Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: chaithawat ที่ มีนาคม 30, 2021, 12:37:38
-
ไฟตัดหมอกที่ติดรถทุกวันนี้มันใช้ได้จริงไหมหรือแค่สวยงามครับ อยากทราบจริงๆไม่เคยเปิดใช้ เปิดแต่ไฟหน้ารถแทนตลอดครับ เห็นหลายรุ่นก็เป็นโคมสะท้อนหลอดธรรมดา ไม่ได้เป็นโปรเจคเตอร์หรือled หรือรถรุ่นใหม่ๆบางรุ่นไม่มีมาให้ ขอบคุณครับ
-
ตัดหมอกที่ใช้ได้จริงคือสีส้ม เหลืองครับ แสงมันจะพุ่งทะลุสีขาว ให้คันหน้ามองเราเห็นด้วย
แต่ตัดหมอกเดี๋ยวนี้สีขาวเลย เจอหมอกขาวอีก บันเทิงงง
-
ถ้าคุณใช้โคมที่ได้มาตรฐาน ไฟมันก็ใช้จริงได้ตามมาตรฐานครับ มันไม่ได้มีการกำหนดว่ารูปแบบต้องเป็นแบบไหนแต่มาตรฐานการกระจายแสงและความเข้มแสงในแต่ละจุดต้องได้ ลองอ่านข้อกำหนด ECE ดูครับ
https://unece.org/fileadmin/DAM/trans/main/wp29/wp29regs/R019r6e.pdf (https://unece.org/fileadmin/DAM/trans/main/wp29/wp29regs/R019r6e.pdf)
ไฟ OEM ที่ติดมากับรถมันต้องผ่านการทดสอบต่างๆ ผ่านการ Homologation จากหน่วยงานกลางมาแล้ว
ส่วนเรื่องสี ตามข้อกำหนดมันก็ให้เป็นสีขาวหรือเหลือง (อ่านในข้อ 7) โดยวัดค่าสีได้ตามกำหนดมันก็ผ่าน
-
ไฟตัดหมอกที่ติดรถทุกวันนี้มันใช้ได้จริงไหมหรือแค่สวยงามครับ อยากทราบจริงๆไม่เคยเปิดใช้ เปิดแต่ไฟหน้ารถแทนตลอดครับ เห็นหลายรุ่นก็เป็นโคมสะท้อนหลอดธรรมดา ไม่ได้เป็นโปรเจคเตอร์หรือled หรือรถรุ่นใหม่ๆบางรุ่นไม่มีมาให้ ขอบคุณครับ
แบบนี้ครับดีสุด ตัดดีสุด ไม่แยงตา คัดออฟคมกริบ ใส่ได้เฉพาะ honda (ไม่ทุกรุ่น)
อันนี้ผมได้ความรู้จากสมาชิกในนี้นี้แหละครับ
ไอ้พวกแสงขาวๆรถยุโรปสมัยนี้ หรือรถญี่ปุ่นเกรดสูงๆ LED ดีๆหน่อยไม่ช่วยอะไรครับ ช่วยให้แสบตาเพื่อนร่วมทางเอาซะด้วย
(https://sv1.picz.in.th/images/2021/03/30/DaIec0.jpg)
(https://sv1.picz.in.th/images/2021/03/30/DaII9I.jpg)
(https://sv1.picz.in.th/images/2021/03/30/DaImsu.jpg)
(https://sv1.picz.in.th/images/2021/03/30/DaIyyZ.jpg)
-
แต่ที่แน่ๆ บางคันเปิดกันพร่ำเพรื่อ
แสงแยงตาหรือไม่แยงตา ก็ไม่ควรเปิด ถ้าไม่มีฝนหรือหมอก
โดยเฉพาะไฟตัดหมอกหลัง ไม่รู้จะเปิดหา...หรือไงครับ
-
ผมใช้จริงนะ หลอดเหลืองอ๋อย 2300 k ใช้ชีวิตอยู่ กทม นี่ละ
ปล.เปิดเฉพาะตอนขับเข้าซอยบ้านแฟน มืดเปลี่ยวมากๆ
กะตอน ลงอุโมง แถวฝั่งธน
-
ถ้าคุณใช้โคมที่ได้มาตรฐาน ไฟมันก็ใช้จริงได้ตามมาตรฐานครับ มันไม่ได้มีการกำหนดว่ารูปแบบต้องเป็นแบบไหนแต่มาตรฐานการกระจายแสงและความเข้มแสงในแต่ละจุดต้องได้ ลองอ่านข้อกำหนด ECE ดูครับ
