Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: LapisLazuli ที่ ธันวาคม 18, 2020, 21:16:45
-
ผมเป็นคนที่ ฝึกขับรถครั้งแรก เป็นรถ CVT (March, Jazz GK) เป็นรถของพี่ ก่อนสอบใบขับขี่
พี่ชายผมก็เหมือนกัน ขับคันแรก CVT
หลังจากนั้นใช้งานจริงบนถนน ไปทำงานทุกวันๆ ใช้รถของพ่อ เกียร์ AT 5 Speed เครื่อง 1.5 เท่ากัน
เร่งไม่ออก , ต้องเหยียบให้รอบขึ้นสูงๆ ความเร็วถึงจะมา รู้สึกไม่ชิน, ตอนนี้ซื้อคันใหม่กลับมาเป็น CVT ที่ smoothๆ ที่ชื่นชอบแล้ว (ถ้าเอาระบบหลอกว่ามีการ shift gear จะดีมากๆ อยากให้ smooth ที่สุด 55)
ผมก็ลองคุยกับพี่ชาย และเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน (เพื่อนๆ gen zoomer)
สรุป คือ ผมสังเกตุว่า คนที่ขับเกียร์ AT, MT มาก่อนจะมีนิสัยการขับ ต่างจากคนที่ขับคันแรกเป็น CVT ชัดเจน คือ ขับแบบใช้รอบสูงๆ เสียงเครื่องดังๆ กับค่อยๆเร่งแบบ smooth (เอาจริงๆ ผมว่า CVT มันก้อเร่งขึ้นเร็วเท่ากันอยู่ดี จะ kick down หรือ ไม่ kick down ก็ตาม)
\\\\ แต่ผมไปอ่านหลักการทำงานของมัน ผมก้อเข้าใจแหละครับ ว่าอัตราทดมัน fixed, ไม่เหยียบก้อเร่งไม่ไป เป็นไปตามฟิสิกส์ เป็นธรรมชาติ ////
ผมก็เลยอนุมานว่า ที่เมื่อก่อนคุยๆกันว่า CVT พังเร็ว, สมัยนี้เกียร์ CVT อาจจะไม่ได้เเข็งเเรงขึ้น เเต่นิสัยคนขับเปลี่ยนไปมากกว่ารึเปล่าครับ มีใครขับคันแรกในชีวิตเป็น CVT มั้ยครับ
-
ไม่เกี่ยวมั้ง
ผมหัดขับรถในยุคปี 90 เกียร์ A/T 4 สปีด คุมด้วยอิเลกทรอนิกส์ ผมก็ขับของผมมาแต่ไหนแต่ไร เร่งให้รถเปลี่ยนเกียร์ ที่รอบไม่เกิน 2500 รอบ อยากไวหน่อยก็แค่ 3000 รอบ แค่นั้น ก็หาคนแซงรถผมยากแล้วนะ .. ผมว่า มันอยู่ที่กำลังเครื่องมากกว่าหรือป่าวครับ ? รถคุณ 1.5 อาจจะอืดไม่มีแรง เลยต้องใช้รอบสูง แต่รถคันที่ผมขับหลายคัน แค่แตะมันก็พุ่ง วิ่งถวายชีวิตละ โดยไม่ต้องไปเรียกรอบอะไรเลย
ปัจจุบัน ใช้รถ 5AT คู่กับ CVT ก็ยังขับแบบเดิม ไม่ใช้รอบสูงอยู่แล้ว ยกเว้นตอนแซงฉุกเฉินเท่านั้น
-
ขึ้นกับนิสัยแต่ละบุคคลด้วยมั้งครับ
ผมขับรถคันไหนก็จะไปแบบนุ่มๆ ไม่เคยกระชากออกแรงๆซักที (ยกเว้นเวลารีบ) ออกตับไม่เคยใช้รอบเกิน3000เลยครับ
แต่ชอบรถเกียร์ CVT มากกว่า ขับขึ้นเรื่อยๆนุ่มๆไปแบบสมุท ไม่มีสะดุด
-
ขับเหมือนๆกันแหละครับ
ถ้าเกียร์ cvt jatco ผมขอขับ at ดีกว่า
