Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: paulmoderndog ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2020, 15:25:23
-
555
-
เป็นเรื่องดีนะครับ ไม่งั้นคงไม่ได้เห็น 20-23 กม/ลิตรมั้งครับ เมื่อก่อน 15. กม/ลิตรก็ตื่นเต้นกันละ
-
คุ้มค่าตัว ประหยัดน้ำมัน
-
สำหรับผม รถที่ประหยัดค่าใช้จ่าย และค่าบำรุงรักษาครับ
ต่อให้5000ซีซี ถ้าทำได้ ผมก็เรียกมันอีโคคาร์ :)
-
คนบางคนชอบเหยียดว่าคนขับอีโค่คาร์คือคนรายได้น้อย ไม่มีเงินซื้อคันใหญ่
ผมละอยากตะโกนบอก มุงเคยเห็นเศรษฐีขับมาร์ช/ขับสวิฟท์/มิราจไปจ่ายตลาดไหม
ถ้าไม่เคยช่วยเปิดโลกให้ตัวเองหน่อย บ้านเขาน่ะมีทั้งดาวทั้งใบพัดและก็มีอีโค่คาร์ไว้ขับในเมือง
ออกจะเยอะแยะไป ;D
-
ไม่ได้สนใจอะไรเลยครับ ถ้าดีรถอะไรก้น่าใช้ครับ
ผมชอบรูป ตลก 555
-
ถ้าเป็นสมัยก่อน eco carนิยามสำหรับผม อาจเป็นรถที่ใช่จ่ายตลาด
แต่ปัจจุบัน eco carพัฒนาขึ้นมาก
ทั้งเครื่องยนตร ช่วงล่วง และหน้าตา
ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา ถ้าย้อนไปสัก5ปีที่แล้ว ใครจะไปเชื่อหล่ะครับ
ว่า eco carจะทำเครื่องเทอร์โบจากโรงงาน ที่แรงระดับ0-100 10วิ
ท็อปสปีด 210หล่ะครับ
-
สำหรับผม ecocar คือ รถต้นทุนต่ำ ทำเพื่อให้คนเข้าถึงรถยนต์ได้มากขึ้น
เอาใจคนที่ต้องการรถที่ไว้ใจได้ เพื่อขับจากจุดๆนึงไปอีกจุดๆนึง และไม่ได้เน้นสมรรถนะ
ซึ่งมันก็ทำได้ดีตามที่รถคันนึงควรจะทำได้ อะไรไม่จำเป็นก็ตัดออก สมรรถนะ/การขับขี่ก็ไม่ได้เลวร้าย
ก็เหมือนขึ้นสายการบิน Low Budget ครับ ไม่มีอาหาร ไม่รวมกระเป๋า เบาะแคบหน่อย เดินทางถึงที่หมายเหมือนกัน
-
เดี๋ยวนี้ อีโคคาร์ส่วนใหญ่มีดีกว่าแจ้สจีอีผมเยอะแล้วครับ
-
คิดว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากครับ อยากให้ใช้กันเยอะๆ เลยโดยเฉพาะในเมือง
-
ผมชอบนะ ฟังแล้วเหมือนรถประหยัดน้ำมัน มีตังเหลือไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ
-
คิดว่าเป็นรถที่สมราคาคุ้มค่าที่สุดในบ้านเรา
เมื่อเทียบการใช้งานต่อประสิทธิภาพและการบำรุงรักษา
แต่ถ้ามองจากสังคม
ทั้งบริษัทรถและพื้นฐานคนทั่วไปที่ต้องการความเหนือระดับ
ย่อมต้องกดด้านภาพลักษณ์ให้คนรู้สึกเป็นแค่รถเริ่มต้นระดับล่างสุดของห่วงโซ่
เพื่อดันรถระดับกลางกับพรีเมี่ยมให้มีตัวตนในสังคม
โดยเพิ่มความรู้สึกหรือค่านิยมบางอย่างเข้าไป
