Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Fong ที่ ตุลาคม 28, 2020, 22:06:03
-
เห็นราคา MU-X Ultimate 3.0A/T - 2WD ราคาทำมาดี
แต่พอเพิ่มระบบขับ 4 ต้องเพิ่ม 1 แสนบาท
เลยอยากรู้ว่ามีจุดเด่นอย่างไรครับ (เห็นก็มีแค่ 2H , 4H (50:50), 4L)
ข้อมูลราคาที่เพิ่มขึ้นของระบบขับ 4 ในตัวอื่นๆ
Dmax Hi-Lander -> VCross เพิ่ม 103,000 (แต่ได้ชุดแต่งเพิ่มด้วย และมีการแต่งดำเพิ่ม)
Fortuner 2wd -> 4wd เพิ่ม 70,000 (ทั้ง 2.4 และ 2.8 เพิ่มเท่ากัน)
REVO 4Door 2.4(2WD) -> 2.8(4WD) เพิ่ม 100,000 (เพิ่มเครื่อง 2.4->2.8 และได้ขับ 4)
PJS (ELITE) 2WD -> 4WD เพิ่ม 105,000 (มีขับ 4 full time)
Everest Titanium 2wd -> 4wd เพิ่ม 200,000 (อันนี้เพิ่มเยอะมาก แต่เข้าใจว่าได้ Terrain Management เห็นว่าเทพ)
-
ไม่เห็นปุ่มปรับ Diff Lock ไฟฟ้า แบบใน d-max 4X4 อาจมีระบบอื่นมาแทนก็ได้ครับ
-
ผมไม่ได้ใช้รถกลุ่มนี้และไม่มีแผนจะใช้ แต่วันนี้นั่งอ่านอยู่พักนึงถ้าเป็นผมๆก้ซื้อตัว 3.0 ขับ2 ครับ
ถูกกว่าไม่เบาและออปชั่นดีงามเหมือนกัน ส่วนรายละเอียดต้องให้สายขับ4 มาอธิบายว่ามันดียังไง
แต่ผมเห็นหลายๆรึ่นก้+ประมาณนี้นะ ทั้งกระบะทั้งppv 70000-หลายแสน อย่างที่ จขกท. กล่าวมาครับ
-
ผมก็คิดอยู่ว่ายี่ห้อนี้การออกแบบและเทคโนโลยี่ต่างๆตามหลังเค้าแน่ๆ อาจจะไม่เมีทคโนโลยี่ขับ4ฟูลไทม์เลือกโหมดต่างๆได้แบบยี่ห้ออื่นเค้าครับ เลยมีแต่ระบบขับ4พาร์ทไทม์
-
ปกติราคาขับ4 แบบ part time จะถูกคิดราคาที่70000บาท แต่มาอยู่ใน mux กินเปล่าอีก30000ซะงั้น
-
สำหรับตัวผม ผมจบที่ 3.0 Ultimate ขับ 2 เท่านั้นครับ เพราะผมใช้ขับ 4 Parttime ไม่เป็น
แต่อย่างน้อย 1.9/3.0 Ultimate ออพชั่นเท่ากันเลยนะ คือเลือกเครื่อง หรือขับ 4 ได้เลย แต่ผมคิดว่า 1.9 Ultimate จะเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดจากทุกรุ่นนะ
-
ปกติราคาขับ4 แบบ part time จะถูกคิดราคาที่70000บาท แต่มาอยู่ใน mux กินเปล่าอีก30000ซะงั้น
ผมว่าเทคโลยี่ขับสี่พาร์ทไทม์นี่มันไม่ค่อยเหมาะกับรถยกสูงที่คนเอาไปใช้วิ่งทางเรียบเท่าไหร่นะครับ ใส่ฟูลไทม์มีโหมดให้เลือกแบบยี่ห้ออื่นผมว่าจะเหมาะกว่า
-
ก็ไม่มีอะไรพิเศษครับ จากขับ 2 เป็น ขับ 4 part time
ส่วนเพิ่มคือกำไร เป็นแบบนี้ตังแต่ Mu-X ตัวที่แล้ว คนซื้อตัวท็อปน้อย ก็ต้องขอกำไรเยอะหน่อย
เมื่อก่อน กระบะตัวเตี้ย กับ ตัวสูง ราคาต่างกัน 1 แสน
Revo โฉมแรก