แต่ถ้าเป็น toyota honda ผมเลือก cvt เพราะใช้รอบไม่สูง มีแรงดึงตลอด แล้วขับแบบไหนการตอบสนองก็เหมือนเดิม แรงดี
ยังไม่เคยมีคันไหนเกียร์พังเลยครับไม่ว่าจะระบบอะไรครับ
-
เกียร์ออโต ATF ทั่วๆ ไป อยากให้มันราบเรียบสมูท คุณต้องใช้ "เท้า" ให้เป็นครับ
ไม่ได้กวนนะครับ แต่หลักการแบบนี้จริงๆ เร่งไประดับหนึ่งแล้ว ถอนเท้าให้เกียร์มันเข้าไปในเกียร์ถัดไป แรกๆ จะงงๆ มึนๆ หลังๆ ถ้าคุณจับอาการได้แล้วมันจะสมูทของมันไปครับ
หลักการนี้ผมก็เอามาใช้กับเกียร์ออโต CVT ช่วง 40-60 กม./ชม. ให้เกียรืมันเปลี่ยนเหมือนกันแหละครับ แต่ไม่มากเท่าเกียร์ออโต ATF เท่านั้นเอง
-
เกียร์ออโต ATF ทั่วๆ ไป อยากให้มันราบเรียบสมูท คุณต้องใช้ "เท้า" ให้เป็นครับ
ไม่ได้กวนนะครับ แต่หลักการแบบนี้จริงๆ เร่งไประดับหนึ่งแล้ว ถอนเท้าให้เกียร์มันเข้าไปในเกียร์ถัดไป แรกๆ จะงงๆ มึนๆ หลังๆ ถ้าคุณจับอาการได้แล้วมันจะสมูทของมันไปครับ
หลักการนี้ผมก็เอามาใช้กับเกียร์ออโต CVT ช่วง 40-60 กม./ชม. ให้เกียรืมันเปลี่ยนเหมือนกันแหละครับ แต่ไม่มากเท่าเกียร์ออโต ATF เท่านั้นเอง
เห็นด้วยครับ เคยใช้ 4AT มาก่อน ปัจจุบันใช้ 5AT ถ้าจับจังหวะการเร่งกับจังหวะการเข้าเกียร์ได้ ก็สามารถขับสมูทแบบ CVT ได้เช่นกันครับ
แต่คนที่จะขับเกียร์ AT ให้สมูทได้ ต้องเป็นคนที่ใจเย็นครับ ถ้าใจร้อนชอบเร่งไวๆ อันนี้ขับยังไงรถก็กระชากครับ
-
ถ้า jatco ผมว่ามันยังไม่ธรรมชาติ แต่ถ้าของ Toyota Honda ผมว่าขับดีเลยครับ อัตราเร่งไหลมา ขับสนุก
ยิ่งเครื่องเทอร์โบ+cvt นี่ขับมัน ไหลดีมาก แค่อย่ากดก่อนความเร็วถึง50 จะดีรักษาหน่อย เพราะมันรูดง่าย
มาก
ส่วนเรื่องขับแบบไหน ผมได้หมดนะ at dct cvt ecvt ยังไงก้ได้ แต่ล่ะคันมีความสนุกแตกต่างออกไป
-
จริงผมขับมอไซค์ CVT เป็นมาก่อนจะขับรถยนต์นะ
ทุกวันนี้ใช้รถยนต์ที่มีทั้ง 3AT เกือบ 30 ปีก่อน และ 6AT ยุคปัจจุบัน ก็ใช้การค่อยๆ ไหลกดขึ้นไป
มันก็ลื่นและมีเรี่ยวแรงดีครับ
บอกตามตรงผมยังชอบ AT เฟืองอยู่ดี
-
