Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: pairoj ที่ กันยายน 29, 2020, 14:29:04
-
สมัยก่อนนานมาแล้ว จำได้ว่ารถบางคันที่เคยใช้...ขับโค-ตะ-ระ เหนื่อยมากๆ เริ่มตั้งแต่ รถกะบะยุคก่อนไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ขับมาทั้งวันหมดแรงแล้ว ยังมาโยกโหนพวงมาลัยเข้าที่จอด วงเลี้ยวก็กว้าง กระเทือนทั้งคัน ระดับเกวียนดีๆนี้เอง พอเรียนจบออกรถป้ายแดง งบจำกัดได้แค่ เครื่อง 1300cc.เกียร์ธรรมดา (1500cc.เกียร์ออโต้..มันเกินงบครับ) ใช้รถแยะ ขับทั้งวัน แร่งแซงต้องลุ้นช่วยตลอด รถเล็กซับแรงกระเทือนไม่ค่อยดี รถติดๆเกียร์ธรรมดาปวดเข่ามากๆ ปัจจัยที่ขับแล้วเหนื่อยก็เช่น
- ขนาดเครื่อง ชนิดเครื่องยนต์
- ชนิดและประสิทธิภาพช่วงล่าง
- ขนาดมิติตัวรถ และมุมมอง/ทัศนะวิสัย
- อุปกรณ์ช่วยเสริม เช่น ระบบเตือน ระบบช่วงผ่อนแรง ระบบอัตตดนมัติต่างๆ
- การออกแบบ/วัสดุภานในห้องโดยสาร
- ฯลฯ
เพื่อนๆคิดว่าที่ผ่านปัจจัยพวกนี้มีผลต่อการขับขี่รถของเรา... อย่างไรครับ
-
ปัจจัยที่คุณ จขกท กล่าวมามีผลทั้งหมดครับ
แต่ส่วนตัวคิดว่ารถติด กับ รถโล่งถนน มีผลมากกว่า
-
ขนาดรถ
กำลังเครื่อง
การเก็บเสียง
การซับแรงสะเทือนช่วงล่าง
สรีระเบาะ และความนุ่ม
ความนิ่งของพวงมาลัย
มีผลเต็มๆครับ ผมขับทางยาวประจำ 600กม ++ ในวันเดียว อาทิตย์ล่ะ 2-3 วัน พวกนี้มีผลทั้งหมดครับ
-
สิ่งที่ทำให้รถขับไม่เหนื่อยอันดับ 1 คือความแรงของรถ
-
รถที่มันมีช่วงล่างไม่แข็งดีดดิ้นช่วงใช้ความเร็ว พวงมาลัยเบาๆ นี่หละขับสบายแน่
-
แล้วแต่รายบุคคลครับ
ผมขับรถใหญ่ รถ SUV แล้ว เหนื่อยมาก แต่ถ้าขับรถ เล็ก เตี้ยๆพวงมาลัยตึงไม่ไว ไม่สั่น ช่วงล่างแน่นๆเก็บเสียงดีไม่เหนื่อยเลย
แต่พ่อผมชอบตรงกันข้ามเลย บ่นว่าขับรถเก๋งแล้วเหนื่อย ไปตจว.ต้องขับSUV PPV
-
ขับไม่เหนื่อยนี่ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันหมดครับ
กำลังเครื่อง เค้นหนักก็เหนื่อย
พวงมาลัย ไวไปช่วงขับเร็วหรือหนักไปช่วงขับช้าก็เหนื่อย
เบาะนั่ง เล็กไปหรือแข็งไปก็เหนื่อย
ช่วงล่าง เด้งไปหรือตึงไปก็เหนื่อย
ฯลฯ โอ้เยอะครับ
-
รถสมัยก่อนขับแล้วเหนื่อย(บางคัน)จริงครับ แต่ปัจจุบันผมว่าขับสบายมาก
-
ขนาดรถ
กำลังเครื่อง
การเก็บเสียง
การซับแรงสะเทือนช่วงล่าง
สรีระเบาะ และความนุ่ม
ความนิ่งของพวงมาลัย
มีผลเต็มๆครับ ผมขับทางยาวประจำ 600กม ++ ในวันเดียว อาทิตย์ล่ะ 2-3 วัน พวกนี้มีผลทั้งหมดครับ
+1
สิ่งที่ทำให้รถขับไม่เหนื่อยอันดับ 1 คือความแรงของรถ
+1
แต่ขอวงเล็บว่าต้องเทียบความแรงรถกับใจคนขับนะครับ ถ้ารถแรงกว่าคน ต่อให้เครื่องแค่ 1500 ก็ขับไม่เหนื่อย แต่ถ้าคนแรงกว่ารถ ต่อให้เครื่อง 3000 ก็ขับแล้วเหนื่อยครับ รถคันเดียวกัน ตอนที่รีบขับเค้นๆมุดๆจะเหนื่อย แต่ถ้าขับสุภาพหวานเย็นเรื่อยๆเฉื่อยๆจะไม่เหนื่อยเลยครับ
-
8) 8) 8)....รถยิ่งมากสูบ ยิ่งขับไม่เหนื่อยครับ เช่น เครื่อง 6 สูบ หรือ 8 สูบเป็นต้น หากเป็นรถ EV ก็ต้องได้แบตทั้งแพประจุเก็บไฟได้เกิน 120 Kwpr ขึ้นไปก็ขับไม่หนื่อยเช่นเดียวกันครับ :-X
