Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: solo ที่ มีนาคม 16, 2021, 07:35:53
-
คุณลุงผมแกประกาศขายรถมือสองในอินเตอร์เนตมาประมาณ 1เดือน พอราคาค่อยๆลดจาก เจ็ดแสนมาเหลือห้าแสนเท่านั้นล่ะครับ เป็นเรื่อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โทรศัพท์กวนหรือ Message กวน แต่จะมีพวกตกปากรับคำขอนัดดูรถ พอไปถึงก็บิดพลิ้วขอลดราคาหนักๆ คุณลุงผมก็ไม่ตกลง ต่อมาเขาใช้ชื่ออื่นมานัดอีก แล้วก็อีหรอบเดิมขดลดราคา คุณลุงผมก็ say no ครั้งที่สอง ถัดจากนั้นก็มีโทรศัพท์มาขอนัดดูรถอีก ลักษณะคล้ายเดิมคือพอใจทุกเงื่อนไขขอนัดดูรถอย่างเดียว คุณลุงผมกลัวจะเป็นแก็งค์เดิม ไม่ทราบว่าเราจะแก้ไขปัญหาจากการขายรถในอินเตอร์เนตยังไงครับ?
-
รถอะไรครับ ถ้ารถตลาดยอดฮิตราคาที่ตั้งไว้เป็นราคากลางแล้ว จงหนักแน่นเซโนต่อไปจนกว่ามันจะถอยไปเอง ถึงจะเปลี่ยนคนมาซื้อแต่ต่อรองราคาลงมาขนาดนี้ก็รู้ัได้ไม่ยากว่าพวกเดียวกัน ถ้าหนักแน่นก็ไม่ต้องกลัวใคร เดี๋ยวคนที่เหมาะสมก็มาเองละฮะ อย่าลังเลพวกนี้มันดูออกว่าคุณร้อนเงิน
-
แสดงว่ารถคันนี้ค่อนข้างสภาพดีนะครับ เค้าถึงอยากได้
ถ้างั้น ให้นัดมาดูแถวบ้านอย่างเดียวเลยครับ ไม่ต้องไปตามเค้าบอก
นี่พูดถึงเคสคนทั่วๆไปนะ คนเรานะครับ ถ้าอยากได้จริงๆ ต่อให้อยู่เชียงใหม่ เค้าก็อยากได้ เค้าก็ลงมาดูครับ
แก๊งพวกนี้ บางทีเค้าต้องการกดราคารถเราเท่านั้นแหละครับ หรือไม่ก็พวกแก๊งนายหน้า ถ้าโทรมา ก็บอกว่าสะดวกแถวบ้าน ไม่ต้องไปเต้นตามเค้าครับ
-
ผมจะแนะวิธีขายรถบ้านให้นะครับ ฝากไปบอกคุณลุงไว้ทำตามได้เลย และนี่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวมถึงด้านมืดของพวกรับซื้อรถต่างๆด้วย ...
อย่างแรกเลยอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ปัจจุบัน มีพวกรับซื้อรถจากผู้ขายที่ลงขายใน internet มากมายครับ ขอนัดดู ติรถเพื่อกดราคา เมื่อได้ราคาก็เอาไปปล่อยต่อเต้นท์ฟันกำไรไป ...
บางเต้นท์ เห็นราคาเราตั้งขายถูกกว่าที่เต้นท์ตั้งขาย เค้าก็จะก่อกวน โทรนัดขอดูรถในสถานที่ไกลๆ แล้วสุดท้ายไม่ไปเราโทรกลับก็ไม่รับปิดเครื่อง ...ถามว่าทำแบบนี้ทำไป ก็ก่อกวนให้เราเหนื่อย ให้เราเจ็บสุดท้าย เราก็ต้องไปจบเต้นท์ ... นี่คือวิธีที่ต้องบอกว่า เป็นด้านมืดในวงการ ...
ทีนี้ วิธีแก้ สำหรับคนที่ขายรถเองขายรถบ้าน ...ผมแนะนำว่า ถ้ามีใครโทรติดต่อขอดูรถ ตกลงราคาดิบดี แต่นัดขอดูรถนอกสถานที่ อย่าไปครับ ...
บอกเค้าไปเลย ผมทำงานที่นี่ ว่างแวะมาดูได้เลยที่ตึก xxx ถึงแล้วโทรมา ..หรือ บ้านผมอยู่ที่ xxx อยู่ทุกวัน สะดวกขับรถมาดูเลย จะได้รู้บ้านผมด้วย บราๆ ก้ว่าไป ...ประเด็นคือ อย่าขับรถออกไปตามที่เค้านัด เช่นในห้างแม้ว่าจะใกล้บ้านเรา ก็ไม่ต้องไปครับ .... พวกบอกขอนัดครึ่งทาง เช่นเราอยู่รังสิต เค้าอยู่อยุธยา ขอนัดเจอคนละครึ่งทางตรงนวนคร อะไรงี้ก็ ไม่ต้องไปสนใจครับ บอกไปเลยไม่ว่างไม่สะดวก ...
ตอนผมขาย มาสด้า3BK คันเดิม มีคนขอซื้อผม บอกว่าจากโคราช ขอนัดเจอครึ่งทางแถวสระบุรี ผมว่า ไกล ไม่สะดวกไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากได้มาดูที่บ้านบ้านอยู่สายไหม จบไป ... และมีอีกหลายเจ้าที่ขอดูรถที่โน่นที่นี่ เยอะแยะมาก แต่ผมไม่ไปสักที บอกอยากได้มาดูที่บ้าน ลองขับได้ ถ้าสนใจสุดท้ายผมก็ขายได้ในราคาที่ดีกว่าไปขายเต้นท์มากมาย ...
