Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Tiny ที่ ธันวาคม 08, 2020, 13:54:46
-
ปกติขับรถเก๋งคันเล็กอยู่กำลังหารถยนต์มือสองช่วยเลือกรถยนต์มือสองทีคับ
1.teana 250xv ปี 2013 (กะจะเอาไปติดแก๊ส lpg ) วิ่งมาสองแสนกิโล ราคาสามแสนสี่
2.focus 2.0 วิ่งมาหนึ่งแสนกิโล ราคาสองแสนปลายๆ
3.e60 520d ดีเซล ตัวเกียร์ธรรมดาไม่ใช่ไฟฟ้า วิ่งมาแสนหกกิโล ราคาสี่แสนเจ็ด
1.อย่างรู้ว่าตัวไหนจุกจิกน้อยที่สุด
2.ตัวไหนประหยัดน้ำมันที่สุด (teana ติดแก๊สแล้ว)
3.ตัวไหนช่วงล่างดีสุด
4.teana 200xl ติดแก๊สแล้วมีปัญหาเยอะกว่าตัวเครื่อง 250xv ใช่ไหมคับ
5.ค่า maintenance ตัวไหนเยอะสุดคับ
-
ซ่อมง่ายสุด teana
-
1)Teana
2)เคยขับTeana2.5 2009 (รถสำรองร้านLPG 3วันLPG) ทางไกลLPG 10-12km./ลิตร
เพื่อนใช้FOCUS2.0 DPS6 Mark3 บอกว่าทางไกลได้17-20km./ลิตร
เคยนั่งรถเจ้านาย525D(2015) ทางไกล กทม.-กบินทรบุรี-กทม 400กม. ตัวเลขดีเซล 18-20กม./ลิตร
3)ช่วงล่างBMW , FORD
-
1)Teana
2)เคยขับTeana2.5 2009 (รถสำรองร้านLPG 3วันLPG) ทางไกลLPG 10-12km./ลิตร
เพื่อนใช้FOCUS2.0 DPS6 Mark3 บอกว่าทางไกลได้17-20km./ลิตร
เคยนั่งรถเจ้านาย525D(2015) ทางไกล กทม.-กบินทรบุรี-กทม 400กม. ตัวเลขดีเซล 18-20กม./ลิตร
3)ช่วงล่างBMW , FORD
โฟกัสประหยัดเหมือนกันนะนี่
-
ถ้าตามโจทย์ ผมเลือกเทียน่าครับ
-
teana ครับ หล่อ นั่งสบาย 8)
-
Teana ขับดีระดับนึงเลย นั่งก็สบาย ซ่อมง่าย แต่อะไหล่จะแพงนิดนึง
แต่เชื่อว่าถูกกว่าที่เหลือ
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
-
ถ้าคันแรกเป็นมือสองคันเล็กอยู่
สองคันหลัง ไม่ควรมองครับ เวลามีปัญหาเดี๋ยวไม่มีเงินดูแลมัน
เลือกคันแรกเท่านั้น..