-
บอดี้ เครื่องใหญ่ แรงม้าแรงบิดสูง แต่ช่วงล่างนิ่มราวกับพรม
มีระบบช่วยขับต่าง ๆ เปิดระบบทีเรียกจับแค่พวงมาลัยอย่างเดียว เบรคเองเร่งเอง ทิ้งระยะตามคันหน้าได้
เบาะนั่งตัวใหญ่และนุ่ม การตกแต่งภายในทำได้ผ่อนคลาย และมีระบบน้ำหอมภายในรถยนต์
ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึง Mercedes-Benz S-Class W222
เรียกว่าพรมอาลาดินแดนไส้กรอกก็ไม่ผิด
-
สำคัญที่สุดคือบอดี้และระบบกันสะเทือนครับ ถ้ารถโยกโยนสะเทือนเลือนลั่นไปตลอดทางงี้เหนื่อยแน่นอนครับ
-
ส่วนตัวผมชอบ ความกว้างของห้องโดยสารมาก่อนเลยอันดับแรก
รองลงมาก็การเก็บเสียง อัตราเร่ง วิสัยทัศน์ ช่วงล่าง
ตอบแบบเวอร์ๆหน่อยก็คาเยนอีไฮบริดไป แต่ถ้ารถบ้านๆเลยก็ คัมรี่2.5 สบายๆรอบด้านแล้ว
-
ขอรถที่ประคองง่ายครับ
ของผมถ้าขับมาร์ชไปเที่ยว เหนื่อยหน่อย ต้องประคองพวงมาลัยมากหน่อย
อาวีโอ้ แลนเซอร์ มาสด้าสอง ไม่เหนื่อยเท่า
-
อันดับ 1 ทั้ง เหนื่อย และ ไม่เหนื่อย
คือ
คนนั่งข้างๆ
555
-
ส่วนตัวผมชอบรถที่ไม่สะเทือนมาก ในการขับความเร็วสูง เบาะรองนั่งต้องพอดี
พวงมาลัยต้องมีระยะฟรีนิดหน่อยที่ความเร็วสูงครับ
-
กรณีคนชอบขับรถแบบผม
ขอรถอะไรก็ได้ที่นั่งแล้วไม่ปวดหลังก็พอครับ
-
อะไรที่ต้องลุ้น เหนื่อยหมดครับ
-
ผมชอบ SUV ขนาดกลาง หรือใหญ่
Cayenne / X5 / RX / GLE / CX-8
เครื่องแรง แซงง่าย ขับ 120 รอบต่ำ
รถสูงทัศนวิสัยดี
ช่วงล่างเอาอยู่
-
ที่เคยใช้มาคันที่ผมขับแล้วเหนื่อยน้อยสุดคือ Accord G7 .. นั่งสบาย ช่วงล่างอัพเกรดให้นิ่งขึ้นแต่ไม่แข็ง รถใหญ่พอแหวกลมได้นิ่ง กำลังเครื่องพอใช้ เบรคดี(อัพ) พวงมาลัยสื่อสารใช้ได้(ผลพวงจากการอัพช่วงล่าง) แอร์เย็น
พูดแล้วก็คิดถึง
-
อยู่ที่คนครับ ทำตัวให้เหนื่อยก็ขับเหนื่อย ทำตัวให้สบายก็ขับสบาย 8) 8)
-
ที่เคยใช้มาคันที่ผมขับแล้วเหนื่อยน้อยสุดคือ Accord G7 .. นั่งสบาย ช่วงล่างอัพเกรดให้นิ่งขึ้นแต่ไม่แข็ง รถใหญ่พอแหวกลมได้นิ่ง กำลังเครื่องพอใช้ เบรคดี(อัพ) พวงมาลัยสื่อสารใช้ได้(ผลพวงจากการอัพช่วงล่าง) แอร์เย็น
พูดแล้วก็คิดถึง
ใยไม่เก็บไว้ครับ ??
-
กำลังเครื่องยนต์ แรงม้า แรงบิด
ช่วงล่าง นิ่งและยังมีความนุ่มบ้าง
รูปร่างตัวเบาะ ความนุ่ม
กลุ่มรถสูง SUV หรือ PPV ครับ
-
สำหรับผมคงมีผลหมดแหละครับ ถ้าตามหัวข้อก็ตามนี้ครับ
- ขนาดเครื่อง ชนิดเครื่องยนต์ --> ผมชอบเครื่องยนต์ที่แรงบิดสูงในรอบต่ำ เครื่องเทอร์โบช่วยให้การขับขี่สนุกและสบายขึ้นเยอะเลย
- ชนิดและประสิทธิภาพช่วงล่าง --> อันนี้สำหรับผมก็มีผลเยอะสำหรับการเข้าโค้ง การทำความเร็วให้สนุกและสบาย
- ขนาดมิติตัวรถ และมุมมอง/ทัศนะวิสัย --> อันนี้สำหรับผมมีผลน้อยถึงน้อยมาก ดูผ่านกระจกเป็นหลัก ถ้ามีกล้องก้ดูผ่านกล้อง
- อุปกรณ์ช่วยเสริม เช่น ระบบเตือน ระบบช่วงผ่อนแรง ระบบอัตตดนมัติต่างๆ --> อันนี้สำหรับผมก็มีผลน้อยมาก
- การออกแบบ/วัสดุภานในห้องโดยสาร --> ก็คงมีแหละ แต่ไม่เคยเปรียบเทียบจริงจัง
