Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Tien.W ที่ สิงหาคม 03, 2020, 13:44:29
-
รถ CR-V G3 ปี 2011 ไมล์ 146,XXX กม. โช้ค Bilstein B6 (อายุโช้ค 4 ปี 76,XXX กม.)
ไปเหนือรอบที่ผ่านมา เจอว่า
1. ความเร็ว 80 ขึ้นไป รถมีอาการเต้น เหมือนท้ายดีดตลอดเวลา (เหมือนรถกระบะ Vigo เดิมๆ) มือถือที่วางบนตัวจับที่คอนโซลสั่นตลอด แต่พวงมาลัยนิ่งนะ ไม่สั่น .. กดไป 140 ก็ยังอาการนี้
- รถดีดไม่เยอะ แต่มันรำคาญ เพราะมีเบาๆตลอดเวลา และ ส่งผลให้เมื่อย หรือ เพลีย เวลาขับยาวๆ
2. เวลารูดทางไม่เรียบ ฝั่งเดียว ล้อหลังซ้าย จะมีเสียงดังกึก กึก เบาๆ
3. เลียเบรคแบบแผ่วเบา รถดึงขวา
การแก้ไข
1. จัดการส่งร้านเช็คเบรค หล่อลื่นสลัก ถ่ายน้ำมันเบรคแล้ว อาการเบรคดึงไม่หาย .. ร้านแจ้งว่า น่าจะมาจากศูนย์ล้อ (ซึ่งก็คิดอย่างนั้น เพราะจำได้ว่า มันเคยเป็น ศูนย์หลังเพี้ยน เบรคแล้วดึง .. เหตุเพราะเวลาเข้าศูนย์ พอรถทำเสร็จ ศูนย์ขับออกมาจอด ชอบถอดจนชนหมอนกั้นล้อค่อนข้างแรง)
2. ช่วงล่าง ไล่แน่น ไล่เช็คทุกจุด ไม่พบความผิดปกติ (แต่เสียงเบาลงนะ เบาลง จนทีแรก นึกว่า หาย แต่พอขับยาวๆ ก็ยังมี แต่เบา)
3. สลับยาง ถ่วงล้อใหม่หมด ตัดประเด็นเรื่องสั่น / เต้น จากล้อหลัง เพราะเอาหลังมาไว้หน้า พวงมาลัยก็นิ่งสนิท แต่รถยังเต้นอยู่
..................
เลยค่อนข้างจะฟันธงแล้วว่า น่าจะมาจากโช้ค Bilstein B6 พัง !!! ยิ่งเปิดดูประวัติ ที่จดไว้ ก็อายุเท่ากับโช้คศูนย์เลย ทีนี้ประเด็นผม ก็คือ
แล้วจะใส่อะไรดี ?
1. Bilstein B6 .. เอาเหมือนเดิม แต่ราคาก็โหดร้ายกับสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ผมชอบฟิลลิ่งเค้านะ แข็ง ตอนคลานในเมือง แต่ที่ความเร็วสูง มันนิ่ม แน่น ดีมาก ยัดได้ทุกโค้ง หนึบสุดเท่าที่เจอมา กิน สตรัท Tein ที่เคยใช้มา 2 ชุด (ในรถคันอื่น) แบบไม่เห็นฝุ่น
2. Tein Endurapro .. คงเอาตัวปรับไม่ได้ เพราะ ข้างหลังถ้าปรับต้องถอดลงมาปรับ หรือใส่ EDFC ซึ่งก็บาน แถมรื้อรถอีก นิสัย ค่ายนี้ น่าจะไปทางนุ่ม ผลิตจีน แต่ข้อดีคือ มัน O/H ได้ ใช้ไป 7 หมื่นกม. พังอีก ส่งศูนย์ ก็จ่ายหมื่นเดียวจบ
3. KYB New SR .. เจ้านี่ ใช้ใน CRV G4 และ Jazz GE ติดกระด้างนิดๆ (แต่ไม่เท่า Bil หรอก) เกาะดีขึ้นในระดับหนึ่ง ราคาถูกกว่า Tein นิดนึง ผลิต ญี่ปุ่น แต่พังแล้วก็โยนทิ้ง
คิดไม่ตกว่า เอาอะไรดี
นอกจาก ค่าโช้คแล้ว ยังมีค่าส่วนควบ ที่ลองตัดพวกน้อต โบลท์ ทั้งหลายออก จะเหลือราวๆ 6 พันกว่า แล้วก็ น่าจะเบิกสปริง 4 ต้น เพิ่มด้วย เพราะรถจะ 10 ปีละ คงทรุดและล้าแล้ว (ซึ่งอาจมีผล เลียเบรคแล้วดึง ตามที่ร้านเบรคแนะนำได้) สปริง CRV รุ่นนี้ ต้นนึง 640 บาทเอง
................
