Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: gknakop ที่ พฤษภาคม 30, 2020, 23:27:12
-
เนื่องจากผมมีแผนที่กำลังซื้อ mazda 2 S 4Dr. ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ อยากทราบว่าจนถึงตอนนี้มีปัญหาอะไรใน mz2 ที่ต้องห่วง ต้องกังวนไหมครับ ส่วนใหญ่ใช้รถอยู่ที่ลำปางครับ คุณแม่ใช้ครับ ตัวผมทำงานอยู่กรุงเทพ นานๆครั้งจึงจะได้ขับรถออกต่างจังหวัดครับ ขอบคุณครับ
-
น้องใช้ตัว sky เบนซินอยู่ครับ 2 ปีกว่า ยังไม่เจอปัญหาอะไรครับ ช่วงล่างดีมาก แต่ก็อืดตามประสารถ 1.3 ครับ ประหยัดน้ำมันดี น้องขับวันละ 100 โลไปกลับที่ทำงาน
ในกลุ่มผมยังไม่เคยเจอปัญหาอะไรมากนะครับ ตัวดีเซลมีปัญหาสั่น แต่ก็รีแมพแล้วจบทุกคัน ตัวเบนซินกังวลเรื่องเกียร์กัน เพราะน้ำมันเกียร์ 0 ไม่ยอมถ่ายให้ในแสนโล ถ้าถ่ายจะไม่รับประกันเกียร์ ต้องวัดดวงหลังครบแสนโลว่าจะพังกันไหม พังกันกี่คัน ปัญหาเรื่องปั๊มติ๊กแบบรถรุ่นอื่นๆรุ่นนี้ก็ไม่มี ปัญหาโดยรวมยังน้อยครับ ไม่ค่อยมีใครมาบ่นให้ได้ยินกันเท่าไร ถ้าจะซื้อจริง ผมก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปห้าม อ้อมีเรื่องเดียวคือ อะไหล่แพงมากครับ โช๊คคู่เดียว ราคาเหมือนจะแพงกว่าโช๊คอัลติสทั้งชุด 4 ต้นด้วยซ้ำ อันนี้เอาราคาเบิกศูนย์เทียบกับเลยนะ เรื่องอื่นไม่มีให้กังวลครับ รอดูหลัง 3 ปีอีกทีครับ
-
น้องใช้ตัว sky เบนซินอยู่ครับ 2 ปีกว่า ยังไม่เจอปัญหาอะไรครับ ช่วงล่างดีมาก แต่ก็อืดตามประสารถ 1.3 ครับ ประหยัดน้ำมันดี น้องขับวันละ 100 โลไปกลับที่ทำงาน
ในกลุ่มผมยังไม่เคยเจอปัญหาอะไรมากนะครับ ตัวดีเซลมีปัญหาสั่น แต่ก็รีแมพแล้วจบทุกคัน ตัวเบนซินกังวลเรื่องเกียร์กัน เพราะน้ำมันเกียร์ 0 ไม่ยอมถ่ายให้ในแสนโล ถ้าถ่ายจะไม่รับประกันเกียร์ ต้องวัดดวงหลังครบแสนโลว่าจะพังกันไหม พังกันกี่คัน ปัญหาเรื่องปั๊มติ๊กแบบรถรุ่นอื่นๆรุ่นนี้ก็ไม่มี ปัญหาโดยรวมยังน้อยครับ ไม่ค่อยมีใครมาบ่นให้ได้ยินกันเท่าไร ถ้าจะซื้อจริง ผมก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปห้าม อ้อมีเรื่องเดียวคือ อะไหล่แพงมากครับ โช๊คคู่เดียว ราคาเหมือนจะแพงกว่าโช๊คอัลติสทั้งชุด 4 ต้นด้วยซ้ำ อันนี้เอาราคาเบิกศูนย์เทียบกับเลยนะ เรื่องอื่นไม่มีให้กังวลครับ รอดูหลัง 3 ปีอีกทีครับ
โช้คนี่เป็นผมคงเปลี่ยนเป็นคายาบ้าหรือมอนโรแทนนะ โช้คศูนย์ใช่ว่าจะคุณภาพดี ส่วนน้ำมันเกียร์ผมเห็นว่าบางศูนย์เค้าเปลี่ยนให้โดยไม่ตัดการรับประกันครับ
-