เอาตรงๆ คือสิ่งที่มีผลมากที่สุดสำหรับผมคือวินับจราจรของเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ผมไปขับที่อเมริกา แคนนาดา ญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่ขับบนไฮเวย์แบบว่าเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนไปตาม Flow สบายๆ
- ไม่มีพวกขับช้าชิดขวาอย่างในเมืองไทย (หรือชิดซ้ายกรณีอเมริกา) ให้เราต้องชะงัก
- ถ้าไม่ใช่เลนซ้ายสุด รถเกือบทุกคันจะขับที่ความเร็วเกือบถึง speed limit แต่ยังไม่เกิน limit ทำให้แทบไม่มีความจำเป็นต้องเร่งแซงอะไรเลย แค่ขับตามๆ กันไป มันก็ไปได้เกือบจะเป็นความเร็วสูงสุดเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว
- คนขับเร็ว ขับซิ่งเกิน Speed Limit มันก็มีบ้างแหละนะ แต่การขับเร็วของเค้าแทบจะไม่มารบกวนกระแสการจราจรของคนขับรถที่ความเร็วปกติเลย ไม่เหมือนนักปาดในเมืองไทยที่ปาดไปมาแล้วทำให้เพื่อนร่วมทางต้องคอยเบรคกันให้เสียจังหวะ
เคยขับทั้งวันตั้งแต่ช่วงสายๆ ไปถึงตอนห้าทุ่มเข้าที่พักก็ยังไม่เหนื่อยเท่าขับถนนเมืองไทยจากกทม. ออกตจว. แค่ 4-5 ชั่วโมงเลยครับ
-
ที่เคยใช้มาคันที่ผมขับแล้วเหนื่อยน้อยสุดคือ Accord G7 .. นั่งสบาย ช่วงล่างอัพเกรดให้นิ่งขึ้นแต่ไม่แข็ง รถใหญ่พอแหวกลมได้นิ่ง กำลังเครื่องพอใช้ เบรคดี(อัพ) พวงมาลัยสื่อสารใช้ได้(ผลพวงจากการอัพช่วงล่าง) แอร์เย็น
พูดแล้วก็คิดถึง
ใยไม่เก็บไว้ครับ ??
1. "คัน" อยากได้รถเทอร์โบ
2. โดนชนแก้มหน้า ค่อนข้างแรง แม้ว่ารถไม่เป็นไรมาก (แก้มแหก+ปีกนกและคอม้าเบี้ยว) แต่ซ่อมมาแล้ว ทำสีไม่ค่อยดี
เลยหาเรื่องขายออกไปครับ
-
มีผลแทบทุกอย่างครับ
1. Pulsar DIG .. ออกมาใหม่ๆ หลายท่านคงเคยอ่านที่ผมบ่นว่า รถมันเอาไว้ใช้แค่ ขับไปตลาด 3 กม.แค่นั้น ไกลกว่านี้ไม่ขับ เพราะ
- พวงมาลัยเบาไป ขับเร็วแล้วดุ๊กดิ๊ก จนถือพวงมาลัยมือเดียว แบบคันอื่นไม่ได้
- เบาะไม่ดันหลัง ไม่รับไหล่ แต่ดันหัว ขับแค่เข้ากทม. ลงจากรถก็เดินเซละ
- เมื่อยส้นเท้าขวามากๆ ทั้งที่ขับคันอื่นไม่เป็น รองเท้าก็คู่เดียวกัน
- ช่วงล่าง ยังไม่มั่นใจ เอียงเยอะ
- เบรค Dixcel เหมือน CR-V เป๊ะ แต่ความมั่นใจต่างกันลิบ
ผมใช้เวลาจัดการอยู่น่าจะปีกว่า ถึงจะสามารถขับมันเดินทางไกลได้โดยไม่เพลีย และ กลายเป็นรถที่ขับแล้วเหนื่อยน้อยที่สุดคันนึง
- ค้ำหน้า .. ช่วยให้หน้ารถนิ่ง พวงมาลัยนิ่งสนิท ถือมือเดียวได้แล้ว (หรือผมชินกับค้ำหน้าก็ไม่รู้ เพราะทุกคันใส่ค้ำหน้าหมด)
- สตรัท Tein .. จบอาการท้ายดีด เด้งดึ๋ง แบบขับ Vigo ช่วยลดอาการเอียง ช่วยให้สาดโค้งได้แรงขึ้น แต่ยังไม่มั่นใจเท่า CR-V ที่ใส่ B6 อยู่ดี
- เบาะ Recaro SR-11 .. ลองสารพัดวิธีกับเบาะเดิม แต่ไม่จบ ยอมกัดฟันลงเบาะใหม่ แรกๆ บีบตัวไปหมด แต่มีเหตุให้ต้องขับรถไปกลับ ปราจีน - นครศรี (พัก 30 นาที) เฮ้ยย สุดยอด ไม่ปวดหลังเลย ไม่เพลียด้วย
- ยาง S007a .. บ่นจัง รถไม่จิกโค้ง เข้าโค้งไม่แม่น ไม่มันส์ อยากลองเลยจัด โค้งที่เคยเข้ายาก กลายเป็นหักเข้าง่ายๆ เป็นขนมเลย แถมแอ่งน้ำที่ PS4 เคยกลัว ก็กลายเป็นขนม ลงไปเหอะ ไม่มีเหิน เต็มที่พวงมาลัยดิ้นนิดเดียว แต่ไม่ลอย
