Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: คุณ นมๆ ที่ มกราคม 04, 2021, 12:59:27
-
เรื่องมีอยู่ว่าผมไปดูคลิป youtube คลิปนึงครับเค้าขับขึ้นดอย แล้วเค้าไปเจอ dmax ดับคาเนินเพราะเขาไม่เลี้ยงรอบขึ้นรอบมันต่ำเลยดับคาเนิน
แล้วในคอมเมนท์คลิปน่ะครับ มีผู้หญิงแสดงความคิดเห็นประมาณด่าคนขับกระบะโง่ ไม่ลากรอบลากให้กล่องตัดไปเลย ผมก็เลยตอบกลับไปว่าเขาทำไม
คนรักรถบางเขาก็ไม่อยากลากรอบกันหรอก แค่เร่งมันหน่อยก็พอแล้ว ลากรอบเกียร์ต่ำขึ้นดอยมากๆ คลัชจะไหม้เอาด้วย
สรุปคือผู้หญิงคนนั้นมาตอบกลับมาหัวเราะใส่ผมเรื่องลากรอบครัชไหม้แล้วก็ว่าผมมั่วผมมะโน ยังไงมันก็ไม่ไหม้ลากกล่องตัดมันก็ไม่พัง ผมก็แบบเอ๊ะ! :-\ ผมผิดอะไรวะหรือว่าที่ผมเข้าใจมามันผิด5555
ก็ปกติขึ้นเนินคลัชมันต้องรับภาระเยอะแล้วไปลากรอบมันอีก ไม่ก็มีสิทธิไหม้ไม่ใช่เหรอครับ? ทุกครั้งที่ผมไปดอยทุกดอยต้องได้กลิ่นคลัชไหม้อะทุกรอบ
-
ปล่อยคลัช
คลัชมันก็จับ 100% โอกาศคลัชมันจะสลิป คลัชลื่น แล้ว คลัชไหม้ มันก็ไม่เกิดหรอกครับ
ยกเว้น จะทำมา 300-400 ม้า แล้วคลัชเดิม หวีเดิม แล้วไปลากรอบหาแรงบิดสูงสุด คลัชอาจจะลื่น แล้วคลัชไหม้ อันนั้นเป็นไปได้ครับ
ส่วนการขับรถขึ้นเขา จะใช้รอบเท่าไหร่ แล้วแต่คนถนัด แต่ประสบการณ์มันจะบอกเอง รอบเท่าไหร่ เจอเนินแบบนี้ รอดไหม
หรือ ใช้รอบน้อยเกินไป พอมีรถขวางหน้า รอบจะตก แล้วไม่เชนเกียร์ต่ำ หรือ เชนเกียร์ไม่ทัน มันก็ดับ อันนี้เรียกว่า ขาดประสบการณ์ ครับ
-
พอดีผมเคยเจอบางคันเร่งขึ้นมาเต็มที่เลยน่ะครับ กลิ่นคลัชนี่หึ่งมาเลยก้เลยนึกว่าลากมากๆมันมีผล
-
ถ้าไม่คาครัชไว้ มันไม่ไหม้หรอกครับ
เกียร์ 1 เข้าแล้วก็ถอนครัชให้สุด เร่งไปตามรอบ
-
555+ โลกโซเชียลยุคนี้ เดือดจริงครับ จะเม้นท์อะไรที่ไม่ไปตามกระแส ต้องพร้อมบวก ไม่งั้นมันจะเฟลในอารมณ์
ว่ากันเรื่องครัช ครัชมันจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าปล่อยแป้นมันสุด รอบเครื่องยนต์จะเท่าไรก็ช่าง
-
555+ โลกโซเชียลยุคนี้ เดือดจริงครับ จะเม้นท์อะไรที่ไม่ไปตามกระแส ต้องพร้อมบวก ไม่งั้นมันจะเฟลในอารมณ์
ว่ากันเรื่องครัช ครัชมันจะไม่เป็นอะไรเลย ถ้าปล่อยแป้นมันสุด รอบเครื่องยนต์จะเท่าไรก็ช่าง
จริงครับ ถ้าคอมเมนท์แบบบอกให้รู้ แนะนำจริงๆผมพร้องฟังนะ แต่ถ้ามาแดกดันด่าทอแบบเนี้ยไม่โอเคจริงๆ
-
ลากกล่องตัด ง๊อววววว
ส่วนครัช ถ้าปล่อยหมดขับไปธรรมดา ไม่ไหม้ แค่อย่าไปคาครัชเท่านั้น
อย่างว่าแหละ ยุคนี้คนขับเกียร์แมนนวล ลดน้อยไปเรื่อยๆ ออโต้ครองโลก
-
ตอนปีใหม่ ไปเที่ยวดอยผาตั้ง จ้างปิคอัพ พาขึ้นเนิน 104
รถที่มารับ เป็น Mighty X 2.5 เก่าๆนี่แหละ ทางขึ้น บางช่วงชันพอสมควร
นั่งมองคนขับ เค้าขับรถ .. ใช้รอบแค่ 2500 รอบ ไต่ได้ทุกเนิน มีบางช่วงหักศอก ถนนเป็นลูกรังลื่นๆ เห็นเค้าใช้คลัชท์แค่ตรงนั้น พ้นมาได้ ก็เลี้ยงรอบ ไต่ไปเรื่อยๆ
................
