Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mr_jub ที่ กุมภาพันธ์ 05, 2020, 11:35:34
-
PEA VOLTA Application ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
สำหรับคนใช้รถEV เริ่ม1เม.ย.63
น่าสนใจนะครับ อัตราค่าชาร์ตไม่แพงเลย
อนาคตปลายปีร่วมกับบางจาก เพิ่มอีก62ปั้ม
ตามทางหลวงมีทุกๆร้อยกิโลเมตร
อัตราค่าชาร์ตคิดๆแล้วตก กม.ละ 60 สตางค์
ลองดูเลยครับ เก็บไว้ข้อมูลหารถEVในอนาคต
ถ้ามีสถาชาร์ตเยอะๆ คิดค่าไฟตามจริง
ราคาชาร์ตเท่านี้ อืม...... น่าสนใจมากเลย
https://m.youtube.com/watch?v=lmWz01ShIok&feature=youtu.be (https://m.youtube.com/watch?v=lmWz01ShIok&feature=youtu.be)
https://youtu.be/emBCC0LwJAg (https://youtu.be/emBCC0LwJAg)
https://www.pea.co.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C/ArtMID/542/ArticleID/127538/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-Workshop-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-PEA-VOLTA-Application (https://www.pea.co.th/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B9%8C/ArtMID/542/ArticleID/127538/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-Workshop-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99-PEA-VOLTA-Application)
-
ถ้าเป็นไปตามแผนจริงๆมีสถานีชาร์ตกระจายทั่วประเทศรถEV เกิดแน่ๆครับและมันจะเป็นดิสรับท์ในวงการอุต.รถยนต์เลยครับ เพราะแบรนด์ใหญ่ๆจะไปตั้งโรงงานในจีน ส่งออกไปขายทั่วอาเซียนตามกฏหมายFTA ถึงตอนนั้นใครจะอยู่รอดต้องดูกันต่อไป
-
ขยับก็ช้าไปแล้ว PEA ดูของ EA ตอนนี้ก็ 500 กว่าแห่งไปแล้ว ปลายปี ตั้งเป้า 1000 แห่ง
-
ไหนๆก็พูดถึงแอพ ขอเม้นท์เรื่องแอพละกัน
จริงๆแล้ว แอพมันควรจะอยู่ในรถแต่ละคันไปเลยก็ดีนะ แต่ใช้มือถือก็ดี ไม่ต้องติดในรถให้ยุ่งยากวุ่นวาย
แต่ควรจะเชื่อมต่อกับตัวรถ ให้ได้รู้สภาพเส้นทาง ปริมาณแบตคงเหลือ แล้ววางแผน นำทาง ไปยังจุดชาร์จที่ควรจะไป(ไม่ใช่แค่จุดที่ใกล้ที่สุด)
จะได้จัดสรรการชาร์จว่า คัน ก. จะไปเส้นทางไหน ยังไง จะต้องชาร์จจุดไหนบ้าง คัน ข. จะไปไหน เลือแบตเท่าไหร่ จะต้องใช้จุดชาร์จไหน
แบบนี้ล่ะจะช่วยได้มากเลยในการขยายประสิทธิภาพการเดินทาง การชาร์จให้ครอบคลุม
ศึกษาว่าจุดไหนที่รถผ่านบ่อยๆ มีปัญหาการรอชาร์จ ก็จะได้เสริมสถานีเพิ่มเข้าไปอะไรแบบนี้
ตอนนี้ แอพ ดูเหมือนจะยังทำอะไรไม่ได้มากนัก (มั้ง) คงต้องรอกับตัน diy เขารีวิวของจริง แห่ะๆ
-
ดีครับ มีเยอะๆ ราคาไม่แพง คนจะได้มั่นใจที่จะใช้BEV มากขึ้น
ผมเองก็เป็นคนนึงที่อยากใช้มากๆครับ
นอกจากลดมลพิษแล้ว ค่าบำรุงรักษาแทบไม่มี ค่าไฟก็ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหลายเท่า แถมแรง และจุดศูนย์ถ่วงต่ำมากๆ
ว่าไป ตอนนี้กระแสรถไฟฟ้า มาแรงมากๆ น่าจะเป็นtrendหลักของโลกเลย
สังเกตจากข่าวล่าสุด มูลค่าบริษัทเทสล่าขึ้นมาเป็นอันดับสองของโลกแล้ว
แซง VW FORD GM มูลค่าห้างแค่โตโยต้า30% เท่านั้นเอง
https://www.nytimes.com/2020/02/04/business/tesla-stock-price.html
-
ดีครับ พัฒนากันไปเรื่อยๆครับ
-
ขยับก็ช้าไปแล้ว PEA ดูของ EA ตอนนี้ก็ 500 กว่าแห่งไปแล้ว ปลายปี ตั้งเป้า 1000 แห่ง
ของ PEA ชาร์ทเร็วนะครับ ของ EA ถ้าตอนนี้มีแต่ชาร์ทช้า เอาตู้ไปตั้งก็จบ ต่างกันเยอะครับ
คนใช้ EV เขามองจุดชาร์ทเร็วกันทั้งนั้นละ
-
ขยับก็ช้าไปแล้ว PEA ดูของ EA ตอนนี้ก็ 500 กว่าแห่งไปแล้ว ปลายปี ตั้งเป้า 1000 แห่ง
ของ PEA ชาร์ทเร็วนะครับ ของ EA ถ้าตอนนี้มีแต่ชาร์ทช้า เอาตู้ไปตั้งก็จบ ต่างกันเยอะครับ
คนใช้ EV เขามองจุดชาร์ทเร็วกันทั้งนั้นละ
pea เน้นวางสถานีชาร์จ dc fast charge ทุกระยะ 100 กิโลเมตร ทั่วไทย
คิดค่าไฟ ตามปริมาณที่เติม ราคาตามเรทไฟฟ้าปกติ
ea คิดตามระยะเวลาที่ใช้ ราคาแพงกว่า เมื่อเทียบกับปริมาณที่เติมไป
-
ไม่แน่ใจแต่ EA น่าจะเตรียม DC ไว้แล้วนะครับ