2. CR-V G3 .. เจ้านี่ ตอนซื้อมา มันดีกว่า Mitsubishi space wagon แทบทุกอย่าง แถมการทรงตัว แม้จะไม่หนึบเท่า Civic FD ที่ใส่ Tein SS แต่มันก็ด้อยกว่าไม่มาก แต่ได้ความนุ่มมา ก็เลยไม่มีประเด็นกับมัน ทำไปแค่เบรคยกชุดเท่านั้น ตอนหลังพอหมด warranty ก็ไล่ทำไปเยอะมาก จนกลายเป็นรถที่ไว้ใจที่สุด
สรุปว่า ขับสบาย ขับแล้วไม่เหนื่อย สำหรับผม ต้องทุกอย่างประกอบกันแหละ
- รถแรงอย่างเดียว เบาะทรมานหลัง เบรคไม่ดี พวงมาลัยเบาหวิว ก็เพลียครับ
- ผมชอบรถที่ไว้ใจได้ .. ขับทางไกล ชอบถือพวงมาลัยมือเดียว แต่มีเหตุ มันต้องเอาอยู่ หักหลบมือเดียว ที่ความเร็ว 110 รถต้องนิ่ง เจอโค้งไม่ต้องเบรคหักเข้าได้เลย เบรคต้องสั่งได้ เครื่องไม่จำเป็นต้องวิ่งที่สุด แต่ก็ไม่ใช่อืดอาดจนต้องลุ้นเวลาแซง
เลยเป็นที่มาว่า ทำไมเดินทางไกล ผมถึงชอบใช้ CRV รถเก่าๆ อืดๆ แต่ขับแล้วสบายใจ ไม่ต้องใช้สมาธิกับมันมาก หักๆเข้าไป เดี๋ยวมันก็รอดออกมาได้ กดเบรคให้ทัน มันก็เบรคอยู่ อะไรประมาณนี้แหละ
-
ถ้าช่วงล่างหนึบๆ เช่น mazda (แต่ห้องโดยสารแคบ)จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลงไหมครับ
-
ตอบยากมาก เพราะทุกสิ่งอย่าง
สำหรับผม
ควรเลือกรถ ให้เหมาะสมกับคุณสมบัติของมัน
เช่น จะเอาsuvไปมุด ก็เหนื่อย
เอารถeco ไปขับเร็วก็ไม่ควร
-
สภาพถนน กับ คนใช้รถใช้ถนนข้างๆเรา ก็มีส่วนเหนื่อย
-
ถ้าช่วงล่างหนึบๆ เช่น mazda (แต่ห้องโดยสารแคบ)จะช่วยให้เหนื่อยน้อยลงไหมครับ
น่าจะเหนื่อยจากความอึดอัดจากความคับแคบ ;)
-
ผมชอบ SUV ขนาดกลาง หรือใหญ่
Cayenne / X5 / RX / GLE / CX-8
เครื่องแรง แซงง่าย ขับ 120 รอบต่ำ
รถสูงทัศนวิสัยดี
ช่วงล่างเอาอยู่
เหมือนผมเลยครับ ขับ RX แล้ว ลืม E-class ไปเลย รู้สึกมันใช่กว่า ;D
-
เกียร์ออโต้ สักแรงสัก 500 ม้า
ช่วงล่างนิ่มๆ แต่ไม่ย้วย พอมุดได้
รถสูงนิดนึงไม่เตี้ยมาก ไม่ต้องกลัวหลุม
ท่อเดิมเงียบๆ
เพลงเพราะๆ
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ฟินสุดๆ
-
รถทัวร์ครับ นอนไปยาวๆ 555555
-
ให้แฟน หรือใช้คนขับให้ครับ โคตรสบาย 8)
-
เกียร์ออโต้ สักแรงสัก 500 ม้า
ช่วงล่างนิ่มๆ แต่ไม่ย้วย พอมุดได้
รถสูงนิดนึงไม่เตี้ยมาก ไม่ต้องกลัวหลุม
ท่อเดิมเงียบๆ
เพลงเพราะๆ
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ฟินสุดๆ
รถรุ่นอะไรครับ ??
-
เกียร์ออโต้ สักแรงสัก 500 ม้า
ช่วงล่างนิ่มๆ แต่ไม่ย้วย พอมุดได้
รถสูงนิดนึงไม่เตี้ยมาก ไม่ต้องกลัวหลุม
ท่อเดิมเงียบๆ
เพลงเพราะๆ
นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ฟินสุดๆ
รถรุ่นอะไรครับ ??
X5M ?
-
BEV Sedan หรือ SUV ก็ได้
มีสองหรือสามมอเตอร์
พลัง 400 ม้า++
แรงบิด 600 NM++
ขับสี่
top speed 200km/h++
0-100 <4 วิ
ช่วงล่าง double wishbone หน้าหลังเซ็ตเฟิร์มๆแน่นๆ ปรัดความหนืดและเตี้ยได้จากโหมดการขับ
เรือนไมล์ Virtual cockpit
เบาะ semi-bucket seat ปรับไฟฟ้า ผ้า alcantara
จอ infotainment Android auto/carplay พร้อม
แสงสี LED ambient light ไว้สร้างบรรยากาศ entertain ผดส.