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
bmดีเซล มันประหยัดขนาดนั้นเลยหรอคับ แต่ก็กลัวค่าเข้าเช็คระยะศูนย์แพงจนรับไม่ได้ประมาณครั้งละหมื่นถึงไหมคับ
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
bmดีเซล มันประหยัดขนาดนั้นเลยหรอคับ แต่ก็กลัวค่าเข้าเช็คระยะศูนย์แพงจนรับไม่ได้ประมาณครั้งละหมื่นถึงไหมคับ
นั่นคือสิ่งปกติที่ต้องรับให้ได้ก่อน ส่วนถ้ามีปัญหา ต้องซ่อม อันนั้นคุณต้องเตรียมเงินในกระเป๋า ระดับห้าหมื่นไว้เลย แถมไม่อุ่นใจด้วย (แม้ไม่เกิดบ่อย แต่ความเป็นไปได้มีครับ)
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
bmดีเซล มันประหยัดขนาดนั้นเลยหรอคับ แต่ก็กลัวค่าเข้าเช็คระยะศูนย์แพงจนรับไม่ได้ประมาณครั้งละหมื่นถึงไหมคับ
นั่นคือสิ่งปกติที่ต้องรับให้ได้ก่อน ส่วนถ้ามีปัญหา ต้องซ่อม อันนั้นคุณต้องเตรียมเงินในกระเป๋า ระดับห้าหมื่นไว้เลย แถมไม่อุ่นใจด้วย (แม้ไม่เกิดบ่อย แต่ความเป็นไปได้มีครับ)
ขอบคุณคับ งั้นผมหนีรถยุโรปก่อนดีกว่ายังไม่มีสำรองขนาดนั้น
ตอนนี้คงเหลือแค่ 250xv ติดแก๊ส, Focus 2.0, x trail 2.0 v
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
bmดีเซล มันประหยัดขนาดนั้นเลยหรอคับ แต่ก็กลัวค่าเข้าเช็คระยะศูนย์แพงจนรับไม่ได้ประมาณครั้งละหมื่นถึงไหมคับ
ตัวที่คุณเลือกมา ถ้าตั้งงบไว้หมื่นนึงก็อย่ายุ่งกับตัวเลือกทั้งหมดเลยครับ
เอาอย่างที่ผมรู้ราคาโฟกัส ซ่อมอู่นอกครั้งละหมื่นบางทีไม่อยู่ (เน้นเปลี่ยน ใช้ยาวๆ)
และถ้าไปเจอปัญหาเกียร์ ไม่ว่าจะเทียน่า จะกัส อู่นอกก็ระดับครึ่งแสนกันทั้งคู่
ค่าเทสหัวฉีดกัส หัวละ 2000 4 หัวก็แปดพัน ซึ่งมันก็ต้องล้างเพราะฉีดตรง
ของเหลว สายพาน ก็เกินหมื่นไปแล้ว
-
ลองดู คัมรี่2.4 เอาไปติดแก๊ส ใช้ยาวๆ น่าสนใจครับ
-
ส่วนตัวเชียร์ e60 ครับ อะไหล่มือสองเซียงกง พออาศัยได้อยู่ครับ
เรื่องการซ่อมแซม อู่นอกมีหลายที่ครับ e60 ออกมานานแล้วน่าจะทำกันได้ทุกอู่ ส่วน ศูนย์บริการ ก็เอาไว้เวลาเบิกอะไหล่บางตัวที่จำเป็นเอาครับ
-
e60 น่าขับที่สุด แต่ที่น่าซื้อใช้ ด้วยเหตุผลง่ายต่อการบำรุงรักษาและค่าดูแลคงต้องเป็น teana ในความเห็นผม
จะหา teana คันที่ไมล์ต่ำกว่านี้ซักหน่อยก็น่าจะดี
ถ้าเคยใช้ bmw มาก่อนรู้จักอู่ว่าจะซ่อมที่ไหน ร้านอะไหล่อยู่ไหน หรือมีงบพอที่เข้าศูนย์ได้ผมเอา e60 ครับ
-
เห็นว่ามีพิจารณาX trailด้วย
ปี2014-2017 2.0 ประมาณ5-7แสนครับ
หรือราคาไกล้กันCRV gen4 ตัวนี้ขับดี นั่งสบาย ซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าครับ