ไปดูที่แท่น charge ตาม 711 เห็นมีป้ายทั้ง DC และ AC
คงแค่รอข้อตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกับรัฐ
-
ขยับก็ช้าไปแล้ว PEA ดูของ EA ตอนนี้ก็ 500 กว่าแห่งไปแล้ว ปลายปี ตั้งเป้า 1000 แห่ง
EA มีมากไปก็ไม่มีผลครับ ชาร์จช้าไม่ใช่ชาร์จเร็ว ไว้ใช้ฉุกเฉินแค่นั้นแหละของ EA
-
ดีครับ คิดค่าไฟตามปริมาณไฟ ไม่ใช่เวลา
EA คิดตามเวลาไม่คุ้มเลย เพราะชาร์จช้า หารราคาต่อกม.แพงกว่าเติมน้ำมันอีก
-
ดีมากครับ สถานีชาร์จยิ่งมีเยอะเท่าไร รถไฟฟ้าก็น่าจะเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น
-
สำหรับใช้ต่างจังหวัดใช่มั้ย เพราะกรุงเทพปริมณฑลมันเป็นพื้นที่ดูแลของ MEA
-
เชียร์ PEA ครับ คิดราคาตามจริง ชาร์จได้เร็ว ส่วน EA นี่หน้าเลือดไปหน่อยครับ
-
สำหรับใช้ต่างจังหวัดใช่มั้ย เพราะกรุงเทพปริมณฑลมันเป็นพื้นที่ดูแลของ MEA
EGAT ส่งต่อให้ PEA เลยทำให้ MEA เคือง😂 มันเลยช้าเกินไป
-
ขยับก็ช้าไปแล้ว PEA ดูของ EA ตอนนี้ก็ 500 กว่าแห่งไปแล้ว ปลายปี ตั้งเป้า 1000 แห่ง
EA มีมากไปก็ไม่มีผลครับ ชาร์จช้าไม่ใช่ชาร์จเร็ว ไว้ใช้ฉุกเฉินแค่นั้นแหละของ EA
PEA นี่ สถานี มีแค่ 62 สถานีนะครับ เอาจริง คุณจะขับไปเติมที่ ตจว. แล้วกลับมาใช้ ที่ กท.หรือครับ?
เอาละ ต่อให้ pea เป็นชาจเร็ว แบบที่หลายคนคิด เท่าที่ผมดูในคลิป ของ PEA เร็วสุด คือ 50 kw เท่านั้น แต่ของ EA เร็วสุด คือ 100 kw และ กำลังจะทำ 150 kw ออกมาด้วย
อีกอย่างคือ รถต้องรองรับระบบ quick charge ด้วย ของ pea ไปดูได้ เอาว่า รถ jaquar i pace ไปชาจ ถ้าตู้มันคุยกันไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณมีตู้ 50 kw แล้วมันจะชาจได้ 50 kw นะ ดูความพร้อมของ PEA ละกัน ว่าเอาจริง ชาจได้ เท่าไรกันแน่
https://www.youtube.com/watch?v=Or0_kNM7KkI&t=1885s
นาทีที่ 30 ดูได้ นี่แหละ คือการเตรียมความพร้อมของ รัฐ คือขอให้มีแค่ตู้ ตามนโยบายรัฐบาลไว้ก่อน ไม่รวมถึง ความยุ่งยาก ที่ต้องมีบัตรเติม ถึงจะใช้ได้ เห็นไหม ตอนนี้ ทำไมเปลี่ยนมาใช้ qr code หมดแล้ว เพราะมันยุ่งยากไงนี่คือสิ่งภาครัฐไม่ได้คิด
ของ EA ตาม big c / 7-11 นี่ก็เป็น DC charge ทั้งหมด 100 kw คุณลองไปดูสิครับ สาขาของ 7-11 จะติดอีก 100 กว่าแห่ง ไม่รวมบิ้ก C อีก 100 กว่าแห่งเช่นกัน เรื่องแพงถูกไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าแพงกว่าแล้วมันชาจได้ ชาจเร็ว หัวจ่ายมีเยอะ ไม่ใช่บอกว่า quick charge แต่จ่ายจริง 25 kw ผมเชื่อว่า มีลูกค้า รถ EV ยินดีสนับสนุนแน่นอน
ตู้ของ PEA ในคลิปที่บอกสำหรับรถบรรทุก(อันนี้ไม่ใช่ คนพูดไม่เช้าใจ ผมจะเล่าให้ฟังข้างท้ายนะครับ) ยังเป็นตู้จีนอยู่เลย จ่ายแต่ 85 kw มั้ง เพราะ pea ทำตู้เองไม่ได้ นี่คือปัญหา ส่วนตู้ สองหัว dc/ac อันนั้นก็ของ ABB ราคาตู้ละ ล้านกว่าได้มั้ง แค่ดูต้นทุนตรงนี้ก็พออนุมานได้แล้วว่าทำไม pea ถึงขยายทั้งปี ได้แค่ 62 แห่ง เพราะต้นทุนมันสูงครับ เอาแค่ สถานี DC ตจว. นะ ตอนนี้ ของ EA ก็มีเยอะกว่า 50 แห่งแล้วครับ เขาเน้นที่ ตามปั้มสำหรับ DC ส่วน AC จะใช้กับพวกรีสอรต์ โรงแรม เพราะเน้นลูกค้าค้างคืนครับ ลองไปคลิกดูได้
https://www.eaanywhere.com/
ขนาด เมืองเพชร เมืองกาญจ หรือ น่าน หรือตามรีสอรต์ถ้าใหญ่ๆ ก็ยังเป็น DC charge + AC เลย
เล่าให้ฟังต่อ เรื่อง ตู้ของ PEA ในคลิปที่บอกสำหรับรถบรรทุก ถ้าตู้จ่ายแต่ 85 kw มันไม่ไหวหรอก คนพูดคลาดเคลื่อนในข้อเท็จริง อย่างรถเมล์ไฟฟ้า เขาใช้ แบตขนาด 100 kw (ประมาณ 3 เท่าของรถ MG) ดังนั้น ถ้า ตู้ pea อัดไฟ ล่อไปทีนึง หนึ่งชั่วโมงกว่าจะเต็ม ตายพอดี ดังนั้น ตู้ สำหรับรถเพื่อการพานิชย์แบบรถเมล์ รถหัวลาก ต้องใช้ หัวชาจที่มันมากกว่านั้น จะเป็น สองหรือสามหัวก็ว่ากันไป
ตัวอย่างรถเมล์ไฟฟ้าที่นำมาทดลองวิ่ง
(https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2019/09/15767-700x467.jpg)