จะคล้ายกับทฤษฎีสมคบคิดเลยก็ว่าได้ครับ
แต่ถ้าคนที่มองข้ามสังคมไปได้ก็จะกลับไปที่บรรทัดบนสุดของผม
คือได้รถที่สมราคาคุ้มค่าที่สุดครับ :o
-
รูปตลกดีครับ ;D ;D ;D
หากย้อนไปซัก 7 ปีก่อน eco car รู้สีกเหมือนเป็นรถที่ราคาไม่สูง สมรรถนะก็ไม่ดีนัก แค่เพียงพอจะพาเราถึงที่หมายได้เท่านั้น
ตอนนี้เปลี่ยนความคิดไปเยอะครับ สมรรถนะดีขึ้นมาก ความปลอดภัยก็ไม่น้อยหน้ารถใหญ่ เป็นรถที่ควรจะมีติดบ้านไว้อย่างน้อยซักคันครับ
ได้ลองขับ ลองใช้ ติดใจในความคล่องตัวและประหยัดมาก
-
ถ้าเข้าใจความหมายจริงๆของมันก็จบ
แต่นี้ พวกไปนับ รวมกับ ตั๋วชั้นประหยัด มันไม่ใช้
-
หลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ ว่ารถยนต์ Eco Car นั้นคือรถขนาดเล็ก ที่มีราคาจำหน่ายถูกกว่ารถทั่วไป
แต่ Eco car หมายถึงรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (มากกว่ารุ่นทั่วไป) และมีข้อกำหนดเอาไว้ว่ารถยนต์ประเภทนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ถ้าทำได้ ก็สามารถรับสิทธิภาษีในเรทพิเศษ
-
คนบางคนชอบเหยียดว่าคนขับอีโค่คาร์คือคนรายได้น้อย ไม่มีเงินซื้อคันใหญ่
ผมละอยากตะโกนบอก มุงเคยเห็นเศรษฐีขับมาร์ช/ขับสวิฟท์/มิราจไปจ่ายตลาดไหม
ถ้าไม่เคยช่วยเปิดโลกให้ตัวเองหน่อย บ้านเขาน่ะมีทั้งดาวทั้งใบพัดและก็มีอีโค่คาร์ไว้ขับในเมือง
ออกจะเยอะแยะไป ;D
เจอแบบนี้เยอะมากครับ แถวบ้านผม
เขามีรถหลายคันมาก eco car ต้องมีอยู่แล้ว
ทั้งแพง ทั้งถูก สลับใช้
เหยียดผิดชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียว
-
ตอนแรกผมมองว่า Ecocar คือประเภทรถราคาถูก เน้นใช้งานและประหยัดน้ำมันนะ เพราะรถที่ออกมาแต่ละคันในตอนเริ่มโครงการนั้น ไม่ได้เน้นความหรูมากนัก เครื่องเล็ก และราคาถูกที่คนส่วนใหญ่สามารถซื้อได้แค่นั้น
ไม่สนว่าจะเป็น Segment อะไร หากดูแล้ว เน้นใช้งาน ไม่เน้นสวยงาม ประหยัดน้ำมัน เครื่องเล็กตาม Segment และซ่อมง่าย นั่นหละครับ Ecocar
แต่เดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่แล้ว กลายเป็นรถตาม Segment ปกติ ที่ดูแล้วไม่ใช่ Ecocar ที่ผมนิยามไว้แล้ว คุณภาพดีขึ้นกว่าตอนแรกมาก และราคาที่แพงกว่าเดิม
-
ถ้า ecocar ราคาเท่า benz จะกล้าเรียกว่า ecocar มั๊ยหนอ
-
รถ B-seg คันนึงที่รัฐฯไทยเอาคำว่า Eco car มาแปะให้คนไทยบางจำพวกคิดว่าเป็นของต่ำ ราคาถูก กลายเป็นรถ Eco คน Ego
-
