Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Amaranthe ที่ พฤษภาคม 14, 2020, 13:29:31
-
วันนี้ผมเอารถไปเช็คระยะ 150,000 กิโลมา ตั้งแต่ใช้บริการศูนย์นี้มา นี่เป็นครั้งแรกที่ จนท เพิ่มรายการฟลัชชิ่งออยมาด้วย ผมก็คิดว่า ตั้งแต่ใช้รถมาไม่เคยทำเลย และอีกอย่างคิดว่าศูนย์เค้าคงลูกค้าน้อยลง เลยหาทางเพิ่มรายได้สักนิดก็ยังดี ก็เลยตกลงทำไป
ที่ผมอยากถามเพื่อนสมาชิกก็คือ เราจำเป็นต้องใช้ฟลัชชิ่งออยไหมครับ แล้วใช้ทุกกี่กิโลเมตร หรือกี่ปี
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
-
ไม่จำเป็น น้ำมันเครื่องแท้ ได้มาตาฐาน เปลี่ยนตามระยะ เพียงพอแล้ว
-
ถ้ารักรถมากๆรถราคาแพงผมว่าก็ควรทำนะ จะได้ขับสมูทดี สบายใจ ชิ้นส่วนภายในทำงานได้ดีขึ้น แต่ถ้าใช้รถแบบทั่วไปก็ไม่จำเป็น แค่เปลี่ยนถ่ายตามระยะก็พอเพียง น้ำมันส่วนที่ยังค้างอยู่ในระบบเยอะมากกว่าถ่ายออกอีก อย่างน้ำมันเกียร์ รถผมก็จะแสนสามละ ว่าจะไปฟรัชชิ่งเกียร์อยู่ จะได้สบายใจเวลาใช้งานหนักวิ่งตจว. ก็แล้วแต่ปัจจัยในกระเป๋า และความพอใจของแต่ละคนครับ
-
ทำเพื่อความสบายใจน่ะได้
แต่ถ้าว่าจำเป็นไหม ผมว่าไม่..
-
ผมว่า การตลาดตรงนี้มันเริ่มมีคนสนใจเยอะเพราะเรื่องเกียร์อัตโนมัติ ที่พังกันบ่อยๆ จนเป็นที่หวาดกลัวของผู้ใช้รถ
การเซอร์วิสแบบ premium แทบทุกอย่าง เค้าก็โปรโมทข้อดีทั้งนั้น เจาะรถราคาสูง กำลังซื้อน่าจะสูง
ใช้วิธีเทียบกับราคารถ ความพรีเมี่ยมของรถนั้นๆ เพราะค่าใช้จ่ายมันสูง มีความไฮเทค ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ราคาไม่ใช่ถูกๆ
สรุป มีเงิน รักรถ จะทำก็ทำได้ แต่สิ่งอื่นใด ก็ต้องมีการดูแลรถขั้นพื้นฐานที่ดีอยู่แล้วด้วยน่าจะดีกว่าครับ
-
ถ้ารถราคาหลายล้านก็น่าทำ แต่ถ้ารถบ้านๆเน้นเปลี่ยนให้ถี่ขึ้นกว่าปกติ คือ 5 ปี ทำแบบว่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุกๆสองเดือนทำแบบนี้สักสามครั้งรวด
-
สำหรับรถเก่าเป็นสิบๆปีขึ้นไปค่อยจำเป็นครับ
เปลี่ยนน้ำมันตามระยะที่ศูนย์กำหนดเพียงพอแล้ว 8)
-
อารมณ์เหมือนการแปรงฟัน 8)
กับแปรงฟัน+น้ำยาบ้วนปาก
ถ้าเราแปรงดี ก็ไม่จำเป็นครับ
ปล.ผมไม่ได้กวนนะ :)
-
ฟลัชเสร็จต้องมากังวลน้ำยาฟลัชอีกรอบมั้ยเนี่ย รถใหม่ขอตามขั้นตอนมาตรฐานให้ได้มาตรฐานน่าจะพอแล้ว...
