยนต์ นี่คิดหนักเลย 
เกิดวันนี้ เทคโนโลยีแบตมันราคาถูกขึ้น ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
จนลูกค้าไม่ซื้อรถ NA แล้ว จะย้ายการผลิตจากรถ NA ไป EV มันค่อนข้างใช้เวลาค่อนข้างนาน
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dailioh ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 10:06:56
ตอนนี้ ผมใช้รถ hybrid อยู่ครับเพราะมันตอบโจทย์กว่า ev ก็จนกว่า ev จะตอบโจทย์การใช้งานจริง ไม่ใช้มาต้องวางแผนการเดินทางการ ชาท นั่นละผมถึงเปลี่ยนเป็น ev
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: num_tm ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 10:32:09
ผมกลับมองว่า รถ EV มันยากมาก ที่จะบูมในเมืองไทย
1. ระยะทางในการวิ่งต่อการชาร์ต 1 ครั้ง ถึงจะบอกว่าวิ่งได้ 300-400 กม. แต่ถ้าไปใกลกว่านั้นลำบากแน่ ต่อให้มีสถานีชาร์ตก็เหอะ ชาร์ตนานขนาดนั้น ควิกชาร์ตก็ถือว่านานกว่าน้ำมันมาก แล้วยิ่งขับรถกลับช่วงเทศกาล ไม่เหมาะเลยสักนิด
2. แบตเตอรี่น่าจะเหมือนกับแบตเตอรี่มือถือ ใหม่ๆก็วิ่งได้ตามที่เคลมไว้ 300-400 กม. แต่ตามหลักประสิทธิภาพแบตมันจะลดลงเรื่อยๆ
3. วิธีคนเมืองแค่หาที่จอดรถยังยาก จะหาที่จอดชาร์ตตรงไหน เช่าที่จอดเพื่อชาร์ตไฟเหรอ เพิ่มภาระค่าใช้จ่ายเข้าไปอีก
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: น้ำเขียว ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 10:56:38
ส่วนตัวอยากเริ่มจาก hybrid ก่อนแล้วไป ev ปกติก็ใช้รถแค่อยู่ในเมืองรับส่งลูกถ้าราคาสามารถจับต้องได้คงใช้ทั้งประหยัดสะอาด ถ้าพร้อมคงไม่รอเทคโนโลยีนิ่งเราไม่รู้เมื่อไรมันจะนิ่งคงไม่ได้ใช้แน่
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 11:00:05
เทคโนโลยี EV ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุดนิ่งหรอกครับ ถ้าจะรอจนถึงขนาดนั้น คงไม่ได้ซื้อมาใช้งาน

เห็นรถ EV รุ่นไหนตรงใจ ก็ซื้อเถอะครับ ยิ่งปีนี้ค่ายรถทั่วโลก ทั้งค่ายเล็ก ค่ายใหญ่ พร้อมใจเปิดตัวรถ EV ออกมากันเยอะมาก

หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 11:07:25
จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ

ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้

ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน

ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว

เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย

จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)

นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)

จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 11:18:23
จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ

ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้

ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน

ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว

เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย

จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)

นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)

จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ

ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจว่า อุตสาหกรรมทำรถ ice ในประเทศจะตามไม่ทันหรอกนะคับ EV นำเข้าจากจีน และอีกหน่อยจากอินโดเพิ่มอีกที่ มันเหนือกว่า ขับดีกว่า ประกอบดีกว่า แถมราคาถูกกว่ารถ ice, hev ที่อุตภายในพยายามยัดเยียดขาย  ผู้บริโภคก้อซื้ออีวีนอก มุขชาตินิยมแฝงเตรียมเอาเปรียบกั๊กๆ ไม่ได้ผลแล้วในยุคนี้
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 11:23:24
จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ

ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้

ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน

ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว

เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย

จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)

นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)

จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ

ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจว่า อุตสาหกรรมทำรถ ice ในประเทศจะตามไม่ทันหรอกนะคับ EV นำเข้าจากจีน และอีกหน่อยจากอินโดเพิ่มอีกที่ มันเหนือกว่า ขับดีกว่า ประกอบดีกว่า แถมราคาถูกกว่ารถ ice, hev ที่อุตภายในพยายามยัดเยียดขาย  ผู้บริโภคก้อซื้ออีวีนอก มุขชาตินิยมแฝงเตรียมเอาเปรียบกั๊กๆ ไม่ได้ผลแล้วในยุคนี้

ผู้บริโภคไม่สน แต่ก็ไม่มีพาวเวอร์พอที่จะสู้กับรัฐบาล หรือคนที่คุมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศนี้ได้ไงครับ

คนคุมเกมส์คือใคร ถ้าไม่ใช้นายทุน และรัฐ

ไม่งั้นก็เอารถจีนมาขายอีกสิครับ ทำไมไม่มากันล่ะ คนอยากซื้อมี แต่ก็ไม่มา เขากลัวอะไรล่ะ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 11:29:23
จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ

ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้

ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน

ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว

เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย

จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)

นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)

จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ

ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจว่า อุตสาหกรรมทำรถ ice ในประเทศจะตามไม่ทันหรอกนะคับ EV นำเข้าจากจีน และอีกหน่อยจากอินโดเพิ่มอีกที่ มันเหนือกว่า ขับดีกว่า ประกอบดีกว่า แถมราคาถูกกว่ารถ ice, hev ที่อุตภายในพยายามยัดเยียดขาย  ผู้บริโภคก้อซื้ออีวีนอก มุขชาตินิยมแฝงเตรียมเอาเปรียบกั๊กๆ ไม่ได้ผลแล้วในยุคนี้

ผู้บริโภคไม่สน แต่ก็ไม่มีพาวเวอร์พอที่จะสู้กับรัฐบาล หรือคนที่คุมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศนี้ได้ไงครับ

คนคุมเกมส์คือใคร ถ้าไม่ใช้นายทุน และรัฐ

ไม่งั้นก็เอารถจีนมาขายอีกสิครับ ทำไมไม่มากันล่ะ คนอยากซื้อมี แต่ก็ไม่มา เขากลัวอะไรล่ะ

จับตาดู BYD นะคับ ผมได้ยินจากวงใน จะเอา E1, E2 เข้ามา  กำลังไปคุยกับ grab อยู่ ราคาแว่วมาว่าไม่เกิน 350,000 บาท

MG รอดู MG5 EV Wagon, MG/Roewe Marvel-X, MG E-motion

ส่วน Nio ต้องรอเค้าขายในEuro ก่อน ตอนนี้ไปเปิดบริษัทสาขารอไว้อยู่ มีรถ ES9 เข้าไปเทสบนถนนกันแล้ว

Mini Cooper SE หลังจากตัวทำ UK 20 คันขายหมดแล้ว ล็อตถัดๆไปจะมาจากจีนทั้งหมด

BMW iX3 จ่อรอเข้า BMW TH ไม่ได้ยื่น BOI โครงการ BEV ยุทธศาสตร์ในเอเชียเค้าคือสั่ง BEV ผลิตในโรงงานที่ Shenyang มาทำตลาด

Volvo รอดู XC40 recharge, Polestar 2 ผลิตที่ Luqiao

FTA มันคือดีย์  8)
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: delete ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 12:31:14
จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ

ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้

ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน

ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว

เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย

จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)

นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)

จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ

ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจว่า อุตสาหกรรมทำรถ ice ในประเทศจะตามไม่ทันหรอกนะคับ EV นำเข้าจากจีน และอีกหน่อยจากอินโดเพิ่มอีกที่ มันเหนือกว่า ขับดีกว่า ประกอบดีกว่า แถมราคาถูกกว่ารถ ice, hev ที่อุตภายในพยายามยัดเยียดขาย  ผู้บริโภคก้อซื้ออีวีนอก มุขชาตินิยมแฝงเตรียมเอาเปรียบกั๊กๆ ไม่ได้ผลแล้วในยุคนี้