CVTจะให้ผลลัพธ์แรงบิดในแบบที่คล้ายกับflat. Torqe มาก ไม่ต้องใช้รอบสูงในการเดินทาง อย่งรถที่เป็นเครื่อง 1.8 cvt. ความเร็วที่110-120กม./ชั่วโมงใช้รอบเครื่องที่1800-2000รอบเท่านั้นครับ. แต่ทั้งนี้cvtมันมีข้อเสียคือไม่ทนทาน. ถ้าคุณออกตัวเวลายูเทินคุณอาจจะหงุดหงิดที่มันดูอืดเพราะโปรแกรมการถนอมเกียร์ cvt ที่จะอมรอบไว้ทำให้ไม่สามรถเมื่อเหยียบไปแล้วมันจะไม่พุ่งออกไปในทันทีเหมือนเกียร์ออโต้แบบเฟืองทีกดแล้วมาเลย และเวลาเดินทางขึ้นลงเขาคุณอาจจะควบคุมรถที่เป็นเกียร์ cvt ได้ยากเพราะเอนจิ้นเบรคน้อยทำให้เสียงอันตรายต่อตรงเขา หรือหน้าผาได้ครับ
-
ถ้ายอมเข้าใจการทำงานของระบบ เหมือนกับที่จขกท.พยายามทำความเข้าใจกับ a/t ผมว่านะ ไม่ว่าจะขับอะไรก็จะหาจุดสมดุลย์ของมันเจอ
ผมอายุ 46 แล้ว ผ่านเกียร์ธรรมดามา 5 ปี ทุกวันนี้ยังใช้รถหลักเป็น a/t อยู่เลย แต่รถขับเสาร์อาทิตย์ทั้ง 2 คันเป็น cvt (nissan cube กับ odyssey)
ผมชอบ cvt มากครับ ชอบที่รอบเครื่องต่ำแต่ความเร็วสูงนี่แหละ แต่จะบอกว่า a/t ถ้าขับเป็นก็ทำได้ครับ
แต่ถ้าเน้นซิ่ง ยังไง a/t ก็ดีกว่า เวลาขับ cvt แล้ว ถ้าภาพเหล็กครอบยางของสายพานกระจายอยู่ในห้องเกียร์อยู่ในหัว เราจะไม่กล้าสนุกกับมันมากเท่าที่ควรน่ะสิ
-
ตอนนี้ก็ใช้ทั้ง cvt และออโต้ธรรมดา ขับแบบเรื่อยๆ ไม่รู้สึกต่างอะไรเท่าไหร่ มีแค่เวลาต้องการจะแซงหรือกลับรถตอนยูเทิร์นที่รู้สึกเสียวๆอยู่บ้างครับ อื่นๆไม่มีอะไร ห่วงแค่ความอึดเท่านั้นครับ
-
ผมก็เริ่มขับจาก 4AT ปัจจุบันใช้ CVT กลับชอบมากกว่าตรงที่ไม่ต้องใช้รอบสูงประมาณ 2 พันนิด ๆ อัตราเร่งก็ไต่ได้สมูธมาก แต่ถ้า เป็น 4-5AT ต้องเร่ง ไปถึง 3 พันรอบจึงจะเปลี่ยนเกียร์ ถ้า 9 AT ก็จะเปลี่ยนเร็วขึ้นหน่อย ที่มีผลอีกอย่างคือ คันเร่งครับ รุ่นเก่า ๆ ที่เป็นแบบสายนี่ต้องเท้าหนักพอควร พอเป็นคันเร่งไฟฟ้า เหยียบนิดเดียวรอบเครื่องก็มาแล้วครับ
-
ไม่เกี่ยวมั้ง
ผมหัดขับรถในยุคปี 90 เกียร์ A/T 4 สปีด คุมด้วยอิเลกทรอนิกส์ ผมก็ขับของผมมาแต่ไหนแต่ไร เร่งให้รถเปลี่ยนเกียร์ ที่รอบไม่เกิน 2500 รอบ อยากไวหน่อยก็แค่ 3000 รอบ แค่นั้น ก็หาคนแซงรถผมยากแล้วนะ .. ผมว่า มันอยู่ที่กำลังเครื่องมากกว่าหรือป่าวครับ ? รถคุณ 1.5 อาจจะอืดไม่มีแรง เลยต้องใช้รอบสูง แต่รถคันที่ผมขับหลายคัน แค่แตะมันก็พุ่ง วิ่งถวายชีวิตละ โดยไม่ต้องไปเรียกรอบอะไรเลย
ปัจจุบัน ใช้รถ 5AT คู่กับ CVT ก็ยังขับแบบเดิม ไม่ใช้รอบสูงอยู่แล้ว ยกเว้นตอนแซงฉุกเฉินเท่านั้น
ที่ผมเทียบ คือ เป็นเครื่อง 1.5 ทั้ง คู่ครับ (City 5 AT กับ Jazz CVT)