พอมีไอเดียไหมครับ เอาอะไรดี .. อาชีพหลักคันนี้คือ ไปทางเขา ทางชัน ทางโค้ง โดยเฉพาะภาคเหนือครับ (ส่วนลงใต้ ทางเรียบๆ เขาชันๆไม่มี เอา pulsar ไปซ่าส์ได้)
อ้อ เท่าที่ผมค้นๆ คนใช้ Bilstein แว้บๆในกลุ่ม bmw หลายๆรุ่น เวลามันพัง เหมือนจะอาการคล้ายๆรถผมใช่ไหม ท่านไหนเคยใช้เฟิร์มให้หน่อยครับ
- ยางยังไม่สึกเป็นบั้ง โช้คหลังยังแห้ง แต่อาการแบบนี้ ผมขับไม่ได้แฮะ (ยังว่า กลับจากน่าน รอบนี้ ทำไมเพลียจัง)
- โช้คหน้า เหมือนกัน 2 ข้าง มีคราบน้ำมันบางๆ (เอามือแตะแล้วเหนียวติดมือ แต่ยังไม่มีฝุ่นเกาะ เพราะอยู่ใต้ ยางกันฝุ่น)
สองจิต สองใจ ระหว่างซ่อมรถ กับ เปลี่ยนเป็น CX5 Turbo / Forester GT แต่ก็นะ สภาพแบบนี้ เอาชัวร์ ใช้คันเดิมไปก่อนดีกว่า อิอิ
ขอบคุณครับ
-
1.เปลี่ยนแต่โช้คพอครับ โช้คแต่งหรือโช้คศูนย์ ก็แล้วแต่ความชอบ
สปริงไม่ต้องก็ได้ ผมว่าไม่น่าจะแย่มาก
2.ถ้าจะเปลี่ยนโช้ค+สปริง ผมว่าลองสตรัทปรับเกลียวไปเลยดีกว่า
3.อย่าลืมเช็คบูทยาง ลูกหมากต่างๆ ด้วยครับ
-
ถ้าเป็น New SR
ผมว่าน่าจะทนที่สุดในบรรดาที่เลือก
ถ้ายังมาตรฐานเดิมนะครับ
ส่วนช่วงล่างหลัง crv mk3 ปรับ toe ได้
ลองตรวจดูว่าค่า toe ผิดจากโรงงานไปไหมครับ
เดาว่าสเปคน่าจะ toe in นิดๆ
-
1.เปลี่ยนแต่โช้คพอครับ โช้คแต่งหรือโช้คศูนย์ ก็แล้วแต่ความชอบ
สปริงไม่ต้องก็ได้ ผมว่าไม่น่าจะแย่มาก
2.ถ้าจะเปลี่ยนโช้ค+สปริง ผมว่าลองสตรัทปรับเกลียวไปเลยดีกว่า
3.อย่าลืมเช็คบูทยาง ลูกหมากต่างๆ ด้วยครับ
1. - 2. ไม่เลือก สตรัทปรับเกลียว เพราะรถเตี้ยลงราวๆ 1 นิ้วครับ ขับลำบากครับ บางที ไปพักบางแห่ง ทางขึ้นลงชันมาก ครับ
3. ไล่มาครบทุกตัวครับ
- บู๊ชปีกนกตัวเล็ก / บู๊ชคอม้า
- ลูกหมากกันโคลงหน้า / หลัง
- ลูกหมากแร็ค
- แร็คพวงมาลัย
- ปีกนกหลังบน
เปลี่ยนศูนย์ของแท้ทุกชิ้น จนไม่เหลืออะไรให้เปลี่ยนแล้วครับ ถ้าจะขาด ก็บู๊ชปีกนกตัวใหญ่ ที่ไม่แยกขาย ต้องยกปีก แต่เช็คแล้วยังสมบูรณ์ครับ
-
ถ้าเป็น New SR
ผมว่าน่าจะทนที่สุดในบรรดาที่เลือก
ถ้ายังมาตรฐานเดิมนะครับ