เป็น Segment ที่ส่วนใหญ่เข้าใจกันผิด แนวคิด Eco Car คือ รถที่เป็นมิตรกับ Ecosystem ปล่อยมลพิษน้อยจึงได้รับการส่งเสริมด้านภาษีทำให้ราคาถูก ไม่ใช่เป็น Economy Car นะครับ แต่ด้วย Spec เครื่อง ทำให้ตอนแรกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตั้งราคาให้ต่ำกว่า B Segment ครับ
-
ดราม่ากันได้ทุกเรื่องครับ
แค่ไม่ใส่ใจก็จบ
-
ส่วนตัวผมโฟกัสที่ผลลัพท์ครับ
ถ้าเป็น Eco car แล้วแรง ขับดี กว้าง เหมือน B-segment หรือคาบเกี่ยวถึง C-segment เพิ่มเติมคือประหยัด มันก็เป็นรถที่น่าใช้คันนึง แต่ถ้ามันอืด ขับแล้วรุ่น เปราะบาง มันก็ไม่น่าใช้
แต่ถ้าพูดถึง Economy car ผมนึกถึงรถประมาณ Suzuki Celerio, Hyundai i10, Toyota IQ
-
มันคือรถประหยัด ต้นทุน น้ำมัน ชิ้นส่วน ความแข็งแรง ประหยัดแต่ไม่ทนทาน
ส่วนเรื่องความปลอดภัย ถ้าผมมองคือใช้ในเมืองแบบความเร็วต่ำ จ่ายกับข้าว ส่งลูกไป รร รถติดนี่เหมาะมาก
แต่ถ้าเอามาใช้ วิ่งออกตจว อันตรายครับ ชนกันทีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก ผมหารถใหญ่ ๆ มั่นคงแข็งแรงไป ตจว ใช้งานดีกว่า
-
คิดว่าเป็นรถที่สมราคาคุ้มค่าที่สุดในบ้านเรา
เมื่อเทียบการใช้งานต่อประสิทธิภาพและการบำรุงรักษา
แต่ถ้ามองจากสังคม
ทั้งบริษัทรถและพื้นฐานคนทั่วไปที่ต้องการความเหนือระดับ
ย่อมต้องกดด้านภาพลักษณ์ให้คนรู้สึกเป็นแค่รถเริ่มต้นระดับล่างสุดของห่วงโซ่
เพื่อดันรถระดับกลางกับพรีเมี่ยมให้มีตัวตนในสังคม
โดยเพิ่มความรู้สึกหรือค่านิยมบางอย่างเข้าไป
จะคล้ายกับทฤษฎีสมคบคิดเลยก็ว่าได้ครับ
แต่ถ้าคนที่มองข้ามสังคมไปได้ก็จะกลับไปที่บรรทัดบนสุดของผม
คือได้รถที่สมราคาคุ้มค่าที่สุดครับ :o
เห็นด้วยมาก ปัญหาทั้งหมดไม่ได้มาจากตัวรถ มาจากความคิดคนล้วนๆ
-
สำหรับผม โนสน โนแคร์ครับ
ผมให้นิยามคำว่ารถคือพาหนะ ไม่ใช่เครื่องแสดงฐานะอะไรครับ อะไรที่คุ้มค่าสำหรับผม และไม่ทำให้ผมลำบาก ผมจะซื้อ
-
ปัญหา มันจะไม่เกิด
ถ้า กลุ่ม คน ที่เข้าใจผิดไม่ ไป สือสารผิด
ส่วนตัว สื่อ ก็เช่นกัน
ไม่ควรวาง ตำแหน่ง eco car ว่าเป็นรถเกรดต่ำกว่า อยู่คนละระดับกับ B-segment
ราคา รถไม่ได้ เป็นตัว กำหนด เกรด รถเสมอไป อย่าเอาราคามาเป็นที่ตั้ง
ให้เอา สมรรถนะ ขนาด มาก่อน
ผมรอ ดู การจัดอันดับ
หาก City ถุดจัดหมวด แยกกับ Almera ใหม่ มันก็ชัดเจน ว่า การชี้นำก็ผิด
