Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: deertesla ที่ มีนาคม 31, 2021, 19:30:19

หัวข้อ: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ มีนาคม 31, 2021, 19:30:19
เวลาแดดเปรี้ยงๆ แค่แสงแดดอย่างเดียวก็แสบตาจนน้ำตาไหลไปแล้วนะครับ ยิงคันไหนมีไฟเดย์ไทม์รันนิ่ง หรือบ้านๆ ก็เดยไลท์ ทั่้งจากโรงงานและไปติดเอาเอง นี่แสบตาจนลืมตาไม่ขึ้นไปเลย  ผมมองว่าไอ้ไฟชนิดนี้มันไม่เหมาะกับเมืองแดดแรงแบบประเทศไทยเท่าไหร่ เหมือนพวกกันชนโครเมี่ยมหรือสีโครเมี่ยมที่สะท้อนแสงเข้าตาคนขับรถตามหลังหรือขับสวนนะครับ
(https://i.imgur.com/xN6JCGv.jpg)
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: LapisLazuli ที่ มีนาคม 31, 2021, 19:42:16
ผมว่ามันแสบตาเฉพาะตอนเช้ามืด กับตอนหัวคว่ำ ที่หลายๆคนเริ่มจะเปิดไฟหรี่ กันเเล้ว (เเต่บางคนไม่ยอมเปิดไฟหรี่ เปิด drl แทงตาคนอื่น)

ถ้าตอนสายๆ, บ่ายๆ, เย็นๆ ก้อกำลังดีครับ ไม่แสบตา เห็นรถชัดเจน

เเต่ผมว่า ถ้าตอนเที่ยงเลย , drl มองไม่ค่อยเห็นเลยนะ แสงแดดล้วนๆ ที่แทงตา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ มีนาคม 31, 2021, 19:46:05
ผมว่ามันแสบตาเฉพาะตอนเช้ามืด กับตอนหัวคว่ำ ที่หลายๆคนเริ่มจะเปิดไฟหรี่ กันเเล้ว (เเต่บางคนไม่ยอมเปิดไฟหรี่ เปิด drl แทงตาคนอื่น)

ถ้าตอนสายๆ, บ่ายๆ, เย็นๆ ก้อกำลังดีครับ ไม่แสบตา เห็นรถชัดเจน

เเต่ผมว่า ถ้าตอนเที่ยงเลย , drl มองไม่ค่อยเห็นเลยนะ แสงแดดล้วนๆ ที่แทงตา
สลับกันครับ ตอนแดดร่มนี่มองเห็นสบายตามากครับ แต่ตอนเที่ยง - บ่าย3 บ่าย 4โมง คืออะไรที่โหดร้ายต่อดวงตามากครับ แสบตาไปหมด ฟิล์มกระจกหน้ารถผมทุกคันในบ้าน ความเข้มประมาณ 40% ครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lexus ที่ มีนาคม 31, 2021, 20:34:19
ไม่ครับ กลางวันแสงแดดจ้าจนแสงเดย์ไลท์ซอฟลงไปเลย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ มีนาคม 31, 2021, 20:54:14
ถ้าเป็นหลอด LED เม็ดๆ ไปติดเพิ่มกันเองที่กันชนแสงจะเข้มกว่าอาจจะมีกวนสายตาบ้าง แต่ถ้าเป็น DRL ติดตั้งจากโรงงานมีการหรี่แสง/ดับลงตามไฟหน้าเจอแสงกวนตาน้อยมาก รถเก๋งอาจจะเจอแสง DRL ของรถที่สูงกว่าในบางสภาพ เช่น ในที่ร่มหรือทางลอดซึ่งไฟหน้าอัตโนมัติไม่ทำงาน แสง DRL จะเข้มไม่หรี่ลง

อ้อ... ถ้าเป็นรถยุโรป แสงจาก DRL มองเอียงในบางมุมจะยิงเข้าตา เหมือนกระตุ้นให้คนขับคนอื่นสังเกตว่ามีรถกำลังผ่านมา แต่ถ้าวิ่งตามกันหรือวิ่งสวนกันปกติก็ไม่ได้ส่องเข้าตา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: basterias ที่ มีนาคม 31, 2021, 20:55:32
ผมว่าแสงไฟ drl มันไม่ได้สว่างแบบนั้นนะครับ

คุณหาหมอตาแบบเช็คละเอียดครั้งล่าสุดเมื่อไรครับ (ที่ไม่ใช่แค่วัดสายตาสั้นยาวนะ) แนะนำให้ลองไปตรวจดูนะครับ ไม่ได้จะว่าอะไรครับแค่เป็นห่วง คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปหาหมอตากันเพราะไม่ได้รู้สึกว่าต้องไป แต่ถ้าพอมีอายุผมว่าควรไปตรวจนะครับ โดยเฉพาะกรณีของ จขกท
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: apinui ที่ มีนาคม 31, 2021, 21:01:59
ที่แสบตาแรงๆ สำหรับผมก็คง CX30 กับ CX5 อะครับ ไอ้เม็ดเล็กๆนี่ มันแยงตาดีเหลือเกิน ผมขี่มอไซด์จะข้ามถนน เจอ 2 รุ่นนี้เข้าไปคิดว่าแกเปิดไฟสุงมา ...

แต่ข้อดีคือ ไอ้แสงแรงๆเนี่ย มันก็ทำให้มองเห็นรถได้ดีขึ้นนะ

โดยรวมผมว่า แสงจ้าๆเนี่ย มันทำให้คนที่จะตัดหน้า หรือข้ามถนนแบบกระชั้นชิดจะไม่กล้าวิ่งนะ ... อารมเหมือนจะข้ามถนน แล้วมีคนเปิดไฟสูงใส่อะไรประมาณนี้แหละ

แต่ถ้ารถที่มีไฟอ่อนๆ เช่นตระกูลฮอนด้า นี่ผมก็มองเห็นแต่จังหวะกระชั้นชิดบางจังหวะจะกล้าออก เพราะมันดูไม่ค่อยน่ากลัว

 
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: choomodify ที่ มีนาคม 31, 2021, 21:04:19
เค้าออกแบบมาให้เห็นตำแหน่งรถได้ชัดเจนในเวลากลางวันตามชื่อของมันเลยครับ หน้าที่ของมันมีแค่นั้นครับ เราไม่ต้องไปจ้องมันครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Newhang ที่ มีนาคม 31, 2021, 21:09:31
ยิ่งแดดแรง เรายิ่งเห็นมันอ่อนลงครับ แต่ถ้าค่ำแล้วแต่ไม่ยอมเปิดไฟหน้า พวกนี้จะแยงตาครับ