ในกลุ่มผม 3 คัน 1.5d ยังไม่พบปัญหาอะไรครับแฟนผมใช้มาครบ 5 ปีแล้วเพราะซื้อตั้งแต่เปิดตัว คันที่สองเพื่อนร่วมงานซื้อทีหลังแต่วิ่งไปแสนแปดแล้ว คันที่สามในกลุ่มเป็นของหลาน วิ่งหลักแสนกลางๆเหมือนกันก็ดูแลตามปกติ นอกจากแบตฯติดรถที่ไปเร็วก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วน นมก.ก็เปลี่ยนเองครับ ถ้ารับได้ว่าออกมานานและแคบแต่ยังชอบก็จัดเลยครับส่วนตัวผมยอมรับว่าถูกใจนะครับ
-
รุ่นใหม่ minor change
มีที่เจอกันตอนนี้มีแค่อย่างเดียวครับ สลิงกระจกหน้าต่างคู่หน้าขาดหรือหลุดจนไม่สามารถปิดกระจกได้ อันนี้ส่วนมากจะเป็นล็อตปลายปีก่อน มีทั้งตัวเดิมตัว mc ครับ
ส่วนปัญหาหลักๆ อื่นของเบนซิน
- ปั๊มติ๊ก เจอคันที่ติ๊กพังใหม่สุดตอนนี้ผลิต มี.ค. 2019 แต่ก็อย่าพึ่งประมาท เพราะรุ่นอื่นมีผลิตใหม่กว่านั้นที่พัง
- เกียร์ เจอกันช่วงปี 2015-2016 ในเรื่องพวกโซลินอยด์จับเกียร์ที่มีปัญหา อู่นอกจบงานได้หลักพัน ศูนย์ยกลูก 76,000 บาทไม่รวมของเหลว และข้ามมาเจอหลุด QC อีกทีช่วงสั้นๆ ก.ค.-ส.ค. 2019 แล้วก็ยังไม่เจออะไรเพิ่ม ส่วนไม่ให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ก็... ตามนั้นครับ ยิ่งรุ่นใหม่ mc ระบุในคู่มือแล้วว่าห้ามเปลี่ยนเลย ในประกันคุณภาพ 3 ปี 100,000 km ก็ตามนั้นไปก่อนครับ
- i-Eloop พวกชิ้นส่วนระบบนี้ทั้ง กล่อง DC-DC Converter หรือ Capacitor รถใหม่ก่อนหน้านี้มี Recall ไปแล้ว และที่เหลือก็พังเมื่อใช้รถมาซักระยะนึง ในประกันเคลมได้ครับ หมดประกันว่ากันอีกทีว่า mc แล้วยังจะเจออีกมั้ย
- สวิตช์แป้นเบรกพัง อันนี้ mc แล้วน่าจะไม่เจอแล้วล่ะครับ ไม่เจอรถใหม่พังมานานแล้ว เจอแต่รถหลังหมดประกันพัง เปลี่ยนตัวละ 700 กว่าบาท
- หัวฉีดตันไว หลายคนตันตั้งแต่ยังไม่ 100,000 km ก็แน่นอนครับ แก๊สโซฮอลล์ผิด ก็เลยเป็นที่มาของการบังคับน้ำยาล้างหัวฉีดให้ใส่ประจำทุกการเข็คระยะ 6 เดือน 10,000 km
- แบตเสื่อม มีไฟเตือนขึ้นมาก็เปลี่ยนได้เลยครับ ช้าเร็วตอบยากขึ้นกับหลายปัจจัย i-stop ปิดตลอดยังเสื่อมไว ใช้ไฟเยอะๆ เสื่อมช้าก็มี
ที่เหลือก็ยังไม่มีอะไรมากครับ
ก่อนซื้ออยากให้ไปลองก่อนว่าอัตราเร่งที่ทำได้ของเครื่อง 1.3G นี้เพียงพอรึยัง เพราะต้องบอกว่า ในราคาเรทเดียวกัน หลายเจ้าทำมาแรงกว่าไปแล้วครับแลกกับวัสดุการตกแต่งและของแพรวพราวที่ดรอปลงมา ถ้ารับได้ก็จัดได้ครับ อัตราสิ้นเปลืองช่วงความเร็วคงที่ค่อนข้างดี ช่วงไม่นิ่งหรือในเมืองก็พอๆ กับ Eco car รุ่นอื่น ตัว 1.3 S เบาะผ้าและคอนโซลหนังสีกรมท่าค่อนข้างสวยเลยแต่จะหาคันโชว์ชมยากนิดนึง ตอนไม่โดนแสงก็ดูเกือบดำ โดนแสงก็ออกน้ำเงินเลย ดังนั้นถ้าในอนาคตหรือก่อนจะออกรถต้องการเปลี่ยนเบาะหนังหุ้มใหม่ ก็เลือกสีที่เข้ากับสีหนังคอนโซลดีๆ ครับ