ส่วนช่วงล่างหลัง crv mk3 ปรับ toe ได้
ลองตรวจดูว่าค่า toe ผิดจากโรงงานไปไหมครับ
เดาว่าสเปคน่าจะ toe in นิดๆ
New SR ใส่ Jazz GE มาตั้งแต่ 140,000 กม. ปัจจุบัน 300,000 กม. ยังไม่มีอาการใดๆ แต่แอบเห็นหลังๆ New SR มีคนบ่นหลายคนเหมือนกันครับ
ข้างหลัง สเปคศูนย์ Toe ข้างละ +1 ครับ แต่ก็แปลกที่มันเพี้ยนค่อนข้างง่าย โดยเฉพาะออกจากศูนย์มาทีไร ได้เรื่องทุกที (กับคนที่ซีเรียสเรื่องการขับขี่แบบผม) กะว่า เดี๋ยวเปลี่ยนโช้คแล้วค่อยไปตั้งศูนย์ใหม่ทีเดียวเลยครับ
-
ส่วนตัวใช้ B8 มาก็หลายชุดอยู่นะครับ ส่วน B6 ก็ใช้อยู่กับอีกคัน
อาการโช้คเขาเสีย ที่ผมเจอมีหลายแบบอยู่ ทั้งแบบขาดออกจากกันไปเลย รั่วเห็นน้ำมัน หรือดูภายนอกไม่เห็น ต้องมาขย่มรถเอานิ้วแตะที่หัวแกนโช้คดูครับ แต่หลักๆก็เหมือนโช้คทั่วไป ที่ขย่มรถดูก็จะพอบอกอาการได้
ของผมเริ่มชินๆกับของเขา หลังๆเสียตัวไหน ถ้าในชุดสำรองผมไม่มี (เคยเบิกเป็นชุดมาหลายชุดอยู่เหมือนกันครับ) ผมก็เบิกเฉพาะข้างที่เสียเปลี่ยนเอา ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากจะลองแบบนี้ดูก็ได้ครับ เบิกเป็นตัวเขาก็ขายแต่ราคาจะสูงหน่อย เมื่อเทียบกับซื้อเป็นชุดครับ
-
จริงๆผมเล็งจะใส่ Tein Endura Pro plus (ปรับได้) แล้วหา EDFC มือสองมาใส่เอากับรถผมเหมือนกันคับ
การขับไปปรับไปได้เนี่ยผมว่ามันดีงามมากเลยน่ะ การติดตั้งก็ไม่น่ายากเพราะตอนใส่โช้คมันต้องแกะซุ้มหลังออกอยู่แล้วก็คงทำไปทีเดียวเลย
EDFC ผมว่าจะใส่แค่รุ่นแรกๆพอ ตัว Active แบบปรับตามค่าแรงจีได้นี่ยังไม่กล้าลอง เกิดขับๆอยู่มันรวนขึ้นมากลัวจะซ่อมยาก
ปล. เคยได้ลอง CX-5 2.5T อยู่แวบนึง แรง...เลยล่ะ ช่วงล่างก็มาแนวหนักแน่นดีด้วย
ติดว่าราคามันแพงเกินฐานะไป ไม่งั้นจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนเลยคับ
-
จริงๆผมเล็งจะใส่ Tein Endura Pro plus (ปรับได้) แล้วหา EDFC มือสองมาใส่เอากับรถผมเหมือนกันคับ
การขับไปปรับไปได้เนี่ยผมว่ามันดีงามมากเลยน่ะ การติดตั้งก็ไม่น่ายากเพราะตอนใส่โช้คมันต้องแกะซุ้มหลังออกอยู่แล้วก็คงทำไปทีเดียวเลย