ผู้บริโภคไม่สน แต่ก็ไม่มีพาวเวอร์พอที่จะสู้กับรัฐบาล หรือคนที่คุมอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศนี้ได้ไงครับ

คนคุมเกมส์คือใคร ถ้าไม่ใช้นายทุน และรัฐ

ไม่งั้นก็เอารถจีนมาขายอีกสิครับ ทำไมไม่มากันล่ะ คนอยากซื้อมี แต่ก็ไม่มา เขากลัวอะไรล่ะ

จับตาดู BYD นะคับ ผมได้ยินจากวงใน จะเอา E1, E2 เข้ามา  กำลังไปคุยกับ grab อยู่ ราคาแว่วมาว่าไม่เกิน 350,000 บาท

MG รอดู MG5 EV Wagon, MG/Roewe Marvel-X, MG E-motion

ส่วน Nio ต้องรอเค้าขายในEuro ก่อน ตอนนี้ไปเปิดบริษัทสาขารอไว้อยู่ มีรถ ES9 เข้าไปเทสบนถนนกันแล้ว

Mini Cooper SE หลังจากตัวทำ UK 20 คันขายหมดแล้ว ล็อตถัดๆไปจะมาจากจีนทั้งหมด

BMW iX3 จ่อรอเข้า BMW TH ไม่ได้ยื่น BOI โครงการ BEV ยุทธศาสตร์ในเอเชียเค้าคือสั่ง BEV ผลิตในโรงงานที่ Shenyang มาทำตลาด

Volvo รอดู XC40 recharge, Polestar 2 ผลิตที่ Luqiao

FTA มันคือดีย์  8)

รีบมาเลยครัช แต่เดี๋ยวรอดูได้เลยว่าก็จะมีพวกที่บ่นเรื่องจุดชาร์จ ระยะเวลาในการชาร์จ ราคาแบต อะไรอีก เยอะแยะวุ่นวาย
ยิ่งประเภทที่เอาสเปกแบบเทสล่า แต่จะเอาราคาอีโคคาร์ ก็เพียบ
ตอนนี้ขอดูตัวเลขยอดขายให้ได้สัก 10,000 คัน/ปี ก่อน ค่อยว่ากันอีกที อิอิ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: koko86 ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 12:50:17
จริงๆเทคโนโลยีมันก็เร็วอยู่แล้ว แถมราคาก็ไม่ได้เอื้อมถึงยากแล้ว
เพียงแค่ว่าเรามันอยู่ในประเทศที่มีอุตสาหกรรมการประกอบรถยนตฺเครื่องสันดาปเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจไทย
แถมยังพึ่งพารายได้จากการจัดเก็บภาษ๊สรรพสามิตจากน้ำมันเชื้อเพลิงถึง20% ของรายได้ประเทศ

ถ้ามีเทสล่าขาย ในราคา 1.3-1.5 ล้าน เหมือนเมืองนอก ยังไงคนไทยก็ซื้อได้
ส่วนรถในระดับราคา 7-8แสน อย่าง mg zs ev(ราคาในจีน) ก็ซื้อกันได้

ส่วนเรื่องการชาร์จ เทสล่าสามารถใช้เวลาชาร์จ15-20 นาที แล้วขับไปด้วยความเร็ว120 ไปได้200กิโลเมตรได้เลย
ส่วนรถระดับล่าง อย่าง zs ev ก็ใช้เวลา30นาที แล้วขับได้ในระยะทาง200กิโลเช่นกัน

ลองนึกถึงเวลาขับทางไกล 200กิโลเมตรพักทีนึง อย่างน้อยก็ 15-20นาทีอยู่แล้ว กว่าจะเข้าห้องน้ำ ไปสั่งกาแฟ แวะร้านสะดวกซื้อ
หรือหากพักทานข้าว ก็ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 30 นาทีอยู่แล้ว