อย่างเช่นตู้จ่ายให้รถเมล์แบบนี้ จะใช้ DC 100 kw สองหัว อัดเข้าไปพร้อมกัน ดังนั้น ก็ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที ก็จะเต็ม
(https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2019/09/15766-700x467.jpg)
ส่วน app pea volta นี่ก็เรียกว่า คนอื่นเขาทำกันมาก่อนแล้วตั้งนาน เช่นของ MEA EV นี่ดีมาก เพราะรวม สถานีชาจของทุกบริษัทไว้เลย และทำ routing ไปหาที่ใกล้สุดไม่ว่าจะใช้ nostramap หรือ google map ได้ตั้งนานแล้ว
สถานีของ EA ตอนนี้มีขนาดนี้ น่าจะเพียงพอนะครับสำหรับกรุงเทพและปริมณฑล มีทั้ง DC/AC ให้เลือกหลายร้อยแห่ง ผมว่า ท่านที่บอกว่า มีแต่ชาจช้า คงจะไม่ใช่นะครับ ลองไปพิจารณาดูก่อนไหมครับ
-
EA ไม่ได้ชาร์จช้า ถ้าตัวที่จ่ายเงินก็จ่ายไฟ 22kw ซึ่งแยอะเกินที่ phev รับได้แล้ว แต่ที่จ่ายไฟน้อยคือตู้ทดลอง ยังไม่ได้เก็บเงิน ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะบ่นทำไมในเมื่อชาร์จฟรี
แต่แท่นที่เก็บเงินแล้วราคาไม่สมเหตุผล เห็นด้วย แต่เค้าไม่ได้บังคับ แพงไปก็ไม่ต้องไปจ่ายเงินชาร์จ จบ
-
เดี๋ยว งงคนับ ประด็น pea กับ ea มันไม่ควรจะคราม่านะ มันคนละบริบทกัน
pea ตอนนี้ ตั้งใจ ขยายระยะการเดินทางออกไปทั่วประเทศ โดยใช้ตู้ dc fast charge เป็นตัวขับเคลื่อน
ซึ่งในตอนนี้ เริ่มต้นรองรับที่ 50kw ก่อน (ซึ่งก็หวังว่า ถ้าอนาคตขยับขยายได้ถึง 150kw น่าจะดีไม่น้อย แต่จริงๆ 50 ก็น้อยไปหน่อยจริงๆน่าจะสัก 80หรือ100kwไปเลย)
ในในเขตกรุงเทพและปริมณฑล(นอกที่ตั้งสำนักงานของ PEA) มันเป็นของ การไฟฟ้านครหลวง(mea) ถ้าจะมายอกว่า pea มีแค่ 62 และมีแต่ตจว.ก็ใช่สิ เพราะตั้งในเขตกทม.ไม่ได้
ว่าแต่ mea ทำอะไรอยู่ล่ะ เงียบกริบๆไหม
ส่วน EA อาศัยเดินเกมส์เน้นครอบคลุมพื้นที่ แต่ตอนนี้ก็มีแต่ ac ที่เปิดให้ได้ใช้กัน ส่วน DC จากที่ได้ข่าวล่าสุดคือ ลงทุนตั้งตู้ไปแล้ว แต่ไม่กล้าเปิดให้บริการ เพราะการไฟฟ้า(ที่ไหนหนอ) กำหลดอัตราค่าไฟขั้นต่ำต่อ 1 จุด dc คือจะคิดค่าไฟเดือนละ 3หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะขายไฟให้เท่าไหร่ก็ตาม
ตรงนี้ถ้าเป็น พื้นที่ที่รับผิดชอบของpeaแล้วล่ะก็ pea ปลดล็อกไปแล้ว โดยจะคิดราคาเป็นเรท on-off peak (แต่เรทนี้โอเคไม่โอเค อีกเรื่องนึงนะ)
ดังนั้น ถ้าเป็นตู้ของ ea ที่อยู่ในเขต pea ก็เปิดบริการได้แล้ว(สินะ) ส่วนในเขต กทม.ที่ตู้ea ตั้งอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็รอเจ้าของพื้นที่เขาคิดราคาค่าไฟใหม่ละกัน
แต่พอมาดูเรทการคิดราคาของ ea เพราะเขาเป็นเอกชน ก็ต้องมีค่าต้นทุน+ทำเลที่ตั้ง+แมนทาแนนซ์+กำไร ก็เข้าใจได้
ซึ่งพอมากำหนดราคาในตอนนี้ เล่นคิดเป็นนาที ไม่ได้คิดเป็นปริมาณกระแสไฟ มันก็เลยดูแพงไปสักหน่อย
ประกอบกับ ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังมีหลายแห่งเปิดให้ใช้ไฟฟรีอยู่ ก็เป็นทางเลือกของคนใช้รถไฟฟ้า ที่ถือว่ายอมเป็นตัวทดสอบระบบให้กับเขา แลกกับใช้ไฟฟรี
หรือ ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายรถไป ก็ต้องหาตู้ชาร์จมาให้บริการ (จะฟรีหรือคิดเงินก็อีกเรื่องหนึ่ง) อย่างตอนนี้ zs ev ก็เริ่มติดตั้งตู้ dc fast charge (แบบเดียวกับของ ea เลย เพราะร่วมมือกันซื้อตู้เขามา) คาดว่าภายในปีนี้น่าจะครบทุกศูนย์ ซึ่ง ปัจจุบัน ทุกศูนย์ ยังฟรีอยู่สำหรับรถzs ev
ซึ่งถ้าผมเป็น zs ev (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของbev ทั้งประเทศ) ผมก็คงจะไปเติมที่ศูนย์ เพราะฟรี แถมยังเร็วกว่า(น่าจะได้ 80kw เต็มสเปกที่รถรองรับ)
ส่วนของ 7-11 แม้จะเป็นของ ea ก็จริง แต่เจ้าของคือ CP คนใช้ MG EV ก็คงน่าจะได้สิทธิพิเศษมากกว่ารถค่ายอื่นหน่อย
ถ้าจะใช้ bev ณ ตอนนี้ ก็ใช้ mg น่าจะสบายใจเรื่องจุดชาร์จมากสุด แห่ะๆ
-
อยากให้มาไว ๆ ทั้งรถไฟฟ้าด้วย อยากให้ส่งเสริม ๆ อยากให้มีชุด Kit แปลงลงรถเก่าขายถูก ๆ อากาศจะได้ดีขึ้นบ้าง ค่า Pm
