Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: wsu ที่ มกราคม 27, 2021, 12:42:49
-
เห็นโฆษณา นมค ptt ที่รถเก่ากับรถใหม่ ใช้เกรดต่างกัน เลยสงสัย ควรใช้ตามนั้นใช่ไหมครับ รถที่วิ่งมาแล้วเยอะควรใช้เกรดเท่าไรดี ครับ
-
เกรดก็ตามกำลังงบ
ส่วนเก่าใหม่คงวัดกันไม่ได้
มีความเชื่อเก่่าๆยุค 1990 ว่ารถเกิน1แสนโล ให้ขยับเบอร์น้ำมันเครื่อง
เอิ่ม 99999 กับ 100001 มันต่างกัน 2 กม.เอง
สมัยก่อน นมค.ก็ไม่ได้พัฒนาให้ปกป้องได้ดีแบบนี้ 5000 กม.ก็ถ่ายเพื่อลดความเสี่ยง
ปี 2020 มันไม่ใช่แล้ว หลายๆรุ่นถ่ายที่ 20,000 กม.แล้ว
โดยพื้นฐาน 10,000กม. ถ่ายได้ปกติ ไม่ว่า นมค.ชนิดไหนเกรดไหน
ส่วนความหนืด ชักก้านวัดมาดูก่อนถ่ายที่รระยะ 10,000 กม.ว่าแห้งหลุดก้านวัดหรือไม่
ถ้าไม่เบอร์นั้นก็เหมาะสุด
ให้ความหนืดต่ำสุดที่ไม่หลุดก้านวัดตลอดระยะ 10,000 กม.
ถ้าหลุด เติมเพิ่มแล้วถึงกำหนดถ่ายใหม่ ก็ใช้ที่หนืดขึ้น
แล้วดูใหม่ว่าระยะ 10,000 แห้งพร่องลงไปแค่ไหน
ง่ายๆแค่นี้เอง
มันไม่ใช่ที่รถ 90,000กม.ใช้เบอร์นึง รถ 100,000 ใช้เบอร์นึง
-
ล่าสุดคือ ck 4 ครับ
ส่วนเหมาะสมหรือไม่ดูคู่มือผู้ผลิตรถเพิ่มเติมครับ
-
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ค่าความหนืดครับค่าความหนืดยิ่งสูงจะทนความร้อนได้ดีขึ้น รถเก่าก็จะให้ค่าความหนืดสูงหน่อยเพื่อให้เคลือบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ป้องกันการเสียดสีได้ดีขึ้น ถ้าของ PTTนี้ที่โฆษนากันล่าสุดเป็นตัว Dynamic Commonrail สำหรับพวกปิคอัพเน้นขนของรถใหม่ก็ใช้ SAE 10W-30 รถเก่าหน่อยก็ใช้ SAE 15W-40 อะไรอย่างงี้ครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ 55555
-
ความจริงแล้วใช้สภาพเราดีที่สุดแล้วครับ เช่น ปกติใช้เบอร์ 40 อยู่ ถ้าน้ำมันเครื่องไม่มีพร่อง ก็ยังไม่จำเป็นที่จะขยับไป เบอร์ 50 ก่อนครับ เพราะการขยับไปเลยนั้นจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
อย่างที่ทาง PTT โฆษณามาผมว่า เค้ายกตัวอย่างให้คนเข้าใจง่ายมากกว่าครับ กว่าลักษณ์การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรใช้กับรถประเภทไหนครับ
-
เกรดก็ตามกำลังงบ
ส่วนเก่าใหม่คงวัดกันไม่ได้
มีความเชื่อเก่่าๆยุค 1990 ว่ารถเกิน1แสนโล ให้ขยับเบอร์น้ำมันเครื่อง
เอิ่ม 99999 กับ 100001 มันต่างกัน 2 กม.เอง
สมัยก่อน นมค.ก็ไม่ได้พัฒนาให้ปกป้องได้ดีแบบนี้ 5000 กม.ก็ถ่ายเพื่อลดความเสี่ยง
ปี 2020 มันไม่ใช่แล้ว หลายๆรุ่นถ่ายที่ 20,000 กม.แล้ว
โดยพื้นฐาน 10,000กม. ถ่ายได้ปกติ ไม่ว่า นมค.ชนิดไหนเกรดไหน
ส่วนความหนืด ชักก้านวัดมาดูก่อนถ่ายที่รระยะ 10,000 กม.ว่าแห้งหลุดก้านวัดหรือไม่
ถ้าไม่เบอร์นั้นก็เหมาะสุด
ให้ความหนืดต่ำสุดที่ไม่หลุดก้านวัดตลอดระยะ 10,000 กม.