-
ท่านั่งกับกำลังรถครับ
ท่านั่งต้องพอหายใจ ไม่บีบเกิน แต่ก็ต้องแน่น ไม่ย้วย กระชับกำลังดี ไม่ดันกบาล ฯลฯ หลายรุ่นรถดีทุกอย่างมาตายที่เบาะยังมี
กำลังรถต้องเพียงพอที่จะใช้ ไม่ต้องเค้นเกินไปในสถานการณ์ใช้งานปกติของรถนั้นๆ (เช่น ถ้ารถออกแบบมาให้บรรทุก 1 ตัน มันก็ควรจะออกตัวดี ขับง่าย มีแรงบิดเหลือขึ้นเขา หรือรถครอบครัว มันก็ควรไปทั้งครอบครัวแล้วเร่งแซงไม่ต้องทรมานคันเร่ง) ที่เหลือถือเป็น Surplus ::)
อย่างอื่นเป็นเรื่องรองครับ
-
ปัจจัยภายนอกอย่าง สภาพถนน การจราจร ระยะทาง ความคดเคียวของทาง ก็มีผลนะครับ
-
รถที่มีขนาดใหญ่และช่วงล่างนิ่มครับ ผมเคยขับ Camry ACV30 รู้สึกว่าสบายกว่ารถรุ่นอื่นๆมากพอสมควร
แต่อาจจะต้องเปลี่ยนโช็คดีๆซักชุดนึง เพราะช่วงล่างเดิมๆมันนิ่มจนย้วยครับ
-
รถทัวร์ครับ นอนไปยาวๆ 555555
;D ;D ;D ;D ;D
-
สำหรับผมคัมรี่ไฮบริดรุ่นที่แล้วครับ เพราะตำแหน่งเบาะพวงมาลัยปรับได้ตำแหน่งพอดีกับสรีระ เครื่องก็แรงเร่งแซงไม่เสียวครับ
-
BEV Sedan หรือ SUV ก็ได้
มีสองหรือสามมอเตอร์
พลัง 400 ม้า++
แรงบิด 600 NM++
ขับสี่
top speed 200km/h++
0-100 <4 วิ
ช่วงล่าง double wishbone หน้าหลังเซ็ตเฟิร์มๆแน่นๆ ปรัดความหนืดและเตี้ยได้จากโหมดการขับ
เรือนไมล์ Virtual cockpit
เบาะ semi-bucket seat ปรับไฟฟ้า ผ้า alcantara
จอ infotainment Android auto/carplay พร้อม
แสงสี LED ambient light ไว้สร้างบรรยากาศ entertain ผดส.
สเปครถแบบนี้ = รถรุ่นอะไร?? กี่ล้านบาทครับ ??
-
รถทัวร์ครับ นอนไปยาวๆ 555555
;D ;D ;D ;D ;D
5555555555
-
รถที่รู้สึกเหนื่อยน้อยสุด
- เครื่อง NA 6สูบ 2.6-3.0L ถ้า 4สูบก็เป็นเทอร์โบ 2.0L แรงม้า อย่าเกิน 200-220 มากกว่านั้น แรงกว่าแต่ขับแล้วเหนื่อยกว่าเพราะเทอร์โบลูกจะใหญ่กว่า
- เบาะ RECARO อย่าง Ergomed หรือ Sportster CS เคยขับ 3ชม ไปตราด ไม่จอดลง ไม่เมื่อยเหมือนรถคันอื่น
- พวงมาลัย มีเบาและหนัก ตามความเร็วรถ
- ช่วงล่างด้วย ไม่แข็งหรือนุ่มจนมึน
-
เบาะ+ช่วงล่าง+กำลังเครื่อง จะทำให้ไม่เหนื่อย พวงมาลัย+เส้นทาง จะทำให้ไม่เครียดครับ แต่ถ้าจะให้สบายสุด ก็ต้องมีพลขับให้
-
มีผลแทบทุกอย่างครับ
1. Pulsar DIG .. ออกมาใหม่ๆ หลายท่านคงเคยอ่านที่ผมบ่นว่า รถมันเอาไว้ใช้แค่ ขับไปตลาด 3 กม.แค่นั้น ไกลกว่านี้ไม่ขับ เพราะ
- พวงมาลัยเบาไป ขับเร็วแล้วดุ๊กดิ๊ก จนถือพวงมาลัยมือเดียว แบบคันอื่นไม่ได้
- เบาะไม่ดันหลัง ไม่รับไหล่ แต่ดันหัว ขับแค่เข้ากทม. ลงจากรถก็เดินเซละ
- เมื่อยส้นเท้าขวามากๆ ทั้งที่ขับคันอื่นไม่เป็น รองเท้าก็คู่เดียวกัน
- ช่วงล่าง ยังไม่มั่นใจ เอียงเยอะ
- เบรค Dixcel เหมือน CR-V เป๊ะ แต่ความมั่นใจต่างกันลิบ
ผมใช้เวลาจัดการอยู่น่าจะปีกว่า ถึงจะสามารถขับมันเดินทางไกลได้โดยไม่เพลีย และ กลายเป็นรถที่ขับแล้วเหนื่อยน้อยที่สุดคันนึง
- ค้ำหน้า .. ช่วยให้หน้ารถนิ่ง พวงมาลัยนิ่งสนิท ถือมือเดียวได้แล้ว (หรือผมชินกับค้ำหน้าก็ไม่รู้ เพราะทุกคันใส่ค้ำหน้าหมด)