ใช้SUV แล้วอาจจะติดใจครับ สูง มองได้ไกล ปีนฟุทบาท ลุยน้ำได้ดีกว่าเก๋ง
ทางลูกรัง ออฟโรด ก็ไปได้ครับ ผมไปกลอเซโล สบเมยมา ทางฝุ่น ไม่โคลน ไปได้ครับ
-
เห็นว่ามีพิจารณาX trailด้วย
ปี2014-2017 2.0 ประมาณ5-7แสนครับ
หรือราคาไกล้กันCRV gen4 ตัวนี้ขับดี นั่งสบาย ซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าครับ
ใช้SUV แล้วอาจจะติดใจครับ สูง มองได้ไกล ปีนฟุทบาท ลุยน้ำได้ดีกว่าเก๋ง
ทางลูกรัง ออฟโรด ก็ไปได้ครับ ผมไปกลอเซโล สบเมยมา ทางฝุ่น ไม่โคลน ไปได้ครับ
เล็งอยู่ X trail เหมือนกันคับ พวกค่า maintenance แพงไหมคับ จุกจิกไหม แล้วกินน้ำมันเยอะไหมคับหรือว่าเอาไปติดแก๊สดีไหม
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
bmดีเซล มันประหยัดขนาดนั้นเลยหรอคับ แต่ก็กลัวค่าเข้าเช็คระยะศูนย์แพงจนรับไม่ได้ประมาณครั้งละหมื่นถึงไหมคับ
BMWดีเซลผมเหยียบ150มันขึ้น18โลลิตรอะครับ เรื่องประหยัดน้ำมันถ้าไม่ใช่hybridหารถที่โค่นbmwดีเซลได้ยากมาก
-
เห็นว่ามีพิจารณาX trailด้วย
ปี2014-2017 2.0 ประมาณ5-7แสนครับ
หรือราคาไกล้กันCRV gen4 ตัวนี้ขับดี นั่งสบาย ซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าครับ
ใช้SUV แล้วอาจจะติดใจครับ สูง มองได้ไกล ปีนฟุทบาท ลุยน้ำได้ดีกว่าเก๋ง
ทางลูกรัง ออฟโรด ก็ไปได้ครับ ผมไปกลอเซโล สบเมยมา ทางฝุ่น ไม่โคลน ไปได้ครับ
เล็งอยู่ X trail เหมือนกันคับ พวกค่า maintenance แพงไหมคับ จุกจิกไหม แล้วกินน้ำมันเยอะไหมคับหรือว่าเอาไปติดแก๊สดีไหม
ขออภัย คำถามXtrailนี้ผมตอบไม่ได้
แนะนำว่าควรศึกษาโดยตรงจากFacebookรุ่นรถนั้นๆครับ
SUVเบนซิน Xtrail ,CRV ไม่ใช่ตัวเลือกรถประหยัดน้ำมันครับ
ตามท่านบนกล่าว ถ้าไม่ใช่Hybrid , ดีเซลคือคำตอบครับ
-
ประหยัดยังไงก็ไม่สู้bmดีเซล ต่อให้เทียน่าติดแก๊ส
ช่วงล่าง โฟกัสกับบีเอ็มนี่หนึบมาก เทียน่านิ่มจนย้วยไม่เกาะถนนแต่นั่งสบายมาก ขับสบายมาก
ขับเรื่อยๆเน้นสบายๆเทียน่า2.5ท็อปไปเลย ซิ่งๆก็บีเอ็มจบกว่าไม่ต้องมารู้งี้ทีหลังแต่ก็ซ่อมแพงกว่าชาวบ้าน
bmดีเซล มันประหยัดขนาดนั้นเลยหรอคับ แต่ก็กลัวค่าเข้าเช็คระยะศูนย์แพงจนรับไม่ได้ประมาณครั้งละหมื่นถึงไหมคับ
BMWดีเซลผมเหยียบ150มันขึ้น18โลลิตรอะครับ เรื่องประหยัดน้ำมันถ้าไม่ใช่hybridหารถที่โค่นbmwดีเซลได้ยากมาก
BMWดีเซล ที่ว่าประหยัดมันคือพวกปีใหม่ๆพวก 520d f10 หรือ 320d g20 ใช่ไหมคับ
แล้วถ้ารุ่นเก่าๆอย่าง 520d e60 มันประหยัดพอๆกับรุ่นปีใหม่ๆไหมคับ
-
เห็นว่ามีพิจารณาX trailด้วย
ปี2014-2017 2.0 ประมาณ5-7แสนครับ
