Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: mamaman ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2021, 21:50:54
-
มีเพียง แค่ ยุโรษ ทีเอามา โม้ ว่าโต 137 % ( BEVs and PHEVs )
ยอดขายรถ ยุโรษทั้ง ทวีป ปี 2020 แค่ 11.9 คันเอง
เทียบ แค่ไทยประเทศเดียว ก็ 0.77 ล้านคัน หรือ 7 % ของ ทวียุโรษแล้ว
สรุป การเติบโต ( BEVs and PHEVs )
ยุโรษ +137 % ( ไอ้ที่ โตจริง ไม่ใช่ BEVs แต่เป็น PHEVs อย่าเข้าใจผิดนะ )
เฉพาะที่ เยอรมัน การโตของ PHEVs 351 % เลยนะ โหดมาก )
จีน +12 % ( เจ้าพ่อตลาด EV ไม่โต อะ ทำไม ทำไม กัน ต้องส่งมาหลอกขายไทยเย้ๆ )
อเมริกา +4 % นิ่งสนิท ขายได้แค่ Tesla
ญี่ปุ่น ติดลบ - 28 % ( พี่ ยุ่นไม่เอา EV จ้า )
ภูมิภาค อื่นๆ +43 %
เฉลี่ยโลก 43 %
อุ้ป โครตไม่คุ้ม ยกเลิกรถ น้ำมัน หรือ Hybrid มาทำ EV ขายเลย ทั้งโลก 55555
อ้างอิง
https://www.ev-volumes.com/
บอกไว้เพื่อใคร รอ EV ไทยจะปังครับ รถของเล่นคนรวยจริงๆนั่นละ
อ้อ ๆๆๆ แล้ว ไอ้ 137 % ยอดโม้ ยุโรษนี่ รวมยอด BEVs and PHEVs ด้วยนะจ้ะ ไม่ใช่ BEVs เพียวๆๆๆๆเด้อ 5555
ถ้าเจาะละเอียด
จากข้อมูลนี้
จึงสรุปได้ว่า รถ ที่จะเป็นที่นิยมต่อไปในระยะใกล้ๆ คือ PHEVs/HyBrid นะไม่ใช่ BEVs
เพราะ PHEVs/Hybrid เดินทางไกลได้ อยากเติมน้ำมันก็เติมได้ อยากขับไฟฟ้าก็ขับได้
ถามว่า BEVs โตไหม โต แต่จากภาพรวม โลกแล้ว ไม่ได้ พุ้ง ปรูดปราด อะไรเลย
ไม่แปลกใจ รถ พรี่เมี่ยม CKD ไทย เริ่ม เห็น HEV/PHEVs มากแล้ว
-
ขอยกนิทานเรื่องนึงมาจากกระทู้นู้นทั้งดุ้นนะครับ
นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า
ช่วงปี 59-60 ผมมีโอกาสได้ไปเรียนที่ประเทศจีน พอไปถึงก็เช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขี่
ช่วงแรกๆก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผ่านไปซักสองสามเดือน ขณะที่ชาร์จแบตเต็มมาทั้งคืน พอจะขี่จากมหาลัยฯเข้าไปในเมือง จากแบตที่เต็มๆ ก็กะพริบๆ แล้วรถก็ดับ ดับกลางถนนที่รอบข้างเป็นนาและป่าทับทิมด้วย เอาละสิ เหลียวซ้ายแลขวาก็มีแต่ต้นทับทิม ทีนี้จะชาร์จยังไง คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ต้องจูงรถเป็นกิโลๆกลับไปชาร์จที่มอ ระหว่างทางก็มีพวกมอไซน้ำมันขี่ผ่านไปผ่านมาเรื่อยๆ ให้เราหงุดหงิดเล่นกันไป