-
ในรถบางรุ่นที่ถ่ายน้ำมันเกียร์ของเดิมออกมาได้เกิน 80-90% ผมมองว่าไม่จำเป็นต้องฟลัชครับ
ส่วนตัวรถที่ผมใช้อยู่ถ่ายน้ำมันเกียร์ได้แค่ 50% ในแต่ละรอบ เพราะงั้นประมาณ 1.2 แสนกิโลผมจะสลับใช้วิธีเปิดอ่างเกียร์
ก็จะถ่ายของเดิมออกได้เยอะเกือบหมด แถบไม่เหลือน้ำมันเดิมที่เสื่อมสภาพ
-
ฟลัชเสร็จต้องมากังวลน้ำยาฟลัชอีกรอบมั้ยเนี่ย รถใหม่ขอตามขั้นตอนมาตรฐานให้ได้มาตรฐานน่าจะพอแล้ว...
เห็นด้วยครับ
ไม่ลากระยะ ถ่ายตามกำหนด เพียงพอแล้วครับ
-
เวลาจะถ่ายน้ำมันเครื่อง ผมจะใช้วิธีนัดเวลาที่แน่นอน
วิ่งให้เครื่องร้อน พอไปถึงศูนย์ก็ไปขึ้นแท่นปล่อยน้ำมันเครื่องเก่าทันที ไม่จอดให้เครื่องเย็น
น้ำมันเครื่องเก่าก็จะออกมามากเท่าที่มากได้ น่าจะเพียงพอแล้วครับ
ฟลัชเสร็จต้องมากังวลน้ำยาฟลัชอีกรอบมั้ยเนี่ย รถใหม่ขอตามขั้นตอนมาตรฐานให้ได้มาตรฐานน่าจะพอแล้ว...
ผมว่าแบบนี้น่ากังวลกว่าจริงๆครับ พอทำฟลัชครั้งนี้
ครั้งต่อไปต้องเปลี่ยนให้เร็วขึ้นมากๆและไม่ต้องใส่น้ำยาฟลัชอีกครับ
-
กรณีแรก ถ้าคุณเช็คระยะตรงเวลาตลอด ทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 โล (อาจมีบวกลบบ้างเดือนสองเดือนหรือไม่เกินพันโล)
แบบนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งฟรัชชิ่งครับ
กรณีที่สอง ถ้าคุณไม่ค่อยได้ใช้รถ แบบจอดทิ้งไว้สักปีสองปี แบบนี้ผมว่าว่าก็ยังไม่ต้องพึ่งน้ำยาฟรัชชิ่ง
กรณีสาม ถ้าคุณไม่ได้ใช้รถเกินกว่าสองปี หรือคุณซื้อรถมือสองมา แบบนี้ผมว่าควรพึ่งน้ำยาฟรัชชิ่ง
สูตรผมเป็นแบบนี้ครับ
-
เท่าที่อ่านๆมามันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรนะครับ ยิ่งวิ่งแค่ 150,000 ผมว่ายิ่งยังไม่จำเป็น เปลี่ยน นมค ตามระยะก็พอ
ทำผิดวิธี มีปัญหาต่อซีลยางต่างๆด้วย (อ่านเจอมานะครับ ผมรู้ไม่จริง)
-
ถือว่าได้ช่วยอุดหนุนให้พนักงานบริการมีรายได้เพิ่มจากการขายผลิตภัณเสริมครับ
-น้ำยาล้างหัวฉีด
-ฟลัสชิ่ง
-หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง
-
เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ตามรอบปกติ ก็ได้ครับ แต่เน้น ที่มี Phenate
ข้อมูล ของ คุณ JAE เคยให้คำแนะนำ
เมื่อ: เมษายน 23, 2017, 17:16:52 »
สารชะล้างเยอะ ต้องดูว่าหมายถึงสารชะล้างอะไร
Base oil group II เป็นตัวทำละลายที่ดีเวลาอุณหภูมิสูง ใช้ทำ Flushing Oil
Shell, Havolineทุกรุ่นใช้สารป้องการการก่อตัวของSLUDGE สารเหล่านั้นจะอยู่ในกลุ่ม Phenate ที่ทำหน้าที่ได้ดี
แต่ถ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ในตลาดยี่ห้อตลาดอื่นๆ มีสารชะล้างหลากหลายชนิด ในปริมาณที่เหมาะสมครับ
