Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 12:59:44

หัวข้อ: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 12:59:44
ประเด็น discussion คับ

สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วงขวางทางในการขยับไปใช้รถอีวีของคนไทย?
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: akewizard ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:07:57
โรงงานรถยนต์ในไทยส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นกับจีน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ทำรถ EV เต็มตัว

ถ้าถามว่า"สำคัญ"หรือ"ถ่วง" ก็ต้องแยกดูประเด็นไปคับ ในแง่ความสำคัญก็คือการจ้างงานและผลิตหมุนเวียนในประเทศ ลดการนำเข้าลง
แต่ก็อาจจะถ่วง ในกรณีที่ต้องการผลักดันเทคโนโลยีรถยนต์ให้ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น

ทางเลือกที่ดี คงต้องผลักดันให้เทคโนโลยีมันค่อยๆเปลี่ยนถ่ายไปตามเวลาและความพร้อมของประเทศคับ

ปล. รถบางยี่ห้อ บางรุ่น ยกตัวอย่างเช่น Subaru การวาง Layout เครื่องเนี่ยมันเอื้อต่อการสับเปลี่ยนเฉพาะเครื่องยนต์ไปใช้ไฟฟ้า โดยที่แทบไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มเลย
ในเมืองนอก ผมเจอที่เขายกเอาเครื่องสูบนอนออก แล้ววางมอเตอร์ไฟฟ้าแทนที่จับกับเกียร์เดิมได้เลย พวกที่มีรถรุ่นเก่าๆจับเปลี่ยนเป็น EV นี่  หวานหมูเลย........
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: GOBBS ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:14:12
ผมว่าไม่เกี่ยวนะ
EV จะเกิดหรือไม่ หลักคือสถานีชาร์ทเร็วที่ครอบคลุมมากกว่า ราคารถปัจจัยรองๆมาเลย ตอนนี้รถไฟฟ้ากับน้ำมันราคาเริ่มใกล้กันมาก แต่ยอดEVมันต่ำเพราะมันไม่ตอบโจทย์คนมีรถคันเดียวในบ้าน คนขับรถเดินทางไกล สำหรับผมชาร์ทเกินครึ่ง ชม.ก็ไม่ ok.แล้ว
คนไทยซื้อรถเพราะต้องการ "ความสะดวก สบาย" ถ้า EV ตอบโจทย์ไม่ได้ จะซื้อไปทำไมละครับ
ปัจจัยที่ EV จะเกิด อยู่ที่ตัวมันเองและระบบรองรับ แค่นั้นละครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: lexus ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:36:30
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:37:32
อย่าลืมเรื่องรายได้คนไทยสิครับ

คนไทยรายได้ไม่สูง คุณจะให้เปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าจนหมด รถไฟฟ้าพวกนี้มันมีเรื่องของแบตเตอรี่ ที่ยังไงพอพ้น 10 ปีไป ก็คงต้องเริ่มเปลี่ยนกันบ้างแล้ว (พวกอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ด้วยที่ราคาสูงๆ เช่น เบรคไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์) ถ้าแบตราคายังสูงเป็นแสน คนที่ซื้อมือ 2 จะมีกันสักกี่คนที่อยากจะใช้ครับ เพราะคนที่ใช้มือแรกก็คงเริ่มเทขายก่อนเจ็บตัว พอขายออกไม่ได้ มันก็วนกลับไปยังรถใหม่ไฟฟ้า ก็จะทำให้คนไม่อยากจะซื้อเอา

ซึ่งรถน้ำมัน มันตอบโจทก์นี้มากกว่า โดยเฉพาะรถญี่ปุ่นที่มันมีทางเลือกอะไหล่มือ 2 อะไหล่เทียบ และของบิ้วใหม่ในไทย และราคามือ 2 มันอยู่ในระดับที่ดีกว่ารถ Hybrid (ขอไม่นับรถไฟฟ้า)

ผมว่าในช่วงนี้ไปถึงสิบปีข้างหน้า เราเปลี่ยนจากรถสันดาบปกติ ให้เป็นรถ Hybrid ให้ได้ก่อน จะดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:38:49
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

ใช่ครับ ยังไงก็คงต้องเอาอุตสาหกรรมในประเทศก่อน จนกว่าจะมีเจ้าไหนที่เริ่มประกอบ EV ในบ้านเราครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:45:38
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

ใช่ครับ ยังไงก็คงต้องเอาอุตสาหกรรมในประเทศก่อน จนกว่าจะมีเจ้าไหนที่เริ่มประกอบ EV ในบ้านเราครับ

ทำไมผู้บริโภคคนไทยต้องมารอพวกนี้คับ อุ้มกันมากี่ปีแล้ว? เมื่อไรจะเลิกทำตัวเหมือนทารก? จะให้อุ้มเลี้ยงทุกชาติไปหรอ?  ใครอยากเล่นอีวีก้อจัดรถนำเข้าจากจีนหรือจากอาเซียนเลย แคร์ทำไมกับพวกที่อ้างบุญคุณเหลือเกินแต่เมินหัวผู้บริโภค
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 13:50:27
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

ใช่ครับ ยังไงก็คงต้องเอาอุตสาหกรรมในประเทศก่อน จนกว่าจะมีเจ้าไหนที่เริ่มประกอบ EV ในบ้านเราครับ

ทำไมผู้บริโภคคนไทยต้องมารอพวกนี้คับ อุ้มกันมากี่ปีแล้ว? เมื่อไรจะเลิกทำตัวเหมือนทารก? จะให้อุ้มเลี้ยงทุกชาติไปหรอ?  ใครอยากเล่นอีวีก้อจัดรถนำเข้าจากจีนหรือจากอาเซียนเลย แคร์ทำไมกับพวกที่อ้างบุญคุณเหลือเกินแต่เมินหัวผู้บริโภค

เพราะว่า ถ้าหน่วยทางเศรษฐกิจของเราหายไปส่วนนึง การจ้างงานหายไป ลองคิดดูสิครับ ว่า เงินในระบบจะหายไปเท่าไหร่ เงินที่คุณซื้อรถนำเข้าๆ มาครับ

ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ ใจเย็นๆ คุณจะซื้อรถจีน EV ก็ซื้อไปครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Ex_machina ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 14:00:51
มองคนละมุม

- มุมสภาอุตสาหกรรม ก็อยากให้เกิดการลงทุน เกิดการจ้างงาน สร้างงาน สร้างเงิน ให้ประเทศ

- มุมผู้บริโภค อยากได้รถ EV ที่ถูกที่สุด เงินในกระเป๋าตัวเองสำคัญที่สุด



หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: 123ruj ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 14:14:17
อุ้มไม่อุ้มไม่รู้
รู้แต่ว่า ตอนนี้กำลังต่อรองให้ภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีน ไม่เป็น 0%
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 14:31:44
อุ้มไม่อุ้มไม่รู้
รู้แต่ว่า ตอนนี้กำลังต่อรองให้ภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีน ไม่เป็น 0%

คงอยากหาเรื่องแลกกับสินค้าเกษตรไทยส่งไปจีนภาษีไม่เป็น 0% ปะคับ  ;D  อย่าหาเรื่องใหญ่ใส่ตัว หัดขยันพัฒนาตัวเองให้สู้กะของนำเข้าได้  ถ้าตรรกะยังมายังงี้ คงต้องไปต่อต้านรถอีวีจากอาเซียนด้วย 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: bahamu ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 14:38:51
บางโรงงานในนี้ไม่ได้ถ่วง เพราะมีบางคนเชื่อว่ายังไงก็ย้าย แค่อยู่ลากขายให้นานที่สุด
ไปแบบไหน ก็ชนิดอะไหล่ยังต้องสั่ง ขนาดเนชั่นแนลอยู่มานานยังย้ายออกหมดที่เหลือคงตามมา

ส่วนที่ลงทุนใหม่ ต้องดูกันต่อไปเพราะทำส่งออกอย่างเดียวไม่คุ้ม
หลายเจ้าก็เตรียมส่งจากจีนแดงมาขาย เพื่อตัดปัญหาและตัดรำคาญ

แล้วที่ยังไม่ขยับเพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่

คาร์บูยังไปตอนที่หัวฉีดเข้ามาที่บ้านเรา
ตอนนั้นสารพัดก่นด่าสาปแช่ง หัวฉีดเลวไม่มีดี
แล้วคนซื้อทำไมไม่เล่นคาร์บู ทำไมเลือกหัวฉีด ทำไมทุกยี่ห้อใส่หัวฉีดมาหมด

เกียร์ออโต้เลว อืด ซด เกียร์กระปุกทน อึด แรง ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ใส่รถมาขาย
ขนาดแท็กซี่ยังเลิกทำเกียร์กระปุก ใครไปเช่าจะเอาแต่ออโต้

ทำไมต้องเลิกใช้น้ำมันเบนซินสารตะกั่ว
ทำไมต้องให้รถดมlpg
ทำไมต้องให้รถดมngv ทั้งที่แพงกว่า lpg
ทำไมต้องผสมเหล้ากับเบนซิน
ทำไมให้รถกินแต่เหล้าเพียวๆแบบบราซิลไม่ได้

ทำไมฟูเอลเซลที่กินเหล้าของบราซิลถึงเข้ากรุหลัง ประธานคนบราซิลโดนซิวจนแหกคุกหนีได้

ทำไมเจ้าของรถต้องพึ่งแต่ปั้ม อัดไฟที่บ้านที่อื่นไม่ได้
ทำไมคนขายรถถ่าน ต้องลงทุนทั้งหมด
ทำไมคนซื้อรถถ่าน ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แล้วจะเอาถูกๆ
ทำไมแท็กซี่ถ่าน ถึงไม่แพร่หลาย ขนาดคนเช่าขับยังไม่รู้

ทำไมคนไม่รู้ว่ามิเตอร์ไฟที่บ้านต้องเท่าไหร่ ถ้าซื้อรถถ่าน
ทำไมคอนโดต้องไม่ลงทุนกับรถถ่าน ในเมื่อเจ้าของตึกได้เงินแน่
ทำไมคนซื้อรถถ่านไม่ใส่ใจ แบบฝรั่งที่ทำเองทุกอย่างในโรงรถ
ทำไมถึงคิดว่าเมืองนอกดีกว่าเสมอ ทั้งที่บางที่ตอนนี้ ไฟ แก็ส ดับ หนาวตายที่-20องศา
ทำไมไฟที่เกิน40% และขาดทุนจากแบตอาเซียน ยังไม่รวมlng ถึงไม่เอามาพูด

ถ้าตอบคำถามเหล่านี้ได้ คงรู้ว่าทำไม

ยิ่งถ้าถ่านอึดถึง15-20ปี ภายใน5ปีนี้ จะเป็นยังไง
ตอนนี้ไม่ต้องใส่โคบอลต์ทำขายแล้ว แล้วราคาถูกลงจนเปลี่ยนง่ายจะเป็นไง
แล้วที่วิ่งๆไปช่วยลดต้นทุน ประหยัดน้ำมันไปครึ่งๆ ไม่เอามาคิดเลย
ราคาอะไหล่ก็ลดลงตามปี ตามยอดขาย ขนาดไฮบริดโขกไปเท่าไหร่ยังลดราคา
ต่อให้จระเข้ขวางคลองก็หยุดซึนามึนี้ไม่ได้ ไม่อยากตายก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

ขนาดพม่าสมัย เน วิน บังคับให้คนพม่าขับรถชิดขวา ทั้งที่พวงมาลัยขวา
เพราะเชื่อหมอดู จนคนตายไปเป็นร้อยเป็นพัน
บ.รถก็ไม่ได้คิดทำรถเอาใจคนพม่าแต่อย่างใด สุดท้ายคนพม่าขับพวงมาลัยซ้ายแทน
ตอนนี้พม่ายังไม่ได้บังคับกว่าจะให้รถที่ขายเป็นพวงมาลัยซ้ายหรือขวา
กลายเป็นว่าขายได้ทั้งซ้าย ทั้งขวา
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: cpesiit ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 14:45:44
เป็นอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ต้องมีก็ได้  ::)
ที่ลาวตอนนี้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ คนลาวมีแนวโน้มว่า
จะกลับไปทำงานบ้านเกิดกันเยอะ ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์หายไป คนลาวกลับบ้าน คนไทยในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เปลี่ยนไปทำส่วนอื่นได้ เรื่องการจ้างงานไม่ใช่เหตุผลให้ต้องอยู่เลย ใช้ทรัพยากรประเทศเราเยอะ เทคโนโลยีก็ไม่ได้ถ่ายทอดอะไรให้คนไทย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 14:51:44
ไปว่าคนอื่นเป็นตัวถ่วง ..

อยากถาม ในบ้านมี EV กี่คันครับ .... มอไซด์ หรือ จักรยาน ก็ได้ .... หรือ โซล่าเซลในบ้าน อะไรงี้ มียัง ....

อยากให้เกิด ก็ซื้อใช้สักคันสิครับ อุดหนุนเยอะๆ

ส่วนที่บอกจะให้นำเข้า เสียภาษี 0% เนี่ย ... นั่นคือเงินในประเทศเราจะไหลออกไป 100% เลยครับ ไม่เกิดการจ้างงาน และไม่เกิดการเติบโตของอุสาหกรรมด้วย ..

เค้าให้ประกอบในประเทศ เพราะมันมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศสามารถผลิตได้ และมันเป็นการวางรากฐานการผลิตรถยนต์ EV ด้วย

อย่าคิดตื้นๆสิ มองกว้างๆ ก่อนโทษคนอื่น ที่บ้านมี EV กี่คันเอ่ยยย...
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:00:58
ไปว่าคนอื่นเป็นตัวถ่วง ..

อยากถาม ในบ้านมี EV กี่คันครับ .... มอไซด์ หรือ จักรยาน ก็ได้ .... หรือ โซล่าเซลในบ้าน อะไรงี้ มียัง ....

อยากให้เกิด ก็ซื้อใช้สักคันสิครับ อุดหนุนเยอะๆ

ส่วนที่บอกจะให้นำเข้า เสียภาษี 0% เนี่ย ... นั่นคือเงินในประเทศเราจะไหลออกไป 100% เลยครับ ไม่เกิดการจ้างงาน และไม่เกิดการเติบโตของอุสาหกรรมด้วย ..

เค้าให้ประกอบในประเทศ เพราะมันมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศสามารถผลิตได้ และมันเป็นการวางรากฐานการผลิตรถยนต์ EV ด้วย

อย่าคิดตื้นๆสิ มองกว้างๆ ก่อนโทษคนอื่น ที่บ้านมี EV กี่คันเอ่ยยย...

จริงๆ จขกท เขาขับ MG ZS นะครับ เห็นพูดๆ อยู่

แต่ที่คุณพูด ผมก็เห็นด้วยครับ ยังไงเราก็อยากให้รถที่มา บ้านเราได้อะไรบ้าง เอามาขาย กำไรก็กลับจีนอย่างเดียว
อย่างน้อยๆ ถ้าภาษีเก็บได้มากกว่า 0 หรือมาประกอบเล็กๆ น้อยก็ยังดีครับ

เป็นอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ต้องมีก็ได้  ::)
ที่ลาวตอนนี้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ คนลาวมีแนวโน้มว่า
จะกลับไปทำงานบ้านเกิดกันเยอะ ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์หายไป คนลาวกลับบ้าน คนไทยในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ก็เปลี่ยนไปทำส่วนอื่นได้ เรื่องการจ้างงานไม่ใช่เหตุผลให้ต้องอยู่เลย ใช้ทรัพยากรประเทศเราเยอะ เทคโนโลยีก็ไม่ได้ถ่ายทอดอะไรให้คนไทย

ผมว่าในอนาคต ประชากรบ้านเราจำนวนลดลงแน่ๆ ยังไงโรงงานที่มีก็คงไม่เติบโตไปกว่านี้แล้วครับ และน่าจะเล็กลง ถ้าเป็นแบบที่คุณว่า อนาคตถ้างานด้านนี้ลด ก็คงมีบางส่วนที่ย้ายไปทำอย่างอื่นแน่ๆ ครับ

ต้องยอมรับว่า อินโด และเวียดนาม ยังไงผมว่าเขาน่าสนใจกว่า ทั้งค่าแรงและจำนวนประชากร

สิ่งที่เราควรทำก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนไปทำอะไรที่มันมีมูลค่ามากกว่า ซึ่งผมก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าบ้านเราจะมีรัฐบาลที่คิดและทำแบบนี้กันบ้างไหมนะครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:03:24
ไปว่าคนอื่นเป็นตัวถ่วง ..

อยากถาม ในบ้านมี EV กี่คันครับ .... มอไซด์ หรือ จักรยาน ก็ได้ .... หรือ โซล่าเซลในบ้าน อะไรงี้ มียัง ....

อยากให้เกิด ก็ซื้อใช้สักคันสิครับ อุดหนุนเยอะๆ

ส่วนที่บอกจะให้นำเข้า เสียภาษี 0% เนี่ย ... นั่นคือเงินในประเทศเราจะไหลออกไป 100% เลยครับ ไม่เกิดการจ้างงาน และไม่เกิดการเติบโตของอุสาหกรรมด้วย ..

เค้าให้ประกอบในประเทศ เพราะมันมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศสามารถผลิตได้ และมันเป็นการวางรากฐานการผลิตรถยนต์ EV ด้วย

อย่าคิดตื้นๆสิ มองกว้างๆ ก่อนโทษคนอื่น ที่บ้านมี EV กี่คันเอ่ยยย...

ผมมีรถแล้วคันนึง มอไซต์อีวีอีกคัน จะซื้อรถเพิ่มอีกคันปีนี้ ระบุเพิ่มอีกหน่อย จะเล่นรถนำเข้าจากเมืองจีนคับ พอใจซะอย่าง เดี่ยวจะเล่นรถนำเข้าจากอาเซียนด้วย รอโรงงานเค้าที่สิงค์โปร์เริ่มผลิตก่อน เมื่อวานเปิดตัว ดูแหล่ม ล้ำๆจิงๆ  ส่วนโซล่ากำลังพิจารณา รอดู smart charging ของ Huawei เป็นยัไงก่อนตัดสินใจ 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:16:59
ไปว่าคนอื่นเป็นตัวถ่วง ..

อยากถาม ในบ้านมี EV กี่คันครับ .... มอไซด์ หรือ จักรยาน ก็ได้ .... หรือ โซล่าเซลในบ้าน อะไรงี้ มียัง ....

อยากให้เกิด ก็ซื้อใช้สักคันสิครับ อุดหนุนเยอะๆ

ส่วนที่บอกจะให้นำเข้า เสียภาษี 0% เนี่ย ... นั่นคือเงินในประเทศเราจะไหลออกไป 100% เลยครับ ไม่เกิดการจ้างงาน และไม่เกิดการเติบโตของอุสาหกรรมด้วย ..

เค้าให้ประกอบในประเทศ เพราะมันมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศสามารถผลิตได้ และมันเป็นการวางรากฐานการผลิตรถยนต์ EV ด้วย

อย่าคิดตื้นๆสิ มองกว้างๆ ก่อนโทษคนอื่น ที่บ้านมี EV กี่คันเอ่ยยย...

ผมมีรถแล้วคันนึง มอไซต์อีวีอีกคัน จะซื้อรถเพิ่มอีกคันปีนี้ ระบุเพิ่มอีกหน่อย จะเล่นรถนำเข้าจากเมืองจีนคับ พอใจซะอย่าง เดี่ยวจะเล่นรถนำเข้าจากอาเซียนด้วย รอโรงงานเค้าที่สิงค์โปร์เริ่มผลิตก่อน เมื่อวานเปิดตัว ดูแหล่ม ล้ำๆจิงๆ  ส่วนโซล่ากำลังพิจารณา รอดู smart charging ของ Huawei เป็นยัไงก่อนตัดสินใจ

ขอถามไม่ได้กวนนะครับ

เห็นคุณใช้รถไฟฟ้าหมดเลย แล้วเวลาเดินทางไกล คุณเดินทางยังไงครับ เช่น ไป ตจว.
หรือที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ คุณมีรถน้ำมันอยู่แล้วครับ?
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:22:19
ไปว่าคนอื่นเป็นตัวถ่วง ..

อยากถาม ในบ้านมี EV กี่คันครับ .... มอไซด์ หรือ จักรยาน ก็ได้ .... หรือ โซล่าเซลในบ้าน อะไรงี้ มียัง ....

อยากให้เกิด ก็ซื้อใช้สักคันสิครับ อุดหนุนเยอะๆ

ส่วนที่บอกจะให้นำเข้า เสียภาษี 0% เนี่ย ... นั่นคือเงินในประเทศเราจะไหลออกไป 100% เลยครับ ไม่เกิดการจ้างงาน และไม่เกิดการเติบโตของอุสาหกรรมด้วย ..

เค้าให้ประกอบในประเทศ เพราะมันมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศสามารถผลิตได้ และมันเป็นการวางรากฐานการผลิตรถยนต์ EV ด้วย

อย่าคิดตื้นๆสิ มองกว้างๆ ก่อนโทษคนอื่น ที่บ้านมี EV กี่คันเอ่ยยย...

ผมมีรถแล้วคันนึง มอไซต์อีวีอีกคัน จะซื้อรถเพิ่มอีกคันปีนี้ ระบุเพิ่มอีกหน่อย จะเล่นรถนำเข้าจากเมืองจีนคับ พอใจซะอย่าง เดี่ยวจะเล่นรถนำเข้าจากอาเซียนด้วย รอโรงงานเค้าที่สิงค์โปร์เริ่มผลิตก่อน เมื่อวานเปิดตัว ดูแหล่ม ล้ำๆจิงๆ  ส่วนโซล่ากำลังพิจารณา รอดู smart charging ของ Huawei เป็นยัไงก่อนตัดสินใจ

ขอถามไม่ได้กวนนะครับ

เห็นคุณใช้รถไฟฟ้าหมดเลย แล้วเวลาเดินทางไกล คุณเดินทางยังไงครับ เช่น ไป ตจว.
หรือที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ คุณมีรถน้ำมันอยู่แล้วครับ?

ส่วนตัวเองมีรถสปอร์ตน้ำมันใช้สลับกันคับ อนาคตค่อยๆทยอยเปลี่ยรถน้ำมันออก พอรถพวกนั่นถึงอายุต้องเปลี่ยน ด้านไปตจว. เน้นบินคับ ผมไม่ขับหรอก กรุงเทพขึ้นเหนือสุดใต้สุดเนี้ย เหนื่อยเปล่าๆ นั่งเครื่องชิลกว่าเยอะ จีบแอร์ได้อีก :P
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: lexus ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:23:53
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

ใช่ครับ ยังไงก็คงต้องเอาอุตสาหกรรมในประเทศก่อน จนกว่าจะมีเจ้าไหนที่เริ่มประกอบ EV ในบ้านเราครับ

ทำไมผู้บริโภคคนไทยต้องมารอพวกนี้คับ อุ้มกันมากี่ปีแล้ว? เมื่อไรจะเลิกทำตัวเหมือนทารก? จะให้อุ้มเลี้ยงทุกชาติไปหรอ?  ใครอยากเล่นอีวีก้อจัดรถนำเข้าจากจีนหรือจากอาเซียนเลย แคร์ทำไมกับพวกที่อ้างบุญคุณเหลือเกินแต่เมินหัวผู้บริโภค

EV ตอนนี้แค่มีเงินก็ซื้อได้แล้วครับ รออะไร ??
แล้วถ้าไม่อยากให้มีอุตสาหกรรมรถยนต์ แล้วจะเอาอะไรมากระตุ้นเศรษฐกิจครับ มูลค่าปีๆนึงมหาศาลอยู่นะครับ จะเอาแรงงานที่เคยอยู่ในวงจรนี้ไปทำอะไร ถ้าคิดต่อได้ก็บอกกันบ้างครับ ช่วยdiscussionอย่างที่หัวกระทู้บอก อย่าสักแต่ประชด กับด่าครับ

หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: StruckleP ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:34:40
จริงๆตัวถ่วงไหม หากมองว่าให้ถ่วง ก็ถ่วง 
หากเราจะมาทำ Full Scale EV  เราต้องตั้งคำถามก่อนว่าแรงงาน 5.5 แสนคน (จากงานวิจัยของธนาคารออมสิน ปี 2563) จะเอาไปไว้ที่ไหน
หากพูดอ่ะมันพูดง่ายว่า ย้ายไปทำอย่างอื่น แต่การย้ายที่ทำงานนั้นมันไม่ใช่แค่ย้ายก็ไปได้เลย มันมีปัจจัยเรื่องที่พักอาศัยเข้ามาเกี่ยวด้วย

อุตสาหกรรมรถยนต์ของเราประมาณ 6% ของ GDP ถ้าหากเราสลัดตรงนี้ทิ้งไปทั้งหมด แล้วเราจะหาอะไรมาทดแทนตรงนี้ (จริงไม่อยากพูดถึง GDP Factor มันเยอะ) แต่ Investment ใน GDP นี่แหละปัญหาธุรกิจรถยนต์ในประเทศเป็น 1 ในที่ผลักดัน Investment เราต้องมาแกะทีละ ตัวแปรเพื่อให้เห็นว่าเราจะทำยังไง มันพูดอ่ะพูดง่ายครับ แต่ทำจริงๆอ่ะ ผมว่าคนที่บริหารก็คิดหนักแหละเพราะการหายไปของอุตสาหกรรมรถยนต์ มีผลกระทบต่อพอสมควรเลย แล้วถ้าเราโละแบบนี้ก็เท่ากับว่าความเชื่อมั่นอาจจะหายไปกับการลงทุนในอนาคต จริงๆ ผมยังมองนะว่าหลายๆค่ายกำลังพยายามที่จะค่อยๆเปลี่ยนอยู่
การเปลี่ยนแปลงจะช้าหรือเร็วบางทีขนาดของตัวบริษัทก็สำคัญเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:55:47
ในวันนี้ EV อาจเหมาะกับ life style ของบางคน
ใช้งานใกล้ๆ ไป ตจว ก็บินเอา
แต่ Live style แบบนี้ มีอยู่ 0.1% ไงครับ

แล้วจะให้ 99.9% ปรับเข้าหา ถ้าไม่ปรับก็ถือเป็นตัวถ่วง?!?
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: 20TRF ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:59:11
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

ใช่ครับ ยังไงก็คงต้องเอาอุตสาหกรรมในประเทศก่อน จนกว่าจะมีเจ้าไหนที่เริ่มประกอบ EV ในบ้านเราครับ

ทำไมผู้บริโภคคนไทยต้องมารอพวกนี้คับ อุ้มกันมากี่ปีแล้ว? เมื่อไรจะเลิกทำตัวเหมือนทารก? จะให้อุ้มเลี้ยงทุกชาติไปหรอ?  ใครอยากเล่นอีวีก้อจัดรถนำเข้าจากจีนหรือจากอาเซียนเลย แคร์ทำไมกับพวกที่อ้างบุญคุณเหลือเกินแต่เมินหัวผู้บริโภค
ผมนี่รอตกงานเลย แค่EV ยังไม่เข้าแต่ demand โลกลดลงนี่ก็ได้ซองกันเป็นแถวๆแล้ว ถ้าซื้อจากจีนเลยนี่ไม่อยากจะคิด
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 15:59:42
ในวันนี้ EV อาจเหมาะกับ life style ของบางคน
ใช้งานใกล้ๆ ไป ตจว ก็บินเอา
แต่ Live style แบบนี้ มีอยู่ 0.1% ไงครับ

แล้วจะให้ 99.9% ปรับเข้าหา ถ้าไม่ปรับก็ถือเป็นตัวถ่วง?!?

99.9% นี่อุตสาหกรรมผลิตรถหรอคับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: udis ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:11:57
0-100 ไม่ถึง 2 วินาที ผมก็ไม่มีความคิดซื้อรถน้ำมันอีกเลยครับ
 8) 8) 8)
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:21:29
อยากจะผลักดัน ev ต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองครับ ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ แบบจีนที่รัฐบาลเขาผลักดันยอมขาดทุนสร้างแท่นชาร์จ
ถ้าผลิตในประเทศไม่ได้ จะนำเข้า fta ไทย-จีน 0% อย่างเดียว ประเทศขาดดุล อุตสาหกรรมในประเทศคนตกงาน FDI ไม่มีความน่าเชื่อถือเพราะมาลงทุนแล้วคุณกลับให้นำเข้า 0% อีกหน่อยจะกลายเป็นนำเข้ากันหมด ผมจะมาลงทุนทำไมในเมื่อนำเข้าภาษีถูกกว่า(นโยบายนี้ฆ่าตัวเองชัดๆ)

ปัญหาไม่ใช่อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นตัวถ่วงเลยครับ แต่มันคือเราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง จะชักจูงคนอื่นมาลงทุน ev ในประเทศก็ยาก นโยบายรัฐเราไม่เอื้อ เราถูกตัดจาก eu us หมด เวียดนามน่าลงทุนกว่ามาก
บางทีการมองประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม มันก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่จะให้ทั้งประเทศเป็นไปตามความต้องการคนบางกลุ่ม(อยากล้ำ มีใช้ ชีวิตสบายขึ้นนิดหน่อย) ในขณะที่คนอีกกลุ่มตกงาน(เดือดร้อน ลำบาก ย้ายงาน) แบบนี้มันไร้เหตุผลครับ การนำเข้าไม่ใช่ทางออกเลย ผลเสียต่อประเทศมากกว่าได้มากมายนัก ได้ไม่คุ้มเสียครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:22:22
0-100 ไม่ถึง 2 วินาที ผมก็ไม่มีความคิดซื้อรถน้ำมันอีกเลยครับ
 8) 8) 8)

+1 คับ คืออุตภายในมันดื้อทำแต่รถน้ำมันไง ทำรถ 0-100 ไม่ถึง 2 วิแบบคันนั้นไม่ได้ เพราะไม่มีสกิล ไม่อยากผลิตก็เรื่องของมันแต่นี่คิดจะมาลากผู้บริโภคคนไทยจมไปด้วย  อ้างบุญคุณปลอมๆของอุตสาหกรรมทารกอายุ 50 กว่าปี
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:27:28
อยากจะผลักดัน ev ต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองครับ ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ แบบจีนที่รัฐบาลเขาผลักดันยอมขาดทุนสร้างแท่นชาร์จ
ถ้าผลิตในประเทศไม่ได้ จะนำเข้า fta ไทย-จีน 0% อย่างเดียว ประเทศขาดดุล อุตสาหกรรมในประเทศคนตกงาน FDI ไม่มีความน่าเชื่อถือเพราะมาลงทุนแล้วคุณกลับให้นำเข้า 0% อีกหน่อยจะกลายเป็นนำเข้ากันหมด ผมจะมาลงทุนทำไมในเมื่อนำเข้าภาษีถูกกว่า(นโยบายนี้ฆ่าตัวเองชัดๆ)

ปัญหาไม่ใช่อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นตัวถ่วงเลยครับ แต่มันคือเราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง จะชักจูงคนอื่นมาลงทุน ev ในประเทศก็ยาก นโยบายรัฐเราไม่เอื้อ เราถูกตัดจาก eu us หมด เวียดนามน่าลงทุนกว่ามาก
บางทีการมองประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม มันก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่จะให้ทั้งประเทศเป็นไปตามความต้องการคนบางกลุ่ม(อยากล้ำ มีใช้ ชีวิตสบายขึ้นนิดหน่อย) ในขณะที่คนอีกกลุ่มตกงาน(เดือดร้อน ลำบาก ย้ายงาน) แบบนี้มันไร้เหตุผลครับ การนำเข้าไม่ใช่ทางออกเลย ผลเสียต่อประเทศมากกว่าได้มากมายนัก ได้ไม่คุ้มเสียครับ

ถึงเวลาเทียบระหว่างผู้บริโภคคนไทยทั้งหมด กับพวกคนในอุตสาหกรรมเฒ่าทารก ใครมีจำนวนเยอะกว่ากัน ไล่เอาตั้งแต่สมัยยุค 60-70s นะคับ ใครอุ้มใคร ทำไมถวงบุญคุญแบบปลอมๆกันตลอดเวลา  ในเมื่อพวกนั่นอ่อนด้อย ไม่มีสกิลจะทำของใหม่ได้ จะให้ผู้บริโภคเค้ายอมทนใช้ของเก่าๆ ที่พวกนั่นผลิตได้อะหรอคับ ตรรกะนี้เพี้ยน 

ในเมื่ออุตภายในไม่ยอมทำ ทำของใหม่ไม่ได้ แต่เมืองนอกนำเสนอของใหม่ในราคาจับต้องได้มากขึ้นเรื่อยๆ free market economy ผู้บริโภคก้อไปทางนั้นมากขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว 

ใครมองประโยชน์ส่วนตัวมากกว่ากันอันนี้น่าคิด ที่แน่ๆมีกลุ่มคนได้โบนัสกัน 7-8 เดือนต่อปี เสวยสุขกันบนความโดนเอาเปรียบของผู้บริโภค แบบนี้ไม่เรียกมองประโยชน์ส่วนตัว  และใครจะหาเรื่องผู้บริโภค ไม่ฉลาดเลย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:42:39
อยากจะผลักดัน ev ต้องมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองครับ ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ แบบจีนที่รัฐบาลเขาผลักดันยอมขาดทุนสร้างแท่นชาร์จ
ถ้าผลิตในประเทศไม่ได้ จะนำเข้า fta ไทย-จีน 0% อย่างเดียว ประเทศขาดดุล อุตสาหกรรมในประเทศคนตกงาน FDI ไม่มีความน่าเชื่อถือเพราะมาลงทุนแล้วคุณกลับให้นำเข้า 0% อีกหน่อยจะกลายเป็นนำเข้ากันหมด ผมจะมาลงทุนทำไมในเมื่อนำเข้าภาษีถูกกว่า(นโยบายนี้ฆ่าตัวเองชัดๆ)

ปัญหาไม่ใช่อุตสาหกรรมรถยนต์เป็นตัวถ่วงเลยครับ แต่มันคือเราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง จะชักจูงคนอื่นมาลงทุน ev ในประเทศก็ยาก นโยบายรัฐเราไม่เอื้อ เราถูกตัดจาก eu us หมด เวียดนามน่าลงทุนกว่ามาก
บางทีการมองประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าประโยชน์ส่วนรวม มันก็เป็นเรื่องปกติครับ แต่จะให้ทั้งประเทศเป็นไปตามความต้องการคนบางกลุ่ม(อยากล้ำ มีใช้ ชีวิตสบายขึ้นนิดหน่อย) ในขณะที่คนอีกกลุ่มตกงาน(เดือดร้อน ลำบาก ย้ายงาน) แบบนี้มันไร้เหตุผลครับ การนำเข้าไม่ใช่ทางออกเลย ผลเสียต่อประเทศมากกว่าได้มากมายนัก ได้ไม่คุ้มเสียครับ

ถึงเวลาเทียบระหว่างผู้บริโภคคนไทยทั้งหมด กับพวกคนในอุตสาหกรรมเฒ่าทารก ใครมีจำนวนเยอะกว่ากัน ไล่เอาตั้งแต่สมัยยุค 60-70s นะคับ ใครอุ้มใคร ทำไมถวงบุญคุญแบบปลอมๆกันตลอดเวลา  ในเมื่อพวกนั่นอ่อนด้อย ไม่มีสกิลจะทำของใหม่ได้ จะให้ผู้บริโภคเค้ายอมทนใช้ของเก่าๆ ที่พวกนั่นผลิตได้อะหรอคับ ตรรกะนี้เพี้ยน 

ในเมื่ออุตภายในไม่ยอมทำ ทำของใหม่ไม่ได้ แต่เมืองนอกนำเสนอของใหม่ในราคาจับต้องได้มากขึ้นเรื่อยๆ free market economy ผู้บริโภคก้อไปทางนั้นมากขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว 

ใครมองประโยชน์ส่วนตัวมากกว่ากันอันนี้น่าคิด ที่แน่ๆมีกลุ่มคนได้โบนัสกัน 7-8 เดือนต่อปี เสวยสุขกันบนความโดนเอาเปรียบของผู้บริโภค แบบนี้ไม่เรียกมองประโยชน์ส่วนตัว  และใครจะหาเรื่องผู้บริโภค ไม่ฉลาดเลย

เป็นแค่ความเชื่อของคุณครับ ผมว่าคุณมองประเด็นผิดไปนะ
กลไกตลาดเสรี คุณไปบังคับบริษัทรถยนต์ว่าเขาต้องทำอะไรไม่ได้ครับ ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน
และแน่นอนไม่มีใครเขาห้ามไม่ให้บริษัท ev เข้ามาลงทุนเลย เพียงแต่เขาไม่มา ประเทศเราไม่ได้เนื้อหอมขนาดนั้น ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในเลย เมื่อถึงเวลา ev คุ้มค่ากว่าน้ำมัน เขาก็นำมาขายกันเองแหละครับ ตามกลไกตลาด กำไรมันรออยู่ มันเป็นเทรนอยู่แล้ว ผมอยากให้เก็บภาษีเท่ากันกับน้ำมันด้วยซ้ำจะได้แข่งกันแบบแฟร์ๆ

บางทีการไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยี แต่อยากมีอยากใช้มันก็ต้องตามหลังเจ้าของเทคโนโลยีเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไหม ในเมื่อคุณคิดเองไม่ได้ มันก็ต้องรอเขาป้อนให้
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: basterias ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:50:19
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: off_033 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:50:37
คิดว่านโยบายรัฐสำคัญกว่านะ

ผู้ผลิตก็ต้องทำสิ่งที่ได้กำไรก่อน  ทุกวันนี้ถ้าหันมาผลิต EV แล้วจะขายใคร

ถ้ารัฐสนันสนุน ให้ส่วนลด+เพิ่มแท่นชาร์จจริงจังน่าจะเห็นผลเร็วขึ้น คนซื้อรถ1คันก็ต้องไปได้ทุกที่จะสักมีกี่คนที่นั่งเครื่องเวลาไปเที่ยวได้ตลอด

และภาคขนส่งยังไงก็คงยังเป็นดีเซลอยู่ เกิดไฟหมดกลางดอยตอนขนผักคงน่าสนุกดี



หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: jkdragon ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:52:47
ผมไม่มองว่าเป็นตัวถ่วงนะ การเปลี่ยนจากยุครถสันดาป ไปยุครถไฟฟ้า มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเปลี่ยนไวเกิน ผลกระทบจะสูงมาก ทั้งแรงงาน ผู้ผลิด รวมทั้งผู้บริโภค จะเปลี่ยนตามไม่ทัน คนรวยอาจไม่กระทบมากนัก แต่คนจน ไปถึงคนฐานะระดับกลางกระทบแน่นอน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือ หรือเอื้อให้กับรถไฟฟ้ามากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบมากเกินไป โดยเฉพาะกับแรงงานระดับล่าง (รวมทั้งตัวผมด้วย) ซึ่งจากที่ดูตอนนี้มันก็เริ่มเปลี่ยนกันแล้ว ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภคที่เริ่มจะไปใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น มันอยู่ในช่วงเปลี่ยนครับ ใจเย็นๆ มันอาจไม่เร็วเหมือนประเทศที่เจริญแล้ว อาจจะช้าหน่อยเพื่อให้มีผลกระทบน้อยที่สุด แต่การเปลี่ยนเป็นยุครถไฟฟ้ามันต้องมาแน่นอน
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:55:02
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ

ต้องลองไปดูเคส Quartz crisis กับสวิสคับ  สวิสไม่ได้เมิน quartz มีพัฒนาเครื่อง quartz ดีๆด้วย แต่พลาดอย่างเดียว มองเกมส์พลาด คาดว่า quartz ยังไม่มาในยุค 70s น่าจะ 80s-90s แต่ที่ไหนได้ demand มันพุ่งกระฉูดตั้งแต่ยุค 70s เพราะราคาเทคโน quartz มันลดลงเร็วมากๆ ผลคือยังไงก็เห็นๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 16:55:09
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ

นั่นแหละครับ พูดได้ตรงประเด็น
อย่าใช้ความเชื่อ แต่ให้ใช้เหตุผลมากๆ
ในแง่ภาษีแล้ว ev ดูจะได้เปรียบรถน้ำมันด้วยซ้ำ ยังไง green energy ก็ต้องมา หลังจากคนบ้าไป(ทรัมป์)
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 17:04:02
ในวันนี้ EV อาจเหมาะกับ life style ของบางคน
ใช้งานใกล้ๆ ไป ตจว ก็บินเอา
แต่ Live style แบบนี้ มีอยู่ 0.1% ไงครับ

แล้วจะให้ 99.9% ปรับเข้าหา ถ้าไม่ปรับก็ถือเป็นตัวถ่วง?!?