จะมาบอกว่า เทคโนโลยีทุกอย่างมันมีข้อดีข้อเสียกันไปแหละครับ ไม่ใช่ว่าไอ้นั่นดี แล้วจะดี 100% แล้วก็ไม่ใช่ว่าอะไรที่คิดว่าไม่ดี มันจะไม่ดี 100% เสมอไป
จบการเล่านิทานเพียงเท่านี้ครับ
ปล. แถมภาพประกอบการเล่านิทานเล็กน้อยครับ
-
มันก็โตขึ้นหนิครับ ต้องโตเท่าไหร่ถึงจะปัง
-
เพราะมันเป็นช่วงเริ่มต้น ยังมีน้อยรุ่นน้อยยี่ห้ออยู่ และกำลังซื้อลดลงจากพิษเศรษฐกิจจาก COVID-19 ครับ มันเติบโตสวนกระแสได้ก็ถือว่าดีแล้วครับเห็นยี่ห้อดังๆก็ยอดตกกันทั้งนั้น
ส่วนในไทยคงไม่เกิด 1000000000% แน่นอนครับเพราะคนไทยรังเกียจการชาร์จไฟ ต่อให้รถวิ่งได้เป็นพันโลก็เท่านั้นถ้าให้ชาร์จกำลังไฟสูงๆสายไหม้พอดี แถมราคาก็แพงเกินกว่ามนุษย์เงินเดือนหมื่นห้าจะซื้อได้อีก
เราอย่าไปคาดหวังว่ามันจะมาเท่านั้นเท่านี้ปีเลยครับ เพราะรุ่นเราไม่มีโอกาสได้ใช้แบบเต็มรูปแบบแน่ๆ
-
ผมกำลังคิดว่า คันต่อไปผมอาจจะเอา Ora R1 หรือ R2 มาใช้ครับ
แต่ถามว่าผมจะทิ้งรถน้ำมันไหม บอกเลยว่าไม่แน่นอน อีกคันผม Yaris ผมก็ยังคงเก็บไว้อยู่
เพราะว่ารถไฟฟ้า ผมจะเอาไว้วิ่งในเมืองครับ ตั้งแต่เลยว่า อีกราวๆ 2-4 ปี ถ้าอะไรลงตัวจะเปลี่ยนให้เขา เพื่อให้เขาไว้ขับแถวๆ บ้าน
Range 300-400 กิโลเมตรใน กทม. ผมว่าเพียงพอแล้วครับ
แต่ยังไงไป ตจว. ผมยังมั่นใจรถน้ำมันมากกว่า ว่า ผมสามารถไปเติมที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ ครับ
-
EV market share ทั่วโลก แค่ 3%
EV market share ประเทศไทย 0.13%
สินค้าทุกอย่างในโลกถ้าไม่มีคนซื้อ มันก็ไม่มีใครเอามาขาย
-
อ่าเจอมาว่าปี 2568 จากัวร์จะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแล้วนะ
-
แล้วรถน้ำมัน โตกี่%ครับ
-
เค้าจะเลิกผลิตรถสันดาบแล้วไม่ใช่หรือครับ
-
แล้วรถน้ำมัน โตกี่%ครับ
เดราว่าลดลงครับ
-
การพัฒนาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เมื่อพัฒนาจนสุด ของเดิมจะหายไป ของใหม่จะมาแทนที่ เช่น กล้องฟิล์ม
