Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ มีนาคม 03, 2021, 16:31:05
-
วันนี้คณะอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้ามีมติว่าจะทำให้ประเทศไทยผลิตรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษหรือ Zero Emission Vehicle ในปี 2035
ซึ่งอาจจะดูเร็ว เพราะเซียนทั้งหลายต่างคาดการณ์ว่าเมืองไทยจะใช้รถกระบะดีเซลไปอีก 20-30 ปี
ทั้งนี้สาเหตุก็น่าจะมาจากทางญี่ปุ่นก็จะไม่ผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปหลังปี 2035 เช่นกัน
ตอนนี้ใครทำ Supply Chain ของเครื่องยนต์ก็คงต้องเตรียมปรับตัวแล้วนะครับ อีก 15 ปีก็จบสิ้นแล้ว
-
อ่าว
อ่าว
อ่าว
อ่าว
อ่าว
ยังไงนะ
-
ผมว่า บริษัทรถ คงไม่ได้เดือดร้อน เหมือนเปลี่ยนจาก โปรดัค A เป็น โปรคดัค B
ที่เดือดร้อนน่าจะบริษัทน้ำมัน (ก็ขายน้ำมันให้รถเก่าไปซิ)
และที่จะหนัก คงเป็น supply chain มากกว่า ต้องปรับตัวเยอะ ถ้ามีแผนรองรับ ก็คงไม่ได้เดือดร้อนอะไร
แต่สำหรับคนทีใช้เครื่องสันดาป อาจจะเดือดร้อนเรื่อง ค่าอะไหล่ อาจจะเพิ่ม และ แพงขึ้น เพราะอะไหล่ก็คงลดปริมาณการผลิตป้อนตลาดลง ไปซัพพอร์ต EV ด้วยเช่นกัน
-
ผมว่ารอดูกันไปก่อนดีกว่าครับ สุดท้ายจะทำได้จริงหรือเปล่า ถ้าจริง จะเมื่อไหร่ ส่วนตัวผมไม่คิดว่าจะตาม ปี ที่ตั้งใจไว้หรอกครับ
-
เรื่องตลกที่เปลี่ยนได้ตลอดตามค่ายรถที่ใหญ่พอที่จะกดดันให้เปลี่ยนได้เสมอ
-
รอดูกันต่อไปครับ เพราะนโยบายด้านพลังงานที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ก็ไม่ค่อยจะนิ่งด้วยเนี่ยสิ มันจะมีผลกับแผนตัวนี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
แบบนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์และพวกโซล่าเซลล์พ่วงแบตเก็บไฟต้องเริ่มแล้ว พร้อมกับระบบชาร์จทั่วประเทศด้วยนะ
-
อย่างแรก ....
ญี่ปุ่น ประเทศแม่ของค่ายรถแบรนด์หลักในไทย เค้าเปลี่ยนเป็นไฟฟ้าได้หมดหรือเปล่า
ถ้าทำได้ ค่อยมามองว่าไทยจะทำได้ ...
ขนาดญี่ปุ่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้งกี่โรง ... ตอนนี้เค้ามีรถไฟฟ้ากี่ % ของจำนวนรถในประเทศเชียว ..
-
ผมว่ายิ่งเร็วยิ่งดีครับ จังหวะนี้เหมือนออกสตาร์ทพร้อมกันไม่เหมือนตอนรถน้ำมันที่ประเทศอื่นทิ้งเราไปไกลมากแล้ว สนับสนุนให้เริ่มที่ กทม ก่อน พยายามเจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ พวกรถ City car ราคาไม่เกิน 6-7 แสน วางพื้นฐานเรื่องสถานีชาร์จให้รองรับทั่วถึง กทม น่าจะทำง่ายและมีความพร้อมสุดแล้ว ถ้าทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดได้ที่ กทม เดี๋ยวมันก็กระจายไปเองแหละครับ แถมลดเรื่อง PM 2.5 ด้วยในตัว