สมัยนี้ต้องทำใจ
บางคนเก่ง comment แต่ในเชิงไม่สร้างสรรค์ (ถึงข้อมูลจะถูกต้องก็ตาม) พอมีคนมาถามว่า ควรทำยังไง ที่จริงเป็นยังไง กลับไม่ยอมตอบ
-
ผมว่าเค้าก็พูดถูก่สวนนึง ลากรอบครัชไม่ไหม้หรอก ถ้าไม่เลียครัชอะนะ ที่ไหม้ส่วนใหญ่เลียครัช ผมขับ d max 1.9 ตัวแรก ขึ้นภูทับเบิก ผมต้องลากเกียร์2ตั้งแต่ข้างล่างถึงยอดเลย มีหลายๆโค้งต้องลากเกียร์1ให้ให้พ้นโค้งแล้วลากรอบสูงๆ เกือยบ4พันแล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์2 ไม่งั้นรถไม่มีแรง เหยียบไม่ขึ้น ขับ d max ขึ้นดอยโคตรเหนื่อยเลย มันขึ้นได้อะไม่เถียง แต่อืดต้องลากรอบสูงๆช่วย รอบต่ำกว่า2พันนี้ แทบไม่มีแรงขึ้น เหมือนรถจะขึ้นไม่ไหว
หรือไปอุ้มผาง ผมก็ลากเกียร์2สลับ1 ไปจนเกือยบถึงอุ้มผางเกิน100 โล ครัชก็ไม่ไหม้นะ ไมล์เกิน3แสนไปแล้ว ครัชก็ยังไม่หมดหรือไหม้นะ ผมวิ่งทางแบบนี้ประจำด้วยนะ
-
ไปเถียงกับคนโง่ก็เหนื่อยเปล่าสิครับ
-
ลากรอบให้กล่องตัด ก็ไม่ถูกต้อง เพราะแรงบิดสูงสุด ไม่ได้อยู่ที่รอบเครื่องสูงสุด
ลากรอบสูงเกินไป แรงบิดก็ลดลง
แต่...การลากรอบสูงๆ ถ้ายกเท้าจากครัทช์ ก็ไม่ได้ทำให้ครัชไหม้ครับ
บางคนก็รักรถมากจนเกินพอดี เป็นห่วงเครื่องยนต์ กลัวรอบเครื่องจะขึ้นสูง
ขาขึ้น ก็ไม่ค่อยยอมลดเกียร์ต่ำ เมื่อเจอทางชัน ทำให้บางคันดับคาเนิน
ขาลง ก็ไม่ค่อยใช้เกียร์ต่ำ(เอนจิ้นเบรก) ได้ยินเสียงรอบเครื่องขึ้นสูง ก็กังวล กลัวเครื่องจะพัง แต่ไปเลียเบรก บางคันก็รอดมาได้แบบหวุดหวิด บางคันก็แหกโค้งกันไป
-
ถ้าไม่เลียคลัชมันก็ไม่ไหม้หรอกครับ ถึงจะลากจนรอบตัดก็เถอะ เพราะคลัชมันจับเต็มตลอด
แต่ลาก red line ตลอดทาง เครื่องอาจจะความร้อนขึ้น
ทางที่ดีควรใช้รอบที่แรงบิดสูงๆไว้ ซึ่งปกติกระบะแค่ 2000-3000 นี่ก็เหลือเฟือแล้ว
-
พวกลาก Red line นี่เอาอะไรคิด นอกจากเครื่องจะฮีตแล้วไปเจอเนินโค้งๆแล้วมีน้ำ รอบสูงแบบนั้นรถหมุนตายห่าน
-
ถ้าไม่เลียคลัชมันก็ไม่ไหม้หรอกครับ ถึงจะลากจนรอบตัดก็เถอะ เพราะคลัชมันจับเต็มตลอด
แต่ลาก red line ตลอดทาง เครื่องอาจจะความร้อนขึ้น
ทางที่ดีควรใช้รอบที่แรงบิดสูงๆไว้ ซึ่งปกติกระบะแค่ 2000-3000 นี่ก็เหลือเฟือแล้ว
+1
-
ผมว่าผู้หญิงเค้าบอกถูกนะ แต่ไม่ต้องทำถึงขนาดรอบตัด
-
เกียร์ธรรมดา ไม่มีเกียร์เดิมโรงงานรุ่นไหน ลื่นเพราะเร่งรอบสูงครับ
บ.รถทดสอบออกแบบมารองรับแรงของเครื่องอยู่แล้ว
ย้อนกลับมาที่การขึ้นดอยลงเขา
ให้ใช้เวลาปล่อยคลัทช์ให้สั้นที่สุด โดยที่เครื่องไม่ดับ
กระบะปี2020 ไม่สารถเร่งเปล่าได้จนเรดไลน์นะ ECUคุมไว้ เร่งได้แค่นั้นและราวๆ2500รอบ
แรงบิดเหลือเหลือ
ปล่อยคลัท 3 วินาที ต้องหมด ช้ากว่านั้น ไหม้
ขาลง ใส่เกียร์แล้วปล่อยคลัทช์ให้หมด บางคนใส่เกียร์แต่ไม่ปล่อยคลัทช์ (แล้วจะใส่เกียร์เพื่อ?)