เอาจริงๆมันก็คือรถเปิดไฟสูงนั่นแหละ เค้าตั้งใจให้คนอื่นมองเห็น ถูกแล้วที่ต้องแยงตา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Magl ที่ มีนาคม 31, 2021, 21:11:27
เอาแดดจ้าจริงๆนะ มองสวนกัน พวกมาสด้ารุ่นใหม่ๆ มองเป็นจุด แยงตา แต่ไม่ถึงขั้นแสบ ตระกูลhonda เจอแดดไปไม่เป็นเลย ไม่แสบ พวกเม็ดๆรุ่นเก่า สว่างดีกว่า นาวาร่า รุ่นก่อนmc ชัดมาก พวกแพงๆ วอลโว่ ออดี้ อันชัดเจน ไม่แสบตา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: off_033 ที่ มีนาคม 31, 2021, 21:20:00
ถ้าขนาดน้ำตาไหล. ลองปรึกษาหมอดูครับ

กลางวันปกตินะ. ถ้ากลางคืนแล้วไม่เปิดไฟหน้าให้ดรอปลงนี่แสบตาจริง
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TeslaX ที่ มีนาคม 31, 2021, 21:29:19
เกลียดไฟมาสด้ามาก เม็ดเดียวก็แสบตาได้
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DapKnihtHD ที่ มีนาคม 31, 2021, 22:09:31
นอกเรื่อง ไฟเดย์ไลท์ของ altis ตัวที่เป็นเส้นเรือง ๆ  สวยมาก คมกริบสู้แดด ผมว่าดีสุดในรถญี่ปุ่นเลย สวนทางกับ camry ที่เป็นเม็ดดูก๊องแก๊ง แถมไม่สู้แดดอีกตังหาก
พวกที่เป็นเส้นเรือง ๆ ผมว่ามันไม่แสบตานะ ต่อให้เป็นตอนแสงน้อยแล้วไม่เปิดไฟหรี่ก็เถอะ

แต่บางรุ่น บางคัน ที่เป็นเม็ด ๆ  ตอนสวนกันถ้าได้มุมได้จังหวะก็แยงตาใช้ได้เลย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Eakkypoo ที่ มีนาคม 31, 2021, 22:15:48
CX ครับ ตัวแสบเลย
อยากจะ เบิร์ด คนออกแบบไฟเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Gopz ที่ มีนาคม 31, 2021, 22:20:38
เฉยๆนอกจากเจอพวกมืดแล้วไม่ยอมเปิดไฟ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MyName ที่ มีนาคม 31, 2021, 22:22:33
สำหรับผม แดดยิ่งแรง ไฟยิ่งอ่อนครับ
คือด้วยหลักการของไฟมันก็น่าแสบตาอยู่
แต่ที่มันต้องทำแบบนี้ก็เพราะต้องการให้สู้แสงกลางวันได้นี่แหละครับ
และในตอนกลางวันมันสามารถเพิ่มการมองเห็นได้มากขึ้นกว่าไม่มีไฟจริงๆ ครับ

ถ้าอยู่กลางวันแล้วยังมีปัญหากับไฟ DRL นี่น่าจะต้องลองพบหมอตรวจตาดูก็ดีนะครับ

ปล. ไฟเม็ด Mazda นี่ไฟก็แรงเกินจริงๆ แถมไม่สวยด้วย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: BN` ที่ มีนาคม 31, 2021, 23:49:40
เป็นเฉพาะรถบางรุ่นครับ แต่ส่วนมากจะไม่แสบนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ToRToNGPaT ที่ เมษายน 01, 2021, 00:07:48
กลางวันกับ Daylight ผมเฉยๆนะครับ ไม่ค่อยมีปัญหาครับ

ถ้าจะมีปัญหา ก็พวกที่เปิด Daylight วิ่งตอนกลางคืนแทนไฟหน้านี่แหละ อันนี้ไม่โอเลยครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ เมษายน 01, 2021, 00:11:36
ผมว่าแสงไฟ drl มันไม่ได้สว่างแบบนั้นนะครับ

คุณหาหมอตาแบบเช็คละเอียดครั้งล่าสุดเมื่อไรครับ (ที่ไม่ใช่แค่วัดสายตาสั้นยาวนะ) แนะนำให้ลองไปตรวจดูนะครับ ไม่ได้จะว่าอะไรครับแค่เป็นห่วง คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยไปหาหมอตากันเพราะไม่ได้รู้สึกว่าต้องไป แต่ถ้าพอมีอายุผมว่าควรไปตรวจนะครับ โดยเฉพาะกรณีของ จขกท
ขอบคุณมากครับ  ผมไปเมื่อปีที่แล้วครับ พอดีผมตาแพ้แสง ถ้าเจอแสงจ้า อย่างแสงแดดหรือไฟยเดย์ไลท์ตอนกลางวันจะแสบตามากครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ เมษายน 01, 2021, 00:19:03
ที่แสบตาแรงๆ สำหรับผมก็คง CX30 กับ CX5 อะครับ ไอ้เม็ดเล็กๆนี่ มันแยงตาดีเหลือเกิน ผมขี่มอไซด์จะข้ามถนน เจอ 2 รุ่นนี้เข้าไปคิดว่าแกเปิดไฟสุงมา ...

แต่ข้อดีคือ ไอ้แสงแรงๆเนี่ย มันก็ทำให้มองเห็นรถได้ดีขึ้นนะ

โดยรวมผมว่า แสงจ้าๆเนี่ย มันทำให้คนที่จะตัดหน้า หรือข้ามถนนแบบกระชั้นชิดจะไม่กล้าวิ่งนะ ... อารมเหมือนจะข้ามถนน แล้วมีคนเปิดไฟสูงใส่อะไรประมาณนี้แหละ

แต่ถ้ารถที่มีไฟอ่อนๆ เช่นตระกูลฮอนด้า นี่ผมก็มองเห็นแต่จังหวะกระชั้นชิดบางจังหวะจะกล้าออก เพราะมันดูไม่ค่อยน่ากลัว
สำหรับตะกูล CX ไม่ค่อยมีปัญหานักครับ แต่ไฟเกล็ดปลาตอนกลางคืนของฮอนด้านี่ฟุ้งแสบตาน่ารำคาญมากครับ

CX ครับ ตัวแสบเลย
อยากจะ เบิร์ด คนออกแบบไฟเหลือเกิน
CX นี่พอไหวครับ แต่ฟอร์จูนเนอร์กับปาร์นี่น่าเอาจรวจต่อต้านอากาศยานไปยิงทิ้งเลยครับ

กลางวันกับ Daylight ผมเฉยๆนะครับ ไม่ค่อยมีปัญหาครับ

ถ้าจะมีปัญหา ก็พวกที่เปิด Daylight วิ่งตอนกลางคืนแทนไฟหน้านี่แหละ อันนี้ไม่โอเลยครับ
ผมก็ไม่เจ้าใจกับพวกนี้เหมือนกันกลัวเปลืองไฟไปถึงไหนกัน แถมไฟมันไม่ได้สว่างจนทดแทนไฟหน้าด้วยนะครับ