เรื่องไฟไม่พอใช้ ไม่มีโรงไฟฟ้า จริงๆเรื่องนี้เคยมีการพูดถึงแล้ว ตอนนี้คร่าวๆมีความต้องการกระแสไฟฟ้าอยู่วันละ 30,000 เมกะวัต์ (30,000,000kw กิโลวัตต์) กำลังการผลิตปัจจุบัน มีราว 42,000-43,000 เมกะวัตต์ มีกำลังไฟฟ้าสำรองมากถึง 10,000 เมกะวัตต์ (สิบล้าน กิโลวัตต์ 10,000,000 kw)
รถ 1 คัน เอา zs ev ละกัน ง่ายๆ ใช้ไฟ 40kw(แต่ถามจริงๆ เอาแค่การเดินทางประจำวัน ไม่ถึง20kwหรอกครับ) ตอนนี้มี 3พันคัน(ตีให้มากสุดเลย จริงๆเพิ่งผ่าน 2 พันคันไป) จะใช้ไฟรวม40*3000= 120,000kw (กำลังไฟสำรองมีมากกว่า 10ล้านkw)
ระบบมันยังรองรับได้อีกมากมาย

จริงๆมีการตั้งคำถามในเวบต้องห้ามไว้แล้ว แต่ไม่เอามาลงในนี้เพราะต้องห้าม เขาคำนวณการใช้ไฟของรถ 1 ล้านคัน ต่อวัน ใช้ไฟเพิ่มแค่ไม่ถึง 5,000 เมกกะวัตต์ (กำลังสำรองมี 10,000 เมกกะวัตต์)

นี่ยังไม่รวมแผนพัฒนาไฟฟ้าประจำปี ที่จะต้องเพิ่มขึ้นตามความต้องการในแต่ละปีอยู่แล้ว การไฟฟ้าเขาทำไว้แล้ว (แต่จะใช้ไฟฟ้าจากตรงไหน มันอีกเรื่องนึงนะ ไม่เกี่ยวกัน ขอยังไม่พูดถุง)

จากตอนนี้ มีไม่ถึ 3 พันคัน จนกว่าจะมีถึง 1 ล้าน (3,000 ------- 1,000,000) ใช้เวลากี่ปี กว่าจะถึง
ตอนนั้นก็คงมีกำลังไฟฟ้ารองรับเพียงพออยู่แล้วล่ะครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
กระจ่างเลยว่ากำลังไฟ มันพอมีอยู่
มองไปนอกหน้าต่างก็อยากให้รถไฟฟ้าได้รับความนิยมเร็วๆเหมือนกันครับ
มันจะได้ช่วยแก้ปัญหามลพิษอย่างถาวรบ้าง
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: panjap ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 13:23:57
สถานีชาจตอนนี้เรียกว่ามีเหลือๆ ในกรุงเทพนี่ก็เยอะมากแล้ว ส่วน ตจว.ก็น้อยไปตามสัดส่วน
ของ EA นี่ก็ 500 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้กซี กับ 7-11 อีก ร้อยกว่าแห่งที่กะลังรอติดอยู่ เรียกว่า ทุกๆ 5 กิโล ในกรุงเทพ มีสถานีชาจแน่นอน  อย่างนี้จะเรียกว่าน้อยได้ไง ผมยังงง ในเมื่อมันมีเยอะกว่าสถานีเติมน้ำมันเสียด้วยซ้ำ