-
ดีครับ
แอบขำที่บางค่ายยังกั๊กเครื่องยนต์ สงสัยรอขายตอนรถไฟฟ้าเต็มเมือง
-
รัฐบาลเคยทำตามสัญญาได้ด้วยเหรอครับ
"เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกน๊านนนนน นาน"
-
ผลิตก็ส่งออกไม่ได้แล้วไง ไม่มีใครเค้าใช้ครับ
8) 8) 8)
-
ต้องแบบนี้ถูกแล้วครับ...เคาะ(กะลา)ระฆังเริ่มจับเวลาจะได้ไม่มีใครบอกว่าตั้งตัวไม่ทัน ส่วนคนรอก็จะได้ไม่ด่าว่ารัฐไม่จริงใจ
https://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/25_energy/download/article/article_20210210125521.pdf
-
เดี๋ยวก็มีกลับลำอีก เชื่อไหม
คือข่าวที่ผ่านมา พอออกมาที พอมีกระแสคนด่า แล้วก็กลับลำ
-
ดีนะครับ มันลดผลพิษไปด้วย
ยังไงการจัดการแบตเตอรี่เก่า มันสามารถควบคุมได้ง่ายกว่า การปล่อยไอเสีย
ผมแพลนจะซื้อรถใน 1-2 ปีนี้ เลือกไม่ถูกเลยว่า ควรจะไปทางไหนดี 555
-
รีบโพสทำไม ยังไม่ถึง 1 เมษา เลย
-
น่าจะหมายถึงเครื่อง ICE ล้วนไหมครับ
แต่พวก Mild Hybrid ก็ยังขายอยู่ ซึ่งพวกนี้จริงๆ มันก็คือ ICE ที่ตัดมอเตอร์ starter ออกครับ
-
รัฐไทยคือ รัฐแห่ง การเลื่อน ประกาศกี่ฉบับ กฎหมายกี่ฉบับที่ถึงเวลาก็เลื่อน เลื่อนไปตามใจชอบท่านๆ กฎหมายบางฉบับมีผลดีโดยตรงกับประชาชนแต่ไปตัดขาท่าน ท่านก็เลื่อนไปได้ตามใจ หึหึ
-
ขอดีเซลมี dpf ก่อนเถอะ
-
ต้องออกกฏหมายเรื่องที่จอดรถมาใช้ก่อนครับ บางคนบ้านไม่มีที่จอด มาจอดหน้าบ้านบ้าง หน้าบ้านคนอื่นบ้าง จะชาร์จไฟกันยังไง
หรือว่าแก้ปัญหาไปในตัว ซื้อมาไม่มีที่จอด ชาร์จไม่ได้ได้ไม่ต้องซื้อ ;D
-
ไม่ต้องรอให้รัฐไทยมาผลักดันอะไรเยอะหรอกครับ
เรื่องนี้ผมว่าอยู่ที่ตลาดโลก และผู้ผลิตรถยนต์เป็นหลักนั่นแหละ เพราะประเทศไทยไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเอง
ถ้าผู้ผลิตหลักๆ ในญี่ปุ่น เยอรมัน อย่าง โตโยต้า ฮอนด้า มาสด้า นิสสัน MB BMW เลิกพัฒนาและผลิตเครื่องยนต์สันดาป ประเทศไทยก็คงต้องเลิกผลิตตามไปด้วยนั่นแหละครับ ตลาดไทยประเทศเดียวคงไม่ใหญ่พอที่จะให้ค่ายรถระดับโลกมาออกแบบรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปโดยเฉพาะให้ได้
-
ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จมั้ย 15 ปี นโยบายปรับเปลี่ยนได้ ทุกรัฐบาลใหม่ พรรคไหนเข้ามานั่งเก้าอี้ รมต.
ก็เปลี่ยนนโยบายของพรรคเก่าออก เอานโยบายหาเสียงของตัวเองเข้ามาแทน
ถึงตอนนั้นถ้าเว็บบอร์ดนี้ยังอยู่ ค่อยมาว่ากันใหม่อีกที เรื่องนี้
-
ใจเย็นครับ พี่น้อง ก็ แค่นโยบาย
ตอนนี้ มันไม่เริ่มเลย แต่ก็ดีแล้ว จะได้ เป็นการเพิ่ม ความต้องการ การซื้อ
มีนโบายไหน ทำตาม ได้ 100 % มั่งครับ