ถ้าเน้นชะล้าง ไม่ได้ใช้Shell,Havoline ก็ใช้น้ำมันเครื่อง ธรรมดาแล้วถ่ายเร็วครับ
-
เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเครื่อง ตามรอบปกติ ก็ได้ครับ แต่เน้น ที่มี Phenate
ข้อมูล ของ คุณ JAE เคยให้คำแนะนำ
เมื่อ: เมษายน 23, 2017, 17:16:52 »
สารชะล้างเยอะ ต้องดูว่าหมายถึงสารชะล้างอะไร
Base oil group II เป็นตัวทำละลายที่ดีเวลาอุณหภูมิสูง ใช้ทำ Flushing Oil
Shell, Havolineทุกรุ่นใช้สารป้องการการก่อตัวของSLUDGE สารเหล่านั้นจะอยู่ในกลุ่ม Phenate ที่ทำหน้าที่ได้ดี
แต่ถ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ในตลาดยี่ห้อตลาดอื่นๆ มีสารชะล้างหลากหลายชนิด ในปริมาณที่เหมาะสมครับ
ถ้าเน้นชะล้าง ไม่ได้ใช้Shell,Havoline ก็ใช้น้ำมันเครื่อง ธรรมดาแล้วถ่ายเร็วครับ
ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มครับ
ทั้งจากคุณJaeเช่นกัน ความรู้ดีดีครับ
-
ถ้าอยาก จะ flush
ลองเอาน้ำมันเบอร์ 20 flush เอา ถูกและดี
โดยการ ถ่ายของเก่าออก ไม่ต้องถอดกรอง
ใส่ เบอร์ 20 เข้าไป สตาร์ท ทิ้งไว้สักพัก
แล้วถ่ายออก ใส่น้ำมันเครื่องที่ต้องการ พร้อมเปลี่ยนกรอง
คุณจะได้ น้ำมัน ที่ใส กริ้งๆ สะอาดสุดใจ
ปล แต่ทำไปก็เท่านั้นหล่ะ สักพัก ก็สกปรกเหมือนเดิม
-
เบนซินไม่ค่อยจำเป็น ผมทำหลักใกล้แสนโลครั้ง
ดีเซลผมทุก 4-5หมื่นโล
(ปกติใช้นมค.สั้งเคาะห์ไม่เกิน 7-8พันโล 2-3เดือนเปลี่ยน)
ผมเรื่องมากนิดนึ่งหลังฟรัช ผมจะใช้น้ำมันเครื่องถูกๆแบบแกลอนละ 2-3ร้อย (บางจาก 5w30 10w40 ลดบ่อยๆ) และกรองนมค.ลูกละ50บาท วิ่งไม่กี่ร้อยโล แล้วถ่ายออกเปลี่ยนเป็นนมค.สังเคาะห์และกรองเกรดดีปกติ
-
เคยใช้ สมัย 20 กว่าปีก่อน มันก็ดีขึ้นนะ ใช้กับรถแสนกว่ากม. เสียงเครื่องเงียบขึ้น วิ่งดีขึ้น
แต่หลังจากนั้น ก็ไม่เคยใช้อีกเลย รถที่บ้าน 3 คัน 3 แสน / 2 แสน / แสนสี่ ไม่เคยใช้เลย ใช้แต่สังเคราะห์ดีๆ ถ่ายตามระยะ ก็ไม่รู้สึกว่า กำลังตก หรือ มีเสียงดังอะไรครับ
-
เมื่อใช้รถมานานแล้ว และเปลี่ยนถ่าย นมก ตามระยะอยู่แล้ว
ผมว่า เปลี่ยนกรองเกียร์ น่าจะช่วยใด้ด้วยนะครับ
ผมเปลี่ยน กรองเกียร์ ตอนใช้ไป สองแสนกิโล ใส้กรองเป็นกระดาษ
มองด้วยตาแล้ว ผมว่ามันหมดสภาพแล้ว
หลังเปลี่ยน แน่นอนมันดีขึ้น แต่อาจมาจากที่การถ่าย นมก พร้อมกันด้วยก็ใด้
-
ผมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ ใช้น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์ ไม่เห็นความจำเป็นต้องทำเลยครับ
-