โดยที่ถ้าอยากเร่งให้ความเร็วเท่ากัน ผมต้องกดให้ 5 AT ถึง 2500-3000 rpm แต่ใช้ CVT มาไม่เคยกดเกิน 2200 rpm (ส่วนใหญ่กดที่ 1500-1800 ตอนออกตัว) มันทำให้รู้สึกว่าได้ยินเสียงเครื่องที่มากกว่า 2000 rpm แล้วกลัวๆ แบบผมไม่ได้ซิ่งนะ T..T
ผมก็เคยไปกับรุ่นพี่อายุ ประมาณ 40 คนนึง ขับ Teana AT เร่งเครื่อง 3000-3500 rpm เป็นปกติ ทุกครั้งที่ออกตัว (ผมก็รุ้สึก มันก็ไม่ได้เร่งเร็ว เท่าไหร่ , แต่เข้าใจว่าเครื่องใหญ่จริง แต่รถมันก็หนัก อัตราเร่งมันก็เท่ากัน)
รุ้สึกเหมือน มีหลายคนที่ชอบความ smooth ของ CVT
ค่ายรถน่าจะเอาโปรแกรมหลอก shift gear ออกเนอะครับ ;D
(หมายถึงตอนเร่งเครื่องจากหยุดนิ่ง ไม่ใช่ตอนขับทางไกลด้วยความเร็วสูง)
-
ท่านต้องไปลองรถยุโรปที่ มี แปดหรือเก้าเกียร์
ดูว่าความรู้สึกจะเหมือน cvt ที่ท่านคุ้นเคยหรือเปล่า
การใช้คันเร่งสมัยก่อน จะเป็นแบบ เหยียบแล้วผ่อน
เพื่อเปลี่ยนเกียร์ บางคนชอบเติมเลี้ยงคันเร่ง เมื่อถึงความเร็วที่พอใจ
บางคนชอบลากรอบเรียกกำลังเครื่องผ่านการทำงานของเกียร์ที่หนักขึ้น แล้วเบรกกันหนักๆ
ที่นี้ ออโต้ สี่เกียร์ ยุคหนึ่งเริ่มกินน้ำมันล่ะ จึงเพิ่มเป็น ห้าเกียร์และหกเกียร์ตามลำดับเพื่อช่วยเซฟน้ำมัน
ตันทุนมันก็สูงขึ้น เค้าจึงคิด cvt เพื่อช่วย เปลี่ยนเกียร์ให้สมูทขึ้น ผลคือช่วยประหยัดน้ำมัน ขนาดของเกียร์
ทั้งลูกยังคงขนาดใกล้เคียงของเดิม ทำให้รถขับหน้าทั่วไปสามารถใช้ได้ เดิมคอนเซ็ทป์ คือ พังแล้วเปลี่ยน
เพราะต้นทุน เมื่อเทียบกับเกียร์ระบบเดิมแล้วถูกกว่ามาก
ฮอลล์เกียร์เบนซ์ชุดใหญ่ สามารถซื้อเกียร์ cvt ใหม่ได้
ทุกอย่างมีข้อดีและเสีย คือความ ทนทานของเกียร์
-
ใช้GK MT อยู่ รอบสูงเป็นเรื่องปกติขับร้อยนึงรอบ3300
น่าจะออกแบบมาเผื่อแซง ที่เลือก/MT เพราะขับทางภูเขาไม่อยากเสียวขาลงกับCVT และก็ไม่ห่วงเกียร์พังยอมเมื่อยขา
-
ขออภัยที่ให้ความคิดเห็นไม่ตรงกระทู้ครับ ;)
ขับVIOS1.5 2รุ่น ทางไกล ชม.-กทม.-ชม. ความเร็วประมาณ90-120++
1)1.5 gen2 1NZ + 4AT E20 ได้ที่ไม่เกิน15กม./ลิตร
2)2NZ + 7CVT E20 ได้17-18กม./ลิตร
ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองรถที่มีเกียร์มากกว่า ทำได้ดีเลยครับ
ชอบCVTเรื่องความไหลลื่นครับ
-
จริงๆ แล้ว ต้องไปฝึกขับรถ M/T ให้เป็น อยู่กับมันสักพัก
แล้วจะเข้าใจ dynamic ของรถ มากกว่าแค่เรื่องส่งกำลัง
แต่ยังรวมไปถึง การถ่ายน้ำหนัก ถ่ายแรงกด การใช้แรง