ต่อให้ทำจริง 15 ปี นี่ โครตนาน ซื้อ น้ำมัน ขับได้ อีก 2 รุ่นเลย
ถ้านโยบาย มา 15 ปี
ทำได้จริง อาจจะ + ไปเป็น 20 นี่ รุ่นหลานแล้ว 555
พูดตรงๆ คือเราไม่จำเป็นต้องเปลี่บย เปลี่ยนมาใช้ EV ในอันใกล้แน่นอน ( ปตท ยังขายน้ำมัน สะใจอยู่เลย )
ประเทศ ที่ ดัน EV ก็จะเป็นประเทศ กลุ่มที่ ไม่สามารถ ผลิตน้ำมันใช้เอง
แต่ ประเทศไทย หาก มีปริมาณ รถ PHEV EV เพิ่มมาสัก 30 % น้ำมัน ที่ เคยอ้างว่านำเข้าก็จะล้น ประเทศครับ
-
อีก 15ปี ก็ไม่น้อยนะสำหรับรถที่จะเป็น ICE ล้วน
หลังจากนั้นขั้นต่ำสุดอย่างน้อยคิดว่าคือ mild hybrid
ถ้าเอา civic เจน 11 ที่จะออกปีนี้ ซึ่งมี1.5 hybridแน่นอน วันที่จะไม่มีเครื่องสันดาป ICE แล้วคือประมาณ civic เจน 14 เลยนะ วันนั้น civic ก็คงไม่มีเครื่อง ICE เพียวๆขายอยู่แล้ว
เอารถเล็กหน่อยโครงการ EcoCar เฟส3 ถ้าจะมีก็คงโดนบังคับเป็น hybrid
ถ้ารัฐไม่ขยับให้คนบ่นวันนี้ อีก15ปีข้างหน้า รถยนต์ที่คนไทยใช้คงประกอบจากจีนและเพื่อนบ้านกันหมด แบบที่มือถือ แทปเลต และอุปกรณ์ไฮเทคที่เราใช้กันไม่ได้ผลิตในประเทศไทยเลย (จะให้เราภูมิใจว่าเราผลิตฮาร์ดดิสก์แต่โลกเค้าใช้ SSD ก็ไม่ใช่นะ)
-
15ปีก็ไม่เร็วนะ ถึงตอนนั้นผมหง่อมไม่อยากขับรถละ
แต่ที่เร่งเพราะอะไรครับ PM2.5เหรอ อย่าลืมดูและพวกเผาขยะเผาไร่ด้วยครับ มีทุกวันผมอยู่ชานเมือง เห็นละหดหู่ใจ ได้แต่หมกอยู่ในห้องแอร์เล็กๆออกจากบ้านไม่ได้
-
ที่มามันมาจากรายงานฉบับนี้ของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภาผู้แทนคับ
https://www.parliament.go.th/ewtcommittee/ewt/25_energy/ewt_dl_link.php?nid=425&filename=index
ปี 2035 คืออนุญาตเฉพาะรถ Zero emission (ZEV) ขายในตลาดได้เท่านั้น ดังนั้นรถ ICE, hybrid, PHEV โดนแบนทั้งหมดคับ อันนี้คือรถใหม่ ส่วนรถเก่ายังใช้ได้อยู่ ค่อยๆ fade out ไป
-
ผมว่าทำได้ เพราะโลกเขาไปทางนั้น เรื่องไฟฟ้าก็จะมี โซล่าฟาร์ม
-
norway เค้าตั้งที่ 2025 ด้วยซ้ำครับ
ไทยไม่มีแบรนด์รถเป็นของตัวเองถ้าบริษัทแม่เค้าไม่พัฒนาเทคโนโลยีมาแล้ว ไทยจะเอา r&d ที่ไหนมาผลิตครับ
ตั้ง 2035 เท่าญี่ปุ่น ก็แปลว่าอิงจากญี่ปุ่น ถ้าบ้านเค้าไม่มีบ้านเราก็จะไม่มีตาม เพราะนโยบายบริษัทคงไม่ลงทุนทั้ง ICE และ ZEV ไปตลอดหรอก
-
จะเลี้ยวกลับเหมือน NGV ไม๊เนี่ย
-
ตอนนั้น SUPER CAR อย่างพวก เฟอรารี่ ลัมโบ รุ่น ICE จะตกลงไปหรือเปล่าครับ จะได้สอยมาขับสักคัน
-
รีบโพสทำไม ยังไม่ถึง 1 เมษา เลย
ผมนี้กร๊ากเลยครับ 555
-
พี่โตตอบรัฐบาลว่าพร้อมใน 15 ปีมั้งนะ
นโยบายย้อนแย้งไปมา
สังเกตได้จากภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน การอุดหนุนกองทุนน้ำมัน และภาษีรถประจำปี
ดูไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าประเทศต้องการอะไรกันแน่
1 สรรพสามิตกระบะ ต่ำจัด แต่น้ำมันดีเซลโดนเก็บเข้ากองทุนน้ำมันแพงกว่าเบนซิน
2 รถมีแค็บห้ามนั่ง ห้ามใส่เบาะ แต่พอสี่ประตู ภาษีรายปีเกือบปีละ 5000 รถหรูยังจ่ายแค่ 3 พัน
3 รถอีโคคาร์ ดีต่อสิ่งแวดล้อม จ่ายสรรพสามิต 11-12% (เฟส2นะ) แต่รถกระบะ 200 ม้า จ่ายแค่ 3%
-
คันต่อไปผมไฟฟ้าล้วนๆเท่านั้นครับ ไม่เอาน้ำมันหรือลูกผสม
จอดรถในบ้านทั้งสองคันรู้สึกได้ถึงมลพิษ(บ้านเดี่ยว)
สองคันนี้ก็ต้องอยู่กันยาวๆกว่าปกติหน่อย
-
ผมก็เดาไว้ประมาณนั้นแหละ แต่อาจเลื่อนไปอีก 5 ปี ถึงจะจริงจังเป็นกฏหมาย
-
เรากำหนดเองได้ด้วยเหรอ ผมว่าขึ้นกันญี่ปุ่นและตลาดโลกเป็นหลัก ญี่ปุ่นเป็นเจ้าหลักที่ลงทุนและผลิตในไทย ตลาดโลกเราก็ส่งออกไปขายเป็นสินค้าหลักอย่างนึงถ้าเค้าไม่เปลี่ยนเราเปลื่ยนได้รึ ถ้าเค้าจะเปลี่ยนเราก็จะไม่เปลี่ยนได้รึ
-
ไม่แปลกครับ บ้านเราเป็นแค่มือปืนรับจ้าง
ผู้ว่าจ้างจะเปลี่ยนอะไร เราก็ต้องเปลี่ยนตามอยู่แล้ว
-
ไทยจะส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ภายใน 7 ปีก็ประกาศมาแล้ว กลัวอะไร
-
รัฐบาลนี้ทำจริงเรื่องเดียว เรื่องรีดภาษี เรื่องอื่นตลกล้วนๆ
-
ถึงเวลาจริงๆ เดี๋ยวก็เลื่อนครับ ดูอย่างน้ำมันยูโร 5 สิ ตามที่เคยประกาศไว้ ถ้าผมจำไม่ผิด เร็วๆนี้ น้ำมันทุกชนิดต้องอัพจากยูโร 4 เป็น ยูโร 5 แล้ว
แต่พอ บ.น้ำมันแย้งนิดหน่อย ก็เลื่อนให้เค้าไปปี 68 โน่น ซึ่งพอถึงตอนนั้น ก็ไม่รู้จะเลื่อนอีกมั้ยนะ
ดังนั้น ตอนนี้ ก็รอดู Feedback จาก บ.ผู้ผลิตรถก่อนครับ แล้วค่อยว่ากัน
แต่อย่างน้อยก็ยังดี ที่มีแนวความคิดนี้ขึ้นมาครับ
-
นโยบาย คือ แนวคิด + การวางแผนเพื่อทำงานในอนาคต
การที่ออกนโยบาย ก็เพื่อกำหนดว่าอนาคตข้างหน้า มีแผนดำเนินการอะไรบ้าง
เรื่องระยะเวลา ผมมองว่าวางเอาไว้ 15 ปี เพื่อกำหนดจุดหมายไว้ก่อน ส่วนทางปฏิบัติจะได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของรัฐบาล ไม่ว่าจะภายใต้การนำของใคร ซึ่งอาจจะมีปัจจัยภายนอกมาเป็นตัวเร้าได้อีกประการ
สำหรับผมการที่กำหนดนโยบายถือว่าดีที่มีแผนงานรองรับในระยะยาวเอาไว้
ส่วนค่ายรถยนต์ไม่ต้องห่วงครับ เขาวางแผนรองรับกันไว้นานแล้วล่ะครับ
-
ถุย ขนาดประเทศที่มี infrastructure ชาร์จรถไฟฟ้าหลายร้อยจุดทั่วประเทศยังไม่ออกมาประกาศแบบนี้เลย
ทำตามเขาเพราะไม่มีสมองคิดกันเอง
-
ไม่ได้ตามข่าวนี้ ที่ จขกท.โพส
สมมุติว่า "มันจริงตามที่ว่า"
ทุกอย่าง "มันยืดหยุ่นได้"
"ยืดได้ หดได้" แทบทุกเรื่อง ในไทย
ขนาดถนนบอกจะแล้วเสร็จ ปี60 อาจจะเสร็จจริง ปี65 ก็เป็นได้!!??