รถไฟฟ้า เมื่อพัฒนาไปจนตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ รถน้ำมันจะค่อยๆหายไป
ปัจจุบัน บริษัทรถยนต์มีทำ R&D รถไฟฟ้า 100% ทุกค่าย
ในความคิดผม อีก 5 ปี รถน้ำมันจะมี 50% และ Hybrid 50%
อีก 10 ปี รถน้ำมันจะมี 20% BEV 80% Hybrid จะหายไปเพราะไม่มีความจำเป็น เนื่องจาก BEV พัฒนามาแทนได้
และภายใน 15 ปี อาจเป็น BEV 100%
-
ประเทศไทยรอไม่ต่ำกว่า 10 ปีครับ ถึงจะเริ่มนิยมจริงจัง อีก 20 ปี อาจมีสัก 10%
-
ประเทศเราไม่เคยมีแบร์นของตัวเองเพราะความคิดแบบนี้แหละครับ เค้าพยายามสุดแล้วก็ยังจะพูดว่า เห้ยไปซื้อ MG ดีกว่า เห้ย GWM จะเข้าแล้วไปซื้อของเขาดีกว่า ของจีนดีกว่าไทย ของเมกาดีกว่าไทย ของเจอแปนดีกว่าไทย นุ่นนี่นั้น
สุดท้ายถึงมีบริษัทที่มีทุนและความสามารถพอที่จะสร้างรถไฟฟ้าได้ดีๆก็ไม่กล้าเพราะมีแต่คนพูดว่าไม่อยากได้ของไทย
-
ไม่ต้องเปลี่ยนไป100%หรอกครับมีให้เป็นทางเลือกที่แข่งขันได้กับรถน้ำมันพอ
-
คันต่อไปผมก็ไฟฟ้าครับ 400 โลมันใกลเกินพอแล้วครับเพราะปัจจุบันไปกลับวันละ 60 โลเอง
-
โตระดับนี้ในยุคโควิท ผมถือว่าดี
-
ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน อะไรๆๆ ก็ยังไม่พร้อมนัก ต้องดูกันไปอีกหลายปีครับ
-
แล้วรถน้ำมัน โตกี่%ครับ
รถน้ำมันลดลง 20% แต่รถ EV โตขึ้น 35% ครับ
-
ผมว่าไทยคงจะเข้าสู่ยุค EV ช้ากว่ายุโรปหลายปีอยู่
ปัญหาหลักๆของ EV ตอนนี้คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ทั้งระยะทางที่จำกัดเนื่องด้วยความหนาแน่นของพลังงาน/ปริมาตรที่ด้อยกว่าน้ำมัน และปัญหาแบตอัดไฟเต็มได้ไม่เร็วเท่ากับเติมน้ำมันรถเต็มถัง เลยทำให้ EV ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานได้ 100% ในขณะนี้
ตอนนี้ EV คงออกแนวเป็นของเล่นไฮเทคมากกว่าเครื่องมือทำมาหากิน
-
ลองติดตามรถ EV รุ่นใหม่ที่เปิดตัวดูนะครับ ดูว่าเขาจะเริ่มส่งมอบล็อตใหญ่ๆกันเมื่อไหร่...ผมว่าจากตรงนั้นน่าจะเห็นชัด
จากข่าวนี้ตลาดนอร์เวย์รถใหม่จดทะเบียนเป็น BEV เกินครึ่งไปแล้วครับ...