ปัจจัยหลักคือ รถนั่นเอง ว่าชาจเร็วได้ขนาดไหน เร็วสุดตอนนี้ ก็ 15 นาที 80 % ด้วยรถ mine ที่กำลังจะออกเมษานี้  แต่ถ้าปัจจุบันก็ราว 30 นาที สำหรับ mg ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับรถ EV ในการ quick charge  ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัววัด ว่า รถ ev มันจะไปได้ขนาดไหน ถ้ารถ สามารถ quick charge ได้ 15 นาที ผมว่า คนคงปฏิเสธการใช้ยากอยู่ เพราะรถ ev ยังไงมันก็ค่าดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันมากนัก
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: iamitman ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 13:39:01
ส่วนตัวผมว่ามันนิ่งประมาณนึงแล้วนะครับ คันต่อไปถ้าไม่ติดอะไร อยากไป EV หรืออย่างน้อย PHEV

รถคันปัจจุบันเป็นรถจูน E85 อยู่ เผลอๆจะหาเติมยากกว่าสถานีชาร์จไฟครับ  :-X ส่วนตัวเลยไม่ค่อยกังวลครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mochalatte ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 14:00:08
สถานีชาจตอนนี้เรียกว่ามีเหลือๆ ในกรุงเทพนี่ก็เยอะมากแล้ว ส่วน ตจว.ก็น้อยไปตามสัดส่วน
ของ EA นี่ก็ 500 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้กซี กับ 7-11 อีก ร้อยกว่าแห่งที่กะลังรอติดอยู่ เรียกว่า ทุกๆ 5 กิโล ในกรุงเทพ มีสถานีชาจแน่นอน  อย่างนี้จะเรียกว่าน้อยได้ไง ผมยังงง ในเมื่อมันมีเยอะกว่าสถานีเติมน้ำมันเสียด้วยซ้ำ

ปัจจัยหลักคือ รถนั่นเอง ว่าชาจเร็วได้ขนาดไหน เร็วสุดตอนนี้ ก็ 15 นาที 80 % ด้วยรถ mine ที่กำลังจะออกเมษานี้  แต่ถ้าปัจจุบันก็ราว 30 นาที สำหรับ mg ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับรถ EV ในการ quick charge  ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัววัด ว่า รถ ev มันจะไปได้ขนาดไหน ถ้ารถ สามารถ quick charge ได้ 15 นาที ผมว่า คนคงปฏิเสธการใช้ยากอยู่ เพราะรถ ev ยังไงมันก็ค่าดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันมากนัก

นี่คือนิยามคำว่า โลกเปลี่ยนไป การขยายจำนวนแท่น charge มันง่ายกว่าการขยายปั้มน้ำมันหรือปั้มแกสมาก
เพราะไม่ต้องมีบุคลากรไดฯ ลูกค้าเติมเอง จ่ายเงินเอง ต้นทุนค่าแรงที่หัวจ่ายไม่มี
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 15:19:42
ผมคงไม่รอครับ และคิดว่าอาจจะไม่ใช้ด้วย

ถ้ามองระยะยาวๆ ผมว่า fuel cell น่าจะดีกว่าด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GOBBS ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 15:56:41
สถานีชาจตอนนี้เรียกว่ามีเหลือๆ ในกรุงเทพนี่ก็เยอะมากแล้ว ส่วน ตจว.ก็น้อยไปตามสัดส่วน
ของ EA นี่ก็ 500 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้กซี กับ 7-11 อีก ร้อยกว่าแห่งที่กะลังรอติดอยู่ เรียกว่า ทุกๆ 5 กิโล ในกรุงเทพ มีสถานีชาจแน่นอน  อย่างนี้จะเรียกว่าน้อยได้ไง ผมยังงง ในเมื่อมันมีเยอะกว่าสถานีเติมน้ำมันเสียด้วยซ้ำ