และหลังซื้อมาแล้ว เช็คระยะแต่ละครั้ง ดูรายการให้ดีครับว่าในคู่มือหรือเว็บเค้ามีอะไรบ้าง อะไรเกินจากนั้นตัดได้ถ้า 0 ไม่แนะนำจริงๆ และอย่าตัดน้ำยาล้างหัวฉีดครับ แล้วก็ดูการคิดเวลาของค่าแรงให้สอดคล้องกัลรายการในเว็บครับ เพราะราคาแพงกว่าในเว็บอยู่แล้ว คุมชั่วโมงเป็นไปตามนั้นพอครับ
และถ้ามีปัญหาอะไร ศึกษาไว้เป็นความรู้จากคนที่เค้าเจอปัญหาไว้ก็ดีครับ อย่าคิดว่าเราจะโชคดีที่ไม่เจอ เพราะถ้าเจอขึ้นมา Mazda Sales Thailand ช่วยเราได้ไม่เยอะหรอกครับ จะได้ไม่ต้องไปเริ่มนับ 1 ใหม่ ขอให้ได้รถที่ใช้ดีจ้า
-
รถ1.3นี่ไม่แรงหรอครับผมเห็นบนถนนขับเร็วๆกันทั้งนั่นเลย
-
1.5 d ไปเลยครับ ขับทางภาคเหนือคงสนุกน่าดู
-
รถ1.3นี่ไม่แรงหรอครับผมเห็นบนถนนขับเร็วๆกันทั้งนั่นเลย
จริงๆ มันเร่งแบบอืดหน่อยๆ
แต่ช่วงล่างมันไปได้ ขับเร็วๆ เพลินๆเลย
พวงมาลัยคมๆงี้ แค่ไม่ไปวัดออกตัวกับใคร
พอได้จังหวะกดแซงเป็น ใช้โหมดsport ให้คล่อง
เราจะแฮปปี้กับมันเยอะ
ขัดใจแม็คของ15 ยางเล็กๆนี่แหละ
-
รถ1.3นี่ไม่แรงหรอครับผมเห็นบนถนนขับเร็วๆกันทั้งนั่นเลย
เร็วกับแรงไม่เหมือนกันครับ เร็วคือ speed แรงคือ acceleration ขับ 120 150 180 ได้เหมือนกัน แต่จังหวะออกตัวไฟแดง กับช่วงเร่งแซง และเวลาที่ใช้ในการไต้ไปถึง 180 รถแรงกะรถอืดนั้นแตกต่างกันมากครับ
-
ปัญหากับตัวรถไม่ค่อยมีนะครับ ตอนนี้มีปัญหากับของแต่งครับ มันเยอะจริงๆ ::)
-
ผมใช้ Mazda 2 1.3 ครับ
เพิ่งใช้มาได้ 4 เดือน
ยังไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ
จริง ๆ อยากได้ 1.5D แต่ก็กลัวจะมีปัญหา
ให้ข้อมูลตัวรถเพิ่ม เทียบกับรถที่ผมขับ
อัตราเร่งต้องทำใจว่าอืดทุกช่วงความเร็วครับ
ขับในเมือง รถติด ๆ จะรู้สึกเฉย ๆ
เกียร์ทำงานได้ดี ทันใจมาก
แต่พอขึ้นทางด่วน ทำใจครับ
ผมมองว่าที่ขับกันมุด ๆ คงอยู่ที่คนขับ
เทียบ V40 ที่ผมใช้ อาจชนะเรื่องความไวเกียร์
อัตราเร่งยังห่างกันมาก
ช่วงล่างผมให้ V40 ทางตรงมั่นใจกว่า
แต่การเก็บเสียงผมให้พอ ๆ กัน
(เรื่องนี้คนที่บ้านแปลกใจกันมาก Mazda 2 เก็บเสียงดีกว่า FK และ พอ ๆ กับ V40)
ช่วงล่างแข็ง และเด้ง
ท้ายเบา เปลี่ยนเลนเร็ว ๆ แอบเสียว ๆ หลัง แต่ไม่หลุด
(ผมยังให้ช่วงล่าง Focus MK3 ภาพรวมดีกว่า)
พวงมาลัย set มาน้ำหนักและความคมดีมาก
วัสดุในรถผมว่าดีตามราคา