วลีเด็ดปิดการขายครับ "รถสวยผมใช้เอง ดูแลเองตลอด มาดูรถที่บ้านได้เลยถ้าถูกใจกันราคาไม่ใช่ปัญหา" ถ้าเค้ามาถึงบ้านเราแล้วแปลว่าเค้าอยากได้รถเราจริง ที่เหลือก็อยู่ที่จะต่อรองให้พอใจกันทั้ง 2ฝ่ายแล้วครับ
-
ถ้าไม่รีบ ขายใน club รถตามรุ่นนั้นๆ นัดที่เราสะดวกเท่านั้น
ต่อหนัก ติเยอะให้ผ่านไปเลย
เดี๋ยวนี้มีแบบเอารถไปประมูลให้ ตีราคาเรียบร้อย ไม่จบ ไม่พอใจราคาไม่เสียเงิน
จบๆไป ขายเต๊นท์ไปซะราคาอาจจะน้อยกว่าตั้งใจหน่อยแต่ไม่ปวดหัว
-
เลิศครับ เห็นดีเห็นงามด้วย
ผมจะแนะวิธีขายรถบ้านให้นะครับ ฝากไปบอกคุณลุงไว้ทำตามได้เลย และนี่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวมถึงด้านมืดของพวกรับซื้อรถต่างๆด้วย ...
อย่างแรกเลยอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ปัจจุบัน มีพวกรับซื้อรถจากผู้ขายที่ลงขายใน internet มากมายครับ ขอนัดดู ติรถเพื่อกดราคา เมื่อได้ราคาก็เอาไปปล่อยต่อเต้นท์ฟันกำไรไป ...
บางเต้นท์ เห็นราคาเราตั้งขายถูกกว่าที่เต้นท์ตั้งขาย เค้าก็จะก่อกวน โทรนัดขอดูรถในสถานที่ไกลๆ แล้วสุดท้ายไม่ไปเราโทรกลับก็ไม่รับปิดเครื่อง ...ถามว่าทำแบบนี้ทำไป ก็ก่อกวนให้เราเหนื่อย ให้เราเจ็บสุดท้าย เราก็ต้องไปจบเต้นท์ ... นี่คือวิธีที่ต้องบอกว่า เป็นด้านมืดในวงการ ...
ทีนี้ วิธีแก้ สำหรับคนที่ขายรถเองขายรถบ้าน ...ผมแนะนำว่า ถ้ามีใครโทรติดต่อขอดูรถ ตกลงราคาดิบดี แต่นัดขอดูรถนอกสถานที่ อย่าไปครับ ...
บอกเค้าไปเลย ผมทำงานที่นี่ ว่างแวะมาดูได้เลยที่ตึก xxx ถึงแล้วโทรมา ..หรือ บ้านผมอยู่ที่ xxx อยู่ทุกวัน สะดวกขับรถมาดูเลย จะได้รู้บ้านผมด้วย บราๆ ก้ว่าไป ...ประเด็นคือ อย่าขับรถออกไปตามที่เค้านัด เช่นในห้างแม้ว่าจะใกล้บ้านเรา ก็ไม่ต้องไปครับ .... พวกบอกขอนัดครึ่งทาง เช่นเราอยู่รังสิต เค้าอยู่อยุธยา ขอนัดเจอคนละครึ่งทางตรงนวนคร อะไรงี้ก็ ไม่ต้องไปสนใจครับ บอกไปเลยไม่ว่างไม่สะดวก ...
ตอนผมขาย มาสด้า3BK คันเดิม มีคนขอซื้อผม บอกว่าจากโคราช ขอนัดเจอครึ่งทางแถวสระบุรี ผมว่า ไกล ไม่สะดวกไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากได้มาดูที่บ้านบ้านอยู่สายไหม จบไป ... และมีอีกหลายเจ้าที่ขอดูรถที่โน่นที่นี่ เยอะแยะมาก แต่ผมไม่ไปสักที บอกอยากได้มาดูที่บ้าน ลองขับได้ ถ้าสนใจสุดท้ายผมก็ขายได้ในราคาที่ดีกว่าไปขายเต้นท์มากมาย ...