https://elbil.no/english/norwegian-ev-market/
-
ส่วนตัวคิดว่า มาหน่ะมาแน่
แต่ไม่ใข่ในเร็ววัน
โลกเรารอแบตเทพ แบตต้องมาก่อน
ถ้ายังใช้บริการ ลิเธียม เป็นหลัก แบบปัจจุบัน
มันก็ยังคงเป็น boy toy
ยกเว้น ถ้า รฐบ บังคับใช้
ก็ไม่มีทางเลือกใดอีก เกิดแน่นอน
ปล ถ้าจะเอาแค่เรื่องมลพิษ ลดการใช้ เครื่อง ดีเซล ในรถส่วนบุคคล และ สนับสนุน ให้ใช้รถใหม่ ยกเลิกรถเก่า
ดูจะชัดเจนกว่าได้ผลกว่า เจ็บตัวน้อยกว่า
ดีกว่า ดันทุรังให้คนหันไปใช้ ev โดยการเฉือนเนื้อตัวเอง
แต่ รฐบ ก็ทำไม่ได้ เพราะ ก็ต้องฟังเสียง ปชช คนอื่นด้วย ส่วนมากเค้าไม่พร้อมที่จะซื้อรถใหม่กัน
ไม่ได้เป็น ศูนย์กลางจักรวาลอ่ะนะ
-
ผมรอให้แบตเตอรี่มันเบาและจุพลังงานได้มากกว่านี้เมื่อนั้นก็ไม่มีความหมายที่ต้องซื้อรถเชื้อเพลิงอีกต่อไปแล้วครับ :-X ชิ้นส่วนเยอะแยะกว่ามากหลายหมื่นชิ้นเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แล้วก็แม้ว่าการมาของรถไฟฟ้าจะมาถึงแบบปุบปับก็ไม่ใช่ว่าช่างไทยจะงานหมดไปสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ ช่างแอร์ ช่วงล่าง ปะผุซ่อมสีตัวถัง ปะยาง ตั้งศูนย์ ระบบไฟก็ยังมีงานเหมือนเดิม ::) ::)
-
สเปคสูงขึ้น ราคาถูกลงเมื่อไหร่ ก็ปังเมื่อนั้นครับ
ไม่เชื่อรอดู MG marvel ได้เลย
8) 8) 8)
-
ลองติดตามรถ EV รุ่นใหม่ที่เปิดตัวดูนะครับ ดูว่าเขาจะเริ่มส่งมอบล็อตใหญ่ๆกันเมื่อไหร่...ผมว่าจากตรงนั้นน่าจะเห็นชัด
จากข่าวนี้ตลาดนอร์เวย์รถใหม่จดทะเบียนเป็น BEV เกินครึ่งไปแล้วครับ...
https://elbil.no/english/norwegian-ev-market/
แล้ว Norway มีความสำคัญแค่ไหนในตลาดยานยนต์โลกครับ ปีที่แล้ว Norway ขายรถไป 141,412 คัน น้อยกว่า Philippines ตลา่ดน้องนุชสุดท้องใน ASEAN ที่โดน COVID เล่นงานจนงอมพระรามเกือบทั้งปีเสียอีก โดย Philippines ขายรถได้ 242,948 คัน มากกว่า Norway เกือบเท่าตัว นี่ขนาดยังไม่ได้เทียบกับไทย, อินโด, มาเล, เวียดนะ ยิ่งไปเทียบลำดับในตลาดโลกยิ่งไม่ต้องพูดถึง
-
ผมว่าถ้าเป็นกราฟ นี่คือช่วงต้นๆ ของกราฟที่ยังคงไต่ขึ้นแบบไม่ชันแบบค่อยเป็นค่อยไป
จนถึงช่วงที่ระบบการชาร์จ สถานีชาร์จต่างๆ เกิดขึ้นแบบมีมาตรฐานสากล กราฟน่าจะไต่ขึ้นแบบชัน
คล้ายๆ กราฟตอนวัดแรงม้า ช่วงแรกบูสยังไม่มาก็ค่อยๆ ไต่แต่พอติดบูสแล้วกราฟไต่ขึ้นแบบชันๆ เลย
-
ให้รถ EV วิ่งจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ได้ รวดเดียว ไม่ต้องชาจน์
และชาจน์จาก 0-100% ภายใน 15 นาทีให้ได้ก่อนอะ ถึงน่าใช้ ....
ถ้ายังทำตามนี้ไม่ได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องเลิกใช้รถน้ำมัน ....
เพราะรถน้ำมัน มันทำได้ ...
