Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Jazz Cool ที่ มิถุนายน 17, 2020, 20:27:52
-
ปัจจุบันใช้ BMW 3GT อยู่ กำลังจะครบ 5 ปี 62,xxx กิโล เหลือ BSI อีก 1 ปี (ได้ BSI 6 ปี) ส่วนตัวคิดว่าถูกใจการขับขี่มากถ้าวิ่งนอกเมือง แต่วิ่งในเมือง ด้วยความที่เป็นดีเซล จะออกดึงไปดึงมาซะหน่อย ไม่ smooth เท่าเบนซิน (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ) ส่วนเบาะหลังที่ใครๆชมว่ากว้างนักหนา ก็กว้างจริงครับ แต่นั่งไม่สบายเอาซะเลย ทุกวันนี้ลูกผมยังไม่ยอมนั่งเลยครับ บอกนั่งแล้วเมารถ เบาะชัน จะขอให้เอาคันอื่นไปทุกครั้งถ้าเป็นไปได้ ผมเลยคิดว่าถ้าจะขายควรขายก่อนหมด BSI จริงหรือ และค่าบำรุงรักษาหลังหมด BSI แพงจริงหรือเปล่าครับ แล้วสำหรับ MB ด้วยอายุที่เท่ากัน ค่าดูแลถูกกว่าหรือครับ เพราะคนซื้อมักจะใช้ข้ออ้างในการที่หมด BSI มากดราคา ทั้งๆที่ลูกค้าน่าจะมีความมั่นใจว่าเจ้าของ BMW น่าจะดูแลรักษารถได้ดีมาตลอดเพราะเคลม BMW ได้มาตลอด 5-6|ปี ด้วยซ้ำ ต่างจาก MB ที่ไม่รู้ว่า service ตลอดตามกำหนดหรือเปล่าด้วยซ้ำ
-
ควรครับ มันเป็นการตลาดอย่างหนึ่งถ้ายังคงเหลือBSIเอาไว้มันทำให้รถคันนั้นดูเป็นรถที่มีประวัติดีมากๆไปโดยปริยายครับ
ทำให้ชื้อง่าย ขายง่ายและราคาดีกว่าหลังหมดBSI
เพราะบางทีคนส่วนใหญ่จะมองว่ารถจำพวกนี้ต้องเป็นรถที่ไมล์น้อยวิ่งน้อยถึงจะดี และถ้าBSIหมดไปแล้วคนก็จะมองว่ารถผ่านการใช้งานมาค่อนข้างหนักไมล์เยอะไมล์สูงอะไรแบบนี้ครับ
ส่วนค่าบำรุงรักษาของBMWหลังจากหมดBSIไปแล้วนั่นไม่ได้แพงเลยครับ แต่ผมขอเรียนว่าต้องเข้าเซอวิสที่อู่นอกราคาแตกต่างจากที่ศูนย์เอามากๆครับ แล้วจะรู้เลยว่ามันไม่ได้แพงอย่างที่คิดครับผม
-
ผมยังคงเก็บไว้ใช้งานต่อไปคับ หลังหมด bsiเนื่องจากรถใช้งานได้ดีมาก ขับดี ประหยัดน้ำมัน f30 320d 5ปี วิ่งแค่ 4หมื่นโล
จะรบกวนสอบถามแนะนำอู่นอกที่ไว้ใจได้หน่อยคับ แถวนนทบุรีคับผม
-
ครอบครัวผม ใช้ x 1 ดีเซล f 48 อยู่ ก็กำลังหาข้อมูลว่า ถ้าจะใกล้หมด bsi จะจัดการอย่างไรต่อดี