EDFC ผมว่าจะใส่แค่รุ่นแรกๆพอ ตัว Active แบบปรับตามค่าแรงจีได้นี่ยังไม่กล้าลอง เกิดขับๆอยู่มันรวนขึ้นมากลัวจะซ่อมยาก
ปล. เคยได้ลอง CX-5 2.5T อยู่แวบนึง แรง...เลยล่ะ ช่วงล่างก็มาแนวหนักแน่นดีด้วย
ติดว่าราคามันแพงเกินฐานะไป ไม่งั้นจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนเลยคับ
EDFC ถ้าตัวแรก ต้องเดินสายไฟในห้องโดยสารเยอะหน่อย แต่ถ้าเป็นตัว Active จะใช้ wifi ก็เดินสายน้อยหน่อยครับ (ห่วงรื้อแคะ แกะในห้องโดยสาร น่ะครับ)
ปกติ นิสัยใช้รถผม จะซ้ำเดิมๆ คือ วิ่งทางไกล สปีด 100 - 110 เท่านั้น เซ็ทค่าลงตัวแล้วคือจบ ไม่ยุ่งกับมันอีกน่ะครับ (ถ้าไม่ไปทำอะไรเพิ่มอีก)
อย่างใน Pulsar
ติดรถมา หน้า 8 หลัง 8 .. นิ่มไปหน่อย
ตั้งใหม่ หน้า 6 หลัง 8 .. เออ โอเค
เปลี่ยนยางหนาขึ้น กว้างขึ้น ยางเบียด และ นิ่มไป เลยปรับ หน้า 4 หลัง 7 (6 แข็งไป)
เลยมองว่า ไม่จำเป็น (สำหรับผม) สักเท่าไหร่น่ะครับ
-
ถ้าเป็น New SR
ผมว่าน่าจะทนที่สุดในบรรดาที่เลือก
ถ้ายังมาตรฐานเดิมนะครับ
ส่วนช่วงล่างหลัง crv mk3 ปรับ toe ได้
ลองตรวจดูว่าค่า toe ผิดจากโรงงานไปไหมครับ
เดาว่าสเปคน่าจะ toe in นิดๆ
New SR ใส่ Jazz GE มาตั้งแต่ 140,000 กม. ปัจจุบัน 300,000 กม. ยังไม่มีอาการใดๆ แต่แอบเห็นหลังๆ New SR มีคนบ่นหลายคนเหมือนกันครับ
ข้างหลัง สเปคศูนย์ Toe ข้างละ +1 ครับ แต่ก็แปลกที่มันเพี้ยนค่อนข้างง่าย โดยเฉพาะออกจากศูนย์มาทีไร ได้เรื่องทุกที (กับคนที่ซีเรียสเรื่องการขับขี่แบบผม) กะว่า เดี๋ยวเปลี่ยนโช้คแล้วค่อยไปตั้งศูนย์ใหม่ทีเดียวเลยครับ
อ่านจากที่ในเวบอธิบาย แจ้งว่าน้อตแบบ self lock ต้องเปลี่ยนตัวใหม่เมืีอทำการปรับมุม น่าจะเป็นตัวล้อกลูกเบี้ยวปรับ toe ลองดูนะครับ
-
ลองไปที่ BDR ground control ดูครับ
-
ส่วนตัวใช้ B8 มาก็หลายชุดอยู่นะครับ ส่วน B6 ก็ใช้อยู่กับอีกคัน
อาการโช้คเขาเสีย ที่ผมเจอมีหลายแบบอยู่ ทั้งแบบขาดออกจากกันไปเลย รั่วเห็นน้ำมัน หรือดูภายนอกไม่เห็น ต้องมาขย่มรถเอานิ้วแตะที่หัวแกนโช้คดูครับ แต่หลักๆก็เหมือนโช้คทั่วไป ที่ขย่มรถดูก็จะพอบอกอาการได้