วลีเด็ดปิดการขายครับ "รถสวยผมใช้เอง ดูแลเองตลอด มาดูรถที่บ้านได้เลยถ้าถูกใจกันราคาไม่ใช่ปัญหา" ถ้าเค้ามาถึงบ้านเราแล้วแปลว่าเค้าอยากได้รถเราจริง ที่เหลือก็อยู่ที่จะต่อรองให้พอใจกันทั้ง 2ฝ่ายแล้วครับ
-
โพสขายไปแล้ว ใครก็โทรมาหาเราได้ทั้งนั้นแหละครับ ถ้าลูกค้าที่โทรมาแล้ว เรารู้ว่าเป็นแกงค์เดิม ก็แค่ปฏิเสธไปครับ
เป็นเรื่องปกติที่ พ่อค้ารถมือสองจะต้องพยายามหารถสภาพดีๆ และต่อรองราคาหนักๆ เพื่อให้ทำกำไรต่อคันให้ได้มากที่สุด
-
ของจริงไม่พูดเยอะครับ
บางคนเค้าก็อยากได้ราคาถูก มันเป็นเรื่องปกติครับ
ขนาดขายเต็นแต่ละที่ยังต่างกันพอควรเลยครับแต่ละเจ้า
-
ประเด็นคือมันโกหกครับ มันบอกว่าพอใจราคานี้ขอนัดดูรถ พอไปถึงมันบอกว่าคุณลุงรอเดี๋ยวนะเดี๋ยวคนซื้อเขากำลังมาแล้ว อ้าว คุณไม่ใช่คนซื้อแล้วบอกว่าพอใจราคานี้ได้ยังไง พอคนซื้อมาก็เหมือนที่พี่ๆบอก ติโน่นตินี่แล้วกดราคา
-
ผมว่ามันไม่ใช่การ bully นะครับ พวกนัดดูของตกลงราคาก่อนแล้วพอไปถึงก็ต่อราคาอีกมีทุกวงการครับ
นิสัยคนประเภทนี้คือทำยังไงก็ได้ให้ได้ของที่ตัวเองต้องการในราคาที่ถูกที่สุด เราไม่พอใจขายก็แค่บอกเค้าไปว่าไม่ขายแค่นั้นเอง
-
ล่าสุดผมขายรถ เขานัดเจอโลตัสรังสิต ผมเลยบอกให้มัคจำไว้ก่อน 5 หมื่น สรุปโอนมาขายได้ด้วยดี ;)
-
ขายของมือสองจะอะไรก็ตาม ถ้าเขานัดไปที่โน่นที่นี่อย่าไปครับ ผมโดนมาหมดแล้วทั้งขายของเล็กๆ หน่อยๆ หรือของแพง ถ้าเขาอยากได้จริงเดี๋ยวเขามาเอง เสียเวลาเรา บางทีเสียค่ารถเป็นร้อยๆ หงุดหงิดมาก
-
เงื่อนไขผมคือ คนซื้อมาดูที่บ้านหรือที่ผมสดวก ห้ามติ ถามได้บอกตามจริง ต่อรองราคาได้ ถ้ามาดูแล้วติ(ก็คือ bully) ก็ไม่ขายครับ บอกเงื่อนไขกับคนซื้อล่วงหน้าก่อนมาดูรถ เคยเจอแบบมาดูแล้วติโน่นนี่นั่น ผมเดินออกเลยบอกไม่ขายแล้ว
-
บางคนจะชอบติครับ เพื่อให้เราลดราคาให้
รถใช้แล้ว จะให้ 100% ก้เป็นไปไม่ได้นะครับ ยังไงก็คงมีจุดให้ติได้บ้าง
อยู่ที่เราครับ อย่าไปสนใจอะไรมาก เราก็ต้องมีจุดยืนของเรา เค้าก็มีวิธีของเค้า
-
ผมจะแนะวิธีขายรถบ้านให้นะครับ ฝากไปบอกคุณลุงไว้ทำตามได้เลย และนี่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวมถึงด้านมืดของพวกรับซื้อรถต่างๆด้วย ...
อย่างแรกเลยอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ปัจจุบัน มีพวกรับซื้อรถจากผู้ขายที่ลงขายใน internet มากมายครับ ขอนัดดู ติรถเพื่อกดราคา เมื่อได้ราคาก็เอาไปปล่อยต่อเต้นท์ฟันกำไรไป ...
บางเต้นท์ เห็นราคาเราตั้งขายถูกกว่าที่เต้นท์ตั้งขาย เค้าก็จะก่อกวน โทรนัดขอดูรถในสถานที่ไกลๆ แล้วสุดท้ายไม่ไปเราโทรกลับก็ไม่รับปิดเครื่อง ...ถามว่าทำแบบนี้ทำไป ก็ก่อกวนให้เราเหนื่อย ให้เราเจ็บสุดท้าย เราก็ต้องไปจบเต้นท์ ... นี่คือวิธีที่ต้องบอกว่า เป็นด้านมืดในวงการ ...
ทีนี้ วิธีแก้ สำหรับคนที่ขายรถเองขายรถบ้าน ...ผมแนะนำว่า ถ้ามีใครโทรติดต่อขอดูรถ ตกลงราคาดิบดี แต่นัดขอดูรถนอกสถานที่ อย่าไปครับ ...
บอกเค้าไปเลย ผมทำงานที่นี่ ว่างแวะมาดูได้เลยที่ตึก xxx ถึงแล้วโทรมา ..หรือ บ้านผมอยู่ที่ xxx อยู่ทุกวัน สะดวกขับรถมาดูเลย จะได้รู้บ้านผมด้วย บราๆ ก้ว่าไป ...ประเด็นคือ อย่าขับรถออกไปตามที่เค้านัด เช่นในห้างแม้ว่าจะใกล้บ้านเรา ก็ไม่ต้องไปครับ .... พวกบอกขอนัดครึ่งทาง เช่นเราอยู่รังสิต เค้าอยู่อยุธยา ขอนัดเจอคนละครึ่งทางตรงนวนคร อะไรงี้ก็ ไม่ต้องไปสนใจครับ บอกไปเลยไม่ว่างไม่สะดวก ...
ตอนผมขาย มาสด้า3BK คันเดิม มีคนขอซื้อผม บอกว่าจากโคราช ขอนัดเจอครึ่งทางแถวสระบุรี ผมว่า ไกล ไม่สะดวกไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากได้มาดูที่บ้านบ้านอยู่สายไหม จบไป ... และมีอีกหลายเจ้าที่ขอดูรถที่โน่นที่นี่ เยอะแยะมาก แต่ผมไม่ไปสักที บอกอยากได้มาดูที่บ้าน ลองขับได้ ถ้าสนใจสุดท้ายผมก็ขายได้ในราคาที่ดีกว่าไปขายเต้นท์มากมาย ...