99.9% นี่อุตสาหกรรมผลิตรถหรอคับ

คนซื้อสิ
อุตสาหกรรมเขาก็ผลิตอยู่ เอามาขายอยู่นิ
ซื้อแค่ 0.1 เขาก็เอามาขาย 0.1
ถ้าซื้อ 100 เขาก็ขาย 100 แปลกตรงไหนครับ?
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 17:08:04
ในวันนี้ EV อาจเหมาะกับ life style ของบางคน
ใช้งานใกล้ๆ ไป ตจว ก็บินเอา
แต่ Live style แบบนี้ มีอยู่ 0.1% ไงครับ

แล้วจะให้ 99.9% ปรับเข้าหา ถ้าไม่ปรับก็ถือเป็นตัวถ่วง?!?

99.9% นี่อุตสาหกรรมผลิตรถหรอคับ

คนซื้อสิ
อุตสาหกรรมเขาก็ผลิตอยู่ เอามาขายอยู่นิ
ซื้อแค่ 0.1 เขาก็เอามาขาย 0.1
ถ้าซื้อ 100 เขาก็ขาย 100 แปลกตรงไหนครับ?

แล้วยังไง 99.9 ต้องปรับเข้าหาอุตภายในเฒ่าทารก? คนซื้อ 99.9 กับ 0.1 ปรับเข้าหากันเอง? เอ๋ ยังไง?

ปอลิง ผมไม่เห้นผลิตเอามาขายสักคัน มีแต่นำเข้า
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: lexus ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 17:12:39
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 17:15:52
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??

เห็นออกมาโวยวายต่อต้าน ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA กันจุง ตอนนี้ต่อต้านจีน ต่อไปคงอาเซียนด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่มีสกิลจะทำ ev แข่งไม่ได้เอง
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 17:29:16
เจ้าของโพส ใช้รถ EV อยู่แล้วและมีแผนจะใช้อีกมากๆ อันนี้ชื่นชมนะ ..อยากให้เกิดก็ต้องช่วยกันซื้อ และรีวิวด้วยยิ่งดี คนจะได้เห็นข้อดี และหันมาใช้กันมากๆ ..

ส่วนประเด็นอุตสาหกรรมรถยนต์ EV อันนี้ ผมขอขยายให้ดูชัดๆดังนี้นะครับว่า ..

ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในไทย ก็แบรนด์ญี่ปุ่นทั้งนั้นครับ ดังนั้น ถ้ารถ EV ในไทยจะมีขายมากๆ ก็ต้องพึ่งบริษัทรถญี่ปุ่นนี่แหละที่ต้องแข่งกันผลิตออกมา ตอนนี้ EV ที่ขายในประเทศจริงๆก็คงมีแค่ nissan Leaf เท่านั้น ส่วน ฮอนด้า โตต้า มาสด้า ฯ ยังนิ่งกันอยู่เลย ... และไม่ได้นิ่งแค่ในไทยนะ ต่างประเทศเค้าก็มีออกมาขายน้อยมาก

รัฐสนับสนุนแล้วตามเงื่อนไข BOI แต่ถ้าจะนำเข้าภาษี 0% ต้องถามว่าเราได้อะไรจากตรงนั้น ... ประชาชนได้ใช้ และประชาชนกี่คนที่ได้ประโยชน์ มีคนต้องการใช้รถ EV จริงๆกี่คน มันคุ้มที่จะต้องไปยกเว้นภาษีให้คนแค่ไม่กี่คนหรือเปล่า ....

ถ้าอยากให้เกิด ก็ซื้อเยอะๆ รีวิวเยอะๆ เชียร์หนักๆ เดียวก็มา (ถ้าไหวนะ) ...
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 17:50:42
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??

เห็นออกมาโวยวายต่อต้าน ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA กันจุง ตอนนี้ต่อต้านจีน ต่อไปคงอาเซียนด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่มีสกิลจะทำ ev แข่งไม่ได้เอง

ผมเห็นแล้วว่าตรรกะใครเพี้ยนกันแน่
ชี้แจงนะครับ fta 0% มันเป็นการฆ่าตัวตาย คุณไม่ต้องการส่งเสริมให้ ev มาผลิตในประเทศแล้วหรือ? ใครจะมาลงทุนผลิต ev ในประเทศเราเมื่อนำเข้า 0% ทิ้งตรงนี้แล้วใช่ไหม?
แล้วยังเอาเปรียบคนที่มาลงทุนภายในประเทศอีก เอาตรงๆ แข่งกันแฟร์ๆ ไปเลยครับ 0 ก็ 0 เท่ากัน ถ้ารถไฟฟ้าดีจริงเดี๋ยวก็ชนะเอง การมาบิดการแข่งขันแบบนี้ใครเสียเปรียบก็ออกมาโวยเป็นธรรมดา
และการบอกอุตสาหกรรมรถภายในเป็นตัวถ่วง คือภาษี ev มันได้เปรียบไม่ใช่เหรอครับ ตรงกันข้ามรถน้ำมันต่างหากกำลังแย่

ลองคิดดีๆ นะครับ สมมติผมทำร้านกาแฟโบราณ แต่โลกกำลังเปลี่ยนเป็นไฮเทค ถ้าผมไม่เปลี่ยนเป็นไฮเทคตามคือผมเป็นตัวถ่วงอย่างนั้นหรือ? ผมถ่วงอุตสาหกรรมกาแฟไทย? ผมเป็นเอกชนจะถ่วงได้ยังไง ต่อให้เป็นรายใหญ่ครองตลาดก็เถอะครับ กลไกเดียวที่ถ่วงคือภาษีที่ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรมต่างหาก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 18:01:34
ในวันนี้ EV อาจเหมาะกับ life style ของบางคน
ใช้งานใกล้ๆ ไป ตจว ก็บินเอา
แต่ Live style แบบนี้ มีอยู่ 0.1% ไงครับ

แล้วจะให้ 99.9% ปรับเข้าหา ถ้าไม่ปรับก็ถือเป็นตัวถ่วง?!?

99.9% นี่อุตสาหกรรมผลิตรถหรอคับ

คนซื้อสิ
อุตสาหกรรมเขาก็ผลิตอยู่ เอามาขายอยู่นิ
ซื้อแค่ 0.1 เขาก็เอามาขาย 0.1
ถ้าซื้อ 100 เขาก็ขาย 100 แปลกตรงไหนครับ?

แล้วยังไง 99.9 ต้องปรับเข้าหาอุตภายในเฒ่าทารก? คนซื้อ 99.9 กับ 0.1 ปรับเข้าหากันเอง? เอ๋ ยังไง?

ปอลิง ผมไม่เห้นผลิตเอามาขายสักคัน มีแต่นำเข้า

อุตสาหกรรมเขาผลิตเฉพาะสิ่งที่คนซื้อ
ตอนนี้ซื้อแค่ 0.1 แล้วจะให้ผลิตมาขาย 100 ทำลิงอะไรเล่าครับ

อยากให้ผลิตเยอะ ขายเยอะ ก็ไปโน้มน้าวคนซื้ออีก 99.9 โน่น

ตลาดคนซื้อมันเป็นตัวดึงอุตสาหกรรม เป็น demand pull
ไม่ใช่ให้อุตสาหกรรมยัดเยียด ผลิตมาแล้วก็ต้องซื้ออ่ะ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 19:36:31
มันทั้งถ่วงทั้งดีครับ แต่หลักๆคือนโยบายครับที่ไม่ไปไหนสักที  ถ้าทำได้ดีมันควรบาลานส์ได้ว่าไทยเป็นฐานการผลิตได้ แต่ก็ทำให้ค่ายรถเอารถมาขายได้แบบ CBU โดยที่ไม่โดนกำแพงภาษีแบบเลยเทะแบบนี้
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 19:42:02
เจ้าของโพส ใช้รถ EV อยู่แล้วและมีแผนจะใช้อีกมากๆ อันนี้ชื่นชมนะ ..อยากให้เกิดก็ต้องช่วยกันซื้อ และรีวิวด้วยยิ่งดี คนจะได้เห็นข้อดี และหันมาใช้กันมากๆ ..

ส่วนประเด็นอุตสาหกรรมรถยนต์ EV อันนี้ ผมขอขยายให้ดูชัดๆดังนี้นะครับว่า ..

ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ในไทย ก็แบรนด์ญี่ปุ่นทั้งนั้นครับ ดังนั้น ถ้ารถ EV ในไทยจะมีขายมากๆ ก็ต้องพึ่งบริษัทรถญี่ปุ่นนี่แหละที่ต้องแข่งกันผลิตออกมา ตอนนี้ EV ที่ขายในประเทศจริงๆก็คงมีแค่ nissan Leaf เท่านั้น ส่วน ฮอนด้า โตต้า มาสด้า ฯ ยังนิ่งกันอยู่เลย ... และไม่ได้นิ่งแค่ในไทยนะ ต่างประเทศเค้าก็มีออกมาขายน้อยมาก

รัฐสนับสนุนแล้วตามเงื่อนไข BOI แต่ถ้าจะนำเข้าภาษี 0% ต้องถามว่าเราได้อะไรจากตรงนั้น ... ประชาชนได้ใช้ และประชาชนกี่คนที่ได้ประโยชน์ มีคนต้องการใช้รถ EV จริงๆกี่คน มันคุ้มที่จะต้องไปยกเว้นภาษีให้คนแค่ไม่กี่คนหรือเปล่า ....

ถ้าอยากให้เกิด ก็ซื้อเยอะๆ รีวิวเยอะๆ เชียร์หนักๆ เดียวก็มา (ถ้าไหวนะ) ...
ผมว่านะ เค้าก็ลดหย่อนภาษีเยอะได้เปรียบกว่ารถน้ำมันอยู่แล้วนะครับ จะไม่ให้คนไทยตกงานกันทั้ง 550,000 คนเลยหรอ  ถ้าเค้าตกงานเจ้าของกระทู้กล้าจ้างงานคนในอุตสาหกรรมรถยนต์ 550,000 คนให้หมดมั้ยอีกอย่างคือ รถไฟฟ้ามันไม่ได้รักษ์โลกอะไรเมื่อเทียบกับขยะแบตเตอรี่ที่กำจัดยาก เป็นมลพิษ อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางคนเดียว คนที่ไม่อยากใช้รถไฟฟ้ามีตั้งเยอะ ราคาโคตรแพง แรงม้า แรงบิดเยอะแต่วิ่งได้ไม่ไกล เพราะไฟไปเลี้ยงม้ากับมีแค่เกียร์เดียวภาระโหลดย่อมเยอะแน่นอนในความเร็วเดินทาง 110-120 ชาร์จก็นาน  จะเอาชาร์จเร็วบ่อยๆก็แบตเสื่อมเร็วอีก หาที่ชาร์จยาก ไม่มีพื้นที่ให้เสสียบปลั๊กชาร์จก็มีเยอะ ยิ่งคนที่ชอบขัยรถบางคนคงเบื่อที่มีแค่เกียร์เดียวไม่มีเกียร์ให้เล่น อยากรักษ์โลกจริงๆก็ใช้ขนส่งมวลชนกับปั่นจักรยานครับ  จริงๆนะรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเกิดง่ายกว่านะ ควรจะเริ่มจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟฟ้า ไม่ใช่เอาตู้มเดียวกับรถยนต์
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 19:45:08
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??

เห็นออกมาโวยวายต่อต้าน ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA กันจุง ตอนนี้ต่อต้านจีน ต่อไปคงอาเซียนด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่มีสกิลจะทำ ev แข่งไม่ได้เอง
พูดเถอะรถอีวี ทำง่ายกว่ารถไฟฟ้ามากไม่ได้ทำยากอะไร  แต่ภาษีคือสิ่งที่เอามาใช้ยบริหารประเทศ หากไม่มีภาษีเราคงไม่มีถนนให้วิ่งแล้วครับ  อย่าคิดแต่ตัวเองศูนย์กบางจักรวาล  ทุกประเทศเค้าก็ต้องปกป้องอุตสาหรรมภายในประเทศเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Mr. RO ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 20:10:22
ผมว่าอุตสาหกรรมรถนรต์นี้สำคัญเพราะเดิมในช่วง 10 ปีที่ผ่านเป็นอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดของไทยก็ว่าได้มั้ง ในหลายๆปี
แต่ว่า สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนค์ภายในประเทศ สำคัญ หรือเป็นตัวถ่วงอย่างไรผมไม่ทราบ เหมือนกัน

แต่ส่วนตัวผมอยากให้ข้อมูลและมุมมองแง่ระหว่างรถยนต์สันดาป (ICE) กับรถไฟฟ้า (EV) แล้วกันนะคับ

แต่ผมข้อตั้งข้อสังเกตุเรื่องคำว่ารถ EV ก่อนแล้วกัน ส่วนใหญ่คนมักพูดว่า EV หมายถึง BEV
แต่ในมิติของผมนะ น่าจะมองว่าแยกระหว่างรถ ICE และ EV ด้วยการขับเคลื่อนรถออกไปมากกว่า ICE คือมาจากเครื่องยนต์ส่งกำลังผ่านไปยังล้อผ่านเพลา หรืออะไรที่เป็น mechanic
ส่วน EV ที่มองคือการใช้ motor ในกับขับเคลื่อนล้อให้เคลื่อนที่เพียงแต่จะเอามอเตอร์แต่ละตัวบังคับข้างหน้า หรือข้างหลังแยกกัน หรือจะขับตรงแต่ละข้อก็แล้วแต่ โดยผมไม่สนใจว่าพลังงานมาขับมอเตอร์มาจากไหนนะ
เพราะถ้ามองแบบนี้จะเห็นชัดว่า ส่วนของ ระบบขับเคลื่อนเน้นใช้ motor หรือ ใช้ การส่งกำลังผ่านกลไก mechanic มาทำงานนะครับ
ดังนัี้นโดยส่วนตัว พวก Series  Hybrid จริงผมอยากเรียกรวมว่าเป็น EV ถึงแม้มันจะใช้น้่ำมันมาเติมเป็นพลังงานได้นะครับ
และส่วนตัวผมว่า ตัวนี้นะเป็น interrim ที่เหมาะสมที่สุดเพราะว่า การซ่อมบำรุงจะต่ำ และใกล้เคียงกับ BEV มากทีสุด แถมไม่ต้องรอสถานีชารต์ไฟด้วย

แต่ขอกลับมาที่ BEV ที่คนเรียกมันว่า EV แบบทั้วไปนะ
ส่วนตัวผมมองว่ามันจะมาไวกว่าที่คิดมากนะครับ  และการที่ไม่ให้ความสำคัญกับมัน เท่ากับการฆ่าอุตสาหกรรรมรถยนต์ ของประเทศไปด้วย และ อุตสาหกรรมที่เคยเป้นอุตสาหกรรมหลักนี้ ก็จะตายจากประเทศไทยไปภายในปี 2035-2040 โดยเหลือเป็นอุตสาหกรรม เล็กๆ
ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น เพราะเทคโนโลยีกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่ง ในช่วง ที่ผ่านใน  2-3 ปีนี้อย่างเห็นได้ชัด และจะยิ่งเร่งไปอีกมากในอีกช่วงถัดจากนี้ไป
กลับมาที่  EV ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่ใช้เยอะ
ฺBEV Battery Technology ยังไม่พร้อมเช่น ได้แก่
    -  ราคา Battery ยังสูง คือปี 2020 ต้นทุนราคาแบตเตอรี่คือ 145$/kWh (4500บาท) ถ้าจำไม่ผิด Tesla บอกว่า 2025 จะทำให้ต้นทุนลงมาต่ำกว่า 90$/kWh (2700 บาท)
ทำไมราคาแบตเตอรี่สำคัญ สำหรับรถ BEV ในปัจจุบัน ขนาดแบตก็ต้องมีความจุระหว่าง 50-100 kWh  โดยประมาณ  นี่ึคือนับตัวแบตเพียวๆไม่นับการ packaging ที่จะบรรจุติดบนตัวรถและระบบควบคุมแบตอีก ซึ่งอาจต้องคิดรวมไปอีกราว 1.2-1.3 เท่าจากราคาแบต์นะ ดังนั้นแค่ส่วนแบตเตอรี่จาผู้ผลิตสำหรับรถคันๆหนึ่งในปี 2020 ก็อยู่ราวๆ 260,000-570,000 บาทได้แล้วขึ้นอยู่กับขนาดความจุ แต่ในปี 2025 ที่ความจุเท่าๆกันต้นทุนแบตเตอรีจะลดลงเหลือเพียง  160,000-310,000 บาท
    - แต่เดิมใช้เวลาในการชาร์ตค่อนข้างนาน เมื่อ 2 ปีก่อน ชาร์ตแบตรถ EV ขนาด 50 kWh Quick charge อาจใช้เวลาเกิน 1 ชม แต่เวลานี้รถ hyundai iconiq 5 ราว 73.6 kWh Quick  charge อาจใช้เวลาประมาณ แค่ 18 นาที (ใน Europe ถ้าหาหัวชาร์ต ขนาด 350 kW DC ได้) ลองคิดว่าในอีก 5 ปี ไปไหนจอดแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ กินข้าวระหว่าง 15-20 นาทีสามารถชาร์ตแบตรถวิ่งไปได้ 200-400 km คนคิดว่าจะจูงใจให้ใช้ไหม
    - ความจุต่อน้ำหนักยังไม่มากพอ ตอนนี้อยู่ราว 160-180 Wh/1kg แต่ทาง CATL บอกจะสามารถทำให้แบตที่ความจุ ได้ถึง 350 Wh/kg  ทำไมถึงต้องกล่าวประเด็นนี้
สมมติรถขนาดความจุแบตเตอรี่ 50/100 kWh จะต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ไม่นับรวม packaging เท่ากับ 278-312kg/555-624kg มันก็น้ำหนักไม่น้อยนะครับ ซึ่งจะมีผลต่อ performance หรือความสิ้นเปลืองด้วยเช่น  แต่ถ้าในปี 2025 ไปแล้วที่แบตใหม่ของ CATL ออกมาแล้วนะ ความจุแบตเตอรี 50/100 kwh จะมีน้ำหนักส่วนแบตเตอรีเพียง  142/284 kg ซึ่งส่วนตัวน้ำหนักขนาดนี้ก็จะไม่แตกต่างกับ เครื่องยนต์,ระบบส่งกำลัง, ระบบไอเสีย และถังน้ำมันและเชื้อเพลิงที่หาย   ซึ่งหมายความว่า ระยะทางที่จะวิ่งได้ต่อรถที่มีความจุที่เท่ากันเทียบกับรถไฟฟ้าปี 2021 กับรถไฟฟ้า หลังปี 2025 ที่ใช้แบตของ CATL  รถใหม่หลังปี 2025 น่าจะวิ่งได้ระยะทางที่ไกลกว่า

HEV หรือ PHEV ไม่น่าใช้เพราะ ราคาสูงจากต้นการผลิต และการดูแลรักษาที่ต้องแบบถึงอย่างน้อย 2 ระบบ
จริงถ้าเราพยายามดัน Series  Hybrid ก็จบสำคัญช่วง Interrim แต่ว่า ผู้ขายก็ดันเอาเปรียบตั้งราคาสินค้าแพง แถมโง่ ไม่เข้าใจพฤติกรรม คนในประเทศอื่นๆ คิดว่าคนจะใช้แต่ในเมืองใส่ แบตลูกเล็กเกินเหตุ จนประสิทธิภาพไม่เหมาะเลยถ้าจะไม่ใช้ในเมืองที่รถติด

ในมุมผมนะหลังปี 2025 มีแนวโน้มว่า ราคารถ BEV น่าจะมีราคาถูกว่ารถ ICE ในขนาดและฟังก์ชั่นที่ใกล้เคียงกัน แถมต้นทุนการดูแลรักษารถไฟฟ้าก็จะต่ำกว่ามากๆด้วย

ในแง่ของจะพยุงอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ อยากให้รัฐเลิกคิดแต่จะสนับสนุนนักลงทุนรายใหญ่ได้แล้ว
ให้มองให้ไกล ให้สนับสนุน SME startup  และมองว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ ทีมีชิ้นส่วนน้อยชึ้นแบบนี้ให้มอง model การประกอบรถยนต์ของรายเล็กๆ แบบการซื้อชิ้นส่วนคอมมาประกอบเป้นคอมพิวเตอร์  ที่รัฐต้องทำคือ ให้ภาคการศึกษา ศึกษาหา model หรือ platform ที่สามารถนำมาใช้กำหนดมาตรฐาน เพื่อให้นำมาใช้เป้นจุดเริ่มต้น ของมาตรฐานที่จะให้เกิดการ ประกอบ และจัดตั่้งศูนย์ที่จะกำหนดมาตรฐาน และทดสอบ รถไฟฟ้าทีจะประกอบกันเอง เพียงแต่รถประกอบเองอาจมีการกำหนดข้อจำกัด ในช่วงเริ่มต้นเช่นความเร็วสูงสุด ไม่เกิน เท่าไรใช้ แรงม้าสูงสุดของมอเตอร์ไม่เกินเท่าไร เพื่อความปลอดภัย  และศูนย์ทดสอบกำหนดมาตรฐานต้องสามารถจะทดสอบ ระบบ ต่างของรถที่จดประกอบว่า ทำงานระบบต่างๆที่ติดตั้งในใช้งานได้จรืงและได้มาตรฐานไม่ว่าจะเป้น ABS, VSC, etc.. มากมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาของรายย่อยต่อไปในการพัฒนาชิ้นส่วน และการประกอบในระดับ SME ให้เกิดนะ งั้นอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราคงจะหายไปในอนาคต ถ้าคิดแต่รอพึ่งรายใหญ่เพียงเท่านั้น
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 20:46:45
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??

เห็นออกมาโวยวายต่อต้าน ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA กันจุง ตอนนี้ต่อต้านจีน ต่อไปคงอาเซียนด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่มีสกิลจะทำ ev แข่งไม่ได้เอง

ผมเห็นแล้วว่าตรรกะใครเพี้ยนกันแน่
ชี้แจงนะครับ fta 0% มันเป็นการฆ่าตัวตาย คุณไม่ต้องการส่งเสริมให้ ev มาผลิตในประเทศแล้วหรือ? ใครจะมาลงทุนผลิต ev ในประเทศเราเมื่อนำเข้า 0% ทิ้งตรงนี้แล้วใช่ไหม?
แล้วยังเอาเปรียบคนที่มาลงทุนภายในประเทศอีก เอาตรงๆ แข่งกันแฟร์ๆ ไปเลยครับ 0 ก็ 0 เท่ากัน ถ้ารถไฟฟ้าดีจริงเดี๋ยวก็ชนะเอง การมาบิดการแข่งขันแบบนี้ใครเสียเปรียบก็ออกมาโวยเป็นธรรมดา
และการบอกอุตสาหกรรมรถภายในเป็นตัวถ่วง คือภาษี ev มันได้เปรียบไม่ใช่เหรอครับ ตรงกันข้ามรถน้ำมันต่างหากกำลังแย่

ลองคิดดีๆ นะครับ สมมติผมทำร้านกาแฟโบราณ แต่โลกกำลังเปลี่ยนเป็นไฮเทค ถ้าผมไม่เปลี่ยนเป็นไฮเทคตามคือผมเป็นตัวถ่วงอย่างนั้นหรือ? ผมถ่วงอุตสาหกรรมกาแฟไทย? ผมเป็นเอกชนจะถ่วงได้ยังไง ต่อให้เป็นรายใหญ่ครองตลาดก็เถอะครับ กลไกเดียวที่ถ่วงคือภาษีที่ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรมต่างหาก

หึหึหึ ผมเชียร์ free market economy การค้าเสรีอยู่แล้วคับ เพราะผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด

ถ้าอยากแฟร์มากนัก ทำไมไม่ จัดการ FTA อันอื่นที่เราทำความตกลงอยู่แล้ว กล้าๆลดภาษีนำเข้า BEV 0% ไปเลย เอาให้เหมือน อาเซียน-จีน และภายในอาเซียนไปเลยเช่น

เกาหลีลดจาก 40% เหลือ 0%
ยุ่นลดจาก 20% เหลือ 0%
เมกา และที่อื่นๆ จาก 80% เหลือ 0%

แบบนั้นโคตรฟิน และแฟร์มาก ผมเชียร์เต็มที่  8) เดี่ยวก็รู้ว่าใครเก่ง มีสกิลจิง แต่.....พวกอุตภายในมันร้องไห้เป็นเด็กทารกแน่นอน รับไม่ได้หรอก เพราะพอมีแข่งขันแบบแฟร์ๆ พวกมันก็หง่อย อ่อนแอ ไร้สกิล เนื่องจากวันๆหลบอยู่หลังกำแพงภาษีสูงๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร แล้วมาอ้างบุญคุณปลอมๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 20:51:28
ผมว่าอุตสาหกรรมรถนรต์นี้สำคัญเพราะเดิมในช่วง 10 ปีที่ผ่านเป็นอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดของไทยก็ว่าได้มั้ง ในหลายๆปี
แต่ว่า สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนค์ภายในประเทศ สำคัญ หรือเป็นตัวถ่วงอย่างไรผมไม่ทราบ เหมือนกัน

แต่ส่วนตัวผมอยากให้ข้อมูลและมุมมองแง่ระหว่างรถยนต์สันดาป (ICE) กับรถไฟฟ้า (EV) แล้วกันนะคับ

แต่ผมข้อตั้งข้อสังเกตุเรื่องคำว่ารถ EV ก่อนแล้วกัน ส่วนใหญ่คนมักพูดว่า EV หมายถึง BEV
แต่ในมิติของผมนะ น่าจะมองว่าแยกระหว่างรถ ICE และ EV ด้วยการขับเคลื่อนรถออกไปมากกว่า ICE คือมาจากเครื่องยนต์ส่งกำลังผ่านไปยังล้อผ่านเพลา หรืออะไรที่เป็น mechanic
ส่วน EV ที่มองคือการใช้ motor ในกับขับเคลื่อนล้อให้เคลื่อนที่เพียงแต่จะเอามอเตอร์แต่ละตัวบังคับข้างหน้า หรือข้างหลังแยกกัน หรือจะขับตรงแต่ละข้อก็แล้วแต่ โดยผมไม่สนใจว่าพลังงานมาขับมอเตอร์มาจากไหนนะ
เพราะถ้ามองแบบนี้จะเห็นชัดว่า ส่วนของ ระบบขับเคลื่อนเน้นใช้ motor หรือ ใช้ การส่งกำลังผ่านกลไก mechanic มาทำงานนะครับ
ดังนัี้นโดยส่วนตัว พวก Series  Hybrid จริงผมอยากเรียกรวมว่าเป็น EV ถึงแม้มันจะใช้น้่ำมันมาเติมเป็นพลังงานได้นะครับ
และส่วนตัวผมว่า ตัวนี้นะเป็น interrim ที่เหมาะสมที่สุดเพราะว่า การซ่อมบำรุงจะต่ำ และใกล้เคียงกับ BEV มากทีสุด แถมไม่ต้องรอสถานีชารต์ไฟด้วย

แต่ขอกลับมาที่ BEV ที่คนเรียกมันว่า EV แบบทั้วไปนะ
ส่วนตัวผมมองว่ามันจะมาไวกว่าที่คิดมากนะครับ  และการที่ไม่ให้ความสำคัญกับมัน เท่ากับการฆ่าอุตสาหกรรรมรถยนต์ ของประเทศไปด้วย และ อุตสาหกรรมที่เคยเป้นอุตสาหกรรมหลักนี้ ก็จะตายจากประเทศไทยไปภายในปี 2035-2040 โดยเหลือเป็นอุตสาหกรรม เล็กๆ
ทำไมผมถึงพูดแบบนั้น เพราะเทคโนโลยีกำลังเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วด้วยอัตราเร่ง ในช่วง ที่ผ่านใน  2-3 ปีนี้อย่างเห็นได้ชัด และจะยิ่งเร่งไปอีกมากในอีกช่วงถัดจากนี้ไป
กลับมาที่  EV ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่ใช้เยอะ
ฺBEV Battery Technology ยังไม่พร้อมเช่น ได้แก่
    -  ราคา Battery ยังสูง คือปี 2020 ต้นทุนราคาแบตเตอรี่คือ 145$/kWh (4500บาท) ถ้าจำไม่ผิด Tesla บอกว่า 2025 จะทำให้ต้นทุนลงมาต่ำกว่า 90$/kWh (2700 บาท)
ทำไมราคาแบตเตอรี่สำคัญ สำหรับรถ BEV ในปัจจุบัน ขนาดแบตก็ต้องมีความจุระหว่าง 50-100 kWh  โดยประมาณ  นี่ึคือนับตัวแบตเพียวๆไม่นับการ packaging ที่จะบรรจุติดบนตัวรถและระบบควบคุมแบตอีก ซึ่งอาจต้องคิดรวมไปอีกราว 1.2-1.3 เท่าจากราคาแบต์นะ ดังนั้นแค่ส่วนแบตเตอรี่จาผู้ผลิตสำหรับรถคันๆหนึ่งในปี 2020 ก็อยู่ราวๆ 260,000-570,000 บาทได้แล้วขึ้นอยู่กับขนาดความจุ แต่ในปี 2025 ที่ความจุเท่าๆกันต้นทุนแบตเตอรีจะลดลงเหลือเพียง  160,000-310,000 บาท
    - แต่เดิมใช้เวลาในการชาร์ตค่อนข้างนาน เมื่อ 2 ปีก่อน ชาร์ตแบตรถ EV ขนาด 50 kWh Quick charge อาจใช้เวลาเกิน 1 ชม แต่เวลานี้รถ hyundai iconiq 5 ราว 73.6 kWh Quick  charge อาจใช้เวลาประมาณ แค่ 18 นาที (ใน Europe ถ้าหาหัวชาร์ต ขนาด 350 kW DC ได้) ลองคิดว่าในอีก 5 ปี ไปไหนจอดแวะเข้าห้องน้ำ ซื้อกาแฟ กินข้าวระหว่าง 15-20 นาทีสามารถชาร์ตแบตรถวิ่งไปได้ 200-400 km คนคิดว่าจะจูงใจให้ใช้ไหม
    - ความจุต่อน้ำหนักยังไม่มากพอ ตอนนี้อยู่ราว 160-180 Wh/1kg แต่ทาง CATL บอกจะสามารถทำให้แบตที่ความจุ ได้ถึง 350 Wh/kg  ทำไมถึงต้องกล่าวประเด็นนี้
สมมติรถขนาดความจุแบตเตอรี่ 50/100 kWh จะต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่ไม่นับรวม packaging เท่ากับ 278-312kg/555-624kg มันก็น้ำหนักไม่น้อยนะครับ ซึ่งจะมีผลต่อ performance หรือความสิ้นเปลืองด้วยเช่น  แต่ถ้าในปี 2025 ไปแล้วที่แบตใหม่ของ CATL ออกมาแล้วนะ ความจุแบตเตอรี 50/100 kwh จะมีน้ำหนักส่วนแบตเตอรีเพียง  142/284 kg ซึ่งส่วนตัวน้ำหนักขนาดนี้ก็จะไม่แตกต่างกับ เครื่องยนต์,ระบบส่งกำลัง, ระบบไอเสีย และถังน้ำมันและเชื้อเพลิงที่หาย   ซึ่งหมายความว่า ระยะทางที่จะวิ่งได้ต่อรถที่มีความจุที่เท่ากันเทียบกับรถไฟฟ้าปี 2021 กับรถไฟฟ้า หลังปี 2025 ที่ใช้แบตของ CATL  รถใหม่หลังปี 2025 น่าจะวิ่งได้ระยะทางที่ไกลกว่า

HEV หรือ PHEV ไม่น่าใช้เพราะ ราคาสูงจากต้นการผลิต และการดูแลรักษาที่ต้องแบบถึงอย่างน้อย 2 ระบบ
จริงถ้าเราพยายามดัน Series  Hybrid ก็จบสำคัญช่วง Interrim แต่ว่า ผู้ขายก็ดันเอาเปรียบตั้งราคาสินค้าแพง แถมโง่ ไม่เข้าใจพฤติกรรม คนในประเทศอื่นๆ คิดว่าคนจะใช้แต่ในเมืองใส่ แบตลูกเล็กเกินเหตุ จนประสิทธิภาพไม่เหมาะเลยถ้าจะไม่ใช้ในเมืองที่รถติด

ในมุมผมนะหลังปี 2025 มีแนวโน้มว่า ราคารถ BEV น่าจะมีราคาถูกว่ารถ ICE ในขนาดและฟังก์ชั่นที่ใกล้เคียงกัน แถมต้นทุนการดูแลรักษารถไฟฟ้าก็จะต่ำกว่ามากๆด้วย

ในแง่ของจะพยุงอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ อยากให้รัฐเลิกคิดแต่จะสนับสนุนนักลงทุนรายใหญ่ได้แล้ว
ให้มองให้ไกล ให้สนับสนุน SME startup  และมองว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ ทีมีชิ้นส่วนน้อยชึ้นแบบนี้ให้มอง model การประกอบรถยนต์ของรายเล็กๆ แบบการซื้อชิ้นส่วนคอมมาประกอบเป้นคอมพิวเตอร์  ที่รัฐต้องทำคือ ให้ภาคการศึกษา ศึกษาหา model หรือ platform ที่สามารถนำมาใช้กำหนดมาตรฐาน เพื่อให้นำมาใช้เป้นจุดเริ่มต้น ของมาตรฐานที่จะให้เกิดการ ประกอบ และจัดตั่้งศูนย์ที่จะกำหนดมาตรฐาน และทดสอบ รถไฟฟ้าทีจะประกอบกันเอง เพียงแต่รถประกอบเองอาจมีการกำหนดข้อจำกัด ในช่วงเริ่มต้นเช่นความเร็วสูงสุด ไม่เกิน เท่าไรใช้ แรงม้าสูงสุดของมอเตอร์ไม่เกินเท่าไร เพื่อความปลอดภัย  และศูนย์ทดสอบกำหนดมาตรฐานต้องสามารถจะทดสอบ ระบบ ต่างของรถที่จดประกอบว่า ทำงานระบบต่างๆที่ติดตั้งในใช้งานได้จรืงและได้มาตรฐานไม่ว่าจะเป้น ABS, VSC, etc.. มากมายเพื่อให้เกิดการพัฒนาของรายย่อยต่อไปในการพัฒนาชิ้นส่วน และการประกอบในระดับ SME ให้เกิดนะ งั้นอุตสาหกรรมรถยนต์บ้านเราคงจะหายไปในอนาคต ถ้าคิดแต่รอพึ่งรายใหญ่เพียงเท่านั้น
ตอนนี้อีวีเน้นแบตเยอะแรงม้าเยอะแต่ไม่มีวิธีการจัดการพลังงานของมอเตอร์ให้ใช้พลังงานไฟฟ้าให้ประหยัดขึ้นกว่านี้ ผมมมองว่าตอนนี้แบกแบตเตอรี่ลูกใหญ่แต่วิ่งได้ไม่ไกบเป็นเพราะการจัดการพลังาน การใช้ไฟของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ยังเปลืองงอยู่ครับ ยิ่งมีเกียร์เดียวยิ่งใ้ไฟเปลืองขึ้น
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Zephyrs ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 20:54:47
มันกำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนอยู่หนิครับ จาก ICE เป็น Hybrid แล้วก็ค่อยไปเป็น EV ทีละขั้นๆไป รถไฮบริดมาไทยราวๆไม่กี่สิบปีนี้เอง ที่เป็นระดับ Mass (ทั้งพี่โต ฮอน นิส) ก็ยังไม่ถึง 10 ปี
ของพวกนี้มันต้องใช้เวลาครับ มันไม่ใช่ว่าปุบปับจะเลิกได้ ผลกระทบข้อดีข้อเสียต้องศึกษากันเยอะ ซึ่งทุกประเทศเขาก็ต้องทำกันทั้งนั้น จะใช้เวลามากหรือน้อย ก็ขึ้นกับปริมาณประชากร-ความสามารถของบุคลากร-วิสัยทัศน์

ผมมองว่าสิ่งที่โตโยต้าทำในตอนนี้ (ว่าตามตรงก็คือการยัดเยียด Hybrid มานั่นแหละ) ก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐเรื่องภาษีรถพวกนี้เก็บต่ำลง และ Know-How ในการประกอบ (อย่างน้อยๆก็การประกอบนะ)
ระบบไฟฟ้า Hybrid คนไทยก็ทำได้สบายๆในประเทศ ตรงนี้ข้อดีคืออะไร ก็คือการจ้างงานครับ ไม่เฉพาะคนประกอบรถในไลน์ผลิตหรือวิศวกรที่เกทเวย์
แต่รวมถึง Part หลายอย่างในรถยนต์คันนั้น ถ้าท่านไม่ทราบจริงๆ รายได้เข้าประเทศเรา อุตสาหกรรมยานยนตร์นี่ก็เป็นอันดับไม่ต่ำกว่า 3 ของทั้งหมดนะครับ

ถ้าปล่อยให้เอาเข้ามาเสรีแบบใครจะเอามาก็ได้ คำถามคือแล้วดุลการค้าเราจะเอาอะไรไปสู้ครับ? ประเทศที่ซื้ออย่างเดียวขายออกไม่ได้เนี่ย ตายนะครับ
ภาษีไม่ใช่เรื่องเดียวที่คุณจะเอามา Subsidize เม็ดเงินที่หายไปตรงนี้ได้ ประเทศที่ฉลาดในด้านเศรษฐกิจ อย่างนึงที่มีเหมือนๆกันคือ ต้องทำดุลการค้าให้เก่งนะครับ
ไม่มีใครว่าหรอกถ้าคุณอยาก import เยอะ แต่คุณก็ต้องหาทาง Export ไปให้ได้ และทุกประเทศก็เล่นเกมเดียวกับคุณ คือต้องทำให้ได้เหมือนกัน

ถ้าคุณมองแค่ในแง่คนจะซื้ออย่างเดียวว่าจะเอารถ EV เข้ามา จะเอานู่นนี่เข้ามาก็ตายครับ ปัญหาเรื่อง Distrupt มันเป็นเรื่องปกติของยุคนี้จริง แต่คุณจะทำให้มันเปลี่ยนในไม่กี่วันไม่ได้
คุณต้องไม่ลืมว่าประเทศเราเนี่ย อยู่ในตำแหน่ง Manufacturers มาหลายปีแล้ว เจ้าของ Patent ทั้งหลายถ้ามองว่านโยบายเราเป็นภัยต่อเขา ก็แค่ชักปลั๊กกลับบ้าน หาที่ผลิตใหม่แค่นั้นเอง

ผมแนะนำอีกเรื่องนึง ไปศึกษาเรื่องจีนดีๆนะครับ โดยเฉพาะในยุคของคนปัจจุบันเนี่ยแหละ ดูว่าการเป็นพาร์ทเนอร์กับเขาแบบที่เราต่อรองเขาแทบไม่ได้ที่บางประเทศเป็นน่ะ
มันมีข้อเสียยังไงบ้าง โดยเฉพาะนโยบาย RBI (Road Belt Initiative) ของเขาน่ะ มันดูเหมือนเราได้ประโยชน์ แต่ก็ดูๆด้วยนะครับ ท่องไว้เสมอว่า "ไม่มีใครใจดีพอจะให้อะไรฟรี"

ปล. ผมแปลกใจนะ ผมหยุดเล่นเวปนี้ไปน่าจะราวๆ 4-5 ปีได้ ตอนนั้นท่านก็ยังอยู่ (รึผมจำดิสเพลย์ท่านสลับกับอีกคนก็ไม่รู้) ก็พิมพ์อะไรที่ชวนทะเลาะงี้แหละ แต่ก็รอดมาได้ ก็แปลกใจเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: TeletubbiesWithGuns ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 20:56:33
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 20:57:00
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??