ของผมเริ่มชินๆกับของเขา หลังๆเสียตัวไหน ถ้าในชุดสำรองผมไม่มี (เคยเบิกเป็นชุดมาหลายชุดอยู่เหมือนกันครับ) ผมก็เบิกเฉพาะข้างที่เสียเปลี่ยนเอา ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากจะลองแบบนี้ดูก็ได้ครับ เบิกเป็นตัวเขาก็ขายแต่ราคาจะสูงหน่อย เมื่อเทียบกับซื้อเป็นชุดครับ
ขอบคุณครับ
ที่ผมห่วงไม่เบิกทีละชิ้น ก็คือ กลัวอายุมันจะไล่ๆกัน เปลี่ยนตัวนึง ใช้อีกแป้บ อีกตัวพัง ไล่ไปไล่มา เป็นยกชุด คราวนี้กลายเป็นแพงเลย
เรื่องทดสอบ ลองขย่มดู กดแทบไม่ลงเลยครับ แข็งมาก (ข้างหลัง)
............
ไลน์ เช็คราคา โช้คหลัง กับ united tire ไปละ แหะแหะ
-
โช้คหลังน่าจะไปแล้วครับ ผมก็เคยเป็นเด้งมากๆ แกนนี่กดไม่ลงเลย
เปลี่ยนโช้ครถจะนุ่มขึ้นและเกาะถนนมากขึ้นครับ เลือกหนึบๆไว้นิดก็ดีถ้าอ่อนไปเดี๋ยวย้วยเกินขับไม่ดีครับ
-
โช้คหลังน่าจะไปแล้วครับ ผมก็เคยเป็นเด้งมากๆ แกนนี่กดไม่ลงเลย
เปลี่ยนโช้ครถจะนุ่มขึ้นและเกาะถนนมากขึ้นครับ เลือกหนึบๆไว้นิดก็ดีถ้าอ่อนไปเดี๋ยวย้วยเกินขับไม่ดีครับ
ราคาโช้คหลัง คู่ละ 18,400 บาท
ถ้ายกชุด 36,800 บาท
หรือ ยกชุดดีหว่า แล้วส่วนควบไม่ต้องเปลี่ยน เพราะไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย ใช้ไปอีก 4 - 5 ปี ถึงตอนนั้น ค่อยเปลี่ยนพร้อมรถเลย
-
โช้คหลังน่าจะไปแล้วครับ ผมก็เคยเป็นเด้งมากๆ แกนนี่กดไม่ลงเลย
เปลี่ยนโช้ครถจะนุ่มขึ้นและเกาะถนนมากขึ้นครับ เลือกหนึบๆไว้นิดก็ดีถ้าอ่อนไปเดี๋ยวย้วยเกินขับไม่ดีครับ
ราคาโช้คหลัง คู่ละ 18,400 บาท
ถ้ายกชุด 36,800 บาท
หรือ ยกชุดดีหว่า แล้วส่วนควบไม่ต้องเปลี่ยน เพราะไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย ใช้ไปอีก 4 - 5 ปี ถึงตอนนั้น ค่อยเปลี่ยนพร้อมรถเลย
ระดับคุณเธียร = ยกชุดเลยครับ เพราะเงินไม่ใช่ปัญหา ;)
ไว้เปลี่ยนคันหน้า = อย่างน้อยต้อง พอร์ช คาเยนน์ ครับ ;)
-