ตอนนี้มีสองแนวคิดคือ 1. ขายก่อนหมด bsi โดยอาจเป็นเทิร์นกับศูนย์บีเอ็มเพื่อออกคันใหม่ หรือไม่ก็ขาย
คันเดิม แล้วไปออกรถใหม่ที่เป็นยี่ห้ออื่นๆ
2. ใช้คันเดิมต่อไป บำรุงรักษาตามระยะ แต่ก็กลัวค่าบำรุงรักษาของศูนย์ที่ราคาสูง
หรือไม่ก็ต้องหาอู่นอกที่คุณภาพดีๆเพื่อใช้บริการต่อไป
สมาชิกท่านใดเป็นเจ้าของรถบีเอ็ม เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ช่วยชี้แนะบ้างนะครับ เผื่อจะมี
แนวทางดีๆที่เจ็บตัวน้อยหน่อยครับ
-
ผมเคยตาม x1 โฉมแรก มือสอง ระหว่างมี bsi กับ ไม่มี
ราคาขายหน้าเต้นท์ต่างกันเป็นแสนครับ
Mini r60 ก็เช่นกันครับ ราคาก็ต่างกันเป็นแสน
ถ้าปล่อยตอนเหลือประมาณ 8 เดือน ก็ได้ราคามากกว่าปกติพอสมควร
อันนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วแหละครับว่าราคาที่ต่างกันตรงนี้คุ้มหรือเปล่า
-
ขายไปเถอะครับ หมดBSIราคาร่วงเยอะกว่าตอนไม่หมดแน่นอน เด็กๆไม่ยอมนั่งด้วยยิ่งไม่มีประโยชน์อะไรเลย สู้ไปถอยAudi A5 Sportback เบนซินมาใช้จะคุ้มกว่าครับ
-
บางคนก็ใช้จนไปไม่ไหวแหละครับ อย่างเจ้านายผม เห็นใช้ F10 มาหลายปีแล้ว ว่าจะถามอยู่ว่าทำไมไม่เปลี่ยนสักที แต่ลักษณะแกไม่ใช่คนเล่นรถเท่าไร แล้วก็เห็นมีซ่อมหนักไปทีนึงแล้วก็ใช้ต่อจนถึงทุกวันนี้ คิดว่ารอบนี้คงได้ฤกษ์เปลี่ยนแล้ว เพราะวันก่อนเห็นให้เซลส์ Volvo มา Present สงสัยจะเปลี่ยนเป็น XC90 แอบเห็นบนจอตอนไปปิดห้องประชุมให้ 555 :-X
-
ปัญหาการกดราคาจากหมด BSI เป็นเรื่องของพวกเต้นท์มือสองกับลูกค้าบางกลุ่มที่จะกดราคาคนขาย ผมว่าราคาอะไหล่มันก็พอกับเพื่อนๆ นั่นแหละ คงมีถูกกว่าบ้างแพงกว่าบ้างเป็นธรรมดา
การมี BSI ให้คนซื้อไปต่อรู้สึกว่าฉันยังไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมเพิ่มหรืออาจจะซื้อแล้วเอาไปเคลมอะไหล่หลักๆ ยกคันก็คุ้มและฟรี มันก็เป็นประเด็นให้กดราคาคนจะขายรถ ต่างจากเพื่อนบ้านที่จะหมดหรือไม่หมดประกันก็ต้องจ่ายอะไหล่สิ้นเปลืองเองหมด การมีประกันคือใช้เคลมเฉพาะอะไหล่หลักที่ปกติมันก็มีเสียประจำรุ่นแค่บางชิ้น
-
จริง......!!!!!!