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
หัวอย่างเป็นทางการคือหัว type2 ครับ
กับ chademo ของรถฝั่งญี่ปุ่น ที่มีแต่ ลีฟ มั้งครับ ที่ใช้
นอกนั้นใช้ type2 หมด
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
หัวอย่างเป็นทางการคือหัว type2 ครับ
กับ chademo ของรถฝั่งญี่ปุ่น ที่มีแต่ ลีฟ มั้งครับ ที่ใช้
นอกนั้นใช้ type2 หมด
อย่างหัวเติมน้ำมันเค้าก็ทำเป็นมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบราณ แต่รถไฟฟ้านี่ทำไมยังกั๊กกันนักหนาที่จะใช้สายชาร์จแตกต่างกัน ยังกับไอโฟนกับแอนดรอยด์
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
หัวอย่างเป็นทางการคือหัว type2 ครับ
กับ chademo ของรถฝั่งญี่ปุ่น ที่มีแต่ ลีฟ มั้งครับ ที่ใช้
นอกนั้นใช้ type2 หมด
อย่างหัวเติมน้ำมันเค้าก็ทำเป็นมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบราณ แต่รถไฟฟ้านี่ทำไมยังกั๊กกันนักหนาที่จะใช้สายชาร์จแตกต่างกัน ยังกับไอโฟนกับแอนดรอยด์
บ้านเรายังไม่สรุปว่าจะใช้มาตรฐานอะไรเลยครับ ตอนนี้เพิ่งจัดตั้งคณะกรรมการEVแห่งชาติครับ
-
ถ้าจำไม่ผิด หัวชาร์จเอกชนยังไม่อนุญาตให้บริการชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรง หรือ DC Fast Charger แบบที่ PEA ทำนี่ครับ ถึงมีก็มีแต่แบบชาร์จช้า ซึ่งผมว่า EA เตรียมทั้งชาร์จปกติและชาร์จเร็วไว้แล้วนะ แต่รอหน่วยงานรัฐอนุญาตเองนะ
และอีกเรื่องที่ควรจะทำตามมาคือ สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวะมวล และนิวเคลียร์ ให้รองรับกับความต้องการที่มากขึ้น ไม่ใช่เอาไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแล้วจ่ายเข้าไทย เกิดมีปัญหากับเพื่อนบ้านจนโดนตัดไฟเข้าไทยจะทำยังไงเนี่ย ตรงนี้สำคัญไม่แพ้กัน
-
ถ้าจำไม่ผิด หัวชาร์จเอกชนยังไม่อนุญาตให้บริการชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรง หรือ DC Fast Charger แบบที่ PEA ทำนี่ครับ ถึงมีก็มีแต่แบบชาร์จช้า ซึ่งผมว่า EA เตรียมทั้งชาร์จปกติและชาร์จเร็วไว้แล้วนะ แต่รอหน่วยงานรัฐอนุญาตเองนะ
และอีกเรื่องที่ควรจะทำตามมาคือ สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวะมวล และนิวเคลียร์ ให้รองรับกับความต้องการที่มากขึ้น ไม่ใช่เอาไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแล้วจ่ายเข้าไทย เกิดมีปัญหากับเพื่อนบ้านจนโดนตัดไฟเข้าไทยจะทำยังไงเนี่ย ตรงนี้สำคัญไม่แพ้กัน
EA เริ่มทยอยเปิดใช้ตู้ DC แล้วคับ คิดค่าชาร์จ 9 บาท/kwh คิดว่า Evolt ไม่น่าจะต่างกันเท่าไร
PEA คิด 7.2 บาท/kwh MEA น่าจะใกล้เคียง
ผมไปชาร์ต DC ฟรีที่ EGAT บางกรวย เห็นเค้าเริ่มเอามิเตอร์มาตั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มคิดตังค์ ตัวเลขที่เห็นบนมิเตอร์คือ 5.50 บาท/kwh
-
ถ้าจำไม่ผิด หัวชาร์จเอกชนยังไม่อนุญาตให้บริการชาร์จเร็วด้วยไฟกระแสตรง หรือ DC Fast Charger แบบที่ PEA ทำนี่ครับ ถึงมีก็มีแต่แบบชาร์จช้า ซึ่งผมว่า EA เตรียมทั้งชาร์จปกติและชาร์จเร็วไว้แล้วนะ แต่รอหน่วยงานรัฐอนุญาตเองนะ
และอีกเรื่องที่ควรจะทำตามมาคือ สร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวะมวล และนิวเคลียร์ ให้รองรับกับความต้องการที่มากขึ้น ไม่ใช่เอาไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแล้วจ่ายเข้าไทย เกิดมีปัญหากับเพื่อนบ้านจนโดนตัดไฟเข้าไทยจะทำยังไงเนี่ย ตรงนี้สำคัญไม่แพ้กัน
EA เริ่มทยอยเปิดใช้ตู้ DC แล้วคับ คิดค่าชาร์จ 9 บาท/kwh คิดว่า Evolt ไม่น่าจะต่างกันเท่าไร
PEA คิด 7.2 บาท/kwh MEA น่าจะใกล้เคียง
ผมไปชาร์ต DC ฟรีที่ EGAT บางกรวย เห็นเค้าเริ่มเอามิเตอร์มาตั้งแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มคิดตังค์ ตัวเลขที่เห็นบนมิเตอร์คือ 5.50 บาท/kwh