ลงเทอินโปรรุ่นปรับไม่ได้ไปเลยครับ ขับในเมืองได้นุ่ม พอออกต่างจังหวัดจะแข็งเฟริมขึ้นอีกพอประมาณ ฟิลลิ่งพอๆ กับโช็คมอนโรว์รีเฟล็ก แต่มอนโรว์จะแข็งกว่า พอกลับจากต่างจังหวัดเข้าเมือง ช่วงแรกๆ จะติดอาการแข็งๆอยู่ พอสักระยะก็จะกลับมานุ่มเหมือนเดิม ฟิลลิ่งผมว่ามันโอเคเลย วิ่งทางไกลไม่มีนุ่มย้วยแน่นอน มีแต่จะแข็งขึ้น ราคา 4 ต้นไม่ถึง 2หมื่นผมว่าคุ้มครับ
-
rein ไป oh มันจะดีเหรอครับสปริงใช้งานไปเยอะแล้ว ผมก็มีชุดนนึงตอนนี้ใช้ไป 120k แล้ว สปริงน่าจะล้าไปแล้ว
ผมว่าใส่ b6 แบบเดิมน่าจะถูกใจกว่านะครับ เดี๋ยวจะหงุดหงิด
-
rein ไป oh มันจะดีเหรอครับสปริงใช้งานไปเยอะแล้ว ผมก็มีชุดนนึงตอนนี้ใช้ไป 120k แล้ว สปริงน่าจะล้าไปแล้ว
ผมว่าใส่ b6 แบบเดิมน่าจะถูกใจกว่านะครับ เดี๋ยวจะหงุดหงิด
TEIN สามารถเปิด O/H ได้โดยศูนย์ Tein คือ ATP หรือ Master Shop กลับมาเกือบ 100% ครับ
สองจิต สองใจ อยู่ เรื่องรุ่นโช้ค กับ สปริง กลัวใส่ตัวอื่นแล้วไม่จบนี่แหละครับ สงสัยต้องกัดฟัน แล้วยกชุด B6
-
ถ้าจะเล่น tein ต้อง endurapro plus ครับ ยังไงปรับจูนได้ ก็จะเข้ากับเรามากกว่า
ปรับ 1,1 แข็งกระโดกกระเดกมาก ไม่เกาะเลย
3,3 นี่ชอบมาก นุ่มหน่อย แต่เกาะดี เข้าโค้งได้คมน้อยกว่า new sr
แต่แฟนบอกหลังเด้งไปนิด เลยจบที่ 3,4
แต่คุณเธียร ผมแนะนำ new sr เพราะบู๊ได้เด่นกว่าตัวบนครับ เข้าโค้งคมกว่า แข็งกว่า
แสนกว่าเปลี่ยนสปริงเถอะครับ ราคาไม่แพงเลย (g4) ผมเปลี่ยนไปตอน 120,000 โล
-
rein ไป oh มันจะดีเหรอครับสปริงใช้งานไปเยอะแล้ว ผมก็มีชุดนนึงตอนนี้ใช้ไป 120k แล้ว สปริงน่าจะล้าไปแล้ว
ผมว่าใส่ b6 แบบเดิมน่าจะถูกใจกว่านะครับ เดี๋ยวจะหงุดหงิด
TEIN สามารถเปิด O/H ได้โดยศูนย์ Tein คือ ATP หรือ Master Shop กลับมาเกือบ 100% ครับ
สองจิต สองใจ อยู่ เรื่องรุ่นโช้ค กับ สปริง กลัวใส่ตัวอื่นแล้วไม่จบนี่แหละครับ สงสัยต้องกัดฟัน แล้วยกชุด B6
ซื้อยกชุดไว้ก็ดีครับ ราคาเมื่อเทียบแล้วจะถูกกว่าซื้อแยกเป็น คู่ หรือ ตัว อีกอย่าง ชุดเก่าตัวที่ไม่เสียก็เก็บไว้ใช้เผื่อรอบหน้า ที่จังหวะเสียมาตรงกับที่มีสำรองอยู่พอดี ก็เอามาใช้ได้เลยครับ