ลองนำไปใช้ดู คนเมือองถ้าหาเนินเขายาก ลองทางขึ้นห้างไปพลางๆก่อน
ส่วนผมมืออาชีพ ทางชันแค่ไหนปล่อยไม่เกิน2วิ ทุกเกียร์ ขับมาเกิน 5 แสนโลคลัทช์เดิมๆไม่เคยหมด
(วงการ10ล้อ เขาสอนกันมา)
-
เกียร์ต่ำรอบสูงคลัชไม่ลื่นหรอกครับ แต่เลี้ยงรอบต่ำใช้เกียร์สูงให้พอดี Peak Torque แล้วเติมคันเร่ง Load เยอะๆแทนเนี่ย ตัวดีเลย
-
ผมลากตลอดนะ ด้วยระบบส่งกำลังที่ติดมากับรถ ยังไงก็ต้องรองรับ แรงบิด แรงเค้นสูงสุดได้100% ของระบบเครื่องยนต์ที่ทำมา ต่อให้ขึ้นดอย หรือทางราบ red line ยังไงคลัชก็ไม่มีทางไหม้ นอกจากคลัชจากไม่สุด เท่านั้นเลย ผมขับมา 360000โล คลัชชุดแรก หวีพัง คลัชเริ่มบาง ยังไม่สลิปเลย คลัชชุดสอง ตอนนี้ก็น่าจะหวีบาง คลัชยังล้อฟรีลาก6500rpm กล่องตัด ยังไม่ลื่น ไม่มีกลิ่นครับ
สิ่งที่รู้มาไม่ผิด แต่ต้องเอามาพิสูจน์ให้ได้ครับว่ามันเป็นตามที่รู้มาจริง
ปล.เห็นทู้เลยล๊อกอินมาตอบ
-
ผิดทั้งนั้นแหละ รอบต่ำไปก็ดับ รอบสูงไปก็สึกหรอสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น ใช้รอบกับเกียร์ให้เหมาะสมคือคนใช้รถเป็น ไม่ใช่สักแต่เหยียบคันเร่ง
-
ถ้าปล่อยคลัชสุดมันไม่ไหม้ครับเพราะหน้าคลัชมันจะจับเต็ม แต่ถ้าเอาเท้าซ้ายเลียคลัชไว้อันนี้ไหม้ชัวร์ แต่การกดคันเร่งสุดถึง red line อันนี้ก็ไม่ถูก เพราะถ้าเครื่องสามารถปั่นได้จนถึง red line แสดงว่าเราใช้เกียร์ต่ำเกินไปต้องเพิ่มเกียร์สูงขึ้น แต่ถ้าทางมันชันมากกว่าแรงเครื่อง (ณ.เกียร์นั้น ) คุณเหยียบยังไงมันก็ไม่ถึง redline หรอกครับ
รถเกียร์ MT คันสุดท้ายของผมคือ Sunny B11 เคยขับขึ้นดอยแม่สลอง นั่งสองคน ต้องปิดแอร์เปิดกระจกขับเพราะรถไม่มีแรง เหยียบคันเร่งแทบทะลุพื้นวิ่งอยู่เกียร์สองถ้าเครื่องรอบเริ่มตกต้องรีบเปลี่ยนเป็นเกียร์1 แล้วกดคันเร่งสุดรอบถึงขึ้นมาและมีแรงไปต่อไม่งั้นเครื่องก็จะดับแบบรถกระบะที่ยกตัวอย่างมานี่แหละครับ พอทางเริ่มชันน้อยลงเสียงเครื่องดังเกินไปก็กลับมาเป็นเกียร์2 ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่ต้องฟังเสียงเครื่องเพราะรถไม่มีวัดรอบครับ
หลักการของการขับรถขึ้นดอยก็คือการใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความชันของถนนและกำลังเครื่องครับ
-
ปัญหาของรถขึ้นที่สูงชัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์ หรือระบบส่งกำลัง
น่าจะเป็นเรื่องการใช้รอบสูง เพื่อต้องการกำลังปีนไต่
จนเครื่องยนต์ระบายความร้อนไม่ทันมากกว่า