- สตรัท Tein .. จบอาการท้ายดีด เด้งดึ๋ง แบบขับ Vigo ช่วยลดอาการเอียง ช่วยให้สาดโค้งได้แรงขึ้น แต่ยังไม่มั่นใจเท่า CR-V ที่ใส่ B6 อยู่ดี
- เบาะ Recaro SR-11 .. ลองสารพัดวิธีกับเบาะเดิม แต่ไม่จบ ยอมกัดฟันลงเบาะใหม่ แรกๆ บีบตัวไปหมด แต่มีเหตุให้ต้องขับรถไปกลับ ปราจีน - นครศรี (พัก 30 นาที) เฮ้ยย สุดยอด ไม่ปวดหลังเลย ไม่เพลียด้วย
- ยาง S007a .. บ่นจัง รถไม่จิกโค้ง เข้าโค้งไม่แม่น ไม่มันส์ อยากลองเลยจัด โค้งที่เคยเข้ายาก กลายเป็นหักเข้าง่ายๆ เป็นขนมเลย แถมแอ่งน้ำที่ PS4 เคยกลัว ก็กลายเป็นขนม ลงไปเหอะ ไม่มีเหิน เต็มที่พวงมาลัยดิ้นนิดเดียว แต่ไม่ลอย
2. CR-V G3 .. เจ้านี่ ตอนซื้อมา มันดีกว่า Mitsubishi space wagon แทบทุกอย่าง แถมการทรงตัว แม้จะไม่หนึบเท่า Civic FD ที่ใส่ Tein SS แต่มันก็ด้อยกว่าไม่มาก แต่ได้ความนุ่มมา ก็เลยไม่มีประเด็นกับมัน ทำไปแค่เบรคยกชุดเท่านั้น ตอนหลังพอหมด warranty ก็ไล่ทำไปเยอะมาก จนกลายเป็นรถที่ไว้ใจที่สุด
สรุปว่า ขับสบาย ขับแล้วไม่เหนื่อย สำหรับผม ต้องทุกอย่างประกอบกันแหละ
- รถแรงอย่างเดียว เบาะทรมานหลัง เบรคไม่ดี พวงมาลัยเบาหวิว ก็เพลียครับ
- ผมชอบรถที่ไว้ใจได้ .. ขับทางไกล ชอบถือพวงมาลัยมือเดียว แต่มีเหตุ มันต้องเอาอยู่ หักหลบมือเดียว ที่ความเร็ว 110 รถต้องนิ่ง เจอโค้งไม่ต้องเบรคหักเข้าได้เลย เบรคต้องสั่งได้ เครื่องไม่จำเป็นต้องวิ่งที่สุด แต่ก็ไม่ใช่อืดอาดจนต้องลุ้นเวลาแซง
เลยเป็นที่มาว่า ทำไมเดินทางไกล ผมถึงชอบใช้ CRV รถเก่าๆ อืดๆ แต่ขับแล้วสบายใจ ไม่ต้องใช้สมาธิกับมันมาก หักๆเข้าไป เดี๋ยวมันก็รอดออกมาได้ กดเบรคให้ทัน มันก็เบรคอยู่ อะไรประมาณนี้แหละ
ขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับพี่ เห็นพี่ตอบเรื่องว่าพี่ชอบใช้crv มากกว่า ทำไมถึงมั่นใจในรถที่ไม่มีTcมากกว่ารถที่มีหรอครับ พอดีที่บ้านผมก็มี acv41 ไม่มีTc เคยคิดหลายครั้งว่าอยากไปเปลี่ยนเป็นรถเล็กเเต่มีTcมากกว่าอะไรประมาณนี้อะครับ เเต่ผมไม่เคยเกิดอุบัติเหตุนะครับเเค่รู้สึกว่า ฟังก์ชั่นTcมันน่าจะทำให้รถคันนั้นๆปลอดภัยกว่าไม่มีอะครับ
-
เก๋งC Seg ภายในครีม/น้ำตาล,เบาะหนัง,จอแอนดรอยด์,ช่วงล่างนุ่มหนึบ แค่นี้ก็พอละครับ
-
เครื่องแรงกำลังดี ท่านัั่งสบายไม่ปวดหลัง ช่วงล่างดีๆ :-[
ปล.ประหยัดน้ำมันด้วยจะได้ไม่เหนื่อยใจ
-
BEV Sedan หรือ SUV ก็ได้
มีสองหรือสามมอเตอร์
พลัง 400 ม้า++
แรงบิด 600 NM++
ขับสี่
top speed 200km/h++
0-100 <4 วิ
ช่วงล่าง double wishbone หน้าหลังเซ็ตเฟิร์มๆแน่นๆ ปรัดความหนืดและเตี้ยได้จากโหมดการขับ
เรือนไมล์ Virtual cockpit
เบาะ semi-bucket seat ปรับไฟฟ้า ผ้า alcantara
จอ infotainment Android auto/carplay พร้อม
แสงสี LED ambient light ไว้สร้างบรรยากาศ entertain ผดส.
สเปครถแบบนี้ = รถรุ่นอะไร?? กี่ล้านบาทครับ ??
