Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: basterias ที่ ตุลาคม 03, 2020, 19:46:27
-
ตามหัวข้อเลยครับ เห็นสมัยก่อนหลายคนจะรอสักสามนาทีถึงขับออกมา ถ้าสตาร์ทแล้วขับเลย เสี่ยงกับเครื่องสึกหรอมากกว่าไหมครับ
-
ไม่นะครับ แต่ตอนสตาร์ทผมให้ไฟสถานะดับหมดแล้วค่อยสตาร์ทหลังจากนั้นขับทันทีก็ไม่เห็นเป็นไร
แต่สตาร์ททันทีแล้วไม่รอไฟสถานะดับหมดเคยเป็น เหมือนรถเอ๋อๆ
-
Start แล้ว ซัก 5-10 วินาทีเถอะครับ กำลังดี แต่ก้ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนาทีครับ
-
ขับเรื่อย ไม่ใช้รอบสูง จนกว่าเครื่องร้อน ก็ไม่มีปัญหา
-
ไม่น่ามีน่า คันปัจจุบันที่ใช้อยู่ก็สตาร์ทแล้วขับเลย วิ่งมา3แสนกว่าโลมาแล้ว ก็ไม่มีปัญหานะ ก่อนหน้านี้ vios ก็ทำแบบนี้ ใช้เกิน3แสนโลเหมือนกัน ก็ไม่มีปัญหานะครับ
-
ผมรอรอบเครื่องกลับมาอยู่ที 800++ หลังจากสตาร์ท แล้วค่อยเปิดแอร์แล้วออกตัวตอนเช้า
หลังจากนั้นไม่ต้องรอถ้าจอดรถไม่นานเกิน 4-5 ชั่วโมง
ขากลับหลังจากลงทางด่วนถ้ารถไม่ติดกลับถึงบ้านยังไม่ดับเครื่อง รอประมาณ 1 นาที
แต่ถ้ารถติดถึงบ้านแล้วดับเครื่องเลยครับ
สงสาร turbo อยากใช้งานยาวฯ
-
รอให้แรงดันน้ำม้นเครื่องเดินเต็มที่ ประมาณ 5-7 วินาที
ไปได้เลย แต่ไม่ควรเค้นเต็มที่ครับ
ปล รถ hybrid ไม่มีรอนะครับ ก็ไม่พังง่ายๆ
-
เอาจริงๆสตาร์ทแล้วแล้วมันก็ขับได้เลยคับถึงเครื่องจะเย็นอยู่....
แต่การอุ่นเครื่องก่อนแปปนึงทุกครั้งมันก็ช่วยยืดอายุเครื่องให้สึกหรอช้าลงได้ (ก็คือรอให้น้ำมันเครื่องมันอุนหภูมิได้ที่ ไหลไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนในเครื่องก่อน)
-
เดี๋ยวนี้ผมก็ไม่รอไฟเครื่องเย็นดับแล้วครับ
ปล่อยไหลรอบเดินเบาไปจนถึงปากซอยก็ดับแล้ว ก็ใช้งานปกติดีกว่าครับ ไม่ได้มีผลต่างกันอย่างมีนัยสำคัญแล้วสมัยนี้
ถ้ารถไม่พร้อมจริงเดี๋ยวตัวไหนมีปัญหาไฟมันก็โชว์ยาวหรือบางรุ่นตัดเข้า safe mode ป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมครับ
-
ไม่ต้องจอดรอครับ มันเป็นความเชื่อโบราณที่ก็ผิดมาตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ถึง operating temperature ก็จะสึกหรอมากกว่า แล้วรถสมัยนี้รอบเดินเบาความร้อนขึ้นช้ามากครับ
เคยมีคนทำวิจัยออกมาแล้วว่าวิธีทำให้สึกหรอน้อยที่สุด คือต้องขับออกไปเลย ขับแบบไม่เร่งรอบแต่ให้ใช้ความเร็วสูง ความเร็วแบบวิ่งทางด่วนเลยครับ แบบนั้นถึงจะสึกหรอน้อยที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าในกรุงเทพฯ น้อยคนคงจะทำได้ แต่อย่างน้อยก็ควรขับออกไปครับ ไม่ใช่จอดเดินเบาไว้ นอกจากอุณหภูมิจะขึ้นช้า ECU ยังจ่ายน้ำมันหนานานก็จะเกิดปัญหา Oil Dilution ซ้ำเข้าไปอีก