ผมก็จะวน เข้ามา ว่าอัลเมร่า และ ซิตี้ มันคือ รถ segment เดียวกันแน่นอน เช่นเดียวกันกับ มาสด้า 2 ที่เป็น รถ ใน เงื่อนไข eco car เฟส 2 เช่นเดียวกัน
-
ผมว่านะ คำที่มันมีนิยาม มีความหมายอยู่แล้วน่ะ เราใช้ตามความหมายของมันจริงๆ กันเถอะครับ
Eco Car เป็นชื่อเรียกอย่างย่อที่มาจากคำว่า Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่รถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ Economy Car ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่ามีความคล้ายคลึงกันแต่ก็มีความแตกต่างกัน ในแง่ของความหมาย ซึ่งแนวคิดของรถอีโค่คาร์ในบ้านเรานั้น ต้องปฏิบัติตามกฏที่สำคัญหลายข้อ จึงจะผ่านการรับรองว่า รถคันดังกล่าวเป็นอีโค่คาร์ และทางรัฐบาลก็มีข้อกำหนดเอาไว้ว่ารถยนต์ประเภทนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ถ้าทำได้ ก็สามารถรับสิทธิภาษีในเรทพิเศษ โดยที่ผ่านมาบ้านเรามีการกำหนด Eco Car มาแล้ว 2 เฟส ซึ่งรายละเอียดไปเสริจเอาตามกูเกิ้ลได้ ตัวอย่างที่เสริจเจอก็ประมาณนี้
https://www.autodeft.com/deftanswer/what-is-eco-car-means
เลิกเถอะครับที่แบบว่า Eco Car ในความหมายของผมต้องแบบนี้ หรือ ผมให้นิยาม Eco Car ของผมไว้แบบนี้
แล้วพอตีความหมายกันเอง ต่างคนต่างนิยามความหมายกันเอาเอง ก็จะคุยกันต่อไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็จะคุยกันรู้เรื่องแค่คนกลุ่มหนึ่งแค่นั้น แต่พอไปคุยนอกกลุ่มก็จะไปเถียงกันให้หัวข้อที่ไม่ควรจะเถียง อย่างเช่น ประเด็นรถคันนี้ไม่ใช่ Eco Car แต่เป็น B Segment ทั้งที่เกณฑ์การแบ่งแยก มันเป็นคนละมิติกันเลย
ภาษาเค้ามีไว้สื่อสารเข้าใจตรงกันกับผู้อื่น ถ้าอยากจะนิยามหรือให้ความหมายของคำศัพท์ใดๆ กันเอง ควรเลือกคำที่ไม่ได้มีการกำหนดความหมายเป็นสากลไว้แล้วน่าจะดีกว่าครับ
-
ผมว่านะ คำที่มันมีนิยาม มีความหมายอยู่แล้วน่ะ เราใช้ตามความหมายของมันจริงๆ กันเถอะครับ
Eco Car เป็นชื่อเรียกอย่างย่อที่มาจากคำว่า Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่รถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ Economy Car ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่ามีความคล้ายคลึงกันแต่ก็มีความแตกต่างกัน ในแง่ของความหมาย ซึ่งแนวคิดของรถอีโค่คาร์ในบ้านเรานั้น ต้องปฏิบัติตามกฏที่สำคัญหลายข้อ จึงจะผ่านการรับรองว่า รถคันดังกล่าวเป็นอีโค่คาร์ และทางรัฐบาลก็มีข้อกำหนดเอาไว้ว่ารถยนต์ประเภทนี้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ถ้าทำได้ ก็สามารถรับสิทธิภาษีในเรทพิเศษ โดยที่ผ่านมาบ้านเรามีการกำหนด Eco Car มาแล้ว 2 เฟส ซึ่งรายละเอียดไปเสริจเอาตามกูเกิ้ลได้ ตัวอย่างที่เสริจเจอก็ประมาณนี้