https://unece.org/fileadmin/DAM/trans/main/wp29/wp29regs/R019r6e.pdf (https://unece.org/fileadmin/DAM/trans/main/wp29/wp29regs/R019r6e.pdf)
ไฟ OEM ที่ติดมากับรถมันต้องผ่านการทดสอบต่างๆ ผ่านการ Homologation จากหน่วยงานกลางมาแล้ว
ส่วนเรื่องสี ตามข้อกำหนดมันก็ให้เป็นสีขาวหรือเหลือง (อ่านในข้อ 7) โดยวัดค่าสีได้ตามกำหนดมันก็ผ่าน
+1
แต่ไม่ว่าสีไหน คือเวลาใครจะใช้ โปรดเห็นใจเพื่อนร่วมถนนด้วยครับ เมืองไทยนี่หมอก หนาๆนานๆที แทบจะนับครั้งได้
-
ได้ใช้ประมาณปีละครั้งตอนหมอกลงครับ
(https://i0.wp.com/wijitonline.com/wp-content/uploads/2019/12/06_27_203241-scaled.jpg?fit=2560%2C1331&ssl=1)
-
ถ้ารถเก๋ง เปิดไฟตัดหมอก อาจไม่แตกต่างครับ
ถ้าขับในเมือง เปิดไฟตัดหมอก อาจไม่ต่างมาก
แต่รถยกสูง พวกกระบะ เปิดไฟตัดหมอก เห็นผลครับ
แต่ขับ ตจว. ที่ มืดๆ ไม่มีไฟรายทาง ไม่มีบ้านคน เห็นผลครับ
ไฟตัดหมอกรุ่นใหม่ในรถที่ราคาแพงหน่อย จากโรรงาน จะมีคัทออฟแล้วไม่แยงตา มองเข้าไปในโคมจะไม่กลม ขอบด้านบนจะมีตัวตัดแสง
ไฟตัดหมอกรุ่นเก่า จากโรงงาน เห็นว่าจะมีลูกศรบอก ถ้าใส่ผิดทางก็แยกตาครับ
ส่วนที่ติดเอง ส่วนมากแยงตา ยิ่งรถบัส รถทัวร์ นี้หยั่งกับไฟสูง
-
ในสถานการณ์มีหมอกหรือฝนตก ช่วยได้จริงครับ
-
รุ่นใหม่ๆมาก็ไม่มีให้ใช้แล้วครับ เคยวิ่งต่างจังหวัดในขณะที่ฝนตกหนักมากๆก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ยังไงผมขับช้าเวลาฝนตกอยู่แล้ว แค่กลัวคันหลังที่ไม่มีไฟตัดหมอกจะมาตำตูดผม
-
ไฟตัดหมอกหน้าจากโรงงานไม่แยงตาหรอก
แต่ถ้าไฟหน้า fortuner สุดติ่ง :-X เฮ้อ ขอเหอะปิดไฟหน้าได้มั๊ย
-
ตัดหมองหน้าสีขาวไม่ค่อยมีผลอะไร ต้องสีเหลืองๆ แต่ตัดหมอกท้ายนี่ของดีในตอนฝนตกหนัก กับหมอกจัดๆ
-
ผมซื้อรถ ใช้งานไฟตัดหมอกก็บ่อย ปกติจะไม่เปิด จะเปิดเฉพาะเจอหมอก
วิ่ง กรุงเทพฯ-เลย บ่อย เจออากาศหนาว เจอหมอก เป็นเรื่องปกติเลย
เวลาเจอหมอก ไฟหน้า คุณจะมองแทบไม่เห็นอะไรเลย ยิ่งหมอกหนาๆ ไฟตัดหมอกนี่ละที่ช่วยได้จริงๆ
ไฟตัดหมอกหน้าจากโรงงานไม่แยงตาหรอก
แต่ถ้าไฟหน้า fortuner สุดติ่ง :-X เฮ้อ ขอเหอะปิดไฟหน้าได้มั๊ย
ไม่เหลือครับ เพราะมันไม่ได้กดลงพื้น เหมือนไฟหน้ารถ ไม่งันเขาจะให้เปิดเฉพาะเวลาจำเป็น มีหมอก เหรอครับ
-