ทั้งหมดทั้งปวง เมืองไทยไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับร้อนชิบหาย แปป ๆ ความร้อนก็ถึง operating temp แล้ว
-
กระบะดีเซลทั้งหลาย คิดแบบนี้บ้างก็ดีนะครับ
-
ถ้า นมค.กึ่งฯ ขึ้นไป
เครื่องเย็นขับไปเลยไม่มีปัญหา
เครื่องร้อนดับเลยก็ไม่มีปัญหา
ดีเซลโบ ผมใช้กึ่ง ไปเลยดับเลยมา 18 ปีแล้ว แกนเทอโบปกติ ไม่หลวมไม่คลอนไม่มีตะกรัน
-
รถของผมถ้าจอดทิ้งข้ามคืน ตอนสตาร์ทใหม่ๆ รอบเครื่องมันจะดีดขึ้นไปสูงประมาณพันนิดๆ ถ้ารอประมาณ 10-15 วิ รอบจะกลับมาที่ปกติ ก็เปิดประตูบ้านเสร็จพอดี
ถ้าถอยรถตอนเพิ่งสตาร์ทรถทันที เครื่องมันจะกระตุกหน่อยๆ เหมือนเดินไม่ค่อยสมูทครับ
แต่ถ้าจอดระหว่างวัน ไม่มีปัญหา ขับออกได้เลย
-
ผมรอรอบเดินเบาครับ จะไม่ออกรถตอนรอบยก แต่ถ้าคันที่ไม่ยกรอบ ผมรอ5-10วินาที
ส่วนตอนดับผมดับเครื่องเลย
-
Start แล้วปล่อยไหล รอไฟที่หน้าปัตดับ แล้วค่อยกดออกตัว ทำเพื่อความสบายใจ ชีวิตไม่ได้รีบอะไรขนาดนั้น ถ้ากดหนักๆมา เวลาถึงบ้านก็ warm Down สักแปบ แล้วค่อยดับเครื่อง
-
หลังจาก cold start ผมจะรอให้เข็มเริ่มตก แต่ไม่รอให้ตกสุดผมก็จะขับออกไปเลย
ออกจากบ้านก็ยังไม่ซัดในทันทีครับ
และหลังจากซัดเต็มข้อกลับมาจากข้างนอก ผมจะรอให้เย็นก่อนแล้วค่อยดับเครื่อง
หรืออีกวิธีคือ ใกล้ถึงบ้านก็ขับช้า ๆ ครับ
โดยทั้งหมดนี้ผมจะสังเกตอุณหภูมิน้ำมันเครื่องอยู่บ่อย ๆ ครับ
ใครบอกว่าไม่จำเป็น ผมไม่สน ผมสะดวกทำก็ทำ ทำแล้วสบายใจครับ :-[
-
ขับได้เลยครับ แต่ซัดเลยไม่ดีครับ
ปกติผมสตาร์ทออกบ้านปล่อยไหลบ้างเร่งนิดหน่อย ขับในหมู่บ้าน 30-40 พอถึงหน้าหมู่บ้านมันก็อุ่น ๆ พอดีครับ
-
คู่มือรถหลายๆ รุ่น แนะนำว่า ให้ขับได้เลย ไม่ต้องจอดรอเครื่องร้อน แต่ให้ขับเบาๆ ครับ
เบาๆ ในความคิดผมคิด รอบไม่เกิน 2 พัน หรือเกินนิดหน่อย
-
....ขับได้เลยครับ ผมมี altis1.8E ปี2011 วิ่งมาสองแสนกว่าโล ไม่เคยวอร์ม สตาร์ทปุ๊บเหยียบทันที ทำมาสิบปี ไม่ต้องเหม็นควันรถในบ้านด้วย
-
ตั้งแต่ ใช้รถมา 5 คัน
ผม สตาร์ท แล้ว ขับเลยครับ ไม่เคยมีปัญหานะ ทุกๆ คันวิ่งเกิน 200,000 กิโล
ไอ้ที่ บอกวอร์มเครื่อง เป็นนาที นะ ความคิดโบราณครับ
ถ้ามันจำเป็นต้องวอร์ท คู่มือรถต้องมีบอกครับ
กะบ ดีเซล วิ่งกันเป็น ล้านๆ กิโล เค้าก็ไม่ได้ มาใส่ใจครับ
แต่จะเจอพวกคนแก่ อายุสัก 45 + ชอบไปติด Turbo Timer ตาม นิสัยคนโบราณ
-
ปกติ สตาร์ทแล้ว รอสัก 30 วิ ถึงจะเข้าเกียร์ออกรถ
ขยับมาจอดหน้าบ้าน ก็เดินมาปิดประตูรั้ว แล้วค่อยๆคลานออกไปหน้าหมู่บ้าน แล้วค่อยขับปกติ ... แต่จะซัด หรือ ใช้รอบสูง เมื่อ CVT Temp เกิน 50 องศา ครับ
-