เรื่องเบาะคู่หน้า ส่วนหลังทำได้ดี
ตัวเบาะรองนั่ง สั้นมากครับ
ขับนาน ๆ ไม่แน่ใจจะเมื่อยไหม
-
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นนะครับ ค่อยวางใจคลายกังวนมาหน่อยครับ เพราะพอดีเพื่อนผมก็เตือนเรื่องปัญหาของเจ้า MZ2 1.3 ที่มีมากตามที่หลายๆคนพบมาในคลับครับ
เรื่องความอืดผมไม่ค่อยได้กังวนเท่าไหร่ครับ เพราะปกติก็ใช้รถ eco car อยู่แล้วครับเป็น brio amaze m/t ที่ยิ่งนับวันยิ่งอืดและกินน้ำมันขึ้นกว่าแต่ก่อนหลังจากที่ใช้น้ำมัน E20 มานาน จนต้องเปลี่ยนมาเป็น Gas95 ถึงจะพอมีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้าง และประหยัดน้ำมันขึ้นมาหน่อยครับ ( brio amaze ผ่านการใช้งานมาแล้ว กำลังจะ 7 ปี กับระยะทาง 170,000km.) คุณแม่ก็เป็นคนขับรถไม่ค่อยเร็วอยู่แล้วครับผม เซลได้ลองเอารถไปให้คุณแม่เทสที่บ้าน ดูแกเองก็ชอบอยู่นะครับ แกบอกขับดีกว่า brio amaze มาก ไม่รู้ว่าด้วยเพราะความที่เป็นรถใหม่ด้วยหรือเปล่า
-
ผมใช้ Mazda 2 1.3 ครับ
เพิ่งใช้มาได้ 4 เดือน
ยังไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ
จริง ๆ อยากได้ 1.5D แต่ก็กลัวจะมีปัญหา
ให้ข้อมูลตัวรถเพิ่ม เทียบกับรถที่ผมขับ
อัตราเร่งต้องทำใจว่าอืดทุกช่วงความเร็วครับ
ขับในเมือง รถติด ๆ จะรู้สึกเฉย ๆ
เกียร์ทำงานได้ดี ทันใจมาก
แต่พอขึ้นทางด่วน ทำใจครับ
ผมมองว่าที่ขับกันมุด ๆ คงอยู่ที่คนขับ
เทียบ V40 ที่ผมใช้ อาจชนะเรื่องความไวเกียร์
อัตราเร่งยังห่างกันมาก
ช่วงล่างผมให้ V40 ทางตรงมั่นใจกว่า
แต่การเก็บเสียงผมให้พอ ๆ กัน
(เรื่องนี้คนที่บ้านแปลกใจกันมาก Mazda 2 เก็บเสียงดีกว่า FK และ พอ ๆ กับ V40)
ช่วงล่างแข็ง และเด้ง
ท้ายเบา เปลี่ยนเลนเร็ว ๆ แอบเสียว ๆ หลัง แต่ไม่หลุด
(ผมยังให้ช่วงล่าง Focus MK3 ภาพรวมดีกว่า)
พวงมาลัย set มาน้ำหนักและความคมดีมาก
วัสดุในรถผมว่าดีตามราคา
เรื่องเบาะคู่หน้า ส่วนหลังทำได้ดี
ตัวเบาะรองนั่ง สั้นมากครับ
ขับนาน ๆ ไม่แน่ใจจะเมื่อยไหม
เบาะรองนั่ง ขับนานๆ โคตรเมื่อย
-
หลังจากใช้มา 3 ปียังไม่มีปัญหาอะไรครับแต่ผมวิ่งน้อยนะ 3 ปี แค่ 20,000 เอง พวกอะไหล่ที่เสื่อมอาจจะยังไม่เห็นผลแต่ตอนนี้ซื้อประกันต่อไปละ
เรื่องอื่นความประหยัดถ้าในเมืองก็ไม่ได้ประหยัดกว่าเครื่องเจ้าอื่นเท่าไหรหนักแต่ถ้านอกเมืองละประหยัดแน่นอนแต่ถ้าออกทริปอาจจะต้องเข้าปั๊มบ่อยหน่อยเพราะถังมันเล็กแค่ 35 ลิตรเองครับ เคยประหยัดน้ำมันมากสุด 21 กิโลลิตร ช่วงล่างพวงมาลัยผมมั่นใจกว่าขับ Altis โฉมที่แล้วนะ ส่วนปัญหามีนิดหน่อยเช่น เร่งแซงช่วงความเร็ว 90 ขึ้นไปช้า แต่ถ้า 60 - 90 ได้อยู่เพราะรถมันเบา อ่อแล้วช่วงล่างใช้ไปนานมันแข็งขึ้นเวลาลงหลุมนี้ต้องค่อยๆลงครับ