https://www.autodeft.com/deftanswer/what-is-eco-car-means
เลิกเถอะครับที่แบบว่า Eco Car ในความหมายของผมต้องแบบนี้ หรือ ผมให้นิยาม Eco Car ของผมไว้แบบนี้
แล้วพอตีความหมายกันเอง ต่างคนต่างนิยามความหมายกันเอาเอง ก็จะคุยกันต่อไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็จะคุยกันรู้เรื่องแค่คนกลุ่มหนึ่งแค่นั้น แต่พอไปคุยนอกกลุ่มก็จะไปเถียงกันให้หัวข้อที่ไม่ควรจะเถียง อย่างเช่น ประเด็นรถคันนี้ไม่ใช่ Eco Car แต่เป็น B Segment ทั้งที่เกณฑ์การแบ่งแยก มันเป็นคนละมิติกันเลย
ภาษาเค้ามีไว้สื่อสารเข้าใจตรงกันกับผู้อื่น ถ้าอยากจะนิยามหรือให้ความหมายของคำศัพท์ใดๆ กันเอง ควรเลือกคำที่ไม่ได้มีการกำหนดความหมายเป็นสากลไว้แล้วน่าจะดีกว่าครับ
มาตรฐานมันมีหลายระดับครับ ดูผิวเผินเหมือนคล้ายคลึง แต่ความจริงมันไม่ใช่ เคาะกันชนหน้ามีแต่พลาสติกกับโฟมแปะไว้ที่กันชนหน้า คานเหล็กหนา ๆกับโครงสร้างรถความแข็งแรงต่างกันคนละเรื่อง ขับชนหมาทีนึงหน้ารถยุบไปทั้งแถบ ซ่อมกระจายละครับถ้าไม่มีประกัน นี่ขนาดชนหมานะครับ ถ้าไปบวกกับรถแข็ง ๆ ด้วยกันลงข้างทางหรือขับไปชนต้นไม้ผมเห็นในข่าว ตายกันหลายราย คือมันเหมาะใช้งานในเมืองความเร็วต่ำการจราจรคับคั่งรถเพื่อนร่วมทางใช้ความเร็วไม่สูง รถเราความปลอดภัยครบแบบนี้น่าขับ น่าใช้งานครับ แต่ถ้าจะซื้อเพราะสมรรถนะ แล้วเอามาวิ่ง ตจว ผมคนนึงไม่เอาเด็ดขาด ผมยอมซื้อรถมือ 2 ใหญ่และแข็งแรงกว่าเอามาใช้งาน ปลอดภัยกว่า หรือไม่มันก็รู้สึกอุ่นใจกว่าเยอะ
ตอนขั้นตอนตรวจชิ้นส่วน ขั้นตอนการลผลิตชิ้นส่วนพวกนี้มาตรฐานก็ไม่เหมือนกันเพราะรถยนต์มันมีการตวจมาตรฐานตาม LEVEL ของรถที่ไม่เหมือนกัน ลักษณะโครงสร้างที่ออกแบบมันก็ไม่เหมือนกันแล้ว
-
คิดว่ารถในรูป น่าจะสลับคำพูดกัน 555
รถคือยานพาหนะที่พาไปถึงจุดหมายปลายทาง คันเล็กคันใหญ่ใช้ให้เหมาะ ถ้าใช้งานถูกประเภทไม่น่าจะมีปัญหา
รถในต่างประเทศ ฝรั่งตัวโตขับรถคันเล็กกว่าบ้านเราก็มีเยอะแยะ
-
ใครบอกไม่แข็ง แข็งกว่า รถใหญ่บางรุ่นอีก
-
สาระล้วนๆเลยกะทู้นี้!!