วลีเด็ดปิดการขายครับ "รถสวยผมใช้เอง ดูแลเองตลอด มาดูรถที่บ้านได้เลยถ้าถูกใจกันราคาไม่ใช่ปัญหา" ถ้าเค้ามาถึงบ้านเราแล้วแปลว่าเค้าอยากได้รถเราจริง ที่เหลือก็อยู่ที่จะต่อรองให้พอใจกันทั้ง 2ฝ่ายแล้วครับ
เยี่ยมเลยครับ
-
เข้ามางงครับ ที่ว่ามามันเรียกว่า Bully อย่างไรหรือครับ
เรื่องการต่อรองราคา ผมมองง่ายๆว่าเราตั้งราคาไว้เผื่อต่อรองอยู่แล้ว โดยอ้างอิงราคาตลาดบวกลบตามสภาพรถของเรา
นัดดูรถก็ทราบราคาเปิดกันอยู่แล้ว ที่นี้ราคาที่เราลดได้เต็มที่เก็บไว้ในใจ ถ้าต่อรองกันจนไม่หลุดลิมิต ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ
-
จากประสบการณ์ส่วนตัว ที่ผมขายรถยุโรปมือสองด้วยตัวเอง เมื่อ 2 ปีก่อน ก็จะประมาณนี้
คนแรก นัดให้ไปหาที่คอนโดเค้า (15 นาทีจากบ้านผม) ไปถึงก็บอกว่า มีผู้ใหญ่ให้ช่วยหารถให้ ขอลดราคาประมาณแสนกว่าบาท พร้อมบอกว่า เดี๋ยวจะวางเงินเลย ผมปฏิเสธ เพราะราคาที่ให้ก็ถูกกว่าราคากลางนิดหน่อยแล้ว เค้าบอกว่า เดี๋ยวไปคุยกับผู้ใหญ่ให้ เขาน่าจะเอา สุดท้าย เงียบ
คนที่สอง มาดูรถถึงบ้านผม ขอต่อ 2 หมื่นไว้เก็บงาน ผมตกลง ก็โอนเงินด้วยแอพธนาคารกันตรงนั้น เซ็นโอนลอยกันตรงนั้น (อันนี้ไม่แนะนำให้ทำ) แล้วเขาก็ขับกลับบ้านเย็นวันนั้นเลย ส่วนผมก็ได้เงินไปโปะคันใหม่ในวันนั้นเลย จบ
-
ขายรถด้วยตัวเอง เตรียมเอกสารกันยุ่งยากไหมคับ กำลังอยากขายอยู่เหมือนกัน กลัวเรื่องเอกสารอย่างเดียวนี่แหละ กลัวขาดหรือโดนหลอก
เพื่อนสมาชิกพอจะ list เป็นรายการๆ ไว้ได้บ้างไหมคับ
-
ผมอาจจะใช้คำว่า Bully ไม่ถูกก็ได้ แต่ที่คุณลุงผมเจอคือคล้ายๆตามรังควานมากกว่าคือคุณลุงไม่ขาย และยืีนราคาเดิมแต่เขาก็นัดมาอีก โดยใช้ชื่อใหม่ในครั้งที่สอง และครั้งที่สามใช้เบอร์โทรใหม่ ซึ่งแต่ละครั้งก็สไตล์เดิมติโน่นตินี่ และขอลดราคาไปที่ราคาของเขา
-
แอบมางง Bully
-
หนักแน่นเข้าไว้ครับอย่าไปสนใจอ่อนไหวตามคำพูด แบบ คห.ด้านบนว่าไว้ รถสวยจริงอย่างไรคนก็ซื้อ เคยลงขายรถยุโรปคันนึงลงอยู่หลายเดือนลดไปหลายแสนแล้วก็ยังอยู่ เต๊นท์โทรมาตลอดว่าจะขายราคาเท่าเต๊นท์ไม่ได้นะเพราะเราไม่มีประกันหลังการขายเหมือนเขา เขาจะขอซื้อเราเอง เต๊นท์มาดูเป็นสิบราคาไม่เคยจบ บทจะขายได้มันก็ง่ายมากๆครับขายได้แบบไม่ตั้งใจคือขับไปทำธุระอยู่มีคนสนใจโทรมาพอดี อยู่ไม่ไกลกันเลยแวะมาดูรถเดินๆวนคุยนิดหน่อยไม่ถึงห้านาที ไม่ดูไม่ลองขับอะไรทั้งนั้นเห็นรถปุ๊บกดโอนเลยเอกสารค่อยคุยค่อยส่งทีหลัง ก่อนหน้านี้รับสายหลายสิบ มาดูสิบกว่ารายต่อแล้วต่ออีก ขนมาทั้งบ้าน ลองขับก็แล้ว ขึ้นฮ้อยก็แล้ว เข้าศูนย์เช็คประวัติก็แล้วก็ยังติกลัวนุ่นกลัวนี่ทั้งๆที่วารันตีก็ยังเหลืออยู่ บางรายมัดจำไว้แล้วยังทิ้งเลย บางรายนัดแล้วปิดเครื่องหนี นัดแล้วยกเลิกนี่ก็หลายครั้ง ติแม้กระทั่งรอยขนแมวเล็กๆที่ต้องส่องแสงสะท้อนถึงเห็น รอยสะเก็ดหินมิลสองมิล รอยล้อครูดยังติ ทั้งๆที่แถมประกันชั้น1ไปอีกปีนึงเต็มๆให้ฟรีๆหลายหมื่นก็ยังจะงี่เง่าติไม่เลิก ทะเบียนก็ต่อรองขอแถมให้อีก รถก็เดิมๆทั้งคันไม่เคยเสียหรือซ่อมเลย ส่วนมากที่มาดูก็เต๊นท์ทั้งนั้นเลย ด้านมืดก็มีเคสนึงมาดูกลางคืน มารุมๆดูกรีดเบาะผมอีกเป็นรอยเลย รถผมข้างหลังไม่เคยมีใครนั่งเลยเบาะกริปเหมือนป้ายแดง และอีกจุดหนึ่งที่จะฝากไว้คือหน้าเล่ม ทุกคันจะลง รุ่นรถปี คศ. ที่ต่ำกว่าปีที่ออกรถแท้จริงแล้วมันคือปีที่ผลิตรถอ้างอิงตามรุ่นตามเลขตัวถัง มีหลายเจ้าที่มาดูบอกรถผมต่ำกว่าปีที่ลงนิ ลากจดหรอ รถค้างสต๊อกหรอ ขอลดอีกแสนนึงนะ พอเอาวินโค๊ดไปเช็ควันที่ผลิตถึงรู้ครับว่าห่างกับวันออกรถไม่กี่สัปดาห์เอง รถมันเลือกคนครับ อดทนและใจเย็นไว้ครับ