เห็นออกมาโวยวายต่อต้าน ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA กันจุง ตอนนี้ต่อต้านจีน ต่อไปคงอาเซียนด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่มีสกิลจะทำ ev แข่งไม่ได้เอง

ผมเห็นแล้วว่าตรรกะใครเพี้ยนกันแน่
ชี้แจงนะครับ fta 0% มันเป็นการฆ่าตัวตาย คุณไม่ต้องการส่งเสริมให้ ev มาผลิตในประเทศแล้วหรือ? ใครจะมาลงทุนผลิต ev ในประเทศเราเมื่อนำเข้า 0% ทิ้งตรงนี้แล้วใช่ไหม?
แล้วยังเอาเปรียบคนที่มาลงทุนภายในประเทศอีก เอาตรงๆ แข่งกันแฟร์ๆ ไปเลยครับ 0 ก็ 0 เท่ากัน ถ้ารถไฟฟ้าดีจริงเดี๋ยวก็ชนะเอง การมาบิดการแข่งขันแบบนี้ใครเสียเปรียบก็ออกมาโวยเป็นธรรมดา
และการบอกอุตสาหกรรมรถภายในเป็นตัวถ่วง คือภาษี ev มันได้เปรียบไม่ใช่เหรอครับ ตรงกันข้ามรถน้ำมันต่างหากกำลังแย่

ลองคิดดีๆ นะครับ สมมติผมทำร้านกาแฟโบราณ แต่โลกกำลังเปลี่ยนเป็นไฮเทค ถ้าผมไม่เปลี่ยนเป็นไฮเทคตามคือผมเป็นตัวถ่วงอย่างนั้นหรือ? ผมถ่วงอุตสาหกรรมกาแฟไทย? ผมเป็นเอกชนจะถ่วงได้ยังไง ต่อให้เป็นรายใหญ่ครองตลาดก็เถอะครับ กลไกเดียวที่ถ่วงคือภาษีที่ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรมต่างหาก

หึหึหึ ผมเชียร์ free market economy การค้าเสรีอยู่แล้วคับ เพราะผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด

ถ้าอยากแฟร์มากนัก ทำไมไม่ จัดการ FTA อันอื่นที่เราทำความตกลงอยู่แล้ว กล้าๆลดภาษีนำเข้า BEV 0% ไปเลย เอาให้เหมือน อาเซียน-จีน และภายในอาเซียนไปเลยเช่น

เกาหลีลดจาก 40% เหลือ 0%
ยุ่นลดจาก 20% เหลือ 0%
เมกา และที่อื่นๆ จาก 80% เหลือ 0%

แบบนั้นโคตรฟิน และแฟร์มาก ผมเชียร์เต็มที่  8) เดี่ยวก็รู้ว่าใครเก่ง มีสกิลจิง แต่.....พวกอุตภายในมันร้องไห้เป็นเด็กทารกแน่นอน รับไม่ได้หรอก เพราะพอมีแข่งขันแบบแฟร์ๆ พวกมันก็หง่อย อ่อนแอ ไร้สกิล เนื่องจากวันๆหลบอยู่หลังกำแพงภาษีสูงๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร แล้วมาอ้างบุญคุณปลอมๆ
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นแต่ละประเทศเค้าจะตังกำแพงภาษีไว้ทำไมครับ  ถ้าคุณเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่เกิดมันไม่แปลกหรอกครับที่จะตั้งความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวานเหมือนบกบยังไม่อออกจากกะลาแบบนี้ครับ  คุณอยากได้รถอีวีก็ช่างคุณมันคือส่วนน้อย แต่คนส่วนใหญ่เค้าก็ต้องการปกป้องอาชีพเค้าอยู่    การทุ่มตลาดของจีนน่ากลัวกว่าชาติอื่นมาก

มันกำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนอยู่หนิครับ จาก ICE เป็น Hybrid แล้วก็ค่อยไปเป็น EV ทีละขั้นๆไป รถไฮบริดมาไทยราวๆไม่กี่สิบปีนี้เอง ที่เป็นระดับ Mass (ทั้งพี่โต ฮอน นิส) ก็ยังไม่ถึง 10 ปี
ของพวกนี้มันต้องใช้เวลาครับ มันไม่ใช่ว่าปุบปับจะเลิกได้ ผลกระทบข้อดีข้อเสียต้องศึกษากันเยอะ ซึ่งทุกประเทศเขาก็ต้องทำกันทั้งนั้น จะใช้เวลามากหรือน้อย ก็ขึ้นกับปริมาณประชากร-ความสามารถของบุคลากร-วิสัยทัศน์

ผมมองว่าสิ่งที่โตโยต้าทำในตอนนี้ (ว่าตามตรงก็คือการยัดเยียด Hybrid มานั่นแหละ) ก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐเรื่องภาษีรถพวกนี้เก็บต่ำลง และ Know-How ในการประกอบ (อย่างน้อยๆก็การประกอบนะ)
ระบบไฟฟ้า Hybrid คนไทยก็ทำได้สบายๆในประเทศ ตรงนี้ข้อดีคืออะไร ก็คือการจ้างงานครับ ไม่เฉพาะคนประกอบรถในไลน์ผลิตหรือวิศวกรที่เกทเวย์
แต่รวมถึง Part หลายอย่างในรถยนต์คันนั้น ถ้าท่านไม่ทราบจริงๆ รายได้เข้าประเทศเรา อุตสาหกรรมยานยนตร์นี่ก็เป็นอันดับไม่ต่ำกว่า 3 ของทั้งหมดนะครับ

ถ้าปล่อยให้เอาเข้ามาเสรีแบบใครจะเอามาก็ได้ คำถามคือแล้วดุลการค้าเราจะเอาอะไรไปสู้ครับ? ประเทศที่ซื้ออย่างเดียวขายออกไม่ได้เนี่ย ตายนะครับ
ภาษีไม่ใช่เรื่องเดียวที่คุณจะเอามา Subsidize เม็ดเงินที่หายไปตรงนี้ได้ ประเทศที่ฉลาดในด้านเศรษฐกิจ อย่างนึงที่มีเหมือนๆกันคือ ต้องทำดุลการค้าให้เก่งนะครับ
ไม่มีใครว่าหรอกถ้าคุณอยาก import เยอะ แต่คุณก็ต้องหาทาง Export ไปให้ได้ และทุกประเทศก็เล่นเกมเดียวกับคุณ คือต้องทำให้ได้เหมือนกัน

ถ้าคุณมองแค่ในแง่คนจะซื้ออย่างเดียวว่าจะเอารถ EV เข้ามา จะเอานู่นนี่เข้ามาก็ตายครับ ปัญหาเรื่อง Distrupt มันเป็นเรื่องปกติของยุคนี้จริง แต่คุณจะทำให้มันเปลี่ยนในไม่กี่วันไม่ได้
คุณต้องไม่ลืมว่าประเทศเราเนี่ย อยู่ในตำแหน่ง Manufacturers มาหลายปีแล้ว เจ้าของ Patent ทั้งหลายถ้ามองว่านโยบายเราเป็นภัยต่อเขา ก็แค่ชักปลั๊กกลับบ้าน หาที่ผลิตใหม่แค่นั้นเอง

ผมแนะนำอีกเรื่องนึง ไปศึกษาเรื่องจีนดีๆนะครับ โดยเฉพาะในยุคของคนปัจจุบันเนี่ยแหละ ดูว่าการเป็นพาร์ทเนอร์กับเขาแบบที่เราต่อรองเขาแทบไม่ได้ที่บางประเทศเป็นน่ะ
มันมีข้อเสียยังไงบ้าง โดยเฉพาะนโยบาย RBI (Road Belt Initiative) ของเขาน่ะ มันดูเหมือนเราได้ประโยชน์ แต่ก็ดูๆด้วยนะครับ ท่องไว้เสมอว่า "ไม่มีใครใจดีพอจะให้อะไรฟรี"

ปล. ผมแปลกใจนะ ผมหยุดเล่นเวปนี้ไปน่าจะราวๆ 4-5 ปีได้ ตอนนั้นท่านก็ยังอยู่ (รึผมจำดิสเพลย์ท่านสลับกับอีกคนก็ไม่รู้) ก็พิมพ์อะไรที่ชวนทะเลาะงี้แหละ แต่ก็รอดมาได้ ก็แปลกใจเหมือนกันนะ
ถ้าใครได้ทำการค้าขายกับจีนแล้วเหนื่อยจริงครับ  ขี้โกงเอาเปียบทุกอย่าง  ส่วนยูสเซอร์นี้เค้าคาบช้อนเงินทองมาไม่รู้จักความลำบากในการหาเงินหรอกครับ  ภาษีบำรุงประเทศก็คงไม่รู้จักหรอก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:17:16
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:19:54
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:33:37
ผมว่าถ้าภายในประเทศผลิตนาฬิกา analog ไม่น่าเกี่ยวกับการเป็นตัวถ่วงในการผลิตนาฬิกา digital นะครับ

เปรียบเปรยเฉยๆ
+1
ทุกวันนี้เขาก็ไม่ได้ห้ามบริษัทรถผลิตev หรือห้ามนำเข้า
แต่demandมันยังไม่มี รัฐไม่ได้อุ้มส่วนต่างแบบบางประเทศ แล้วเขาจะผลิตขายใคร? ขายไม่ออกใครเจ้ง

แล้วอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ มันถ่วงevยังไง ผมไม่เข้าใจ ใครอธิบายตรรกะนี้ที ในเมื่อevมันก็เป็นส่วนนึงในอุตสาหกรรมนี้ จะให้นำเข้า100%ไปเพื่อ??

เห็นออกมาโวยวายต่อต้าน ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA กันจุง ตอนนี้ต่อต้านจีน ต่อไปคงอาเซียนด้วย ทั้งที่ตัวเองไม่มีสกิลจะทำ ev แข่งไม่ได้เอง

ผมเห็นแล้วว่าตรรกะใครเพี้ยนกันแน่
ชี้แจงนะครับ fta 0% มันเป็นการฆ่าตัวตาย คุณไม่ต้องการส่งเสริมให้ ev มาผลิตในประเทศแล้วหรือ? ใครจะมาลงทุนผลิต ev ในประเทศเราเมื่อนำเข้า 0% ทิ้งตรงนี้แล้วใช่ไหม?
แล้วยังเอาเปรียบคนที่มาลงทุนภายในประเทศอีก เอาตรงๆ แข่งกันแฟร์ๆ ไปเลยครับ 0 ก็ 0 เท่ากัน ถ้ารถไฟฟ้าดีจริงเดี๋ยวก็ชนะเอง การมาบิดการแข่งขันแบบนี้ใครเสียเปรียบก็ออกมาโวยเป็นธรรมดา
และการบอกอุตสาหกรรมรถภายในเป็นตัวถ่วง คือภาษี ev มันได้เปรียบไม่ใช่เหรอครับ ตรงกันข้ามรถน้ำมันต่างหากกำลังแย่

ลองคิดดีๆ นะครับ สมมติผมทำร้านกาแฟโบราณ แต่โลกกำลังเปลี่ยนเป็นไฮเทค ถ้าผมไม่เปลี่ยนเป็นไฮเทคตามคือผมเป็นตัวถ่วงอย่างนั้นหรือ? ผมถ่วงอุตสาหกรรมกาแฟไทย? ผมเป็นเอกชนจะถ่วงได้ยังไง ต่อให้เป็นรายใหญ่ครองตลาดก็เถอะครับ กลไกเดียวที่ถ่วงคือภาษีที่ทำให้การแข่งขันไม่เป็นธรรมต่างหาก

หึหึหึ ผมเชียร์ free market economy การค้าเสรีอยู่แล้วคับ เพราะผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด

ถ้าอยากแฟร์มากนัก ทำไมไม่ จัดการ FTA อันอื่นที่เราทำความตกลงอยู่แล้ว กล้าๆลดภาษีนำเข้า BEV 0% ไปเลย เอาให้เหมือน อาเซียน-จีน และภายในอาเซียนไปเลยเช่น

เกาหลีลดจาก 40% เหลือ 0%
ยุ่นลดจาก 20% เหลือ 0%
เมกา และที่อื่นๆ จาก 80% เหลือ 0%

แบบนั้นโคตรฟิน และแฟร์มาก ผมเชียร์เต็มที่  8) เดี่ยวก็รู้ว่าใครเก่ง มีสกิลจิง แต่.....พวกอุตภายในมันร้องไห้เป็นเด็กทารกแน่นอน รับไม่ได้หรอก เพราะพอมีแข่งขันแบบแฟร์ๆ พวกมันก็หง่อย อ่อนแอ ไร้สกิล เนื่องจากวันๆหลบอยู่หลังกำแพงภาษีสูงๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร แล้วมาอ้างบุญคุณปลอมๆ
ถ้ามันง่ายขนาดนั้นแต่ละประเทศเค้าจะตังกำแพงภาษีไว้ทำไมครับ  ถ้าคุณเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทองตั้งแต่เกิดมันไม่แปลกหรอกครับที่จะตั้งความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวานเหมือนบกบยังไม่อออกจากกะลาแบบนี้ครับ  คุณอยากได้รถอีวีก็ช่างคุณมันคือส่วนน้อย แต่คนส่วนใหญ่เค้าก็ต้องการปกป้องอาชีพเค้าอยู่    การทุ่มตลาดของจีนน่ากลัวกว่าชาติอื่นมาก

มันกำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนอยู่หนิครับ จาก ICE เป็น Hybrid แล้วก็ค่อยไปเป็น EV ทีละขั้นๆไป รถไฮบริดมาไทยราวๆไม่กี่สิบปีนี้เอง ที่เป็นระดับ Mass (ทั้งพี่โต ฮอน นิส) ก็ยังไม่ถึง 10 ปี
ของพวกนี้มันต้องใช้เวลาครับ มันไม่ใช่ว่าปุบปับจะเลิกได้ ผลกระทบข้อดีข้อเสียต้องศึกษากันเยอะ ซึ่งทุกประเทศเขาก็ต้องทำกันทั้งนั้น จะใช้เวลามากหรือน้อย ก็ขึ้นกับปริมาณประชากร-ความสามารถของบุคลากร-วิสัยทัศน์

ผมมองว่าสิ่งที่โตโยต้าทำในตอนนี้ (ว่าตามตรงก็คือการยัดเยียด Hybrid มานั่นแหละ) ก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐเรื่องภาษีรถพวกนี้เก็บต่ำลง และ Know-How ในการประกอบ (อย่างน้อยๆก็การประกอบนะ)
ระบบไฟฟ้า Hybrid คนไทยก็ทำได้สบายๆในประเทศ ตรงนี้ข้อดีคืออะไร ก็คือการจ้างงานครับ ไม่เฉพาะคนประกอบรถในไลน์ผลิตหรือวิศวกรที่เกทเวย์
แต่รวมถึง Part หลายอย่างในรถยนต์คันนั้น ถ้าท่านไม่ทราบจริงๆ รายได้เข้าประเทศเรา อุตสาหกรรมยานยนตร์นี่ก็เป็นอันดับไม่ต่ำกว่า 3 ของทั้งหมดนะครับ

ถ้าปล่อยให้เอาเข้ามาเสรีแบบใครจะเอามาก็ได้ คำถามคือแล้วดุลการค้าเราจะเอาอะไรไปสู้ครับ? ประเทศที่ซื้ออย่างเดียวขายออกไม่ได้เนี่ย ตายนะครับ
ภาษีไม่ใช่เรื่องเดียวที่คุณจะเอามา Subsidize เม็ดเงินที่หายไปตรงนี้ได้ ประเทศที่ฉลาดในด้านเศรษฐกิจ อย่างนึงที่มีเหมือนๆกันคือ ต้องทำดุลการค้าให้เก่งนะครับ
ไม่มีใครว่าหรอกถ้าคุณอยาก import เยอะ แต่คุณก็ต้องหาทาง Export ไปให้ได้ และทุกประเทศก็เล่นเกมเดียวกับคุณ คือต้องทำให้ได้เหมือนกัน

ถ้าคุณมองแค่ในแง่คนจะซื้ออย่างเดียวว่าจะเอารถ EV เข้ามา จะเอานู่นนี่เข้ามาก็ตายครับ ปัญหาเรื่อง Distrupt มันเป็นเรื่องปกติของยุคนี้จริง แต่คุณจะทำให้มันเปลี่ยนในไม่กี่วันไม่ได้
คุณต้องไม่ลืมว่าประเทศเราเนี่ย อยู่ในตำแหน่ง Manufacturers มาหลายปีแล้ว เจ้าของ Patent ทั้งหลายถ้ามองว่านโยบายเราเป็นภัยต่อเขา ก็แค่ชักปลั๊กกลับบ้าน หาที่ผลิตใหม่แค่นั้นเอง

ผมแนะนำอีกเรื่องนึง ไปศึกษาเรื่องจีนดีๆนะครับ โดยเฉพาะในยุคของคนปัจจุบันเนี่ยแหละ ดูว่าการเป็นพาร์ทเนอร์กับเขาแบบที่เราต่อรองเขาแทบไม่ได้ที่บางประเทศเป็นน่ะ
มันมีข้อเสียยังไงบ้าง โดยเฉพาะนโยบาย RBI (Road Belt Initiative) ของเขาน่ะ มันดูเหมือนเราได้ประโยชน์ แต่ก็ดูๆด้วยนะครับ ท่องไว้เสมอว่า "ไม่มีใครใจดีพอจะให้อะไรฟรี"

ปล. ผมแปลกใจนะ ผมหยุดเล่นเวปนี้ไปน่าจะราวๆ 4-5 ปีได้ ตอนนั้นท่านก็ยังอยู่ (รึผมจำดิสเพลย์ท่านสลับกับอีกคนก็ไม่รู้) ก็พิมพ์อะไรที่ชวนทะเลาะงี้แหละ แต่ก็รอดมาได้ ก็แปลกใจเหมือนกันนะ
ถ้าใครได้ทำการค้าขายกับจีนแล้วเหนื่อยจริงครับ  ขี้โกงเอาเปียบทุกอย่าง  ส่วนยูสเซอร์นี้เค้าคาบช้อนเงินทองมาไม่รู้จักความลำบากในการหาเงินหรอกครับ  ภาษีบำรุงประเทศก็คงไม่รู้จักหรอก

อะช่าย ไม่ง่ายงัยคับ ก้อเลือกทำความตกลงแบบนั่นเอง 0%, 20%, 40% เอย ไม่ได้มีใครห้าม  มาตอนนี้จะโวยวายแล้ว คือยังไง? ผมถึงบอกงัยจะต่อต้าน 0% จีน อย่าลืมไปต่อต้าน 0% อาเซียนด้วย เพราะรถอีวีนำเข้ามาจากอาเซียน คนไทยก็ไม่ได้อะไรเลย ผู้บริโภคไม่ได้อะไรเลย แทนที่จะใช้ของผลิตในประเทศที่ราคาแพงกว่า  มันความตกลงการค้าเสรีนะ bi-lateral เค้าได้ประโยชน์ เราก็ได้ประโยชน์  นี่มาโวยวายอะไร อยากเอาอะไรไปแลกดี สินค้าเกษตรดีไหม? แล้วถ้าตัวเองอยากส่งอีวีไปขายบ้าง อยากโดนเค้าเก็บภาษีบ้างไหม? คิดหน่อย เอาแต่ได้อะพวกอุตภายในพวกนี้           
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:52:33
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D

แสดง ตรรกะเสื่อม อีกละ คิดเอง เออเอง ว่า คนโน้น เป็นยังงั้นอย่างงี้ ถถถถถ
น่าสงสาร จัง
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Chitta_P ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:52:57
ไม่รู้จะมา discuss อะไร แต่ขอแวะมาเล่านิทานสนุกๆละกันครับ
ช่วงปี 59-60 ผมมีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศจีน พอไปถึงก็เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขี่
ช่วงแรกๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ  ผ่านไปซักสองสามเดือน ขณะที่ชาร์จแบตเต็มมาทั้งคืน พอจะขี่จากมหาลัยฯเข้าไปในเมือง จากแบตที่เต็มๆ ก็กะพริบๆ แล้วรถก็ดับ ดับกลางถนนที่รอบข้างเป็นนาและป่าทับทิมด้วย เอาละสิ เหลียวซ้ายแลขวาก็มีแต่ต้นทับทิม ทีนี้จะชาร์จยังไง คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ต้องจูงรถเป็นกิโลๆกลับไปชาร์จที่มอ ระหว่างทางก็มีพวกมอไซน้ำมันขี่ผ่านไปผ่านมาเรื่อยๆ ให้เราหงุดหงิดเล่นกันไป

จะมาบอกว่า เทคโนโลยีทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียกันไปแหละครับ ไม่ใช่ว่าไอ้นั่นดี แล้วจะดี 100% แล้วก็ไม่ใช่ว่าอะไรที่คิดว่าไม่ดี มันจะไม่ดี 100% เสมอไป

จบการเล่านิทานเพียงเท่านี้ครับ

ปล. แถมภาพประกอบการเล่านิทานเล็กน้อยครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:53:21
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D

แสดง ตรรกะเสื่อม อีกละ คิดเอง เออเอง ว่า คนโน้น เป็นยังงั้นอย่างงี้ ถถถถถ
น่าสงสาร จัง

อ่าว คุณมายอมรับเอง ช่วยไม่ได้คับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:58:30
ไม่รู้จะมา discuss อะไร แต่ขอแวะมาเล่านิทานสนุกๆละกันครับ
ช่วงปี 59-60 ผมมีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศจีน พอไปถึงก็เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขี่
ช่วงแรกๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ  ผ่านไปซักสองสามเดือน ขณะที่ชาร์จแบตเต็มมาทั้งคืน พอจะขี่จากมหาลัยฯเข้าไปในเมือง จากแบตที่เต็มๆ ก็กะพริบๆ แล้วรถก็ดับ ดับกลางถนนที่รอบข้างเป็นนาและป่าทับทิมด้วย เอาละสิ เหลียวซ้ายแลขวาก็มีแต่ต้นทับทิม ทีนี้จะชาร์จยังไง คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ต้องจูงรถเป็นกิโลๆกลับไปชาร์จที่มอ ระหว่างทางก็มีพวกมอไซน้ำมันขี่ผ่านไปผ่านมาเรื่อยๆ ให้เราหงุดหงิดเล่นกันไป

จะมาบอกว่า เทคโนโลยีทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียกันไปแหละครับ ไม่ใช่ว่าไอ้นั่นดี แล้วจะดี 100% แล้วก็ไม่ใช่ว่าอะไรที่คิดว่าไม่ดี มันจะไม่ดี 100% เสมอไป

จบการเล่านิทานเพียงเท่านี้ครับ

ปล. แถมภาพประกอบการเล่านิทานเล็กน้อยครับ

มอไซด์นี่เหมาะกับ battery swapping อย่างยิ่งคับ form factor ยังโอเคให้สลับได้แบบชิลๆ onboard charger มอไซด์ยังห่างไกลในรถมากกกก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 22:01:10
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D

แสดง ตรรกะเสื่อม อีกละ คิดเอง เออเอง ว่า คนโน้น เป็นยังงั้นอย่างงี้ ถถถถถ
น่าสงสาร จัง

อ่าว คุณมายอมรับเอง ช่วยไม่ได้คับ
แล้วแต่จะคิดครับ
อย่างที่บอก
Toyota อยากทำ Ev เมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะทำเพื่ออะไร
ในเมื่อ คนซื้อไม่มี 555555
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 22:03:46
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D

แสดง ตรรกะเสื่อม อีกละ คิดเอง เออเอง ว่า คนโน้น เป็นยังงั้นอย่างงี้ ถถถถถ
น่าสงสาร จัง

อ่าว คุณมายอมรับเอง ช่วยไม่ได้คับ
แล้วแต่จะคิดครับ
อย่างที่บอก
Toyota อยากทำ Ev เมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะทำเพื่ออะไร
ในเมื่อ คนซื้อไม่มี 555555

แล้วเสือกมาต่อต้าน FTA 0% ทำไมหว่า ผมเชียร์ให้ต่อต้าน 0% อาเซียนด้วย เอาให้สุด
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 23:05:33
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D

แสดง ตรรกะเสื่อม อีกละ คิดเอง เออเอง ว่า คนโน้น เป็นยังงั้นอย่างงี้ ถถถถถ
น่าสงสาร จัง

อ่าว คุณมายอมรับเอง ช่วยไม่ได้คับ
แล้วแต่จะคิดครับ
อย่างที่บอก
Toyota อยากทำ Ev เมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะทำเพื่ออะไร
ในเมื่อ คนซื้อไม่มี 555555

แล้วเสือกมาต่อต้าน FTA 0% ทำไมหว่า ผมเชียร์ให้ต่อต้าน 0% อาเซียนด้วย เอาให้สุด

อุ้ป หยาบจัง ขาประจำบอร์ดเส้นใหญ่เนอะ
ใคร เสือก ต่อต้านครับ ก็เอามาดิ ไอ้นี่ ก็เสือกคิดเอาเองละ 555 ว่าเข้าไปทั่วเลยเนอะ
นี่ มโน เพ้อเจ้อ ว่า ตูเป็น คน Toyota รึไง เหอะๆ  สายมโน จริงๆ
อวยนักหนา แล้ว ไงยอดขาย 0.13 % กิ้วๆ
มันเป็นเรื่อง ผลประโยชน์ มันไม่ใช่ แค่ TOYOTA ที่ต่อต้าน ทุกคน กลุ่ม ที่เสียปผลปีะโยชน์และคิดว่าไม่ยุติธรรม จึงต่อต้านไง

ปล ไม่ edit และไม่ลบ เพราะผมไม่ได้เป็นคนเริ่มด่า หยาบคายก่อน
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 23:53:12
*ลองกดเข้ามาดูคอมเม้น*

*ดูเสร็จ*

“ไม่น่ากดเข้ามาเลย”

รอผมอยู่ ป่าว เข้ามาดู ก่อน แต่คนอื่นจัดให้หมดละ
ไว้อาลัย เจ้าของโพส แปร้บ น่าสงสาร ตรรกะ ป่วยมาก แต่ไม่รู้ตัว 5555
ใครๆ ก็ไม่เห็นด้วย กิ้วๆๆๆๆ

ไม่มีใครตรรกะเสื่อมเท่ากับคนไทยที่เออออเห็นด้วยกับการปกป้องสถาบันอุตสาหกรรมเฒ่าทารกอายุเกิน 50 ปี หรือ infant industry argument  คับ โดยเฉพาะพวกซาบซึ้งพระคุณของค่ายรถ อยากรู้ว่าจะชาตินิยมแบบปลอมๆ เสี้ยมค่ายรถไปได้ถึงไหน ทุกชาติไปเลยไหม ;D ;D ;D

แสดง ตรรกะเสื่อม อีกละ คิดเอง เออเอง ว่า คนโน้น เป็นยังงั้นอย่างงี้ ถถถถถ
น่าสงสาร จัง

อ่าว คุณมายอมรับเอง ช่วยไม่ได้คับ
แล้วแต่จะคิดครับ
อย่างที่บอก
Toyota อยากทำ Ev เมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะทำเพื่ออะไร
ในเมื่อ คนซื้อไม่มี 555555

แล้วเสือกมาต่อต้าน FTA 0% ทำไมหว่า ผมเชียร์ให้ต่อต้าน 0% อาเซียนด้วย เอาให้สุด

อุ้ป หยาบจัง ขาประจำบอร์ดเส้นใหญ่เนอะ
ใคร เสือก ต่อต้านครับ ก็เอามาดิ ไอ้นี่ ก็เสือกคิดเอาเองละ 555 ว่าเข้าไปทั่วเลยเนอะ
นี่ มโน เพ้อเจ้อ ว่า ตูเป็น คน Toyota รึไง เหอะๆ  สายมโน จริงๆ
อวยนักหนา แล้ว ไงยอดขาย 0.13 % กิ้วๆ

ในมิตติ้งปลายปีก่อนกับพี่ to มีตัวใหญ่ใน to ไทยสองคน พล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียน-จีนไม่เลิก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเสี่ยงโดนสินค้าเกษตรไปแลก เลยเงิบซะ 55 ถึงบอกทั้งทีต้องโวยวาย FTA อาเซียนด้วย  ;D ;D ;D   

เห็นคุณอวยแซบซุ้งไอ้ to หนักหนายังกะสมุนทำงานในนั้น ได้กลิ่น vaporware เหม็นๆโชยมายังคับ solid สักอย่างไม่เห็นแม้แต่เงา ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: 2k ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 01:14:19
ไปว่าคนอื่นเป็นตัวถ่วง ..

อยากถาม ในบ้านมี EV กี่คันครับ .... มอไซด์ หรือ จักรยาน ก็ได้ .... หรือ โซล่าเซลในบ้าน อะไรงี้ มียัง ....

อยากให้เกิด ก็ซื้อใช้สักคันสิครับ อุดหนุนเยอะๆ

ส่วนที่บอกจะให้นำเข้า เสียภาษี 0% เนี่ย ... นั่นคือเงินในประเทศเราจะไหลออกไป 100% เลยครับ ไม่เกิดการจ้างงาน และไม่เกิดการเติบโตของอุสาหกรรมด้วย ..

เค้าให้ประกอบในประเทศ เพราะมันมีชิ้นส่วนอื่นๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศสามารถผลิตได้ และมันเป็นการวางรากฐานการผลิตรถยนต์ EV ด้วย

อย่าคิดตื้นๆสิ มองกว้างๆ ก่อนโทษคนอื่น ที่บ้านมี EV กี่คันเอ่ยยย...

ผมมีรถแล้วคันนึง มอไซต์อีวีอีกคัน จะซื้อรถเพิ่มอีกคันปีนี้ ระบุเพิ่มอีกหน่อย จะเล่นรถนำเข้าจากเมืองจีนคับ พอใจซะอย่าง เดี่ยวจะเล่นรถนำเข้าจากอาเซียนด้วย รอโรงงานเค้าที่สิงค์โปร์เริ่มผลิตก่อน เมื่อวานเปิดตัว ดูแหล่ม ล้ำๆจิงๆ  ส่วนโซล่ากำลังพิจารณา รอดู smart charging ของ Huawei เป็นยัไงก่อนตัดสินใจ

ขอถามไม่ได้กวนนะครับ

เห็นคุณใช้รถไฟฟ้าหมดเลย แล้วเวลาเดินทางไกล คุณเดินทางยังไงครับ เช่น ไป ตจว.
หรือที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ คุณมีรถน้ำมันอยู่แล้วครับ?

ส่วนตัวเองมีรถสปอร์ตน้ำมันใช้สลับกันคับ อนาคตค่อยๆทยอยเปลี่ยรถน้ำมันออก พอรถพวกนั่นถึงอายุต้องเปลี่ยน ด้านไปตจว. เน้นบินคับ ผมไม่ขับหรอก กรุงเทพขึ้นเหนือสุดใต้สุดเนี้ย เหนื่อยเปล่าๆ นั่งเครื่องชิลกว่าเยอะ จีบแอร์ได้อีก :P

มีแนวทางน่าสนใจนะครับไม่ยึดติดกับรถเชื้อเพลิงและกล้าลองในสิ่งใหม่ๆเมื่อมีโอกาส   :-X ผมเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่แบตเตอรี่ทำให้เบาลงและจุพลังงานได้มากขึ้นมาเมื่อไหร่รถเชื้อเพลิงก็จะโดนแย่งตลาดส่วนใหญ่ไปแน่นอน มันทำให้ภายในรถกว้างขวางได้สบายและลดชิ้นส่วนที่จะเสียลงไปได้อีกมากมาย  ;D
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 06:43:59

หึหึหึ ผมเชียร์ free market economy การค้าเสรีอยู่แล้วคับ เพราะผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด

ถ้าอยากแฟร์มากนัก ทำไมไม่ จัดการ FTA อันอื่นที่เราทำความตกลงอยู่แล้ว กล้าๆลดภาษีนำเข้า BEV 0% ไปเลย เอาให้เหมือน อาเซียน-จีน และภายในอาเซียนไปเลยเช่น

เกาหลีลดจาก 40% เหลือ 0%
ยุ่นลดจาก 20% เหลือ 0%
เมกา และที่อื่นๆ จาก 80% เหลือ 0%

แบบนั้นโคตรฟิน และแฟร์มาก ผมเชียร์เต็มที่  8) เดี่ยวก็รู้ว่าใครเก่ง มีสกิลจิง แต่.....พวกอุตภายในมันร้องไห้เป็นเด็กทารกแน่นอน รับไม่ได้หรอก เพราะพอมีแข่งขันแบบแฟร์ๆ พวกมันก็หง่อย อ่อนแอ ไร้สกิล เนื่องจากวันๆหลบอยู่หลังกำแพงภาษีสูงๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร แล้วมาอ้างบุญคุณปลอมๆ

คุณไปเรื่อยเลยอะครับ ไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง นำเข้า 0% แล้วทิ้งการลงทุน ev ในประเทศแล้วใช่ไหม?

ส่วนเรื่อง ทำไมชาติอื่นไม่ 0% แบบ fta จีน คุณไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องภาพรวมเลยอะครับ
พูดไปก็ไปเข้าเรื่องการเมือง eu us ตัดเราเพราะรัฐบาลเราเป็นทหาร พอหลังเลือกตั้งนายกเราไปทำ fta กับใครบ้าง? ผมไม่เห็นนะ มีจีนที่เดียวที่พอจะทำได้เพราะประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกัน ส่วน jap มันมี tpp แล้วแต่เราก็มีคนออมาต่อต้าน จน us ออกไปเพราะทรัมป์ เปลี่ยนชื่อเป็น cptpp โดยมี jap เป็นแกนนำ ตรงกันข้ามเวียดนามอยู่ในทุกประชาคมเศรษษฐกิจ และมี gsp ทั้ง eu us เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศซึ่งเราไม่มี

ที่ตรรกะคุณมันพังก็เพราะคุณมีอคติกับกับอุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นหรือเปล่า ผมยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงเลย แทนที่จะให้ภาษีผลิต ev ในประเทศ 0% กลับอยากจะให้นำเข้า ev 0%

ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดอะครับ การที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมรถภายในประเทศเป็นตัวถ่วง
1 คุณห้าม ev อื่นเข้ามาผลิตในประเทศ(ปกป้องข้างใน)
2 ภาษีรถผลิตในประเทศต่ำกว่า ev (ข้างในได้เปรียบในการแข่งขัน)

แต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้าม แล้วมันจะถ่วงยังไงผมก็ไม่เข้าใจ เอกชนเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ศักยภาพในการเชิญชวนเจ้าของเทคโนโลยี ev มาลงทุนของเราต่างหากที่เป็นปัญหา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภายในตรงไหนเลย
คุณเชิญเขามาลงทุน หอบเงินมาตั้งโรงงาน สร้างงาน แต่ก็ไม่ควรไปเอาเปรียบเขานะครับ เช่น นำเข้า 0% อีกหน่อยจะไม่มีใครมาลงทุนในประเทศเราอีก นำเข้าเดือนเดียวรถมันก็มาขายได้แล้ว แต่เข้ามาลงทุนผลิต หอบเงินมาลงทุนกี่หมื่นล้าน กี่ปีจะได้ขาย มันไม่แฟร์หรอกครับหากคุณจะให้ภาษีนำเข้าต่ำกว่าแบบนี้ ถ้าจะสนับสนุน ev ควรให้เข้ามาผลิตภาษี 0% มากกว่า แล้วให้แรงจูงใจทางภาษีกับ ev ด้วยเหตุผลอยากให้ประเทศพัฒนาไปสู่ ev ไม่ใช่ให้ภาษีนำเข้า 0% แบบนี้ครับ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะให้ภาษีเท่าๆ กัน เพื่อให้เป็นไปตามกลไก rule of origin

จริงๆ แล้วมันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev และนำเข้า-ผลิตในประเทศ


หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 07:12:40

ในมิตติ้งปลายปีก่อนกับพี่ to มีตัวใหญ่ใน to ไทยสองคน พล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียน-จีนไม่เลิก แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเสี่ยงโดนสินค้าเกษตรไปแลก เลยเงิบซะ 55 ถึงบอกทั้งทีต้องโวยวาย FTA อาเซียนด้วย  ;D ;D ;D   

เห็นคุณอวยแซบซุ้งไอ้ to หนักหนายังกะสมุนทำงานในนั้น ได้กลิ่น vaporware เหม็นๆโชยมายังคับ solid สักอย่างไม่เห็นแม้แต่เงา ;D ;D ;D

ใครจะโวยวายไปก็เรื่องของเขา เพราะเขาเสียประโยชน์ ไม่มีใครสนใจหรือเข้าข้างใครหรอกครับ ตรงกันข้ามการที่คุณมาพูดแบบนี้มันก็บอกชัดเจนว่าคุณมีอคติกับใคร
ผมไม่ได้สนใจหรอกนะ เพราะผมไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสีย และคิดว่าควรมองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักเช่นกัน
เพียงแต่ คุณต้องสร้างสภาวะการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่ใช่ไปเอาเปรียบเขาแบบนั้น นำเข้า 0% มันเอาเปรียบเขาชัดเจน
คุณเข้าใจไหมครับ มองประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และต้องเป็นธรรมด้วย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 07:20:43

หึหึหึ ผมเชียร์ free market economy การค้าเสรีอยู่แล้วคับ เพราะผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด

ถ้าอยากแฟร์มากนัก ทำไมไม่ จัดการ FTA อันอื่นที่เราทำความตกลงอยู่แล้ว กล้าๆลดภาษีนำเข้า BEV 0% ไปเลย เอาให้เหมือน อาเซียน-จีน และภายในอาเซียนไปเลยเช่น

เกาหลีลดจาก 40% เหลือ 0%
ยุ่นลดจาก 20% เหลือ 0%
เมกา และที่อื่นๆ จาก 80% เหลือ 0%

แบบนั้นโคตรฟิน และแฟร์มาก ผมเชียร์เต็มที่  8) เดี่ยวก็รู้ว่าใครเก่ง มีสกิลจิง แต่.....พวกอุตภายในมันร้องไห้เป็นเด็กทารกแน่นอน รับไม่ได้หรอก เพราะพอมีแข่งขันแบบแฟร์ๆ พวกมันก็หง่อย อ่อนแอ ไร้สกิล เนื่องจากวันๆหลบอยู่หลังกำแพงภาษีสูงๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร แล้วมาอ้างบุญคุณปลอมๆ

คุณไปเรื่อยเลยอะครับ ไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง นำเข้า 0% แล้วทิ้งการลงทุน ev ในประเทศแล้วใช่ไหม?