ไฟตัดหมอกรุ่นใหม่ๆที่มาจากโรงงานผมไม่เห็นจะแยงตานะ องศาไฟพุ่งลงพื้นชัดเจน ผมมองว่ามันดูสวยงามและทำให้รถดูลงตัวมากกว่าจะใช้ประโยชน์จากมัน
-
แต่ที่แน่ๆ บางคันเปิดกันพร่ำเพรื่อ
แสงแยงตาหรือไม่แยงตา ก็ไม่ควรเปิด ถ้าไม่มีฝนหรือหมอก
โดยเฉพาะไฟตัดหมอกหลัง ไม่รู้จะเปิดหา...หรือไงครับ
เห็นด้วย 100% ครับ ไฟตัดหมอก ไม่มีหมอกก็ไม่ควรเปิด
ไฟตัดหมอกหลังเช่นกัน ถ้าไม่อยากโดนด่าบุพการีอันเป็นที่รัก
หรือไม่อยากโดนแช่งให้ตายวันตายคืน อย่าเปิดพร่ำเพรื่อเถอะครับ
-
แต่ที่แน่ๆ บางคันเปิดกันพร่ำเพรื่อ
แสงแยงตาหรือไม่แยงตา ก็ไม่ควรเปิด ถ้าไม่มีฝนหรือหมอก
โดยเฉพาะไฟตัดหมอกหลัง ไม่รู้จะเปิดหา...หรือไงครับ
เห็นด้วย 100% ครับ ไฟตัดหมอก ไม่มีหมอกก็ไม่ควรเปิด
ไฟตัดหมอกหลังเช่นกัน ถ้าไม่อยากโดนด่าบุพการีอันเป็นที่รัก
หรือไม่อยากโดนแช่งให้ตายวันตายคืน อย่าเปิดพร่ำเพรื่อเถอะครับ
ผมด่าบุพการีพวกนี้ประจำ
อีกพวกก็เอาโคมไฟตัดหมอก มาเปิดแทนไฟหน้า อ้าย_ห้ คิดได้ไง แยงตาโคตร
-
ลองมาภาคเหนือตอนหน้าหนาวแล้วลองเปิดไฟตัดหมอกแล้วลองเดินดูที่หน้ารถดู หรือเอางี้ดีกว่าไม่ต้องขึ้นมาภาคเหนือ แต่รอหน้าฝนครับแล้วตอนฝนตกหนักหรือหลังฝนตกแล้วลองขับรถตามถนนดู ละอองน้ำที่มันฟุ้งตามถนนมันจะตีล้อขึ้นมา ลองเปิดไฟตัดหมอก ส่วนคุณก็นั่งรถอีกคันขับสวนกันดูครับ
อันนี้คือวัตถุประสงค์การใช้งานจริงของไฟตัดหมอกครับ เป็นอานัติสัญญานให้คนคันอื่นเห็นรถเราได้มากขึ้น มากกว่าที่เราเปิดแล้วสว่างตัดหมดตัดฝนครับ วัตถุประสงค์ของมันตัดหมอกตัดฝนให้รถคันอื่นเห็นเราได้ชัดขึ้นอย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้น
ไฟตัดหมอกที่ดี ตามมาตรฐาน ECE ตามที่พี่ข้างบนว่า ถ้าได้มาตรฐานตามนี้จะไม่แยงตาครับ
ปล. ควรใช้แค่สองสี่คือขาว (ในที่นี้คือขาวอย่างหลอดฮาโลเจน) และเหลือง (ไม่ถึงกับเหลืออำพันแบบไฟเลี้ยว) สองสี้นี้เป็นอันใช้ได้ครับ
-
ใช้ได้จริง แต่ที่เวิร์คสีขาวนวล ไล่อุณหภูมิแสงลงไปจนถึงเหลืองๆ ครับ (เหมือนจะเคยเห็นผลทดสอบหรือบทความเรื่องนี้ด้วย)
แต่ก็ยังมีบางคนบอกว่าแสงขาวแบบ LED ใช้ได้ไม่แตกต่างกัน อันนี้ก็ไม่ทราบแน่ชัด หรือผมตาไม่ดีก็ไม่รู้
-
เท่าที่สังเกตด้วยตัวเองนะครับ
พวกตัดหมอก LED ติดรถสมัยใหม่ ไม่ค่อยแยงตาครับ เหมือนจะปรับกดลงพื้นจากโรงงานมาเลย แต่ในแง่การใช้งานก็ไม่น่าจะเวิร์คเท่าไหร่ (สังเกตจาก Mazda, Camry ใหม่)
แต่ถ้าเป็นหลอด halogen ปกติ จะค่อนข้างแยงตา เพราะแสงไม่ได้กดลงพื้นครับ อันนี้ขับ ตจว. ช่วยได้เยอะครับ มันสะท้อนพวกป้ายข้างทางได้ดีเลย (สังเกตจาก HRV, Jazz GE)