-
เรื่องนิยามที่แท้จริงมีตอบไปไม่กี่ท่านแล้ว แต่ถ้าถามว่าคิดยังไง ผมว่ามัน fake ecology เพราะตั้งใจทำขาย ซื้อกันเยอะๆก็ยังทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่ดี
-
ผมว่าหลายท่านทราบความหมาย หรือคำจำกัดความของ Eco car ดีนะครับ
แต่ จขกท. ถามถึงทรรศนะ หรือมุมมองที่มีต่อคำว่า Eco car ความเห็นเลยต่างออกไปบ้างจากความหมาย
ซึ่งสำหรับผมไม่ใช่เรื่องผิดอะไร รักษ์โลกเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ต้องไม่ถลุงเงินในกระเป๋าผู้ซื้อด้วย :)
-
ศัพท์ แล้วแต่คนจะมอง เหมือน PPVs/SUVs
สำหรับผม มันคือรถที่รัฐบาล ต้องการให้คนทั่วไปเข้าถึงไป เป็นปล่อยมลพิษน้อยกว่า
ตอนรุ่นแรก ๆ ผมเคยขับ March เพื่อ ผมก็ไม่ค่อย OK กับคุณภาพการประกอบ วัสดุ อุปกรณ์พื้นฐาน
สิ่งที่ผมเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ เมื่อเทียบกับ Gen แรก กับ Gen นี้ ตัวรถมีการพัฒนาขึ้น ทั้งการขับขี่ อุปกรณ์ติดรถ
ถ้าจะเถียงกันเอง City, Almera, Mazda 2 ผมว่ามันก็คือ B-segment หมด
ส่วนตัวเองผม ที่บ้านก็มี Mazda 2 ตัว My2020
เอาออกสัปดาห์ละครั้ง ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าขับแล้วมันจะรู้สึกแย่อะไร
ไม่ได้รู้สึกว่ารถตัวเองด้อยกว่าคนอืน
แต่ยังไงมัน ภาพรวมก็ยังต่างกับ Segment ที่สูงกว่า ซึ่งจริง ๆ ก็ตามราคารถที่จ่าย
ผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่มุมมองของเราที่มีต่อตัวเอง แต่มุมมองของเราที่คิดว่าคนอื่นจะรู้สึกต่อเรายังไง
ผมเอง ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองว่าผมรวย หรือผมจน ผมแค่รู้ตัว ๆ เองก็พอ
รถ ผมขอแค่คันที่ถูกใจ ผมขับได้หมดครับ
-
ศัพท์ แล้วแต่คนจะมอง เหมือน PPVs/SUVs
สำหรับผม มันคือรถที่รัฐบาล ต้องการให้คนทั่วไปเข้าถึงไป เป็นปล่อยมลพิษน้อยกว่า
ตอนรุ่นแรก ๆ ผมเคยขับ March เพื่อ ผมก็ไม่ค่อย OK กับคุณภาพการประกอบ วัสดุ อุปกรณ์พื้นฐาน
สิ่งที่ผมเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ เมื่อเทียบกับ Gen แรก กับ Gen นี้ ตัวรถมีการพัฒนาขึ้น ทั้งการขับขี่ อุปกรณ์ติดรถ
ถ้าจะเถียงกันเอง City, Almera, Mazda 2 ผมว่ามันก็คือ B-segment หมด
ส่วนตัวเองผม ที่บ้านก็มี Mazda 2 ตัว My2020
เอาออกสัปดาห์ละครั้ง ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าขับแล้วมันจะรู้สึกแย่อะไร
ไม่ได้รู้สึกว่ารถตัวเองด้อยกว่าคนอืน
แต่ยังไงมัน ภาพรวมก็ยังต่างกับ Segment ที่สูงกว่า ซึ่งจริง ๆ ก็ตามราคารถที่จ่าย
ผมว่าทุกอย่างมันอยู่ที่มุมมองของเราที่มีต่อตัวเอง แต่มุมมองของเราที่คิดว่าคนอื่นจะรู้สึกต่อเรายังไง
ผมเอง ไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะมองว่าผมรวย หรือผมจน ผมแค่รู้ตัว ๆ เองก็พอ
รถ ผมขอแค่คันที่ถูกใจ ผมขับได้หมดครับ
ใช่เลยครับ ภาพรวมมันต่างกับรถ segment ที่สูงกว่า
ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมขับรถพวกนี้แล้วมันรู้สึกแย่หรือด้อยค่าอะไร รถแต่ละรุ่นมันทำตาม segment ของมัน มีกลุ่มราคาและกลุ่มลูกค้าชัดเจน
-
Ecology Car
รถรักสิ่งแวดล้อมครับ
- มลพิษต่ำ
- ประหยัดน้ำมัน
- ความจุเครื่องยนต์น้อย
-
ผมไม่ยึดติดอะไรกับคำพวกนี้เลย