ปัจจัยหลักคือ รถนั่นเอง ว่าชาจเร็วได้ขนาดไหน เร็วสุดตอนนี้ ก็ 15 นาที 80 % ด้วยรถ mine ที่กำลังจะออกเมษานี้  แต่ถ้าปัจจุบันก็ราว 30 นาที สำหรับ mg ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับรถ EV ในการ quick charge  ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัววัด ว่า รถ ev มันจะไปได้ขนาดไหน ถ้ารถ สามารถ quick charge ได้ 15 นาที ผมว่า คนคงปฏิเสธการใช้ยากอยู่ เพราะรถ ev ยังไงมันก็ค่าดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันมากนัก
เข้าใจผิดจากที่คนส่วนใหญ่จะสื่อนะครับ
จุดชาร์ทเยอะ ไม่เถียงครับ แต่จุดชาร์ที่สามารถชาร์ทเร็ว 80% ใน30นาทีเนี่ย นับหัวได้เลยครับ มีของPEA กับNissan บางศูนย์เท่านั้น ของ EA ที่เห็นเยอะๆนั่นชาร์ทช้าทั้งนั้น .... ไม่งั้นไม่มีเคสขับกลับจากบุรีรัมย์วิ่งเกือบสองวันเพราะหาที่ชาร์ทหรอกครับ พวกจอดชาร์ท7-11 ชม.นึงไฟขึ้น 5-10% ประมาณนั้นหนะ
แล้ว quick charge ไม่ได้แก้ที่ตัวรถนะครับ มันต้องทำที่ตู้จ่าย มันอั้นอยู่ รถจะเติมก็น้อยลงทุนหลักล้าน มี PEA เนี่ยละกล้าๆทำ(แล้วยังมาบ่นกันว่ารัฐไม่ช่วย) แล้วตัวรถหนะทั้ง leaf mg hyundai ชาร์ทเร็วได้หมดถ้าตู้มันรองรับนะครับ
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: muff ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 17:14:24
แล้วแต่บุคคล ผมคนกทมวิ่งไปไหนต่อไหนในชีวิตประจำวันสำหรับงานผม แล้วมาชาร์จที่พัก 2วันก็ยังเหลือ ไม่ต้องพึ่งตู้ชาร์จสาธารณะ ก็คือซื้อใช้ได้เลย รอแค่ตัวรถถูกใจหรือเปล่าเท่านั้น
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 18:24:01
สถานีชาจตอนนี้เรียกว่ามีเหลือๆ ในกรุงเทพนี่ก็เยอะมากแล้ว ส่วน ตจว.ก็น้อยไปตามสัดส่วน
ของ EA นี่ก็ 500 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้กซี กับ 7-11 อีก ร้อยกว่าแห่งที่กะลังรอติดอยู่ เรียกว่า ทุกๆ 5 กิโล ในกรุงเทพ มีสถานีชาจแน่นอน  อย่างนี้จะเรียกว่าน้อยได้ไง ผมยังงง ในเมื่อมันมีเยอะกว่าสถานีเติมน้ำมันเสียด้วยซ้ำ

ปัจจัยหลักคือ รถนั่นเอง ว่าชาจเร็วได้ขนาดไหน เร็วสุดตอนนี้ ก็ 15 นาที 80 % ด้วยรถ mine ที่กำลังจะออกเมษานี้  แต่ถ้าปัจจุบันก็ราว 30 นาที สำหรับ mg ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับรถ EV ในการ quick charge  ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัววัด ว่า รถ ev มันจะไปได้ขนาดไหน ถ้ารถ สามารถ quick charge ได้ 15 นาที ผมว่า คนคงปฏิเสธการใช้ยากอยู่ เพราะรถ ev ยังไงมันก็ค่าดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันมากนัก
เข้าใจผิดจากที่คนส่วนใหญ่จะสื่อนะครับ
จุดชาร์ทเยอะ ไม่เถียงครับ แต่จุดชาร์ที่สามารถชาร์ทเร็ว 80% ใน30นาทีเนี่ย นับหัวได้เลยครับ มีของPEA กับNissan บางศูนย์เท่านั้น ของ EA ที่เห็นเยอะๆนั่นชาร์ทช้าทั้งนั้น .... ไม่งั้นไม่มีเคสขับกลับจากบุรีรัมย์วิ่งเกือบสองวันเพราะหาที่ชาร์ทหรอกครับ พวกจอดชาร์ท7-11 ชม.นึงไฟขึ้น 5-10% ประมาณนั้นหนะ
แล้ว quick charge ไม่ได้แก้ที่ตัวรถนะครับ มันต้องทำที่ตู้จ่าย มันอั้นอยู่ รถจะเติมก็น้อยลงทุนหลักล้าน มี PEA เนี่ยละกล้าๆทำ(แล้วยังมาบ่นกันว่ารัฐไม่ช่วย) แล้วตัวรถหนะทั้ง leaf mg hyundai ชาร์ทเร็วได้หมดถ้าตู้มันรองรับนะครับ