หรือราคาไกล้กันCRV gen4 ตัวนี้ขับดี นั่งสบาย ซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าครับ
ใช้SUV แล้วอาจจะติดใจครับ สูง มองได้ไกล ปีนฟุทบาท ลุยน้ำได้ดีกว่าเก๋ง
ทางลูกรัง ออฟโรด ก็ไปได้ครับ ผมไปกลอเซโล สบเมยมา ทางฝุ่น ไม่โคลน ไปได้ครับ
เล็งอยู่ X trail เหมือนกันคับ พวกค่า maintenance แพงไหมคับ จุกจิกไหม แล้วกินน้ำมันเยอะไหมคับหรือว่าเอาไปติดแก๊สดีไหม
ผมใช้ xtrail 2.0 v 4WD อยู่ครับ อายุประมาณ 2 ปี ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจใดๆ ค่าดูแลซ่อมบำรุงรับได้ครับ
- ตัวรถการขับขี่ ทัศนวิสัยดี ชอบเบาะ นั่งสบายขับนานไม่มีอาการปวด มีดันหลังไฟฟ้าช่วยลดความเมื่อยได้มาก ช่วงล่างนุ่มเกาะถนนดี การทรงตัวดีครับ มีระบบช่วยจัดการในเรื่องการทรงตัว การเข้าโค้ง การบั้มรวมถึงการสั่นสะเทือนของรถ ซึ่งก็รู้สึกได้จริง อัตราเร่งผมถือว่าดีพอกดก็มีแรงมาไม่ได้กดแล้วมาแต่เสียง(ผมใช้รถทางภาคเหนือ) ชอบเกียร์cvtแบบไล่รอบให้ฟิลลิ่งตอนเร่งแซงได้ดี สิ่งที่ไม่ชอบคือ ช่วงล่างในจังหวะที่เหยียบสันถนนหรือรอยต่อที่คมๆ จะมีอาการสะเทือนตึงๆมาให้เห็นอยู่บ้างครับไม่ได้เนียบกริบ และพอมันสะเทือนมันก็ส่งผลมาถึงเสียงตามแผงประตู ตามคอนโซลด้านในให้เกิดเสียงน่ารำคาญขึ้นได้ครับ และที่ไม่ชอบอีกอย่างคือเสียงจากยางครับเวลาวิ่งเร็วๆได้ยินเสียงจากด้านล่างตัวรถอยู่พอประมาณ สันนิษฐานว่ามาจากยางถ้าเปลี่ยนน่าจะเงียบขึ้น
- อัตราการสิ้นเปลือง วิ่งจากตัวเมืองไปทำงานชานเมือง ไปกลับประมาณวันละ 60 กิโล ขับแบบเหยียบได้เหยียบแซงได้แซง ใช้ความเร็วช่วง 100 - 140 ตามสภาพการจราจร เจอรถติดรวมขาไปและกลับประมาณ 30-40 นาที ได้ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 11-13 กิโลเมตร/ลิตร ครับ พบข้อสังเกตุได้อย่างนึง ถ้าเกิดวันไหนจังหวะดีไม่เจอติดแยกที่นานๆ อัตราสิ้นเปลืองรอบนั้นจะทำได้ดีมาก เคยได้ถึง 14 กิโลเมตร/ลิตร ในการขับแบบเดียวกัน และเนื่องด้วยคันนี้ยังไม่เคยวิ่งออก ตจว ลงภาคกลางยาวๆ เคยแต่วิ่งออก ตจว แบบขึ้นเขาเลี้ยวหักศอกเรียกใช้แรงบิดตลอดเวลา สันนิษฐานว่าหากใช้ความเร็วนิ่งๆวิ่งยาวๆใช้ครูซคอนโทรลบ้าง น่าจะแตะตัวเลข 15+ กิโลเมตร/ลิตร ได้ไม่ยากครับ
ผมเคยใช้เก๋งเล็ก(jazz HB)ก่อนเปลี่ยนมาคันนี้เหมือนกันครับ แรกๆเฟลกับอัตราสิ้นเปลืองครับ เราเคยขับได้ไม่ต่ำกว่า 15 กิโลเมตร/ลิตร ตลอด แต่พอมาคันนี้ขับยังไงก็ยังไม่เคยเกิน 15 กิโลเมตร/ลิตร มันไม่ใช้รถที่จะคาดหวังเรื่องความประหยัดแน่นอนครับ ส่วนเรื่องติดแก๊ส เครื่องตัวนี้ 2.0 เป็นเครื่องฉีดตรง สามารถติดแก๊สได้ไม่มีปัญหาครับ ตามลิ้งก์นี้มีรับประกันด้วย http://hongtongautogas.com/review_car_gas_detail.php?id=61