เห็นช่วงเทศกาล รถขึ้นเขา Overheat กันง่าย ๆ เลย
-
ปัญหาของรถขึ้นที่สูงชัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์ หรือระบบส่งกำลัง
น่าจะเป็นเรื่องการใช้รอบสูง เพื่อต้องการกำลังปีนไต่
จนเครื่องยนต์ระบายความร้อนไม่ทันมากกว่า
เห็นช่วงเทศกาล รถขึ้นเขา Overheat กันง่าย ๆ เลย
อีกเรื่องคือขึ้นที่สูงอุณหภูมิของเหลวมันสูงขึ้นง่ายกว่าเดิมด้วยครับ
-
ปัญหาของรถขึ้นที่สูงชัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์ หรือระบบส่งกำลัง
น่าจะเป็นเรื่องการใช้รอบสูง เพื่อต้องการกำลังปีนไต่
จนเครื่องยนต์ระบายความร้อนไม่ทันมากกว่า
เห็นช่วงเทศกาล รถขึ้นเขา Overheat กันง่าย ๆ เลย
อีกเรื่องคือขึ้นที่สูงอุณหภูมิของเหลวมันสูงขึ้นง่ายกว่าเดิมด้วยครับ
เอ่อ... ระบบหล่อเย็นมันเป็นระบบปิดนะครับ ความดันในระบบหล่อเย็นมันไม่ได้ลดลงตามความกดอากาศที่ลดลงในที่สูงครับ
-
ตอนจะออกตัว ผมใช้เบรกมือช่วย
เหยียบครัช เหยียบเบรก ดึงเบรกมือ > ปล่อยเบรก เหยียบคันเร่ง ลดเบรกมือ+ถอนครัช
ไม่รู้ขับถูกหลักรึเปล่า กลัวไหลไปทิ่มคันหลัง
คิดอยู่ว่าถ้าเบรกมือไฟฟ้า ต้องขับยังไง ::)
-
จริงๆของมันเบสิกมากครับ แต่มีคนจำนวนมากเข้าใจผิด
การขับรถคือครัทช์มีหน้าที่แค่เปลี่ยนเกียร์ รถที่ดีๆโดยเฉพาะรถกระบะที่แรงบิดสูง แค่ปล่อยครัทช์ รถมันก็ไปแล้ว แล้วเราก็ปล่อยให้มันสุดคือไม่เอาเท้าไปวางบนแป้น หลังจากนั้นก็เติมคันเร่งเข้าไป
คำว่าครัทช์ไหม้มันจะเกิดได้ไงครับ
ความรู้
เหมือนเดินออกจากห้องสอบ จะมีบางคนงงว่า ทำไมว่าทำได้ แต่ได้คะแนนน้อย กับอีกคนที่รู้ว่าไม่ค่อยรู้อะไร ได้คะแนนน้อยก็ไม่แปลก รู้ตัว
คนแบบหลังเราให้ความรู้ได้ แต่คนแบบแรกถ้าแรงๆมา ผมไม่คุยด้วย
-
ปัญหาของรถขึ้นที่สูงชัน ไม่น่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์ หรือระบบส่งกำลัง
น่าจะเป็นเรื่องการใช้รอบสูง เพื่อต้องการกำลังปีนไต่
จนเครื่องยนต์ระบายความร้อนไม่ทันมากกว่า
เห็นช่วงเทศกาล รถขึ้นเขา Overheat กันง่าย ๆ เลย
อีกเรื่องคือขึ้นที่สูงอุณหภูมิของเหลวมันสูงขึ้นง่ายกว่าเดิมด้วยครับ
เอ่อ... ระบบหล่อเย็นมันเป็นระบบปิดนะครับ ความดันในระบบหล่อเย็นมันไม่ได้ลดลงตามความกดอากาศที่ลดลงในที่สูงครับ
เอผมสังเกตุว่าอุณหภูมิรถผมแม้กระทั่งขาลงเขาซึ่งโหลดเครื่องยนต์น้อยแล้วยังอยู่ที่ 92 องศา ทั้งๆที่ปกติจะวิ่งอยู่ที่ประมาณ 88 แบบนี้แสดงว่าระบบหล่อเย็นรถผมมีปัญหารึเปล่าครับ