การเก็บผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ใส่กล่องไว้เฉยๆ ตัวไหนเสียจังหวะของเก่าเรามีก็ตรงอยู่พอดีก็เอามาใส่ได้เลยครับ ผมเองก็ทำแบบนั้นเหมือนกันครับ
ปล ในรูปอาจจะดูเยอะหน่อยนะครับ พอดีทั้งสองคันผมใช้ biltein ทั้ง B6 และ B8 แล้วก็ใช้มานานละตั้งแต่ตัวแทนเดิมยังเป็นแถวพระราม 4 ใช้มาเรื่อยจนถึงปัจจุบันละครับ
-
(เข้ามาเชียร์) เก็บงบไว้เปลี่ยนคันใหม่เลยครับ ;D
-
rein ไป oh มันจะดีเหรอครับสปริงใช้งานไปเยอะแล้ว ผมก็มีชุดนนึงตอนนี้ใช้ไป 120k แล้ว สปริงน่าจะล้าไปแล้ว
ผมว่าใส่ b6 แบบเดิมน่าจะถูกใจกว่านะครับ เดี๋ยวจะหงุดหงิด
TEIN สามารถเปิด O/H ได้โดยศูนย์ Tein คือ ATP หรือ Master Shop กลับมาเกือบ 100% ครับ
สองจิต สองใจ อยู่ เรื่องรุ่นโช้ค กับ สปริง กลัวใส่ตัวอื่นแล้วไม่จบนี่แหละครับ สงสัยต้องกัดฟัน แล้วยกชุด B6
ผมว่าชุดเดิมจบ ก็ใส่ชุดเดิมไปดีกว่าครับ ไม่คาใจ ปวดหัว ถ้าเกิดไม่ถูกใจ ค่ารื้อเปลี่ยนอีกรอบก็โดนไปอีก
ว่าแต่สปริงในระยะแสนโลหน่อยๆมันยังไม่ล้าใช่มั้ยครับ tein ตอนแรกกำลังจะตัดใจไปชุดใหม่แล้ว
-
อัพเดท ครับ
สุดท้าย จบที่ Tein Endurapro (ปรับหนืดไม่ได้) ราคา 18,900 บาท ติดตั้งที่ ATP ครับ
แล้วก็เบิกส่วนควบ จาก HONDA พร้อมสปริง แต่ไม่เอาสารพัดน้อต เบ็ดเสร็จราวๆ 1 หมื่นบาท (9,9XX บาท)
.........
ใส่เสร็จ วิ่งออกมา
รถออกแนวแข็ง ไม่นิ่มอย่างที่คิด .. อาการเหมือนเติมลมยางแข็งกว่าเดิมสัก 3 - 4 ปอนด์ แต่ยังถือว่า นิ่มกว่า Bilstein B6 ครับ
พอออกวิ่งยาว ขึ้นทางด่วน จะกลับกัน ..
B6 ที่เคยแข็ง มันจะกลายเป็นเฟิร์มพอดี เก็บรอยต่อถนนบนทางด่วน ได้เกือบหมด มีแค่เสียงกับอาการเบาๆเข้ามา ขับแล้วมั่นใจ
Tein จริงๆก็ปกติของโช้คทั่วไป คือ ขับช้าเป็นไง ขับเร็วก็เป็นงั้น ผ่านรอยต่อถนน จะส่งผ่านแรงเข้ามาให้รู้สึกได้มากกว่า B6 แต่ถ้าถนนเรียบๆ มันนิ่มกว่า B6 แอบย้วยเล็กๆ ลองเปลี่ยนเลนกระทันหัน หักสาดเข้าโค้งแรงๆ รถเอียงเหมือนจะหลุด (แต่อันนี้ อ้างอิงไม่ได้ เพราะศูนย์ล้อเพี้ยนเละเทะ)
.............