-
เข้ามางงครับ ที่ว่ามามันเรียกว่า Bully อย่างไรหรือครับ
เรื่องการต่อรองราคา ผมมองง่ายๆว่าเราตั้งราคาไว้เผื่อต่อรองอยู่แล้ว โดยอ้างอิงราคาตลาดบวกลบตามสภาพรถของเรา
นัดดูรถก็ทราบราคาเปิดกันอยู่แล้ว ที่นี้ราคาที่เราลดได้เต็มที่เก็บไว้ในใจ ถ้าต่อรองกันจนไม่หลุดลิมิต ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ
การติ หรือการ bully เนี่ยเค้าทำกันหลายวิธีครับ ผมขอยกตัวอย่างการติรถให้อ่านละกันครับ
สมมุติมีคนขายรถคันนึง ตั้งขายไว้ 4แสนถ้วน ปี 2015
ผมเป็นคนซื้อ ขอนัดเจ้าของรถดูรถที่นึง โทรสอบถามคนขายบอกขาย 4 แสน ผมบอกโอเค ขอดูรถ ....
พอถึงหน้างาน ผมเริ่มทำงานเลย คือ
1.หารอยบุบ หาตำหนิ หารอยชน/หนักเบา/จมน้ำ ถ้ามี ผมจะบอกว่า
-"รอยเยอะนะครับพี่"
-"ตรงนี้พี่ทำสีมาใช่ไหม ไปชนอะไรมา"
-"ท้ายหนักนะเนี่ย ทำมาไม่ดีด้วย"
แต่ในกรณีที่รถไม่มีชน ก็จะดูเลขไมล์ด้วย เช่นไมล์ 1 แสน ผมจะบอกว่า รถปี 15 วิ่งเยอะเหมือนกันนะ เคยทำเกียร์มายัง บราๆ ... (พยายามหาอาการประจำของยี่ห้อนั้นๆมาพูดเช่นน้ำดัน เกียร์เปราะ)
สุดท้ายพอร้องราคา คนขายบอก 4 แสนยืน ผมจะบอกว่า วันก่อนผมซื้อ ปีเดียวกับพี่ สีเดียวกัน รุ่นเดียวจับ เค้าขาย 350,000 เอง ... พี่ไปตีเต้นมายัง เต้นให้ไม่ถึง 4 หรอก จริงมั๊ย ...... ซึ่งผมรู้อยู่แล้วราคาเต้นท์ซื้อ มันกดอยู่แล้ว
ซึ่ง นี่คือวิธีรวมๆ ที่เค้าต่อ คนซื้อจะตินั่นดินี่ เบาะขาดบ้าง รถไม่เข้าศูนย์บ้าง เล่มหายบ้าง ช่วงล่างต้องทำเยอะ เก็บเยอะ บั่นทอนกำลังใจเจ้าของรถให้รู้สึกว่า รถมันแย่ และถ้าไม่ขายราคานี้ ไปตีเต้นท์ได้ต่ำกว่านี้อีก ...
นี่คือแค่ส่วนนึงนะ ... ลีลาการต่อการติของคนซื้อมืออาชีพอะ ... มันกล่อมจนจากตั้ง 4 แสน เหลือ 3 แสนก็ขายมาเยอะแล้ว ..
-
ผมจะแนะวิธีขายรถบ้านให้นะครับ ฝากไปบอกคุณลุงไว้ทำตามได้เลย และนี่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รวมถึงด้านมืดของพวกรับซื้อรถต่างๆด้วย ...
อย่างแรกเลยอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ปัจจุบัน มีพวกรับซื้อรถจากผู้ขายที่ลงขายใน internet มากมายครับ ขอนัดดู ติรถเพื่อกดราคา เมื่อได้ราคาก็เอาไปปล่อยต่อเต้นท์ฟันกำไรไป ...
บางเต้นท์ เห็นราคาเราตั้งขายถูกกว่าที่เต้นท์ตั้งขาย เค้าก็จะก่อกวน โทรนัดขอดูรถในสถานที่ไกลๆ แล้วสุดท้ายไม่ไปเราโทรกลับก็ไม่รับปิดเครื่อง ...ถามว่าทำแบบนี้ทำไป ก็ก่อกวนให้เราเหนื่อย ให้เราเจ็บสุดท้าย เราก็ต้องไปจบเต้นท์ ... นี่คือวิธีที่ต้องบอกว่า เป็นด้านมืดในวงการ ...
ทีนี้ วิธีแก้ สำหรับคนที่ขายรถเองขายรถบ้าน ...ผมแนะนำว่า ถ้ามีใครโทรติดต่อขอดูรถ ตกลงราคาดิบดี แต่นัดขอดูรถนอกสถานที่ อย่าไปครับ ...