นอกเรื่อง ไฟเดย์ไลท์ของ altis ตัวที่เป็นเส้นเรือง ๆ  สวยมาก คมกริบสู้แดด ผมว่าดีสุดในรถญี่ปุ่นเลย สวนทางกับ camry ที่เป็นเม็ดดูก๊องแก๊ง แถมไม่สู้แดดอีกตังหาก
พวกที่เป็นเส้นเรือง ๆ ผมว่ามันไม่แสบตานะ ต่อให้เป็นตอนแสงน้อยแล้วไม่เปิดไฟหรี่ก็เถอะ

แต่บางรุ่น บางคัน ที่เป็นเม็ด ๆ  ตอนสวนกันถ้าได้มุมได้จังหวะก็แยงตาใช้ได้เลย
ผมมองว่าแสบตาเหมือนกันนะครับ  ยิ่งพวกขับรถสูงมานี่แสบตามาก

ถ้าขนาดน้ำตาไหล. ลองปรึกษาหมอดูครับ

กลางวันปกตินะ. ถ้ากลางคืนแล้วไม่เปิดไฟหน้าให้ดรอปลงนี่แสบตาจริง
เคยไปหาหมอแล้วครับ แพ้แสง+ไซนัสครับ

เค้าออกแบบมาให้เห็นตำแหน่งรถได้ชัดเจนในเวลากลางวันตามชื่อของมันเลยครับ หน้าที่ของมันมีแค่นั้นครับ เราไม่ต้องไปจ้องมันครับ
ไทม่ได้จ้องครับแต่มังส่องแสงมาแต่ไกลเลยนี่สิ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Firzen ที่ เมษายน 01, 2021, 06:38:42
ผมไม่ชอบบางรุ่นที่พอเปิดไฟเลี้ยวแล้ว Daylight ยังติดอยู่หรือไม่ดรอบแสงลงมากกว่าครับ เพราะบางทีมองแทบไม่เห็นไฟเลี้ยว เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเอาได้
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Turbocharger ที่ เมษายน 01, 2021, 07:01:58
ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วครับว่า Day light ถ้าไม่ Day แล้วเปิดมันก็แสบตาสิครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ เมษายน 01, 2021, 07:20:58
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dubee ที่ เมษายน 01, 2021, 08:01:26
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: max-ns ที่ เมษายน 01, 2021, 08:20:57
เกลียดไฟมาสด้ามาก เม็ดเดียวก็แสบตาได้
ลดต้นทุนอย่างชาญฉลาดผมมองว่ามันเป็นไฟหรี่มากกว่า
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Stp ที่ เมษายน 01, 2021, 08:56:45
ถ้ามอเตอร์ไซต์เปิดไฟหน้าแล้วช่วยการสังเกตได้ รถยนต์มีไฟ DRL ก็ควรจะให้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน แต่ปัญหาคือในรถยนต์ยี่ห้อไหนทำมาดีทำมาอย่างที่ควรจะเป็นก็ไม่มีการรบกวน แต่กับบางยี่ห้อที่มักง่ายประเภท "แค่ให้มีๆ ไปเท่านั้น" ก็จะส่งผลเสียกับคนใช้รถคนอื่น

รถญี่ปุ่นที่ขายในไทยเขาไม่ได้ออกแบบและกำหนดจากประเทศไทยทั้งหมด แต่ก่อนรถญี่ปุ่นที่ขายกันน่าจะเกือบทั้งโลกไม่มี DRL และก็ทำตามรถยุโรปมาเหมือนกันขายกันทั้งโลก

Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sit: ) ที่ เมษายน 01, 2021, 09:00:01
เท่าที่เห็น dlr   มา
ผมว่าแสงสะท้อนจากกันชนตุ๊กๆแสบตากว่า
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NoBiReacto ที่ เมษายน 01, 2021, 09:18:07
ในบรรดา DRL ของรถญี่ปุ่นที่ทำมาดีผมชอบ hr-v, Altis, Mu-x, Mazda 2(ก่อนmc) แล้วก็ Mazda 3 ครับ ลำแสงสวย ชัดเจนดี แต่ไม่แยงตานะผมว่า

ส่วน DRL แบบจุดเม็ดเดียวของ Mazda บางรุ่นผมเกลียดมาก อันนี้แสบตาสุดๆ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ เมษายน 01, 2021, 09:37:11
ถ้ามอเตอร์ไซต์เปิดไฟหน้าแล้วช่วยการสังเกตได้ รถยนต์มีไฟ DRL ก็ควรจะให้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน แต่ปัญหาคือในรถยนต์ยี่ห้อไหนทำมาดีทำมาอย่างที่ควรจะเป็นก็ไม่มีการรบกวน แต่กับบางยี่ห้อที่มักง่ายประเภท "แค่ให้มีๆ ไปเท่านั้น" ก็จะส่งผลเสียกับคนใช้รถคนอื่น

รถญี่ปุ่นที่ขายในไทยเขาไม่ได้ออกแบบและกำหนดจากประเทศไทยทั้งหมด แต่ก่อนรถญี่ปุ่นที่ขายกันน่าจะเกือบทั้งโลกไม่มี DRL และก็ทำตามรถยุโรปมาเหมือนกันขายกันทั้งโลก

Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ถ้าเป็น Global Model อันนั้นก็ช่วยไม่ได่ครับเพราะมันออกมาเพื่อขายทั่วโลก แต่พวก Eco car หรือ B-segment ที่เป็น Regional Model หซึ่งเกิดมาเพื่อขายกลุ่มประเทศโลกที่ 3 ซึ่งเป็นเมืองร้อนโดยเฉพาะหลายๆรุ่นนี่มันใส่มาเพื่ออะไรครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาใจตลาดแฟชั่น

ยืนยันอีกครั้งว่า DRL มันไม่จำเป็นในประเทศไทยเป็นแค่เครื่องประดับ หากมันจำเป็นจริงจะต้องถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายเหมือนไฟหน้าของรถจักรยานยนต์ในเวลากลางวันที่คุณยกตัวอย่างมา


หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nismo De Alpina ที่ เมษายน 01, 2021, 10:49:00
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย
เห็นด้วยครับ ลองคุณขับรถเข้าหาตะวันแบบย้อนแสงตรงๆ ในถนนสวนเลน คุณจะมองเห็นรถที่สวนมาค่อนข้างไม่ชัดเลยนะ เราจะเห็นมันจะเหมือนเป็นวัตถุดำๆตะคุ่มๆ ตรงนี้ DRL ช่วยให้สังเกตุรถได้เยอะมากๆ มันปลอดภัยครับ อีกตัวอย่างนึงคือขับผ่านเขาคดเคี้ยวที่มีต้นไม้สูงข้างทาง มันจะมืดทึบมองไกลแทบไม่เห็นว่ามีรถวิ่งสวนมาโดยเฉพาะรถสีดำนี่แทบไม่เห็นเลยนะครับ เพราะฉะนั้น DRL มีดีกว่าไม่มีครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: I'm Ti ที่ เมษายน 01, 2021, 10:55:45
ประโยช์ของไฟ DRL คือ ให้คนที่ขับสวนมองเห็นรถได้ไกลขึ้นครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ThisIsYuTh ที่ เมษายน 01, 2021, 10:57:21
ผมว่าเจ้าของกระทู้น่าจะมีปัญหาสายตานะครับ DRL นี่ไม่แสบตาเลยสักนิด
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NoName__??? ที่ เมษายน 01, 2021, 11:22:31
ไม่แสบตาเลย มีประโยชน์ตอนกลางวันแสงจ้าๆด้วยซ้ำ มันเด่นทำให้รถที่ขับแช่ๆ จะสังเกตเห็นและหลบทางให้
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PaPaMan ที่ เมษายน 01, 2021, 11:24:18
กลางวันไม่แสบตาครับ กลับทำให้สังเกตุรถจากกระจกหลังได้ง่ายขึ้น ทำนองเดียวกับรถมอไซค์ที่เปิดไฟหน้าไว้ตอนกลางวันจะสังเกตุเห็นได้ง่ายขึ้น


กลับกัน พวกที่ตกกลางคืนแล้วไม่ยอมเปิดไฟหน้ารถปล่อยให้ไฟ drl ยังคงติดสว่างอยู่ พวกนี้จะแยงตารถคันอื่นมากครับ เพราะแสงไฟ drl มันฟุ้ง (แถมไฟท้ายก็ไม่ติดอีก ก็เพราะไม่เปิดไฟหน้านั่นแหละ) ยี่ห้อที่เห็นบ่อยๆก็พวกฮอนด้า เข้าใจว่าอาจจะไม่มีระบบไฟหน้าออโต้ หรือมีแล้วเจ้าของรถไม่ยอมเปิดใช้ แล้วก็ขับรถแบบไม่สนใจคนรอบข้างอะไรงี้
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: newfaceman ที่ เมษายน 01, 2021, 11:26:19
ไม่แสบครับ ถ้าแสบตาแสดงว่าตามีปัญหา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: alpha14 ที่ เมษายน 01, 2021, 11:52:38
หงุดหงิดทุกครั้งเวลาเจอแสงแบบนี้ ออกตจว.เลนสวนนี่มากันเป็แถว  ฝากบอกไปยังค่ายรถต่างๆด้วยโดนเฉพาะฮอนด้านี่แสบกว่าตัวอื่น  >:(ลดความแรงลงบ้างกะได้นะ :-\ จะได้ลดต้นทุนการผลิตได้อีกหลายสตางค์ ผมนึกว่าผมรู้สึกไปคนเดียว :'(
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CHANOM ที่ เมษายน 01, 2021, 12:37:04
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Tae_Gunner ที่ เมษายน 01, 2021, 12:41:57
ประเด็นน่าสนใจนะ DRL ผมเห็นด้วยมันทำให้เห็นรถชัดขึ้นตอนกลางวัน แต่วผมอยากตั้งคำถามชวนคุยว่า
จริงๆแล้วมันต้องเป็น DRL รึเปล่า ถ้าเปิดไฟใหญ่เลยเนี่ยมันก็น่าจะเห็นชัดรึเปล่า เหมือนสมัยเก่ามันไม่มี DRL แล้วก็มีกฏให้มอเตอร์ไซด์ก็เปิดไฟใหญ่กัน
คิดว่ายังไงกันบ้างครับ ว่าไฟใหญ่ปกติมันเห็นรึเปล่าและผมว่าไม่แยงตาด้วย

ส่วน DRL แยงตาเนี่ยผมว่าเป็นรุ่นๆไป
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ruksadindan ที่ เมษายน 01, 2021, 12:55:07
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย
เห็นด้วยครับ ลองคุณขับรถเข้าหาตะวันแบบย้อนแสงตรงๆ ในถนนสวนเลน คุณจะมองเห็นรถที่สวนมาค่อนข้างไม่ชัดเลยนะ เราจะเห็นมันจะเหมือนเป็นวัตถุดำๆตะคุ่มๆ ตรงนี้ DRL ช่วยให้สังเกตุรถได้เยอะมากๆ มันปลอดภัยครับ อีกตัวอย่างนึงคือขับผ่านเขาคดเคี้ยวที่มีต้นไม้สูงข้างทาง มันจะมืดทึบมองไกลแทบไม่เห็นว่ามีรถวิ่งสวนมาโดยเฉพาะรถสีดำนี่แทบไม่เห็นเลยนะครับ เพราะฉะนั้น DRL มีดีกว่าไม่มีครับ

ยิ่งแดดแรง ยิ่งเหมาะ ต้องมี ครับ
ซึ่งการออกแบบของมันก็น่าจะมีเกณฑ์ มาตรฐานไว้อย่างเหมาะสมแล้วครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: madboy ที่ เมษายน 01, 2021, 13:04:00
ไม่เป็นอะไรครับ ไม่าแสบตาโดยเฉพาะกลางวัน แดดแรง

แต่ถ้ายามแสงน้อยแล้วไม่หรี่ DRL ก็แสบตาเป็นปกติครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: a@s ที่ เมษายน 01, 2021, 13:26:09
มี drl ผมว่าดีนะแค่เราอย่าไปเพ่งมัน แต่จะให้ดีบางยี้ห้อ เวลาเปิดไฟหรี่ หรือไฟหน้า ไฟ drl ควรจะดับไปเลย และเปิดไฟเลี้ยวควรจะดับด้วย
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: sm1 ที่ เมษายน 01, 2021, 14:00:09
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย

เห็นด้วยครับ DRL เหมาะกับเมืองไทยมาก ๆ เวลาผมขับรถบนถนนระหว่างจังหวัดที่เป็นถนนสองเลนสวนกัน เวลาเที่ยงหรือบ่ายแดดจัด ๆ ถ้ารถที่สวนมามีไฟ DRL จะสังเกตได้ง่ายกว่ารถทั่วไปมาก ทำให้มั่นใจเวลาจะแซงรถคันหน้า
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PaPaMan ที่ เมษายน 01, 2021, 14:04:22
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"


ลองทำอย่างนี้นะครับ ไฟ drl จะไม่ติด


พอจอดรถแล้วดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ว่างหรือ P ก็ได้ จากนั้นดับเครื่อง เสร็จแล้วสตาร์ทเครื่องใหม่เปิดแอร์แล้วนอนรอในรถได้เลย แต่อย่าปลดเบรคมือนะครับ
รถผมโตโยต้า ถ้าทำแบบนี้แล้วไฟ drl จะไม่ติดครับ แต่ถ้าปลดเบรคมือเมื่อไหร่ไฟ drl ก็จะติดครับ (แต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม ไฟหรี่มันก็ติดอยู่ดี เพราะปิดไม่ได้ มีแค่ออโต กับเปิดไฟเท่านั้น)


ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าฮอนด้าจะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าลองแล้วได้ผลยังไงก็บอกด้วยแล้วกันครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: choomodify ที่ เมษายน 01, 2021, 14:28:21
ประเด็นน่าสนใจนะ DRL ผมเห็นด้วยมันทำให้เห็นรถชัดขึ้นตอนกลางวัน แต่วผมอยากตั้งคำถามชวนคุยว่า
จริงๆแล้วมันต้องเป็น DRL รึเปล่า ถ้าเปิดไฟใหญ่เลยเนี่ยมันก็น่าจะเห็นชัดรึเปล่า เหมือนสมัยเก่ามันไม่มี DRL แล้วก็มีกฏให้มอเตอร์ไซด์ก็เปิดไฟใหญ่กัน
คิดว่ายังไงกันบ้างครับ ว่าไฟใหญ่ปกติมันเห็นรึเปล่าและผมว่าไม่แยงตาด้วย

ส่วน DRL แยงตาเนี่ยผมว่าเป็นรุ่นๆไป

ในเวลากลางวันถ้าวัดระยะที่เท่ากันไฟใหญ่จะมองตำแหน่งได้ไม่ชัดเจนเท่าไฟ DRL ครับ

**กรณีนี้ผมทดลองทำเทสกันเองกับเพื่อนนะครับ ไม่ผิดไม่ถูกครับ พี่ลองดูก็ได้ครับเผื่อผลทดสอบอาจแตกต่างกัน ขอบคุณครับ**
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Rollingstones ที่ เมษายน 01, 2021, 14:31:09
อาจจะมีแว้บๆครับ แต่ไม่ได้ขนาดนั้น ที่แสบตาของจริงคือ HUD ตะหาก ขอไฟก็มองไม่ชัด เพิ่มไฟก็แสบตา ตอนแรกอยากได้มากๆๆๆ พอได้มารู้สึกขวางหูขวางตา 555
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PKS8 ที่ เมษายน 01, 2021, 14:32:31
กลางวันไม่แสบตาเลยครับ ยิ่งดีด้วยครับ เห็นชัดๆเลย

แต่กลางคืน ถ้าไม่เปิดไฟต่ำ ไฟ DRL มันแสบตามากๆ ทุกคันเท่าที่เห็นเปิดไฟต่ำแล้วไฟ DRL จะดรอปลงอัตโนมัติครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ikky ที่ เมษายน 01, 2021, 15:34:19
กระทู้นี้ทำให้หายสงสัยเลยว่าทำไมบางค่ายถึงไม่มีปุ่มเปิด/ปิดไฟให้ มีแต่ auto
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CMaN20 ที่ เมษายน 01, 2021, 15:36:33
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!



ถ้ามอเตอร์ไซต์เปิดไฟหน้าแล้วช่วยการสังเกตได้ รถยนต์มีไฟ DRL ก็ควรจะให้ประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน แต่ปัญหาคือในรถยนต์ยี่ห้อไหนทำมาดีทำมาอย่างที่ควรจะเป็นก็ไม่มีการรบกวน แต่กับบางยี่ห้อที่มักง่ายประเภท "แค่ให้มีๆ ไปเท่านั้น" ก็จะส่งผลเสียกับคนใช้รถคนอื่น

รถญี่ปุ่นที่ขายในไทยเขาไม่ได้ออกแบบและกำหนดจากประเทศไทยทั้งหมด แต่ก่อนรถญี่ปุ่นที่ขายกันน่าจะเกือบทั้งโลกไม่มี DRL และก็ทำตามรถยุโรปมาเหมือนกันขายกันทั้งโลก

Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ถ้าเป็น Global Model อันนั้นก็ช่วยไม่ได่ครับเพราะมันออกมาเพื่อขายทั่วโลก แต่พวก Eco car หรือ B-segment ที่เป็น Regional Model หซึ่งเกิดมาเพื่อขายกลุ่มประเทศโลกที่ 3 ซึ่งเป็นเมืองร้อนโดยเฉพาะหลายๆรุ่นนี่มันใส่มาเพื่ออะไรครับ ถ้าไม่ใช่เพื่อเอาใจตลาดแฟชั่น

ยืนยันอีกครั้งว่า DRL มันไม่จำเป็นในประเทศไทยเป็นแค่เครื่องประดับ หากมันจำเป็นจริงจะต้องถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายเหมือนไฟหน้าของรถจักรยานยนต์ในเวลากลางวันที่คุณยกตัวอย่างมา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KKCP118 ที่ เมษายน 01, 2021, 16:25:52
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"

ลองทำอย่างนี้นะครับ ไฟ drl จะไม่ติด


พอจอดรถแล้วดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ว่างหรือ P ก็ได้ จากนั้นดับเครื่อง เสร็จแล้วสตาร์ทเครื่องใหม่เปิดแอร์แล้วนอนรอในรถได้เลย แต่อย่าปลดเบรคมือนะครับ
รถผมโตโยต้า ถ้าทำแบบนี้แล้วไฟ drl จะไม่ติดครับ แต่ถ้าปลดเบรคมือเมื่อไหร่ไฟ drl ก็จะติดครับ (แต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม ไฟหรี่มันก็ติดอยู่ดี เพราะปิดไม่ได้ มีแค่ออโต กับเปิดไฟเท่านั้น)


ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าฮอนด้าจะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าลองแล้วได้ผลยังไงก็บอกด้วยแล้วกันครับ

ของฮอนด้าไม่เป็นอย่างนั้นครับ ถ้า ignition อยู่ตำแหน่ง On ไฟ DRL จะติดทันที แม้จะไม่ติดเครื่องครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: axister ที่ เมษายน 01, 2021, 16:29:43
เราไม่ชอบไฟ DRL ที่เป็นเส้นยาวๆ ของ Honda เท่าไหร่เลยค่ะ
อย่างของ HRV ที่ใช้อยู่นี้ เรายังชอบของตัวก่อน MC ที่เป็นเม็ดเรียงกันหลายๆอันมากกว่า
อีกข้อที่รำคาญคือ เข้าเกียร์ P แล้วไฟก็ยังติดอยู่ บางทีก็อยากจะนั่งในรถเฉยๆ ไม่ให้ใครสนใจ

ตอนกลางคืนก็ดูสว่างเว่อร์กว่าของค่ายอื่นๆ ให้คนในบ้านเอารถไปใช้ทีไร ลืมเปิดไฟกันทุกทีเลยค่ะ ^^"