-
ขายก่อนหมดได้ราคาดีกว่าเล็กน้อยครับราวๆ10-20% เคสผมก็ใกล้เคียงกับ จขกท.เลยครับ สี่ปีสี่หมื่นกว่าโล จะขายก็เสียดาย เก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้ ลูกไม่ยอมนั่งเลยขนาดบางวันไปรับแทนแม่กลับจากโรงเรียนไม่ยอมขึ้นรถจะรอแม่มารับ คือนั่งทีไรอ้วกแตกทุกทีด้วยฟีลลิ่งเกียร์ที่ชิฟดาวน์ไวและรถกระชากตอนเร่ง เบาะที่แข็งแคบไม่เหมาะกับคนนั่งตอนหลังเลย ส่วนหลัง bsi ผมว่าแพงมาก อย่างน้ำมันเครื่องก็6-7พันแล้วยังไม่รวมกรองและอะไหล่สิ้นเปลืองเลย บวกแวตและค่าแรงคิดเป็นหน่วยแต่ละจุด ยิ่งถ้าเจอช่วงล่างนี่บางทีเป็นสิบหน่วยแพงเอาเรื่องเลย เคยเจอยางกันกระแทกโช๊คตัวเดียวไม่กี่ร้อยแต่เจอค่าแรงเข้าไปห้าพัน จริงๆถ้าเข้าอู่นอกแบบนี้ผ่ายัดใส่เข็มขัดรัดจบในราคา3-4ร้อย หรือถอดเปลี่ยนอย่างมากก็ไม่เกินสองพัน น้ำมันเกียร์ลิตรละพันกว่าบาทขนาดแบบตวงนะ ถ้าเลือกแบบโดสแพงหนักเข้าไปอีก หลังหมดถึงนิยมเข้าอู่กันซะส่วนมากเพราะประหยัดได้หลายเท่าตัวครับ
-
อีกตัวเลือกสำหรับผม ก่อนหมด BSI ก็เคลมส่วนต่างๆ ให้หมด แล้วใช้ต่อ แล้วใช้บริการอู่นอก
เพราะเปลี่ยนทีขาดทุน หลักล้านตลอด
-
อีกตัวเลือกสำหรับผม ก่อนหมด BSI ก็เคลมส่วนต่างๆ ให้หมด แล้วใช้ต่อ แล้วใช้บริการอู่นอก
เพราะเปลี่ยนทีขาดทุน หลักล้านตลอด
+1 ครับ ผมเครมชุดใหญ่ไป ก่อนหมด BSI แล้วใช้ต่อยาวๆ
อะไหล่ตัวไหนที่เสี่ยง และเป็นปํญหาของรุ่นจับเปลี่ยนหมดเลย
-
ถ้าคิดจะขาย ให้ขายก่อนหมด เพราะได้ราคาดีกว่าเยอะ
แต่ถ้าไม่ได้คิดจะขาย ก็เคลม bsi ให้ครบ แล้วไปจบอู่ข้างนอก แล้วใช้ยาวไปครับ
-
ถ้าคิดจะขาย ให้ขายก่อนหมด เพราะได้ราคาดีกว่าเยอะ
แต่ถ้าไม่ได้คิดจะขาย ก็เคลม bsi ให้ครบ แล้วไปจบอู่ข้างนอก แล้วใช้ยาวไปครับ
ถูกต้องครับ ::)
-
ถ้าคิดใช้ยาว รถไม่จุกจิก ก่อนหมดก็เคลมอะไรให้ครบ เก็บไว้ใช้ยาวๆ
แต่ถ้าคิดจะขาย ควรขายก่อนหมด BSI ครับ
เพราะราคาก่อนหลังหมดนี่ ต่างมากๆ คนซื้อต่อไปที่ต้องการ BSI เพื่อเคลม หรือมั่นใจประวัติการรับบริการ ยินดีจ่ายส่วนต่างไงครับ
-
อ่าน คห. แล้วก็ "เหนื่อยใจ"
รถใช้ได้ 4-5 ปี แล้ว "ควร" จะต้องขาย เพื่อเปลี่ยนใหม่!!
ถ้าใช้เยอะ มันสึกหรอมาก ก็ "สมควร" เปลี่ยน แม้ไม่ถึง 4-5 ปี
แต่ถ้ามันยังดีอยู่ ผมว่า ใช้ต่อไปอีกซักระยะเถอะ
ถึงมี BSI อยู่ ต่อให้เป็นรุ่นยอดนิยม ยังไงก็ "ร่วง" เกิน 60%
แต่ถ้า "เหลือ" จะเปลี่ยนบ่อยๆ ก็ไม่มีใครว่านะ!!