-
อืดครับขนาดนั่งแค่2คนนะ จากคนใช้ 1.5 มา 7 ปี
อะไหล่ไม่ทน ปัญหาจุกจิกมีค่อนค่างเยอะ ไปเข้าศูนย์อัพ FW ทำไฟโชว์ ให้เราเปลี่ยนแบตศูนย์ซะงั้น
ถ้ารับได้ก็ลุยครับ
แต่ถ้าเป็นผมไป City1.0ดีกว่าครับ
-
ผมใช้ดีเซลมา 4 ปีแล้วครับ
ปัญหาแรกคือ ถ้าจอดนานๆ แบตเตอร์รี่หมดและเสื่อมเร็วมาก ผมแก้โดย ซื้อ trickle charger ของ Ctek มาจิ้มแบตไว้ครับ
เรื่องเครื่องยนต์ ยังไม่เจอปัญหาอะไร
แต่ผมเติม ดีเซลพรีเมี่ยม ยูโร 5 ทุกถังนะครับ
แล้วส่วนใหญ่วิ่งรถยาว เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเผาเขม่าเท่าไหร่
เรื่องเกียร์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ครั้งแรก ตอนรถหมดประกันคุณภาพ และเปลี่ยนทุกๆ 3 หมื่นกิโลฯ ครับ
แต่จังหวะเหยียบเพื่อเร่งแซง ต้องรอประมาณ 2 วินาที กว่ารถจะคิดได้ว่าต้องเปลี่ยนเกียร์ลง
ตรงนี้หงุดหงิดมากครับ เพราะเวลาแทรกเข้าเลนขวา เสียจังหวะมาก ถ้าใช้โหมด M ลดเกียร์รอไว้เลย จะไม่มีปัญหา
เบาะนั่ง เฮ็งซวยมากครับ จะเอาไปเปลี่ยนเป็น Recaro ก็ไม่มีงบซะที
ผมใช้รถคนเดียวและนั่งคนเดียวกว่า 90% เลยไม่มีปัญหาเรื่องแคบ
แต่ถ้าใครขึ้นมานั่งและบ่นว่าแคบ ผมก็เชิญไปนั่งแท็กซี่แทนครับ (นั่งฟรีห้ามบ่น ::) )
แล้วก็อะไหล่บางตัวอย่าง คาปาซิสเตอร์ หรือ DC to DC ราคาแพงมาก
ผมอยู่ในล็อตที่มาสด้า Recall แต่ศูนย์ไม่ได้เปลี่ยนให้ บอกว่า ถ้าไม่ไม่ฟ้องอะไรก็ไม่ต้องเปลี่ยน
พอรถหมดประกันพังเลย
ศูนย์บริการ คิวยาวมาก แค่เช็คระยะ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เดี๋ยวนี้ต้องจองคิวกันเป็นเดือน
แล้วงานก็ไม่ดีแล้ว เพราะรีบๆ ทำให้มันเสร็จๆ ไป
ถ้าไม่รู้เรื่องรถเลย ผมว่า ซื้อ ฮอนด้า โตโยต้า อาจจะดีกว่า
เพราะจะพึ่งแต่ศูนย์มาสด้านั้น ผมว่าศูนย์มาสด้าเค้าไม่ค่อยใส่ใจลูกค้าเท่าไหร่ครับ
แล้วมาสด้า เซลล์ ไทยแลนด์ ก็ไม่ดูไม่ค่อยแอคทีฟกันเท่าไหร่ โทรไปถามหรือร้องเรียนอะไร ไม่เคยจะได้เรื่องเลย
(สู้มิตซูบริชิ ไม่ได้นะ)
สำหรับผม ถึงรถจะไม่มีปัญหาอะไร เหมือนที่เขาเจอกัน
แต่คันต่อไป มาสด้า จะไม่ใช่รถยี่ห้อแรก ที่เดินเข้าไปดูครับ
ถ้ามาสด้า ยังไม่แอคทีฟกับเรื่องบริการหลังการขายแบบนี้อยู่
ปรับปรุงโชว์รูม ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ แล้วมาขึ้นราคาค่าบริการ แต่บริการห่วยกว่าเดิม ก็ไม่ไหวครับ