มีแบบใกล้เคียงคับ ถ้าเอาถูกหน่อยก้อ MG Marvel R เม้งเค้าบอกจะเข้าไทยปีหน้า ราคาราวๆ D-segment ผมว่าเท่าๆกับ D-segment ไฮบริด
แบบใกล้เคียงแต่ยังไม่เข้าก็ BYD Han EV, Xpeng P7 รอเข้ายุโรปก่อน เข้าไทยก้อราคาไล่ๆกับ Marvel R เพราะสเปค และราคาที่เมืองนอกมันใกล้เคียงกัน
ถ้า 2-3 ล้านบาท ก็ Tesla Model 3 ตัว performance มาจากโรงงาน Giga Shanghai เริ่มๆปีหน้า แล้วก็ Volvo XC40 BEV กับ Polestar 2 ทั้งคู่มาจากโรงงานที่ Luqiao คับ
FTA แบบนี้มันฟินดี 8)
-
สำหรับผมรถที่ไม่เหนื่อย
ตัวรถมี HEAD ROOM โปร่งๆหน่อย คอนโซลไม่สูงเกินไป
ส่วนของกระจกค่อนข้างใหญ่ สอดคล้องกับตัวรถและทัศนวิสัย
สามารถมองข้างหน้าทั้งใกล้และไกลได้ กระจ่างชัดเจน
เสา A กับ C มีขนาดเหมาะสม กระจกหลังโปร่งๆมองง่ายๆ
เบาะนั่งรับสรีระ เบาะรองนั่งยาวรับ พนักพิงไม่ดันกะบาล
เบาะปรับได้หลายทิศทาง ความนุ่มเหมาะสม วัสดุดี พวงมาลัยขนาดรอบวงเหมาะสม
อ้วนเหมาะมือมีระยะการปรับได้มากเพียงพอ 4 ทิศทาง
มีที่พักแขนทั้งสองข้างตำแหน่งสอดคล้องกับเบาะ และคอนโซลไม่ดันขาซ้าย
ระยะแป้นเท้าอยู่ในระยะเหมาะสม ควบคุมง่ายๆ เกียร์ชิดเข้าง่าย
บรรยากาศภายในผ่อนคลาย สีเบจ เก็บเสียงดี เสียงภายนอกรบกวนน้อย แสงเหมาะ
เครื่องเสียงฟังสบายผ่อนคลาย แอร์เย็นทั่วถึง ปุ่มและสวิทต่างๆอยู่ในที่ควรอยู่
เป็น USER FRIENDLY คิดหยิบจับอะไรก็อยู่ตรงที่คิด ใช้งานง่ายๆ
โดยจัดวางไม่ต้องอวกาศมาก ไม่โบราณมาก ออกแนวพรีเมียมดูดีโอเค
(ถ้า CLASSIC PREMIUM เข้ากับตัวรถ มีกรี๊ดดดด (อมตะนิรันกาล))
พวงมาลัยไม่คมเกินไป ไม่ฟรีเกินไป สั่งได้ ควบคุมง่าย น้ำหนักเหมาะสม (ค่อนข้างมีน้ำหนัก)
โครงสร้างตัวรถแข็งแรง คิดคำนวณออกแบบมาให้ขับขี่ดี เกาะถนน เหมาะกับ SEGMENT รถนั้นๆ
ขับขี่แล้วรู้สึกถึงความเกาะถนนส่งมาพวงมาลัย และช่วงล่าง เบาะความเร็วสูงเฟิร์ม ความเร็วต่ำนุ่มนวล
เครื่องมีกำลังเหมาะสมกดแล้วคำรามสวยๆ ไม่แหกปาก อัตราเร่งดีๆ ระบบเบรกคุมน้ำหนักง่าย ไม่ปัดเป๋
หัวไม่ทิ่ม ท้ายไม่ลอย รับความเร็วสูงมากๆได้ รับความกะทันหัน ทำระยะและอาการเบรกได้ดีๆ
ค่าซ่อมง่ายไม่แพง ::)
-
สภาพถนนกับสภาพการจราจรเมืองไทยทำให้ผมเหนื่อยที่สุดครับ
-
สำหรับผมรถที่ไม่เหนื่อย
ตัวรถมี HEAD ROOM โปร่งๆหน่อย คอนโซลไม่สูงเกินไป
ส่วนของกระจกค่อนข้างใหญ่ สอดคล้องกับตัวรถและทัศนวิสัย
สามารถมองข้างหน้าทั้งใกล้และไกลได้ กระจ่างชัดเจน
เสา A กับ C มีขนาดเหมาะสม กระจกหลังโปร่งๆมองง่ายๆ
เบาะนั่งรับสรีระ เบาะรองนั่งยาวรับ พนักพิงไม่ดันกะบาล
เบาะปรับได้หลายทิศทาง ความนุ่มเหมาะสม วัสดุดี พวงมาลัยขนาดรอบวงเหมาะสม
อ้วนเหมาะมือมีระยะการปรับได้มากเพียงพอ 4 ทิศทาง
มีที่พักแขนทั้งสองข้างตำแหน่งสอดคล้องกับเบาะ และคอนโซลไม่ดันขาซ้าย
ระยะแป้นเท้าอยู่ในระยะเหมาะสม ควบคุมง่ายๆ เกียร์ชิดเข้าง่าย
บรรยากาศภายในผ่อนคลาย สีเบจ เก็บเสียงดี เสียงภายนอกรบกวนน้อย แสงเหมาะ
เครื่องเสียงฟังสบายผ่อนคลาย แอร์เย็นทั่วถึง ปุ่มและสวิทต่างๆอยู่ในที่ควรอยู่
เป็น USER FRIENDLY คิดหยิบจับอะไรก็อยู่ตรงที่คิด ใช้งานง่ายๆ
โดยจัดวางไม่ต้องอวกาศมาก ไม่โบราณมาก ออกแนวพรีเมียมดูดีโอเค
(ถ้า CLASSIC PREMIUM เข้ากับตัวรถ มีกรี๊ดดดด (อมตะนิรันกาล))
พวงมาลัยไม่คมเกินไป ไม่ฟรีเกินไป สั่งได้ ควบคุมง่าย น้ำหนักเหมาะสม (ค่อนข้างมีน้ำหนัก)
โครงสร้างตัวรถแข็งแรง คิดคำนวณออกแบบมาให้ขับขี่ดี เกาะถนน เหมาะกับ SEGMENT รถนั้นๆ
ขับขี่แล้วรู้สึกถึงความเกาะถนนส่งมาพวงมาลัย และช่วงล่าง เบาะความเร็วสูงเฟิร์ม ความเร็วต่ำนุ่มนวล
เครื่องมีกำลังเหมาะสมกดแล้วคำรามสวยๆ ไม่แหกปาก อัตราเร่งดีๆ ระบบเบรกคุมน้ำหนักง่าย ไม่ปัดเป๋
หัวไม่ทิ่ม ท้ายไม่ลอย รับความเร็วสูงมากๆได้ รับความกะทันหัน ทำระยะและอาการเบรกได้ดีๆ
ค่าซ่อมง่ายไม่แพง ::)
Nissan Teana Gen 2 = ใกล้เคียงที่ว่ามาไหมครับ ??