ไม่จำเป็น เพราะน้ำมันเครื่อง api-sn ผสมสารทำความสะอาดมาอยู่แล้ว (แต่ละยี่ห้อผสมมากน้อย ทั้งปริมาณและจำนวนชนิด ไม่เท่ากัน) แต่ถ้าทำได้ก็ดีกว่าไม่ทำครับ แต่ไม่ต้องทำบ่อย แสนโล หรือ 3 ปี ทำครั้งนึงก็ได้ครับ
ผมเพิ่งฟลัชมาเมื่อ รอบก่อนถ่ายน้ำมันเครื่องรอบล่าสุด เป็นการฟลัชครั้งแรก หลังจากวางเครื่องตัวนี้มาแล้วใช้มาแสนกว่ากิโล กับ 3 ปีกว่าๆครับ ซึ่งตอนฟลัชน้ำมันช่วงสุดท้ายที่ฟลัชออกดำปิ๊ดปี๋กว่าการถ่ายปกติครับ แต่บอกไม่ได้เต็มปากว่ามันดีจริงแค่ไหน เพราะว่าไม่ได้ใช้น้ำมันเครื่องตัวเดิมครับ มันก็เครื่องเงียบและลื่นขึ้น แต่ไม่รู้มาจากน้ำมันเครื่อง หรือมาจากเพราะฟลัช หรือสองอย่างผสมกัน
-
ฟลัชชิ่ง ส่วนมากเขาคุยกันที่ เกียร์ ไปส่วนใหญ่
น้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันเกียร์ MT แค่เปิดก๊อก มันก็ไหลออกเป็นน้ำตก ไหลออกแทบหมดแล้ว 90-95% แล้ว ถ้าจะให้สะอาดสุดๆ ก็เปิดอ่าง ล้างคราบขี้โคลนหน่อยก็ยิ่งสะอาด และ ติดอยู่กรองน้ำมันเครื่องอีกนิดหน่อย ถ้าเปลี่ยนพร้อมกันก็ออกแทบหมดแล้ว
แต่กลุ่มเกียร์ AT มันมีท่อทาง ร่องเล็ก ร่องน้อย สมองเกียร์ และ อื่นๆ เยอะมาก ทำให้เวลาถ่ายน้ำมันเกียร์ แล้วน้ำมันเกียร์เก่าออกจากระบบไม่หมด ได้ 60-70% เช่น น้ำมันเกียร์ 10 ลิตร ถ่ายออกได้แค่ 6-7 ลิตร เป็นต้น
ถามว่าจำเป็นไหม ผมมองว่าไม่จำเป็นเลย ถ้าเปลี่ยนตามรอบ เช่น 30,000-50,000 โล ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์สักครั้ง ต่อให้พวกที่บอก Lifetime ก็เหอะ ก็ต้องเปลี่ยนนะ พวก Lifetime พังในประกันก็เยอะ พังหลังประกันก็เยอะ
แต่ถ้าน้ำมันเครื่องยนต์ ไม่ต้องฟรัชใดๆ ทั้งสิ้น เปลี่ยนถ่ายตามระยะ 8,000 หรือ 10,000 หรือ 15,000 โล ก็ว่าไป ขอแค่เกรดน้ำมัน(API/SAE)ตามที่เขาระบุ และ ที่สำคัญ "ของแท้" ก็พอแล้ว
-
พึ่ง นึกขึ้นมาได้ การ ฟลัชชิ่งเครื่องยนต์ มันจะทำให้ คราบ วานิช หลุดออกมาด้วยหรือเปล่า ???
-
ทั้งเครื่องทั้งเกียร์ ไม่จำเป็นและไม่ควรทำ ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน,กรองเครื่องและเกียร์ตามระยะครับ
-
ขอบคุณทุกท่านมากครับ
-
หาความจำเป็นไม่เจอครับ ถ้าเราถ่ายน้ำมันเครื่องได้ตามระยะตลอดอยู่แล้ว กับใช้น้ำมันเครื่องที่เกรดกลางๆขึ้นไปมันก็พอ
ผมไปนั่งดูช่างแถวบ้านที่สนิทกันรื้อเครื่องซ่อมประจำรถ 4-5 แสน เกือบสล้านก็มี เครื่องใส แต่หลวมเพราะใช้งานหนักซะมากกว่า พวกนี้ได้รอบแล้วต้องถ่าย ที่เจอเป็นคราบดำๆส่วนมากลากน้ำมันเครื่อง ไม่ถ่าย ลืมบ้าง แสนกว่าก็เละเทะแล้วข้างใน มีแต่คราบ รถที่บ้านผมหลายๆคัน 2-3แสน+ทั้งหมด ลองเปิดแง้มๆพวกวาวล์ดูก็ใสหมดนะ