ลองทำอย่างนี้นะครับ ไฟ drl จะไม่ติด


พอจอดรถแล้วดึงเบรคมือ เข้าเกียร์ว่างหรือ P ก็ได้ จากนั้นดับเครื่อง เสร็จแล้วสตาร์ทเครื่องใหม่เปิดแอร์แล้วนอนรอในรถได้เลย แต่อย่าปลดเบรคมือนะครับ
รถผมโตโยต้า ถ้าทำแบบนี้แล้วไฟ drl จะไม่ติดครับ แต่ถ้าปลดเบรคมือเมื่อไหร่ไฟ drl ก็จะติดครับ (แต่ถ้าอยู่ในที่ร่ม ไฟหรี่มันก็ติดอยู่ดี เพราะปิดไม่ได้ มีแค่ออโต กับเปิดไฟเท่านั้น)


ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าฮอนด้าจะเป็นแบบนี้มั้ย ถ้าลองแล้วได้ผลยังไงก็บอกด้วยแล้วกันครับ

ของฮอนด้าไม่เป็นอย่างนั้นครับ ถ้า ignition อยู่ตำแหน่ง On ไฟ DRL จะติดทันที แม้จะไม่ติดเครื่องครับ

ของใช้ที่ดีไม่ควรต้องกดสูตรอะครับ ถ้าไม่มีปุ่มก็น่าจะมีเมนูให้กด

รถญี่ปุ่นชอบให้กดสูตรลับ แบบ lexus จะ ให้ indicator 3 ติ๊ก เวลายกไฟเลี้ยว นิต้องมีสูตรเฉพาะ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ เมษายน 01, 2021, 16:33:12
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับ DRL มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวันตลอดเวลา เพราะการใช้ไฟหรี่คนขับอาจลืมเปิดได้และการใช้ไฟน้ามันก็สิ้นเปลืองพลังงานเกินจำเป็นมากไป แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้ามองเห็นรถคันอื่นได้ชัดเจนเกือบตลอดทั้งปี Function ที่บอกว่า "ตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน" นั้นในประเทศไทยมันมีมานานแสนนานแล้วนั่นก็คือไฟหรี่หรือ Position Lamp หรือ Clearance Lamp

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: a@s ที่ เมษายน 01, 2021, 16:35:36
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Level Zero ที่ เมษายน 01, 2021, 16:51:27
ผมเฉยๆนะ ไม่ได้รู้สึกรบกวนอะไร
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sazabi ที่ เมษายน 01, 2021, 16:53:17
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้านับที่บัญญัติเป็นกฎหมายบังคับ DRL เริ่มเกิดขึนที่ Sweden แล้วต่อไปยัง Norway, Denmark, Finland, Iceland จากนั้นไป Canada ข้ามไปสหรัฐ (เฉพาะบางรัฐ) แล้วก็มาที่บางประเทศในยุโรป

แม้กระทั่งญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียก็ไม่ได้มีการบัญญัติบังคับไว้ในกฎหมายแต่อย่างใดเพราะมันไม่จำเป็นในประเทศของพวกเค้า มองดูรายชื่อประเทศที่บังคับใช้งานกับประเทศที่แดดแจ๋เกือบตลอดปีอย่างไทย คิดว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างครับ พื้นฐานการออกแบบของ DRL มันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรอย่างไร
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: a@s ที่ เมษายน 01, 2021, 16:55:24
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้านับที่บัญญัติเป็นกฎหมายบังคับ DRL เริ่มเกิดขึนที่ Sweden แล้วต่อไปยัง Norway, Denmark, Finland, Iceland จากนั้นไป Canada ข้ามไปสหรัฐ (เฉพาะบางรัฐ) แล้วก็มาที่บางประเทศในยุโรป

แม้กระทั่งญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียก็ไม่ได้มีการบัญญัติบังคับไว้ในกฎหมายแต่อย่างใดเพราะมันไม่จำเป็นในประเทศของพวกเค้า มองดูรายชื่อประเทศที่บังคับใช้งานกับประเทศที่แดดแจ๋เกือบตลอดปีอย่างไทย คิดว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างครับ พื้นฐานการออกแบบของ DRL มันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรอย่างไร

ไม่เอากฎหมายบังคับใชครับ เอาการใช้งาน ว่าประเทศที่อากาศเหมือนไทย เขาห้ามไหมว่ารถต้องไม่มี drl
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: PKS8 ที่ เมษายน 01, 2021, 16:58:18
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย

ผมก็เห็นด้วย ยิ่งแดดแรงจ้าๆ ยิ่งจำเป็นมองเห็นรถชัดเจน ควรจะใส่มาทุกรุ่น ทุกยี่ห้อได้แล้ว

ผลการสำรวจก็ออกมาทุกประเทศ DRL ลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และมีประโยชน์มาก
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Left lane driver ที่ เมษายน 01, 2021, 17:21:52
พวก LED ที่เป็นเส้นๆผมว่าไม่แสบตานะ หลายๆรุ่นทำมาดีแล้ว แต่พวก LED ที่เป็นเม็ดๆอันนั้นก็รู้สึกแยงตาบ้าง

แต่ปกติตอนขับรถผมก็มองรถคันหน้าเป็นหลัก ไม่ได้มองรถที่วิ่งสวนเป็นหลัก มันก็จะเห็นแต่ไฟท้ายคันหน้ามากกว่า เพราะงั้นก็เลยไม่มีปัญหากับไฟ DRL
มีไว้ยังไงก็ย่อมดีกว่า ต่อให้เป็นตอนกลางวันแดดจ้าๆ แต่มันก็ต้องมีช่วงขับลอดใต้สะพาน ลอดอุโมงค์ ลอดใต้ทางด่วน ซึ่งพวกนี้ถ้ามี DRL มันสังเกตเห็นรถจากกระจกมองหลังได้ง่ายกว่ามาก ยังไงก็ปลอดภัยกว่าไม่มีถ้า
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mochalatte ที่ เมษายน 01, 2021, 17:35:54
DRL มีประโยชน์มากฯในลานจอดรถครับ ทำให้รถคันอื่นเห็นเราก่อนที่เค้าจะออกจากซอง และที่
ที่ปิดไม่ค่อยได้กันนั่นคือนโยบายของโลกเราทุกประเทศในปัจจุบัน
เพราะไม่งั้นรถที่ใช้ระบบไฟฟ้าเช่น EV หรือ Hybrids คงอยู่ในรถได้สบายใจไม่ต้องดับเครื่องในลานจอดรถในห้างหรือคอนโด ถ้าติดเครื่องไว้คงมีคนมาเปิดไฟรอจอดตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Mos37257 ที่ เมษายน 01, 2021, 17:48:19
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับอ่านที่ผมพิมพ์ครบหรือยัง มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวัน แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้าเกือบตลอดทั้งปี

