Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Peter Wen ที่ มกราคม 15, 2021, 16:01:34
-
1.ระบุในพินัยกรรมว่าจะยกรถคันไหนให้ใคร ยกให้บุคคลนอกสายเลือด(เพื่อน)ได้หรือไม่
2.ควรทำเอกสารโอนรถเตรียมไว้หรือไม่? หลังเจ้าของรถเสียชีวิตแล้วสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้หรือไม่?
3.หรือพี่ๆเพื่อนๆมีวิธีอื่นๆรบกวนแนะนำด้วยครับ
-
ถ้าโอนได้ โอนก่อนเลย
-
เป็นผมคงโอนตั้งแต่ก่อนเสียอ่ะครับ ใช้เอกสารไม่เยอะ
-
ถ้าโอนได้ ควรโอนก่อนเลยครับ บ้านผมเพิ่งผ่านเหตุการณ์มาเลยครับ รถเป็นชื่อคุณย่าแล้วคุณย่าเสียครับ มีการดำเนินการดังนี้ครับ
1.ไปขนส่งบอกว่าจะโอนรถแต่เจ้าของรถเสียชีวิต เขาจะออกเอกสารให้ครับ+ตรวจสภาพรถ
2.นำเอกสารไปยื่นที่อำเภอครับ ผู้เสียชีวิตทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหนให้ไปยื่นเอกสารที่นั่นครับ
3.ทางอำเภอจะประกาศ 30 วัน ถ้าไม่มีผู้แย้งก็ไม่มีปัญหาครับ(พ่อผมเป็นลูกคนเดียวเลยไม่มีปัญหาครับ) แล้วทางอำเภอจะออกหนังสือให้ครับ
4.นำหนังสือที่อำเภอออกให้ไปยื่นที่ขนส่ง เป็นอันเสร็จสิ้นครับ เขาจะโอนให้ หน้า18 จะระบุไว้เลยครับ ว่าเจ้าของรถเสียชีวิต... โอนตามประกาศอำเภอ... ครับ
-
ตอนก่อนที่ญาติผมจะเสีย เค้าโอนบ้านและรถก่อนครับผม คือ อากู๋ผมอยากให้บ้านกับผมก็ไปโอนด้วยกันเลย ตอนที่เค้ายังไหวอยู่ ส่วนรถก็โอนให้ญาติผมครับ
แต่ทั้งนี้ควรให้เจ้าตัวคิดได้เองและดำเนินการเองนะครับ ถ้าไปบอกว่าจะได้จัดการง่ายๆ คนป่วยคงรู้สึกแย่ครับ เราเองก็รู้สึกแย่อยู่แล้ว
-
ทำพินัยกรรมจะโอนให้ใครก็ได้ที่เจ้าทรัพย์ต้องการ ขอให้ถูกต้องตามแบบที่ กม.กำหนด และเจ้าของต้องทำพินัยกรรมในขณะที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ โดยขอระบุรถให้ชัดเจน เช่น ยี่ห้อ รุ่น ทะเบียน แต่เจ้าของตายแล้วพินัยกรรมถึงจะมีผล เมื่อนั้นก็เอาพินัยกรรมกับใบ มรณะบัตร และเอกสารผู้รับโอนไปที่ขนส่งเพื่อโอนได้ครับ
-
มองให้หลายๆมุมด้วยนะครับ
ถ้าผู้ป่วยมีความเข้าใจว่านี่คือเรื่องที่ทำแล้วลดความยุ่งยากของคนข้างหลัง ก้อดีไป
แต่คนเราพอป่วย เอาเข้าจริงก้อไม่ได้เข้าใจแบบที่ว่าได้ทุกคน พูดไม่ดี หรือญาติคนฟังกำลังเครียดๆ ตีความผิด ทะเลาะไม่เผาผีกันก้อมีให้เห็นมาเยอะ
ปรึกษากันหลายๆฝ่าย และสำคัญที่สุดคือถ้าผู้ถามไม่ใช่ญาติวงในจริงๆ อย่ายุ่งดีที่สุดครับ เจอกันมาเยอะแล้ว
-
เหมือนหลายๆท่านว่า
นี่คือสิ่งที่ผู้ป่วยอยากจะทำอยู่เองหรือเปล่า
ถ้าใช่. ค่อยหาวิธีการทำ
ถ้าไม่ใช่. อย่าเชียว กำลังใจของผู้ป่วยก็จะพาลตก
แถมถ้าคนอื่นไม่เห็นด้วยเดี๋ยวก็มีกินแหนงแคลงใจกันอีก
-
เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ควรทำด้วยความรอบคอบครับ
-
ถ้าจะไป ก็โอนก่อนครับ หรือไม่สะดวกก็เขียนพินัยกรรม แต่ดูสภาพตอนทำด้วยน่ะ ถ้าร่างกายไม่ปกติ มีสิทธิตก
-
ศึกษาภาษีการให้ และภาษีมรดกให้ดีด้วยนะครับ ในกรณีที่มูลค่าเยอะ
-
เฉพาะเรื่องรถนะครับ
ให้เซ็นโอนลอยแบบเต้นท์ทำก่อนได้มั้ยครับแบบนี้ แล้วพอเสียขึ้นมาผู้รับโอนก็ไปแจ้งโอนที่ขนส่งฝ่ายเดียว
-
ถ้าสภาพรู้ตัวเองว่าจะตาย ผมแนะนำให้เจ้าของขายรถไปก่อนตายครับ การที่คนตายไปแล้วและจะขายรถทีหลังนี่มันยุ่งยากพอควรครับ
หรือถ้าคิดว่าจะไม่ขายรถคันนี้แม้ว่าตัวเองจะตายไปแล้ว ควรโอนเป็นชื่อของคนอื่นเลยครับอย่ารอ
ถ้าไม่ยอมโอนเป็นชื่อคนอื่น ต้องทำพินัยกรรมให้ถูกต้อง ไปทำที่อำเภอ เอาเอกสารทะเบียนรถไปด้วย เพื่อเซ็นต์โอนเป็นพินัยกรรมหลังตายแล้ว แต่วิธีนี้ยุ่งยากกว่า 2 แบบข้างบน คือขายรถไปก่อนตายหรือโอนรถเป็นชื่อคนอื่นก่อนตาย ผมว่าดีที่สุด
-
จริงๆ ควรจะทำตั้งแต่ อายุมากแล้วนะครับ ไม่ต้องรอให้โรคภัยรุมเร้าก่อน
อย่างบ้านผม รถก็เป็นชื่อลูกๆ หมด ไม่มีชื่อพ่อแม่ซักคัน