-
ใครพร้อมไป EV เลยครับ ไม่ต้องรอใคร
ใครยังไม่พร้อมก็โปรดอย่าขัดขวางอนาตคที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แล้วช่วยกันใช้ HEV หรือ PHEV
ลดละเลิกดีเซลได้ยิ่งดีครับ
อย่างผมวางแผ่นปล่อยรถส่วนตัวที่เป็นดีเซลออกให้หมดภายใน 1-2ปีนี้ และกำลังมองหารถ xEV
(ไม่นับรถภาคธุรกิจที่งานบรรทุกก็ต้องใช้ดีเซล รถพนักงานก็ต้อง ecocar)
-
ก็ตามกลไกตลาด ความพร้อมของ infra และความสนใจของคน
ส่วนตัวมองว่าตอนนี้ เหมาะมากคือ PHEV ลงตัวสุด ก็คงค่อยๆ เปลี่ยนไปแหล่ะครับ
ส่วนตัว 2 ยังคงมองแค่รถสันดาบอีกอย่างน้อย 5 ปี นี้ 555
-
ใจเย็น ๆ ครับ ผมคิดว่าแนวโน้มการเติบโตรถ BEV (global) กำลังเริ่มโตนะ และปีต่อ ๆ ไป น่าจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ปัจจัยสำคัญอย่างนึงคือ
1. เรื่องราคารถ ถ้าสังเกตจากที่ผ่านมา รถ BEV เมื่อเทียบกับ ICE ใน segment เดียวกัน BEV จะมีราคาจะสูงกว่า ซึ่งเป็นผลมาจากราคาของแบตเตอรี่ที่ยังคงสูงอยู่ เช่น รถนิสสัน Tiida ที่จีนราคาตั้งแต่ 467,000 - 635,000 บาท ในขณะที่ ORA ES11 (400km) ที่จีนราคาตั้งแต่ 591,000 - 684,000 แต่รัฐบาลจีนช่วยสนับสนุนอีก 105,000 บาท ราคารถจึงเหลืออยู่ในช่วง 486,000 - 579,000
ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศไม่มีการช่วยอุดหนุนราคารถ BEV แบบจีนหรือนอร์เวย์ ยังไงประเทศเหล่านั้นรถ BEV ก็จะเติบโตช้ากว่าอยู่แล้ว แต่ในปีนี้จะเริ่มมีการใช้แบตเตอรี่แบบใหม่ ซึ่งมีความจุแบตเตอรี่มากกว่าเดิม 20% แต่ราคาถูกลงอีก 17% จึงมีแนวโน้มว่าต่อไปรถ BEV จะเริ่มมีราคาพอ ๆ กับ ICE แล้วละ
2. ความหลากหลายของผู้ผลิต โอเคถ้าเราดูในโซนยุโรป ปีนี้มีบริษัทในจีนเริ่มรุกออกไปสู่ตลาดยุโรปมากขึ้นแล้วเริ่มจาก Xpeng, MG ต่อไปก็จะมี ORA, BYD อีก ส่วนผู้ผลิตจากยุโรปเองก็เริ่มมีการออก BEV กันออกมามากขึ้น แต่นั้นแหละ เพราะยังคงมีปัญหาเรื่องราคาแบตเตอรี่อยู่ ราคารถ BEV จึงยังไม่สามารถแข่งกับ ICE ได้
3. ปริมาณแบตเตอรี่ เท่าที่ดูตอนนี้ แนวโน้มต่อไปแบตเตอรี่ที่จะนำมาใช้เป็นหลักคือ LFP และ LFMP (LFMP น่าจะมาแทน LFP อีกที) ซึ่งมีแต่ผู้ผลิตจากจีนเท่านั้นที่ผลิตใน scale ขนาดใหญ่ ในขณะที่ฝั่งเกาหลีและญี่ปุ่นยังคงอยู่กับ NCM, NCA ที่มีราคาสูงกว่ามาก (ส่วน solid state ให้รอดู semi-solid state ก่อนละกัน ถ้ายังไม่มีการทำ mass product ออกมาก็เป็นแค่สิ่งที่อยู่ในกระดาษอ่ะนะ)