บอกเค้าไปเลย ผมทำงานที่นี่ ว่างแวะมาดูได้เลยที่ตึก xxx ถึงแล้วโทรมา ..หรือ บ้านผมอยู่ที่ xxx อยู่ทุกวัน สะดวกขับรถมาดูเลย จะได้รู้บ้านผมด้วย บราๆ ก้ว่าไป ...ประเด็นคือ อย่าขับรถออกไปตามที่เค้านัด เช่นในห้างแม้ว่าจะใกล้บ้านเรา ก็ไม่ต้องไปครับ .... พวกบอกขอนัดครึ่งทาง เช่นเราอยู่รังสิต เค้าอยู่อยุธยา ขอนัดเจอคนละครึ่งทางตรงนวนคร อะไรงี้ก็ ไม่ต้องไปสนใจครับ บอกไปเลยไม่ว่างไม่สะดวก ...
ตอนผมขาย มาสด้า3BK คันเดิม มีคนขอซื้อผม บอกว่าจากโคราช ขอนัดเจอครึ่งทางแถวสระบุรี ผมว่า ไกล ไม่สะดวกไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากได้มาดูที่บ้านบ้านอยู่สายไหม จบไป ... และมีอีกหลายเจ้าที่ขอดูรถที่โน่นที่นี่ เยอะแยะมาก แต่ผมไม่ไปสักที บอกอยากได้มาดูที่บ้าน ลองขับได้ ถ้าสนใจสุดท้ายผมก็ขายได้ในราคาที่ดีกว่าไปขายเต้นท์มากมาย ...
วลีเด็ดปิดการขายครับ "รถสวยผมใช้เอง ดูแลเองตลอด มาดูรถที่บ้านได้เลยถ้าถูกใจกันราคาไม่ใช่ปัญหา" ถ้าเค้ามาถึงบ้านเราแล้วแปลว่าเค้าอยากได้รถเราจริง ที่เหลือก็อยู่ที่จะต่อรองให้พอใจกันทั้ง 2ฝ่ายแล้วครับ
ตามนี้เลยครับ ผมขายรถ ผมจอดไว้ที่บ้านมีแม่บ้าน มีคนรถ อยากได้มาดูเอง แล้วโทรต่อราคา ผมทำแบบนี้ทุกคัน 7 คันแล้วครับที่ขายไปของที่บ้าน
-
เข้ามางงครับ ที่ว่ามามันเรียกว่า Bully อย่างไรหรือครับ
เรื่องการต่อรองราคา ผมมองง่ายๆว่าเราตั้งราคาไว้เผื่อต่อรองอยู่แล้ว โดยอ้างอิงราคาตลาดบวกลบตามสภาพรถของเรา
นัดดูรถก็ทราบราคาเปิดกันอยู่แล้ว ที่นี้ราคาที่เราลดได้เต็มที่เก็บไว้ในใจ ถ้าต่อรองกันจนไม่หลุดลิมิต ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับ
การติ หรือการ bully เนี่ยเค้าทำกันหลายวิธีครับ ผมขอยกตัวอย่างการติรถให้อ่านละกันครับ
สมมุติมีคนขายรถคันนึง ตั้งขายไว้ 4แสนถ้วน ปี 2015
ผมเป็นคนซื้อ ขอนัดเจ้าของรถดูรถที่นึง โทรสอบถามคนขายบอกขาย 4 แสน ผมบอกโอเค ขอดูรถ ....
พอถึงหน้างาน ผมเริ่มทำงานเลย คือ
1.หารอยบุบ หาตำหนิ หารอยชน/หนักเบา/จมน้ำ ถ้ามี ผมจะบอกว่า
-"รอยเยอะนะครับพี่"
-"ตรงนี้พี่ทำสีมาใช่ไหม ไปชนอะไรมา"
-"ท้ายหนักนะเนี่ย ทำมาไม่ดีด้วย"
แต่ในกรณีที่รถไม่มีชน ก็จะดูเลขไมล์ด้วย เช่นไมล์ 1 แสน ผมจะบอกว่า รถปี 15 วิ่งเยอะเหมือนกันนะ เคยทำเกียร์มายัง บราๆ ... (พยายามหาอาการประจำของยี่ห้อนั้นๆมาพูดเช่นน้ำดัน เกียร์เปราะ)
สุดท้ายพอร้องราคา คนขายบอก 4 แสนยืน ผมจะบอกว่า วันก่อนผมซื้อ ปีเดียวกับพี่ สีเดียวกัน รุ่นเดียวจับ เค้าขาย 350,000 เอง ... พี่ไปตีเต้นมายัง เต้นให้ไม่ถึง 4 หรอก จริงมั๊ย ...... ซึ่งผมรู้อยู่แล้วราคาเต้นท์ซื้อ มันกดอยู่แล้ว
ซึ่ง นี่คือวิธีรวมๆ ที่เค้าต่อ คนซื้อจะตินั่นดินี่ เบาะขาดบ้าง รถไม่เข้าศูนย์บ้าง เล่มหายบ้าง ช่วงล่างต้องทำเยอะ เก็บเยอะ บั่นทอนกำลังใจเจ้าของรถให้รู้สึกว่า รถมันแย่ และถ้าไม่ขายราคานี้ ไปตีเต้นท์ได้ต่ำกว่านี้อีก ...
นี่คือแค่ส่วนนึงนะ ... ลีลาการต่อการติของคนซื้อมืออาชีพอะ ... มันกล่อมจนจากตั้ง 4 แสน เหลือ 3 แสนก็ขายมาเยอะแล้ว ..
