Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Warmykung ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2020, 13:41:21
-
กำลังจะซื้อ รถ plug in hybrid (bmw330e)
อยากสอบถามว่าจำเป็นต้องซื้อ wall box มั้ยครับ
หรือว่าใช้สายชาร์ตแถมได้เลย ขอบคุณครับ
-
ส่วนตัวผมไม่ได้ใช้ BMW แต่เป็น Benz Plug in ผมใช้ของแถมชาร์จตอนกลางคืน ตื่นเช้ามาก็เต็มครับ
นอกจาก จขกท.อยากชาร์จไว หรือรีบก็ติดตั้งเพิ่มครับ ^^
-
ถ้าการใช้รถวิ่งเข้าๆ ออกๆ บ้าน มีจอดพักระหว่างวัน มี wall box ก็จะดีครับ ชาร์จไวเต็มเร็ว ขับแบบ EV ได้บ่อยขึ้น
แต่ถ้าเช้าออกเย็นกลับ จอดข้ามคืน เป็นแบบนี้ทุกวัน อาจจะไม่ต้องมีก็ได้
-
Wall box ก็อีก 5-6 หมื่นครับ ไม่ว่าจะ wall box หรือ charger แถมมาก็ควรเดินสายไฟใหม่ครับ Charger BMW เหมือนๆว่ากินกระแส 10 แอมป์ ตัวรถน่าจะรับสูงสุดได้ 16 แอมป์ ใช้กับปลั๊กเดิมนี่น่ากลัวไฟไหม้ครับ ถ้ามีตังเหลือนี่ติด wall box ดีกว่าครับ ก้อปข้อความการไฟฟ้ามาให้ดูครับว่าทำไมต้อง wall box
รถ EV ชาร์จที่บ้านปลอดภัยไหม ?
สายชาร์จที่แถมกับรถ เป็นแค่ Emergency Charge ! (สาย Mode 2) เหมาะสำหรับการชาร์จ เพียงชั่วคราวสั้นๆ ในยามฉุกเฉิน* ที่แบทเตอรีรถ EV หมดนอกบ้าน แล้วต้องการเสียบชาร์จให้มีไฟฟ้าพอขับกลับบ้าน หรือสถานีชาร์จเท่านั้น ไม่ได้ออกแบบสำหรับเสียบชาร์จกับปลั๊กไฟบ้านทิ้งไว้ทั้งคืนเป็นประจำ เนื่องจากอาจเกิดความร้อนสะสมที่เต้าเสียบไฟบ้าน ซึ่งอาจทำให้ระบบไฟบ้านเกิดปัญหาได้ ดังภาพ เมื่อชาร์จเต็มแล้วควรถอดปลั๊กทันที
สาเหตุมาจากสายไฟบ้านทั่วไปในไทยทนกระแสไฟได้ 10 A หรือน้อยกว่าแล้วแต่สภาพใช้งาน แต่สายชาร์จแถม (Mode 2) สามารถดึงกระแสไฟสูงสุดถึง 12A ซึ่งเกินจากสายไฟบ้านรับได้ ! หากต้องการใช้อย่างปลอดภัย ต้องเดินสายไฟใหม่ขนาด 4 Sq.mm. ขึ้นไป สำหรับเฉพาะเต้าเสียบนี้เท่านั้น โดยไม่พ่วงกับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ และต้องมีระบบสายดินด้วย
การไฟฟ้านครหลวง แนะนำว่าการชาร์จที่บ้านควรใช้เครื่อง Wallbox EV Charger (เครื่อง Mode 3) เพื่อความปลอดภัย ซึ่งรับกระแสไฟได้ 16-32 A สามารถชาร์จได้เต็มประสิทธิภาพของรถยนต์แต่ละรุ่น และมีระบบตัดไฟเมื่อชาร์จเต็ม หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น กระแสไฟเกิน ความร้อนเกิน (มี Over-Current and Thermal Protection)
-