จะรถสมัยเก่า หรือ รถสมัยใหม่ มันก็ต้องมีช่วงเวลาการ warm ทั้งของเครื่องยนต์(เสื้อสูบ กระบอกสูบ) และ ของเหลว(น้ำมันเกียร์ และ coolant) เหมือนกันครับ
รวมไปถึงการเอาน้ำมันเครื่อง ไปหล่อเลี้ยงส่วนบนของเครื่องยนต์ ตรงนี้สำคัญมาก มันอาจจะไม่เห็นชัดเจน แต่สังเกตุได้เลยว่า สตาร์ทเครื่อง หรือ วิ่งสังพัก เสียงเครื่องจะเงียบลง กว่าตอนสตาร์ทเครื่องใหม่ๆ
ถ้าเป็นไปได้ ก็ สตาร์ททิ้งไว้สัก 1-2 นาที ช่วงนั้นก็เก็บของ เก็บขยะ เปิดแอร์ ปรับกระจก ปะแป้ง ทาลิบ แต่งหน้า รอไปก่อนครับ ::)
-
ไม่ต้องจอดวอร์มก็ได้ครับ
แต่ถ้ารักษาเครื่อง รอสักสิบวิ ให้น้ำมันเครื่องในท้องอ่างไปเลี้ยงส่วนบนของเครื่องก่อน ค่อยออกตัว
(สิบวิ หันไปใส่เข็มขัดนิรภัยไปด้วย พอดีเลย)
-
ถ้ารถตลาดปกติ ไม่มีปัญหาครับ พี่แท็กซี่ รถส่งของ ไม่มีใครวอมเครื่องสักคน ปิดกุญแจได้ก็ออกตัวแล้ว
ส่วนรถแพงๆ อันนี้ไม่ทราบเลย
-
start ปุ๊ป ใส่ Safety Belt ออกได้เลย แต่การเร่งแบบค่อยเป็นค่อยไป แบบนี้สึกหรอตามปกติ
"รักรถ" รักมันแค่พอดีๆ ดูแลตามระยะ ใช้ของตามที่ทางผู้ผลิต "เขาแนะนำ"
ไม่ต้องใส่เพิ่ม แต่ก็ไม่ต้องไปลดลง ถ้ามีให้เลือก หลายเกรด เกรดกลางๆ น่ะดี ทั้งประหยัดและเหมาะสม
เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่ง เราก็ขายมันอยู่ดี!!
ไอ้การสึกหรอ มันไม่ได้รุนแรงใน "ตอน Start ครั้งแรกของวัน" หรอก
แต่มันจะไปสึกหรอรุนแรง ตอน "เร่งอย่างหนักหน่วง" และ "เฆี่ยนอย่างจุ๋ม" ซะมากกว่า
-
ตอนสตาร์ทใหม่ๆ อุณหภูมิน้ำมันเครื่องแค่ 30 องศา น้ำมันเครื่องยังหนืดมาก ส่วนอุณหภูมิทำงานปกติของรถคือ 85-95 องศา ต้องใช้เวลาราว 6 นาทีความหนืดถึงจะเข้าสู่อุณหภูมิทำงาน น้ำมันเครื่องจึงจะปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีที่สุดครับ ในช่วงที่น้ำมันเครื่องหนืดๆ เป็นช่วงที่เครื่องยนต์สึกหรอมากที่สุด โหลดต่ำก็สึกหรอน้อยหน่อย โหลดสูงก็สึกหรอมากครับ
https://www.youtube.com/watch?v=_LFn6BaBeP0 (https://www.youtube.com/watch?v=_LFn6BaBeP0)
https://www.youtube.com/watch?v=pdGu-Hc-nKA (https://www.youtube.com/watch?v=pdGu-Hc-nKA)
ปล. ส่วนตัวกับรถคันที่ใช้อยู่อัลติส 2004 1.6AT ช่วงได้รับมรดกมาใหม่ๆเป้นช่วงที่ผมเรียน ป.โท ตื่นมา รีบๆๆอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน ลงมาถึงรถบิดสตาร์ท หันหัวรถออกแล้วกระทืบคันเร่งเลย ทำแบบนี้ทุกเสาร์อาทิตย์ครับ ทำอยู่แบบนี้แค่ปีเดียวผ่านไป เครื่องเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีอาการเบาแล้วดับบ่อย เริ่มมีอาการน้ำมันเครื่องหายมากขึ้น แต่คำตอบอาจจะไม่ตรงโจทย์เท่าไร เพราะเป้นเครื่องยนต์เก่าครับ ตอนนั้น 5 ปีที่แล้ว ก็อายุเครื่องๆราวๆ 10+ ปีครับ