หน่วงจากเครื่องยนต์มาควบคุมรถด้วยครับ
หลังจากนั้นแล้ว จะขับรถเกียร์อะไร รถแบบไหน ICE, HV
หรือ EV ก็จะเอาพื้นฐานความเข้าใจรถมาใช้ได้ดีกว่าครับ
-
ตอบส่วน CVT มันพังง่าย คือไม่เกี่ยวกับนิสัยคนขับ มันก็พัฒนาขึ้นมาให้ทนขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดฮาร์ดแวร์ตัวเกียร์เอง
ซึ่งมันมีจุดอ่อนตอนออกตัวจริงๆ ของโตต้าปัจจุบันยังทำเกียร์ CVT แบบใหม่คือเป็นเฟืองช่วยออกตัว
แล้วค่อยเข้า CVT เต็มตัวอีกทีครับ
กับสมองกลเกียร์มันถูกเซ็ทมาต่างกันครับ อันนึง CVT จัดรอบพร้อมแรงบิดที่ต้องการได้เลย
กับ A/T จัดรอบก่อน แล้วค่อยแมทช์เกียร์ให้ได้แรงบิดที่ต้องการ <-- เห็นมั้ยครับทำไมต้องเหยียบ เพราะกล่องให้ความสำคัญรอบก่อนนั่นเอง
ส่วนรุ่นพี่ขับใช้รอบสูงประจำ จริงๆเวลาไปกับรุ่นน้องคนส่วนใหญ่ก็ต้องแสดงความห้าวกันทั้งนั้นนะครับ ฮา ::)
-
CVT ทางลงเขาผมว่ามันหน่วงน้อยกว่า ATF อ่ะครับ ส่วนตัวเลยไม่ค่อยชอบตรงนี้เท่าไหร่ แถมตอนไปฟอกเกียร์ ค่าใช้จ่ายสูงกว่า ATF ด้วยอ่ะ (ราคาอ้างอิงจากร้านแถวบางบอนนะครับ) และที่สำคัญถ้าเป็นของ Jatco มันดันหอนเป็นเรื่องปกติเนี่ยดิ ฮ่าๆ
-
ไม่ม่ีผลอะไรกับผมเลย ฐานะที่ขับทั้ง6-22ล้อมาแล้ว
ผมใช้ CVT ลงเขาได้ปกติ ไม่มีเบรคเฟดใดๆเลย
-
ส่วนตัวใช้ 5mt จากนั้นมาใช้ CVT honda ยอมรับว่ามันสร้างอัตราเร่งได้ดีโดยไม่ใช้รอบสูง
แต่มันก็รู้สึกฝืนความรู้สึกอยู่เล็กๆ ปกติเราเหยียบคันเร่งน้ำมัน ลิ้นผีเสื้อเปิด เครื่องยนต์ไต่รอบสร้างอัตราเร่ง
แต่พอมาเป็น CVT อัตราเร่งกลับถูกสร้างโดยการไล่อัตราทดของ CVT
บางจังหว่ะที่เราอยากได้ความเร็วเพิ่มอีกเล็กน้อย จุ่มคันเร่งลงไปเล็กๆ รอบเครื่องตีขึ้นไปแล้ว แต่ความเร็วรถไม่เพิ่ม เพราะ CVT ไม่ยอมจับ
บางจังหว่ะอยากเร่งแซงรถเลนสวน กดไปลงแล้ว บางครั้งก็จับเร็ว บางครั้งก็จับช้า ขับมา 2 ปี แล้ว ยังเดาอาการมันไม่ถูกซักที
ทุกวันนี้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20000 กม. ตามคำแนะนำของพี่ที่ทำงาน แกขับไปแล้ว 200000 กม. วิ่งมอเตอร์เวย์ทุกวัน ขับสุดโหด แต่ไม่เคยยกเกียร์
แต่อีกคัน เปลียนน้ำมันเกียร์ตามรอบ ขับแบบปกติแค่ 120000 กม. สายพานเกียร์ขาด ต้องไปยกมาจากระยอง
ทุกคันที่ว่าเป็น Honda jazz gk กับ city gm cvt ครับ
-