-
ตอนนี้ จักรยานยนต์เมืองไทย ยังเป็น euro3 อยู่เลยคับ เวสป้า 2 จังหวะ ยัดใส้ท่อเยอะ ๆ หน่อย ยังผ่านขนส่งมาขายป้ายแดงได้เฉยเลย
บอกว่าจะเป็น Euro 5-6 ตั้งแต่หลายปีก่อน ก็ยังทำไม่ได้เลยคับ
-
ก็เป็นซะอย่างนี้ผู้บริโภคเมืองไทยไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทัน ถึงได้โดนข่าวหลอกมาตลอด ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้
1. ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV เพราะฉะนั้นต่อให้มีการบังคับใช้จริงรถยนต์ที่ผลิตในเมืองไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็เป็น PHEV อยู่ดี หากจะบังคับให้ผลิต BEV อย่างเดียวก็ใช้คำว่า BEV ไปเลยไม่เห็นต้องเรียกว่า ZEV ที่มันคลุมเครือกว่าเยอะ
2. ประเทศที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองแต่อาศัยค่ายรถต่างชาติสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโกไม่เคยบังคับอะไรค่ายรถได้ครับ เพราะทุกอย่างมันโดน Dominate จากแบรนด์รถยนต์ต่างชาติหมดแล้ว มันจะมีนโยบายหรือกฎหมายอะไรบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรดาค่ายรถนั้นพร้อมแล้วไฟเขียวแล้ว ยิ่งไทยอยู่ในตำแหน่งที่ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียอยากจะสอยลงจากผู้นำยานยนต์ ASEAN อยู่แล้วด้วย
3.ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นบังคับให้รถยนต์ที่ขายในปี 2030 เป็น BEV ล้วนๆ ส่วนญี่ปุ่นในปี 2035 หมายความว่าบรรดาค่ายรถทั้งหลายต้องทุ่มทรัพยากรไปในการลงทุนกับการเตรียมการผลิต BEV ในตลาดสำคัญของโลกทั้งสามนั้นก่อน แล้วจะมาทุ่มทรัพยากรเพื่อผลิต BEV ล้วนในตลาดเล็กๆอย่าง ASEAN ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี
ยิ่งข้อมูลของคณะกรรมกาธิการที่มีคนเอามาอ้างนั่นน่ะมันล้าสมัยและตกยุคกว่าข้อมูลที่พวกอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันอยู่เยอะ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงในปี 2035 ได้เลย
นโยบายและกฎข้อบังคับในตอนที่ยังไม่บังคับใช้มันจะเขียนให้สวยหรูยังไงก็ได้ครับ แต่มันจะเริ่มบังคับใช้จริงได้เมื่อไหร่นั่นมันอีกเรื่องนึง
-
ก็เป็นซะอย่างนี้ผู้บริโภคเมืองไทยไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทัน ถึงได้โดนข่าวหลอกมาตลอด ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้
1. ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV เพราะฉะนั้นต่อให้มีการบังคับใช้จริงรถยนต์ที่ผลิตในเมืองไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็เป็น PHEV อยู่ดี หากจะบังคับให้ผลิต BEV อย่างเดียวก็ใช้คำว่า BEV ไปเลยไม่เห็นต้องเรียกว่า ZEV ที่มันคลุมเครือกว่าเยอะ
2. ประเทศที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองแต่อาศัยค่ายรถต่างชาติสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโกไม่เคยบังคับอะไรค่ายรถได้ครับ เพราะทุกอย่างมันโดน Dominate จากแบรนด์รถยนต์ต่างชาติหมดแล้ว มันจะมีนโยบายหรือกฎหมายอะไรบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรดาค่ายรถนั้นพร้อมแล้วไฟเขียวแล้ว ยิ่งไทยอยู่ในตำแหน่งที่ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียอยากจะสอยลงจากผู้นำยานยนต์ ASEAN อยู่แล้วด้วย
3.ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นบังคับให้รถยนต์ที่ขายในปี 2030 เป็น BEV ล้วนๆ ส่วนญี่ปุ่นในปี 2035 หมายความว่าบรรดาค่ายรถทั้งหลายต้องทุ่มทรัพยากรไปในการลงทุนกับการเตรียมการผลิต BEV ในตลาดสำคัญของโลกทั้งสามนั้นก่อน แล้วจะมาทุ่มทรัพยากรเพื่อผลิต BEV ล้วนในตลาดเล็กๆอย่าง ASEAN ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี
ยิ่งข้อมูลของคณะกรรมกาธิการที่มีคนเอามาอ้างนั่นน่ะมันล้าสมัยและตกยุคกว่าข้อมูลที่พวกอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันอยู่เยอะ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงในปี 2035 ได้เลย
นโยบายและกฎข้อบังคับในตอนที่ยังไม่บังคับใช้มันจะเขียนให้สวยหรูยังไงก็ได้ครับ แต่มันจะเริ่มบังคับใช้จริงได้เมื่อไหร่นั่นมันอีกเรื่องนึง
"ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV"
ควรไปอ่านใหม่ให้ละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมจากก๊วน "คนที่ทำงานใน" ของคุณ ก่อนคิดเองมาบอกว่า ZEV ที่เค้าเขียนมันคือ Zero Emission Capable Vehicle BEV, PHEV
Zero emission (ZEV) ตามรายงานเค้าหมายถึง ไม่มีปล่อยไอเสียเลย 100% รถที่เข้าข่ายคือ BEV, FCEV
source: กลุ่มคนที่ออกความเห็นในรายงานฉบับนั้นและคณะทำงานร่างรายงาน e.g. EVAT committee, gov't affair GWM
-
ก็เป็นซะอย่างนี้ผู้บริโภคเมืองไทยไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทัน ถึงได้โดนข่าวหลอกมาตลอด ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้
1. ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV เพราะฉะนั้นต่อให้มีการบังคับใช้จริงรถยนต์ที่ผลิตในเมืองไทยส่วนใหญ่ในตอนนั้นก็เป็น PHEV อยู่ดี หากจะบังคับให้ผลิต BEV อย่างเดียวก็ใช้คำว่า BEV ไปเลยไม่เห็นต้องเรียกว่า ZEV ที่มันคลุมเครือกว่าเยอะ
2. ประเทศที่ไม่มีแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเองแต่อาศัยค่ายรถต่างชาติสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล เม็กซิโกไม่เคยบังคับอะไรค่ายรถได้ครับ เพราะทุกอย่างมันโดน Dominate จากแบรนด์รถยนต์ต่างชาติหมดแล้ว มันจะมีนโยบายหรือกฎหมายอะไรบังคับใช้ได้ก็ต่อเมื่อบรรดาค่ายรถนั้นพร้อมแล้วไฟเขียวแล้ว ยิ่งไทยอยู่ในตำแหน่งที่ทั้งอินโดนีเซียและมาเลเซียอยากจะสอยลงจากผู้นำยานยนต์ ASEAN อยู่แล้วด้วย
3.ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นบังคับให้รถยนต์ที่ขายในปี 2030 เป็น BEV ล้วนๆ ส่วนญี่ปุ่นในปี 2035 หมายความว่าบรรดาค่ายรถทั้งหลายต้องทุ่มทรัพยากรไปในการลงทุนกับการเตรียมการผลิต BEV ในตลาดสำคัญของโลกทั้งสามนั้นก่อน แล้วจะมาทุ่มทรัพยากรเพื่อผลิต BEV ล้วนในตลาดเล็กๆอย่าง ASEAN ปีเดียวกับที่ญี่ปุ่นเนี่ยนะ นี่มันเรื่องตลกสิ้นดี
ยิ่งข้อมูลของคณะกรรมกาธิการที่มีคนเอามาอ้างนั่นน่ะมันล้าสมัยและตกยุคกว่าข้อมูลที่พวกอุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันอยู่เยอะ ไม่มีทางที่จะเป็นจริงในปี 2035 ได้เลย
นโยบายและกฎข้อบังคับในตอนที่ยังไม่บังคับใช้มันจะเขียนให้สวยหรูยังไงก็ได้ครับ แต่มันจะเริ่มบังคับใช้จริงได้เมื่อไหร่นั่นมันอีกเรื่องนึง
แต่ว่าในปี 2035 ไทยจะมียอดขายรถ Hybrid Plug-in Hybrid และ EV รวมแล้วต้องมากกว่า 10 ล้านคัน นี่คือเป้าหมาย ส่วนไทยจะไม่ผลิตรถสันดาปนี่ อาจจะรอไปถึงปี 2042-2043 นู้น.....
-
พวกคุณเห็นรถเมล์ไทยเป็นแบบเดิมมากี่ปีแล้วหละ 8)
-
ต้องออกกฏหมายเรื่องที่จอดรถมาใช้ก่อนครับ บางคนบ้านไม่มีที่จอด มาจอดหน้าบ้านบ้าง หน้าบ้านคนอื่นบ้าง จะชาร์จไฟกันยังไง
หรือว่าแก้ปัญหาไปในตัว ซื้อมาไม่มีที่จอด ชาร์จไม่ได้ได้ไม่ต้องซื้อ ;D
เกรงว่าจะเปลี่ยนจากจอดหน้าบ้านคนอื่น ไปจอดทิ้งไว้ที่จุดชาร์ทใกล้บ้านแทนสิครับ ทั้งไว้ทั้งคืน เช้าค่อยไปเอา ใครจะรอชาร์ท ไม่สนใจ
-
ผมมองว่างี้ ผิดถูกขออภัย