ถ้ามาแบบนั้ก็ดีเลย กระตุ้นการซื้อรถไฟฟ้าได้อีกระดับหนึ่งเลย แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราต้องผลิตโรงไฟฟ้าในประเทศเพิ่มอยู่ดีนอกจากพึ่งการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าและเขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านนะ
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
หัวอย่างเป็นทางการคือหัว type2 ครับ
กับ chademo ของรถฝั่งญี่ปุ่น ที่มีแต่ ลีฟ มั้งครับ ที่ใช้
นอกนั้นใช้ type2 หมด
อย่างหัวเติมน้ำมันเค้าก็ทำเป็นมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบราณ แต่รถไฟฟ้านี่ทำไมยังกั๊กกันนักหนาที่จะใช้สายชาร์จแตกต่างกัน ยังกับไอโฟนกับแอนดรอยด์
บ้านเรายังไม่สรุปว่าจะใช้มาตรฐานอะไรเลยครับ ตอนนี้เพิ่งจัดตั้งคณะกรรมการEVแห่งชาติครับ
ลองอ่านอันนี้ดูครับ
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/E/256/2.PDF
ไม่งั้น zs ev ตัวที่ขายในไทย ก็คงไม่ต้องเปลี่ยนหัวชาร์จล่ะครับ
-
เดี๋ยว งงคนับ ประด็น pea กับ ea มันไม่ควรจะคราม่านะ มันคนละบริบทกัน
pea ตอนนี้ ตั้งใจ ขยายระยะการเดินทางออกไปทั่วประเทศ โดยใช้ตู้ dc fast charge เป็นตัวขับเคลื่อน
ซึ่งในตอนนี้ เริ่มต้นรองรับที่ 50kw ก่อน (ซึ่งก็หวังว่า ถ้าอนาคตขยับขยายได้ถึง 150kw น่าจะดีไม่น้อย แต่จริงๆ 50 ก็น้อยไปหน่อยจริงๆน่าจะสัก 80หรือ100kwไปเลย)
ในในเขตกรุงเทพและปริมณฑล(นอกที่ตั้งสำนักงานของ PEA) มันเป็นของ การไฟฟ้านครหลวง(mea) ถ้าจะมายอกว่า pea มีแค่ 62 และมีแต่ตจว.ก็ใช่สิ เพราะตั้งในเขตกทม.ไม่ได้
ว่าแต่ mea ทำอะไรอยู่ล่ะ เงียบกริบๆไหม
ส่วน EA อาศัยเดินเกมส์เน้นครอบคลุมพื้นที่ แต่ตอนนี้ก็มีแต่ ac ที่เปิดให้ได้ใช้กัน ส่วน DC จากที่ได้ข่าวล่าสุดคือ ลงทุนตั้งตู้ไปแล้ว แต่ไม่กล้าเปิดให้บริการ เพราะการไฟฟ้า(ที่ไหนหนอ) กำหลดอัตราค่าไฟขั้นต่ำต่อ 1 จุด dc คือจะคิดค่าไฟเดือนละ 3หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะขายไฟให้เท่าไหร่ก็ตาม
ตรงนี้ถ้าเป็น พื้นที่ที่รับผิดชอบของpeaแล้วล่ะก็ pea ปลดล็อกไปแล้ว โดยจะคิดราคาเป็นเรท on-off peak (แต่เรทนี้โอเคไม่โอเค อีกเรื่องนึงนะ)
ดังนั้น ถ้าเป็นตู้ของ ea ที่อยู่ในเขต pea ก็เปิดบริการได้แล้ว(สินะ) ส่วนในเขต กทม.ที่ตู้ea ตั้งอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็รอเจ้าของพื้นที่เขาคิดราคาค่าไฟใหม่ละกัน
แต่พอมาดูเรทการคิดราคาของ ea เพราะเขาเป็นเอกชน ก็ต้องมีค่าต้นทุน+ทำเลที่ตั้ง+แมนทาแนนซ์+กำไร ก็เข้าใจได้
ซึ่งพอมากำหนดราคาในตอนนี้ เล่นคิดเป็นนาที ไม่ได้คิดเป็นปริมาณกระแสไฟ มันก็เลยดูแพงไปสักหน่อย
ประกอบกับ ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังมีหลายแห่งเปิดให้ใช้ไฟฟรีอยู่ ก็เป็นทางเลือกของคนใช้รถไฟฟ้า ที่ถือว่ายอมเป็นตัวทดสอบระบบให้กับเขา แลกกับใช้ไฟฟรี
หรือ ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายรถไป ก็ต้องหาตู้ชาร์จมาให้บริการ (จะฟรีหรือคิดเงินก็อีกเรื่องหนึ่ง) อย่างตอนนี้ zs ev ก็เริ่มติดตั้งตู้ dc fast charge (แบบเดียวกับของ ea เลย เพราะร่วมมือกันซื้อตู้เขามา) คาดว่าภายในปีนี้น่าจะครบทุกศูนย์ ซึ่ง ปัจจุบัน ทุกศูนย์ ยังฟรีอยู่สำหรับรถzs ev
ซึ่งถ้าผมเป็น zs ev (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของbev ทั้งประเทศ) ผมก็คงจะไปเติมที่ศูนย์ เพราะฟรี แถมยังเร็วกว่า(น่าจะได้ 80kw เต็มสเปกที่รถรองรับ)
ส่วนของ 7-11 แม้จะเป็นของ ea ก็จริง แต่เจ้าของคือ CP คนใช้ MG EV ก็คงน่าจะได้สิทธิพิเศษมากกว่ารถค่ายอื่นหน่อย
ถ้าจะใช้ bev ณ ตอนนี้ ก็ใช้ mg น่าจะสบายใจเรื่องจุดชาร์จมากสุด แห่ะๆ
อ่านแล้วได้ประโยชน์มากมาย
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
หัวอย่างเป็นทางการคือหัว type2 ครับ
กับ chademo ของรถฝั่งญี่ปุ่น ที่มีแต่ ลีฟ มั้งครับ ที่ใช้
นอกนั้นใช้ type2 หมด
อย่างหัวเติมน้ำมันเค้าก็ทำเป็นมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบราณ แต่รถไฟฟ้านี่ทำไมยังกั๊กกันนักหนาที่จะใช้สายชาร์จแตกต่างกัน ยังกับไอโฟนกับแอนดรอยด์