ส่วนเรื่อง ทำไมชาติอื่นไม่ 0% แบบ fta จีน คุณไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องภาพรวมเลยอะครับ
พูดไปก็ไปเข้าเรื่องการเมือง eu us ตัดเราเพราะรัฐบาลเราเป็นทหาร พอหลังเลือกตั้งนายกเราไปทำ fta กับใครบ้าง? ผมไม่เห็นนะ มีจีนที่เดียวที่พอจะทำได้เพราะประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกัน ส่วน jap มันมี tpp แล้วแต่เราก็มีคนออมาต่อต้าน จน us ออกไปเพราะทรัมป์ เปลี่ยนชื่อเป็น cptpp โดยมี jap เป็นแกนนำ ตรงกันข้ามเวียดนามอยู่ในทุกประชาคมเศรษษฐกิจ และมี gsp ทั้ง eu us เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศซึ่งเราไม่มี

ที่ตรรกะคุณมันพังก็เพราะคุณมีอคติกับกับอุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นหรือเปล่า ผมยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงเลย แทนที่จะให้ภาษีผลิต ev ในประเทศ 0% กลับอยากจะให้นำเข้า ev 0%

ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดอะครับ การที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมรถภายในประเทศเป็นตัวถ่วง
1 คุณห้าม ev อื่นเข้ามาผลิตในประเทศ(ปกป้องข้างใน)
2 ภาษีรถผลิตในประเทศต่ำกว่า ev (ข้างในได้เปรียบในการแข่งขัน)

แต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้าม แล้วมันจะถ่วงยังไงผมก็ไม่เข้าใจ เอกชนเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ศักยภาพในการเชิญชวนเจ้าของเทคโนโลยี ev มาลงทุนของเราต่างหากที่เป็นปัญหา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภายในตรงไหนเลย
คุณเชิญเขามาลงทุน หอบเงินมาตั้งโรงงาน สร้างงาน แต่ก็ไม่ควรไปเอาเปรียบเขานะครับ เช่น นำเข้า 0% อีกหน่อยจะไม่มีใครมาลงทุนในประเทศเราอีก นำเข้าเดือนเดียวรถมันก็มาขายได้แล้ว แต่เข้ามาลงทุนผลิต หอบเงินมาลงทุนกี่หมื่นล้าน กี่ปีจะได้ขาย มันไม่แฟร์หรอกครับหากคุณจะให้ภาษีนำเข้าต่ำกว่าแบบนี้ ถ้าจะสนับสนุน ev ควรให้เข้ามาผลิตภาษี 0% มากกว่า แล้วให้แรงจูงใจทางภาษีกับ ev ด้วยเหตุผลอยากให้ประเทศพัฒนาไปสู่ ev ไม่ใช่ให้ภาษีนำเข้า 0% แบบนี้ครับ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะให้ภาษีเท่าๆ กัน เพื่อให้เป็นไปตามกลไก rule of origin

ใช่เลยพี่ free trade market มันทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จริงเหรอ
มันไม่ทุกกรณีหรอกครับ อย่างกรณีนี้ถ้าผู้บริโภคตกงานก็ไม่สีเงินไปซื้ออยู่ดี
แทนที่จะฟิน กลับเหี่ยวแทน อย่าไปคิดว่ารานได้ตัวเองไม่ได้มีผบกระทบจากอุตสาหกรรมนี้
ระบบเศรษฐิจในปัจจุบันมันโยงใยไปหมด แล้วอย่าไปหลงเชื่อว่าพวกต่างชาติมันจะแฟร์
กับการค้าเสรี ทั้งอเมริกา ยุโรป มันก็หาเรื่องกีดกันการค้าเรื่อยๆ เหมือนกัน
พอเราได้ดุลมันเยอะ มันก็ตั้งกำแพงแล้ว บางทีก็อ้างบ้าๆ บอๆ เช่นเรื้องลิงเก็บมะพร้าว
สุดท้ายคือมันอ้างทฤษฎีสวยหรูเพื่อประโยชน์ตัวเองทั้งนั้นแหละ อุตสาหกรรมรถยนต์นี่ตัวดีเลย
ทางอเมริกายังสร้างเงื่อนไขปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศตัวเองด้วยซ้ำเพื่อรักษางานให้คนในประเทศน่ะครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Weetting ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 08:01:25
กัปตันเหมือนพยายามทำตัวว่าเป็นบุคคลที่ไม่มี  Cognitive Skills  อะ​ 555555

ผมจะพยายามยกตัวอย่าง​ ให้ซักสองเรื่องครับ

1  มีสอง​สายการบิน​ สายการบินแรก ใช้ระบบautomation ทั้งระบบ  ซื้อ​ตั๋ว​   เช็คอิน​ ชั่ง​น้ำหนัก ไม่มีพนักงานต้อนรับ  ไม่มีอาหารเสริฟ์  แล้วกด​ค่าโดยสาร​ให้ถูกกว่า  25% เป็น​อย่าง​น้อย​ กับสายการบินที่สองมีพนักงานบริหารตั้งแต่ภาคพื้น จนถึงบน เครื่อง​บิน​ สุดท้าย​กัปตันคิดว่าสายการบินได้จะได้กำไรเยอะกว่า  และผลกระทบต่อพนักงานภายในประเทศนั้นๆจะเป็นอย่างไร

2  ถ้าทุกโรงงาน ใช้​หุ่นยนต์​หมด​ แล้วจะผลิตสินค้ามาขายใครครับ

ถ้าเราเปิดฟรีเทรดทั้งหมดเลย    เกษตร​กร​  ชาวสวน​ หลายประเภท  อาจจะต้องซื้อผักจากจีนมากิน  แล้วเลิกทำอาชีพนั้นไป 

  การ​มี​"กำแพงภาษี"  ก็ตรงตัวครับ  เข้าใจ​ภาษา​ไทย​คงตีความได้ไม่ยาก 

ป.ล.  ผมไม่ค่อยเชื่อนะว่ากัปตันมองภาพรวมประเทศและระบบเศรษฐกิจไม่ออก  แต่ถึงมองไม่ออกผมก็ว่าน่าจะ ขึ้นอยู่่กับปัจเจกบุคคลแล้วละ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: AZMVI ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 10:33:37
แนวโน้มในอนาคตมันไปทาง EV อยู่แล้วครับ และต้องดูปัจจัยอื่น ๆ อย่างที่หลายท่านว่ามาด้วย จะให้ปุบปับตู้มเดียวคงไม่ได้แน่ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเปลี่ยนแปลง ใจเย็น ๆ ฮะ 555+
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 10:37:00
ผลกระทบมันกว้างมากครับ กิจการต้นน้ำ ปลายน้ำ รวมทั้งการจ้างงานด้วย

ภาพรวมจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจแน่นอนครับ

จะทำอะไรตามใจไม่ได้ครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Ty ESC ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 10:50:56
โลกธุรกิจใหม่

มันมีคน เสียประโยชน์

มีคนได้ประโยชน์

มีคนกล้าเสี่ยง เพื่อสร้างโอกาสอนาคต

คนที่ต้องปกป้องตลาดเก่าของตัวเอง

เท่านั้นเลย

บาง บ ที่ออกมาร้องว่าให้ปกป้องไม่เอาๆๆ แต่ข้างหลังอีกด้ายไปลงทุนเตรียมทำอยู่แล้ว แต่ช้าไงเริ่มหลังเค้า เลยใช้การกดดันเอาเรื่องแรงงานเป็นตัวประกันเพื่อซื้อเวลา กลัวคนอื่นมาเทคตลาดไปก่อน
พอถึงเวลาก็ทำออกมาขายเหมือนกันแหละ ทีนี้บอกว่าเรารับฟังเสียงของผู้บริโภค เป็นหน้าที่ที่ต้องนำเสนอสิ่งใหม่ๆที่ดี แล้วทีนี้ รอดูว่า ไอ้แรงงานที่เค้าอ้างนะ ยังแคร์มั้ยพอหมดค่า ย้ายฐานไปหมดก็ จบๆไป
ตัวใครตัวมัน

อย่าใส่อารม กันเยอะ เป็นหมากให้เค้าเยอะ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: KTN88 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 11:04:39
เค้าไม่ได้ปกป้องบริษัทรถในไทยครับ เค้าปกป้องคนไทยหลายแสนคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
ถ้านำเข้าภาษี 0% แล้วเค้าจะมาจ้างงานในไทยทำไม นำเข้ามาเลยดีกว่า ลองคิดดูถ้าคนตกงานมากขนาดนั้นเศรษฐกิจจะเป็นยังไง

บอกตามตรง จขกท. มองตื้นมาก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Full Throttle ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 11:08:23
ผมว่าอุตสาหกรรมนี้สำคัญนะ ลงทุนผลิตรถรุ่นนึงใช้เงินไม่รู้กี่ร้อยกี่พันล้าน ตั้งแต่โรงงานประกอบ ไปถึงsupplyerอุปกรณ์อิเล็กโทรนิก พาทต่างๆ มันหมุนเป็นวงจร
ถ้าไม่มีผลิตแล้วต้องนำเข้าหมด คำถามคือเงินที่หายไปจากระบบตรงนี้ คนจะตกงานขนาดใหน จะเอาเงินที่ใหนมาเก็บภาษีมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ส่วนที่มองว่าถ่วงไหม  ถึงไม่มีอุตสาหกรรมผลิตในประเทศ นำเข้าevได้อิศระ คนที่ยังชอบและเลือกใช้รถน้ำมันอยู่ก็มี และมีมากด้วย
ลำพังEVที่ชาจที่คอนโดยังไม่มีเลยจะไปชาร์จที่ใหน ใหนจะต่างจังหวัดถนนสายรองอีก
ต้องมานั่งวางแผน ก็ไม่สะดวกใช่ไหม ยังไงก็ต้องรอเวลาเปลี่ยนผ่านอยู่ดี รีบไปก็เท่านั้น ไม่ใช่ว่าคนทั้งประเทศจะชอบEV

แต่รถยนต์แบรนด์ไทยส่วนมากเป็น EV ครับ รับรองอุตสาหกรรมผลิตรถในไทยโด่งดังในไม่ช้า และมีความสำคัญอย่างยิ่งครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 11:22:16
ก็เข้าใจนะครับ ว่าอยากได้รถ EV เข้ามาจำหน่ายในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น หลายๆบริษัทก็พยายามวิ่งกันเต็มที่

สุดท้ายผลประโยชน์ไม่ลงตัว ก็ล่มไป

(https://www.headlightmag.com/hlmwp/wp-content/uploads/2020/07/eqc_benz_banner_cancel.jpg)

https://www.headlightmag.com/mercedes-benz-eqc-ev-terminated-project/
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 12:01:19
โลกธุรกิจใหม่

มันมีคน เสียประโยชน์

มีคนได้ประโยชน์

มีคนกล้าเสี่ยง เพื่อสร้างโอกาสอนาคต

คนที่ต้องปกป้องตลาดเก่าของตัวเอง

เท่านั้นเลย

บาง บ ที่ออกมาร้องว่าให้ปกป้องไม่เอาๆๆ แต่ข้างหลังอีกด้ายไปลงทุนเตรียมทำอยู่แล้ว แต่ช้าไงเริ่มหลังเค้า เลยใช้การกดดันเอาเรื่องแรงงานเป็นตัวประกันเพื่อซื้อเวลา กลัวคนอื่นมาเทคตลาดไปก่อน
พอถึงเวลาก็ทำออกมาขายเหมือนกันแหละ ทีนี้บอกว่าเรารับฟังเสียงของผู้บริโภค เป็นหน้าที่ที่ต้องนำเสนอสิ่งใหม่ๆที่ดี แล้วทีนี้ รอดูว่า ไอ้แรงงานที่เค้าอ้างนะ ยังแคร์มั้ยพอหมดค่า ย้ายฐานไปหมดก็ จบๆไป
ตัวใครตัวมัน

อย่าใส่อารม กันเยอะ เป็นหมากให้เค้าเยอะ

บอสัดที่คนไทยรักซาบซึ้งกันนั่นละตัวดีเลย ปากออกสื่อบอกต่อต้าน FTA 0% กับจีน แต่หลังไมค์ ไปติดต่อบอสัดในเครือที่จีน ขอให้ทำรถ SUV ขับขวาให้ จะนำเข้ามาขายสู้กับเม้ง EV สบายภาษี 0% ผลปรากฏว่าทางฝั่งจีนและ JV เตะตัดขา ไม่ยอมทำให้เลยจบข่าว  หลังจากนี้รอดู FTA อาเซียน กะเอาเข้ามาจากอินโด 0% เหมือนกัน   
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 13:14:57

หึหึหึ ผมเชียร์ free market economy การค้าเสรีอยู่แล้วคับ เพราะผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุด

ถ้าอยากแฟร์มากนัก ทำไมไม่ จัดการ FTA อันอื่นที่เราทำความตกลงอยู่แล้ว กล้าๆลดภาษีนำเข้า BEV 0% ไปเลย เอาให้เหมือน อาเซียน-จีน และภายในอาเซียนไปเลยเช่น

เกาหลีลดจาก 40% เหลือ 0%
ยุ่นลดจาก 20% เหลือ 0%
เมกา และที่อื่นๆ จาก 80% เหลือ 0%

แบบนั้นโคตรฟิน และแฟร์มาก ผมเชียร์เต็มที่  8) เดี่ยวก็รู้ว่าใครเก่ง มีสกิลจิง แต่.....พวกอุตภายในมันร้องไห้เป็นเด็กทารกแน่นอน รับไม่ได้หรอก เพราะพอมีแข่งขันแบบแฟร์ๆ พวกมันก็หง่อย อ่อนแอ ไร้สกิล เนื่องจากวันๆหลบอยู่หลังกำแพงภาษีสูงๆ ไม่ได้พัฒนาตัวเองอะไร แล้วมาอ้างบุญคุณปลอมๆ

คุณไปเรื่อยเลยอะครับ ไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง นำเข้า 0% แล้วทิ้งการลงทุน ev ในประเทศแล้วใช่ไหม?

ส่วนเรื่อง ทำไมชาติอื่นไม่ 0% แบบ fta จีน คุณไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องภาพรวมเลยอะครับ
พูดไปก็ไปเข้าเรื่องการเมือง eu us ตัดเราเพราะรัฐบาลเราเป็นทหาร พอหลังเลือกตั้งนายกเราไปทำ fta กับใครบ้าง? ผมไม่เห็นนะ มีจีนที่เดียวที่พอจะทำได้เพราะประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกัน ส่วน jap มันมี tpp แล้วแต่เราก็มีคนออมาต่อต้าน จน us ออกไปเพราะทรัมป์ เปลี่ยนชื่อเป็น cptpp โดยมี jap เป็นแกนนำ ตรงกันข้ามเวียดนามอยู่ในทุกประชาคมเศรษษฐกิจ และมี gsp ทั้ง eu us เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศซึ่งเราไม่มี

ที่ตรรกะคุณมันพังก็เพราะคุณมีอคติกับกับอุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นหรือเปล่า ผมยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงเลย แทนที่จะให้ภาษีผลิต ev ในประเทศ 0% กลับอยากจะให้นำเข้า ev 0%

ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดอะครับ การที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมรถภายในประเทศเป็นตัวถ่วง
1 คุณห้าม ev อื่นเข้ามาผลิตในประเทศ(ปกป้องข้างใน)
2 ภาษีรถผลิตในประเทศต่ำกว่า ev (ข้างในได้เปรียบในการแข่งขัน)

แต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้าม แล้วมันจะถ่วงยังไงผมก็ไม่เข้าใจ เอกชนเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ศักยภาพในการเชิญชวนเจ้าของเทคโนโลยี ev มาลงทุนของเราต่างหากที่เป็นปัญหา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภายในตรงไหนเลย
คุณเชิญเขามาลงทุน หอบเงินมาตั้งโรงงาน สร้างงาน แต่ก็ไม่ควรไปเอาเปรียบเขานะครับ เช่น นำเข้า 0% อีกหน่อยจะไม่มีใครมาลงทุนในประเทศเราอีก นำเข้าเดือนเดียวรถมันก็มาขายได้แล้ว แต่เข้ามาลงทุนผลิต หอบเงินมาลงทุนกี่หมื่นล้าน กี่ปีจะได้ขาย มันไม่แฟร์หรอกครับหากคุณจะให้ภาษีนำเข้าต่ำกว่าแบบนี้ ถ้าจะสนับสนุน ev ควรให้เข้ามาผลิตภาษี 0% มากกว่า แล้วให้แรงจูงใจทางภาษีกับ ev ด้วยเหตุผลอยากให้ประเทศพัฒนาไปสู่ ev ไม่ใช่ให้ภาษีนำเข้า 0% แบบนี้ครับ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะให้ภาษีเท่าๆ กัน เพื่อให้เป็นไปตามกลไก rule of origin

จริงๆ แล้วมันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev และนำเข้า-ผลิตในประเทศ
tpp หรือ cptpp ซังกะบ๊วยที่ว่านี้มันทำให้ประเทศไทยผลิตยาเองไม่ได้ ต้องซื้อเค้าอย่างเดียวสมมติยาที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรขายโดสละ 5000 บาท แต่ประเทศไทย องค์การเภสัชกรรมได้สิทธิบตรขายเองได้ที่ 100 - 500 บาท  หากไปทำข้อตกลง tpp หรือ cptpp ซังกะบ๊วยที่ว่านี่เราจะผลิตยาเองไม่ได้  ซึ่งมีโรคที่จำเป็นหลายโรคตั้งแต่ไข้หวัด จนไปถึงเอดส์ มะเร็ง  จะมีค่ารักษาที่แพงขึ้น งบประมาณการรักษาอาจจะไม่ครอบครุมคนที่มีสิทธิทุกคน  คุณอย่าคิดแต่ตัวเงิน  ซึ่งเวียดนามมันไม่มีสวัสดิการให้กับประชาชนอะไรอยู่แล้วจึงไม่เดือดร้อนเรื่องสิทธิบัตรผลิตยาเอง  ผู้นำเวียดนามต่างหากที่ไม่มีมนุษยธรรมกับประชาชน

เค้าไม่ได้ปกป้องบริษัทรถในไทยครับ เค้าปกป้องคนไทยหลายแสนคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้
ถ้านำเข้าภาษี 0% แล้วเค้าจะมาจ้างงานในไทยทำไม นำเข้ามาเลยดีกว่า ลองคิดดูถ้าคนตกงานมากขนาดนั้นเศรษฐกิจจะเป็นยังไง

บอกตามตรง จขกท. มองตื้นมาก
เห็นด้วยครับ  อารมณ์เหมือนเด็กเห่อฝอยขัดหม้อ

กัปตันเหมือนพยายามทำตัวว่าเป็นบุคคลที่ไม่มี  Cognitive Skills  อะ​ 555555

ผมจะพยายามยกตัวอย่าง​ ให้ซักสองเรื่องครับ

1  มีสอง​สายการบิน​ สายการบินแรก ใช้ระบบautomation ทั้งระบบ  ซื้อ​ตั๋ว​   เช็คอิน​ ชั่ง​น้ำหนัก ไม่มีพนักงานต้อนรับ  ไม่มีอาหารเสริฟ์  แล้วกด​ค่าโดยสาร​ให้ถูกกว่า  25% เป็น​อย่าง​น้อย​ กับสายการบินที่สองมีพนักงานบริหารตั้งแต่ภาคพื้น จนถึงบน เครื่อง​บิน​ สุดท้าย​กัปตันคิดว่าสายการบินได้จะได้กำไรเยอะกว่า  และผลกระทบต่อพนักงานภายในประเทศนั้นๆจะเป็นอย่างไร

2  ถ้าทุกโรงงาน ใช้​หุ่นยนต์​หมด​ แล้วจะผลิตสินค้ามาขายใครครับ

ถ้าเราเปิดฟรีเทรดทั้งหมดเลย    เกษตร​กร​  ชาวสวน​ หลายประเภท  อาจจะต้องซื้อผักจากจีนมากิน  แล้วเลิกทำอาชีพนั้นไป 

  การ​มี​"กำแพงภาษี"  ก็ตรงตัวครับ  เข้าใจ​ภาษา​ไทย​คงตีความได้ไม่ยาก 

ป.ล.  ผมไม่ค่อยเชื่อนะว่ากัปตันมองภาพรวมประเทศและระบบเศรษฐกิจไม่ออก  แต่ถึงมองไม่ออกผมก็ว่าน่าจะ ขึ้นอยู่่กับปัจเจกบุคคลแล้วละ
ใช่ครับ ขนาดยังไม่เปิดเสรีการค้า  ผักผลไม้ หอม กระเทียม จากจีนทะลักเข้ามาจนเกษตรกรไทยขายไม่ได้
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 15:08:51
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 15:37:33
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง   
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2021, 19:15:38

คุณไปเรื่อยเลยอะครับ ไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง นำเข้า 0% แล้วทิ้งการลงทุน ev ในประเทศแล้วใช่ไหม?

ส่วนเรื่อง ทำไมชาติอื่นไม่ 0% แบบ fta จีน คุณไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องภาพรวมเลยอะครับ
พูดไปก็ไปเข้าเรื่องการเมือง eu us ตัดเราเพราะรัฐบาลเราเป็นทหาร พอหลังเลือกตั้งนายกเราไปทำ fta กับใครบ้าง? ผมไม่เห็นนะ มีจีนที่เดียวที่พอจะทำได้เพราะประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกัน ส่วน jap มันมี tpp แล้วแต่เราก็มีคนออมาต่อต้าน จน us ออกไปเพราะทรัมป์ เปลี่ยนชื่อเป็น cptpp โดยมี jap เป็นแกนนำ ตรงกันข้ามเวียดนามอยู่ในทุกประชาคมเศรษษฐกิจ และมี gsp ทั้ง eu us เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศซึ่งเราไม่มี

ที่ตรรกะคุณมันพังก็เพราะคุณมีอคติกับกับอุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นหรือเปล่า ผมยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงเลย แทนที่จะให้ภาษีผลิต ev ในประเทศ 0% กลับอยากจะให้นำเข้า ev 0%

ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดอะครับ การที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมรถภายในประเทศเป็นตัวถ่วง
1 คุณห้าม ev อื่นเข้ามาผลิตในประเทศ(ปกป้องข้างใน)
2 ภาษีรถผลิตในประเทศต่ำกว่า ev (ข้างในได้เปรียบในการแข่งขัน)

แต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้าม แล้วมันจะถ่วงยังไงผมก็ไม่เข้าใจ เอกชนเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ศักยภาพในการเชิญชวนเจ้าของเทคโนโลยี ev มาลงทุนของเราต่างหากที่เป็นปัญหา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภายในตรงไหนเลย
คุณเชิญเขามาลงทุน หอบเงินมาตั้งโรงงาน สร้างงาน แต่ก็ไม่ควรไปเอาเปรียบเขานะครับ เช่น นำเข้า 0% อีกหน่อยจะไม่มีใครมาลงทุนในประเทศเราอีก นำเข้าเดือนเดียวรถมันก็มาขายได้แล้ว แต่เข้ามาลงทุนผลิต หอบเงินมาลงทุนกี่หมื่นล้าน กี่ปีจะได้ขาย มันไม่แฟร์หรอกครับหากคุณจะให้ภาษีนำเข้าต่ำกว่าแบบนี้ ถ้าจะสนับสนุน ev ควรให้เข้ามาผลิตภาษี 0% มากกว่า แล้วให้แรงจูงใจทางภาษีกับ ev ด้วยเหตุผลอยากให้ประเทศพัฒนาไปสู่ ev ไม่ใช่ให้ภาษีนำเข้า 0% แบบนี้ครับ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะให้ภาษีเท่าๆ กัน เพื่อให้เป็นไปตามกลไก rule of origin

จริงๆ แล้วมันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev และนำเข้า-ผลิตในประเทศ
tpp หรือ cptpp ซังกะบ๊วยที่ว่านี้มันทำให้ประเทศไทยผลิตยาเองไม่ได้ ต้องซื้อเค้าอย่างเดียวสมมติยาที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรขายโดสละ 5000 บาท แต่ประเทศไทย องค์การเภสัชกรรมได้สิทธิบตรขายเองได้ที่ 100 - 500 บาท  หากไปทำข้อตกลง tpp หรือ cptpp ซังกะบ๊วยที่ว่านี่เราจะผลิตยาเองไม่ได้  ซึ่งมีโรคที่จำเป็นหลายโรคตั้งแต่ไข้หวัด จนไปถึงเอดส์ มะเร็ง  จะมีค่ารักษาที่แพงขึ้น งบประมาณการรักษาอาจจะไม่ครอบครุมคนที่มีสิทธิทุกคน  คุณอย่าคิดแต่ตัวเงิน  ซึ่งเวียดนามมันไม่มีสวัสดิการให้กับประชาชนอะไรอยู่แล้วจึงไม่เดือดร้อนเรื่องสิทธิบัตรผลิตยาเอง  ผู้นำเวียดนามต่างหากที่ไม่มีมนุษยธรรมกับประชาชน

มันก็ไม่ซังกะบ๊วยหรอกคุณ เวลา negotiate มันขึ้นอยู่กับว่าเราได้อะไร เสียอะไร คุ้มค่าไหมที่จะเข้าร่วม เป็นอย่างนี้ทุกประเทศอยู่แล้วครับ เพียงแต่คนไทยบางกลุ่มไม่เข้าใจ มองแต่ว่าจะเสียอะไรอย่างเดียว แบบนี้ก็คงไม่ต้องค้าขายกับใครแล้วครับ กลายเป็นประเทศที่ทำข้อตกลงเขตเศรษฐกิจยากไป คุณอาจจะมองว่าเสียมากกว่าได้ แต่ผมฟังนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศหลายคน เขากลับมองว่าได้มากกว่าเสีย โดยมีเหตุผลรองรับไม่ได้มองด้านเดียว และค่อนข้างเอกฉัณฑ์ว่าเวียดนามเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องนี้ รอดูก็ได้ครับว่าใครจะถูก ผมก็ไม่รู้อนาคตหรอก แต่ถ้า us กลับเข้ามา แล้วรวม jap ด้วย ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่แบบนี้ ผมว่าประโยชน์ที่ได้มากกว่าเสียมากนัก

ส่วนเรื่องยา เขาคุ้มครองยาที่มีสิทธิบัตร ยาที่หมดสิทธิบัตรแล้วไม่น่าจะมีผลนะครับ ซึ่งผมก็มองว่าเราเสียประโยชน์จริงกับยาบางตัว แต่เนื่องจากเราทำผิดมานาน ผมจึงมองว่าผมรับได้ การคุ้มครองสิทธิบัตรก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดยากำพร้า ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า และควรมีระยะเวลาสิทธิบัตรที่เหมาะสม การจะละเมิดสิทธิบัตรแล้วเอาราคาถูก ได้ประโยชน์อย่างเดียว ก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก ตัวอย่างในเรื่องนี้ก็คืออินเดีย
ผมว่าเรื่องยานี้มันมากกว่าตัวเงินมากนัก ยากำพร้าเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก และยาว ลองศึกษาดูนะครับคุณ ว่าทำไมเราจึงควรจ่ายค่ารักษาที่เหมาะสมกับค่าสิทธิบัตร ไม่งั้นในอนาคตเราอาจจะไม่มียารักษามะเร็ง หรือเอดส์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 07:15:20
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

อ้างเข้าไปครับ ถามจริงเหอะคุณไปคุยกับใครมาครับหรือไม่ได้คุยกับใครเลยแล้วมาโม้ ขอโทษทีนะคือจากวัฒนธรรมของเจ้าตลาด
1.คนที่ตัดสินในเรื่องทิศทางการตลาดขั้นสุดท้ายไม่ใช่คนไทยแน่ๆ
2.คนที่วุฒิภาวะต่ำขนาดมาบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนนอกแบบนี้ ไม่น่าจะมีตำแหน่งใหญ่พอในด้านการตัดสินเรื่องการตลาดใดๆ
3.ปกติฝ่ายการตลาดหรือ Product Planning เค้าไม่ค่อยจะคุยกับคนนอกหรอกยกเว้นคุยกับพวก Consult ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าคุณทำงานด้าน Consult ด้วยจากความรู้ที่เขียนมา
4.JOEM ค่ายไหนเค้าก็ไม่ส่งรถจากจีนมาขายไทยหรอก เพราะโดยปกติมันอยู่คนละกลุ่มการบริหารอยู่แล้ว

ส่วนเรื่อง FTA 0% ผมก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะได้คำตอบประมาณนี้ คำตอบที่มองเห็นเฉพาะประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง Win-Win เพราะตัวเองได้ประโยชน์ ค่ายรถนำเข้าได้ประโยชน์ ประเทศเสียรายได้ไม่สน อนาคตในการเป็นสายการผลิต BEV ของประเทศไทยที่จะสร้างงานสร้างรายได้ต่อให้แรงงานอีกเปนแสนแ็ละแรงงานในธุรกิจต่อเนื่องอีกเป็นล้านไม่สน

สุดท้าย TESLA มีใครเหยียบหางไว้ไม่ให้เข้าไทยแบบ Official เหรอครับ โรงงานในจีนนั้นรถพวงมาลัยขวาก็ผลิตแล้วแต่ส่งข้ามหัวไทยไปขายออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เล่นๆซะงั้น 555

ทุกค่ายรถในไทยนั้นปรับตัวอยู่แล้วแค่มันไม่ทันใจคนที่อยากขี่รถยนต์ไฟฟ้าเท่ๆเร็วๆแค่นั้น หากทำงานในอุตสาหกรรมยานยนตืจริงย่อมต้องเข้าใจว่าทำไมโรงงานในไทยจึงจำเป็นจะต้องผลิตเครื่องสันดาปเป็นหลักต่อไปอีกระยะหนึ่ง บราซิล เม็กซิโก อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี ที่อยู่ในสภาพเดียวกับไทย เปิดเสรีให้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ อ้อ ถามไปก็คงเท่านั้นแหละเพราะถ้ารู้คงไม่มีคำตอบที่น่าเวทนาทั้งหลายในกระทู้นี้ออกมาหรอก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 08:33:01
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

อ้างเข้าไปครับ ถามจริงเหอะคุณไปคุยกับใครมาครับหรือไม่ได้คุยกับใครเลยแล้วมาโม้ ขอโทษทีนะคือจากวัฒนธรรมของเจ้าตลาด
1.คนที่ตัดสินในเรื่องทิศทางการตลาดขั้นสุดท้ายไม่ใช่คนไทยแน่ๆ
2.คนที่วุฒิภาวะต่ำขนาดมาบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนนอกแบบนี้ ไม่น่าจะมีตำแหน่งใหญ่พอในด้านการตัดสินเรื่องการตลาดใดๆ
3.ปกติฝ่ายการตลาดหรือ Product Planning เค้าไม่ค่อยจะคุยกับคนนอกหรอกยกเว้นคุยกับพวก Consult ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าคุณทำงานด้าน Consult ด้วยจากความรู้ที่เขียนมา
4.JOEM ค่ายไหนเค้าก็ไม่ส่งรถจากจีนมาขายไทยหรอก เพราะโดยปกติมันอยู่คนละกลุ่มการบริหารอยู่แล้ว

ส่วนเรื่อง FTA 0% ผมก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะได้คำตอบประมาณนี้ คำตอบที่มองเห็นเฉพาะประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง Win-Win เพราะตัวเองได้ประโยชน์ ค่ายรถนำเข้าได้ประโยชน์ ประเทศเสียรายได้ไม่สน อนาคตในการเป็นสายการผลิต BEV ของประเทศไทยที่จะสร้างงานสร้างรายได้ต่อให้แรงงานอีกเปนแสนแ็ละแรงงานในธุรกิจต่อเนื่องอีกเป็นล้านไม่สน

สุดท้าย TESLA มีใครเหยียบหางไว้ไม่ให้เข้าไทยแบบ Official เหรอครับ โรงงานในจีนนั้นรถพวงมาลัยขวาก็ผลิตแล้วแต่ส่งข้ามหัวไทยไปขายออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เล่นๆซะงั้น 555

ทุกค่ายรถในไทยนั้นปรับตัวอยู่แล้วแค่มันไม่ทันใจคนที่อยากขี่รถยนต์ไฟฟ้าเท่ๆเร็วๆแค่นั้น หากทำงานในอุตสาหกรรมยานยนตืจริงย่อมต้องเข้าใจว่าทำไมโรงงานในไทยจึงจำเป็นจะต้องผลิตเครื่องสันดาปเป็นหลักต่อไปอีกระยะหนึ่ง บราซิล เม็กซิโก อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี ที่อยู่ในสภาพเดียวกับไทย เปิดเสรีให้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ อ้อ ถามไปก็คงเท่านั้นแหละเพราะถ้ารู้คงไม่มีคำตอบที่น่าเวทนาทั้งหลายในกระทู้นี้ออกมาหรอก

พูดอีกก็ถูกอีกครับ
ใครโตๆกันแล้ว ก็รู็ น่า สมเพจ เวทนา จขกท จริงๆ
ไม่รู้ xxxx อะไร แต่เสือก อวด รู้  โชว์....

คนวงใน ฝ่ายบริหาร ระดับ สูง ผู้มีอำนวจตัดสิน รวมถึงการตลาด นี่ เค้า มี ความรู้ เค้าไม่ออกมา อวดรู้หรอก เนอะ
ไอ้ที่มาโม้ บ่น อวดรู้ โน่นนี่ นั่น นี่ ไม่ต้องเดาครับ ว่า คนกลุ่มไหน 555555
เดี่ยวก็จะมา บอก ตูนี่ละคนวงในสุดๆ ถ5555

ทำงานมา ระดับ วุฒภาวะ คนระดับ สูง เค้าไม่เสียเวลามาโม้แบบนี้หรอก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: daimyo ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 10:29:25
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 11:45:26
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

อ้างเข้าไปครับ ถามจริงเหอะคุณไปคุยกับใครมาครับหรือไม่ได้คุยกับใครเลยแล้วมาโม้ ขอโทษทีนะคือจากวัฒนธรรมของเจ้าตลาด
1.คนที่ตัดสินในเรื่องทิศทางการตลาดขั้นสุดท้ายไม่ใช่คนไทยแน่ๆ
2.คนที่วุฒิภาวะต่ำขนาดมาบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนนอกแบบนี้ ไม่น่าจะมีตำแหน่งใหญ่พอในด้านการตัดสินเรื่องการตลาดใดๆ
3.ปกติฝ่ายการตลาดหรือ Product Planning เค้าไม่ค่อยจะคุยกับคนนอกหรอกยกเว้นคุยกับพวก Consult ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าคุณทำงานด้าน Consult ด้วยจากความรู้ที่เขียนมา
4.JOEM ค่ายไหนเค้าก็ไม่ส่งรถจากจีนมาขายไทยหรอก เพราะโดยปกติมันอยู่คนละกลุ่มการบริหารอยู่แล้ว

ส่วนเรื่อง FTA 0% ผมก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะได้คำตอบประมาณนี้ คำตอบที่มองเห็นเฉพาะประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง Win-Win เพราะตัวเองได้ประโยชน์ ค่ายรถนำเข้าได้ประโยชน์ ประเทศเสียรายได้ไม่สน อนาคตในการเป็นสายการผลิต BEV ของประเทศไทยที่จะสร้างงานสร้างรายได้ต่อให้แรงงานอีกเปนแสนแ็ละแรงงานในธุรกิจต่อเนื่องอีกเป็นล้านไม่สน

สุดท้าย TESLA มีใครเหยียบหางไว้ไม่ให้เข้าไทยแบบ Official เหรอครับ โรงงานในจีนนั้นรถพวงมาลัยขวาก็ผลิตแล้วแต่ส่งข้ามหัวไทยไปขายออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เล่นๆซะงั้น 555

ทุกค่ายรถในไทยนั้นปรับตัวอยู่แล้วแค่มันไม่ทันใจคนที่อยากขี่รถยนต์ไฟฟ้าเท่ๆเร็วๆแค่นั้น หากทำงานในอุตสาหกรรมยานยนตืจริงย่อมต้องเข้าใจว่าทำไมโรงงานในไทยจึงจำเป็นจะต้องผลิตเครื่องสันดาปเป็นหลักต่อไปอีกระยะหนึ่ง บราซิล เม็กซิโก อินโดนีเซีย มาเลเซีย ตุรกี ที่อยู่ในสภาพเดียวกับไทย เปิดเสรีให้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ อ้อ ถามไปก็คงเท่านั้นแหละเพราะถ้ารู้คงไม่มีคำตอบที่น่าเวทนาทั้งหลายในกระทู้นี้ออกมาหรอก

"1.คนที่ตัดสินในเรื่องทิศทางการตลาดขั้นสุดท้ายไม่ใช่คนไทยแน่ๆ
2.คนที่วุฒิภาวะต่ำขนาดมาบ่นเรื่องไม่เป็นเรื่องกับคนนอกแบบนี้ ไม่น่าจะมีตำแหน่งใหญ่พอในด้านการตัดสินเรื่องการตลาดใดๆ
3.ปกติฝ่ายการตลาดหรือ Product Planning เค้าไม่ค่อยจะคุยกับคนนอกหรอกยกเว้นคุยกับพวก Consult ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าคุณทำงานด้าน Consult ด้วยจากความรู้ที่เขียนมา"

555 คุณไม่เชื่อก็แล้วแต่คับ ไม่ได้มาบังคับกันอยู่แล้ว ในมิตติ้งเค้าคุยกันมายังไง ผมก็แชร์มาตามนั้น ผมเองก็แปลกใจว่า สองคนนั้น ตำแหน่งแบบนั่นยังหลุดมาแบบนั่นในมิตติ้งได้ยังไง มีไล่รายชื่อแบรนด์จีนที่กังวลว่าจะเข้ามาทำตลาดไทยแบบภาษี 0% ซะด้วย  ปล. ผมคนนอกคับ เชิญคุณเดากันต่อไป ว่าทำงานอะไรทำไมถึงได้เข้าไปนั่งมิตติ้งแบบนั่นด้วย  ;D

"4.JOEM ค่ายไหนเค้าก็ไม่ส่งรถจากจีนมาขายไทยหรอก เพราะโดยปกติมันอยู่คนละกลุ่มการบริหารอยู่แล้ว"

อันนี้ก็เหมือนเหตุผลด้านบน หลุดมาจากอีกทีมที่ผมซึ่งเป็นคนนอกมีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยด้วย

"ส่วนเรื่อง FTA 0% ผมก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะได้คำตอบประมาณนี้ คำตอบที่มองเห็นเฉพาะประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง Win-Win เพราะตัวเองได้ประโยชน์ ค่ายรถนำเข้าได้ประโยชน์ ประเทศเสียรายได้ไม่สน อนาคตในการเป็นสายการผลิต BEV ของประเทศไทยที่จะสร้างงานสร้างรายได้ต่อให้แรงงานอีกเปนแสนแ็ละแรงงานในธุรกิจต่อเนื่องอีกเป็นล้านไม่สน"

อันนี้มันเป็นความเป็นจริงที่โหดร้ายและไม่ได้โลกสวยคับ คุณคิดหรอว่า ผู้บริโภคที่จ่ายเงินซื้อรถอีวีนำเข้า เค้าจะคิดเวทนาถึง ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภายใน แรงงานตาปริบๆผู้น่าสงสารที่จะได้รับผลกระทบ ไม่ได้รับผลประโยชน์งามๆส่วนตัว รายได้ส่วนตัวดีๆ โบนัส 7-8 เดือนกัน? ลองตัวอย่าง 1,000 กว่าคนซื้อรถอีวีนำเข้าปีที่แล้ว พวกนี้จะคิดถึงดราม่าน่าสงสารแบบที่คุณอ้างมาหรอคับ? ในเมื่ออุตภายในไม่ตอบสนอง มีตัวเลือกรถนำเข้าในราคาจับต้องได้เข้ามา ก้อซื้อกันด้วยเงินของเค้าเอง ไม่ได้แจกฟรี ;)   

"สุดท้าย TESLA มีใครเหยียบหางไว้ไม่ให้เข้าไทยแบบ Official เหรอครับ โรงงานในจีนนั้นรถพวงมาลัยขวาก็ผลิตแล้วแต่ส่งข้ามหัวไทยไปขายออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เล่นๆซะงั้น 555"

คหสต. รอ official กันได้ ก็ใช้ BEV นำเข้าจากจีนแบรนด์อื่นๆ หรือที่นำเข้าจากอาเซียนไปก่อนพลางๆ 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 11:52:10
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 12:40:24

คุณไปเรื่อยเลยอะครับ ไม่ได้ตอบคำถามเรื่อง นำเข้า 0% แล้วทิ้งการลงทุน ev ในประเทศแล้วใช่ไหม?