- ค่า maintenance เข้าศูนย์เช็คระยะครั้งนึงประมาณ 3xxx จะมีรอบ4หมื่นโลที่จะแพงหน่อยเพราะมีอะไรต้องเปลี่ยนเพิ่มซักอย่างผมจำไม่ได้ และผมให้รวดเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ด้วยเลยรวมแล้วประมาณ 6xxx ครับในรอบ4หมื่นโล ส่วนค่า maintenance อื่นๆนอกเหนือจากนี้ยังไม่เคยเปลี่ยนครับ รถยังไม่มีปัญหาอะไร กะไว้ว่าหากเจ้านี่น่ารักไม่งอแงแบบนี้คงใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพังครับกะไว้สัก 10 ปี ครับ
โรคฮิตประจำตัวของคันนี้ไม่มี แต่ผมว่าเค้ามีจุดอ่อนเดียวที่ควรจับตาและดูแลเป็นพิเศษ คือเกียร์ cvt 8 ของมันครับ(คนละลูกกับที่เครมกันเป็นว่าเล่นของตัวไฮบริด) ในคลับทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครพังนะครับ แต่เพื่อยืดอายุการใช้งาน ก็เปลี่ยนน้ำมันเกียร์กันให้บ่อยขึ้น ซึ่งผมก็ทำครับ ผมเปลี่ยนไปตอนเลขไมล์3หมื่นนิดๆ สีก็ดำใช้ได้แล้ว
สรุป รู้สึกว่าซื้อมาแล้วจบ เป็นรถที่ซื้อมาแล้วใช้งานได้ตามที่คาดหวัง ไม่ขี้โรค ไม่มีความรู้สึก รู้งั้น รู้งี้ แฮปปี้ดีครับ
-
เห็นว่ามีพิจารณาX trailด้วย
ปี2014-2017 2.0 ประมาณ5-7แสนครับ
หรือราคาไกล้กันCRV gen4 ตัวนี้ขับดี นั่งสบาย ซ่อมบำรุงสบายกระเป๋าครับ
ใช้SUV แล้วอาจจะติดใจครับ สูง มองได้ไกล ปีนฟุทบาท ลุยน้ำได้ดีกว่าเก๋ง
ทางลูกรัง ออฟโรด ก็ไปได้ครับ ผมไปกลอเซโล สบเมยมา ทางฝุ่น ไม่โคลน ไปได้ครับ
เล็งอยู่ X trail เหมือนกันคับ พวกค่า maintenance แพงไหมคับ จุกจิกไหม แล้วกินน้ำมันเยอะไหมคับหรือว่าเอาไปติดแก๊สดีไหม
ผมใช้ xtrail 2.0 v 4WD อยู่ครับ อายุประมาณ 2 ปี ไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจใดๆ ค่าดูแลซ่อมบำรุงรับได้ครับ
- ตัวรถการขับขี่ ทัศนวิสัยดี ชอบเบาะ นั่งสบายขับนานไม่มีอาการปวด มีดันหลังไฟฟ้าช่วยลดความเมื่อยได้มาก ช่วงล่างนุ่มเกาะถนนดี การทรงตัวดีครับ มีระบบช่วยจัดการในเรื่องการทรงตัว การเข้าโค้ง การบั้มรวมถึงการสั่นสะเทือนของรถ ซึ่งก็รู้สึกได้จริง อัตราเร่งผมถือว่าดีพอกดก็มีแรงมาไม่ได้กดแล้วมาแต่เสียง(ผมใช้รถทางภาคเหนือ) ชอบเกียร์cvtแบบไล่รอบให้ฟิลลิ่งตอนเร่งแซงได้ดี สิ่งที่ไม่ชอบคือ ช่วงล่างในจังหวะที่เหยียบสันถนนหรือรอยต่อที่คมๆ จะมีอาการสะเทือนตึงๆมาให้เห็นอยู่บ้างครับไม่ได้เนียบกริบ และพอมันสะเทือนมันก็ส่งผลมาถึงเสียงตามแผงประตู ตามคอนโซลด้านในให้เกิดเสียงน่ารำคาญขึ้นได้ครับ และที่ไม่ชอบอีกอย่างคือเสียงจากยางครับเวลาวิ่งเร็วๆได้ยินเสียงจากด้านล่างตัวรถอยู่พอประมาณ สันนิษฐานว่ามาจากยางถ้าเปลี่ยนน่าจะเงียบขึ้น