แบตตั้ง 12 kwh ติด wall charge ก็ดีนะครับ เพื่อขับเข้าๆ ออกๆ ตาม คห บนว่า
-
ถ้าเป็นผมจะติดตั้งWall Box Charger เพราะไม่อยากรอครับ
-
ถ้าการใช้รถวิ่งเข้าๆ ออกๆ บ้าน มีจอดพักระหว่างวัน มี wall box ก็จะดีครับ ชาร์จไวเต็มเร็ว ขับแบบ EV ได้บ่อยขึ้น
แต่ถ้าเช้าออกเย็นกลับ จอดข้ามคืน เป็นแบบนี้ทุกวัน อาจจะไม่ต้องมีก็ได้
+1
จอดข้ามคืนไม่ต้องมีก็ได้ครับ เช้าก็เต็มอยู่ดี
-
ใช้ volvo มา 2 ปี ไม่ใช้ wallbox ครับ แต่ต่อไฟเส้นตรง ขนาด 4 sqmm มี เบรคเกอรตัวนึง ตามคำแนะนำ เวลาชารจ จะเลือกแค่ 8-10 A ก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ ลองจับดูก็ไม่ร้อนมากครับ ชารจประมาณอาทิตย์ละครั้งครับ
-
ออก 530e ตัว 12kWh มา
ผมติดตั้ง wall box ตั้งแต่อาทิตย์แรกเลยครับ เดี๋ยวนี้ตัวดีๆราคาลงมาเยอะแล้ว ผมถอยตัว 7.2 kW ยี่ห้อเยอรมันมา 4.9 หมื่น
ชาร์จได้ไว มีระบบตัดอัตโนมัติเมื่อเกิดปัญหา แถมประกันอัคคีภัยอีก 30 ล้านบาท คุ้มครับ
-
ไม่ต้องก็ได้ครับถ้าไม่คิดว่าจะชาร์จระหว่างวันอยู่แล้ว แต่ควรปรับปรุงระบบไฟบ้านให้รองรับประจุไฟระดับ 20แอมป์+ ก็ดีครับ ควรเป็นเฟส3ด้วย เผื่อเปิดแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นนิดหน่อย ปลั๊กที่แถมมาคิดว่าเป็น type2 ใช้ไฟ 10แอมป์ สมัย bmw ยังให้ type1 เป็น12 แอมป์ ไม่รู้ว่า g20 จะให้ขนาดไหน แต่ไม่เกิน 2 ค่านี้ สายไฟก็ควรใช้เส้นใหญ่ ตัวขั้วปลั๊กเวลาถอดตอนชาร์จเสร็จใหม่ๆร้อนใช้ได้เลย แต่ถ้าเต็มปล่อยทิ้งไว้ทั้งคืนได้ครับ แต่ไม่ใช่ข้ามวันก็เกินไป
-
Battery ของ Volvo ที่ขายในบ้านเราจะมีขนาด9.9KWhที่เล็กกว่า BMW 530eหรือ330e พอสมควรครับ ดังนั้นWall Boxจะมีประโยชน์ในBMWที่มีความจุแบตมากกว่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์ครับ และถ้าชอบรถประเภทนี้ก็จะมีความจุมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างE300eก็มีความจุ13.5KWhพร้อมทั้งOnboard Charger 7.2KWที่สามารถชาร์จกับWall Boxขนาด7.2KWก็จะยิ่งชาร์จเร็วขึ้นอีกครับ
-
ถ้าเงินถึง ก็จัด Wall Box อุ่นใจครับ
แต่สำหรับผม หา Charger 3.6Kw จ่ายไฟเต็มๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะ limit รถมันอัดไฟเข้าได้แค่นี้อ่ะครับ
-
เงินถึงก็ซื้อครับ
ลดระยะเวลาชาร์จได้เยอะ
ถ้าไม่ซื้อก็เสียบปลั๊กบ้านเอา แต่ต้องใช้โหมด Low กระแสจะน้อย และปลอดภัยครับ
แต่ใช้เวลานาน กว่าจะเต็ม