ซึ่งไฟตัดหมอก มันจำเป็นจะต้องให้แสงส่องทะลุหมอกไปได้ไกลๆ นั่นหมายความว่ามันจะต้อง"แยงตา"เป็นเรื่องปกติครับ
-
อันนี้จริงครับ แบบ LED นี้ไม่ได้แยงตาเลยต่อให้จะเปิดตลอดเวลา(ซึ่งก็ไม่ควร) แต่ที่ไม่ไหวเลยคือไอ้ตัดหมอกหลัง คือไม่เค้าใจว่าบางคันไม่ไม่รู้จริงๆเหรอว่ามันเปิดแค่ด้านหน้าได้ หรือรู้แต่ไม่แคร์
เท่าที่สังเกตด้วยตัวเองนะครับ
พวกตัดหมอก LED ติดรถสมัยใหม่ ไม่ค่อยแยงตาครับ เหมือนจะปรับกดลงพื้นจากโรงงานมาเลย แต่ในแง่การใช้งานก็ไม่น่าจะเวิร์คเท่าไหร่ (สังเกตจาก Mazda, Camry ใหม่)
แต่ถ้าเป็นหลอด halogen ปกติ จะค่อนข้างแยงตา เพราะแสงไม่ได้กดลงพื้นครับ อันนี้ขับ ตจว. ช่วยได้เยอะครับ มันสะท้อนพวกป้ายข้างทางได้ดีเลย (สังเกตจาก HRV, Jazz GE)
ซึ่งไฟตัดหมอก มันจำเป็นจะต้องให้แสงส่องทะลุหมอกไปได้ไกลๆ นั่นหมายความว่ามันจะต้อง"แยงตา"เป็นเรื่องปกติครับ
-
จริงๆ แล้ว ไฟตัดหมอกไม่ได้ช่วยให้เราเห็นทางได้มากขึ้น
แต่ไฟตัดหมอกจะช่วยให้คนอื่นสังเกตเห็นรถเราได้ชัดขึ้น ง่ายขึ้น
ส่วนไฟที่ช่วยให้เราเห็นทางได้มากขึ้น จะเป็นพวกไฟ sport light
ที่พวกรถแข่ง night rally ใช้ติดรถกันครับ
-
ผมว่าควรจะตัดออกไปเลยครับ ไม่ควรมีมาตั้งแต่โรงงาน
บ้านเราเปิดกันเป็นว่าเล่น ฝนก็ไม่ได้ตก หมอกก็ไม่มี แสบตาเพื่อนร่วมทางมาก
-
ผมว่าควรจะตัดออกไปเลยครับ ไม่ควรมีมาตั้งแต่โรงงาน
บ้านเราเปิดกันเป็นว่าเล่น ฝนก็ไม่ได้ตก หมอกก็ไม่มี แสบตาเพื่อนร่วมทางมาก
ตัดหมอกจำเป็นต้องใช้ครับ ถ้าวิ่งถนนดำ ไม่มีไฟข้างทางมืดๆยังไงก็จำเป็นต้องใช้ครับ เพราะมองไม่เห็นถนน นอกจากการใช้ตอนหมอกลง แต่ไฟเดย์ไลท์ ตอนกลางวันแสบตามากครับ ยิ่งตอนกลางวันแสบตาจนน้ำตาไหลไปเลย มันไม่น่ามีในประเทศไทยด้วยซ้ำ
-
ผมว่าควรจะตัดออกไปเลยครับ ไม่ควรมีมาตั้งแต่โรงงาน
บ้านเราเปิดกันเป็นว่าเล่น ฝนก็ไม่ได้ตก หมอกก็ไม่มี แสบตาเพื่อนร่วมทางมาก
สำหรับคนบนดอยแบบผม จำเป็นต้องใช้ครับ โดยเฉพาะแสงที่ต่ำกว่า 3000K ในกระบะยกสูงวิ่งบนดอยที่หมอกลงจัด ช่วยได้เยอะครับ
-
ผมว่าควรจะตัดออกไปเลยครับ ไม่ควรมีมาตั้งแต่โรงงาน
บ้านเราเปิดกันเป็นว่าเล่น ฝนก็ไม่ได้ตก หมอกก็ไม่มี แสบตาเพื่อนร่วมทางมาก
เพราะคุณไม่ได้ใช้งาน จึงไม่เห็นคุณค่าของมันไงครับ
ลองย้ายมาอยู่ปักษ์ใต้ที่ฝนตกชุกๆ หรือย้ายมาอยู่บนเขาบนดอยสิครับ ได้ใช้แน่นอน และจะเห็นคุณค่าของมันครับ