ตัวท็อปขับ 2 2.8G AT Prerunner 4 ประตู 1,099,000
พอตัวท็อปขับ 4 2.8G AT 4x4 1,139,000 เพิ่ม 40,000
ได้ ระบบขับ 4 + Difflock ไฟฟ้า + DAC + A-TRC (ดูเกิน 40,000 นะ)
แต่ที่รับไม่ได้คือ Fortuner ส่วนต่างเครื่อง 2.4 กับ 2.8 คือ 150,000 อันนี้เกินไป ราคาเลยโดดไปมากๆ
-
ผมไม่แน่ใจว่าภาษีสรรพสามิตขับ2และ4ต่างกันมั๊ยนะถึงทำให้มันกระโดดแบบนี้ได้
ลำพัง ต้นทุนคงไม่เท่าไหร่
-
เทคโนโลยีเครื่องก็เก่า เกียร์ก็ไม่มีอะไรพัฒนา ดีอย่างเดียวเรื่องระบบ safety
-
ผมไม่แน่ใจว่าภาษีสรรพสามิตขับ2และ4ต่างกันมั๊ยนะถึงทำให้มันกระโดดแบบนี้ได้
ลำพัง ต้นทุนคงไม่เท่าไหร่
ภาษีสรรพสามิตไม่มีการแบ่งแยกระบบขับเคลื่อนครับ
เก็บอัตราเดียวกันหมด ถ้าคิดในแง่ภาษีสรรพสามิต
อาจมีกรณีเดียวคืออัตราการคาย CO2 ที่ต่างกันจน
ข้ามพิกัดภาษี แต่บริษัทรถก็ไม่น่าจะปล่อยให้เป็นอย่างนั้นครับ
เพราะมันสามารถจูน ECU เพื่อลดกำลังเครื่องยนต์ลงได้ครับ
-
ถ้ามองตามจริง 2WD -> 4WD ราคาต่อ Lineup มันก็ 50,000-100,000 อยู่แล้วละครับ
ส่วนจะได้ออฟชั่นเพิ่มไหม ได้ของแต่เพิ่มไหม ได้ระบบช่วยเหลือเพิ่มไหม ได้ความฉลาดเพิ่มไหม อันนี้ว่ากันไปเป็นค้นๆ
แต่ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ หรือ มากกว่าคู่แข่ง แล้ว ก็คงมองว่า เป็นการแบ่ง Line-up เฉยๆ ครับ
-
คหสต. ขับ 4 ของ MU X ที่เพิ่ม 100,000 บาท ผมว่า คงรวมระบบ ขับ 4 แบบ เทอเลน ลุยทางวิบาก ที่เพิ่มเข้ามาด้วยครับ เพราะ ระบบนี้ รุ่นก่อนไม่มีครับ
-
ปกติรถ 4WD หรือ AWD มันมีชิ้นส่วนกลไกของระบบขับเคลื่อนเพิ่มมาพอสมควรคับ ราคาก็มักจะแพงกว่าประมาณ 1 แสน+ (แม้จะไม่มีอะไรพิเศษก็ตาม)
อย่างพวก SUV 4X4 ขับหลังของ MU-X ก็คงมีส่วน Diff กลาง , Diff หน้า ระบบส่งกำลังเพลาขับหน้าเพิ่มมา
ในรูปแบบนี้บางทีระบบเกียร์ก็อาจจะพิเศษกว่าตัวขับ 2 , ECU และ Software ที่ใช้ในการสั่งงานระบบ 4X4 อะไรประมาณนี้คับ
-
รุ่นอื่นๆ ๆ
จาก ขับ 2 เป้น 4 ก้โดดเป้นแสนนี่ครับ
หลักๆก้ราคาพาร์ท ที่แพงเพราะขายน้อย ตัวหารต้นทุนน้อยครับ
-
ถ้าคิดราคาอุปกรณ์มันก้อเกินแสนแล้ว ชุดเพลาขับล้อหน้าข้างละ15000กว่า ชุดเฟืองหน้า20000กว่า เพลากลางส่งกำลังก้อ10000ต้นๆชุดกล่องควบคุม ชุดเกียร์ขับสี่ราคาก้อน่าจะหลายหมื่น ผมเคยถามราคาชุดเคสเสื้อเกียร์ขับสี่(ของเดิมร้าว)ร่วมๆ30000เลยนะ
-