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

สอบถาม แล้วประเทศที่อากาศร้อน อย่างไทย เค้ามีไฟ drl ไหมครับ

เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้านับที่บัญญัติเป็นกฎหมายบังคับ DRL เริ่มเกิดขึนที่ Sweden แล้วต่อไปยัง Norway, Denmark, Finland, Iceland จากนั้นไป Canada ข้ามไปสหรัฐ (เฉพาะบางรัฐ) แล้วก็มาที่บางประเทศในยุโรป

แม้กระทั่งญี่ปุ่นหรือออสเตรเลียก็ไม่ได้มีการบัญญัติบังคับไว้ในกฎหมายแต่อย่างใดเพราะมันไม่จำเป็นในประเทศของพวกเค้า มองดูรายชื่อประเทศที่บังคับใช้งานกับประเทศที่แดดแจ๋เกือบตลอดปีอย่างไทย คิดว่ามีอะไรเหมือนกันบ้างครับ พื้นฐานการออกแบบของ DRL มันสร้างขึ้นมาเพื่ออะไรอย่างไร

เเต่ญี่ปุ่นถึงรถที่ไม่มี daylight เขาก็เปิดไฟหน้าตอนกลางวันนะครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Fly to dream ที่ เมษายน 01, 2021, 19:22:09
น่าจะมีปัญหาสายตารับแสงสีน้ำเงินมีปัญหา  เพราะแสง LED ยังไงก็ไม่เข้มไปกว่าแสงดวงอาทิตย์ในตอนกลางวัน
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bravo ที่ เมษายน 01, 2021, 20:17:48
ผมว่ามันแสบตาเฉพาะตอนเช้ามืด กับตอนหัวคว่ำ ที่หลายๆคนเริ่มจะเปิดไฟหรี่ กันเเล้ว (เเต่บางคนไม่ยอมเปิดไฟหรี่ เปิด drl แทงตาคนอื่น)

ถ้าตอนสายๆ, บ่ายๆ, เย็นๆ ก้อกำลังดีครับ ไม่แสบตา เห็นรถชัดเจน

เเต่ผมว่า ถ้าตอนเที่ยงเลย , drl มองไม่ค่อยเห็นเลยนะ แสงแดดล้วนๆ ที่แทงตา

เห็นด้วยครับ
และบางคน ที่จอดติดเครื่อง ในตอนกลางคืน แต่ไม่เปิดไฟหรี่ เดย์ไลท์นี่แสบตามากคครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dubee ที่ เมษายน 01, 2021, 21:50:44
ตรรกะคุณนี้แปลกๆนะ Day Time Running Light ชื่อก็บอกอยู่แล้วคือไฟตอนกลางวัน และความตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน เช่นช่วงที่แสงมันแยงตา!! และไอ้ที่ว่าถ้าจำเป็นจริงๆต้องอยู่ในกฎหมาย อันนี้ผมเชื่อว่าในอนาคตมันต้องมีแน่นอน!


แปลกตรงไหนครับ DRL มันเป็นไฟวิ่งกลางวันเพื่อใช้ในประเทศที่มีสภาพอากาศเลวร้าย มีแสงสว่างน้อย จึงต้องการไฟในการช่วยบอกตำแหน่งหน้ารถในเวลากลางวันตลอดเวลา เพราะการใช้ไฟหรี่คนขับอาจลืมเปิดได้และการใช้ไฟน้ามันก็สิ้นเปลืองพลังงานเกินจำเป็นมากไป แต่ไม่ใช่สำหรับประเทศไทยที่แสงแดดเจิดจ้ามองเห็นรถคันอื่นได้ชัดเจนเกือบตลอดทั้งปี Function ที่บอกว่า "ตั้งใจก็เพื่อให้ผู้ขับขี่คันอื่นๆมองเห็นรถในเวลากลางวันที่ไฟหน้าหลักยังไม่ทำงาน" นั้นในประเทศไทยมันมีมานานแสนนานแล้วนั่นก็คือไฟหรี่หรือ Position Lamp หรือ Clearance Lamp

รอไปเถอะครับ กฏหมายที่เมื่อไหร่จะบัญญัติเพราะสำหรับประเทศไทยมันคือเครื่องประดับที่ไม่จำเป็น เหมือน Fog Lamp ที่มีมากี่สิบปีแล้วครับทุกวันนี้บัญญัติเป็นกฎหมายหรือยัง ด้วยเหตุผลเดียวกันนั่นแหละคือมันไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

หากมีความพยายามจะบัญญัติกฎหมายฝ่ายที่จะออกมาค้านก็คือพวกบริษัทรถยนต์นั่นแหละ เพราะเปิดช่องไว้อย่างนี้คือจะไม่มีก็ได้หรือถ้ามีก็นำไปเป็นจุดขายได้ แต่ถ้ากฎหมายบัญญัติเมื่อไหร่มันคือการบังคับเพิ่มต้นทุนขึ้นทันทีเพราะต่อจากนั้นไปรถยนต์ที่ขายในประเทศไทยจะต้องมี DRL อยู่ในโคมไฟหน้าหรือแยกโคมออกมา แถมเมื่อกฎหมายบังคับให้ทุกคันมีก็ไม่สามารถนำมาเป็นจุดขายได้อีกต่อไปเพราะมันมีเหมือนๆกันหมด

สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงด้วยการให้ข้อมูลเป็นตัวเลขและมาตรฐานทางวิศวกรรมจากบริษัทรถและ Supplier ถึงพวกระดับสูงในกระทรวงคมนาคม (ที่ส่วนใหญ่มาจากสายโยธาไม่ใช่ยานยนต์) เมื่อเจอข้อมูลจากฝั่งค่ายรถโน้มน้าวเข้าไปก็ต้องเดินตามค่ายรถอยู่ดี

คือไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนใช่ไหมครับว่า ไฟเดย์ไลท์ มีบัญญัติไว้ในกฏหมายไทยไว้ตั้งแต่ปี 2555 แล้วครับ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/139/48.PDF
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Boatcommando ที่ เมษายน 01, 2021, 23:06:30
เวลาขับรถไม่แสบครับ เวลาเดินเคยแสบรอบหนึ่ง แต่มันเป็นจัวหวะที่รถขึ้นทางลาดแล้วไฟมันเข้าตาพอดี

ที่แสบจริงนี่ฟอร์จูนเน่อร์ครับ ไม่รู้คนออกแบบกะให้เอาไปส่องหาเอเลี่ยนบนดวงจันทร์หรือไง ฟอร์จูนเน่อร์อย่างเดียวก็แย่แล้ว หลังๆมีปาเจโร่มาท้าชิงอีก
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: deertesla ที่ เมษายน 02, 2021, 02:54:13
เวลาขับรถไม่แสบครับ เวลาเดินเคยแสบรอบหนึ่ง แต่มันเป็นจัวหวะที่รถขึ้นทางลาดแล้วไฟมันเข้าตาพอดี