"คุณลุงผมแกประกาศขายรถมือสองในอินเตอร์เนตมาประมาณ 1เดือน พอราคาค่อยๆลดจาก เจ็ดแสนมาเหลือห้าแสนเท่านั้นล่ะครับ เป็นเรื่อง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โทรศัพท์กวนหรือ Message กวน แต่จะมีพวกตกปากรับคำขอนัดดูรถ พอไปถึงก็บิดพลิ้วขอลดราคาหนักๆ คุณลุงผมก็ไม่ตกลง ต่อมาเขาใช้ชื่ออื่นมานัดอีก แล้วก็อีหรอบเดิมขดลดราคา คุณลุงผมก็ say no ครั้งที่สอง ถัดจากนั้นก็มีโทรศัพท์มาขอนัดดูรถอีก ลักษณะคล้ายเดิมคือพอใจทุกเงื่อนไขขอนัดดูรถอย่างเดียว คุณลุงผมกลัวจะเป็นแก็งค์เดิม ไม่ทราบว่าเราจะแก้ไขปัญหาจากการขายรถในอินเตอร์เนตยังไงครับ?"
ตามคำบอกเล่าของจขกท. ข้างต้น ใจความมีเพียงการต่อราคา ซึ่งบางคนต่อราคาโดยไม่ได้ติรถเลยก็มีนะครับ ผมงงตรงนี้ที่ว่า bully น่ะ มันอยู่ตรงไหน
แต่ถ้าในการต่อรองราคาของจขกท. มีการติรถร่วมด้วย แต่ไม่ได้เอามาขยายความกล่าวถึง ก็ไม่มีอะไรต้องงงครับ (แต่ไม่ต้องเอา bully ไปจั่วหัวก็ได้)
ปล.ขอบคุณที่ชี้แจงครับ
-
จะเรียกบูลลี่ หรืออะไรก็ชั่ง
เราสะดวกที่ตั้งของเรา
ลดได้ก็ขึ้นราคาได้
-
ของผมตอนลงขายรถคุณพ่อ ลงขายบ่ายโมงใน social media บ่าย2โทรมานัดดูรถ 5โมงเขาขับมาบ้านผมเลย 6 โมงโอนเงินสดไม่ต่อสักบาท เซ็นโอนลอย(ไม่แนะนำตาม คห บน) ขับกลับบ้านเลย ระหว่างวันนั้นก็มีคนโทรมาเยอะครับ นัดให้ออกไปตรงนู้นนี้บ้าง เต๊นมากดราคาบ้าง บอกรถสีเพี้ยน คอนโซลดูเก่า (ยังไม่ทันได้มาดูคันจริงเลย) เลยดูออกว่าเต๊นแน่ๆ
ผมว่าตาม คห บนครับ คนอยากได้ ไกลแค่ไหนเขาก็มา ของผมอยู่บางนา เขามาจาก สาย4 ถูกใจก็ขับกลับเลยครับ
-
ที่มาซื้อคุณเป็นพวกเต๊นนั่นแหละครับ แต่ว่างจัด...
จะมีทีมซื้อ ที่กลยุทธมากหน่อย
แกล้งทำเป็นซื้อ แล้วต่อ แล้วยกเลิก ให้ราคาลงมา
ทำบ่อยๆให้คนขายเหนื่อย ให้ถอดใจ
ให้ราคาลงมากอีก จะได้จับถูกๆ
ทริคนี้มีหลายวงการครับ ผมก็เจอบ่อย
แนะนำขายเต๊นครับ
1.ขับรถเช็คราคาข้ามเขตนะ อย่าดูเต๊นที่ไกล้กัน พวกนี้มันถึงกันครับ มันรู้เลยรถคันนี้วิ่งไปเต๊นไหนมาบ้างแล้ว
2.ดูจากราคาที่เต๊นขายหน้าร้าน แล้ว ลบไป6-7หมื่น นั่นแหละราคาซื้อเข้า(ในกรณีรถตลาด)
3.ห้ามให้ถ่ายรูปรถเป็นอันขาด ให้ดูแต่ตา ถ้ามันถ่ายมันจะลงไลน์กลุ่ม
4.ไม่ต้องล้างรถสะอาดมาก ห้องเครื่องปล่อยฝุ่นจับอย่างนั้นแหละครับดี ยิ่งสะอาดมันยิ่งเห็นตำหนิง่าย
5.ราคาที่เค้าให้คือราคาสูงสุด เช่น เค้าตีได้ 5 แสนคือ สูงสุด 5แสนจะขอมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว หากมีตำหนิจะลดทอนมาเรื่อยๆ
6.ถ้าราคาที่เค้าเปิดไม่ถูกใจ ย้ายเต๊นท์ครับ ไม่ต้องต่อรอง ไงเค้าก็ไม่ให้
รถบ้านผม 2 คัน ขายเต๊นทั้ง 2 คัน ครับ
วิ่งถามราคาแถวบ้าน 1 รอบ
วิ่งข้ามเขต 1 รอบ ใช้เวลาขายจริง 2 วันถ้วนครับ
เจอราคาถูกใจ ขายตรงนั้นเลย เรื่องกลับค่อยว่ากันอีกที 555+
ขายเต๊น ขายง่าย ขายเร็ว ได้เงินไว ไม่เครียดครับ
-
พี่พูดทำให้ผมเพึ่งนึกได้ คุณลุงผมสงสัยว่ามันจะถ่ายรูปไปทำไม มันจะเกิดปัญหาอะไรไหมครับ? มันถ่ายเล่มทะเบียนด้วย
-
พี่พูดทำให้ผมเพึ่งนึกได้ คุณลุงผมสงสัยว่ามันจะถ่ายรูปไปทำไม มันจะเกิดปัญหาอะไรไหมครับ? มันถ่ายเล่มทะเบียนด้วย
เรื่องถ่ายรูปรถ ถ่ายเล่ม อย่าไปซีเรียสครับ เค้าถ่ายปรกติแหละ ที่ถ่ายน่ะ ส่งนายทุน ว่ารถปีนี้ โฉมนี้ แค่นั้น แล้วนายทุนจะเคาะราคามาที่หน้างานว่า ซื้อหรือไม่ซื้อที่ราคาเท่าไร ...