บ้านเรายังไม่สรุปว่าจะใช้มาตรฐานอะไรเลยครับ ตอนนี้เพิ่งจัดตั้งคณะกรรมการEVแห่งชาติครับ
เพลียจัดเลยครับสำหรับผู้บริโภค
-
สิ่งนึงที่เราลืม นึกถึงไปคือ Type ของหัวชาจ บังคับมารตฐาน เดียวกันหมด จะอิงฝั่งไหนทำตอนนี้ แล้วจะไปปวดหัวกันทีหลัง
หัวอย่างเป็นทางการคือหัว type2 ครับ
กับ chademo ของรถฝั่งญี่ปุ่น ที่มีแต่ ลีฟ มั้งครับ ที่ใช้
นอกนั้นใช้ type2 หมด
อย่างหัวเติมน้ำมันเค้าก็ทำเป็นมาตรฐานเดียวกันมาตั้งแต่โบราณ แต่รถไฟฟ้านี่ทำไมยังกั๊กกันนักหนาที่จะใช้สายชาร์จแตกต่างกัน ยังกับไอโฟนกับแอนดรอยด์
บ้านเรายังไม่สรุปว่าจะใช้มาตรฐานอะไรเลยครับ ตอนนี้เพิ่งจัดตั้งคณะกรรมการEVแห่งชาติครับ
เพลียจัดเลยครับสำหรับผู้บริโภค
ไม่น่าเป็นห่วงนะคับ จากที่ไปส่องและทดลองใช้สถานีชาร์ตต่างๆ Type2 สำหรับ AC CCS2 สำหรับ DC คือหัวผลักที่มีตามสถานีต่างๆเยอะสุด สองหัวปลักนี้คือมาตรฐานแบบกลายๆแล้วคับ ส่วนChademo ถ้าไม่ใช่ pea, mea, egat แทบจะหาไม่ได้เลยในสถานีของเอกชน สถานีของ EA ไม่มีเลย
-
เดี๋ยว งงคนับ ประด็น pea กับ ea มันไม่ควรจะคราม่านะ มันคนละบริบทกัน
pea ตอนนี้ ตั้งใจ ขยายระยะการเดินทางออกไปทั่วประเทศ โดยใช้ตู้ dc fast charge เป็นตัวขับเคลื่อน
ซึ่งในตอนนี้ เริ่มต้นรองรับที่ 50kw ก่อน (ซึ่งก็หวังว่า ถ้าอนาคตขยับขยายได้ถึง 150kw น่าจะดีไม่น้อย แต่จริงๆ 50 ก็น้อยไปหน่อยจริงๆน่าจะสัก 80หรือ100kwไปเลย)
ในในเขตกรุงเทพและปริมณฑล(นอกที่ตั้งสำนักงานของ PEA) มันเป็นของ การไฟฟ้านครหลวง(mea) ถ้าจะมายอกว่า pea มีแค่ 62 และมีแต่ตจว.ก็ใช่สิ เพราะตั้งในเขตกทม.ไม่ได้
ว่าแต่ mea ทำอะไรอยู่ล่ะ เงียบกริบๆไหม
ส่วน EA อาศัยเดินเกมส์เน้นครอบคลุมพื้นที่ แต่ตอนนี้ก็มีแต่ ac ที่เปิดให้ได้ใช้กัน ส่วน DC จากที่ได้ข่าวล่าสุดคือ ลงทุนตั้งตู้ไปแล้ว แต่ไม่กล้าเปิดให้บริการ เพราะการไฟฟ้า(ที่ไหนหนอ) กำหลดอัตราค่าไฟขั้นต่ำต่อ 1 จุด dc คือจะคิดค่าไฟเดือนละ 3หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะขายไฟให้เท่าไหร่ก็ตาม
ตรงนี้ถ้าเป็น พื้นที่ที่รับผิดชอบของpeaแล้วล่ะก็ pea ปลดล็อกไปแล้ว โดยจะคิดราคาเป็นเรท on-off peak (แต่เรทนี้โอเคไม่โอเค อีกเรื่องนึงนะ)
ดังนั้น ถ้าเป็นตู้ของ ea ที่อยู่ในเขต pea ก็เปิดบริการได้แล้ว(สินะ) ส่วนในเขต กทม.ที่ตู้ea ตั้งอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็รอเจ้าของพื้นที่เขาคิดราคาค่าไฟใหม่ละกัน
แต่พอมาดูเรทการคิดราคาของ ea เพราะเขาเป็นเอกชน ก็ต้องมีค่าต้นทุน+ทำเลที่ตั้ง+แมนทาแนนซ์+กำไร ก็เข้าใจได้
ซึ่งพอมากำหนดราคาในตอนนี้ เล่นคิดเป็นนาที ไม่ได้คิดเป็นปริมาณกระแสไฟ มันก็เลยดูแพงไปสักหน่อย
ประกอบกับ ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังมีหลายแห่งเปิดให้ใช้ไฟฟรีอยู่ ก็เป็นทางเลือกของคนใช้รถไฟฟ้า ที่ถือว่ายอมเป็นตัวทดสอบระบบให้กับเขา แลกกับใช้ไฟฟรี
หรือ ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายรถไป ก็ต้องหาตู้ชาร์จมาให้บริการ (จะฟรีหรือคิดเงินก็อีกเรื่องหนึ่ง) อย่างตอนนี้ zs ev ก็เริ่มติดตั้งตู้ dc fast charge (แบบเดียวกับของ ea เลย เพราะร่วมมือกันซื้อตู้เขามา) คาดว่าภายในปีนี้น่าจะครบทุกศูนย์ ซึ่ง ปัจจุบัน ทุกศูนย์ ยังฟรีอยู่สำหรับรถzs ev
ซึ่งถ้าผมเป็น zs ev (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของbev ทั้งประเทศ) ผมก็คงจะไปเติมที่ศูนย์ เพราะฟรี แถมยังเร็วกว่า(น่าจะได้ 80kw เต็มสเปกที่รถรองรับ)
ส่วนของ 7-11 แม้จะเป็นของ ea ก็จริง แต่เจ้าของคือ CP คนใช้ MG EV ก็คงน่าจะได้สิทธิพิเศษมากกว่ารถค่ายอื่นหน่อย
ถ้าจะใช้ bev ณ ตอนนี้ ก็ใช้ mg น่าจะสบายใจเรื่องจุดชาร์จมากสุด แห่ะๆ
เท่าที่ผมทราบ ในพื้นที่ของ กฟน เค้าทำ MOU กับ EA โดยให้ EA ลงทุนให้ครอบคลุม