น่าจะเปิดให้ใช้ DC ได้ภายในปีนี้ครับ ตอนนี้การไฟฟ้าเคาะราคาแล้่ว อีกไม่นานเอกชนคงขายพลังงานได้ครับ

ประเด็นคือมันแพงครับ ถ้าเดินทางไกล ชาร์จตอน On peak กลางวันนี่ตก กมละ 1.4-1.7 บาท แพงกว่ารถน่ำมันบางรุ่นอีก

อย่างไรก็ตาม ถ้าขับในเมือง รถติดๆ ยังไง EV ก็ประหยัดครับ ประหยัดกว่า eco car

แต่สุดท้าย EV ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินทางไกลเท่าไรอยู่ดี ต่อให้แท่นชาร์จพร้อม
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kingcomsystem ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 19:37:44
ออกตัวก่อนเลยว่าชอบ ev ครับ

โดยปกติไม่มีรถคันเดียวอยู่แล้ว (หลายท่านในที่นี้ก็คงไม่ขับคันเดียวแน่)

ดังนั้น ตรรกกะ ของผมคือ

ใช้ ev ไปตลาด รับส่งลูก ไปโรงเรียน

ส่วนทางไกล ก็ใช้น้ำมันก่อนละกัน

รอจนกว่า แบตจะมีให้เปลี่ยนถังแบบ แก้ซ

หมดปุ้บเปลี่ยนปั้ป

นั่นล่ะน่าสน ev ล้วน

          คงใช้วิธีเปลี่ยนแบบถังแก๊สไม่ได้แน่ๆ  เพราะแบตของรถแต่ละคันใหม่เก่าไม่เท่ากัน  ราคาแบตก็แพง ราคาแบตใหม่กับแบตเก่าน่าจะต่างกันหลายแสนบาท  ถ้าร้านเอาแตเก่ามาเปลี่ยนแทนแบตใหม่ เจ้าของรถคงไม่ยอม  อีกอย่างการเปลี่ยนแบตน่าจะต้องใช้เวลานานเกินครึ่งชั่วโมง  ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันนี้ใช้เวลาชาร์ตแบตไม่เกินครึ่งชั่วโมงได้แล้ว  ระยะเวลาครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าไม่นาน  ผมลองจับเวลาดู ถ้าผมไปเติมน้ำมัน เข้าห้องน้ำ สูบบุหรี่ แล้วกลับมาที่รถ  ใช้เวลาเกิน  20  นาทีทุกครั้ง  ถ้าผมแวะเติมน้ำมันแล้วกินข้าวด้วย ใช้เวลาเกิน  40  นาทีทุกครั้ง