ที่แสบจริงนี่ฟอร์จูนเน่อร์ครับ ไม่รู้คนออกแบบกะให้เอาไปส่องหาเอเลี่ยนบนดวงจันทร์หรือไง ฟอร์จูนเน่อร์อย่างเดียวก็แย่แล้ว หลังๆมีปาเจโร่มาท้าชิงอีก
2รุ่นนี้น่าเอาระเบิดไปวางที่บ้านมากครับ
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: hutchubang ที่ เมษายน 02, 2021, 11:01:28
DRL รถสวนมา ไม่ค่อยเท่าไร ของ mazda เม็ดเดียวมันสว่างจนบางทีแอบเข้าใจผิดนึกว่าแสงสะท้อนโครเมี่ยม
จะแสบตามากกว่าถ้าขับตามคันข้างหน้า แล้วมุมกระจกหลังคันข้างหน้าสะท้อนกับแสงอาทิตย์พอดี
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: no7749 ที่ เมษายน 02, 2021, 11:03:59
แสบตาไม่แสบตา ขึ้นอยู่ปัจจัยสองอย่างครับ

อยากแรก ค่าความสว่างของแส่ง ที่นับเป็น "lumen" และ ม่านตา "ความกว้างของม่านตารับแสง" ก็อารมณ์ค่ากล้องพวก F1.8 หรือ F11

อย่างแรกอยากที่เรารู้กันว่า ถ้าเราจะถ่ายรูปหรือออกไปด้านนอกแดดจัดๆ ค่า Lumen ไปที่ 50,000 ขึ้นไปเลยนะครับ ตาเราเลยปรับม่านตารับแสงเราให้เล็กลง ตีเป็น F11

สมมุติว่า ข้างนอกตอนเทียงส่วน 50,000 ฉะนั้น ค่าไฟ DRL ก็ควรจะมีมากกว่าเพื่อจะเด่นชัดออกมาเวลาขับกลางแดดจะได้เห็นหรือสังเกตุได้ง่าย

แล้วที่ร่มล่ะ ใน office ก็ประมาณแค่ 200-500 Lux ก็ทำงานได้ล่ะ ค่าสายตาเราลงปรับไปที่ F2.8, 3.5 หรืออะไรก็ว่าไปเพื่อที่จะรับแสงได้ดีมากขึ้น ถ้าสมมุติเอาไฟ DRL ที่ 50,000 มาเปิดในสถานที่ 200 ล่ะ... ก็จะสว่างจ้ามาก แล้วม่านตาเราปรับไม่ทันรับแสงเข้าไป จึงเกิดอาการแสบตาครับ

ฉะนั้น คนมีปัญหาเรื่องแสบตาบ่อยๆ อาจจะต้องไปตรวจตา หรือ ม่านตาด้วยนะครับ

ปล. ระหว่างผมเลือกว่า มี DRL หรือไม่  สำหรับผม มีเห็นรถได้ง่ายกว่าเวลาขับรถ หรือแม้กระทั่งที่จอดรถเองก็ด้วยการมี DRL นั้นบอกว่ารถคันนั้นพร้อมเคลื่อนไหวแล้ว คนรอบข้างก็ต้องระวัง ถึงแม้ไฟแม้งจะแสบตาโครต แต่ส่วนตัวผมชั่งน้ำหนักว่า มีดีกว่า เพราะว่าในด้านความปลอดภัยสำคัญกว่าแสบตาผม
หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Winnie_The_Poom ที่ เมษายน 02, 2021, 12:37:20
ถ้าแบบมาตราฐาน ผมว่ามันเห็นชัดดี แต่ถ้าแบบพวกติดเอง ใช้ของไม่มีคุณภาพ มันจะจ้ากว่าเดิม แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันรบกวนสายตาอะไรมากมาย ขนาดกระจกรถผมติดแบบเน้นความสว่างมากๆ ผมไม่ค่อยชอบติดแบบทึบ ไม่ได้รู้สึกรบกวนสายตา แต่มองว่าเป็นข้อดี ทำให้มองเห็นง่าย เพราะรถสมัยนี้ขับเร็วมากๆ เจอบ่อยมาก พวกที่จู่ๆโผล่มา แซงด้วยความเร็ว ตกใจหลายครั้ง เพราะไม่มีอะไรให้เห็นเลยว่าระขับมาเร็วถึงไหนแล้ว แต่พอมีไฟให้เห็น ทำให้หลบได้ หรือกะระยะรถที่จะมาถึงได้ แต่พวกที่จ้ามากๆก็เคยกะผิดเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่ารถไกลมากแค่ไหน
เอาจริงๆพวกไฟหน้ารถโตโย หลายรุ่นเลย แสงจ้ามาก ไม่ค่อยชอบ พวกคนขับก็ชอบจี้ ชอบดัน ไม่รู้อะไรหนักหนา

หัวข้อ: Re: มีใครแสบตาจากไฟเดย์ไทม์รันนิ่งกันบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: burst ที่ เมษายน 04, 2021, 10:24:35
Daytime Running Light หรือ DRL มันไม่ควรมีในประเทศไทยเลยด้วยซ้ำ มันบังคับใช้อยู่ในประเทศที่สภาพอากาศแล้วร้าย กลาางวันสั้นในหน้าหนาวอย่างกลุ่ม Scandinavia, Iceland, Canada รวมไปถึงบาวรัฐในสหรัฐอเมริกา ในประเทศไทยไฟชนิดนี้ไม่จำเป็นเลยซักนิด

ที่มันบ้าจี้มาติดกันเป็นบ้าเป็นหลังก็เพราะมีรถยุโรปนำเข้ามีไฟนี้ติดมาด้วย พอคนอื่นเห็นเลยอยากเลียนแบบบ้างสุดท้ายกลายเป็นแฟชั่นอยากมี DRL เหมือนคนมีรถยุโรปไปจนค่ายรถในไทยต้องใส่เข้ามาเพิ่มมูลค่าด้วย

ขออนุญาตเห็นแย้งครับ ผมว่าโคตรจำเป็นเลยไฟเดย์ไลท์เนี่ย คุณลองไปขับรถแบบสวนเลนต่างจังหวัด ไฟเดย์ไลท์มีประโยชน์มากเลยครับเห็นรถที่สวนมามาแต่ไกลเลย

จริงครับ แต่ก่อนไม่ทันคิดว่ามันดี แต่มันช่วยให้เห็นรถได้ดีมากเลยนะครับ
ปกติรถน่ะเห็นไกลๆ เราไม่รู้ว่า จอดอยู่ หันหลัง หรือหันหน้า
DRL นี่ช่วยได้เยอะจริงๆ
แล้วก DRL แท้ๆนี่ไม่แยงตาเลยนะครับ ตอนกลางคืนก็ dim ลงเองด้วย (ไฟหน้าออโต้)