ส่วนเรื่อง ทำไมชาติอื่นไม่ 0% แบบ fta จีน คุณไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องภาพรวมเลยอะครับ
พูดไปก็ไปเข้าเรื่องการเมือง eu us ตัดเราเพราะรัฐบาลเราเป็นทหาร พอหลังเลือกตั้งนายกเราไปทำ fta กับใครบ้าง? ผมไม่เห็นนะ มีจีนที่เดียวที่พอจะทำได้เพราะประชาธิปไตยครึ่งใบเหมือนกัน ส่วน jap มันมี tpp แล้วแต่เราก็มีคนออมาต่อต้าน จน us ออกไปเพราะทรัมป์ เปลี่ยนชื่อเป็น cptpp โดยมี jap เป็นแกนนำ ตรงกันข้ามเวียดนามอยู่ในทุกประชาคมเศรษษฐกิจ และมี gsp ทั้ง eu us เรื่องพวกนี้มันอยู่ที่วิสัยทัศน์ผู้นำประเทศซึ่งเราไม่มี

ที่ตรรกะคุณมันพังก็เพราะคุณมีอคติกับกับอุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นหรือเปล่า ผมยังไม่เห็นจุดเชื่อมโยงเลย แทนที่จะให้ภาษีผลิต ev ในประเทศ 0% กลับอยากจะให้นำเข้า ev 0%

ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดอะครับ การที่จะบอกว่าอุตสาหกรรมรถภายในประเทศเป็นตัวถ่วง
1 คุณห้าม ev อื่นเข้ามาผลิตในประเทศ(ปกป้องข้างใน)
2 ภาษีรถผลิตในประเทศต่ำกว่า ev (ข้างในได้เปรียบในการแข่งขัน)

แต่ในความเป็นจริงมันตรงกันข้าม แล้วมันจะถ่วงยังไงผมก็ไม่เข้าใจ เอกชนเขาจะทำอะไรมันก็เรื่องของเขา ศักยภาพในการเชิญชวนเจ้าของเทคโนโลยี ev มาลงทุนของเราต่างหากที่เป็นปัญหา ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภายในตรงไหนเลย
คุณเชิญเขามาลงทุน หอบเงินมาตั้งโรงงาน สร้างงาน แต่ก็ไม่ควรไปเอาเปรียบเขานะครับ เช่น นำเข้า 0% อีกหน่อยจะไม่มีใครมาลงทุนในประเทศเราอีก นำเข้าเดือนเดียวรถมันก็มาขายได้แล้ว แต่เข้ามาลงทุนผลิต หอบเงินมาลงทุนกี่หมื่นล้าน กี่ปีจะได้ขาย มันไม่แฟร์หรอกครับหากคุณจะให้ภาษีนำเข้าต่ำกว่าแบบนี้ ถ้าจะสนับสนุน ev ควรให้เข้ามาผลิตภาษี 0% มากกว่า แล้วให้แรงจูงใจทางภาษีกับ ev ด้วยเหตุผลอยากให้ประเทศพัฒนาไปสู่ ev ไม่ใช่ให้ภาษีนำเข้า 0% แบบนี้ครับ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะให้ภาษีเท่าๆ กัน เพื่อให้เป็นไปตามกลไก rule of origin

จริงๆ แล้วมันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev และนำเข้า-ผลิตในประเทศ
tpp หรือ cptpp ซังกะบ๊วยที่ว่านี้มันทำให้ประเทศไทยผลิตยาเองไม่ได้ ต้องซื้อเค้าอย่างเดียวสมมติยาที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรขายโดสละ 5000 บาท แต่ประเทศไทย องค์การเภสัชกรรมได้สิทธิบตรขายเองได้ที่ 100 - 500 บาท  หากไปทำข้อตกลง tpp หรือ cptpp ซังกะบ๊วยที่ว่านี่เราจะผลิตยาเองไม่ได้  ซึ่งมีโรคที่จำเป็นหลายโรคตั้งแต่ไข้หวัด จนไปถึงเอดส์ มะเร็ง  จะมีค่ารักษาที่แพงขึ้น งบประมาณการรักษาอาจจะไม่ครอบครุมคนที่มีสิทธิทุกคน  คุณอย่าคิดแต่ตัวเงิน  ซึ่งเวียดนามมันไม่มีสวัสดิการให้กับประชาชนอะไรอยู่แล้วจึงไม่เดือดร้อนเรื่องสิทธิบัตรผลิตยาเอง  ผู้นำเวียดนามต่างหากที่ไม่มีมนุษยธรรมกับประชาชน

มันก็ไม่ซังกะบ๊วยหรอกคุณ เวลา negotiate มันขึ้นอยู่กับว่าเราได้อะไร เสียอะไร คุ้มค่าไหมที่จะเข้าร่วม เป็นอย่างนี้ทุกประเทศอยู่แล้วครับ เพียงแต่คนไทยบางกลุ่มไม่เข้าใจ มองแต่ว่าจะเสียอะไรอย่างเดียว แบบนี้ก็คงไม่ต้องค้าขายกับใครแล้วครับ กลายเป็นประเทศที่ทำข้อตกลงเขตเศรษฐกิจยากไป คุณอาจจะมองว่าเสียมากกว่าได้ แต่ผมฟังนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศหลายคน เขากลับมองว่าได้มากกว่าเสีย โดยมีเหตุผลรองรับไม่ได้มองด้านเดียว และค่อนข้างเอกฉัณฑ์ว่าเวียดนามเป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องนี้ รอดูก็ได้ครับว่าใครจะถูก ผมก็ไม่รู้อนาคตหรอก แต่ถ้า us กลับเข้ามา แล้วรวม jap ด้วย ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่แบบนี้ ผมว่าประโยชน์ที่ได้มากกว่าเสียมากนัก

ส่วนเรื่องยา เขาคุ้มครองยาที่มีสิทธิบัตร ยาที่หมดสิทธิบัตรแล้วไม่น่าจะมีผลนะครับ ซึ่งผมก็มองว่าเราเสียประโยชน์จริงกับยาบางตัว แต่เนื่องจากเราทำผิดมานาน ผมจึงมองว่าผมรับได้ การคุ้มครองสิทธิบัตรก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดยากำพร้า ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากกว่า และควรมีระยะเวลาสิทธิบัตรที่เหมาะสม การจะละเมิดสิทธิบัตรแล้วเอาราคาถูก ได้ประโยชน์อย่างเดียว ก็ดูจะไม่ถูกต้องนัก ตัวอย่างในเรื่องนี้ก็คืออินเดีย
ผมว่าเรื่องยานี้มันมากกว่าตัวเงินมากนัก ยากำพร้าเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก และยาว ลองศึกษาดูนะครับคุณ ว่าทำไมเราจึงควรจ่ายค่ารักษาที่เหมาะสมกับค่าสิทธิบัตร ไม่งั้นในอนาคตเราอาจจะไม่มียารักษามะเร็ง หรือเอดส์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอีก
ผมไม่ได้กินหญ้านะ ผมกินข้าว  ผมรู้ข้อดีข้อเสียว่ามันเป็นยังไง

   1. สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการค้าและสร้างแรงดึงดูดให้การลงทุนที่ประเทศไทย
    2. ยกระดับมาตราฐานเรื่องกฏระเบียบทางการค้าและการลงทุนให้แก่ประเทศไทย
    3. รักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
    4. ช่วยขยายการค้าของประเทศไทยแก่ประเทศสมาชิก CPTPP
    5. หากเข้าร่วม GDP ของประเทศจะเพิ่มขึ้น 0.12% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 13,323 ล้านบาท
    6. เงินในการลุงทุนจะเพิ่มขึ้น 5.14% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 148,240 ล้านบาท
    7. การส่งออกจะเพิ่มขึ้นถึง 3.47% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 271,340 ล้านบาท
    8. เงินที่ได้จากการจ้างงานจะมากขึ้นถึง  73,730 ล้านบาท
ข้อเสีย

   1 ประเทศไทยต้องปรับแก้ พรบ.คุ้มครองพันธุ์พืช ส่งผลให้เกษตรมีต้นทุนมากขึ้น เพราะไม่สามารถเก็บเมล็ดพืชไว้ปลูกในปีต่อไปได้
   2 มีโอกาศที่นักลงทุนต่างชาติจะมารุกรานตลาดในเมืองไทย เพราะได้รับสิทธิที่มากขึ้น
    3 ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์แก่องค์การเภชสัชกรรมในการจัดซื้อยาให้แก่ภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น
    4 ยกเลิกการช่วยเหลือแก่รัฐวิสาหกิจ ทำให้ค่าใช้จ่ายจำเป็นของประชาชนสูงมากขึ้น
    5 CPTPP ใช้เงื่อนไขการเจรจาแบบ negative list ทำให้ธุรกิจบริการภายในประเทศเสียประโยชน์ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
จากประโยชน์มานี่บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เปรียบ เกษตรกรรายย่อยทั้งหลายเตรียมได้เลิกอาชชีพได้เลย คนจนทั้งหลายไม่มีทางลืมตาอ้าปาก คนส่วนใหญ่ในประเทศเค้าเสียประโยชชน์กัน ถามหน่อยคุณอ่านบ้างยัง ถ้าคุณอ่านแล้วเห็นดีงามด้วยคือคุณได้ประโยชชน์คุณมีเงินไปรักษาโรงพยาบาลแพงๆได้  แล้วไอ้พวกสุนัขเศรษฐสาสตร์ระหว่งประเทศมันตัวดีเลยกี่ครั้งที่ประเทศต้องเดินตามคำชี้นำไอ้คนเหล่านี้แล้วฟองสบู่แตกบ่อยๆ ส่วนค่ายาจากต่างประเทศตอนนี้กำไรต่อโดสมันแพงเกินไปมั้ย ยาดีไม่จำเป็ต้องต้นทุนงานวิจัยแพงเสมอไปไอ้ที่มันแพงเพราะกำไรที่บวกไปไม่รู้ต่อเท่าไหร่ และตอนนี้การวิจัยเอดส์และมะเร็งจากนิจัยไทยมีมาเยอะแยะกว่าเดิมทั้งที่ทุนวิจัยก็น้อยครับ และจากที่มองดูนะ  ที่คุณชอบ  cptpp  เพราะ มันดีแต่คนกลุ่มคุณกลุ่มเดียว  แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศเค้าเสียประโยชน์กันเค้าถึงต่อต้านไม่เอา ถ้าเราเข้าร่วม cptpp นี้ คนจนๆเตรียมนอนป่วยตายข้างถนนได้เลย  ถ้างั้นคุณอพยพไปอยู่เวียดนามเถอะใเนมื่อชอบ  cptpp ซังกะบ๊วยดีนัก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 14:06:46
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย

555 ทึกทักเอาเองว่าเจ้าตลาดโวยวาย FTA 0% จากจีน โวยวายกับยอดขายแค่ปีละ 1,000 ครันเนี่ยนะ ถามจริงที่บอกว่าคนไทยตำแหน่งใหญ่โตน่ะคุณไปคุยกับหัวหน้ายามมาหรือเปล่า จะมั่วข้อมูลอะไรก็เพลาๆหน่อยครับ ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ ในขณะที่ตลาดจีนคุณมีปัญญาส่งออกรถอะไรไปบ้านเค้า ผมชักสงสัยแล้วว่าที่คุณชอบอ้างว่าไปคุยกับเจ้าตลาดมานี่มันเจ้าตลาดนัดหรือเจ้าตลาดสดกันแน่ เพราะดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเลย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 14:53:18
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย

555 ทึกทักเอาเองว่าเจ้าตลาดโวยวาย FTA 0% จากจีน โวยวายกับยอดขายแค่ปีละ 1,000 ครันเนี่ยนะ ถามจริงที่บอกว่าคนไทยตำแหน่งใหญ่โตน่ะคุณไปคุยกับหัวหน้ายามมาหรือเปล่า จะมั่วข้อมูลอะไรก็เพลาๆหน่อยครับ ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ ในขณะที่ตลาดจีนคุณมีปัญญาส่งออกรถอะไรไปบ้านเค้า ผมชักสงสัยแล้วว่าที่คุณชอบอ้างว่าไปคุยกับเจ้าตลาดมานี่มันเจ้าตลาดนัดหรือเจ้าตลาดสดกันแน่ เพราะดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเลย

"ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ"

ไม่รู้คุณทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้จิงรึเปล่า ถึงไม่มีรู้ด้านภาษี ถ้าในความตกลง ACFTA เราไม่เก็บภาษีรถ ice และ รถ phev จากบ้านเค้า ที่ 80% และ 60% ตามลำดับ (source: thailandntr, สำนกพอกัดศุลกากร) มีหรือจะมาลงทุนประกอบรถเพื่อขายในตลาดอันกระจิ๋วนี้ 

"ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ"

ส่งออกก้อตามนั้น แต่เม้นข้างบนเค้าถาม เรื่องบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน  ที่นำเข้ามาขายในตลาดไทย  เสริมให้อีกนิด แล้วถ้ารถอีวีนำเข้าจากอาเซียน จะว่างัย ::)


"ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ"

อ้างว่าคนในนี้หลายคนทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้ รู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่มีหลักฐานมาแสดงสักอย่างว่าทำงานในนั้นจิง ตำแหน่งอะไรหรอ? พิสูจน์ไหนว่าข้อมูลนั้นจริง?  ก้อคงไม่ต่างจากที่คุณกล่าวหาผมว่ากล่าวอ้างลอยๆนะครัส  เริ่มจากคุณก่อนเลยดีไหม  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 15:22:57
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย

555 ทึกทักเอาเองว่าเจ้าตลาดโวยวาย FTA 0% จากจีน โวยวายกับยอดขายแค่ปีละ 1,000 ครันเนี่ยนะ ถามจริงที่บอกว่าคนไทยตำแหน่งใหญ่โตน่ะคุณไปคุยกับหัวหน้ายามมาหรือเปล่า จะมั่วข้อมูลอะไรก็เพลาๆหน่อยครับ ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ ในขณะที่ตลาดจีนคุณมีปัญญาส่งออกรถอะไรไปบ้านเค้า ผมชักสงสัยแล้วว่าที่คุณชอบอ้างว่าไปคุยกับเจ้าตลาดมานี่มันเจ้าตลาดนัดหรือเจ้าตลาดสดกันแน่ เพราะดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเลย

"ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ"

ไม่รู้คุณทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้จิงรึเปล่า ถึงไม่มีรู้ด้านภาษี ถ้าในความตกลง ACFTA เราไม่เก็บภาษีรถ ice และ รถ phev จากบ้านเค้า ที่ 80% และ 60% ตามลำดับ (source: thailandntr, สำนกพอกัดศุลกากร) มีหรือจะมาลงทุนประกอบรถเพื่อขายในตลาดอันกระจิ๋วนี้ 

"ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ"

ส่งออกก้อตามนั้น แต่เม้นข้างบนเค้าถาม เรื่องบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน  ที่นำเข้ามาขายในตลาดไทย  เสริมให้อีกนิด แล้วถ้ารถอีวีนำเข้าจากอาเซียน จะว่างัย ::)


"ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ"

อ้างว่าคนในนี้หลายคนทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้ รู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่มีหลักฐานมาแสดงสักอย่างว่าทำงานในนั้นจิง ตำแหน่งอะไรหรอ? พิสูจน์ไหนว่าข้อมูลนั้นจริง?  ก้อคงไม่ต่างจากที่คุณกล่าวหาผมว่ากล่าวอ้างลอยๆนะครัส  เริ่มจากคุณก่อนเลยดีไหม  ;D ;D ;D

อะไรมันจะบ้องตื้นและตื้นเขินขนาดนั้น ไทยนำเข้ารถจากประเทศอื่นใน ASEAN บ้างก็จริง แต่ส่งออกไปภายใน ASEAN มากกว่าเยอะปีนึงหลายแสนคันคุณไม่รู้เหรอ พ่อคนที่ประชุมกับเจ้าตลาดที่ส่งออกไป ASEAN เป้นกระตั๊กไม่รู้เว้ยเฮ้ย และการที่ไทยส่งออกได้มากขนาดนั้นก็เพราะประโยชน์จาก FTA ภายในกลุ่ม ASEAN นี่แหละ ส่งออกไป ASEAN มากกว่านำเข้าจาก ASEAN หลายเท่าแบบนี้ใครต่อต้าน FTA ASEAN เหมือนคุณก็โง่แล้ว โถ น่าสงสารจริงๆ ความรู้พื้นๆแค่นี้ยังไม่มียังจะเสนอหน้ามาวิจารณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง ไม่เหมือนพวกที่ความรู้ไม่มีต้องเกาะต้องอ้างเจ้าตลาดแต่พอโดนตีขนดหางว่าอ้างผิดๆรู้ผิดๆก็มาทำหัวร้อนแถไปเรื่อยๆ ถ้าอยากลากไส้ตัวเองออกมาประจานถึงความกลวงในสมองก็อย่าหยุดครับ เอามาอีกเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 15:39:37
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย

555 ทึกทักเอาเองว่าเจ้าตลาดโวยวาย FTA 0% จากจีน โวยวายกับยอดขายแค่ปีละ 1,000 ครันเนี่ยนะ ถามจริงที่บอกว่าคนไทยตำแหน่งใหญ่โตน่ะคุณไปคุยกับหัวหน้ายามมาหรือเปล่า จะมั่วข้อมูลอะไรก็เพลาๆหน่อยครับ ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ ในขณะที่ตลาดจีนคุณมีปัญญาส่งออกรถอะไรไปบ้านเค้า ผมชักสงสัยแล้วว่าที่คุณชอบอ้างว่าไปคุยกับเจ้าตลาดมานี่มันเจ้าตลาดนัดหรือเจ้าตลาดสดกันแน่ เพราะดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเลย

"ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ"

ไม่รู้คุณทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้จิงรึเปล่า ถึงไม่มีรู้ด้านภาษี ถ้าในความตกลง ACFTA เราไม่เก็บภาษีรถ ice และ รถ phev จากบ้านเค้า ที่ 80% และ 60% ตามลำดับ (source: thailandntr, สำนกพอกัดศุลกากร) มีหรือจะมาลงทุนประกอบรถเพื่อขายในตลาดอันกระจิ๋วนี้ 

"ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ"

ส่งออกก้อตามนั้น แต่เม้นข้างบนเค้าถาม เรื่องบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน  ที่นำเข้ามาขายในตลาดไทย  เสริมให้อีกนิด แล้วถ้ารถอีวีนำเข้าจากอาเซียน จะว่างัย ::)


"ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ"

อ้างว่าคนในนี้หลายคนทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้ รู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่มีหลักฐานมาแสดงสักอย่างว่าทำงานในนั้นจิง ตำแหน่งอะไรหรอ? พิสูจน์ไหนว่าข้อมูลนั้นจริง?  ก้อคงไม่ต่างจากที่คุณกล่าวหาผมว่ากล่าวอ้างลอยๆนะครัส  เริ่มจากคุณก่อนเลยดีไหม  ;D ;D ;D

อะไรมันจะบ้องตื้นและตื้นเขินขนาดนั้น ไทยนำเข้ารถจากประเทศอื่นใน ASEAN บ้างก็จริง แต่ส่งออกไปภายใน ASEAN มากกว่าเยอะปีนึงหลายแสนคันคุณไม่รู้เหรอ พ่อคนที่ประชุมกับเจ้าตลาดที่ส่งออกไป ASEAN เป้นกระตั๊กไม่รู้เว้ยเฮ้ย และการที่ไทยส่งออกได้มากขนาดนั้นก็เพราะประโยชน์จาก FTA ภายในกลุ่ม ASEAN นี่แหละ ส่งออกไป ASEAN มากกว่านำเข้าจาก ASEAN หลายเท่าแบบนี้ใครต่อต้าน FTA ASEAN เหมือนคุณก็โง่แล้ว โถ น่าสงสารจริงๆ ความรู้พื้นๆแค่นี้ยังไม่มียังจะเสนอหน้ามาวิจารณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง ไม่เหมือนพวกที่ความรู้ไม่มีต้องเกาะต้องอ้างเจ้าตลาดแต่พอโดนตีขนดหางว่าอ้างผิดๆรู้ผิดๆก็มาทำหัวร้อนแถไปเรื่อยๆ ถ้าอยากลากไส้ตัวเองออกมาประจานถึงความกลวงในสมองก็อย่าหยุดครับ เอามาอีกเรื่อยๆ

 ก้อการแลกเปลี่ยนสินค้าปกติเผอิญไทย balance of trade กับอาเซียนในด้านสินค้ารถยนต์ยังบวกอยู่  แต่ประเด็นเดิมที่คุณยังเลี่ยงอยู่คือ แล้วอีวีนำเข้ามาจากอาเซียนทั้งคัน อุตเน่าๆของไทยได้ประโยชน์อะไร? มันต่างอะไรกับที่นำเข้ามาจากจีน เพราะถ้าเรามีปัญญาผลิต เราก้อส่งไปขายในอาเซียนได้ 

ทั้ง Asean FTA และ ACFTA ความตกลงมันไม่ได้ห้ามไทยส่งอีวีไปขาย ส่งไปก้อไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเหมือนกัลไหม  แต่พวกคุณเลือกไม่ทำเองมันเลยมีแต่การนำเข้ามาจากจีนฝั่งเดียวคับ

"จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง"

โธ่ๆ สรุปพิสูจน์ไม่ได้ใช่ไหมคับ สุดท้ายก้อแค่พูดลอยๆนิหว่า อ้างตัวว่าเป็นพวกขี้ข้าที่อ้างว่าทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมเน่าๆอันนี้  แต่ไม่มีหลักฐาน มาโพทะนา สิเนอะ ผมถือว่าคุณขี้ข้าปลอมๆกล่าวอ้างลอยๆ เหมือนที่คุณกล่าวหาผมนั่นละคับ  ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 15:47:43
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย

555 ทึกทักเอาเองว่าเจ้าตลาดโวยวาย FTA 0% จากจีน โวยวายกับยอดขายแค่ปีละ 1,000 ครันเนี่ยนะ ถามจริงที่บอกว่าคนไทยตำแหน่งใหญ่โตน่ะคุณไปคุยกับหัวหน้ายามมาหรือเปล่า จะมั่วข้อมูลอะไรก็เพลาๆหน่อยครับ ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ ในขณะที่ตลาดจีนคุณมีปัญญาส่งออกรถอะไรไปบ้านเค้า ผมชักสงสัยแล้วว่าที่คุณชอบอ้างว่าไปคุยกับเจ้าตลาดมานี่มันเจ้าตลาดนัดหรือเจ้าตลาดสดกันแน่ เพราะดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเลย

"ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ"

ไม่รู้คุณทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้จิงรึเปล่า ถึงไม่มีรู้ด้านภาษี ถ้าในความตกลง ACFTA เราไม่เก็บภาษีรถ ice และ รถ phev จากบ้านเค้า ที่ 80% และ 60% ตามลำดับ (source: thailandntr, สำนกพอกัดศุลกากร) มีหรือจะมาลงทุนประกอบรถเพื่อขายในตลาดอันกระจิ๋วนี้ 

"ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ"

ส่งออกก้อตามนั้น แต่เม้นข้างบนเค้าถาม เรื่องบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน  ที่นำเข้ามาขายในตลาดไทย  เสริมให้อีกนิด แล้วถ้ารถอีวีนำเข้าจากอาเซียน จะว่างัย ::)


"ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ"

อ้างว่าคนในนี้หลายคนทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้ รู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่มีหลักฐานมาแสดงสักอย่างว่าทำงานในนั้นจิง ตำแหน่งอะไรหรอ? พิสูจน์ไหนว่าข้อมูลนั้นจริง?  ก้อคงไม่ต่างจากที่คุณกล่าวหาผมว่ากล่าวอ้างลอยๆนะครัส  เริ่มจากคุณก่อนเลยดีไหม  ;D ;D ;D

อะไรมันจะบ้องตื้นและตื้นเขินขนาดนั้น ไทยนำเข้ารถจากประเทศอื่นใน ASEAN บ้างก็จริง แต่ส่งออกไปภายใน ASEAN มากกว่าเยอะปีนึงหลายแสนคันคุณไม่รู้เหรอ พ่อคนที่ประชุมกับเจ้าตลาดที่ส่งออกไป ASEAN เป้นกระตั๊กไม่รู้เว้ยเฮ้ย และการที่ไทยส่งออกได้มากขนาดนั้นก็เพราะประโยชน์จาก FTA ภายในกลุ่ม ASEAN นี่แหละ ส่งออกไป ASEAN มากกว่านำเข้าจาก ASEAN หลายเท่าแบบนี้ใครต่อต้าน FTA ASEAN เหมือนคุณก็โง่แล้ว โถ น่าสงสารจริงๆ ความรู้พื้นๆแค่นี้ยังไม่มียังจะเสนอหน้ามาวิจารณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง ไม่เหมือนพวกที่ความรู้ไม่มีต้องเกาะต้องอ้างเจ้าตลาดแต่พอโดนตีขนดหางว่าอ้างผิดๆรู้ผิดๆก็มาทำหัวร้อนแถไปเรื่อยๆ ถ้าอยากลากไส้ตัวเองออกมาประจานถึงความกลวงในสมองก็อย่าหยุดครับ เอามาอีกเรื่อยๆ

แล้วอีวีนำเข้ามาจากอาเซียนทั้งคัน ไทยได้ประโยชน์อะไร? มันต่างอะไรกับนำเข้ามาจากจีน เพราะถ้าเรามีปัญญาผลิต เราก้อส่งไปขายในอาเซียนได้

สรุปคือทั้ง Asean FTA และ ACFTA ความตกลงมันห้ามไทยส่งอีวีไปขายหรอ? ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเหมือนกัลไหมนั่น?  แต่พวกคุณมันไม่ทำเองมันเลยมีแต่การนำเข้ามาจากจีนคับ

"จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง"

โธ่ๆ สรุปพิสูจน์ไม่ได้ใช่ไหมคับ สุดท้ายก้อแค่พูดลอยๆนิหว่า อ้างตัวว่าเป็นพวกขี้ข้าที่อ้างว่าทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมเน่าๆอันนี้  แต่ไม่มีหลักฐาน มาโพทะนา สิเนอะ ผมถือว่าคุณขี้ข้าปลอมๆกล่าวอ้างลอยๆ เหมือนที่คุณกล่าวหาผมนั่นละคับ  ;D ;D ;D

โอ้ย เด็กน้อย ปัญญา นิ่ม เอ้ย
OEM เค้าไม่ทำ  BEV  มันก็มี เหตุผลของเค้า
ยอดขาย 0.13 % ได้เปรียบทุกอย่าง เนี่ยนะ
Asean FTA มันก็มีมานานแล้วไม่ใช่พึ่งไม่มี เว้ย  ใครจะทำ EV ก็ทำไปสิ ใครไม่ทำมันก็เรื่องของเค้า อย่าอวดฉลาด

อย่า โชว์ ความ กลวง ของ สมองให้มันเยอะ นัก
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 15:52:47
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

+1 เรื่อง รถนำเข้าภาษี 0% อาเซียน ผมสงสัยว่าทำไมผู้ภักดีต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศ ถึงเงียบเรื่องนี้จัง ขณะที่โวยวาย FTA อาเซียนจีน แบบถล่มทลาย

555 ทึกทักเอาเองว่าเจ้าตลาดโวยวาย FTA 0% จากจีน โวยวายกับยอดขายแค่ปีละ 1,000 ครันเนี่ยนะ ถามจริงที่บอกว่าคนไทยตำแหน่งใหญ่โตน่ะคุณไปคุยกับหัวหน้ายามมาหรือเปล่า จะมั่วข้อมูลอะไรก็เพลาๆหน่อยครับ ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ

ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ ในขณะที่ตลาดจีนคุณมีปัญญาส่งออกรถอะไรไปบ้านเค้า ผมชักสงสัยแล้วว่าที่คุณชอบอ้างว่าไปคุยกับเจ้าตลาดมานี่มันเจ้าตลาดนัดหรือเจ้าตลาดสดกันแน่ เพราะดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเลย

"ถ้า FTA 0% จากจีนมันดีวิเศษขนาดนั้นจริงทั้ง MG และ GWM ก็ปิดโรงงานในไทยไปเถอะยอดผลิตแค่หลักหมื่น ไปนำเข้าจากจีนเอาคุ้มกว่ากันเยอะ"

ไม่รู้คุณทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้จิงรึเปล่า ถึงไม่มีรู้ด้านภาษี ถ้าในความตกลง ACFTA เราไม่เก็บภาษีรถ ice และ รถ phev จากบ้านเค้า ที่ 80% และ 60% ตามลำดับ (source: thailandntr, สำนกพอกัดศุลกากร) มีหรือจะมาลงทุนประกอบรถเพื่อขายในตลาดอันกระจิ๋วนี้ 

"ส่วนคนที่ภักดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศสนับสนุน FTA ภายใน ASEAN มันก้แน่นอนอยู่แล้วเพราะไทยได้ประโยชน์เต็มๆจากตรงนี้ ยอดผลิตรถยนต์ในไทยกว่า 2 ล้านคันต่อปีมันเป็นยอดส่งออกไปซะครึ่งนึง แล้วตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของยานยนต์ไทยมันก็คือ ASEAN แค่นี้คิดไม่ออกเหรอ"

ส่งออกก้อตามนั้น แต่เม้นข้างบนเค้าถาม เรื่องบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน  ที่นำเข้ามาขายในตลาดไทย  เสริมให้อีกนิด แล้วถ้ารถอีวีนำเข้าจากอาเซียน จะว่างัย ::)


"ในเว็บนี้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์จริงและมีข้อมูลจริงเค้ามีเยอะ"

อ้างว่าคนในนี้หลายคนทำงานในอุตภายในเน่าๆนี้ รู้ดีทุกอย่าง แต่ไม่มีหลักฐานมาแสดงสักอย่างว่าทำงานในนั้นจิง ตำแหน่งอะไรหรอ? พิสูจน์ไหนว่าข้อมูลนั้นจริง?  ก้อคงไม่ต่างจากที่คุณกล่าวหาผมว่ากล่าวอ้างลอยๆนะครัส  เริ่มจากคุณก่อนเลยดีไหม  ;D ;D ;D

อะไรมันจะบ้องตื้นและตื้นเขินขนาดนั้น ไทยนำเข้ารถจากประเทศอื่นใน ASEAN บ้างก็จริง แต่ส่งออกไปภายใน ASEAN มากกว่าเยอะปีนึงหลายแสนคันคุณไม่รู้เหรอ พ่อคนที่ประชุมกับเจ้าตลาดที่ส่งออกไป ASEAN เป้นกระตั๊กไม่รู้เว้ยเฮ้ย และการที่ไทยส่งออกได้มากขนาดนั้นก็เพราะประโยชน์จาก FTA ภายในกลุ่ม ASEAN นี่แหละ ส่งออกไป ASEAN มากกว่านำเข้าจาก ASEAN หลายเท่าแบบนี้ใครต่อต้าน FTA ASEAN เหมือนคุณก็โง่แล้ว โถ น่าสงสารจริงๆ ความรู้พื้นๆแค่นี้ยังไม่มียังจะเสนอหน้ามาวิจารณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง ไม่เหมือนพวกที่ความรู้ไม่มีต้องเกาะต้องอ้างเจ้าตลาดแต่พอโดนตีขนดหางว่าอ้างผิดๆรู้ผิดๆก็มาทำหัวร้อนแถไปเรื่อยๆ ถ้าอยากลากไส้ตัวเองออกมาประจานถึงความกลวงในสมองก็อย่าหยุดครับ เอามาอีกเรื่อยๆ

แล้วอีวีนำเข้ามาจากอาเซียนทั้งคัน ไทยได้ประโยชน์อะไร? มันต่างอะไรกับนำเข้ามาจากจีน เพราะถ้าเรามีปัญญาผลิต เราก้อส่งไปขายในอาเซียนได้

สรุปคือทั้ง Asean FTA และ ACFTA ความตกลงมันห้ามไทยส่งอีวีไปขายหรอ? ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าเหมือนกัลไหมนั่น?  แต่พวกคุณมันไม่ทำเองมันเลยมีแต่การนำเข้ามาจากจีนคับ

"จะบอกให้นะคนที่เค้ารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องมาโพทะนาหรอกว่าทำงานอะไร ตำแหน่งไหน เพราะข้อมูลดาดๆพวกนี้คนยานยนต์เค้ารู้กันหมดแค่อ่านดูก้รู้แล้วว่าใครน่ะของจริง"

โธ่ๆ สรุปพิสูจน์ไม่ได้ใช่ไหมคับ สุดท้ายก้อแค่พูดลอยๆนิหว่า อ้างตัวว่าเป็นพวกขี้ข้าที่อ้างว่าทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมเน่าๆอันนี้  แต่ไม่มีหลักฐาน มาโพทะนา สิเนอะ ผมถือว่าคุณขี้ข้าปลอมๆกล่าวอ้างลอยๆ เหมือนที่คุณกล่าวหาผมนั่นละคับ  ;D ;D ;D

โอ้ย เด็กน้อย ปัญญา นิ่ม เอ้ย
OEM เค้าไม่ทำ  BEV  มันก็มี เหตุผลของเค้า
ยอดขาย 0.13 % ได้เปรียบทุกอย่าง เนี่ยนะ
Asean FTA มันก็มีมานานแล้วไม่ใช่พึ่งไม่มี เว้ย  ใครจะทำ EV ก็ทำไปสิ ใครไม่ทำมันก็เรื่องของเค้า อย่าอวดฉลาด

อย่า โชว์ ความ กลวง ของ สมองให้มันเยอะ นัก

ก้อพวกอุตในเน่าๆมันเลือกไม่ทำเอง ผลคือมีแต่เมืองนอกส่งเข้ามาอยู่ฝั่งเดียว ตอนนี้หลักๆจีน ต่อไปมีอาเซียนด้วย รอดูว่าจะมีพวกภักดีต่ออุตภายในเน่าๆออกมาต่อต้าน Asean FTA ด้วยไหม เพราะมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเอารถทั้งคันเข้ามาจากจีน  ส่วนผู้บริโภคไม่สนใจว่าต้องเมดอินไทยแลนด์ only อยู่แล้ว  ของดีมา ราคาเหมาะสมก็ซื้อคับ 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: dht_tubes ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 17:14:09
ขอความกรุณาทางเวปอย่าล็อคกระทู้นี้ซะก่อนนะครับ

นานๆจะมีคนระดับสูงในวงการรถยนต์ รู้ข้อมูลเชิงลึก สละเวลาอันมีค่าลงมาให้ข้อมูลเชิงลึกที่หาไม่ได้ที่ไหนง่ายๆ คนอ่านได้ประโยชน์เต็มๆ

อย่าเพิ่งบานปลายออกนอกเรื่องกันไปนะครับ มีวงในอะไรเอามา discuss กันเยอะๆครับ จบไปเด่วประชาชนตาดำๆอีกมากมาย รวมทั้งผมด้วยที่ตามอ่านอยู่จะเสียโอกาสไป

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: TeletubbiesWithGuns ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 17:21:11
กระทู้นี้อีกนานแน่ คนสองคนเถียงกัน แต่มีผู้ชนะคนเดียว (หรือหลายคน) คือ










คนที่ไม่ได้เข้าไปเถียง
ได้ความรู้เพิ่มตลอด
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Vitz ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 18:01:52
โอย ขำ พวกรู้น้อยแต่ปากมากบ่นไปเรื่อย

JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0% รถไฟฟ้าจีนทำไมในเมื่อยอดขายมันเท่าขี้หมา ปีที่แล้ว MG ขาย BEV เท่าไหร่ ถึง 1,000 คันมั้ย จำนวนแค่นี้ TMT ใช้เวลาผลิตเท่าไหร่ วันนึงก็ทำได้แล้วรถยนต์พันคัน ไม่ได้สะเทือนอะไรเลยซักนิด
ในขณะที่การที่มี FTA 0% ทำให้รถไฟฟ้าของจีนเข้ามาขายยอดเท่าขี้หมาได้นั้น มันกลับช่วยให้ทาง TMT หรือพวก JOEM ส่งสัญญาณข้อมูล Bottom up ไปยังบริษัทแม่ได้ว่าตลาดในเมืองไทยเริ่มมีเค้าของความต้องการบ้างแล้ว บริษัทแม่จะได้หันมาสนใจเสียงรถยนต์ไฟฟ้าจากภูมิภาคเล็กๆนี้บ้าง เพื่อที่จะได้เริ่มโครงการรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจริงจังได้เสียที

ส่วนแบรนด์จีนทั้งหลายที่อวยๆกันน่ะ ถ้าใครมีข้อมูลลึกๆจริงๆจะรู้ว่าทั้ง MG และ GWM ไม่ได้มีแผนงานจริงจังจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเลย ทั้งคู่วางแผนงานให้รถยนต์สันดาปและรถยนต์ไฮบริดเป็นพระเอกในการผลิตที่ไทยในอนาคตอันใกล้นี้ทั้งนั้น แต่ที่เหมือนกันคือเอา BEV มาออกหน้าเชิดหน้าชูตาสร้างภาพแต่ตอนจะผลิตในประเทศกลับผ่าจะผลิตรถสันดาปและไฮบริดเหมือนยี่ห้ออื่นๆนั่นแหละ นี่แหละผลของ FTA 0% ไม่มีใครมาลงทุนทำเทคโนโลยีใหม่ที่ไทยหรอก ส่งรถมาขายอย่างเดียวดีกว่าง่ายดี แล้วรอจังหวะไปตั้งโรงงานใน ASEAN ประเทศอื่นที่ไม่ยอมเปิด FTA 0% ดีกว่า ผลิตที่นั่นขายที่นั่นแล้วก็ส่งรถมาขายในไทยเหมือนเดิม

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยมันไม่พัฒนาจนมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองนั้นจริง ก็เพราะคนไทยมันอุดหนุนสินค้าไทยมั้ย ไหนเอาใบจอง MINE Mobility มาดูซิ ตะโกนปาวๆอยากให้คนไทยมีเทคโนโลยี มีสินค้าของตัวเอง แต่ถึงเวลาไม่ซื้อ ไม่อุดหนุน แล้วบริษัทคนไทยพวกนั้นมันจะสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาหาอะไรครับในเมื่อมันขายไม่ได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีใครสร้างอะไรทั้งนั้น ใช้วิธีซื้อเอาหรือให้ต่างชาติมาลงทุนกันหมด

"JOEM ในไทยจะไปอยากให้ยกเลิก FTA 0%"

ผมประชุมกะ JOEM เจ้าตลาดบ่อย บ่นกันกระจาย ล่าสุดไปฟังคนไทยตัวใหญ่ในนั้นบ่นด้วย แต่ก้อทำอะไรไม่ได้เพราะเจอสินค้าเกษตรดักคออยู่ อีกเคส JOEM หลังไมค์ไปติดต่อเครือเดียวกันที่เมืองจีน จะสั่งผลิตขับขวาเอารถมาจากจีนเข้ามาขายเองแต่โดนเตะตัดขาโดนเครือเดียวกัน บลา บลา...แชร์ข้อมูลได้แค่ประมาณนี้คับ เดี่ยวคนในรู้ว่าผมเอามานินทา  ;D ;D

ส่วนค่ายจีนเค้ามีเจตนายังไงไม่รู้ แต่เค้าเอารถเข้ามาภาษี 0% เป็นประโยชน์ดีกับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ (consumer surplus เยอะๆ) ค่ายจีนพวกนั้นได้ประโยชน์ ผู้บริโภคก็ได้ประโยชน์ win win กันไป  เดี่ยวอีกหน่อย Tesla เข้ามาแบบ official เอารถเข้ามาจากโรงงานที่จีน คงสนุกกว่านี้อีกเยอะ ใครดื้อไม่ปรับตัว เรื่องของคุณครับ ผู้บริโภคเค้าไม่สนใจความเป็นไปยังไง

เชื่อว่าสมัยก่อนที่เซ็นFTAกับจีน ตอนนั้นคงนึกไม่ถึงหรอกครับว่าจีนจะก้าวมาเป็นตลาดรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก....
ถ้ารู้ล่วงหน้า รายการนี้คงโดนล็อบบี้ตัดออกไปแล้ว

เรื่องผลกระทบกับการจ้างงานในประเทศต้องถามนิดว่า แล้วบรรดารถที่นำเข้าจากกลุ่มอาเซี่ยน มีทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ปีๆนึงเป็นหมื่นๆคัน เราได้ประโยชน์อะไร??? ต่างกันตรงไหนกับรถจากจีน เทียบผลกระทบแล้ว รถไฟฟ้าจากจีนนำเข้ามาหลัก1000