จากปัจจัยเหล่านี้ ผมว่ารถ BEV คงจะเริ่มค่อย ๆ ขยายมากขึ้นละ เมื่อราคาแบตเตอรี่ต่ำลง, ผู้ผลิตมีรถออกมาแข่งกันหลาย ๆ รุ่น, ปริมาณแบตเตอรี่มีการผลิตเพียงพอต่อการแข่งขัน กราฟการเติบโตของ BEV จะพุ่งอย่างรวดเร็วเลยละ
ปล. สมมุติว่าถ้า ORA ES11 ในไทย ได้แบตเตอรี่ตัวใหม่(วิ่งได้ 450 km ตามมาตรฐาน NEDC ) แล้วขายในราคาพอ ๆ กับ Honda Jazz ส่วน ORA R1 ก็มาขายในราคาเดียวกับ Nissan March อัตราการเติบโตของรถ BEV ในไทยก็จะดีขึ้นมากเลยละ
-
ขอให้แรงๆและราคาถูกๆจะปังแน่ เพราะจุดอื่นมันแพ้รถน้ำมันไม่พอเอามาโม้เกทับได้เลย
-
ราคา ใกล้ๆ ล้าน อย่าหวังจะโตเลยครับ
ถ้าจะเอามาขายเมืองไทยนะ
ราคา 700,000 เต็มที่ อย่าเกินนี้ เพราะมันเป็นราคาเฉลี่ยรถ ที่ขายดีในเมืองไทย(รถกระบะ)
-
ผมว่าไทยคงจะเข้าสู่ยุค EV ช้ากว่ายุโรปหลายปีอยู่
ปัญหาหลักๆของ EV ตอนนี้คือเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ทั้งระยะทางที่จำกัดเนื่องด้วยความหนาแน่นของพลังงาน/ปริมาตรที่ด้อยกว่าน้ำมัน และปัญหาแบตอัดไฟเต็มได้ไม่เร็วเท่ากับเติมน้ำมันรถเต็มถัง เลยทำให้ EV ยังไม่ตอบโจทย์การใช้งานได้ 100% ในขณะนี้
ตอนนี้ EV คงออกแนวเป็นของเล่นไฮเทคมากกว่าเครื่องมือทำมาหากิน
ผมว่าที่มันวิ่งไม่ไกลเพราะมีเพียงแค่1เกียร์ด้วย. กับอัดแรงม้าแรงบิดเกินความจำเป็นแถมตีนปลายหด
-
ต้องเปลี่ยนความรู้สึกของคนไทย ถึงอายุรถต้องทิ้งให้ได้ รถคือตัวบอกสถานะทางสังคม ตัวรถต้องถูกมากๆ ให้รู้สึกไม่เสียดายที่ต้องซ่อม หรือต้องเปลี่ยนและราคาขายต่อที่ไม่มีคนรับ ลดขนาดเครื่องยนต์ดำริตั้งนาน ปัจจุบันเห็นเป็นรูปธรรมที่แท้จริง
-
เคย Comment แบบนี้ไปแล้ว แต่ก็จะพิมพ์อีก
รัฐบาลไทย เขารู้หมดแหละครับ ว่าจะสนับสนุนรถ EV อย่างไร
ทำยังไง รถ EV ถึงจะราคาถูก
ทำยังไง ถึงจะมีค่ายรถ EV อยากมาตั้งโรงงานประกอบในประเทศ
แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำ และการที่เขาไม่ทำอะไรเลย ก็เท่ากับเป็นการต่อต้านไปในตัวนั่นเอง
-
ผมว่ายังไง รถไฟฟ้าก็โตครับ แล้วมันจะแทน รถน้ำมันได้ในที่สุด
มันขึ้นกับว่า จะใช้เวลานานแค่ไหนมากกว่า
ในไทย อาจต้องใช้เวลานานหน่อย กว่าจะ convert มาเป็นรถไฟฟ้า แต่มันมาแน่ๆ
ตอนนี้ตัวเลือกรถไฟฟ้ายังน้อยมาก ถ้ามีลุ้น Tesla มาทำตลาดในไทยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ผมคงซื้อแน่นอน