8) 8) 8)....CVT Lineartronic SUBARU ขับได้เหมือน A/T แรงดันไฮดรอลิกเลยครับ ลองดู ในเบนซีน CVT 7 speed ในดีเซล CVT 8 speed ขับสนุก ไม่ต้องออมแรงขณะออกตัว :-X
-
ผมหัดขับรถเป็นกับโฟลค์เต่าเกียร์ธรรมดา มาใช้รถส่วนตัวคันแรกก็เกียร์ธรรมดา 5 เกียร์
มาคันที่ 2 เกียร์ออโต้ คันปัจจุบัน altis cvt สลับกับรถ ออโต้ 4 กับ 5 เกียร์ ทุกคัน
ผมใช้คันเร่งปกติ ไม่ชอบเปลี่ยนเกียร์รอบสูง กำลังรถได้ก็ไม่ต้องเหยียบเยอะ
ส่วนนึ่ง ผมว่าอยู่ที่นิสัย ความเคยชินในการขับรถมากกว่า
รถเร่งไม่ออก ตัวแปรมันเยอะนะครับ รถอาจไม่สมบูรณ์ อาจต้องเคยขับตอนป้ายแดงดุว่า
มันเป็นยังไงถึงมาเทียบได้ แบบลมยางน้อย คนนั่งเยอะ แม้แต้น้ำมันที่เติมบางทีความรู้สึกมันก็ต่างกันแล้ว
altis 1.8 cvt ค่อนข้างชอบครับ เกียร์มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น เร่งแซงต่างจังหวัดไม่มีปัญหา
ขนาดใช้แต่ในเมืองนานๆ จะไปต่างจังหวัดที ใช้ในเมืองก็ราบรื่นดี จะขับเร็วเหมือนเกียร์เปลี่ยนโหมดให้รอบก็เป็นไปตามเท้าดี
-
เริ่มจากขับ MT มา 10+ปี
เริ่มขับ 4AT d-segment หลังปีที่ 10 ขับอยู่ 14-15 ปี กว่า 360,000 กม. เกียร์ AT ก็เหมือนขับ MT แต่คุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดคันเร่ง มากน้อย เท่านั้น
ปีที่ 25 เริ่มขับ CVT แต่เลือกันที่แรงบิดมากกว่า 230+ เท่านั้น พบว่าขับสบาย สนุก ราบรื่นกว่า AT เยอะ ไม่ต้องใช้คันเร่งคุมแบบ AT แต่ส่วนมากขับเรื่อยๆเสียส่วนใหญ่ ถ้าจะไปก็กดหนักๆ พอเกียร์รับรู้ จากนั้นก็ยิ้มยาวๆ ไปไม่หยุดแบบราบรื่น
มีข้อห้ามเดียวคือ ตอนออกตัว อย่ากดหนักๆ ออกตัวรอบสูงๆ แต่ถ้าวิ่งๆอยู่ 60-70-80 เหยียบๆลงไปได้เลย รอบกวาดแป๊บเดียว พอแรงมาก็จบๆ
ปีถัดมาออก CVT อีกคัน เลือก แรงบิดเยอะ 250+ ก็สนุกแบบราบรื่นได้อีก
แปลกที่ CVT นั้น หากจะขับให้ประหยัด หมายถึงต้องการขับให้ประหยัดจริงๆ มันทำได้ดีเนียนๆกว่า AT CVT ปรับอัตราทดได้ละเอียดมาก ไม่ว่าเราจะไปที่ความเร็วไหนๆ จะเร็วขึ้นหรือช้าลงนิดหน่อย มันจะปรับอัตราทดจนประหยัดได้สุด โดยไม่เสียแรงบิดไป ไม่เหมือน AT ที่อัตราทดน้อยหน่อย <5 พอความเร็วลด แรงบิดลด ต้องมาไล่กันใหม่
สรุป ณ.ตอนนี้ ถ้าเลือก ผมก็เลือกรถ CVT ที่แรงบิดเกิน 230-250 จะสนุกสุด แต่คันที่แรงบิดน้อยๆ ถ้ารู้จักขับก็ไปได้เหมือนกันครับ