ถ้าคิดราคาอุปกรณ์มันก้อเกินแสนแล้ว ชุดเพลาขับล้อหน้าข้างละ15000กว่า ชุดเฟืองหน้า20000กว่า เพลากลางส่งกำลังก้อ10000ต้นๆชุดกล่องควบคุม ชุดเกียร์ขับสี่ราคาก้อน่าจะหลายหมื่น ผมเคยถามราคาชุดเคสเสื้อเกียร์ขับสี่(ของเดิมร้าว)ร่วมๆ30000เลยนะ
เราคิดแบบนั้นไม่ได้นะครับ เพราะราคา spare part คือราคาที่บวกกำไรมหาศาลเลยครับ
ถ้าเราเอาราคาอะไหล่ที่ขายปลีกมาประกอบรถทั้งคัน มันจะแพงกว่าราคาขายรถทั้งคันไปไม่ต่ำกว่า2-3เท่าตัวเป็นอย่างน้อยครับ
-
ปกติราคาขับ4 แบบ part time จะถูกคิดราคาที่70000บาท แต่มาอยู่ใน mux กินเปล่าอีก30000ซะงั้น
ผมว่าเทคโลยี่ขับสี่พาร์ทไทม์นี่มันไม่ค่อยเหมาะกับรถยกสูงที่คนเอาไปใช้วิ่งทางเรียบเท่าไหร่นะครับ ใส่ฟูลไทม์มีโหมดให้เลือกแบบยี่ห้ออื่นผมว่าจะเหมาะกว่า
ควรจะแบบนั้นครับ เพราะpart time มันวิ่งบนถนนราดยางไม่ได้ครับ
-
Diff หลังยังต้องลุ้นกันอยู่เลยครับ คหสต ไม่น่าจะมี
ถ้าเป็น part time ไม่ต้องไปพูด ถึง Diff กลาง Diff หน้าไม่มีแน่นอน
เกียร์ ก็คงเกียร์เดิม มีชุดขับ4 เฟืองหน้าที่เพิ่มมา กับระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ isuzu เรียกว่า Rough Terrain Mode ต้องรอดูเลือกการทำงานอีกทีว่าแบบไหน หรือแค่แยกจับเบรคแต่ละล้อ คำนวนมาจากปัจจัยอะไรบ้าง
เพิ่ม 100,000 ก็สมน้ำสมเนื้อดีครับ ชุดขับ4+เฟืองหน้า+diff หลัง 70,000 + ระบบอิเล็กทรอนิกส์ 30,000
เพราะบางที ที่ตัวกระบะ + 70,000 มันจะไม่มีพวก ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือมีก็ไม่จัดเต็มครับ
-
ไม่ได้มีไว้ใช้สำหรับการวิ่งบนถนน ความเร็วสูง ข้ามจังหวัดแน่ๆ ครับ
4WD ของ MU X ใหม่ คงเหมาะแค่สำหรับคนทำไร่ ทำสวน หรือคนที่ต้องเดินทางบนทางลูกลัง ขึ้นลงเขาแหละครับ สำหรับวิ่งความเร็วต่ำถึงกลาง
-
ปกติราคาขับ4 แบบ part time จะถูกคิดราคาที่70000บาท แต่มาอยู่ใน mux กินเปล่าอีก30000ซะงั้น
ผมว่าเทคโลยี่ขับสี่พาร์ทไทม์นี่มันไม่ค่อยเหมาะกับรถยกสูงที่คนเอาไปใช้วิ่งทางเรียบเท่าไหร่นะครับ ใส่ฟูลไทม์มีโหมดให้เลือกแบบยี่ห้ออื่นผมว่าจะเหมาะกว่า
ควรจะแบบนั้นครับ เพราะpart time มันวิ่งบนถนนราดยางไม่ได้ครับ
ใช่ครับพี่ ผมเห็นแต่คนซื้อรถแบบนี้ร้อยละ80 วิ่งกันแต่ในเมืองหรือถนนดำกัน ไม่ค่อยมีเอาลุยโหดแบบพวกซูซูกิคาลิเบียนครับ
-
ขอขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะครับผม
ตอน review เห็นมีปุ่มเหมือน Terrain Management เหนือที่บิดปรับระบบขับ 4
คงต้องรอ Full Review อีกที เผื่อจะมีอะไรมากกว่า Part Time 4WD ครับ