ถ้าหลุด เติมเพิ่มแล้วถึงกำหนดถ่ายใหม่ ก็ใช้ที่หนืดขึ้น
แล้วดูใหม่ว่าระยะ 10,000 แห้งพร่องลงไปแค่ไหน
ง่ายๆแค่นี้เอง
มันไม่ใช่ที่รถ 90,000กม.ใช้เบอร์นึง รถ 100,000 ใช้เบอร์นึง
+1 ครับ ใช้เบอร์ที่คู่มือแนะนำไปจนกว่าจะพบว่าน้ำมันพร่องมาก บางคนอาจจะแสนโล บางคนอาจจะ 3 แสนโล ถึงจะถึงจุดนั้น แล้วแต่การใช้งานความถนอมของแต่ละคนครับ สำหรับรถโมดิฟาย หรือขับโหดร้าย อาจเพิ่มจากเบอร์ที่คู่มือแนะนำก็ได้ แม้จะเป็นรถใหม่ๆครับ
-
เกรดก็ตามกำลังงบ
ส่วนเก่าใหม่คงวัดกันไม่ได้
มีความเชื่อเก่่าๆยุค 1990 ว่ารถเกิน1แสนโล ให้ขยับเบอร์น้ำมันเครื่อง
เอิ่ม 99999 กับ 100001 มันต่างกัน 2 กม.เอง
สมัยก่อน นมค.ก็ไม่ได้พัฒนาให้ปกป้องได้ดีแบบนี้ 5000 กม.ก็ถ่ายเพื่อลดความเสี่ยง
ปี 2020 มันไม่ใช่แล้ว หลายๆรุ่นถ่ายที่ 20,000 กม.แล้ว
โดยพื้นฐาน 10,000กม. ถ่ายได้ปกติ ไม่ว่า นมค.ชนิดไหนเกรดไหน
ส่วนความหนืด ชักก้านวัดมาดูก่อนถ่ายที่รระยะ 10,000 กม.ว่าแห้งหลุดก้านวัดหรือไม่
ถ้าไม่เบอร์นั้นก็เหมาะสุด
ให้ความหนืดต่ำสุดที่ไม่หลุดก้านวัดตลอดระยะ 10,000 กม.
ถ้าหลุด เติมเพิ่มแล้วถึงกำหนดถ่ายใหม่ ก็ใช้ที่หนืดขึ้น
แล้วดูใหม่ว่าระยะ 10,000 แห้งพร่องลงไปแค่ไหน
ง่ายๆแค่นี้เอง
มันไม่ใช่ที่รถ 90,000กม.ใช้เบอร์นึง รถ 100,000 ใช้เบอร์นึง
+1 ตามนี้เลยครับ
-
ดูสภาพน้ำมันเครื่อง อาการรถ เสียงเครื่อง ณ ตอนนั้น ครับ
ตอบไม่ได้ว่า ควรใช้เบอร์ไหน ยังไง แต่อย่างน้อย อ้างอิงเบอร์ศูนย์ไปก่อน
ถ้ามันเริ่มเสียงดัง มีเสียงเขก น้ำมันเครื่องหาย ก็อาจจะขยับเบอร์ขึ้นมาหน่อย
การเปลี่ยนถ่ายก็ถามรอบปกติ เกรด fully เดี๋ยวนี้ ข้าม 10,000 km กันแล้ว 15,000 Km ก็มี
ผมว่าน้ำมันเครื่องสมัยนี้ มันพัฒนาไปเยอะมากแล้ว จะ CI, CJ หรือ CK หรืออะไรก็ว่าไป แล้วรถที่ใช้แต่ละคัน แต่ละยี่ห้อ เขาระบุมา เติมให้ตรงกับ spec ดีที่สุด
ส่วนเกรดไหน แล้วแต่งบเลย หรือชื่นชอบยี่ห้อไหน ก็จัดยี่ห้อนั้น