ซึ่ง EA เองก็ได้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ส่วนทำไม MEA ไม่ทำเอง ส่วนหนึ่งผมก็มองว่าเค้าไม่พร้อมจริงๆครับ
ส่วนเรื่องราคา ยังไงอนาคตก็ต้องมีการดูแลปรับเปลี่ยนให้เหมาะเและป็นธรรมต่อผู้บริโภคแน่ๆครับ
-
เดี๋ยว งงคนับ ประด็น pea กับ ea มันไม่ควรจะคราม่านะ มันคนละบริบทกัน
pea ตอนนี้ ตั้งใจ ขยายระยะการเดินทางออกไปทั่วประเทศ โดยใช้ตู้ dc fast charge เป็นตัวขับเคลื่อน
ซึ่งในตอนนี้ เริ่มต้นรองรับที่ 50kw ก่อน (ซึ่งก็หวังว่า ถ้าอนาคตขยับขยายได้ถึง 150kw น่าจะดีไม่น้อย แต่จริงๆ 50 ก็น้อยไปหน่อยจริงๆน่าจะสัก 80หรือ100kwไปเลย)
ในในเขตกรุงเทพและปริมณฑล(นอกที่ตั้งสำนักงานของ PEA) มันเป็นของ การไฟฟ้านครหลวง(mea) ถ้าจะมายอกว่า pea มีแค่ 62 และมีแต่ตจว.ก็ใช่สิ เพราะตั้งในเขตกทม.ไม่ได้
ว่าแต่ mea ทำอะไรอยู่ล่ะ เงียบกริบๆไหม
ส่วน EA อาศัยเดินเกมส์เน้นครอบคลุมพื้นที่ แต่ตอนนี้ก็มีแต่ ac ที่เปิดให้ได้ใช้กัน ส่วน DC จากที่ได้ข่าวล่าสุดคือ ลงทุนตั้งตู้ไปแล้ว แต่ไม่กล้าเปิดให้บริการ เพราะการไฟฟ้า(ที่ไหนหนอ) กำหลดอัตราค่าไฟขั้นต่ำต่อ 1 จุด dc คือจะคิดค่าไฟเดือนละ 3หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะขายไฟให้เท่าไหร่ก็ตาม
ตรงนี้ถ้าเป็น พื้นที่ที่รับผิดชอบของpeaแล้วล่ะก็ pea ปลดล็อกไปแล้ว โดยจะคิดราคาเป็นเรท on-off peak (แต่เรทนี้โอเคไม่โอเค อีกเรื่องนึงนะ)
ดังนั้น ถ้าเป็นตู้ของ ea ที่อยู่ในเขต pea ก็เปิดบริการได้แล้ว(สินะ) ส่วนในเขต กทม.ที่ตู้ea ตั้งอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็รอเจ้าของพื้นที่เขาคิดราคาค่าไฟใหม่ละกัน
แต่พอมาดูเรทการคิดราคาของ ea เพราะเขาเป็นเอกชน ก็ต้องมีค่าต้นทุน+ทำเลที่ตั้ง+แมนทาแนนซ์+กำไร ก็เข้าใจได้
ซึ่งพอมากำหนดราคาในตอนนี้ เล่นคิดเป็นนาที ไม่ได้คิดเป็นปริมาณกระแสไฟ มันก็เลยดูแพงไปสักหน่อย
ประกอบกับ ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังมีหลายแห่งเปิดให้ใช้ไฟฟรีอยู่ ก็เป็นทางเลือกของคนใช้รถไฟฟ้า ที่ถือว่ายอมเป็นตัวทดสอบระบบให้กับเขา แลกกับใช้ไฟฟรี
หรือ ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายรถไป ก็ต้องหาตู้ชาร์จมาให้บริการ (จะฟรีหรือคิดเงินก็อีกเรื่องหนึ่ง) อย่างตอนนี้ zs ev ก็เริ่มติดตั้งตู้ dc fast charge (แบบเดียวกับของ ea เลย เพราะร่วมมือกันซื้อตู้เขามา) คาดว่าภายในปีนี้น่าจะครบทุกศูนย์ ซึ่ง ปัจจุบัน ทุกศูนย์ ยังฟรีอยู่สำหรับรถzs ev
ซึ่งถ้าผมเป็น zs ev (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของbev ทั้งประเทศ) ผมก็คงจะไปเติมที่ศูนย์ เพราะฟรี แถมยังเร็วกว่า(น่าจะได้ 80kw เต็มสเปกที่รถรองรับ)
ส่วนของ 7-11 แม้จะเป็นของ ea ก็จริง แต่เจ้าของคือ CP คนใช้ MG EV ก็คงน่าจะได้สิทธิพิเศษมากกว่ารถค่ายอื่นหน่อย
ถ้าจะใช้ bev ณ ตอนนี้ ก็ใช้ mg น่าจะสบายใจเรื่องจุดชาร์จมากสุด แห่ะๆ
เท่าที่ผมทราบ ในพื้นที่ของ กฟน เค้าทำ MOU กับ EA โดยให้ EA ลงทุนให้ครอบคลุม
ซึ่ง EA เองก็ได้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ส่วนทำไม MEA ไม่ทำเอง ส่วนหนึ่งผมก็มองว่าเค้าไม่พร้อมจริงๆครับ
ส่วนเรื่องราคา ยังไงอนาคตก็ต้องมีการดูแลปรับเปลี่ยนให้เหมาะเและป็นธรรมต่อผู้บริโภคแน่ๆครับ
เห็นเค้าลือกันว่า mea น้อยใจ ที่egat เลือกข้างจับมือกับ pea น่ะครับ ก็เลยดูจะไม่โปรโมทเท่าที่ควร อิอิ
เห็นด้วยเรื่องราคาครับ ราคามันต้องสะท้อนต้นทุน+กำไร และจูงใจให้ผู้บริโภคใช้
อย่างที่บอกว่า ตอนนี้ ดูเหมือนจะออกราคามาแบบไม่รอรัฐจัดระเบียบ ออกใครออกมันมาก่อน
เหมือนอย่างตอนที่ออกข้อกำหนด(ที่งี่เง่ามากๆ) มาแต่แรกๆว่าจะต้องจ่ายค่าไฟต่อจุด DC ขั้นต่ำ3หมื่นต่อเดือน ไม่ว่าจะมีการใช้งานหรือไม่ก็ตาม นั่นหล่ะครับ ซึ่งเข้าใจว่า ตอนนี้เหมือนจะปลดล็อกไปแล้ว (หรือยังก็ไม่รู้ ไม่มีข่าวคราวเลย เงียบสุดๆ)
-
เดี๋ยว งงคนับ ประด็น pea กับ ea มันไม่ควรจะคราม่านะ มันคนละบริบทกัน