- อัตราการสิ้นเปลือง วิ่งจากตัวเมืองไปทำงานชานเมือง ไปกลับประมาณวันละ 60 กิโล ขับแบบเหยียบได้เหยียบแซงได้แซง ใช้ความเร็วช่วง 100 - 140 ตามสภาพการจราจร เจอรถติดรวมขาไปและกลับประมาณ 30-40 นาที ได้ตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 11-13 กิโลเมตร/ลิตร ครับ พบข้อสังเกตุได้อย่างนึง ถ้าเกิดวันไหนจังหวะดีไม่เจอติดแยกที่นานๆ อัตราสิ้นเปลืองรอบนั้นจะทำได้ดีมาก เคยได้ถึง 14 กิโลเมตร/ลิตร ในการขับแบบเดียวกัน และเนื่องด้วยคันนี้ยังไม่เคยวิ่งออก ตจว ลงภาคกลางยาวๆ เคยแต่วิ่งออก ตจว แบบขึ้นเขาเลี้ยวหักศอกเรียกใช้แรงบิดตลอดเวลา สันนิษฐานว่าหากใช้ความเร็วนิ่งๆวิ่งยาวๆใช้ครูซคอนโทรลบ้าง น่าจะแตะตัวเลข 15+ กิโลเมตร/ลิตร ได้ไม่ยากครับ
ผมเคยใช้เก๋งเล็ก(jazz HB)ก่อนเปลี่ยนมาคันนี้เหมือนกันครับ แรกๆเฟลกับอัตราสิ้นเปลืองครับ เราเคยขับได้ไม่ต่ำกว่า 15 กิโลเมตร/ลิตร ตลอด แต่พอมาคันนี้ขับยังไงก็ยังไม่เคยเกิน 15 กิโลเมตร/ลิตร มันไม่ใช้รถที่จะคาดหวังเรื่องความประหยัดแน่นอนครับ ส่วนเรื่องติดแก๊ส เครื่องตัวนี้ 2.0 เป็นเครื่องฉีดตรง สามารถติดแก๊สได้ไม่มีปัญหาครับ ตามลิ้งก์นี้มีรับประกันด้วย http://hongtongautogas.com/review_car_gas_detail.php?id=61
- ค่า maintenance เข้าศูนย์เช็คระยะครั้งนึงประมาณ 3xxx จะมีรอบ4หมื่นโลที่จะแพงหน่อยเพราะมีอะไรต้องเปลี่ยนเพิ่มซักอย่างผมจำไม่ได้ และผมให้รวดเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ด้วยเลยรวมแล้วประมาณ 6xxx ครับในรอบ4หมื่นโล ส่วนค่า maintenance อื่นๆนอกเหนือจากนี้ยังไม่เคยเปลี่ยนครับ รถยังไม่มีปัญหาอะไร กะไว้ว่าหากเจ้านี่น่ารักไม่งอแงแบบนี้คงใช้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพังครับกะไว้สัก 10 ปี ครับ
โรคฮิตประจำตัวของคันนี้ไม่มี แต่ผมว่าเค้ามีจุดอ่อนเดียวที่ควรจับตาและดูแลเป็นพิเศษ คือเกียร์ cvt 8 ของมันครับ(คนละลูกกับที่เครมกันเป็นว่าเล่นของตัวไฮบริด) ในคลับทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีใครพังนะครับ แต่เพื่อยืดอายุการใช้งาน ก็เปลี่ยนน้ำมันเกียร์กันให้บ่อยขึ้น ซึ่งผมก็ทำครับ ผมเปลี่ยนไปตอนเลขไมล์3หมื่นนิดๆ สีก็ดำใช้ได้แล้ว
สรุป รู้สึกว่าซื้อมาแล้วจบ เป็นรถที่ซื้อมาแล้วใช้งานได้ตามที่คาดหวัง ไม่ขี้โรค ไม่มีความรู้สึก รู้งั้น รู้งี้ แฮปปี้ดีครับ
ขอบคูณมากคับพี่