ผมแค่จินตนาการ แบบอีลอนมัส ที่เคยโชว์การเปลี่ยนแบต เร็วกว่าเติมน้ำมันน่ะครับ
มันอาจจะเป็นไปได้ หรือ เป็นวิธีเสริม ในกรณีที่ เร่งด่วนจริงๆ
แค่คิดขำๆน่ะครับ^^
หัวข้อ: Re: EV พัฒนาเร็วมาก ผู้ที่จะเปลี่ยนรถใหม่ ควรรอให้เทคโนโลยี่นิ่งเสียก่อนไหมครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mochalatte ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 20:23:25
สถานีชาจตอนนี้เรียกว่ามีเหลือๆ ในกรุงเทพนี่ก็เยอะมากแล้ว ส่วน ตจว.ก็น้อยไปตามสัดส่วน
ของ EA นี่ก็ 500 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้กซี กับ 7-11 อีก ร้อยกว่าแห่งที่กะลังรอติดอยู่ เรียกว่า ทุกๆ 5 กิโล ในกรุงเทพ มีสถานีชาจแน่นอน  อย่างนี้จะเรียกว่าน้อยได้ไง ผมยังงง ในเมื่อมันมีเยอะกว่าสถานีเติมน้ำมันเสียด้วยซ้ำ

ปัจจัยหลักคือ รถนั่นเอง ว่าชาจเร็วได้ขนาดไหน เร็วสุดตอนนี้ ก็ 15 นาที 80 % ด้วยรถ mine ที่กำลังจะออกเมษานี้  แต่ถ้าปัจจุบันก็ราว 30 นาที สำหรับ mg ก็น่าจะถือเป็นมาตรฐานปกติสำหรับรถ EV ในการ quick charge  ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัววัด ว่า รถ ev มันจะไปได้ขนาดไหน ถ้ารถ สามารถ quick charge ได้ 15 นาที ผมว่า คนคงปฏิเสธการใช้ยากอยู่ เพราะรถ ev ยังไงมันก็ค่าดูแลต่ำกว่ารถน้ำมันมากนัก
เข้าใจผิดจากที่คนส่วนใหญ่จะสื่อนะครับ
จุดชาร์ทเยอะ ไม่เถียงครับ แต่จุดชาร์ที่สามารถชาร์ทเร็ว 80% ใน30นาทีเนี่ย นับหัวได้เลยครับ มีของPEA กับNissan บางศูนย์เท่านั้น ของ EA ที่เห็นเยอะๆนั่นชาร์ทช้าทั้งนั้น .... ไม่งั้นไม่มีเคสขับกลับจากบุรีรัมย์วิ่งเกือบสองวันเพราะหาที่ชาร์ทหรอกครับ พวกจอดชาร์ท7-11 ชม.นึงไฟขึ้น 5-10% ประมาณนั้นหนะ
แล้ว quick charge ไม่ได้แก้ที่ตัวรถนะครับ มันต้องทำที่ตู้จ่าย มันอั้นอยู่ รถจะเติมก็น้อยลงทุนหลักล้าน มี PEA เนี่ยละกล้าๆทำ(แล้วยังมาบ่นกันว่ารัฐไม่ช่วย) แล้วตัวรถหนะทั้ง leaf mg hyundai ชาร์ทเร็วได้หมดถ้าตู้มันรองรับนะครับ

น่าจะเปิดให้ใช้ DC ได้ภายในปีนี้ครับ ตอนนี้การไฟฟ้าเคาะราคาแล้่ว อีกไม่นานเอกชนคงขายพลังงานได้ครับ

ประเด็นคือมันแพงครับ ถ้าเดินทางไกล ชาร์จตอน On peak กลางวันนี่ตก กมละ 1.4-1.7 บาท แพงกว่ารถน่ำมันบางรุ่นอีก

อย่างไรก็ตาม ถ้าขับในเมือง รถติดๆ ยังไง EV ก็ประหยัดครับ ประหยัดกว่า eco car

แต่สุดท้าย EV ก็ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินทางไกลเท่าไรอยู่ดี ต่อให้แท่นชาร์จพร้อม
ตาม routine คง charge ที่บ้าน ซึ่งน่าจะพอฯกับ PEA
ไม่แพงเท่า EA
กรณีเดินทางไกล ผมคงช่างมัน เค้าต้องมีกำไรบ้าง แค่มีให้เติมแบบ DC ก้อยินดีสนับสนุนและครับ