เค้าเอารูปไป เค้าทำไรไม่ได้หรอกครับ
-
ผมมองว่า Bully จะเกิดขึ้น เมื่อนัดซื้อขายแล้วไม่มาหรือไม่รับสายเลย เสียเวลาเก้อ, คนซื้อลีลาร้อยแปดพันเก้าทำให้ปิดการขายไม่ได้โดยไร้สาเหตุ หรือเพื่อให้ได้ในราคาที่ถูกกว่าเดิมมาก กับแก๊งค์ที่โทรมาต่อรองราคาที่เปลี่ยนคนแต่เป็นชุดเดิมที่ต่อราคา จนกวนการทำงานและชีวิตนะครับ
เอาง่ายๆ ว่าสิ่งที่คนซื้อทำให้คนขายหัวร้อน ไม่มีความสุข ไม่สบายใจ และรำคาญ เพื่อความสนุกของตัวเอง หรือแม้แต่เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง โดนไม่สนอะไรเลย เช่น คนซื้อไปขายเต้นท์ที่กล่าวไปข้างต้นหละครับ เข้าข่าย
และคนพวกนี้ ถ้าทำกับคนอื่นได้แบบไม่เห็นความเป็นคนหรือละอายแก่ใจ กล้าทำแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น ห้าอะไรก็ไม่ฟัง คนพวกนี้แก้ไม่ได้หรอกครับ นอกจากต้องตายเท่านั้น
-
เพิ่งเคยขายรถเองคันแรกเมื่อปีที่แล้ว เจอคล้ายจขกทแต่ไม่หนักเท่า ก็ปวดหัวเหมือนกันครับ เพิ่งรู้ว่าเป็นกลยุทธเต๊น 5555
แต่บทจะขายได้ก็ขายได้เลยเหมือนกัน ถูกใจ ตกลงเลย
-
ตามข้างบนครับ แก้ได้โดยไม่ไปตามนัด สะดวกมาที่ทำงานก็มา มาที่บ้านก็มา ไม่มาก็ไม่ขายครับ
ส่วนที่ตกลงราคาแล้วไปหน้างานต่ออีกผมบอกไปตรง ๆ เลยว่า อย่าทำแบบนี้เสียมารยาท
คนมาซื้อรถผมคันแรกก็เป็นคนดูแลเตนท์ แต่รถสภาพดีเค้าเลยจะซื้อไปใช้เอง ต่อนู่น ตอดนิดตอดหน่อย ผมรำคาญเลยบอกว่าถ้าพี่พูดอีกคำนึงผมจะบล็อกสายพี่แล้วนะ ขายให้คนที่ไม่มีปัญหาดีกว่า เค้ารู้ว่าถ้าเราแข็งเขาก็จะไม่กวนอีกครับ
ส่วนอีกคันเจ้าของเตนท์มาดูเหมือนกัน เอาคนมาดูรอบคันบอกว่าประตูเปลี่ยนมา แต่ชนไม่ถึงบอดี้ตะเข็บรถ ถามแฟนบอกมอไซต์มาเสยเอาจริง สุดท้ายก็ไม่ได้ต่อราคา ขายราคายืนครับ
-
ผมขายไปหลายคันแล้ว ของที่บ้านบ้าง ตัวเองบ้าง ทุกคันคือ โพสท์ลง Kaidee ในช่วงสัก 5 ปีก่อนหน้านี้ แต่ช่วง 5 ปีหลัง โพสท์ลงเฟสบุค โดยเฉพาะ Marketplace จะออกไวกว่า ล่าสุดคือ 2 ปีก่อนขายคันเก่าไป โพสท์ 3 ทุ่ม 9 โมงเช้าคนโทรหา 4 คน 3 คนอยู่ใกล้ๆบ้านผมก็นัดมาดูที่บ้านเลย คนสุดท้าย อยู่สุราษฎ์ ยอมขับรถออกมาเลยตั้งแต่เช้า ถึงบ้านผมก็ 1 ทุ่มพอดี พาไปลองรถใกล้ๆบ้าน 1 รอบ โอนเงินวางจองไว้เลย 10,000 บาท อาทิตย์ถัดมา จัดการเอกสารโอนเงินครบ ขับกลับบ้านเลยครับ อีกคันคือของคุณพ่อ 4 ปีก่อน โพสท์ลง Kaidee มีคนติดต่อมาจากลำปาง บินลงมาดู โอนเงิน ATM ให้เงินสดเลย แล้วเอาชุดโอนขับกลับไป
จะขายรถไม่ต้องรีบร้อนครับ เจอพวกนี้ก็นัดเอาเราสะดวก ถ้ารีบขายมาก ขับเข้าเต๊นท์ไปเถอะครับ แต่ถ้าคิดว่า ส่วนต่างที่เต๊นท์เค้ากดราคามาเรารับไม่ได้ ก็แค่ขายเองแล้วรอไปครับ นานสุดผมรอ 4 เดือนหลังประกาศไป ตอนนั้นคือพรีอุส ถามมาไม่กี่คน แต่คนสุดท้ายวิ่งมาจาก กทม. (ผมอยู่ฉะเชิงเทรา) ขอเทสรถ 2 รอบยูเทิน แล้วก็นัดวันโอนจ่ายสดให้เลยเหมือนกันครับ