ส่วนที่บริษัทรถจากจีนไม่จริงจังกับการลงทุนรถEVในไทยนั้น ผมคิดว่าไม่ใช่ รู้มาว่ามีความพยายามจะพูดคุยกับคนในรัฐบาลทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง แต่....แม้จะมีคำหวานยังไง ก็รู้ว่า รัฐเองยังไม่คิดจริงจังกับการสนับสนุนรถEV ประมาณปากว่าตาขยิบนั่นแหละ.....ในมุมนักลงทุน ใครจะกล้าลงเต็มตัวละครับ
พวกจีน ยุโรป อเมริกา เกาหลี เขาพร้อมอยู่แล้ว แต่ตลาดนี้ยังถูกครอบงำโดยรถญี่ปุ่นกว่า90% เรื่องพวกนี้เลยไม่ไปถึงไหน

การที่เราต้องยกเว้นภาษีให้รถยนต์จากประเทศเพื่อน้าน ผมว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่ายในฐานะที่เราส่งออกรถไปขายเขา และเราเป็นสมาชิก ASEAN โดยที่การร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสมาชิกประเทศอาเซียนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรวมกลุ่มระดับภูมิภาคเกิดขึ้นและพัฒนาต่อไปได้ในเชิงโครงสร้าง(ร่วมมือทางเศรษฐกิจ>spillover effect>ร่วมมือภายในเรื่องอื่นๆที่จำเป็นสำหรับประชาคม) ซึ่งในอนาคตถ้าอาเซียนพัฒนาเปลี่ยนสถานะจากองค์การระหว่างประเทศไปถึงขั้นที่เป็น Supranational organization แบบอียู อำนาจต่อรองเราต่อประชาคมโลกจะเพิ่มขึ้นพอสมควรครับ ดังนั้นอาเซียนแทบจะไม่มีทางที่จะมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือพัฒนาต่อไปในอนาคต ถ้าเราไม่มี FTA ระหว่างสมาชิกด้วยกันเอง จะเห็นว่าบริบทของกรณีFTA ระหว่างประเทศสมาชิก กับระหว่างอาซียนกับจีนนั้นแตกต่างกันครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: -Anonymous- ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 18:27:40
กระทู้นี้อีกนานแน่ คนสองคนเถียงกัน แต่มีผู้ชนะคนเดียว (หรือหลายคน) คือ










คนที่ไม่ได้เข้าไปเถียง
ได้ความรู้เพิ่มตลอด

เถียงกันได้แต่ไม่น่าด่ากันเลยครับผมหละงง 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: D Water Law ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 18:36:59
กระทู้นี้อีกนานแน่ คนสองคนเถียงกัน แต่มีผู้ชนะคนเดียว (หรือหลายคน) คือ










คนที่ไม่ได้เข้าไปเถียง
ได้ความรู้เพิ่มตลอด

เถียงกันได้แต่ไม่น่าด่ากันเลยครับผมหละงง

+1 ครับ  จะด่าจะดูถูกจะบลัฟกันทำไม 
คนที่ถึงตอนสุดท้ายไม่มีใครมาแย้งด้วยแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าถูกที่สุดหรอก แค่ไม่มีใครเค้าอยากเถียงด้วยแล้ว
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 18:38:59

การที่เราต้องยกเว้นภาษีให้รถยนต์จากประเทศเพื่อน้าน ผมว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่ายในฐานะที่เราส่งออกรถไปขายเขา และเราเป็นสมาชิก ASEAN โดยที่การร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสมาชิกประเทศอาเซียนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรวมกลุ่มระดับภูมิภาคเกิดขึ้นและพัฒนาต่อไปได้ในเชิงโครงสร้าง(ร่วมมือทางเศรษฐกิจ>spillover effect>ร่วมมือภายในเรื่องอื่นๆที่จำเป็นสำหรับประชาคม) ซึ่งในอนาคตถ้าอาเซียนพัฒนาเปลี่ยนสถานะจากองค์การระหว่างประเทศไปถึงขั้นที่เป็น Supranational organization แบบอียู อำนาจต่อรองเราต่อประชาคมโลกจะเพิ่มขึ้นพอสมควรครับ ดังนั้นอาเซียนแทบจะไม่มีทางที่จะมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือพัฒนาต่อไปในอนาคต ถ้าเราไม่มี FTA ระหว่างสมาชิกด้วยกันเอง จะเห็นว่าบริบทของกรณีFTA ระหว่างประเทศสมาชิก กับระหว่างอาซียนกับจีนนั้นแตกต่างกันครับ

หลักการ เหตุผลดีครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: headcutterz ที่ กุมภาพันธ์ 26, 2021, 18:43:07
อ่านกระทู้นี้แล้วแอบปลื้มใจนะครับ ว่ามีคนเข้าใจเรื่องระบบเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การค้าระหว่างประเทศเยอะเลยไม่ค่อยเห็นจากเว็บอื่น ขอบคุณ"หลายๆ คน" ที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้นะครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 08:38:49
ผมไม่ได้กินหญ้านะ ผมกินข้าว  ผมรู้ข้อดีข้อเสียว่ามันเป็นยังไง

   1. สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการค้าและสร้างแรงดึงดูดให้การลงทุนที่ประเทศไทย
    2. ยกระดับมาตราฐานเรื่องกฏระเบียบทางการค้าและการลงทุนให้แก่ประเทศไทย
    3. รักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
    4. ช่วยขยายการค้าของประเทศไทยแก่ประเทศสมาชิก CPTPP
    5. หากเข้าร่วม GDP ของประเทศจะเพิ่มขึ้น 0.12% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 13,323 ล้านบาท
    6. เงินในการลุงทุนจะเพิ่มขึ้น 5.14% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 148,240 ล้านบาท
    7. การส่งออกจะเพิ่มขึ้นถึง 3.47% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 271,340 ล้านบาท
    8. เงินที่ได้จากการจ้างงานจะมากขึ้นถึง  73,730 ล้านบาท
ข้อเสีย

   1 ประเทศไทยต้องปรับแก้ พรบ.คุ้มครองพันธุ์พืช ส่งผลให้เกษตรมีต้นทุนมากขึ้น เพราะไม่สามารถเก็บเมล็ดพืชไว้ปลูกในปีต่อไปได้
   2 มีโอกาศที่นักลงทุนต่างชาติจะมารุกรานตลาดในเมืองไทย เพราะได้รับสิทธิที่มากขึ้น
    3 ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์แก่องค์การเภชสัชกรรมในการจัดซื้อยาให้แก่ภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น
    4 ยกเลิกการช่วยเหลือแก่รัฐวิสาหกิจ ทำให้ค่าใช้จ่ายจำเป็นของประชาชนสูงมากขึ้น
    5 CPTPP ใช้เงื่อนไขการเจรจาแบบ negative list ทำให้ธุรกิจบริการภายในประเทศเสียประโยชน์ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
จากประโยชน์มานี่บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เปรียบ เกษตรกรรายย่อยทั้งหลายเตรียมได้เลิกอาชชีพได้เลย คนจนทั้งหลายไม่มีทางลืมตาอ้าปาก คนส่วนใหญ่ในประเทศเค้าเสียประโยชชน์กัน ถามหน่อยคุณอ่านบ้างยัง ถ้าคุณอ่านแล้วเห็นดีงามด้วยคือคุณได้ประโยชชน์คุณมีเงินไปรักษาโรงพยาบาลแพงๆได้  แล้วไอ้พวกสุนัขเศรษฐสาสตร์ระหว่งประเทศมันตัวดีเลยกี่ครั้งที่ประเทศต้องเดินตามคำชี้นำไอ้คนเหล่านี้แล้วฟองสบู่แตกบ่อยๆ ส่วนค่ายาจากต่างประเทศตอนนี้กำไรต่อโดสมันแพงเกินไปมั้ย ยาดีไม่จำเป็ต้องต้นทุนงานวิจัยแพงเสมอไปไอ้ที่มันแพงเพราะกำไรที่บวกไปไม่รู้ต่อเท่าไหร่ และตอนนี้การวิจัยเอดส์และมะเร็งจากนิจัยไทยมีมาเยอะแยะกว่าเดิมทั้งที่ทุนวิจัยก็น้อยครับ และจากที่มองดูนะ  ที่คุณชอบ  cptpp  เพราะ มันดีแต่คนกลุ่มคุณกลุ่มเดียว  แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศเค้าเสียประโยชน์กันเค้าถึงต่อต้านไม่เอา ถ้าเราเข้าร่วม cptpp นี้ คนจนๆเตรียมนอนป่วยตายข้างถนนได้เลย  ถ้างั้นคุณอพยพไปอยู่เวียดนามเถอะใเนมื่อชอบ  cptpp ซังกะบ๊วยดีนัก

ผมไม่ได้หาว่าคุณกินหญ้าครับ แต่บอกให้คุณไปศึกษาเรื่องยากำพร้า เพราะที่คุณพูดมามันทำให้รู้ว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องยากำพร้าเลยครับ
ผมจะพูดเฉพาะเรื่องยานะ เพราะเรื่องการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจมันเอกฉัณฑ์ไปแล้วจากความเห็นนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่มีความรู้จริงหลายๆ ท่าน ถ้าลองไปหาฟังดูก็จะรู้ว่าทำไม เพราะอะไร

หากคุณอยากใช้ของฟรี ของถูกแต่ผิดสิทธิบัตร มันถูกต้องตรงไหนครับ เพราะคุณไม่มีความรู้เรื่องยากำพร้าถึงได้บอกว่ากำไรมาก ความเป็นจริงมันไม่ใช่ไงครับ ค่าสิทธิบัตรมาจากไหน ยากำพร้าคืออะไร หากคุณมีญาติป่วยเป็นโรคซับซ้อน แทนที่จะมียารักษา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่กลับต้องตายเพราะไม่มียารักษา สาเหตุมาจากการละเมิดสิทธิบัตร อ้างจน มันถูกต้องอย่างงั้นเหรอครับ ยาไม่ควรถูกละเมิดสิทธิบัตร แต่ถ้าเข้าไม่ถึงเนื่องจากรายได้น้อย รัฐบาลควรเข้ามามีบทบาทตรงนี้ ไม่ใช่ทำผิดจนเคยตัว

อารมณ์เดียวกับลิขสิทธิ์เพลงนั่นแหละ พูดให้คนใช้ของฟรี ละเมิดสิทธิมันยาก อุตสาหกรรมเพลงมันถึงตาย ผมไม่อยากให้ยากำพร้าตาย เพราะวันนึงคนที่เรารักอาจจะไม่มียารักษา
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 09:01:19
อ่านแล้วจับได้แค่ว่า เจ้าของกระทู้ไม่พอใจที่เอกชนไม่เปลี่ยนเป็น ev ดังใจ เลยมองเป็นตัวถ่วง จบ
ถ้าคุณเชื่อในตลาดเสรีจริง เอกชนไม่ปรับตัวเขาก็อยู่ไม่รอดเอง และภาษีก็ไม่ได้เอื้อรถน้ำมัน หรืออุตสาหกรรมภายในเลย ตรงนี้แหละที่งง(แค่ไม่ได้ดังใจเจ้าของกระทู้)

fta จีน 0% บั่นทอนการลงทุน ev ในประเทศ ก็เงียบตอบอะไรไม่ได้

ให้แรงภาษีจูงใจ ev ต่ำกว่า เข้าใจได้ครับ แต่มันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev กับนำเข้า-ผลิตในประเทศ
การอ้าง ev นำเข้า แต่มันมีความแตกต่างเรื่องนำเข้า-ผลิตในประเทศด้วย แบบนี้มันไม่แฟร์
ข้อตกลงนี้ ผลิตข้างในเสียภาษี แต่นำเข้าข้างนอกไม่เสีย แบบนี้ข้างในตายครับ อย่างน้อยเท่ากันก็ยังดี แต่อาศัยข้ออ้างเรื่อง ev เหมารวม จะเทียบต้องฐานเดียวกันด้วย
และยังมีเรื่องนำเข้า 0% อีก แบบนี้ลงทุนผลิต ev ในประเทศไม่เกิดแน่ นำเข้ากันหมด
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 09:25:23

การที่เราต้องยกเว้นภาษีให้รถยนต์จากประเทศเพื่อน้าน ผมว่ามันเป็นราคาที่ต้องจ่ายในฐานะที่เราส่งออกรถไปขายเขา และเราเป็นสมาชิก ASEAN โดยที่การร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสมาชิกประเทศอาเซียนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การรวมกลุ่มระดับภูมิภาคเกิดขึ้นและพัฒนาต่อไปได้ในเชิงโครงสร้าง(ร่วมมือทางเศรษฐกิจ>spillover effect>ร่วมมือภายในเรื่องอื่นๆที่จำเป็นสำหรับประชาคม) ซึ่งในอนาคตถ้าอาเซียนพัฒนาเปลี่ยนสถานะจากองค์การระหว่างประเทศไปถึงขั้นที่เป็น Supranational organization แบบอียู อำนาจต่อรองเราต่อประชาคมโลกจะเพิ่มขึ้นพอสมควรครับ ดังนั้นอาเซียนแทบจะไม่มีทางที่จะมาถึงจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือพัฒนาต่อไปในอนาคต ถ้าเราไม่มี FTA ระหว่างสมาชิกด้วยกันเอง จะเห็นว่าบริบทของกรณีFTA ระหว่างประเทศสมาชิก กับระหว่างอาซียนกับจีนนั้นแตกต่างกันครับ

หลักการ เหตุผลดีครับ

อย่าไปถึงขั้นการรวมกลุ่มระดับ 4 แบบ eu เลยครับ แค่ระดับ 3 ก็ดีแล้ว การใช้ค่าเงินร่วมกันยังมีคำถามถึงเรื่องกลไกการปรับตัวของประเทศสมาชิกที่อ่อนแออยู่ เราเห็นตัวอย่างของ greece มาแล้วในปี 2013 และกลุ่ม PIIGS
และ fta อาเซียน-จีน ผมคิดว่าไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะเราก็มี rcep อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มี asean+1 asean+3 ถามว่าทำไม aec ถึงไม่เกิด คงไม่ต้องพูดเหตุผลนะครับคิดว่าทุกคนคงรู้อยู่แล้ว ประเด็นคือเราควรทำข้อตกลงการค้ากับทุกกลุ่มที่มีอำนาจการบริโภคแบบเวียดนามเพราะเราเป็นประเทศส่งออก จะให้เราโตด้วยการบริโภคภายในคงไม่ไหว และต้อง balance เรื่องภาษีให้ดี 0% ได้ครับ ดี ผมเห็นด้วย แต่ต้องมี non tariff barrier ให้กับภาคแรงงานประชาชนด้วย มันมีความสัมพันธ์ของรัฐบาล-คะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่ต้องดูแลประชาชนอยู่ ความสัมพันธ์นี้มันหายไป 7-8 ปีแล้ว รวมถึงข้อตกลงการค้าด้วย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 10:10:18
อ่านแล้วจับได้แค่ว่า เจ้าของกระทู้ไม่พอใจที่เอกชนไม่เปลี่ยนเป็น ev ดังใจ เลยมองเป็นตัวถ่วง จบ
ถ้าคุณเชื่อในตลาดเสรีจริง เอกชนไม่ปรับตัวเขาก็อยู่ไม่รอดเอง และภาษีก็ไม่ได้เอื้อรถน้ำมัน หรืออุตสาหกรรมภายในเลย ตรงนี้แหละที่งง(แค่ไม่ได้ดังใจเจ้าของกระทู้)

fta จีน 0% บั่นทอนการลงทุน ev ในประเทศ ก็เงียบตอบอะไรไม่ได้

ให้แรงภาษีจูงใจ ev ต่ำกว่า เข้าใจได้ครับ แต่มันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev กับนำเข้า-ผลิตในประเทศ
การอ้าง ev นำเข้า แต่มันมีความแตกต่างเรื่องนำเข้า-ผลิตในประเทศด้วย แบบนี้มันไม่แฟร์
ข้อตกลงนี้ ผลิตข้างในเสียภาษี แต่นำเข้าข้างนอกไม่เสีย แบบนี้ข้างในตายครับ อย่างน้อยเท่ากันก็ยังดี แต่อาศัยข้ออ้างเรื่อง ev เหมารวม จะเทียบต้องฐานเดียวกันด้วย
และยังมีเรื่องนำเข้า 0% อีก แบบนี้ลงทุนผลิต ev ในประเทศไม่เกิดแน่ นำเข้ากันหมด

จริงครับผม ตอนนี้  fta จีน 0% ยอดขาย EV ก็อย่างที่เห็น
รัฐบาลไทย ก็ ดัน EV ทุกทางให้เกิดการลงทุนในปะเทศ ด้วย คือการให้ EV ปลอดภาษีต่ำ อยู่แล้ว
แล้วก็ไม่ต้องโทษ แค่ค่าย ญี่ปุ่นหรอกครับ
ไม่ว่า ค่ายรถไหน ก็ยังไม่มีใคร กล้า ลงทุน ผลิต EV ในภมิภาคนี้ ในระยะสั้นตอนนี้หรอก ก็ยอดขายอย่างที่เห็น นะครับ
ใครก็คิดได้ ว่าทำไม ยังไม่มี ค่ายไหน ลงทุน EV ในระยะใกล้นี้ แต่คงรอ ความต้องการตลาดโตขึ้นกว่านี้

ตอนนี้ ใครอยากใช้ EV ดีๆ   fta จีน 0%  ให้แล้ว อยากได้ก็ นำเข้าถูกๆเองได้ ไม่ต้องมา บ่น ว่า รถยนต์ภายในประเทศ ไม่ผลิตเนอะ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 15:10:00
อ่านแล้วจับได้แค่ว่า เจ้าของกระทู้ไม่พอใจที่เอกชนไม่เปลี่ยนเป็น ev ดังใจ เลยมองเป็นตัวถ่วง จบ
ถ้าคุณเชื่อในตลาดเสรีจริง เอกชนไม่ปรับตัวเขาก็อยู่ไม่รอดเอง และภาษีก็ไม่ได้เอื้อรถน้ำมัน หรืออุตสาหกรรมภายในเลย ตรงนี้แหละที่งง(แค่ไม่ได้ดังใจเจ้าของกระทู้)

fta จีน 0% บั่นทอนการลงทุน ev ในประเทศ ก็เงียบตอบอะไรไม่ได้

ให้แรงภาษีจูงใจ ev ต่ำกว่า เข้าใจได้ครับ แต่มันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev กับนำเข้า-ผลิตในประเทศ
การอ้าง ev นำเข้า แต่มันมีความแตกต่างเรื่องนำเข้า-ผลิตในประเทศด้วย แบบนี้มันไม่แฟร์
ข้อตกลงนี้ ผลิตข้างในเสียภาษี แต่นำเข้าข้างนอกไม่เสีย แบบนี้ข้างในตายครับ อย่างน้อยเท่ากันก็ยังดี แต่อาศัยข้ออ้างเรื่อง ev เหมารวม จะเทียบต้องฐานเดียวกันด้วย
และยังมีเรื่องนำเข้า 0% อีก แบบนี้ลงทุนผลิต ev ในประเทศไม่เกิดแน่ นำเข้ากันหมด

เข้าใจผิดไปโน้นเลยคับ ผมไม่สนใจเรื่องอุตภายในมันจะเป็นยังไง เจ๊งรึป่าว เมินอีวี หรือยังไงทั้งนั้น ในฐานะผู้บริโภคในยุคนี้ที่มีการค้าเสรี พวกคุณไม่มีประโยชน์กับผมอะ ผมเมินรถพวกคุณอยู่แล้ว ประเด็นมันมาเกี่ยวกับการที่พวกคุณคิดจะมาแตะ ภาษีนำเข้าอีวี 0% ที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์   


พวกคุณไม่อยากทำอีวีก็เรื่องคุณ แต่ทำตัวดีๆ เลิกบ่น โวยวาย หาทางล๊อบบี้เรื่อง FTA 0% ผมรู้นะว่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยู่ดีๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานไปไม่ชอบ คงอยากหาเรื่องตีกับกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร เห็นชอบออกมาโวยวายผ่านทาง FTI, TAI มันยิ่งส่อเจตนาชัดเจนว่าพวกคุณกำลังไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้บริโภคคนไทยมีตัวเลือกบริโภคหลากหลายขึ้น ได้ใช้รถยนต์เทคโนโลยีในราคาถูกลง ทำยังงี้ภาพลักษณ์พวกคุณดีมากในสายตาของผู้บริโภคอีวีและที่กำลังทยอยเปลี่ยนมาใช้อีวีในอนาคต ไม่ทำอีวีก้อเรื่องพวกคุณ แต่อย่ามากร่างขวางทาง FTA 0% ที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ

"ภาษีก็ไม่ได้เอื้อรถน้ำมัน หรืออุตสาหกรรมภายในเลย ตรงนี้แหละที่งง"

โปรแกรม BOI รถผลิตภายในประเทศไม่ใช่ สรรพสามิต 0-2% รึ? อันนี้ส่งผลไปถึง VAT และสรรพสามิตด้วยเพราะก้อนสรรพสามิตมันจะเล็กกว่าก้อนสรรพสามิตของรถอีวีนำเข้า พอไปใส่สูตรการคิดภาษี VAT และมหาดไทยผลคือต้นทุนภาษีโดยรวมพวกคุณต่ำกว่ารถอีวีนำเข้า แล้วคุณยังมาโวยวายว่าเสียเปรียบรถนำเข้า  8) ก็ตัวเองไม่ทำเองทั้งนั้น ภาษีก็ได้เปรียบกว่า นี่ยังไม่พออีกใช่ไหมคับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 15:55:44
อ่านแล้วจับได้แค่ว่า เจ้าของกระทู้ไม่พอใจที่เอกชนไม่เปลี่ยนเป็น ev ดังใจ เลยมองเป็นตัวถ่วง จบ
ถ้าคุณเชื่อในตลาดเสรีจริง เอกชนไม่ปรับตัวเขาก็อยู่ไม่รอดเอง และภาษีก็ไม่ได้เอื้อรถน้ำมัน หรืออุตสาหกรรมภายในเลย ตรงนี้แหละที่งง(แค่ไม่ได้ดังใจเจ้าของกระทู้)

fta จีน 0% บั่นทอนการลงทุน ev ในประเทศ ก็เงียบตอบอะไรไม่ได้

ให้แรงภาษีจูงใจ ev ต่ำกว่า เข้าใจได้ครับ แต่มันมีปัญหา 2 เรื่องที่ซ้อนกันอยู่ คือ รถน้ำมัน-ev กับนำเข้า-ผลิตในประเทศ
การอ้าง ev นำเข้า แต่มันมีความแตกต่างเรื่องนำเข้า-ผลิตในประเทศด้วย แบบนี้มันไม่แฟร์
ข้อตกลงนี้ ผลิตข้างในเสียภาษี แต่นำเข้าข้างนอกไม่เสีย แบบนี้ข้างในตายครับ อย่างน้อยเท่ากันก็ยังดี แต่อาศัยข้ออ้างเรื่อง ev เหมารวม จะเทียบต้องฐานเดียวกันด้วย
และยังมีเรื่องนำเข้า 0% อีก แบบนี้ลงทุนผลิต ev ในประเทศไม่เกิดแน่ นำเข้ากันหมด

เข้าใจผิดไปโน้นเลยคับ ผมไม่สนใจเรื่องอุตภายในมันจะเป็นยังไง เจ๊งรึป่าว เมินอีวี หรือยังไงทั้งนั้น ในฐานะผู้บริโภคในยุคนี้ที่มีการค้าเสรี พวกคุณไม่มีประโยชน์กับผมอะ ผมเมินรถพวกคุณอยู่แล้ว ประเด็นมันมาเกี่ยวกับการที่พวกคุณคิดจะมาแตะ ภาษีนำเข้าอีวี 0% ที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์   


พวกคุณไม่อยากทำอีวีก็เรื่องคุณ แต่ทำตัวดีๆ เลิกบ่น โวยวาย หาทางล๊อบบี้เรื่อง FTA 0% ผมรู้นะว่ากำลังคิดทำอะไรอยู่ อยู่ดีๆ ก้มหน้าก้มตาทำงานไปไม่ชอบ คงอยากหาเรื่องตีกับกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร เห็นชอบออกมาโวยวายผ่านทาง FTI, TAI มันยิ่งส่อเจตนาชัดเจนว่าพวกคุณกำลังไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้บริโภคคนไทยมีตัวเลือกบริโภคหลากหลายขึ้น ได้ใช้รถยนต์เทคโนโลยีในราคาถูกลง ทำยังงี้ภาพลักษณ์พวกคุณดีมากในสายตาของผู้บริโภคอีวีและที่กำลังทยอยเปลี่ยนมาใช้อีวีในอนาคต ไม่ทำอีวีก้อเรื่องพวกคุณ แต่อย่ามากร่างขวางทาง FTA 0% ที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคคนไทยเจ้าของประเทศ

"ภาษีก็ไม่ได้เอื้อรถน้ำมัน หรืออุตสาหกรรมภายในเลย ตรงนี้แหละที่งง"

โปรแกรม BOI รถผลิตภายในประเทศไม่ใช่ สรรพสามิต 0-2% รึ? อันนี้ส่งผลไปถึง VAT และสรรพสามิตด้วยเพราะก้อนสรรพสามิตมันจะเล็กกว่าก้อนสรรพสามิตของรถอีวีนำเข้า พอไปใส่สูตรการคิดภาษี VAT และมหาดไทยผลคือต้นทุนภาษีโดยรวมพวกคุณต่ำกว่ารถอีวีนำเข้า แล้วคุณยังมาโวยวายว่าเสียเปรียบรถนำเข้า  8) ก็ตัวเองไม่ทำเองทั้งนั้น ภาษีก็ได้เปรียบกว่า นี่ยังไม่พออีกใช่ไหมคับ

ผมก็ยังงงอยู่ดี เรื่องภาษีเป็นการตัดสินใจของรัฐ คุณไม่สนใจเรื่องอุตภายในมันจะเป็นยังไง เจ๊งรึป่าว เมินอีวี หรือยังไงทั้งนั้น ก็ถูกต้องแล้วครับ เพราะเขาเป็นเอกชน เขาจะทำยังไงมันก็เรื่องของเขา
ปัญหามันจึงอยู่ที่ศักยภาพความน่าเข้ามาลงทุนจากเจ้าของเทคโนโลยี ev ของประเทศเรา คุณให้ภาษีข้างนอกเท่าข้างในแค่นี้ก็ตายแล้วครับ ผมเป็นเจ้าของสินค้า ผมก็เลือกนำเข้า จะลงทุนผลิตในประเทศเพื่อ? เสียเปรียบ fta 0% จีนเห็นๆ นี่เข้าใจยากตรงไหน มันต้องมี non tariff barrier ให้ข้างใน ผมวิจารณ์รัฐเห็นไหม แต่คุณวิจารณ์เอกชน แล้วเอกชนมันจะไปเป็นตัวถ่วงได้ยังไง ในเมื่อเขามีเสรีภาพเต็มที่ในการตัดสินใจในตัวธุรกิจของเขา อำนาจในนโยบายเป็นของรัฐบาล รัฐบาลต้องสร้างสภาพแวดล้อมในการแข่งขันให้เป็นธรรม ถ้ารัฐถูกลอบบี้ได้ คุณคิดว่าควรโทษรัฐบาลที่ไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน หรือโทษเอกชนแบบที่คุณทำละ?

คือตอนแรกก็แบบไปทาง อุตสาหกรรมภายในมันเฒ่าทารก 50 ปี ไม่ใช่เหรอครับ แล้วตอนนี้มาเรื่องโวยวาย ล๊อบบี้นโยบายรัฐ ตรงลงประเด็นของคุณคือเอกชนไม่ยอมเปลี่ยนผ่านเป็น ev ดังใจคุณ หรือการล๊อบบี้รัฐของเขา แบบนี้มันไปเรื่อยอะครับ เพราะตอนนี้กลายเป็นคุณพูดว่าไม่สนใจเรื่องอุตภายในมันจะเป็นยังไงทั้งนั้น หรือผมเข้าใจผิดไปเองว่าหัวข้อกระทู้หมายถึง อุตสาหกรรมรถภายในถ่วงไม่ยอมเปลี่ยนผ่านไป ev ก็ตอนแรกมันมาแนวนี้นี่หว่า? สรุปคือการล๊อบบี้รัฐบาลสินะ

ผมก็อยากจะรู้ว่า เวลาแรงงานตกงานไปประท้วงรัฐบาล ผมเข้าใจได้ แต่คนอยากใช้ ev ไปประท้วงรัฐบาล อันนี้ผมเป็นนายกผมก็เมิน คุณจะแก้ปัญหาของคนเดือดร้อน หรือคนอยากใช้ อยากเท่ละ คุณเห็นถึงความสมเหตุสมผลไหม? เข้าใจครับเรื่องพลังงานสะอาดก็สำคัญ แต่คนเดือดร้อนสำคัญกว่า
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 16:37:37


ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ

แต่แต่รัฐบาล​ ต่างหากที่ต้องง้อ​ ผู้ผลิตรถในประเทศหากอยากจะให้ไทยเป้นฐานการผลิต​  EV
แต่​ ไม่มีเอกชนเจ้าไหน​ อยากลงทุน​ทำ​ EV.​เพราะทำมาก้ขายไม่ได้
มันไม่คุ้ม​ ลงทุน​ แค่นั่นละ

แม้แต่จีนเอง​
ก้ยังมาผลิตรถน้ำมันและ​ Hybrid.​ในไทยเอง
แน่จริง​ ถ้าบอกลงทุนผลิต​ มันคุ้ม​ทำไม​ จีนไม่ทำำ​นำเข้าทำไม​ มันไม่คุ้มลงทุนไง​
สูัเป้นเทรดดิ้งเอามาขายฟันกำไรดีกว่าสบาย

หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 16:46:35


ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ

แต่แต่รัฐบาล​ ต่างหากที่ต้องง้อ​ ผู้ผลิตรถในประเทศหากอยากจะให้ไทยเป้นฐานการผลิต​  EV
แต่​ ไม่มีเอกชนเจ้าไหน​ อยากลงทุน​ทำ​ EV.​เพราะทำมาก้ขายไม่ได้
มันไม่คุ้ม​ ลงทุน​ แค่นั่นละ

แม้แต่จีนเอง​
ก้ยังมาผลิตรถน้ำมันและ​ Hybrid.​ในไทยเอง
แน่จริง​ ถ้าบอกลงทุนผลิต​ มันคุ้ม​ทำไม​ จีนไม่ทำำ​นำเข้าทำไม​ มันไม่คุ้มลงทุนไง​
สูัเป้นเทรดดิ้งเอามาขายฟันกำไรดีกว่าสบาย

ผมก็คิดแบบนี้นะ
แต่เหมือนเจ้าของกระทู้เขาจะอินกับ ev เกินเหตุจนเกลียดจนชังเอกชนอะไรขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 27, 2021, 17:29:12


ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ

แต่แต่รัฐบาล​ ต่างหากที่ต้องง้อ​ ผู้ผลิตรถในประเทศหากอยากจะให้ไทยเป้นฐานการผลิต​  EV
แต่​ ไม่มีเอกชนเจ้าไหน​ อยากลงทุน​ทำ​ EV.​เพราะทำมาก้ขายไม่ได้
มันไม่คุ้ม​ ลงทุน​ แค่นั่นละ

แม้แต่จีนเอง​
ก้ยังมาผลิตรถน้ำมันและ​ Hybrid.​ในไทยเอง
แน่จริง​ ถ้าบอกลงทุนผลิต​ มันคุ้ม​ทำไม​ จีนไม่ทำำ​นำเข้าทำไม​ มันไม่คุ้มลงทุนไง​
สูัเป้นเทรดดิ้งเอามาขายฟันกำไรดีกว่าสบาย

ผมก็คิดแบบนี้นะ
แต่เหมือนเจ้าของกระทู้เขาจะอินกับ ev เกินเหตุจนเกลียดจนชังเอกชนอะไรขนาดนั้น

ครับ
มองไปรอบๆ​ อาเซียน​ หรือ​ ตลาดโลกเอง
มันก้ยัง​ ไม่มี​  ความชัดเจนในยอดขาย​ ไม่รู้ทำเสร็จ​ ลงทุนพัฒนา​ หลัก​ หมื่น​​ แสน​ ล้าน​ ยอดขาย​ หลักพันต่อปีเนี่ย​  55555​
EV​จีนยังยึกๆยัก​ Mass ไทย.เลย​ ดึงยอดที่ล้นกำลังการผลิตมาขายไทยสบายๆ​ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
แต่ถ้าใครฝันว่า​ แบรนที่ขายดีๆ​ จะมาไทยนะ​ ฝัน

อย่าฃที่บอก​ Boi.​ให้เงื่อนไข​ แบบ​ ปักธง​   ทำไม่ได้ไว้รอ​ ใครจะเอาด้วยละ​ ไม่มี​ ค่ายไหนเอาสักค่ายเลย​ ถึงกับต้อง​ เปิด​ เงื่อนไขใหม่​  ไม่มีใครเค้าโง่ทำแล้ว​ ขาดทุนรอหรอก

ฺBOI ก็ใช่มาว่า ทำมาเอาอกเอาใจ นะ มันก็ได้ผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย
หากฝ่ายใดไม่พอใจก็ไม่ ต้องทำก็ได้ ไม่ได้บังคับ
เช่น  BOI ปลอดภาษี แต่ เงื่อนไข มากมาย OEM เค้าไม่ OK เค้าก็ไม่ร่วม ก็ สิทธิของเค้า
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 11:04:20
ผมไม่ได้กินหญ้านะ ผมกินข้าว  ผมรู้ข้อดีข้อเสียว่ามันเป็นยังไง

   1. สร้างบรรยากาศที่ดีต่อการค้าและสร้างแรงดึงดูดให้การลงทุนที่ประเทศไทย
    2. ยกระดับมาตราฐานเรื่องกฏระเบียบทางการค้าและการลงทุนให้แก่ประเทศไทย
    3. รักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก
    4. ช่วยขยายการค้าของประเทศไทยแก่ประเทศสมาชิก CPTPP
    5. หากเข้าร่วม GDP ของประเทศจะเพิ่มขึ้น 0.12% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 13,323 ล้านบาท
    6. เงินในการลุงทุนจะเพิ่มขึ้น 5.14% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 148,240 ล้านบาท
    7. การส่งออกจะเพิ่มขึ้นถึง 3.47% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 271,340 ล้านบาท
    8. เงินที่ได้จากการจ้างงานจะมากขึ้นถึง  73,730 ล้านบาท
ข้อเสีย

   1 ประเทศไทยต้องปรับแก้ พรบ.คุ้มครองพันธุ์พืช ส่งผลให้เกษตรมีต้นทุนมากขึ้น เพราะไม่สามารถเก็บเมล็ดพืชไว้ปลูกในปีต่อไปได้
   2 มีโอกาศที่นักลงทุนต่างชาติจะมารุกรานตลาดในเมืองไทย เพราะได้รับสิทธิที่มากขึ้น
    3 ยกเลิกการให้สิทธิประโยชน์แก่องค์การเภชสัชกรรมในการจัดซื้อยาให้แก่ภาครัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้น
    4 ยกเลิกการช่วยเหลือแก่รัฐวิสาหกิจ ทำให้ค่าใช้จ่ายจำเป็นของประชาชนสูงมากขึ้น
    5 CPTPP ใช้เงื่อนไขการเจรจาแบบ negative list ทำให้ธุรกิจบริการภายในประเทศเสียประโยชน์ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
จากประโยชน์มานี่บริษัทยักษ์ใหญ่ได้เปรียบ เกษตรกรรายย่อยทั้งหลายเตรียมได้เลิกอาชชีพได้เลย คนจนทั้งหลายไม่มีทางลืมตาอ้าปาก คนส่วนใหญ่ในประเทศเค้าเสียประโยชชน์กัน ถามหน่อยคุณอ่านบ้างยัง ถ้าคุณอ่านแล้วเห็นดีงามด้วยคือคุณได้ประโยชชน์คุณมีเงินไปรักษาโรงพยาบาลแพงๆได้  แล้วไอ้พวกสุนัขเศรษฐสาสตร์ระหว่งประเทศมันตัวดีเลยกี่ครั้งที่ประเทศต้องเดินตามคำชี้นำไอ้คนเหล่านี้แล้วฟองสบู่แตกบ่อยๆ ส่วนค่ายาจากต่างประเทศตอนนี้กำไรต่อโดสมันแพงเกินไปมั้ย ยาดีไม่จำเป็ต้องต้นทุนงานวิจัยแพงเสมอไปไอ้ที่มันแพงเพราะกำไรที่บวกไปไม่รู้ต่อเท่าไหร่ และตอนนี้การวิจัยเอดส์และมะเร็งจากนิจัยไทยมีมาเยอะแยะกว่าเดิมทั้งที่ทุนวิจัยก็น้อยครับ และจากที่มองดูนะ  ที่คุณชอบ  cptpp  เพราะ มันดีแต่คนกลุ่มคุณกลุ่มเดียว  แต่คนส่วนใหญ่ในประเทศเค้าเสียประโยชน์กันเค้าถึงต่อต้านไม่เอา ถ้าเราเข้าร่วม cptpp นี้ คนจนๆเตรียมนอนป่วยตายข้างถนนได้เลย  ถ้างั้นคุณอพยพไปอยู่เวียดนามเถอะใเนมื่อชอบ  cptpp ซังกะบ๊วยดีนัก

ผมไม่ได้หาว่าคุณกินหญ้าครับ แต่บอกให้คุณไปศึกษาเรื่องยากำพร้า เพราะที่คุณพูดมามันทำให้รู้ว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องยากำพร้าเลยครับ
ผมจะพูดเฉพาะเรื่องยานะ เพราะเรื่องการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจมันเอกฉัณฑ์ไปแล้วจากความเห็นนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่มีความรู้จริงหลายๆ ท่าน ถ้าลองไปหาฟังดูก็จะรู้ว่าทำไม เพราะอะไร

หากคุณอยากใช้ของฟรี ของถูกแต่ผิดสิทธิบัตร มันถูกต้องตรงไหนครับ เพราะคุณไม่มีความรู้เรื่องยากำพร้าถึงได้บอกว่ากำไรมาก ความเป็นจริงมันไม่ใช่ไงครับ ค่าสิทธิบัตรมาจากไหน ยากำพร้าคืออะไร หากคุณมีญาติป่วยเป็นโรคซับซ้อน แทนที่จะมียารักษา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่กลับต้องตายเพราะไม่มียารักษา สาเหตุมาจากการละเมิดสิทธิบัตร อ้างจน มันถูกต้องอย่างงั้นเหรอครับ ยาไม่ควรถูกละเมิดสิทธิบัตร แต่ถ้าเข้าไม่ถึงเนื่องจากรายได้น้อย รัฐบาลควรเข้ามามีบทบาทตรงนี้ ไม่ใช่ทำผิดจนเคยตัว

อารมณ์เดียวกับลิขสิทธิ์เพลงนั่นแหละ พูดให้คนใช้ของฟรี ละเมิดสิทธิมันยาก อุตสาหกรรมเพลงมันถึงตาย ผมไม่อยากให้ยากำพร้าตาย เพราะวันนึงคนที่เรารักอาจจะไม่มียารักษา
ผมดูแล้วไทยเข้า ข้อตกลง cptpp เมื่อไหร่คือเสียเปรียบทุกทางครับ นักเศรษฐศาสตตร์กลุ่มนี้ที่อยากได้คือมันดีต่อเจ้าสัวเศรษฐีระดับท็อปของไทย เค้าคงได้ประโยชน์ด้วยกัน  ส่วนเรื่องการรักษา นโยบายภาครัฐทำได้ครอบคคลุมมากแล้ว  ส่วนการขอสิทธิ์ผลิตยาแม้จะจอสิทธิ์ได้แต่ทำยากกว่าเดิม  ปรระกอบกับมันเอื้อต่อการผูกขาดการค้าอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ราคาอาหารแพงมากอยู่แล้วแต่เมื่อเข้าร่วมเมื่อไหร่คือยิ่งแพงขึ้น  อีกอย่างถ้ามันดีจริงทำไมสมัย ทรัมป์ถึงถอนตัวจากข้อตกลงนี้รวมไปถึงประเทศอื่นเค้าถึงไม่สนใจเข้าครับ ยาที่ผลิตในประเทศไทยที่ขายตอนนนี่ย่อมขอสิทธิ์การผลิตถูกต้องแหละครับหากไม่ขอเค้าคงโดนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วครับ   คุณจะอ้างแต่สุนัขเศรษฐศาสตร์อะไรนั่นผมไม่สนใจครับ เค้าไม่ได้สนใจชนชั้นล่างไปถึงชนชั้นกลาง
https://www.hfocus.org/content/2020/07/19788
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 11:45:54


ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ

แต่แต่รัฐบาล​ ต่างหากที่ต้องง้อ​ ผู้ผลิตรถในประเทศหากอยากจะให้ไทยเป้นฐานการผลิต​  EV
แต่​ ไม่มีเอกชนเจ้าไหน​ อยากลงทุน​ทำ​ EV.​เพราะทำมาก้ขายไม่ได้
มันไม่คุ้ม​ ลงทุน​ แค่นั่นละ

แม้แต่จีนเอง​
ก้ยังมาผลิตรถน้ำมันและ​ Hybrid.​ในไทยเอง
แน่จริง​ ถ้าบอกลงทุนผลิต​ มันคุ้ม​ทำไม​ จีนไม่ทำำ​นำเข้าทำไม​ มันไม่คุ้มลงทุนไง​
สูัเป้นเทรดดิ้งเอามาขายฟันกำไรดีกว่าสบาย

"ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ"

ไปดูข้อเรียกร้องจากพวกอุตภายในเน่าๆถึงคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษภรยัง มีเอกสารเพิ่งออกมาไม่นาน ข้อเรียกร้องแต่ละตัวของพวกอุตภายในเน่าๆ...ยังบ้าโวยวายเรียกร้องจะให้แก้ FTA เหมือนเดิม เริ่มมีโวยวายถึง FTA อาเซียน ด้วยแล้ว  ถ้าพวกคุณไม่สนอีวีจะโวยวายผ่านทาง FTI, TAI ออกมาเรื่อยๆทำไม  นอกจากมีผลประโยชน์แอบแฝง 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 12:34:22

สัญญา​ มันจบไปแล้ว
อย่ามาเพ้อเจ้อ​
มัรแก้ไรไม่ได้แล้ว

ใช้​ EV.​  จีนคุณไป​ อย่ามาเพ้อเจ้อ

FTA.​ ไทย​ จีน​ มันก้มีหลายกลุ่มเสียผลประโยชน์
เค้่าจะ​ พวกนักการเมือง​ เค้าที่ทำหน้าที่ของเค้า​ ที่จะเสนอ​  ทบทวน

แต่สุดท้าย​ ประเทศชาติ​ ต้องมาก่อน​ พวกบ้ารถ​ EV
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 13:03:43


ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ

แต่แต่รัฐบาล​ ต่างหากที่ต้องง้อ​ ผู้ผลิตรถในประเทศหากอยากจะให้ไทยเป้นฐานการผลิต​  EV
แต่​ ไม่มีเอกชนเจ้าไหน​ อยากลงทุน​ทำ​ EV.​เพราะทำมาก้ขายไม่ได้
มันไม่คุ้ม​ ลงทุน​ แค่นั่นละ

แม้แต่จีนเอง​
ก้ยังมาผลิตรถน้ำมันและ​ Hybrid.​ในไทยเอง
แน่จริง​ ถ้าบอกลงทุนผลิต​ มันคุ้ม​ทำไม​ จีนไม่ทำำ​นำเข้าทำไม​ มันไม่คุ้มลงทุนไง​
สูัเป้นเทรดดิ้งเอามาขายฟันกำไรดีกว่าสบาย

"ตอนนี้เอกชน​ เค้าไม่สนแล้ว​ FTA.0% ไรนะ"

ไปดูข้อเรียกร้องจากพวกอุตภายในเน่าๆถึงคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษภรยัง มีเอกสารเพิ่งออกมาไม่นาน ข้อเรียกร้องแต่ละตัวของพวกอุตภายในเน่าๆ...ยังบ้าโวยวายเรียกร้องจะให้แก้ FTA เหมือนเดิม เริ่มมีโวยวายถึง FTA อาเซียน ด้วยแล้ว  ถ้าพวกคุณไม่สนอีวีจะโวยวายผ่านทาง FTI, TAI ออกมาเรื่อยๆทำไม  นอกจากมีผลประโยชน์แอบแฝง 

FTA มันก็มีหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่ EV
มันเป็นเรื่อง ปกติอยู่แล้ว ที่ กลุ่ม เสีย ผลประโยชน์ เรียกร้อง
รัฐบาล มีหน้า ที่ รับฟัง ความเห็น จากทุกภาค ส่วน ไม่ใช่แค่ บางกลุ่ม
สุดท้าย มันก็ เป็นเรื่อง ของ รัฐบาล ที่จะทำข้อตกลงอะไรก็ตาม

ที่แน่ๆ ไม่มา ตามใจ พวก เด็ก เห่อ EV แน่นอน
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 16:03:47

สัญญา​ มันจบไปแล้ว
อย่ามาเพ้อเจ้อ​
มัรแก้ไรไม่ได้แล้ว

ใช้​ EV.​  จีนคุณไป​ อย่ามาเพ้อเจ้อ

FTA.​ ไทย​ จีน​ มันก้มีหลายกลุ่มเสียผลประโยชน์
เค้่าจะ​ พวกนักการเมือง​ เค้าที่ทำหน้าที่ของเค้า​ ที่จะเสนอ​  ทบทวน

แต่สุดท้าย​ ประเทศชาติ​ ต้องมาก่อน​ พวกบ้ารถ​ EV
ใช่ครับ คนกลุ่มเดียวจะเอาแต่ผลประโยชน์ตัวเองเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นแหละครับ  รถอีวี จากจีนหรือนำเข้ามาจากที่ไหนก็ตามมันไม่ใช่ทุกสิ่งที่มันสำคัญอะไรนักหนา  ถ้ามันดีจริงคนเค้าจะค้าน FTA 0% ขนาด ยังไม่ตกลง FTA คนในประเทศไทยยังโดนแย่งตลาด แย่งงาน แย่งลูกค้า  โดนฝังบริษัททัวร์ 0เหรียญจากจีนตั้งเยอะแล้ว จะให้จีนมายึดระบบเศรษฐกิจเรียบเพราะพวกคาบช้อนเงินช้อนทองที่ไม่เคยลำบาก อยากได้รถไฟฟ้าหรือรถนำเข้าราคาถูกแต่ไม่อยากเสียภาษีเข้ารัฐ แล้วมาดูถูกรถน้ำมันว่าล้าหลังทั้งที่จริงรถไฟฟ้ามันไม่ได้ล้ำอะไรนะครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 21:31:35

สัญญา​ มันจบไปแล้ว
อย่ามาเพ้อเจ้อ​
มัรแก้ไรไม่ได้แล้ว

ใช้​ EV.​  จีนคุณไป​ อย่ามาเพ้อเจ้อ

FTA.​ ไทย​ จีน​ มันก้มีหลายกลุ่มเสียผลประโยชน์
เค้่าจะ​ พวกนักการเมือง​ เค้าที่ทำหน้าที่ของเค้า​ ที่จะเสนอ​  ทบทวน

แต่สุดท้าย​ ประเทศชาติ​ ต้องมาก่อน​ พวกบ้ารถ​ EV
ใช่ครับ คนกลุ่มเดียวจะเอาแต่ผลประโยชน์ตัวเองเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นแหละครับ  รถอีวี จากจีนหรือนำเข้ามาจากที่ไหนก็ตามมันไม่ใช่ทุกสิ่งที่มันสำคัญอะไรนักหนา  ถ้ามันดีจริงคนเค้าจะค้าน FTA 0% ขนาด ยังไม่ตกลง FTA คนในประเทศไทยยังโดนแย่งตลาด แย่งงาน แย่งลูกค้า  โดนฝังบริษัททัวร์ 0เหรียญจากจีนตั้งเยอะแล้ว จะให้จีนมายึดระบบเศรษฐกิจเรียบเพราะพวกคาบช้อนเงินช้อนทองที่ไม่เคยลำบาก อยากได้รถไฟฟ้าหรือรถนำเข้าราคาถูกแต่ไม่อยากเสียภาษีเข้ารัฐ แล้วมาดูถูกรถน้ำมันว่าล้าหลังทั้งที่จริงรถไฟฟ้ามันไม่ได้ล้ำอะไรนะครับ

"อยากได้รถไฟฟ้าหรือรถนำเข้าราคาถูกแต่ไม่อยากเสียภาษีเข้ารัฐ"

ผมโดนสรรพสามิตแพงกว่า VAT มากกว่า มหาดไทยมากกว่า ภาษียังไม่พอใช่ไหมคับในมุมมองของผู้จงรักภักดีต่อสถาบันอุตสาหกรรมภายใน  ;)
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 21:37:19

สัญญา​ มันจบไปแล้ว
อย่ามาเพ้อเจ้อ​
มัรแก้ไรไม่ได้แล้ว

ใช้​ EV.​  จีนคุณไป​ อย่ามาเพ้อเจ้อ

FTA.​ ไทย​ จีน​ มันก้มีหลายกลุ่มเสียผลประโยชน์
เค้่าจะ​ พวกนักการเมือง​ เค้าที่ทำหน้าที่ของเค้า​ ที่จะเสนอ​  ทบทวน

แต่สุดท้าย​ ประเทศชาติ​ ต้องมาก่อน​ พวกบ้ารถ​ EV

ก็ใช่ไงคับ สัญญาจบไปเป็นชาติเศษแล้ว ลงนามตั้งแต่ปี 2004 ในยุคแม้ว มีแต่พวกคุณที่จะมาเพ้อเจ้ออะไรเรื่อยๆ โวยวายเรียกร้องให้แก้อะไรอีก มันแก้ไม่ได้แล้ว  อยู่ดีๆไม่ชอบ คงอยากหาเรื่องตีกับกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร  ;) พวกผู้บริโภคก้อได้ประโยชน์รัวๆไป มีผู้บริโภคไหนมาเรียกร้องให้แก้ไข 0% คับ   

หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 22:46:33
ผมขอพูดไรหน่อยเน้อ คือประเด็นงี้อะ มันควรจะพูดกันในงานหรือถกกันในมิตติ้งจะดีกว่านะครับ คุยกันในนี้ 30หน้าก็ไม่มีทางจบ แล้วมันจะเสียบรรยากาศการรับชมเว็ปเอานะครับ พอกันเหอะครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 23:45:33

สัญญา​ มันจบไปแล้ว
อย่ามาเพ้อเจ้อ​
มัรแก้ไรไม่ได้แล้ว

ใช้​ EV.​  จีนคุณไป​ อย่ามาเพ้อเจ้อ

FTA.​ ไทย​ จีน​ มันก้มีหลายกลุ่มเสียผลประโยชน์
เค้่าจะ​ พวกนักการเมือง​ เค้าที่ทำหน้าที่ของเค้า​ ที่จะเสนอ​  ทบทวน

แต่สุดท้าย​ ประเทศชาติ​ ต้องมาก่อน​ พวกบ้ารถ​ EV

ก็ใช่ไงคับ สัญญาจบไปเป็นชาติเศษแล้ว ลงนามตั้งแต่ปี 2004 ในยุคแม้ว มีแต่พวกคุณที่จะมาเพ้อเจ้ออะไรเรื่อยๆ โวยวายเรียกร้องให้แก้อะไรอีก มันแก้ไม่ได้แล้ว  อยู่ดีๆไม่ชอบ คงอยากหาเรื่องตีกับกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร  ;) พวกผู้บริโภคก้อได้ประโยชน์รัวๆไป มีผู้บริโภคไหนมาเรียกร้องให้แก้ไข 0% คับ   


พวกคุณ เพ้อเจ้ออะไร ละครับ อะไร ที่ มันจบแล้วคือจบ นั่นละ
ไม่ใช่ คุณ เหรอ ที่เอามาเพ้อเจ้อ ตั้งโพส เนี่ย 5555
ขำอะ ประจานตัวเอง
ประจาน ตั้งแต่ เอาเรื่อง การเมือง มา ปน กับ เรื่องรถ ละ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 28, 2021, 23:51:18

"อยากได้รถไฟฟ้าหรือรถนำเข้าราคาถูกแต่ไม่อยากเสียภาษีเข้ารัฐ"

ผมโดนสรรพสามิตแพงกว่า VAT มากกว่า มหาดไทยมากกว่า ภาษียังไม่พอใช่ไหมคับในมุมมองของผู้จงรักภักดีต่อสถาบันอุตสาหกรรมภายใน  ;)

วนไป วนมา อยู่ประโยคเดียว นี่เนอะ
อะไรก็ จงรักภักดี งรักภักดีต่อสถาบันอุตสาหกรรมภายใน

พอดี คนไทย ไง ไม่ให้สนับสนุนภายใน จะให้ไป สนับ สนุนภายนอกเหรอ ตรรกะวิบัติจริงๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 00:20:32

"อยากได้รถไฟฟ้าหรือรถนำเข้าราคาถูกแต่ไม่อยากเสียภาษีเข้ารัฐ"

ผมโดนสรรพสามิตแพงกว่า VAT มากกว่า มหาดไทยมากกว่า ภาษียังไม่พอใช่ไหมคับในมุมมองของผู้จงรักภักดีต่อสถาบันอุตสาหกรรมภายใน  ;)

วนไป วนมา อยู่ประโยคเดียว นี่เนอะ
อะไรก็ จงรักภักดี งรักภักดีต่อสถาบันอุตสาหกรรมภายใน

พอดี คนไทย ไง ไม่ให้สนับสนุนภายใน จะให้ไป สนับ สนุนภายนอกเหรอ ตรรกะวิบัติจริงๆ

"อะไรก็ จงรักภักดี งรักภักดีต่อสถาบันอุตสาหกรรมภายใน"
เหน็บเสียดสีขำๆคับ พฤติกรรมมันเหมือนพวกคนบางกลุ่ม

"พอดี คนไทย ไง ไม่ให้สนับสนุนภายใน จะให้ไป สนับ สนุนภายนอกเหรอ ตรรกะวิบัติจริงๆ"
เรื่องของพวกคุณ ผมไม่ได้แซบซุ้ง ชาตินิยมสุดๆอะไรๆก้อ made in thailand อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 00:26:28

สัญญา​ มันจบไปแล้ว
อย่ามาเพ้อเจ้อ​
มัรแก้ไรไม่ได้แล้ว

ใช้​ EV.​  จีนคุณไป​ อย่ามาเพ้อเจ้อ

FTA.​ ไทย​ จีน​ มันก้มีหลายกลุ่มเสียผลประโยชน์
เค้่าจะ​ พวกนักการเมือง​ เค้าที่ทำหน้าที่ของเค้า​ ที่จะเสนอ​  ทบทวน

แต่สุดท้าย​ ประเทศชาติ​ ต้องมาก่อน​ พวกบ้ารถ​ EV

ก็ใช่ไงคับ สัญญาจบไปเป็นชาติเศษแล้ว ลงนามตั้งแต่ปี 2004 ในยุคแม้ว มีแต่พวกคุณที่จะมาเพ้อเจ้ออะไรเรื่อยๆ โวยวายเรียกร้องให้แก้อะไรอีก มันแก้ไม่ได้แล้ว  อยู่ดีๆไม่ชอบ คงอยากหาเรื่องตีกับกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตร  ;) พวกผู้บริโภคก้อได้ประโยชน์รัวๆไป มีผู้บริโภคไหนมาเรียกร้องให้แก้ไข 0% คับ   


พวกคุณ เพ้อเจ้ออะไร ละครับ อะไร ที่ มันจบแล้วคือจบ นั่นละ
ไม่ใช่ คุณ เหรอ ที่เอามาเพ้อเจ้อ ตั้งโพส เนี่ย 5555
ขำอะ ประจานตัวเอง
ประจาน ตั้งแต่ เอาเรื่อง การเมือง มา ปน กับ เรื่องรถ ละ

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ มีนาคม 01, 2021, 07:08:27

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

มันไม่เกี่ยวกับรักชาติ มันคือหลักการ คุณเอาหลักการให้ถูกก่อนดีไหมครับ แทนที่จะมามองแค่เรื่องหยุมหยิม เอกชนจะบ่นอะไร คุณก็ไม่เกี่ยวอยู่แล้ว แค่ผู้บริโภค เขาเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง มีสิทธิโวยวายข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรมอยู่แล้ว ถ้ารัฐไม่ถูกล้อบบี้ได้มันก็ไม่น่าจะมีอะไรไม่ถูกต้องนี่ครับ คุณอคติกับเขาชัดเจนนะผมว่า

หลักการที่ถูกต้องนะครับ
ภาษีข้างนอกไม่ควรจะถูกกว่าข้างใน ---> ไม่มีประเทศไหนส่งเสริมการนำเข้าถ้าคุณผลิตได้เอง
ในกรณีที่อยากส่งเสริมให้เกิดการลงทุนผลิต ภาษีนำเข้าต่ำกว่า จะทำให้ไม่เกิดการลงทุน
ในกรณีที่ผลิตข้างในอยู่แล้ว ภาษีนำเข้าเท่ากับข้างในได้ แต่ห้ามต่ำกว่า ---> ต่ำกว่าคือทำลายอุตสาหกรรมตัวเอง เท่ากันได้ ให้เป็นไปตาม rule of origin
ในกรณีที่ข้างในไม่มี ภาษีนำเข้าเท่ากับข้างในไม่ได้ ---> เหตุผลตามข้างบน และควรมี non tariff barrier ให้ข้างในหากต้องการให้ภาษีเท่ากันจริงๆ

เอาพื้นฐานให้ถูกต้องก่อนครับ หลักการกว้างๆ เป็นแบบนี้ทุกประเทศ
อย่างมองแต่ประโยชน์ส่วนตัว ต้องเคารพผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: pim_cute ที่ มีนาคม 01, 2021, 07:27:17
ผมดูแล้วไทยเข้า ข้อตกลง cptpp เมื่อไหร่คือเสียเปรียบทุกทางครับ นักเศรษฐศาสตตร์กลุ่มนี้ที่อยากได้คือมันดีต่อเจ้าสัวเศรษฐีระดับท็อปของไทย เค้าคงได้ประโยชน์ด้วยกัน  ส่วนเรื่องการรักษา นโยบายภาครัฐทำได้ครอบคคลุมมากแล้ว  ส่วนการขอสิทธิ์ผลิตยาแม้จะจอสิทธิ์ได้แต่ทำยากกว่าเดิม  ปรระกอบกับมันเอื้อต่อการผูกขาดการค้าอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ราคาอาหารแพงมากอยู่แล้วแต่เมื่อเข้าร่วมเมื่อไหร่คือยิ่งแพงขึ้น  อีกอย่างถ้ามันดีจริงทำไมสมัย ทรัมป์ถึงถอนตัวจากข้อตกลงนี้รวมไปถึงประเทศอื่นเค้าถึงไม่สนใจเข้าครับ ยาที่ผลิตในประเทศไทยที่ขายตอนนนี่ย่อมขอสิทธิ์การผลิตถูกต้องแหละครับหากไม่ขอเค้าคงโดนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วครับ   คุณจะอ้างแต่สุนัขเศรษฐศาสตร์อะไรนั่นผมไม่สนใจครับ เค้าไม่ได้สนใจชนชั้นล่างไปถึงชนชั้นกลาง
https://www.hfocus.org/content/2020/07/19788

ใน link มันคือผลกระทบ ซึ่งผมบอกไปแล้วว่าเรื่องยามีผลกระทบจริง ไม่มีประโยชน์เลยครับที่คุณยกมา ผมบอกไปแล้วว่าให้ไปศึกษาเรื่องยากำพร้า ว่าทำไมเราจึงควรเสียสิทธิบัตรยาอย่างถูกต้อง แต่คุณไม่มีความรู้ตรงนี้ คุณคิดว่ายาที่คิดค้นขึ้นใหม่ สิทธิบัตรอยู่กับคนคิดหรือ อย บ้านเรา? ยังมองว่าเราทำถูกต้องอีกเหรอครับกับราคายาถูกๆ น่ะ ส่วนยาที่หมดสิทธิบัตรไปแล้วอันนี้ไม่ผิดครับ

ทรัมป์ ไม่ส่งเสริมการขาดดุล นั่นคือเหตุผลที่เขาออกจาก tpp มันจ้องเชือดประเทศที่เกินดุล us ทุกราย ส่วนเรื่องที่ผมบอกเอกฉัณฑ์ไปแล้ว เพราะผมฟังนักวิชาการหลายๆ ฝ่าย ไม่ได้ฟังฝ่ายเดียว โดยคุณบอกว่า "ผมดูแล้ว" ผมเลือกเชื่อคนมีความรู้โดยตรงมากกว่า ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคุณเลือกฟังเฉพาะแต่ข้อมูลที่อยากฟังหรือเปล่า
ผมคิดว่าเรื่องนี้ ที่บอกว่าไม่อยากพูดเพราะ ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ตัดสินเอง เวียดนามตอนนี้หยุดไม่อยู่แล้ว ส่งออกแซงไทยไปแล้ว มีข้อตกลงกับทุกประเทศบริโภค us eu jap จีน อินเดีย คุณอย่าคิดว่าคนที่เข้า cptpp เสียเปรียบแบบไทย ประเทศสมาชิกเขาไม่โง่หรอกครับ เขาโดนเหมือนกันหมดก็ยังเข้า เพราะประโยชน์ที่ได้มันคุ้มค่า 10-20 ปี หลังจากนี้จะตัดสินเอง เวียดนามแซงไทยเมื่อไร คุณยังจะคิดเหมือนเดิมหรือไม่?

ส่วนเรื่อง negogiate เราต้องหัดฉลาดกว่านี้ แทนที่จะปฏิเสธตั้งแต่เริ่มแรก คุณดูเวียดนาม บางข้อตกลงที่เสียเปรียบขอต่อรองระยะเวลาบ้าง ตั้ง non tariff barrier แบบประเทศอื่นๆ บ้าง มันสามารถใช้วิธีที่หลากหลายในการล่อหลอก ดีกว่าปฏิเสธจบ ไม่มีประโยชน์เลย ประเทศส่งออกทำแบบนี้ไม่ฉลาดเลยคุณ ถ้าโดนสินค้าอ่อนไหวเสียเปรียบมากๆ จริงๆ ค่อยออกก็ยังไม่สาย
ผมจะพูดเรื่องมาตรฐานให้ฟังนะคุณ ถึงคุณไม่ยกระดับมาตรฐานตอนนี้ เพราะเสียประโยชน์ ในอนาคตคุณก็ต้องยกอยู่ดี คุณจะโดนแบบเรื่อง iuu ตามมาทีหลัง แม้คุณจะไม่เข้า cptpp  ก็ตาม ตรงกันข้าม รอบบ้านเราเขายกระดับไปเท่าทั้งโลก เราจะยิ่งถูกทิ้งไกล แบบนี้ดีแล้วจริงๆ เหรอครับ?
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: PaPaMan ที่ มีนาคม 01, 2021, 09:06:14
ผมดูแล้วไทยเข้า ข้อตกลง cptpp เมื่อไหร่คือเสียเปรียบทุกทางครับ นักเศรษฐศาสตตร์กลุ่มนี้ที่อยากได้คือมันดีต่อเจ้าสัวเศรษฐีระดับท็อปของไทย เค้าคงได้ประโยชน์ด้วยกัน  ส่วนเรื่องการรักษา นโยบายภาครัฐทำได้ครอบคคลุมมากแล้ว  ส่วนการขอสิทธิ์ผลิตยาแม้จะจอสิทธิ์ได้แต่ทำยากกว่าเดิม  ปรระกอบกับมันเอื้อต่อการผูกขาดการค้าอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ราคาอาหารแพงมากอยู่แล้วแต่เมื่อเข้าร่วมเมื่อไหร่คือยิ่งแพงขึ้น  อีกอย่างถ้ามันดีจริงทำไมสมัย ทรัมป์ถึงถอนตัวจากข้อตกลงนี้รวมไปถึงประเทศอื่นเค้าถึงไม่สนใจเข้าครับ ยาที่ผลิตในประเทศไทยที่ขายตอนนนี่ย่อมขอสิทธิ์การผลิตถูกต้องแหละครับหากไม่ขอเค้าคงโดนดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วครับ   คุณจะอ้างแต่สุนัขเศรษฐศาสตร์อะไรนั่นผมไม่สนใจครับ เค้าไม่ได้สนใจชนชั้นล่างไปถึงชนชั้นกลาง
https://www.hfocus.org/content/2020/07/19788 (https://www.hfocus.org/content/2020/07/19788)

ใน link มันคือผลกระทบ ซึ่งผมบอกไปแล้วว่าเรื่องยามีผลกระทบจริง ไม่มีประโยชน์เลยครับที่คุณยกมา ผมบอกไปแล้วว่าให้ไปศึกษาเรื่องยากำพร้า ว่าทำไมเราจึงควรเสียสิทธิบัตรยาอย่างถูกต้อง แต่คุณไม่มีความรู้ตรงนี้ คุณคิดว่ายาที่คิดค้นขึ้นใหม่ สิทธิบัตรอยู่กับคนคิดหรือ อย บ้านเรา? ยังมองว่าเราทำถูกต้องอีกเหรอครับกับราคายาถูกๆ น่ะ ส่วนยาที่หมดสิทธิบัตรไปแล้วอันนี้ไม่ผิดครับ

ทรัมป์ ไม่ส่งเสริมการขาดดุล นั่นคือเหตุผลที่เขาออกจาก tpp มันจ้องเชือดประเทศที่เกินดุล us ทุกราย ส่วนเรื่องที่ผมบอกเอกฉัณฑ์ไปแล้ว เพราะผมฟังนักวิชาการหลายๆ ฝ่าย ไม่ได้ฟังฝ่ายเดียว โดยคุณบอกว่า "ผมดูแล้ว" ผมเลือกเชื่อคนมีความรู้โดยตรงมากกว่า ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าคุณเลือกฟังเฉพาะแต่ข้อมูลที่อยากฟังหรือเปล่า
ผมคิดว่าเรื่องนี้ ที่บอกว่าไม่อยากพูดเพราะ ปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ตัดสินเอง เวียดนามตอนนี้หยุดไม่อยู่แล้ว ส่งออกแซงไทยไปแล้ว มีข้อตกลงกับทุกประเทศบริโภค us eu jap จีน อินเดีย คุณอย่าคิดว่าคนที่เข้า cptpp เสียเปรียบแบบไทย ประเทศสมาชิกเขาไม่โง่หรอกครับ เขาโดนเหมือนกันหมดก็ยังเข้า เพราะประโยชน์ที่ได้มันคุ้มค่า 10-20 ปี หลังจากนี้จะตัดสินเอง เวียดนามแซงไทยเมื่อไร คุณยังจะคิดเหมือนเดิมหรือไม่?

ส่วนเรื่อง negogiate เราต้องหัดฉลาดกว่านี้ แทนที่จะปฏิเสธตั้งแต่เริ่มแรก คุณดูเวียดนาม บางข้อตกลงที่เสียเปรียบขอต่อรองระยะเวลาบ้าง ตั้ง non tariff barrier แบบประเทศอื่นๆ บ้าง มันสามารถใช้วิธีที่หลากหลายในการล่อหลอก ดีกว่าปฏิเสธจบ ไม่มีประโยชน์เลย ประเทศส่งออกทำแบบนี้ไม่ฉลาดเลยคุณ ถ้าโดนสินค้าอ่อนไหวเสียเปรียบมากๆ จริงๆ ค่อยออกก็ยังไม่สาย
ผมจะพูดเรื่องมาตรฐานให้ฟังนะคุณ ถึงคุณไม่ยกระดับมาตรฐานตอนนี้ เพราะเสียประโยชน์ ในอนาคตคุณก็ต้องยกอยู่ดี คุณจะโดนแบบเรื่อง iuu ตามมาทีหลัง แม้คุณจะไม่เข้า cptpp  ก็ตาม ตรงกันข้าม รอบบ้านเราเขายกระดับไปเท่าทั้งโลก เราจะยิ่งถูกทิ้งไกล แบบนี้ดีแล้วจริงๆ เหรอครับ?


555 เหมือนมีอาจารย์มา lecture ให้ฟังเลยครับ
ชอบ ชอบ ชอบ  :)
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 09:28:11

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: คนขับรถ ที่ มีนาคม 01, 2021, 09:56:05
จากคนแก่โง่ๆ คนนึงนะ ขอตอบว่าเป็นตัวถ่วงครับ มองไม่เห็นวิสัยทัศ ที่จะเดินไปสู่อนาคตเลย ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่เพื่อบ้านเราเริ่มเดินสู่อนาคตกันแล้ว
ของเรายังมองหาปลายทางของสิ่งที่มีอยู่และเป็นไป ยังไม่เจอเลย.... เทคโนโลยี่เปลี่ยนแต่คนไม่เปลี่ยน

สิ่งดีๆที่มีอยู่ก็ทำแค่ให้ผ่านๆไป(สุดท้ายก็จะตามเค้าไม่ทัน) ไม่เคยพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต

จากมุมมองคนนอกที่ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:07:47
จากคนแก่โง่ๆ คนนึงนะ ขอตอบว่าเป็นตัวถ่วงครับ มองไม่เห็นวิสัยทัศ ที่จะเดินไปสู่อนาคตเลย ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่เพื่อบ้านเราเริ่มเดินสู่อนาคตกันแล้ว
ของเรายังมองหาปลายทางของสิ่งที่มีอยู่และเป็นไป ยังไม่เจอเลย.... เทคโนโลยี่เปลี่ยนแต่คนไม่เปลี่ยน

สิ่งดีๆที่มีอยู่ก็ทำแค่ให้ผ่านๆไป(สุดท้ายก็จะตามเค้าไม่ทัน) ไม่เคยพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต

จากมุมมองคนนอกที่ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ

ข่าวที่คนนอกเสพจากสื่อน่ะมันคือภาพลวงตาครับ เรื่องจริงคือยังไม่มีเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศไหนเดินไปสู่อนาคตของ BEV เลย ตรงกันข้ามหลายประเทศกำลังเริ่มเดินตามก้นไทยด้วยการเพิ่งจะเริ่มผลิตรถ HEV ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้คนนอกหลายคนถูกหลอกด้วยข่าวว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะผลิต EV แล้ว ทั้งๆที่ในความหมายของบริษัทรถยนต์ EV = HEV+PHEV+BEV และไอ้ที่กำลังจะไปเริ่มผลิตในประเทศเพื่อนบ้านทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่น่ะมันคือ HEV ล้วนๆ (ค่ายรถไม่ได้โกหกเพราะ HEV มันก็คือ EV ชนิดหนึ่ง แต่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดกันไปเอง)

มีที่เป็นรูปเป็นร่างและระบุชัดเจนว่า BEV หน่อยก็คือสิงคโปร์ แต่มันก็เป็นแค่การสร้างกระแสภายในประเทศที่จะขายภาพความก้าวหน้าของสิงคโปร์ต่อสังคมโลก ด้วย Capacity จิ๊บจ๊อยเพียง 30,000 คัน มันไม่เพียงพอจะส่งออกไปไหนได้มากมายอยู่แล้วเน้นผลิตเพื่อใช้ในประเทศเป้นส่วนใหญ่ และเมื่อ BEV ได้รับความนิยมโดยทั่วไปโรงงานในสิงคโปร์ก็ต้องปิดไปเพื่อนำเข้า BEV จากเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศอื่นตามระเบียบเพราะด้วย Volume และต้นทุนการผลิตแล้วมันสู้กันไม่ได้เลย

ส่วนประเทศไทยนั้นคิดว่าการที่รถยนต์หลายค่ายมีโรงงานในประเทศไทยเป็น Lead plant มี R&D อยู่ในประเทศไทย มีตลาดขนาดใหญ่ของ ASEAN อยู่ในประเทศไทย มีเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่างในประเทศไทยเป็นหลักของ ASEAN นั้นมันมีไว้เพื่ออะไรล่ะครับ เวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีหรือมีเทคโนโลยีใหม่
Lead plant สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่าโรงงานอื่นในภูมิภาคหรือเปล่า
R&D ที่อยู่ในประเทศสามารถสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ได้คล่องตัวกว่าไปทำที่ประเทศอื่นหรือเปล่า
ตลาดในประเทศไทยมีทั้ง Volume และกำลังซื้อแทบจะสูงที่สุดใน ASEAN เมื่อพิจารณาโดยรวม แบบนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเปล่า
เครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่สามารถสนับสนุนชิ้นส่วน High Technology สำหรับ ASEAN อยู่ในประเทศไทยเป็นหลักหรือเปล่า

รถยนต์ไฟฟ้าหรือ BEV มันเป็นเพียงรถยนต์ชนิดหนึ่งครับ ทำไมจึงคิดว่าประเทศอื่นใน ASEAN ที่ไม่มีความพร้อมในอุตสาหกรรมนี้เท่าประเทศไทยจึงจะก้าวหน้ากว่าเรา
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:30:38

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

"อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้"

https://www.youtube.com/watch?v=BCvsLo3P_ck

เค้าออกสื่อมาเป็นชาติแล้ว อยู่กะลาไหนอยู่คุณณณณ  นี่หรอไอ้พวกอ้างตัวว่าเป็นคนใน   ::) ::) ::)

ปอลิง มีรายงานยาวๆอีกฉบับของ TAI ทำออกมาปีก่อน เดี่ยวหา pdf มาแปะให้ไอ้ที่ขี้โม้ว่าเป็นคนในที่แม่งไม่รู้ว่ามีแพร๊บ

เพิ่มเติม สำหรับ ข้อมูลล่าสุดเพ่งมาไม่นาน คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อ้างเป็นคนใน แต่ไม่รู้เรื่องนี้ อนาจชิบหาย อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: คนขับรถ ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:38:48
จากคนแก่โง่ๆ คนนึงนะ ขอตอบว่าเป็นตัวถ่วงครับ มองไม่เห็นวิสัยทัศ ที่จะเดินไปสู่อนาคตเลย ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่เพื่อบ้านเราเริ่มเดินสู่อนาคตกันแล้ว
ของเรายังมองหาปลายทางของสิ่งที่มีอยู่และเป็นไป ยังไม่เจอเลย.... เทคโนโลยี่เปลี่ยนแต่คนไม่เปลี่ยน

สิ่งดีๆที่มีอยู่ก็ทำแค่ให้ผ่านๆไป(สุดท้ายก็จะตามเค้าไม่ทัน) ไม่เคยพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต

จากมุมมองคนนอกที่ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ

ข่าวที่คนนอกเสพจากสื่อน่ะมันคือภาพลวงตาครับ เรื่องจริงคือยังไม่มีเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศไหนเดินไปสู่อนาคตของ BEV เลย ตรงกันข้ามหลายประเทศกำลังเริ่มเดินตามก้นไทยด้วยการเพิ่งจะเริ่มผลิตรถ HEV ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้คนนอกหลายคนถูกหลอกด้วยข่าวว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะผลิต EV แล้ว ทั้งๆที่ในความหมายของบริษัทรถยนต์ EV = HEV+PHEV+BEV และไอ้ที่กำลังจะไปเริ่มผลิตในประเทศเพื่อนบ้านทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่น่ะมันคือ HEV ล้วนๆ (ค่ายรถไม่ได้โกหกเพราะ HEV มันก็คือ EV ชนิดหนึ่ง แต่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดกันไปเอง)

มีที่เป็นรูปเป็นร่างและระบุชัดเจนว่า BEV หน่อยก็คือสิงคโปร์ แต่มันก็เป็นแค่การสร้างกระแสภายในประเทศที่จะขายภาพความก้าวหน้าของสิงคโปร์ต่อสังคมโลก ด้วย Capacity จิ๊บจ๊อยเพียง 30,000 คัน มันไม่เพียงพอจะส่งออกไปไหนได้มากมายอยู่แล้วเน้นผลิตเพื่อใช้ในประเทศเป้นส่วนใหญ่ และเมื่อ BEV ได้รับความนิยมโดยทั่วไปโรงงานในสิงคโปร์ก็ต้องปิดไปเพื่อนำเข้า BEV จากเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศอื่นตามระเบียบเพราะด้วย Volume และต้นทุนการผลิตแล้วมันสู้กันไม่ได้เลย

ส่วนประเทศไทยนั้นคิดว่าการที่รถยนต์หลายค่ายมีโรงงานในประเทศไทยเป็น Lead plant มี R&D อยู่ในประเทศไทย มีตลาดขนาดใหญ่ของ ASEAN อยู่ในประเทศไทย มีเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่างในประเทศไทยเป็นหลักของ ASEAN นั้นมันมีไว้เพื่ออะไรล่ะครับ เวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีหรือมีเทคโนโลยีใหม่
Lead plant สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่าโรงงานอื่นในภูมิภาคหรือเปล่า
R&D ที่อยู่ในประเทศสามารถสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ได้คล่องตัวกว่าไปทำที่ประเทศอื่นหรือเปล่า
ตลาดในประเทศไทยมีทั้ง Volume และกำลังซื้อแทบจะสูงที่สุดใน ASEAN เมื่อพิจารณาโดยรวม แบบนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเปล่า
เครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่สามารถสนับสนุนชิ้นส่วน High Technology สำหรับ ASEAN อยู่ในประเทศไทยเป็นหลักหรือเปล่า

รถยนต์ไฟฟ้าหรือ BEV มันเป็นเพียงรถยนต์ชนิดหนึ่งครับ ทำไมจึงคิดว่าประเทศอื่นใน ASEAN ที่ไม่มีความพร้อมในอุตสาหกรรมนี้เท่าประเทศไทยจึงจะก้าวหน้ากว่าเรา

ผมไม่ได้เทียบเฉพาะ BEV ผมมองไปที่ภาพรวมแบบคนนอกวงการ เท่าที่เห็น มาเลเชีย สิงคโปร์ เวียดนาม อิโดเนเชีย เริ่มขยับเป็นรูปธรรม กันแล้ว หลายแบรนด์(ยกเว้นจากจีน) เริ่มไปปักหลักกันที่นั่นกันแล้ว(คำถามคือทำไมไม่เลือกมาไทย)ทั้งๆที่ตลาดเค้าเล็กกว่า ยกเว้นอินโดฯ แต่ของเรากลับอยู่กับที่รึเปล่า(ความรู้สึกส่วนตัว) ไม่เห็นมีทิศทาง/เป้าหมายที่ชัดเจนอะไรเลยที่จะก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ทีกำลังจะก้าวเข้ามา

เห็นแต่ความภูมิใจกับเริ่มเดิมๆที่จะเอ๊าท์ไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:52:15
ถ้าไม่หยุดกัน ผมแจ้งแอดมินนะครับ มันใช่ที่มาทะเลาะกันใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:55:33
จากคนแก่โง่ๆ คนนึงนะ ขอตอบว่าเป็นตัวถ่วงครับ มองไม่เห็นวิสัยทัศ ที่จะเดินไปสู่อนาคตเลย ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่เพื่อบ้านเราเริ่มเดินสู่อนาคตกันแล้ว
ของเรายังมองหาปลายทางของสิ่งที่มีอยู่และเป็นไป ยังไม่เจอเลย.... เทคโนโลยี่เปลี่ยนแต่คนไม่เปลี่ยน

สิ่งดีๆที่มีอยู่ก็ทำแค่ให้ผ่านๆไป(สุดท้ายก็จะตามเค้าไม่ทัน) ไม่เคยพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต

จากมุมมองคนนอกที่ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ

ข่าวที่คนนอกเสพจากสื่อน่ะมันคือภาพลวงตาครับ เรื่องจริงคือยังไม่มีเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศไหนเดินไปสู่อนาคตของ BEV เลย ตรงกันข้ามหลายประเทศกำลังเริ่มเดินตามก้นไทยด้วยการเพิ่งจะเริ่มผลิตรถ HEV ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้คนนอกหลายคนถูกหลอกด้วยข่าวว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะผลิต EV แล้ว ทั้งๆที่ในความหมายของบริษัทรถยนต์ EV = HEV+PHEV+BEV และไอ้ที่กำลังจะไปเริ่มผลิตในประเทศเพื่อนบ้านทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่น่ะมันคือ HEV ล้วนๆ (ค่ายรถไม่ได้โกหกเพราะ HEV มันก็คือ EV ชนิดหนึ่ง แต่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดกันไปเอง)

มีที่เป็นรูปเป็นร่างและระบุชัดเจนว่า BEV หน่อยก็คือสิงคโปร์ แต่มันก็เป็นแค่การสร้างกระแสภายในประเทศที่จะขายภาพความก้าวหน้าของสิงคโปร์ต่อสังคมโลก ด้วย Capacity จิ๊บจ๊อยเพียง 30,000 คัน มันไม่เพียงพอจะส่งออกไปไหนได้มากมายอยู่แล้วเน้นผลิตเพื่อใช้ในประเทศเป้นส่วนใหญ่ และเมื่อ BEV ได้รับความนิยมโดยทั่วไปโรงงานในสิงคโปร์ก็ต้องปิดไปเพื่อนำเข้า BEV จากเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศอื่นตามระเบียบเพราะด้วย Volume และต้นทุนการผลิตแล้วมันสู้กันไม่ได้เลย

ส่วนประเทศไทยนั้นคิดว่าการที่รถยนต์หลายค่ายมีโรงงานในประเทศไทยเป็น Lead plant มี R&D อยู่ในประเทศไทย มีตลาดขนาดใหญ่ของ ASEAN อยู่ในประเทศไทย มีเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่างในประเทศไทยเป็นหลักของ ASEAN นั้นมันมีไว้เพื่ออะไรล่ะครับ เวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีหรือมีเทคโนโลยีใหม่
Lead plant สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่าโรงงานอื่นในภูมิภาคหรือเปล่า
R&D ที่อยู่ในประเทศสามารถสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ได้คล่องตัวกว่าไปทำที่ประเทศอื่นหรือเปล่า
ตลาดในประเทศไทยมีทั้ง Volume และกำลังซื้อแทบจะสูงที่สุดใน ASEAN เมื่อพิจารณาโดยรวม แบบนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเปล่า
เครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่สามารถสนับสนุนชิ้นส่วน High Technology สำหรับ ASEAN อยู่ในประเทศไทยเป็นหลักหรือเปล่า

รถยนต์ไฟฟ้าหรือ BEV มันเป็นเพียงรถยนต์ชนิดหนึ่งครับ ทำไมจึงคิดว่าประเทศอื่นใน ASEAN ที่ไม่มีความพร้อมในอุตสาหกรรมนี้เท่าประเทศไทยจึงจะก้าวหน้ากว่าเรา

ไอ้ขี้โม้ว่าเป็นวงในสอบตกเรื่องข้อมูลอีกแล้วแค่ข้อมูลนิดๆหน่อยๆแม่งยังไม่รู้ 30,000 คันที่สิงค์โปร์ บริโภคในประเทศ 5,000 คัน อันนี้หรอเน้นผลิตเพื่อบริโภคส่วนใหญ่ในประเทศ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:55:50

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D

โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ

ก็เข้าใจนะว่ามีปัญญาแค่นี้ก็เลยตอบมาแค่นี้ FTA ASEAN เนี่ยนะที่ค่ายรถในไทยไม่ชอบ ถ้าไม่อยู่ในรูจนสมองฝ่อจริงคิดไม่ได้นะนี่
ไหนดูซิปี 2020 ที่ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แถม BEV ที่แสนน่ากลัวมาตีตลาดซะด้วย บรื๋อออ

ไทยผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 634,134 คัน
อินโดนีเซียผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 159,916 คัน

มาเลเซียผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 50,013 คัน
เวียดนามผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 126,409 คัน
ฟิลิปปินส์ผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 191,239 คัน
สิงคโปร์นำเข้ารถยนต์ประมาณ 47,000 คัน

ถามเด็กอนุบาลก็คงตอบได้ว่าประเทศไหนได้ประโยชน์สูงสุดจากเขตการค้าเสรี ASEAN ในเรื่องรถยนต์ แต่ถามผู้ใหญ่สมองกลวงแถวนี้คงจะได้คำตอบอีกแบบนึงเพราะอีโก้มันสูงปรี๊ดแถมขึ้นหลังเสือจนลงไม่ได้แล้ว 555 คงได้แต่มั่วนิ่มว่าค่ายรถในไทยโวยวายถึง FTA ASEAN ทั้งๆที่กำลังโกยเงินตรงนี้อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ 555
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Automotive Innovations ที่ มีนาคม 01, 2021, 10:58:38
ต่อยกันเลยครับ สนุกดี เอานวมคนละข้าง เอาให้ตายไปข้าง ถ้าไม่หยุดทั้งคู่ ผมจะให้เค้าแบนทั้งคู่นะครับ จะหยุดได้ยังครับ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 11:06:56

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D

โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ

ก็เข้าใจนะว่ามีปัญญาแค่นี้ก็เลยตอบมาแค่นี้ FTA ASEAN เนี่ยนะที่ค่ายรถในไทยไม่ชอบ ถ้าไม่อยู่ในรูจนสมองฝ่อจริงคิดไม่ได้นะนี่
ไหนดูซิปี 2020 ที่ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แถม BEV ที่แสนน่ากลัวมาตีตลาดซะด้วย บรื๋อออ

ไทยผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 634,134 คัน
อินโดนีเซียผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 159,916 คัน

มาเลเซียผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 50,013 คัน
เวียดนามผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 126,409 คัน
ฟิลิปปินส์ผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 191,239 คัน
สิงคโปร์นำเข้ารถยนต์ประมาณ 47,000 คัน

ถามเด็กอนุบาลก็คงตอบได้ว่าประเทศไหนได้ประโยชน์สูงสุดจากเขตการค้าเสรี ASEAN ในเรื่องรถยนต์ แต่ถามผู้ใหญ่สมองกลวงแถวนี้คงจะได้คำตอบอีกแบบนึงเพราะอีโก้มันสูงปรี๊ดแถมขึ้นหลังเสือจนลงไม่ได้แล้ว 555 คงได้แต่มั่วนิ่มว่าค่ายรถในไทยโวยวายถึง FTA ASEAN ทั้งๆที่กำลังโกยเงินตรงนี้อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ 555


"โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ"

ไปอยู่กะลาไหนมานะคุณณณณ แกล้งโง่ปะคับ Hyundai เข้าไปทำอะไรที่สิงค์โปร์กะอินโด  เคยตามข่าวบ้างไหมคับ  ::) ::) ::)

เอกสารล่าสุดผมชี้แจงไปแล้ว แต่คุณมันไม่กล้าคลานออกจากกะลาไปหามาดูเอง   รายงานมันชื่อ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า คณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดทำโดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการพลังงาน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร คุณขี้เกียจมากต้องเอาหญ้ามาป้อนลากจูงเลยดีไหมคับ   
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 11:07:23
จากคนแก่โง่ๆ คนนึงนะ ขอตอบว่าเป็นตัวถ่วงครับ มองไม่เห็นวิสัยทัศ ที่จะเดินไปสู่อนาคตเลย ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่เพื่อบ้านเราเริ่มเดินสู่อนาคตกันแล้ว
ของเรายังมองหาปลายทางของสิ่งที่มีอยู่และเป็นไป ยังไม่เจอเลย.... เทคโนโลยี่เปลี่ยนแต่คนไม่เปลี่ยน

สิ่งดีๆที่มีอยู่ก็ทำแค่ให้ผ่านๆไป(สุดท้ายก็จะตามเค้าไม่ทัน) ไม่เคยพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงสู่อนาคต

จากมุมมองคนนอกที่ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ

ข่าวที่คนนอกเสพจากสื่อน่ะมันคือภาพลวงตาครับ เรื่องจริงคือยังไม่มีเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศไหนเดินไปสู่อนาคตของ BEV เลย ตรงกันข้ามหลายประเทศกำลังเริ่มเดินตามก้นไทยด้วยการเพิ่งจะเริ่มผลิตรถ HEV ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้คนนอกหลายคนถูกหลอกด้วยข่าวว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะผลิต EV แล้ว ทั้งๆที่ในความหมายของบริษัทรถยนต์ EV = HEV+PHEV+BEV และไอ้ที่กำลังจะไปเริ่มผลิตในประเทศเพื่อนบ้านทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่น่ะมันคือ HEV ล้วนๆ (ค่ายรถไม่ได้โกหกเพราะ HEV มันก็คือ EV ชนิดหนึ่ง แต่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดกันไปเอง)

มีที่เป็นรูปเป็นร่างและระบุชัดเจนว่า BEV หน่อยก็คือสิงคโปร์ แต่มันก็เป็นแค่การสร้างกระแสภายในประเทศที่จะขายภาพความก้าวหน้าของสิงคโปร์ต่อสังคมโลก ด้วย Capacity จิ๊บจ๊อยเพียง 30,000 คัน มันไม่เพียงพอจะส่งออกไปไหนได้มากมายอยู่แล้วเน้นผลิตเพื่อใช้ในประเทศเป้นส่วนใหญ่ และเมื่อ BEV ได้รับความนิยมโดยทั่วไปโรงงานในสิงคโปร์ก็ต้องปิดไปเพื่อนำเข้า BEV จากเพื่อนบ้าน ASEAN ประเทศอื่นตามระเบียบเพราะด้วย Volume และต้นทุนการผลิตแล้วมันสู้กันไม่ได้เลย

ส่วนประเทศไทยนั้นคิดว่าการที่รถยนต์หลายค่ายมีโรงงานในประเทศไทยเป็น Lead plant มี R&D อยู่ในประเทศไทย มีตลาดขนาดใหญ่ของ ASEAN อยู่ในประเทศไทย มีเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานของชิ้นส่วนต่างในประเทศไทยเป็นหลักของ ASEAN นั้นมันมีไว้เพื่ออะไรล่ะครับ เวลาที่มีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีหรือมีเทคโนโลยีใหม่
Lead plant สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่าโรงงานอื่นในภูมิภาคหรือเปล่า
R&D ที่อยู่ในประเทศสามารถสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ได้คล่องตัวกว่าไปทำที่ประเทศอื่นหรือเปล่า
ตลาดในประเทศไทยมีทั้ง Volume และกำลังซื้อแทบจะสูงที่สุดใน ASEAN เมื่อพิจารณาโดยรวม แบบนี้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเปล่า
เครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่สามารถสนับสนุนชิ้นส่วน High Technology สำหรับ ASEAN อยู่ในประเทศไทยเป็นหลักหรือเปล่า

รถยนต์ไฟฟ้าหรือ BEV มันเป็นเพียงรถยนต์ชนิดหนึ่งครับ ทำไมจึงคิดว่าประเทศอื่นใน ASEAN ที่ไม่มีความพร้อมในอุตสาหกรรมนี้เท่าประเทศไทยจึงจะก้าวหน้ากว่าเรา

ผมไม่ได้เทียบเฉพาะ BEV ผมมองไปที่ภาพรวมแบบคนนอกวงการ เท่าที่เห็น มาเลเชีย สิงคโปร์ เวียดนาม อิโดเนเชีย เริ่มขยับเป็นรูปธรรม กันแล้ว หลายแบรนด์(ยกเว้นจากจีน) เริ่มไปปักหลักกันที่นั่นกันแล้ว(คำถามคือทำไมไม่เลือกมาไทย)ทั้งๆที่ตลาดเค้าเล็กกว่า ยกเว้นอินโดฯ แต่ของเรากลับอยู่กับที่รึเปล่า(ความรู้สึกส่วนตัว) ไม่เห็นมีทิศทาง/เป้าหมายที่ชัดเจนอะไรเลยที่จะก้าวไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ทีกำลังจะก้าวเข้ามา

เห็นแต่ความภูมิใจกับเริ่มเดิมๆที่จะเอ๊าท์ไปเรื่อยๆ

ตรงไหนครับที่หลายแบรนด์ (ยกเว้นจีน) เริ่มขยับไปปักหลักประเทศอื่นใน ASEAN ในประเทศไทยตอนนี้ TOYOTA, HONDA, ISUZU, MITSUBISHI, NISSAN, FORD พวกนี้ปักจนไม่รู้จะปักในไทยยังไงแล้วครับ ไทยเป็นทั้ง Lead plant หลายยี่ห้อนั่นมี R&D ด้วย รบกวนลองยกตัวอย่างประเทศใน ASEAN ที่ทั้ง 6 ยี่ห้อนั่นให้ความสำคัญมากกว่าไทยหน่อยครับ MAZDA อาจจะไม่ถึงขั้นของ 6 ยี่ห้อนั้นแต่ก็ลงมาตลาดไทยไม่ธรรมดาอยู่ Benz, BMW ในไทยนี่ธรรมดาหรือเปล่าครับ

ที่เห็นๆว่าฐานอยู่ประเทศอื่นคือ SUZUKI ที่เน้นขายรถเล็กซึ่งตลาดไทยไม่ได้นิยมขนาดนั้น และ HYUNDAI ที่ตีตลาดไทยยังไงก้ไม่แตกจนต้องหนีไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 11:15:27

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D

โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ

ก็เข้าใจนะว่ามีปัญญาแค่นี้ก็เลยตอบมาแค่นี้ FTA ASEAN เนี่ยนะที่ค่ายรถในไทยไม่ชอบ ถ้าไม่อยู่ในรูจนสมองฝ่อจริงคิดไม่ได้นะนี่
ไหนดูซิปี 2020 ที่ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แถม BEV ที่แสนน่ากลัวมาตีตลาดซะด้วย บรื๋อออ

ไทยผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 634,134 คัน
อินโดนีเซียผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 159,916 คัน

มาเลเซียผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 50,013 คัน
เวียดนามผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 126,409 คัน
ฟิลิปปินส์ผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 191,239 คัน
สิงคโปร์นำเข้ารถยนต์ประมาณ 47,000 คัน

ถามเด็กอนุบาลก็คงตอบได้ว่าประเทศไหนได้ประโยชน์สูงสุดจากเขตการค้าเสรี ASEAN ในเรื่องรถยนต์ แต่ถามผู้ใหญ่สมองกลวงแถวนี้คงจะได้คำตอบอีกแบบนึงเพราะอีโก้มันสูงปรี๊ดแถมขึ้นหลังเสือจนลงไม่ได้แล้ว 555 คงได้แต่มั่วนิ่มว่าค่ายรถในไทยโวยวายถึง FTA ASEAN ทั้งๆที่กำลังโกยเงินตรงนี้อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ 555


"โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ"

ไปอยู่กะลาไหนมานะคุณณณณ แกล้งโง่ปะคับ Hyundai เข้าไปทำอะไรที่สิงค์โปร์กะอินโด  เคยตามข่าวบ้างไหมคับ  ::) ::) ::)

เอกสารล่าสุดผมชี้แจงไปแล้ว แต่คุณมันไม่กล้าคลานออกจากกะลาไปหามาดูเอง   รายงานมันชื่อ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า คณะพรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดทำโดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการพลังงาน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร คุณขี้เกียจมากต้องเอาหญ้ามาป้อนลากจูงเลยดีไหมคับ

โถ กะแล้วว่ามีแค่นี้ ไถโทรศัพท์อ่านมาก็ได้แค่นี้แหละ
Hyundai ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเมื่อไหร่ครับ และเมื่อไหร่ถึงจะมี Capacity จนเริ่มส่งออกได้ เห็นแว้บๆว่าจะรอซื้อรถจากโรงงานนี้เหรอะ 555 ขอให้โชคดีนะครับเพราะเท่าที่รู้มาอีกนานมากๆกว่า Hyundai ในสิงคโปร์จะมีกำลังการผลิตจนเริ่มส่งออกได้ เผลอๆตอนนั้นคุณคงยอมบากหน้าหนาๆซื้อรถ BEV ที่ผลิตจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปแล้วมั้ง ส่วน Hyundai ในอินโดนีเซียมันมีแผนจะผลิต BEV ซะที่ไหน อย่ากินหญ้าเยอะครับ เพราะเขามันจะงอกออกมาโชว์คนอื่นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 11:20:33

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D

โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ

ก็เข้าใจนะว่ามีปัญญาแค่นี้ก็เลยตอบมาแค่นี้ FTA ASEAN เนี่ยนะที่ค่ายรถในไทยไม่ชอบ ถ้าไม่อยู่ในรูจนสมองฝ่อจริงคิดไม่ได้นะนี่
ไหนดูซิปี 2020 ที่ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แถม BEV ที่แสนน่ากลัวมาตีตลาดซะด้วย บรื๋อออ

ไทยผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 634,134 คัน
อินโดนีเซียผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 159,916 คัน

มาเลเซียผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 50,013 คัน
เวียดนามผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 126,409 คัน
ฟิลิปปินส์ผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 191,239 คัน
สิงคโปร์นำเข้ารถยนต์ประมาณ 47,000 คัน

ถามเด็กอนุบาลก็คงตอบได้ว่าประเทศไหนได้ประโยชน์สูงสุดจากเขตการค้าเสรี ASEAN ในเรื่องรถยนต์ แต่ถามผู้ใหญ่สมองกลวงแถวนี้คงจะได้คำตอบอีกแบบนึงเพราะอีโก้มันสูงปรี๊ดแถมขึ้นหลังเสือจนลงไม่ได้แล้ว 555 คงได้แต่มั่วนิ่มว่าค่ายรถในไทยโวยวายถึง FTA ASEAN ทั้งๆที่กำลังโกยเงินตรงนี้อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ 555


"โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ"

ไปอยู่กะลาไหนมานะคุณณณณ แกล้งโง่ปะคับ Hyundai เข้าไปทำอะไรที่สิงค์โปร์กะอินโด  เคยตามข่าวบ้างไหมคับ  ::) ::) ::)

เอกสารล่าสุดผมชี้แจงไปแล้ว แต่คุณมันไม่กล้าคลานออกจากกะลาไปหามาดูเอง   รายงานมันชื่อ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า คณะพรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดทำโดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการพลังงาน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร คุณขี้เกียจมากต้องเอาหญ้ามาป้อนลากจูงเลยดีไหมคับ

โถ กะแล้วว่ามีแค่นี้ ไถโทรศัพท์อ่านมาก็ได้แค่นี้แหละ
Hyundai ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเมื่อไหร่ครับ และเมื่อไหร่ถึงจะมี Capacity จนเริ่มส่งออกได้ เห็นแว้บๆว่าจะรอซื้อรถจากโรงงานนี้เหรอะ 555 ขอให้โชคดีนะครับเพราะเท่าที่รู้มาอีกนานมากๆกว่า Hyundai ในสิงคโปร์จะมีกำลังการผลิตจนเริ่มส่งออกได้ เผลอๆตอนนั้นคุณคงซื้อรถ BEV ของที่ผลิตจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปแล้วมั้ง 555


ผมมีอีวีนำเข้าใช้อยู่แล้วทุกวันนี้ จะสอย BEV นำเข้าจากจีนมาใช้เพิ่มอีกคันปีนี้ Volvo XC40EV, Bimmer iX3, MG Marvel เป็นตัวเลือก ไม่ต้องมารอ Ioniq 5 เข้ามาถึงค่อยซื้ออีวีมาใช้ ไว้มาแล้วค่อยสอยเอามาทยอยเปลี่ยนรถน้ำมันในกรุที่ถึงอายุต้องเปลี่ยนออก 

ของไทยจะมีหรออออออ.... ถึงมีผมก็ไม่เอาคับ มี FTA มาผมเล่นรถนำเข้าเป็นหลัก เมินรถที่พวกคุณผลิตไปแล้วอะ อย่าสำคัญตัวเองผิดว่าเป็นตัวเลือกเดียวในดวงใจของผู้บริโภค 
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 11:36:21

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D

โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ

ก็เข้าใจนะว่ามีปัญญาแค่นี้ก็เลยตอบมาแค่นี้ FTA ASEAN เนี่ยนะที่ค่ายรถในไทยไม่ชอบ ถ้าไม่อยู่ในรูจนสมองฝ่อจริงคิดไม่ได้นะนี่
ไหนดูซิปี 2020 ที่ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แถม BEV ที่แสนน่ากลัวมาตีตลาดซะด้วย บรื๋อออ

ไทยผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 634,134 คัน
อินโดนีเซียผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 159,916 คัน

มาเลเซียผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 50,013 คัน
เวียดนามผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 126,409 คัน
ฟิลิปปินส์ผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 191,239 คัน
สิงคโปร์นำเข้ารถยนต์ประมาณ 47,000 คัน

ถามเด็กอนุบาลก็คงตอบได้ว่าประเทศไหนได้ประโยชน์สูงสุดจากเขตการค้าเสรี ASEAN ในเรื่องรถยนต์ แต่ถามผู้ใหญ่สมองกลวงแถวนี้คงจะได้คำตอบอีกแบบนึงเพราะอีโก้มันสูงปรี๊ดแถมขึ้นหลังเสือจนลงไม่ได้แล้ว 555 คงได้แต่มั่วนิ่มว่าค่ายรถในไทยโวยวายถึง FTA ASEAN ทั้งๆที่กำลังโกยเงินตรงนี้อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ 555


"โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ"

ไปอยู่กะลาไหนมานะคุณณณณ แกล้งโง่ปะคับ Hyundai เข้าไปทำอะไรที่สิงค์โปร์กะอินโด  เคยตามข่าวบ้างไหมคับ  ::) ::) ::)

เอกสารล่าสุดผมชี้แจงไปแล้ว แต่คุณมันไม่กล้าคลานออกจากกะลาไปหามาดูเอง   รายงานมันชื่อ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า คณะพรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดทำโดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการพลังงาน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร คุณขี้เกียจมากต้องเอาหญ้ามาป้อนลากจูงเลยดีไหมคับ

โถ กะแล้วว่ามีแค่นี้ ไถโทรศัพท์อ่านมาก็ได้แค่นี้แหละ
Hyundai ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเมื่อไหร่ครับ และเมื่อไหร่ถึงจะมี Capacity จนเริ่มส่งออกได้ เห็นแว้บๆว่าจะรอซื้อรถจากโรงงานนี้เหรอะ 555 ขอให้โชคดีนะครับเพราะเท่าที่รู้มาอีกนานมากๆกว่า Hyundai ในสิงคโปร์จะมีกำลังการผลิตจนเริ่มส่งออกได้ เผลอๆตอนนั้นคุณคงซื้อรถ BEV ของที่ผลิตจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปแล้วมั้ง 555


รอเล่น Ioniq 5 ได้ชิลๆคับ แต่ระหว่างรอ ผมสอย BEV นำเข้าจากจีนมาใช้เพิ่มอีกคันไปแล้ว Volvo XC40EV กับ Bimmer iX3 ก็น่าเล่น 

ของไทยจะมีหรออออออ.... ถึงมีผมก็ไม่เอาคับ มี FTA มาผมเล่นรถนำเข้าเป็นหลัก เมินรถที่พวกคุณผลิตไปแล้วอะ อย่าสำคัญตัวเองผิดว่าเป็นตัวเลือกเดียวในดวงใจของผู้บริโภค 

แหม โชว์กลวงไม่พอ โชว์รวยซะด้วย แต่พวกรวยจริงมันไม่สนใจ FTA กับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศตั้งแต่แรกแล้ว มีเงินซะอย่างจะซื้อรถแบบไหนก็ได้ มีแต่พวกแกล้งรวยกลบเกลื่อนความง่าวเท่านั้นแหละที่จะมาอวดรวยในท้ายกระทู้ที่ตัวเองตั้งประเด็นไว้ไม่ใช่เรื่องที่คนรวยจะมาสนใจเลยแบบนี้

เอาเถอะ รอได้ก็รอไป Hyundai จากสิงคโปร์น่ะ เผลอๆดูโอลิมปิกไปแล้วอีก 2 ครั้งก็ยังไม่มาเล้ย แปลกเนอะต้นกระทู้งบจำกัดขับ MG และรอซื้อรถจากสิงคโปร์ พอเขางอกชัดขึ้นๆเยอะๆก็รวยขึ้นมาเฉยๆซะงั้น 555
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 11:42:10

ผมขำอนาจพวกอวยอุตภายในเน่าๆในกระทู้นี้ที่สาธยาย พล่ามหาเหตุผลไม่เอาไม่เห็นด้วย FTA 0% นั่นละคือพวกที่ไม่จบซะที ไม่จบมาเป็นหลายปีแล้ว ยังเรียกร้องให้แก้ FTA กันอยู่ ล่าสุดก้อยังพล่ามอยู่ ยังมีผ่าน FTI, TAI ออกมาเป็นระยะ แบบนี้หรอคุณเรียกว่าจบไม่สนแล้ว  ;D    ไม่สนจิง หัดเงียบๆไปเลย  ::) ::)

เอาง่ายๆ พวกคุณไม่ต้องไปซื้อมันคับ รถอีวีนำเข้า ซื้อแล้วมันไม่รักชาติ ไม่รักอุตภายในนั่นเอง

นี่แหละหนาไปคุยกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดแล้วมาโม้ว่ารู้เรื่อง ที่จริงไม่รู้อะไรซักนิดความรู้พอๆกับเด็กอนุบาล อ้างโน่น  อ้างนี่ อ้าง TAI อ้าง FTI ไปโน่น เอกสารจริงๆน่ะมีมาให้ดูมั้ย หรือว่าแค่จำขี้ปากพนักงานระดับล่างที่ไปคุยด้วยมาแล้วก็มาพ่นๆๆๆในนี้

ไหนที่บอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกลัวนักกลัวหนากับรถ BEV นำเข้าจาก ASEAN ลองสาธยายความรู้อันน้อยนิดของคุณออกมาซิ ว่าไทยจะต้องกลัวอะไรกับ BEV ใน ASEAN

มาเลเซียมีอะไร
เวียดนามมีอะไร
อินโดนีเซียมีอะไร
สิงคโปร์มีอะไร

ดูซิว่าจะมีความรู้อะไรกะเค้าบ้าง ถ้าให้เดาตอนนี้คงไม่พ้นข่าวที่ไปไถโทรศัพท์หามาแบบงูๆปลาๆแล้วมามโนเป็นตุเป็นตะเอาเอง ไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกอะไรแน่ๆ มาครับเลิกโชว์สมองกลวงพล่ามโวหารซ้ำๆแล้วมาแสดงความรู้บ้างได้แล้ว

ไอ้ขี้ข้านี้อีกตัวก้อพอกัน  อ้างว่าเป็นคนในแต่ ไม่มีเอกสารมาแสดงจิงๆว่าเ็นคนใน  ;D ;D ;D หามาก่อนคอยมาพล่ามดีไหมคับ

คุณลองคลานออกจากกะลาอุตสาหกรรมภายในเน่าๆนี้ ไปดูเอกสารล่าสุดของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนดู ผมเห็นแต่ละข้อเสนอเนอะจากผู้มีส่วนใดส่วนเสียแล้ว น่าอนาจ เริ่มมีพล่ามโวยวายถึง FTA อาเซียนบ้างแล้ว อยู่ในกะลาที่นายทุนต่างชาติครอบไว้ให้แซบซุ้งมานานหัดหาข้อมูลมาประเทืองปัญญาบ้าง  ;D ;D ;D

โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ

ก็เข้าใจนะว่ามีปัญญาแค่นี้ก็เลยตอบมาแค่นี้ FTA ASEAN เนี่ยนะที่ค่ายรถในไทยไม่ชอบ ถ้าไม่อยู่ในรูจนสมองฝ่อจริงคิดไม่ได้นะนี่
ไหนดูซิปี 2020 ที่ว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แถม BEV ที่แสนน่ากลัวมาตีตลาดซะด้วย บรื๋อออ

ไทยผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 634,134 คัน
อินโดนีเซียผลิตรถยนต์มากกว่ายอดขายในประเทศ 159,916 คัน

มาเลเซียผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 50,013 คัน
เวียดนามผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 126,409 คัน
ฟิลิปปินส์ผลิตรถยนต์น้อยกว่ายอดขายในประเทศ 191,239 คัน
สิงคโปร์นำเข้ารถยนต์ประมาณ 47,000 คัน

ถามเด็กอนุบาลก็คงตอบได้ว่าประเทศไหนได้ประโยชน์สูงสุดจากเขตการค้าเสรี ASEAN ในเรื่องรถยนต์ แต่ถามผู้ใหญ่สมองกลวงแถวนี้คงจะได้คำตอบอีกแบบนึงเพราะอีโก้มันสูงปรี๊ดแถมขึ้นหลังเสือจนลงไม่ได้แล้ว 555 คงได้แต่มั่วนิ่มว่าค่ายรถในไทยโวยวายถึง FTA ASEAN ทั้งๆที่กำลังโกยเงินตรงนี้อยู่ไม่รู้เท่าไหร่ 555


"โถๆๆ อนาถแท้สุดท้ายก็ไม่มีอะไรมาซักอย่างเอกสารก็ไม่มี ประเทศอื่นใน ASEAN มี BEV อะไรที่จะมาตีตลาดไทยก็ตอบไม่ได้ซักแอะ"

ไปอยู่กะลาไหนมานะคุณณณณ แกล้งโง่ปะคับ Hyundai เข้าไปทำอะไรที่สิงค์โปร์กะอินโด  เคยตามข่าวบ้างไหมคับ  ::) ::) ::)

เอกสารล่าสุดผมชี้แจงไปแล้ว แต่คุณมันไม่กล้าคลานออกจากกะลาไปหามาดูเอง   รายงานมันชื่อ รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า คณะพรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดทำโดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการพลังงาน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร คุณขี้เกียจมากต้องเอาหญ้ามาป้อนลากจูงเลยดีไหมคับ

โถ กะแล้วว่ามีแค่นี้ ไถโทรศัพท์อ่านมาก็ได้แค่นี้แหละ
Hyundai ในสิงคโปร์เริ่มผลิตเมื่อไหร่ครับ และเมื่อไหร่ถึงจะมี Capacity จนเริ่มส่งออกได้ เห็นแว้บๆว่าจะรอซื้อรถจากโรงงานนี้เหรอะ 555 ขอให้โชคดีนะครับเพราะเท่าที่รู้มาอีกนานมากๆกว่า Hyundai ในสิงคโปร์จะมีกำลังการผลิตจนเริ่มส่งออกได้ เผลอๆตอนนั้นคุณคงซื้อรถ BEV ของที่ผลิตจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปแล้วมั้ง 555


รอเล่น Ioniq 5 ได้ชิลๆคับ แต่ระหว่างรอ ผมสอย BEV นำเข้าจากจีนมาใช้เพิ่มอีกคันไปแล้ว Volvo XC40EV กับ Bimmer iX3 ก็น่าเล่น 

ของไทยจะมีหรออออออ.... ถึงมีผมก็ไม่เอาคับ มี FTA มาผมเล่นรถนำเข้าเป็นหลัก เมินรถที่พวกคุณผลิตไปแล้วอะ อย่าสำคัญตัวเองผิดว่าเป็นตัวเลือกเดียวในดวงใจของผู้บริโภค 

แหม โชว์กลวงไม่พอ โชว์รวยซะด้วย แต่พวกรวยจริงมันไม่สนใจ FTA กับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศตั้งแต่แรกแล้ว มีเงินซะอย่างจะซื้อรถแบบไหนก็ได้ มีแต่พวกแกล้งรวยกลบเกลื่อนความง่าวเท่านั้นแหละที่จะมาอวดรวยในท้ายกระทู้ที่ตัวเองตั้งประเด็นไว้ไม่ใช่เรื่องที่คนรวยจะมาสนใจเลยแบบนี้

เอาเถอะ รอได้ก็รอไป Hyundai จากสิงคโปร์น่ะ เผลอๆดูโอลิมปิกไปแล้วอีก 2 ครั้งก็ยังไม่มาเล้ย แปลกเนอะต้นกระทู้งบจำกัดขับ MG และรอซื้อรถจากสิงคโปร์ พอเขางอกชัดขึ้นๆเยอะๆก็รวยขึ้นมาเฉยๆซะงั้น 555

  ผมลองเล่นอีวีคันแรก จำเป็นต้องเล่นแพงๆเลย? ถ้ามีเงินจะเล่นอีวีห้ามซื้อเม้ง? คนขี่ Bimmer นั่ง Alphard ห้ามเล่นเม้ง? สันดานดูถูกแบรนด์หึ่งมาเลยทีเดียว นี่ละหน่าสันดานของพวกอวยอุตภายในอย่างหัวทิ่ม งบจำกัดนี่รู้หรอ? พิสูจน์ได้เนอะ? แน่ใจว่าผมมีรถขับอยู่คันเดียว?  ;D ;D
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ มีนาคม 01, 2021, 12:19:23

  ผมลองเล่นอีวีคันแรก จำเป็นต้องเล่นแพงๆเลย? ถ้ามีเงินจะเล่นอีวีห้ามซื้อเม้ง? คนขี่ Bimmer นั่ง Alphard ห้ามเล่นเม้ง? สันดานดูถูกแบรนด์หึ่งมาเลยทีเดียว นี่ละหน่าสันดานของพวกอวยอุตภายในอย่างหัวทิ่ม งบจำกัดนี่รู้หรอ? พิสูจน์ได้เนอะ? แน่ใจว่าผมมีรถขับอยู่คันเดียว?  ;D ;D

โถ หนูน้อย มันพิสูจน์ไม่ได้หรอกก็เหมือนกับที่คุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโวยวายอยากยกเลิกเขตการค้าเสรี ASEAN ทั้งๆที่ตัวเลขส่งออกมันได้เปรียบเห็นๆนั่นแหละ

จะมาโชว์รวยกลบเกลื่อนความโง่ตอนหลังมันก็ไม่ทันแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มตั้งกระทู้ และเริ่มตอบกระทู้มันเผยธาตุแท้ของคุณออกมาแล้วว่าเป็นคนระดับไหน ความคิดระดับไหน จะมาอวดรวย โธ่เอ๊ย รวยจริงแล้วจะมารอ IONIQ 5 ลมๆแล้งๆจากสิงคโปร์ทำไม คนรวยจริงเค้ารอสั่ง IONIQ 5 จากเกาหลีโน่น คนรวยจริงไม่มาบ่นบ้าเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศหรอก เพราะรถนำเข้าแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง มีแต่พวกแกล้งรวยเท่านั้นแหละที่มันมาตั้งกระทู้อย่างนี้

ที่สำคัญ คนรวยจริงเค้าไม่ไปนั่งประชุมกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดจนได้ข้อมูลมั่วๆมาตอบกระทู้แน่ๆ

เอ้า อย่าแกล้งออกนอกเรื่องเพราะไม่มีปัญญาจะตอบ สิงคโปร์กับ BEV ที่ส่งออกมาไทยก็หน้าแหกไปแล้วหนึ่ง ยังเหลืออีกหลายประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ว่าไงมีอะไรอีก เค้นความรู้ออกมาหน่อยแม้จะไม่ค่อยมีก็เถอะ คนเค้ารออ่านกันอยู่ว่าทำไมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องกลัวเขตการค้าเสรี ASEAN ขนาดนั้น บรื๋อออ
หัวข้อ: Re: ประเด็น discussion: สถาบันอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ภายในประเทศ สำคัญหรือเป็นตัวถ่วง
เริ่มหัวข้อโดย: MacH1 ที่ มีนาคม 01, 2021, 12:30:24

  ผมลองเล่นอีวีคันแรก จำเป็นต้องเล่นแพงๆเลย? ถ้ามีเงินจะเล่นอีวีห้ามซื้อเม้ง? คนขี่ Bimmer นั่ง Alphard ห้ามเล่นเม้ง? สันดานดูถูกแบรนด์หึ่งมาเลยทีเดียว นี่ละหน่าสันดานของพวกอวยอุตภายในอย่างหัวทิ่ม งบจำกัดนี่รู้หรอ? พิสูจน์ได้เนอะ? แน่ใจว่าผมมีรถขับอยู่คันเดียว?  ;D ;D

โถ หนูน้อย มันพิสูจน์ไม่ได้หรอกก็เหมือนกับที่คุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโวยวายอยากยกเลิกเขตการค้าเสรี ASEAN ทั้งๆที่ตัวเลขส่งออกมันได้เปรียบเห็นๆนั่นแหละ

จะมาโชว์รวยกลบเกลื่อนความโง่ตอนหลังมันก็ไม่ทันแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มตั้งกระทู้ และเริ่มตอบกระทู้มันเผยธาตุแท้ของคุณออกมาแล้วว่าเป็นคนระดับไหน ความคิดระดับไหน จะมาอวดรวย โธ่เอ๊ย รวยจริงแล้วจะมารอ IONIQ 5 ลมๆแล้งๆจากสิงคโปร์ทำไม คนรวยจริงเค้ารอสั่ง IONIQ 5 จากเกาหลีโน่น คนรวยจริงไม่มาบ่นบ้าเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศหรอก เพราะรถนำเข้าแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง มีแต่พวกแกล้งรวยเท่านั้นแหละที่มันมาตั้งกระทู้อย่างนี้

ที่สำคัญ คนรวยจริงเค้าไม่ไปนั่งประชุมกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดจนได้ข้อมูลมั่วๆมาตอบกระทู้แน่ๆ

เอ้า อย่าแกล้งออกนอกเรื่องเพราะไม่มีปัญญาจะตอบ สิงคโปร์กับ BEV ที่ส่งออกมาไทยก็หน้าแหกไปแล้วหนึ่ง ยังเหลืออีกหลายประเทศ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ว่าไงมีอะไรอีก เค้นความรู้ออกมาหน่อยแม้จะไม่ค่อยมีก็เถอะ คนเค้ารออ่านกันอยู่ว่าทำไมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยต้องกลัวเขตการค้าเสรี ASEAN ขนาดนั้น บรื๋อออ


"โถ หนูน้อย มันพิสูจน์ไม่ได้หรอกก็เหมือนกับที่คุณพิสูจน์ไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยโวยวายอยากยกเลิกเขตการค้าเสรี ASEAN ทั้งๆที่ตัวเลขส่งออกมันได้เปรียบเห็นๆนั่นแหละ"

เริ่มจากเอกสารรายงานด้านบน คุณคลานจากกะลาไปหามาดูยังคับ ผมระบุให้ซะละเอียดแล้นยังมาโวยวายพล่ามอะไรอยู่ มันเอกสารฟรีนะ ได้กล้าๆคลานไปดูเว็บสภายังหว่า  ;D

รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยานยนต์ไฟฟ้า คณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร จัดทำโดยกลุ่มงานคณะกรรมาธิการพลังงาน สำนักกรรมาธิการ 1 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร



ถือว่าทำบุญให้ทาน....
https://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/25_energy/ewt_dl_link.php?nid=425&filename=index

"ที่สำคัญ คนรวยจริงเค้าไม่ไปนั่งประชุมกับหัวหน้ายามของเจ้าตลาดนัดจนได้ข้อมูลมั่วๆมาตอบกระทู้แน่ๆ"
พิสูจน์ไม่ได้อยู่ดี ซึ่งเหตุผลเดียวกะที่คุณโม้ว่าเป็นวงใน แต่ไม่มีหลักฐานชัดๆ มาพิสูจน์

ปอลิง Ioniq 5 นี้ผลิตที่เกาหลี และเริ่มผลิตแล้วหรอ??? เออ...สอบตกเรื่องข้อมูลอีกแล้ว ไอ้ขี้โม้อ้างเป็นคนวงในนี้  แล้วคนเล่น Ioniq 5 นี่ไม่มีเงินหรอคับ พิสูจน์ยังไงหว่า.... หรือหาเื่องดูถูกแบรนด์อีกแล้วตามสันดาน ::) ::) ::)