ไทยใช้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์แบกรับการจ้างงาน(ส่วนนึง)ของแรงงานในประเทศไว้
หากการจ้างงานลดลง (จากการเปลี่ยนแปลงในที่นี้คือจาก ice --> ev) รัฐมีปัญหาแน่ บ.ผู้ผลิต จึงเหมือนเป็นคนคุมเกมส์
คุณจะมาหักดิบผม ถ้าผมมีปัญหา แรงงานคุณมีปัญหา คุณซึ่งเป็นรัฐก็มีปัญหาด้วย จะเอาป๊ะล่ะ
ในขณะเดียวกัน รัฐเองก็อยากเป็นฐานการผลิต ev ใจจะขาด แต่แรงงานเดิมก็ต้องดูแล ก็เลยคลอดมาตรการลดภาษีให้อุตสาหกรรมรถ ev
โดยถ้าผ่านเงื่อนไข เราจะมีขีดความสามารถในการผลิตตั้งแต่วัตถุดิบยันส่งออก ได้ขายในประเทศ แรงงานก็อยู่ได้ยาว ๆ
คราวนี้มันก็อยู่ที่ บ. ผู้ผลิต จะมาเอาด้วยเร็วแค่ไหน ซึ่งถ้าตามที่เพื่อนสมาชิกบอกว่า บ.แม่ จะเลิกทำสันดาป บ.บ้านเราก็ต้องตามเค้าไป
ผมลองไปหาอ่านเงื่อนไขลดภาษีรถ ev ผมอาจจะรู้แค่งู ๆ ปลา ๆ เงื่อนไขมหาโหดนั้น บ. ที่ทำได้ผมมองว่ามีแค่เจ้าตลาด T,H
แล้วด้วยภาพรวมรถ ev ในไทยตอนนี้ แกก็คงไม่เอาหรอก รอก่อนดีกว่า
สรุปก็คือนโยบายอาจจะเป็นเสือกระดาษ เราทำได้แค่รอเอกชนเท่านั้น
-
ไทยจะส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ภายใน 7 ปีก็ประกาศมาแล้ว กลัวอะไร
55555
-
ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้
"ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV"
ควรไปอ่านใหม่ให้ละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมจากก๊วน "คนที่ทำงานใน" ของคุณ ก่อนคิดเองมาบอกว่า ZEV ที่เค้าเขียนมันคือ Zero Emission Capable Vehicle BEV, PHEV
Zero emission (ZEV) ตามรายงานเค้าหมายถึง ไม่มีปล่อยไอเสียเลย 100% รถที่เข้าข่ายคือ BEV, FCEV
source: กลุ่มคนที่ออกความเห็นในรายงานฉบับนั้นและคณะทำงานร่างรายงาน e.g. EVAT committee, gov't affair GWM
คงจะรีบมากจึงไม่เคยสังเกตว่าข้อความครบๆมันคืออะไร เหมือนในกระทู้ก่อนที่รีบมากกลัวไม่ได้แซะอ่านไม่ครบแต่รีบมากกลัวไม่ได้ว่าคนอื่น ผมก็เขียนอยู่ชัดๆว่าในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นอย่างนี้ เพราะค่ายรถในไทยไม่มีทางผลิตแต่ BEV ล้วนๆในประเทศภายในปี 2035 อย่างแน่นอน เพราะหลายค่ายยักษ์ใหญ่ในไทยยังคงต้องการไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ส่งออกอยู่ ถึงเวลานั้นมันก็จะต้องมีการตะแบงความหมายของ ZEV ออกไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่าคณะกรรมธิการไม่ว่าจะชุดไหนไม่เคยกำหนดทิศทางอะไรได้ยกเว้นค่ายรถใหญ่ๆพยักหน้าไฟเขียวแล้ว
เคยไปประชุมหรือสัมมนากับ EVAT สักครั้งหรือเปล่าถ้าเคยไปจะรู้ว่า EVAT มันก็คือหัวหลักหัวตอดีๆนี่เอง แทบไม่มีค่ายรถไหนสนใจอะไร EVAT เลย กลับกันเป็นทางฝั่ง EVAT เองเสียอีกที่ต้องคอยตามง้อขอข้อมูลจากบริษัทรถทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ข้อมูลข้อสรุปจาก EVAT ที่ทางรัฐชอบนำไปใช้มันจึงเชย ล้าสมัย และไม่ตรงอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริงซักนิด เพราะมันเป็นข้อมูลเก่าที่ค่ายรถทั้งหลายเห็นว่าเปิดเผยได้แล้ว ส่วนทาง EVAT จะเอาข้อมูลไปมโนต่ออย่างไรนั้นก็สุดแท้แต่
ข้อกำหนดนี่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีบริษัทรถยนต์ที่เป็นของชาติตัวเอง มีเทคโนโลยีและกำลังการผลิตพร้อมที่จะเข้าควบคุมตลาดในกรณีที่บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ค่ายรถชาติตัวเองก็พร้อมจะก้าวเข้ามาเป็นตัวเลือกทดแทนเมื่อยามที่ประชาชนต้องซื้อรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด
แต่นี่ในประเทศที่ไม่มีบริษัทรถยนต์ของชาติตัวเองที่ผลิต BEV ได้เลย และถึงมีคนในชาติก็ไม่เคยสนใจจะอุดหนุนแต่กลับไปร้องแรกแหกกระเชออยากได้รถนำเข้าเท่ๆถูกๆ ประเทศแบบนี้ไม่มีทางกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติทำตามได้หรอก เพราะสุดท้ายก็อยู่ใต้อุ้งเท้าค่ายรถจะ Dominate ทิศทางอยู่ดี
-
ในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นแบบนี้
"ZEV ไม่ได้หมายถึง BEV แต่หมายถึง Zero Emission Capable Vehicle ซึ่งมันก็คือ BEV+PHEV"
ควรไปอ่านใหม่ให้ละเอียด หาข้อมูลเพิ่มเติมจากก๊วน "คนที่ทำงานใน" ของคุณ ก่อนคิดเองมาบอกว่า ZEV ที่เค้าเขียนมันคือ Zero Emission Capable Vehicle BEV, PHEV
Zero emission (ZEV) ตามรายงานเค้าหมายถึง ไม่มีปล่อยไอเสียเลย 100% รถที่เข้าข่ายคือ BEV, FCEV
source: กลุ่มคนที่ออกความเห็นในรายงานฉบับนั้นและคณะทำงานร่างรายงาน e.g. EVAT committee, gov't affair GWM
คงจะรีบมากจึงไม่เคยสังเกตว่าข้อความครบๆมันคืออะไร เหมือนในกระทู้ก่อนที่รีบมากกลัวไม่ได้แซะอ่านไม่ครบแต่รีบมากกลัวไม่ได้ว่าคนอื่น ผมก็เขียนอยู่ชัดๆว่าในทางปฏิบัติจริงมันก็จะลากไปเป็นอย่างนี้ เพราะค่ายรถในไทยไม่มีทางผลิตแต่ BEV ล้วนๆในประเทศภายในปี 2035 อย่างแน่นอน เพราะหลายค่ายยักษ์ใหญ่ในไทยยังคงต้องการไทยเป็นฐานผลิตรถยนต์ HEV และ PHEV ส่งออกอยู่ ถึงเวลานั้นมันก็จะต้องมีการตะแบงความหมายของ ZEV ออกไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกว่าคณะกรรมธิการไม่ว่าจะชุดไหนไม่เคยกำหนดทิศทางอะไรได้ยกเว้นค่ายรถใหญ่ๆพยักหน้าไฟเขียวแล้ว
เคยไปประชุมหรือสัมมนากับ EVAT สักครั้งหรือเปล่าถ้าเคยไปจะรู้ว่า EVAT มันก็คือหัวหลักหัวตอดีๆนี่เอง แทบไม่มีค่ายรถไหนสนใจอะไร EVAT เลย กลับกันเป็นทางฝั่ง EVAT เองเสียอีกที่ต้องคอยตามง้อขอข้อมูลจากบริษัทรถทั้งหลายอยู่เป็นประจำ ข้อมูลข้อสรุปจาก EVAT ที่ทางรัฐชอบนำไปใช้มันจึงเชย ล้าสมัย และไม่ตรงอะไรกับโลกแห่งความเป็นจริงซักนิด เพราะมันเป็นข้อมูลเก่าที่ค่ายรถทั้งหลายเห็นว่าเปิดเผยได้แล้ว ส่วนทาง EVAT จะเอาข้อมูลไปมโนต่ออย่างไรนั้นก็สุดแท้แต่
ข้อกำหนดนี่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีบริษัทรถยนต์ที่เป็นของชาติตัวเอง มีเทคโนโลยีและกำลังการผลิตพร้อมที่จะเข้าควบคุมตลาดในกรณีที่บริษัทรถยนต์ต่างชาติไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ค่ายรถชาติตัวเองก็พร้อมจะก้าวเข้ามาเป็นตัวเลือกทดแทนเมื่อยามที่ประชาชนต้องซื้อรถยนต์ที่มีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด
แต่นี่ในประเทศที่ไม่มีบริษัทรถยนต์ของชาติตัวเองที่ผลิต BEV ได้เลย และถึงมีคนในชาติก็ไม่เคยสนใจจะอุดหนุนแต่กลับไปร้องแรกแหกกระเชออยากได้รถนำเข้าเท่ๆถูกๆ ประเทศแบบนี้ไม่มีทางกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติทำตามได้หรอก เพราะสุดท้ายก็อยู่ใต้อุ้งเท้าค่ายรถจะ Dominate ทิศทางอยู่ดี
EVAT ผมไปประชุมแทบทุกเดือนคับ แสดงว่าคุณก้ออยู่ น่าจะได้เจอกันบ้าง คงมี discussion กันหนุก ;D
-
EVAT ผมไปประชุมแทบทุกเดือนคับ แสดงว่าคุณก้ออยู่ น่าจะได้เจอกันบ้าง คงมี discussion กันหนุก ;D
ประชุมหรือสัมมนาของ EVAT ผมเลือกไปเฉพาะอันที่คิดว่ามันมีประโยชน์ครับเพราะส่วนมากมันเสียเวลาเปล่า
-
ตอนนั้น SUPER CAR อย่างพวก เฟอรารี่ ลัมโบ รุ่น ICE จะตกลงไปหรือเปล่าครับ จะได้สอยมาขับสักคัน
ผมคิดว่ารถสปอร์ทที่เป็น ICE ทุกรุ่นราคาจะขึ้นครับ เพราะจัดเป็นคลาสสิกครับ ใครมีอยู่ เก็บไว้ได้เลย เหมือนรถโบราณ รถเครื่องยนต์สมัยเก่า หรือเครื่องจักรไอน้ำ
-
อยากขอให้ถนนพระราม2เสร็จสักทีได้ไหมครับ (เกี่ยวกันไหม)
-
หลานเหลนเราก็ไม่ต้องมาดมฟันดำดันรางแล้วละซิ 8)