-
สำหรับผมรถที่ไม่เหนื่อย
ตัวรถมี HEAD ROOM โปร่งๆหน่อย คอนโซลไม่สูงเกินไป
ส่วนของกระจกค่อนข้างใหญ่ สอดคล้องกับตัวรถและทัศนวิสัย
สามารถมองข้างหน้าทั้งใกล้และไกลได้ กระจ่างชัดเจน
เสา A กับ C มีขนาดเหมาะสม กระจกหลังโปร่งๆมองง่ายๆ
เบาะนั่งรับสรีระ เบาะรองนั่งยาวรับ พนักพิงไม่ดันกะบาล
เบาะปรับได้หลายทิศทาง ความนุ่มเหมาะสม วัสดุดี พวงมาลัยขนาดรอบวงเหมาะสม
อ้วนเหมาะมือมีระยะการปรับได้มากเพียงพอ 4 ทิศทาง
มีที่พักแขนทั้งสองข้างตำแหน่งสอดคล้องกับเบาะ และคอนโซลไม่ดันขาซ้าย
ระยะแป้นเท้าอยู่ในระยะเหมาะสม ควบคุมง่ายๆ เกียร์ชิดเข้าง่าย
บรรยากาศภายในผ่อนคลาย สีเบจ เก็บเสียงดี เสียงภายนอกรบกวนน้อย แสงเหมาะ
เครื่องเสียงฟังสบายผ่อนคลาย แอร์เย็นทั่วถึง ปุ่มและสวิทต่างๆอยู่ในที่ควรอยู่
เป็น USER FRIENDLY คิดหยิบจับอะไรก็อยู่ตรงที่คิด ใช้งานง่ายๆ
โดยจัดวางไม่ต้องอวกาศมาก ไม่โบราณมาก ออกแนวพรีเมียมดูดีโอเค
(ถ้า CLASSIC PREMIUM เข้ากับตัวรถ มีกรี๊ดดดด (อมตะนิรันกาล))
พวงมาลัยไม่คมเกินไป ไม่ฟรีเกินไป สั่งได้ ควบคุมง่าย น้ำหนักเหมาะสม (ค่อนข้างมีน้ำหนัก)
โครงสร้างตัวรถแข็งแรง คิดคำนวณออกแบบมาให้ขับขี่ดี เกาะถนน เหมาะกับ SEGMENT รถนั้นๆ
ขับขี่แล้วรู้สึกถึงความเกาะถนนส่งมาพวงมาลัย และช่วงล่าง เบาะความเร็วสูงเฟิร์ม ความเร็วต่ำนุ่มนวล
เครื่องมีกำลังเหมาะสมกดแล้วคำรามสวยๆ ไม่แหกปาก อัตราเร่งดีๆ ระบบเบรกคุมน้ำหนักง่าย ไม่ปัดเป๋
หัวไม่ทิ่ม ท้ายไม่ลอย รับความเร็วสูงมากๆได้ รับความกะทันหัน ทำระยะและอาการเบรกได้ดีๆ
ค่าซ่อมง่ายไม่แพง ::)
Nissan Teana Gen 2 = ใกล้เคียงที่ว่ามาไหมครับ ??
ผมเคยดูคลิป E38 E39 น่าสนใจครับ
แต่เรื่องซ่อมบำรุงน่าจะแพงเหมือนกันครับ
(โดยเฉพาะ E38 ค่าซ่อมคงโหดตามซีรีเลย)
-
สำหรับผม ตอนนี้ขับ SUV สบายกว่าซีดาน C segmentด้วยทัศนวิสัย ห้องโดยสารโปร่งกว่า เอาไปจูนมา แก้ปัญหาอืดตอนออกตัวไปได้หน่อยก็ happy ละครับ
-
คิดว่ามีอยู่สามส่วนที่มีผลต่อความเหนื่อย รถก็มีผล..แต่คนขับเหมือนจะมีผลกว่า
- ท่านั่งขับที่ไม่เป็นไปตามหลักสรีระ หลัง คอ แขน/มือ ขา เท้า สายตา
- ความไม่ผ่อนคลายในการขับขี่โดยสาร เกร็งฝืนดึงและค้างในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ
- ไดมามิคของการเดินทาง การกระเด้งสะเทือน โยนเขย่าตัวทั้งหกแกน
อันที่น่าจะส่งผลเร็วสุดก็คือท่านั่งขับ เพราะปกติคนนั่งโซฟาสบายๆยังต้องขยับตัวเปลี่ยนท่าทุก 5-10 นาที
-
อันดับ 1 ทั้ง เหนื่อย และ ไม่เหนื่อย
คือ
คนนั่งข้างๆ
555
จริงครับ
เวลาผมขับรถ ถ้าขับคนเดียว จะรู้สึกว่าตัวเองขับรถดี