วันนี้ เอาเข้ามาตั้งศูนย์ล้อ จากฝีมือร้านประจำ บางพลัด ศูนย์ล้อ
ช่างทัก
1. น้อตยึดสายน้ำมันเบรค ขวา ขันปีนเกลียว
2. ลูกหมากกันโคลงหน้า ขวา ขันปีนเกลียว
ฝีมือ ATP แหละ ฝีมือช่างใหม่ เพราะ ช่างเก่า นั่งทำล้อหลังอยู่ .. แต่ช่างที่บางพลัด ก็ ต๊าบเกลียว / เปลี่ยนน้อตตัวเมีย ให้เรียบร้อยครับ (ขอบคุณในความใส่ใจ ที่ไล่ตรวจทั้งหมดให้)
ขับออกมา ...
- นิ่มครับ นิ่มโคตรๆ ผ่านรอยต่อถนน ผ่านทางขรุขระ รถกระแทก สะเทือนแรงกว่า โช้คเดิมพอตัว แต่ไม่ถึงขนาดสตรัทปรับเกลียวนะ แค่กระแทกแรงกว่านิด แต่พอเจอถนนเรียบๆ มันนิ่ม แบบน่าประทับใจ สำหรับคนใช้งานทั่วไปเลยล่ะ
- กล่าวคือ ถ้า ของเดิมติดรถ (อ้างอิง รถรุ่นเดียวกัน ของน้องสาว ที่เพิ่งเปลี่ยนของศูนย์ไป แบบยกชุด พร้อมสปริงนะ) รายนั้นจะมีดีดๆ เด้งๆ แถมโยกเยก (ตามนิสัยยาง G055) แต่ Tein รถผม จะไม่โยกเยก ไม่เด้ง แต่จะนุ่ม เอาว่า ความนุ่มใกล้ๆ G4 แต่ไม่โยกเยก แบบ G4
- ลองสาดโค้งบนสะพานหน้า อตก ฝนตกๆ เข้าไปที่ 80 มันก็ไปได้นะ ก็ถือว่า ใช้ได้แหละ
- ติ นิดเดียว ช่วงกลางโค้งมะกี้ แล้วเจอทางขรุขระบนถนน จะเจอกับอาการเหวี่ยงออกข้างทั้งคัน ของรถ ซึ่งอาการ เหมือน pulsar เป๊ะเลย !!! แปลว่า นิสัย Tein ล่ะสิเนี่ย !!!
- วันนี้ นอน กทม พรุ่งนี้ถึงได้กลับ ปราจีน ไว้จะหาโค้งลองครับ (สงสัยต้องวิ่งบูรพาวิถี ลง บางวัว ต่อ มอเตอร์เวย์ มีโค้งโหดๆไว้ให้ลอง .. ถ้าฝนไม่ตก และ ไม่มีรถนะครับ)
...........
สรุปเบื้องต้น
- ถ้าคนที่มาจาก โช้คเดิมติดรถ เชื่อว่า พอใจมาก อาการรถดีขึ้นมากมาย รับรองว่า ไม่มีใครบ่น
- ถ้าคนที่มาจาก B6 แบบผม ก็จะบ่นๆว่า มันนิ่ม มันย้วยไปหน่อย (ช่างศูนย์ล้อที่ขับคันนี้ประจำ ลงจากรถปุ๊บ ยังบอกว่า "พี่ ทำไมมันนิ่มจัง") .. แต่ก็นะ จะมีสักกี่คน ที่ขับ G3 รถพ่อบ้าน แล้วใส่ B6 แถมชอบลากกระบะแว๊นซ์ ไปกินในโค้งเล่น แบบผมเนี่ย 55+ (ตอนไปเหนือ เจอ sylphy มาจี้ บนเขาพลึง จัดให้ 2 โค้ง พวกชิดซ้ายไปเลย ขนาด B6 เน่าๆนะ .. sylphy / pulsar ต่อให้ Tein SAZ ก็ยังกิน B6 ไม่ลงครับ ห่างอีกไกลครับ)