pea ตอนนี้ ตั้งใจ ขยายระยะการเดินทางออกไปทั่วประเทศ โดยใช้ตู้ dc fast charge เป็นตัวขับเคลื่อน
ซึ่งในตอนนี้ เริ่มต้นรองรับที่ 50kw ก่อน (ซึ่งก็หวังว่า ถ้าอนาคตขยับขยายได้ถึง 150kw น่าจะดีไม่น้อย แต่จริงๆ 50 ก็น้อยไปหน่อยจริงๆน่าจะสัก 80หรือ100kwไปเลย)
ในในเขตกรุงเทพและปริมณฑล(นอกที่ตั้งสำนักงานของ PEA) มันเป็นของ การไฟฟ้านครหลวง(mea) ถ้าจะมายอกว่า pea มีแค่ 62 และมีแต่ตจว.ก็ใช่สิ เพราะตั้งในเขตกทม.ไม่ได้
ว่าแต่ mea ทำอะไรอยู่ล่ะ เงียบกริบๆไหม
ส่วน EA อาศัยเดินเกมส์เน้นครอบคลุมพื้นที่ แต่ตอนนี้ก็มีแต่ ac ที่เปิดให้ได้ใช้กัน ส่วน DC จากที่ได้ข่าวล่าสุดคือ ลงทุนตั้งตู้ไปแล้ว แต่ไม่กล้าเปิดให้บริการ เพราะการไฟฟ้า(ที่ไหนหนอ) กำหลดอัตราค่าไฟขั้นต่ำต่อ 1 จุด dc คือจะคิดค่าไฟเดือนละ 3หมื่นบาทเป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะขายไฟให้เท่าไหร่ก็ตาม
ตรงนี้ถ้าเป็น พื้นที่ที่รับผิดชอบของpeaแล้วล่ะก็ pea ปลดล็อกไปแล้ว โดยจะคิดราคาเป็นเรท on-off peak (แต่เรทนี้โอเคไม่โอเค อีกเรื่องนึงนะ)
ดังนั้น ถ้าเป็นตู้ของ ea ที่อยู่ในเขต pea ก็เปิดบริการได้แล้ว(สินะ) ส่วนในเขต กทม.ที่ตู้ea ตั้งอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็รอเจ้าของพื้นที่เขาคิดราคาค่าไฟใหม่ละกัน
แต่พอมาดูเรทการคิดราคาของ ea เพราะเขาเป็นเอกชน ก็ต้องมีค่าต้นทุน+ทำเลที่ตั้ง+แมนทาแนนซ์+กำไร ก็เข้าใจได้
ซึ่งพอมากำหนดราคาในตอนนี้ เล่นคิดเป็นนาที ไม่ได้คิดเป็นปริมาณกระแสไฟ มันก็เลยดูแพงไปสักหน่อย
ประกอบกับ ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงทดลอง ยังมีหลายแห่งเปิดให้ใช้ไฟฟรีอยู่ ก็เป็นทางเลือกของคนใช้รถไฟฟ้า ที่ถือว่ายอมเป็นตัวทดสอบระบบให้กับเขา แลกกับใช้ไฟฟรี
หรือ ขณะเดียวกัน ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบของศูนย์บริการรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายรถไป ก็ต้องหาตู้ชาร์จมาให้บริการ (จะฟรีหรือคิดเงินก็อีกเรื่องหนึ่ง) อย่างตอนนี้ zs ev ก็เริ่มติดตั้งตู้ dc fast charge (แบบเดียวกับของ ea เลย เพราะร่วมมือกันซื้อตู้เขามา) คาดว่าภายในปีนี้น่าจะครบทุกศูนย์ ซึ่ง ปัจจุบัน ทุกศูนย์ ยังฟรีอยู่สำหรับรถzs ev
ซึ่งถ้าผมเป็น zs ev (ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของbev ทั้งประเทศ) ผมก็คงจะไปเติมที่ศูนย์ เพราะฟรี แถมยังเร็วกว่า(น่าจะได้ 80kw เต็มสเปกที่รถรองรับ)
ส่วนของ 7-11 แม้จะเป็นของ ea ก็จริง แต่เจ้าของคือ CP คนใช้ MG EV ก็คงน่าจะได้สิทธิพิเศษมากกว่ารถค่ายอื่นหน่อย
ถ้าจะใช้ bev ณ ตอนนี้ ก็ใช้ mg น่าจะสบายใจเรื่องจุดชาร์จมากสุด แห่ะๆ
เท่าที่ผมทราบ ในพื้นที่ของ กฟน เค้าทำ MOU กับ EA โดยให้ EA ลงทุนให้ครอบคลุม
ซึ่ง EA เองก็ได้สิทธิประโยชน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
ส่วนทำไม MEA ไม่ทำเอง ส่วนหนึ่งผมก็มองว่าเค้าไม่พร้อมจริงๆครับ
ส่วนเรื่องราคา ยังไงอนาคตก็ต้องมีการดูแลปรับเปลี่ยนให้เหมาะเและป็นธรรมต่อผู้บริโภคแน่ๆครับ
เห็นเค้าลือกันว่า mea น้อยใจ ที่egat เลือกข้างจับมือกับ pea น่ะครับ ก็เลยดูจะไม่โปรโมทเท่าที่ควร อิอิ
เห็นด้วยเรื่องราคาครับ ราคามันต้องสะท้อนต้นทุน+กำไร และจูงใจให้ผู้บริโภคใช้
อย่างที่บอกว่า ตอนนี้ ดูเหมือนจะออกราคามาแบบไม่รอรัฐจัดระเบียบ ออกใครออกมันมาก่อน
เหมือนอย่างตอนที่ออกข้อกำหนด(ที่งี่เง่ามากๆ) มาแต่แรกๆว่าจะต้องจ่ายค่าไฟต่อจุด DC ขั้นต่ำ3หมื่นต่อเดือน ไม่ว่าจะมีการใช้งานหรือไม่ก็ตาม นั่นหล่ะครับ ซึ่งเข้าใจว่า ตอนนี้เหมือนจะปลดล็อกไปแล้ว (หรือยังก็ไม่รู้ ไม่มีข่าวคราวเลย เงียบสุดๆ)
วงในว่าคณะทำงานกำลังดำเนินการอยุ่คับ ตอนนี้ ตู้ DC เริ่มมีทยอยเปิดใช้แล้วของ EA เก็บ 9 บาทต่อ kwh
ผมไปใช้DC ฟรี ของ egat บางกรวย เค้าเอามิเตอร์มาตั้งไว้รอแล้ว ค่าชาร์ตที่เค้าเล็งไว้คือ 5.50 บาท/kwh