-
ผมก็ Start แล้วขับเลยนะ แต่ปกติแล้วก็จะคาดเข็มขัดเสร็จ กดจอวิทยุ ปลดเบรกมือลง เปิดแอร์ มันก็ 10 กว่าแล้ว พอขับก็ค่อยๆวนลงที่จอดรถคอนโด 5 ชั้น ลงมาถึงก็น่าจะร้อนพอดีครับ
-
ผมจะออกตัวแบบให้รถไหลออกไปเองครับ
-
รีบๆ ก็ 5-10 วินาทีครับ อย่างน้อยก็เปิดแอร์ วางข้าวของเข้าที่ คาดเข็มขัดนิรภัย แล้วไปครับ เครื่องเย็นก็คลานๆหน่อย ถ้ารถเยอะก็อาจจะต้องดูตามหน้างานครับ
เคยเจอแบบ สตาร์ทรถ ไม่ถึง 1 วิ พี่ออกรถไปแล้ว ตอนดับเครื่อง รถยังไม่ทันหยุดสนิทดับเครื่องเรียบร้อย พี่จะรีบอะไรขนาดนั้น และทำเป็นปกติเลยด้วยครับ :-\ :-\ :-\
-
กระบะผม เช้ารีบไปทำงานบิดสวิตแล้วไปเลยครับ สี่ปีกว่าแล้วไม่มีวอร์ม เดินทางไกลๆก็ไม่วอร์มดับเลย ยังไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ผมว่าเครื่องยนต์สมัยใหม่เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นแล้ว
-
ถ้ามีรถเก่าหน่อยหรือไม่สมบูรณ์มาก จะรู้สึกได้ครับว่าทำไว้ซะหน่อยก็ok เพราะถ้า start แล้ว D เลยเนี่ยจะออกอาการเลยถ้าไม่ได้รีบร้อนอะไรผมว่าสีก 30 วิ - 1 นาที หรือมากกว่านั้นแล้วแต่ความสมบูรณ์ของรถ ก็โอเครครับ ส่วนดับเครื่องดับทันทีครับถ้าระบบระบายความร้อนปกตินะครับ
-
8) 8) 8).....ไม่มีปัญหาครับ หากเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างดี " start n go " อ้อ น้ำมันเครื่องดีๆ ราคาไม่มีถูกอย่างผิดสังเกตุนะฮับ เลือกใช้ด้วย :-X
-
แค่ให้น้ำมันเครื่องไหลทั่วเครื่องยนต์ 10 วินาทีก็พอแล้ว
ล้อหมุนไ่ด้เลย
-
เดี่ยวนี้ไม่ค่อยจำเป็นต้องวอร์มเครื่องยนต์เป็นนาที ถ้าเป็นฤดูหนาวหรืออากาศเย็น อันนี้ต้องสัก 1 นาทีครับ
รถผมดีเซลเทอร์โบ ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ให้ไฟสถานะต่างๆหน้าปัดดับก่อน ค่อยสตาร์ท สตาร์ทแล้ววอร์มอัพ 30วิ ให้น้ำมันเครื่องไปเลี้ยงส่วนต่างๆและเทอร์โบก่อน ค่อยใส่เกียร์ อยู่ซอยขับคลานๆ จนถึงถนน ขับไปเรื่อยๆ จนเข็มความร้อนถึงปกติ ค่อยซัดตามใจครับ
-
จริงๆแล้วมันต้องอุ่นละครับ โดยเฉพาะการสตาร์ครั้งแรกของวัน เพือให้อุณหภูมิที่เหมาะสมในการทำงานอยู่ที่ประมาณ 80 องศาขึ้นไป
เครืองยนคเบนซินอาจไม่ค่อยรู้สึก แต่เครื่องดีเซลเครืองเย็นๆ จะอืดกว่าปกติ เห็นได้ชัด
รอเปนรถไฟฟ้าก่อนนะ ถึงไม่ต้องสนใจอุ่นเครื่อง เปิดสวิทย์แล้วซิ่งได้เลย
-
ขับเลยครับ ไม่เคยรออะไรทั้งนั้น รถสมัยนี้ no problem แค่อย่าลากรอบ ให้ขับไปเรื่อยๆ อาจจะมีสัก 10-15 วินาทีเพื่อจัดการสิ่งของส่วนตัว เช่น วางกระเป๋า มือถือ ปรับแอร์ เลือกเพลง บลาๆ